Miracle of LOVE ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งรัก
-35-
เกือบสิบชั่วโมงสำหรับการเดินทางจากเมืองหลวงมาสู่โรงพยาบาลในอำเภอเล็กๆ ในจังหวัดสกลนคร หลงทางกันหลายรอบกว่าจะได้มาจอดรถลงหน้าโรงพยาบาลตอนเที่ยงตรงพอดิบพอดี ผมรีบเข้าไปรายงานตัวกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลก่อนจะกลับเข้าบ้านพักที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้เพื่อเตรียมตัวทำงานในฐานะนายแพทย์แบบเต็มตัวในวันรุ่งขึ้น
บ้านพักข้าราชการก็เหมือนกันแทบจะทุกที่ เป็นบ้านไม้เก่าๆ สองชั้นตามอายุของหน่วยงาน แต่อาจจะแตกต่างกันตรงที่เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านพักของโรงพยาบาลแห่งนี้แทบจะไม่มีอะไรเลย โซฟาหรือทีวีเก่าๆ สักเครื่องก็ไม่ปรากฏให้เห็น จะมีแค่พัดลมติดเพดานรุ่นดั้งเดิมคาดว่าอายุการใช้งานน่าจะมากกว่ายี่สิบปี แต่ก็ยังถือว่าดีมากตรงที่ท่าน ผอ. ได้ส่งคนมาทำความสะอาดและซ่อมแซมบ้านหลังนี้ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แม้บ้านจะเก่าแต่ก็สะอาดสะอ้านพร้อมอยู่อาศัย และบ้านพักหลังนี้ทางโรงพยาบาลยกให้ผมอยู่คนเดียวไม่ต้องแชร์กับแพทย์คนอื่นเพราะบ้านพักมีเยอะกว่าจำนวนแพทย์
เราทั้งคู่ช่วยกันขนของที่คุณแม่ยายและคุณป้าพิมพ์จัดเตรียมมาจนแน่นทั้งกระโปรงหลังและเบาะหลัง อันประกอบด้วย ไมโครเวฟ เตาและกระทะไฟฟ้า อุปกรณ์ทำครัวครบครัน ตลอดจนผ้าห่ม ผ้านวม หมอนและมุ้ง และอาหารแห้งอีกสารพัด นี่ยังไม่นับรวมของใช้จำเป็นจิปาถะและกล่องอาหารที่เตรียมมาให้สำหรับมือเที่ยงของวันนี้อีกนะครับ ซึ่งตอนแรกผมกับพบรักคิดเหมือนกันว่าจะขนมาทำไมเยอะแยะแต่ก็ไม่คิดจะปฏิเสธน้ำใจ จนมาถึงตอนนี้รู้แล้วครับว่าสิ่งที่พวกท่านทำทั้งหมดนั้นมีประโยชน์มากมายจริงๆ
“หิวมั๊ย?” ผมวางกระเป๋าเสื้อผ้าลงรวมกับข้าวของมากมาย ก่อนจะเอ่ยถามเด็กหนุ่มหัวเกรียนที่ยืนอุ้มสิ่งมีชีวิตตัวเท่ากำปั้นหันซ้ายแลขวาสำรวจรอบบ้านพัก
ออกเดินทางกันตั้งแต่ตีสาม ขับรถมาไกลเป็นสิบชั่วโมงแบบแทบไม่ได้พักเพื่อมารายงานตัวให้ทันเวลา มื้อเช้าก็มีเพียงแค่กาแฟกับแซนวิสหนึ่งชิ้น ตอนนี้ก็บ่ายโมงแล้วทั้งผมและพบรักยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ลำพังแค่ผมคนเดียวไม่เท่าไหร่จะห่วงก็แค่พบรักต่างหาก
