บทที่15 รู้ใจ
[/b]
Kawhom Say
ผมใช้เวลาสุดสัปดาห์อยู่ที่บ้านพี่หมอครับ ผมไม่ได้โง่ผมพอจะรู้ว่าพี่เขาคิดอะไร จากสิ่งที่พี่เค้าทำ ดูแลเป็นห่วงผมสารพัดรวมทั้งเรื่องคืนนั้นที่ผมเกือบเสร็จเขาไปแล้วแต่นั่นอาจเป็นอารมณ์ชั่ววูบ ผมแค่ไม่เข้าใจและไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก ผมรู้จักพี่ริคมานานถึงเขาจะใจดีแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะชอบผม ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป บางทีเขาอาจทำไปเพราะไม่อยากให้ผมกลัวที่เขาเป็นแวร์วูฟ อยากให้ผมรู้สึกสนิทใจกับเขาเหมือนเดิม คิดได้แบบนั้นแล้วลมหายใจมันสะดุด
ผมเลือกที่จะกลับมาอยู่ที่หอถึงแม้พี่ริคจะคะยั้นคะยอให้ผมอยู่ต่อจนหายก็ตาม มันอยู่ไม่ได้ ทุกอย่างที่เขาทำให้ผมมันทำให้ผมหวั่นไหว จนเริ่มกลัวใจตัวเอง กลัวจะคิดไปเองคนเดียว อีกอย่างพี่เขาก็เป็นผู้ชาย ถึงโยกับพี่รอทจะเข้ากันได้ก็ใช่ว่าเรื่องของผมมันจะเป็นแบบนั้น ผมคิดฟุ้งซ่านมา 3-4 วันแล้วยิ่งพี่เขาคอยโทรมาถามทุกวันยิ่งตอกย้ำให้ผมนึกถึงแต่เขาเฮ้อ!
“เหม่อเชี่ยไร” หัวผมแทบทิ่มเพราะโดนไอ้โยตบก่อนมันจะนั่งลงข้างๆ ผม มันคงเรียกหลายรอบแล้วล่ะ
“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”...ผมว่าพลางจุดบุหรี่ขึ้นสูบอย่างที่ผมชอบทำเวลาเครียดๆ
“เรื่อง?...”
“เรื่องที่บ้านนะ...อาม่าแกสุขภาพค่อยไม่ดี” ผมตอแหลไปงั้น ไม่อยากตอบคำถามเรื่องพี่เขาตอนนี้
“ก็แกแก่แล้ว เตรียมใจไว้บ้างก็ดี” ไอ้โยว่าพลางตบไหล่ผมเบาๆ “ขอมวนดิ!?” ผมหยิบบุหรี่ในกระเป๋าเสื้อให้มัน ก่อนมันจะนั่งสูบเป็นเพื่อนผมเงียบๆ แค่นี้ก็สบายใจแล้ว
“ผัวไม่มาเฝ้าหรอวันนี้” เดี๋ยวนี้พักเที่ยงหรือคาบว่างๆ พี่รอทมาหาเพื่อนผมตลอด นั่งเฝ้ามันจนคนในคณะเริ่มสงสัย เห็นว่าโยมันกลับไปอยู่บ้านแม่เลยเจอกันแค่ที่มหาลัย ไม่รู้เพื่อนผมไปทำเสน่ห์อะไรให้ติดซะขนาดนี้
“ไม่รู้แม่ง” คนข้างๆ ยักไหล่หน้าเซ็ง “เห็นช่วงนี้บอกเริ่มคดีใหม่มั้ง”
นั่งเพลินๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น พี่ฟ่างโทรมา เหอๆ ปกติเจ๊แกสนใจผมที่ไหนละ ธรรมดาพี่สาวกับน้องชายแหละครับกัดกันบ้างไม่ถูกกันเป็นธรรมดาแต่เราไม่เคยทิ้งกันในยามคับขันหรอกนะ