“หิวดิ” หันมาตอบผมตาแป๋วแล้วฉีกยิ้มโชว์แก้มบุ๋มน่ารัก
“พี่เปรมขับรถมาเหนื่อยๆ ไปล้างหน้าก่อนดีกว่า เดี๋ยวไอไปขนของกินมาจัดการอุ่นให้เอง” พูดจบก็เอาก้อนกลมๆ ในอ้อมแขนวางไว้ในกระกร้าผ้าแล้วถือหิ้วพาเดินเข้าไปในครัวด้วยกัน จัดแจงต่อไมโครเวฟและเอาอาหารกล่องที่คุณแม่และคุณป้าพิมพ์เตรียมไว้ให้ออกมาอุ่น
ผมเดินไปเปิดประตูใต้บันได ซึ่งทันทีที่เปิดบานประตูกลิ่นฉุนของน้ำยาล้างห้องน้ำก็ลอยแตะจมูก โถชักโครกและพื้นห้องน้ำถูกขัดจนเงาวับ แต่ขนาดห้องน้ำมันเล็กและแคบเกินไป ผมจึงหันไปยกกระเป๋าเสื้อผ้าทั้งของตัวเองและพบรักเดินขึ้นชั้นสองซึ่งมีห้องนอนอยู่สองห้อง ผมเลือกห้องฝั่งซ้ายเพราะเป็นห้องที่หันทางเดียวกับหน้าบ้าน ภายในห้องมีเพียงแค่ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเก้าอี้ทำงานที่สภาพดีกว่าที่คิดวางอยู่ริมหน้าต่าง ผมเดินตรงไปยังห้องน้ำเปิดดูก็ได้กลิ่นเดียวกับห้องน้ำชั้นล่างแต่ขนาดห้องใหญ่กว่าพอสมควร ผมจึงหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้างแล้วจึงลงกลับไปชั้นล่าง
“เดี๋ยวกูจัดการต่อเอง” ผมเอาผ้าขนหนูพาดบ่าให้คนที่กำลังเอากับข้าวเข้าอุ่นในไมโครเวฟ
ดวงตาคู่เรียวมองหน้าผมครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแล้ววิ่งขึ้นชั้นบนไปโดยในมือก็ถือตะกร้าผ้าที่บรรจุไอ้หน้าอมตีนไปด้วย ผมเห็นแล้วก็ได้แต่อมยิ้มกับแม่ลูกฉบับรีเทิร์นที่ท่าทางรอบนี้คงจะติดหนึบกันยิ่งกว่าเก่าเสียอีกครับ
หมูทงคัตสึและมากิซูชิที่ห่อฟอยล์ใส่กล่องมาอย่างดีตอนนี้ถูกอุ่นจนร้อนส่งกลิ่นหอมน่าทาน ที่ขาดไม่ได้คือซุปผมจัดการเทแบ่งใส่ถ้วยเล็กที่เตรียมมาแล้วยกไปวางบนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ยที่ผมซื้อไว้ใช้งานตอนเอ็กเทอร์นและเอาติดมาด้วย ตอนนี้อาหารของผมและพบรักพร้อมแล้วครับ เหลือแต่อาหารของลูกชายแม่ไอจัง ผมเดินไปเปิดถุงร้านสะดวกซื้อเทนมกล่องใส่ขวดนมสำหรับเด็กทารกเขย่าสามสี่ครั้งแล้วเอามาวางบนโต๊ะเดียวกัน
“พบรัก” ตะโกนเรียกคนที่ขึ้นไปล้างหน้าจะครบครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะลงมาสักที
เงียบ.. ด้วยความเป็นห่วงจึงเดินขึ้นไปดู ทันทีที่ผลักบานประตูห้องนอนเข้าไปก็พบว่ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเปลือยท่อนบนมีผ้าขนหนูพันรอบเอวแค่ผืนเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี เอากับเค้าสิครับบอกให้ขึ้นมาล้างหน้าล้างตาแล้วรีบลงไปกินข้าวก่อนแต่นี่เล่นอาบน้ำเลย
“ไอเหนียวตัวอะ”
“อืม” ผมพยักหน้ารับแล้วยืนกอดอกพิงกรอบประตูดูเด็กหนุ่มร่างบางสลัดผ้าเช็ดตัวทิ้ง แล้วหันมาขยิบตาให้ก่อนจะยกเรียวขาขึ้นบรรจงใส่บ๊อกเซอร์ ตามด้วยกางเกงผ้ายืดขาสั้นเอวผูกและเสื้อกล้ามแบบบาง นี่ถ้าไม่ติดว่าร่างกายยังอ่อนเพลียจากการเดินทางผมคงได้กินอาหารหวานมื้อใหญ่ก่อนแน่นอน
เดินตามร่างบอบบางที่อวลไปด้วยกลิ่นหอมของสบู่ลงชั้นล่างพร้อมกับแอบสำรวจสรีระทางกายภาพไปด้วย พบรักนั่งลงฝั่งตรงข้ามพร้อมกับจับอุ้มลูกรักมาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะหยิบขวดนมที่ผมวางไว้ป้อนร่างเล็กๆ นั่นเหมือนป้อนนมเด็ก มันเป็นภาพที่น่าเอ็นดูดีครับถ้าไม่ติดว่าสายตาของผมถูกเม็ดเล็กๆ สีเชอร์รี่ที่โผล่วับๆ แวมๆ พ้นเสื้อกล้ามตัวย้วยนั่นขโมยซีนไปซะก่อน จนผมต้องหลบสายตามาคีบมากิซูชิและหมูทงคัตสึกินไปหลายคำสลับกับป้อนให้คุณแม่ลูกอ่อนไปด้วย บ้านพักหลังนี้ไม่มีทีวีบรรยากาศจึงค่อนข้างเงียบได้ยินชัดสุดก็คงจะเป็นเสียง 'ม๊วพๆ' พยายามดูดนมของไอ้ตัวน้อย
“พี่เปรมตั้งชื่อใหม่ให้น้องเปี๊ยกหน่อยดิ” กินไปได้หลายคำพบรักก็เอ่ยขึ้น
ผมมองหน้าคนถามสลับกับเด็กดีอมตีนที่แม้กำลังตั้งอกตั้งใจบริโภคนมจากขวดแต่ก็ยังมีการเหลือบลูกกะตากลมๆ มาทางผมเล็กน้อยอย่างกับว่าฟังภาษาคนออก
“ไอ้มู่ทู่”
“น้องเปี๊ยกไม่ชอบอะ”
“ไอ้ย่น”
“น้องเปี๊ยกไม่เอาชื่อนี้”
“ไอ้ยับ”
“ไม่เอาๆ น้องเปี๊ยกไม่ชอบ”
บอกชื่ออะไรไปก็โดนแม่ไอจังปฏิเสธหมด ผมชักจะไม่แน่ใจครับว่าหมาไม่ชอบหรือคนไม่ชอบกันแน่ แต่ก็ต้องยอมล่ะครับเพราะรู้ดีว่าถ้าหากเถียงเรื่องอื่นผมอาจชนะแต่ถ้าเถียงเรื่องลูกชายสุดที่รักผมแพ้ชัวร์ ผมจึงมองลักษณะทางกายภาพของสัตว์โลกปัญญาอ่อนตรงหน้าอีกครั้ง หน้ายับมู่ทู่ ตัวอ้วนสั้นตันเท่ากำปั้น ขนอ่อนๆ ที่ปกคลุมผิวหนังย่นยู่เป็นสีด่างๆ ทั้งนี้เพราะยังเด็กมากจึงยังไม่เด่นชัดว่าสีไหนเด่นกว่ากัน
“ไอ้ด่าง” ชื่อนี้แหละครับน่าจะเหมาะสุด
พบรักนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มมองไอ้ตัวเล็กในอ้อมแขน ผมคิดว่าพบรักคงจะตกลงเอาชื่อนี้แต่ที่ไหนได้จู่ๆ ใบหน้าน่ารักนั้นก็เงยขึ้นมองผมด้วยหน้าตาตกใจเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้