/ว่าไงป้า/
/ป้าหน้าแกสิไอ้ข้าวเน่า/ พี่ข้าวฟ่างด่าสวนทันที
/พี่ก็ข้าวนะ ข้าวฟ่างเน่า...หึๆ/ ผมหัวเราะกวนตีน
/เดี๋ยวจะโดน/
/มีไรป้า ว่ามาอย่าลีลา...คิดถึงสุดหล่อคนนี้ก็บอก/ ผมยังไม่เลิกครับ สนุกเวลาเห็นเจ๊แกดิ้น
/วันนี้อาม่ามีนัดทำกายภาพบำบัด พาไปด้วย/
/อ่าว...แล้วป้าไม่ว่างหรอ/ ผมถามแบบงงๆ ปกติเจ๊แกเป็นคนพาไปครับ
/ไม่ว่างย่ะ...ต้องปิดยอดช่วงนี้...พาไปด้วยละกัน 6 โมงเย็น...ถ้าแกไม่เลิกเรียกฉันว่าป้าละก็...ขอให้ไม่มีผู้หญิงเอา/ ทำไมผมไม่เจ็บกับคำแช่งเจ๊แกเลยวะ...หึๆ...ผมจะโดนผู้ชายเอาแทนแล้วเนี่ย
ผมดูนาฬิกาในโทรศัพท์สี่โมงเย็นแล้วรีบไปดีกว่า ต้องไปเอารถยนต์กว่าอาม่าแกจะอาบน้ำแต่งตัว บอกลาไอ้โยเพื่อนรักก่อนจะแว้นกลับบ้าน...ไปโรงพยาบาลก็ต้องไปเจอคนที่ทำให้ผมประสาทกินนะสิ...พี่หมอมันเป็นหมอเจ้าของไข้อาม่าผมแถมอาทิตย์นี้มันเข้าเวรกลางคืนด้วย
ผมมาที่โรงพยาบาลพาอาม่ามานั่งรอซักพักก็ถูกเรียก เข้ามาในห้องตรวจพี่หมอยิ้มให้เราทั้งคู่ ผมไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ยว่าพี่เขามองตาผมแปลกๆ ทำไมผมต้องตื่นเต้นด้วยเนี่ย พี่หมอนั่งคุยนั่งตรวจ สอบถามเรื่องอาการต่างๆ จากอาม่าผมด้วยหน้าตายิ้มแย้มใจดีตามไสตล์ที่คนเป็นหมอพึงมี ก่อนจะมีพยาบาลมาพาอาม่าไปทำกายภาพบำบัด
“ไม่ต้องตามไปหรอกนั่งรอในห้องนี้ก็ได้” พี่ริคบอกพร้อมดึงแขนผมไว้เมื่อผมทำท่าจะตามไป ทีนี้เหลือกันอยู่ในห้องสองต่อสองเลยครับ
“แล้วพี่ไม่ตรวจคิวต่อไปหรอ” ผมถามแบบงงๆ
“ยังไม่ถึงเวลาเข้าเวร อาม่าเรานัดไว้ พี่เลยเข้ามาก่อนเวลา” ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “ทำไมใส่ขายาวละ มันไม่ขูดแผลหรอ”
“ไม่อยากให้คนที่บ้านเห็น ขี้เกียจตอบคำถาม”
“งั้นขอพี่ดูหน่อย” พี่หมอดึงผมไปนั่งบนเตียงคนไข้ก่อนจะดันขาข้างที่เจ็บขึ้นชันเข่าส่วนอีกข้างห้อยลงมา แล้วเลิกขากางเกงขึ้นเบาๆ
“โอ๊ะ!” ผมถึงกับสะดุ้งเมื่อพี่เค้าเอามือแตะเบาๆ เจ็บแผลก็ส่วนหนึ่งแต่ความรู้สึกอื่นนี่มันอะไร
“ล้างแผลทุกวันหรือเปล่า” พี่เขาถามผมหน้าเครียด “แล้วยาที่ให้ไปกินหรือเปล่า”
“ก็ล้างทุกวันนะ แต่ยาบางทีก็ลืมแหละ” ผมยิ้มแห้งๆ ให้เมื่อเขามองผมแบบดุๆ