“นั่นมันชื่อจระเข้นี่นาพี่เปรม ให้น้องเปี๊ยกชื่อน่ากลัวแบบนั้นได้ยังไง ไอไม่เอาด้วยนะ” เสียงสูงแหวขึ้นมาจนผมแทบสำลักหมูทงคัตสึเลยทีเดียวครับ
“หืม??” มองคนน่ารักนั่งอมลมจนแก้มป่องแบบงงๆ
ผมอึ้งไปหลายวินาที กว่าจะเข้าใจและระลึกชาติไปถึงไอ้ด่างเกยชัยกับไอ้ด่างบางมุดจระเข้ยักษ์กินคนแห่งดินแดนสยามในสมัยรัชกาลที่ห้า แล้วหมูหมากาไก่ที่ชื่อไอ้ด่างทั่วพระนครนั่นมันอะไร ตั้งชื่อว่าไอ้ด่างแล้วจะเป็นจระเข้หมดรึไง คุณเมียของผมคิดได้ยังไงครับเนี่ย ผมล่ะยอมใจจริงๆ ครับ
“ไอ้นั่นคือตัวอะไร?” ใช้ตะเกียบชี้ไปที่ก้อนกลมๆ ในอ้อมแขนของพบรัก
“น้องเปี๊ยกไง น้องเปี๊ยกมาเกิดใหม่ไงพี่เปรม ถึงรูปร่างจะเปลี่ยนแต่ก็ยังเป็นน้องเปี๊ยกนะ” ตอบมาเสียงฉะฉาน แต่ก็มีการส่งสายตาค้อนผมด้วยนะครับ ให้รู้กันว่าห้ามแตะต้องลูกชายสุดที่รักเด็ดขาด
“ไอ้เปี๊ยก?”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“งั้นในเมื่อมึงบอกว่ามันคือไอ้เปี๊ยกแล้วจะตั้งชื่อใหม่อีกทำไม” นี่ผมพูดเรื่องจริงนะครับไม่ได้ประชด เพราะตั้งแต่วันแรกที่ได้ตัวไอ้ลูกหมาตกน้ำนี่มาพบรักก็เรียกกว่าน้องเปี๊ยกๆ ตลอด
ดวงตาคู่เรียวกระพริบตามองผมปริบๆ ก่อนริมฝีปากจะคลี่กว้างโชว์ลักยิ้ม
“อ่อ นั่นสินะ”
“หงิงงง” นมหมดขวดปากเพิ่งว่างตัวต้นเหตุเลยเพิ่งได้ส่งเสียงครับ ส่วนผมก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจให้คู่แม่ลูก
“จะเกิดใหม่กี่ชาติ อยู่ในร่างใหม่กี่หน มันก็คือไอ้เปี๊ยกสัตว์โฃกปัญญาอ่อนอมตีนเหมือนเดิมนั่นแหละ” พูดจบก็คีบมากิใส่ปากให้คุณเมียไปอีกหนึ่งชิ้น ก่อนจะออกความเห็นส่วนตัวเสริมอีกนิด
“หน้าย่น ตาโปน ตัวยับแถมยังสั้นตันเป็นไส้กรอกแหนมขนาดนี้กูว่าปั๊กชัวร์”
“พี่เปรมพูดซะน้องเปี๊ยกขี้เหร่เลย น้องเปี๊ยกน่ารักจะตาย เนอะๆๆ”
“หงิงงง”
รับส่งลูกคอกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ต่อให้ผมไม่เชื่อว่าไอ้เปี๊ยกจะกลับชาติมาเกิดได้คงต้องทำใจเชื่อคราวนี้แหละครับ
“หยุดพูด วางไอ้เปี๊ยกลง แล้วมึงก็กินเข้าไปให้หมดไม่งั้นกูจะกินมึงแทน” นี่ไม่ใช่คำขู่นะครับ ผมพูดจริงทำจริงเสมอ
พบรักมองผมแบบอึ้งๆ เหวอๆ แต่ก็ยอมทำตามที่ผมพูด ผมจึงยักคิ้วให้ไปทีหนึ่ง ก่อนจะวางตะเกียบแล้วลุกขึ้นไปเก็บข้าวของกองพะเนินให้เข้าที่เข้าทาง ผ่านไปไม่ถึงนาทีผมก็ได้ยินเสียงแผ่วๆ ดังขึ้น