“ถึงว่าแผลยังอักแสบอยู่ ดีนะปิดสนิทแล้ว ไหมก็ละลายจะหมดแล้ว” พี่ริคว่าพลางดึงขากางเกงลง แต่สิ่งที่ต่อไปนี่สิ ทำเอาผมใจเต้นโครมครามเลยครับ เมื่อร่างใหญ่เท้าแขนลงขอบเตียงก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วทำจมูกฟุดฟิดอยู่แถวคอผม รู้สึกร้อนไปทั้งหน้าเลยทีนี้ “ยังสูบบุหรี่อยู่หรอ”
“อืม” ผมตอบพลางหลบสายตาคมๆ นั่นถึงบอกไงว่าผมทนอยู่บ้านพี่ริคไม่ได้หรอก
“มันไม่ดี” พี่หมอว่าก่อนจะเงยหน้ามาอยู่ในระดับเดียวกันจนจมูกเราแทบจะชนกัน “เดี๋ยวปากสวยๆ นั่นมันจะคล้ำเอานะ” ผมเหมือนถูกตรึงอยู่ตรงนั้นเมื่อในตาสีน้ำตาลจ้องมาที่ริมฝีปากผมอย่างมีอะไร หน้าหนวดๆ นั่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนปากแทบชนกัน ผมเผลอหลับตากลั้นหายใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
“คุณหมอค่ะ!” พี่หมอผละออกทันทีเมื่อพยาบาลสาวนางหนึ่งเปิดประตูเข้ามา...ทำไมไม่เคาะวะ “นี่เป็นรายละเอียดผลเมมโมแกรมคนไข้เมื่อวานค่ะ”
หมอหยิบแฟ้มเอกสารนั่นมาเปิดดูโดยมีพี่สาวคนสวยนั่นตามมายืนข้างๆพร้อมชี้ถามรายละเอียดในส่วนต่างๆ บนแฟ้มจนดูเหมือนจะซบไหล่พี่เค้าเต็มที...หึ...ทำไมผมถึงรู้สึกไม่พอใจว่า เมื่อเห็นว่าพยาบาลคนนั้นแอบยิ้มอย่างเขินๆ ยิ่งทำให้รู้สึกเดือดในใจ เดาว่าเธอคงชอบคุณหมอของเธออยู่เป็นแน่ เห็นพี่เขายิ้มอบอุ่นพร้อมกล่าวขอบคุณเธอ...รอยยิ้มนั่น!เหมือนที่ให้ผม...พี่หมอมีให้กับทุกคน...ผมก็แค่คิดไปเองสินะว่าผมพิเศษ มันรู้สึกเจ็บขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก
หากไม่นับเรื่องที่เป็นแวร์วูฟแล้วมองชายตรงหน้าแบบคนธรรมดา หมอริคคงเป็นคนที่เพียบพร้อม หน้าหนวดๆผมยาวๆนั่นไม่อาจปกปิดรูปหนาที่แสนจะดูดีนั่นได้กลับดูเท่ไปอีกแบบ เมื่อบวกกับบุคลิกที่ดูอบอุ่นเป็นกันเองนั่น พร้อมทั้งหน้าที่การงานคงมีสาวมากมายที่สนใจในตัวคนๆ นี้ แล้วผมล่ะ...ผมจะเอาอะไรไปสู้ เรื่องใหญ่อีกอย่างคือผมเป็นผู้ชาย ที่พี่หมอคงคิดว่าเหมือนน้องชายที่เห็นมาตั้งแต่เด็ก...ผมได้แต่ก้มหน้ารับความจริงตรงจุดนี้และเชื่อว่ามันจะดีขึ้นในไม่ช้า
......................................