“แย่จัง ไออิ๊มอิ่ม กิน-ไม่-หมด แล้วอ่า” มีการเน้นย้ำคำด้วยนะครับ
หันไปมองก็เจอคนน่ารักนั่งเอาตะเกียบเขี่ยหมูทงคัตสึที่เหลืออยู่แค่ไม่กี่ชิ้นไปมา ดวงตาคู่สวยช้อนมองมาทางผมแล้วกัดริมฝีปากล่างหน่อยๆ แขนเสื้อกล้ามตัวย้วยข้างหนึ่งไหลหล่นลงมาจากลาดไหล่พอดิบพอดี อวดโชว์ผิวเนื้อขาวเรียบเนียนแล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมหลุดยิ้มออกมาได้ยังไงล่ะครับ
.
.
.
.
รอบบ้านล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น สวนหน้าบ้านเลี่ยนเตียนดูก็รู้ว่าคงจะมีการตัดแต่งต้นไม้และหญ้าให้ใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ บ้านพักแต่ละหลังก็อยู่ห่างกันพอสมควรและบ้านหลังนี้ตั้งอยู่หลังสุดท้ายริมรั้วโรงพยาบาลอีกทั้งหอพักสำหรับพยาบาลและบุคลากรของโรงพยาบาลก็อยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตรจึงถือว่าค่อนข้างจะเงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัว ซึ่งผมชอบมากทีเดียวครับ
ผมดึงร่างบอบบางเปลือยเปล่าพราวด้วยเม็ดเหงื่อที่นอนหอบหายใจอยู่บนผ้านวมที่ยับยู่ยี่ขึ้นมานั่งคร่อมตัก จากนั้นก็สอดแท่งเนื้อร้อนใหญ่โตให้ค่อยๆ แทรกผ่านรอยจีบของช่องทางอ่อนนุ่มที่เปิดกว้างรออยู่จนหมดความยาว ผมขยำเนื้อก้นพร้อมกับบดขยี้ริมฝีปากนิ่มเกี่ยวตวัดดุนดันลิ้นเล็ก ช่วงล่างก็เริ่มขยับเนิบนาบช้าๆ
“อ๊า อ๊ะ” เสียงครางแหบพร่าปลุกเร้าอารมณ์ของผมได้เสมอ
เรามีเซ็กส์กันตั้งแต่แสงแดดยังแยงตาจนตอนนี้ดวงตะวันเริ่มลับขอบฟ้า เพราะผมกับพบรักห่างหายจากเรื่องเซ็กส์มานานพอสมควรนี่จึงเป็นกิจกรรมเพศสัมพันธ์ครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา ผมจึงไม่สามารถที่จะโหมแรงได้ทันที ร่างกายของพบรักไม่ได้แข็งแรงและพร้อมจะสมบุกสมบันเหมือนเมื่อก่อนทำให้ผมต้องระมัดระวังเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ ดังนั้นทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไปครับ แต่ถึงจะพยายามทะนุถนอมมากแค่ไหนสะโพกที่ขยันส่ายยั่วทำให้ผมไม่สามารถจบได้แค่ยกเดียว และเป็นผลให้มียกที่สองตามมาแบบนี้
“อ๊ะ ร๊ะ.. เร็วหน่อยสิพี่เปรม”
ท่าทางผมจะขยับได้ไม่ทันใจ เมียเด็กจึงส่ายสะโพกยิกๆ เร่งถี่ยิบ
“ใจเย็น เดี๋ยวมึงจะเจ็บตัว”