แต่เปล่าเลย...ผมไปส่งอาม่าที่บ้านก่อนจะกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่หอแล้วกดโทรศัพท์หาไอ้โยเพื่อนรัก มันฟุ้งซ่านจนนอนไม่หลับ หาแอลกอฮอลกระแทกปากคงทำให้จิดใจสงบขึ้น
/โย กูอยากแดกเหล้า/ ผมบอกมันอย่างเหนื่อยๆ...เหนื่อยใจตัวเอง
/เชี่ยเตี้ย...กูอยู่กับแม่/ มันด่า /ไม่ไปเรียนหรือไงพรุ่งนี้/
/ไป แต่กูอยากแดก เซ็งๆ/
/กูไม่ไป/
/งั้นกูไปคนเดียวก็ได้/ ผมบอกแต่ยังไม่ทันได้วาง
/เดี๋ยว...ถือสายรอแปป/ เหมือนได้ยินปลายสายคุยอะไรกับแม่มัน /รออยู่นั่นเดี๋ยวกูไปรับ...อีกครึ่งชัวโมง/
ผมลงมารอหน้าหออีกครึ่งชั่วโมงตามที่มันบอก ไอ้โยก็มาพร้อม cbr1000 คู่ใจมัน เหอะ...เพื่อนผมแม่งหน้าตาดีชิบหาย แค่เสื้อเชิทสีเทากับกางเกงยีนแม่งก็หล่อสะบัดแล้ว มันพาผมมาผับใกล้ๆมหาลัย คนไม่แน่นมากเพราะยังเป็นคืนวันพฤหัสอยู่ มันเปิดโต๊ะที่มุมชั้นสอง รู้ใจจังว่าผมอยากได้มุมส่วนตัวนั่งสงบสติอารมณ์ ผมทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาโดยมีไอ้โยนั่งตรงข้ามกัน ไม่นานถังน้ำน้ำแข็ง เหล้าและมิกเซอร์ก็มาเสิร์ฟตรงหน้าพร้อมกับแกล้มอีก 2-3 อย่าง ผมลงมือชงเหล้าให้ทั้งตัวเองและมันอย่างไม่รีรอ
“ไม่สบายใจเรื่องอะไร...” มันถาม ตาสีเทาจ้องผมนิ่งๆ ผมไม่เคยเดาอารมณ์มันถูกเลยครับไอ้นี่ แต่เหมือนมันจะมองผมออกตลอดไม่ว่าเรื่องอะไร “จะเล่าให้กูฟังมั้ย”
ผมพยักหน้ารับปิดมันไปก็ไม่ได้อะไร มันฟังผมได้ทุกเรื่องไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ บางทีมันก็มีคำแนะนำดีๆ บางทีมันก็แค่ฟังเงียบๆ ดีซะอีกได้ระบาย
“กูคิดว่า...กูชอบพี่หมอวะ” ผมบอกพลางถอนหายใจหนักๆ ก่อนกระดกหมดแก้ว
“ทำไมกูไม่แปลกใจวะ...”
“ก็นะ...” ผมก้มมองของเหลวสีอำพันในมือเพราะถูกชงจนเข้ม “แต่กูแปลกใจตัวเองมากกว่าวะ...กูรู้จักพี่เขามานานไม่เคยคิดเลยว่าจะหลงชอบมัน...แค่รู้สึกว่ามันก็เป็นพี่ชายผู้แสนดีคนหนึ่ง...จนเรื่องพวกเชี่ยนั่นเกิดขึ้น...ตอนแรกกูกลัวมันมาก มันก็พยายามดีกับกูสารพัด ดูแลเอาใจใส่กูซะจนกูเริ่มหวั่นไหวกับมัน จากที่คุยกันเฮฮา กลับอยู่ใกล้มันแล้วทำอะไรไม่ถูก...เดาว่ากูคงชอบมันไปแล้ว” ผมเล่าไปพลางจิบเหล้าไปจนหมดแล้วเติมอีกแก้ว รู้สึกเหมือนเป็นสาวน้อยที่กำลังจนหนทางในรัก ฮ่าๆ
“มึงก็บอกมันไปสิ...” ไอ้โยที่เหมือนจะมองอะไรซักอย่างที่ชั้นล่างบอกผมแต่สายตามันก็ยังมองอยู่แบบนั้น...สงสัยเจอสาวเด็ดๆ
“จะบอกยังไงวะ กูเป็นผู้ชาย” ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้ตัวเอง
“กูกับรอทก็เป็นผู้ชาย!” มันว่าพลางจ้องหน้าผมจริงจัง “พี่หมอมันก็ดูจะชอบมึงนิ...กลัวอะไร”
“มันไม่ได้ชอบกู...” ผมส่ายหัวช้าๆ “มันดีกับกูมากแต่มันก็ดีแบบนั้นกับทุกคนนั่นแหละ” คิดแล้วก็เฮิท
“แล้วมึงจะเอายังไง”
“ก็...” ผมพิงพนักแบบเหนื่อยพลางเหม่อมองฝ้าเพดาน “ปล่อยไว้คงจะดีขึ้นเอง”
“ตามใจมึง” รู้สึกได้ถึงมืออุ่นที่ลูบหัวผมเบาๆ ผมหลับตาซึมซับมัน รู้สึกโล่งใจขึ้นเยอะที่ได้เล่าออกไป ขอบคุณที่มันยอมฟังแม่เทศนาเพื่ออกมาเป็นเพื่อนผม
ผมดื่มจัดมากแต่ไอ้โยมันก็ไม่ได้ห้ามอะไรเพียงแค่นั่งชงเหล้าให้ผมเงียบๆ จนเวลาล่วงเลยถึงตีสองร้านจะปิดเลยต้องลากสังขารกลับ ตอนแรกมันจะไปส่งแต่มันต้องกลับบ้านซึ่งอยู่ไกลไม่อยากให้มันเสียเวลา ผมเลยเรียกแท็กซี่กลับเองครับ ...เมามาก รู้ตัวเลย หวังว่าพรุ่งนี้คงตื่นไปเรียนไหวนะ
.............................................
ผมต้องเป็นบ้าแน่ๆ เพราะตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าโรงพยาบาลแล้ว เหอะๆ ผมบอกลุงแท็กซี่มาส่งเองแหละ...เท้าทั้งสองก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่มันคง ผมกำลังตรงไปห้องพี่หมอโดยไม่สนสายตาทุกคู่ที่มองตามผมอย่างสงสัย...ไม่เคยเห็นคนเมาหรือไง!...ผมมาหยุดอยู่หน้าห้องทำงานมันก่อนจะเอื้อมมือไปเลื่อนประตูตรงหน้า...รู้สึกว่ามันหนักกว่าปกติ
“ข้าว!...” พี่หมอละมือจากเอกสารตรงหน้ามองผมอย่างแปลกใจ “มาไงเนี่ย...แล้วทำไมสภาพเป็นแบบนี้” ว่าแล้วพี่แกกูลุกขึ้นมายืนตรงหน้า พลางสำรวจผมด้วยสายตาเป็นห่วง...หึ!
“ขอร้องล่ะอย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น”
“พูดอะไรน่ะ เราเมาใช่มั้ย” พี่หมอทำท่าจะยกมือมาจับแก้มผมแต่โดนปัดออก
“อย่า...ทำเหมือนเป็นห่วงผมสิ...อย่าดีกับผม...ถ้าพี่ไม่ได้คิดอะไรกับผม...มันทำให้ผม...ผม...” ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าจากม่านน้ำตา
“ข้าว?...ข้าวเป็นอะไร” ร่างสูงทำท่าจะเดินเข้ามาแต่ผมถอยห่าง
“มันทำให้ผม...ชอบพี่” บ้าเอ้ย พูดออกไปจนได้ ผมเห็นอีกฝ่ายมองผมแบบอึ้งๆ แต่ไม่มีคำพูดใดๆ ..พี่เขาคงไม่ได้ชอบผมจริงๆ นั่นแหละ แต่พูดไปแล้วคงย้อนกลับไม่ได้แล้วสินะ ต่อจากนี้คงมองหน้ากันไม่ติดแล้วล่ะ ท่ามกลางสถานการณ์ชวนอึดอัด ผมพยายามอย่างมากที่จะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
“หมอ...หมอ...” บุรุษพยาบาลคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนรน “มีเคสฉุกเฉิน...มีคนรถคว่ำโดนเหล็กแหลมแทงสาหัสเลยครับ”
พี่หมอหันมามองผมสลับกับบุรุษพยาบาลคนนั้นก่อนจะหยุดสายตามาที่ผมอย่างครุ่นคิด
“รออยู่นี่นะ เสร็จธุระเดี๋ยวพี่กลับมาเคลีย” พี่ริคบอกผมเสียงเข้มเหมือนสั่ง ก่อนจะรีบร้อนออกไป น้ำตาผมร่วงทันทีที่ประตูปิดลง ทำไมการชอบใครซักคนมันทรมานขนาดนี้วะ...รออะไรละ...ผมอยากออกไปจากที่นี่ ออกจากความรู้สึกอึดอัดนี้เต็มทน
Talk Talk
[/b]
-เป็นพาสที่เด็กน้อยงอแงมโนหนักมาก อยากจะเคลียคู่รองให้มันจบๆ ถ้าเป็นเราไม่นั่งเดาหรอกค่ะ หาได้แบบพี่หมอลูกสองลูกสามไปนานแล้ว
-เรามองว่าความรักความรู้สึกบางทีมันอาจไม่ราบรื่น แต่นั่นมันคือรสชาติ
-ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาติดตาม และให้กำลังเด้อ