ฝ่ามือพาดลงไปบนสะโพกเล็กไม่หนักไม่เบา พบรักจึงจิกเล็บลงบนหัวไหล่ของผมพร้อมกับเกร็งตัวตอดรัดแท่งเนื้อของผมอย่างขัดใจ ก่อนจะซุกหน้าลงกัดหัวไหล่ผมซ้ำแบบเต็มแรง ให้มันได้อย่างนี้สิครับคุณเมียที่เคารพ
ปกติพบรักเป็นผู้ชายที่รูปร่างเล็กแต่ก็ยังมีกล้ามเนื้อที่เกิดจากการออกกำลังกายอยู่เป็นประจำทำให้ร่างกายสมส่วนไม่ผ่ายผอมเกินไป แต่หลังจากอาการป่วยแม้จะพยายามบำรุงสักเท่าไหร่กล้ามเนื้อและน้ำหนักก็แทบไม่กระเตื้องขึ้น ถ้าหากผมออกแรงเหวี่ยงสักหน่อยพบรักก็ปลิวแล้วล่ะครับ แต่เพราะผมจะไม่มีวันทำแบบนั้น ที่จะทำก็แค่จับยกสะโพกบางขึ้นแบบไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัวแล้วก็ปล่อยลงมาจนสุดความยาวของด้ามเอ็นร้อนๆ
“อะ....” พบรักอ้าปากร้องครางเบาหวิว เกร็งตัวสั่นเทิ้มและนิ่วหน้าเหยเกด้วยความจุกและเสียวแปลบในเวลาเดียวกัน หยดน้ำตาไหลลงจากหางตาในทันที
ผมถือคติตบหัวแล้วให้ลูบหลังครับ หลังจากทำโทษเมียเด็กใจร้อนแล้วต้องตามด้วยจูบปลอบขวัญแบบดูดดื่มและขยันซอยถี่ยิบให้ตรงจุดเสียว
“อ๊ะ อ๊ะ” เสียงครางกลับมากระเส่าเหมือนเดิมแล้วครับ และผมก็แว่วได้ยินเสียงสั่นครืดๆ ของโทรศัพท์แต่ไม่ใช่เวลาที่จะไปสนใจว่าใครช่างโทรมาขัดจังหวะ
ช่องทางรักตอดรัด ผมบีบเคล้นสะโพกเล็กอย่างมันส์มือ แม้ร่างกายของพบรักจะเปลี่ยนไปบ้างแต่ก็ยังถูกใจผมไปทุกส่วนเหมือนเดิม และต่อให้ไม่มีเส้นผมนุ่มคลอเคลียระหน้าผากและแก้มมันก็ไม่ได้ทำให้ความน่ารักและเซ็กซี่ของพบรักลดน้อยลงไปสักนิดเดียว ใบหน้าแดงจัดที่ชื้นเหงื่อ ปากนิ่มสีสดเจ่อเผยอร้องครางหวาน ตาเรียวปรือปรอยยั่วยวน ร่างกายขาวเนียนเรียบที่มีรอยประทับสีกุหลาบทั่วทุกอณูบิดเร้าเคลื่อนไหวตามจังหวะที่ผมเป็นคนควบคุม มันช่วงเร้าอารมณ์ให้ร้อนรุ่มแทบไหม้
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ” เมื่อความใหญ่โตของผมขยับได้ถูกจังหวะ พบรักก็ครางหวานตามแรงกระแทกระงมทั่วห้อง ผมจึงเอาใจด้วยการขยับรูดแท่งเนื้อเล็กที่ผลิบานฉ่ำน้ำให้เป็นรางวัลและไม่นานนักเมียเด็กผู้ไว้ต่อสัมผัสก็ปลดปล่อยความสุขออกมาจนเลอะหน้าท้องเป็นครั้งที่ห้าและรอบนี้ก็ออกมาเยอะซะด้วย คงเพราะจากการทำโทษของผมเมื่อครู่จึงได้กระตุ้นพบรักขนาดนี้
“อ๊า พ๊ะ เปรมมม” เห็นปริมาณน้ำรักของตัวเองก็ร้องเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึงเชียวครับ
“ดี” คำชมจากผมครับ
ปล่อยออกมาเยอะๆ แบบนี้แหละครับผมจะได้รู้ว่าเมียผมมีความสุขแค่ไหน พูดชมเสร็จก็อย่าให้เสียเวลา ผมขยับขับเคลื่อนสะโพกต่อทันที ประกบปากนิ่มสีสวยที่เผยอล่อตาควานหาความหวานหยอกล้อลิ้นเล็ก พบรักครางอื้ออึงในลำคอ ร่างกายสั่นไหวไปตามแรงที่ผมถาโถมเข้าใส่
เวลาล่วงเลยผ่านไปเท่าไหร่ก็ไม่แน่ใจ ผมจ้วงแทงเข้าตรงจุดลึกสองสามครั้งติดกันก่อนจะปลดปล่อยออกมาในร่างบางทั้งหมดเป็นรอบที่สอง
“อ๊าาา” เสียงครางของผมถูกกลบด้วยเสียงหวีดดังของพบรัก
เราหยุดหอบหายใจด้วยกันทั้งคู่อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นผมจึงยกตัวของพบรักออกจากจุดเชื่อมที่สอดประสานกันแล้ววางให้พบรักนอนลงบนผ้านวม เป็นจังหวะเดียวกับที่ผมได้ยินเสียงโทรศัพท์อีกครั้ง แต่มันก็ยังไม่ได้อยู่ในความสนใจของผมมากไปกว่าร่างตรงหน้า ผมเดินไปกดเปิดสวิตซ์ไฟเพราะท้องฟ้าด้านนอกมืดแล้ว ก่อนจะเดินกลับมาสำรวจร่างกายของพบรัก รวมทั้งช่องทางด้านหลังที่บวมแดง
“อยากอาบน้ำมั๊ย?”
“อืม”
ผมอุ้มพบรักขึ้นแล้วพาเดินเข้าไปในห้องน้ำ ถ้าหากเป็นที่บ้านผมจะให้พบรักอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นเพื่อจะได้สบายตัวแต่ตอนนี้เราอยู่บ้านพักข้าราชการในต่างจังหวัด อย่าว่าแต่เครื่องทำน้ำอุ่นเลยครับแม้กระทั่งเตียงนอนคืนนี้ยังต้องใช้ผ้านวมปูบนพื้นนอนไปก่อน ลำพังผมคนเดียวสามารถนอนได้สบายจะห่วงก็แต่พบรักนี่แหละครับเพิ่งเสร็จจากกิจกรรมที่ทำให้ต้องเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวแล้วยังไม่มีที่นอนนุ่มๆ ให้เอนกายอีกคงจะทรมานน่าดู
“เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะไปซื้อเตียงมาให้” บอกขณะที่ช่วยพบรักทำความสะอาดร่างกาย
พบรักเงียบไป ผมจึงเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของเราประสานกัน ใบหน้าน่ารักนั่นระบายรอยยิ้มอ่อนพร้อมกับยื่นมือมาลูบเบาๆ ตรงรอยกัดบนหัวไหล่ของผม พบรักคงจะสำนึกผิดและอยากจะขอโทษ
“ถ้าพี่เปรมแกล้งไออีกไอจะกัดให้แรงกว่านี้”
บางทีผมก็คาดหวังอะไรมากเกินไป ผมหัวเราะเบาๆ ให้กับตัวเอง สรุปง่ายๆ ว่าผมผิดเองครับกับการที่คิดจะทะนุถนอมเมีย ทำให้ดูเหมือนว่าแกล้งและเป็นต้นเหตุให้เมียไม่พอใจ ผมไม่ได้เถียงหรือว่าอะไรต่อแค่ทำหน้าที่บริการเช็ดทำความสะอาดร่างกายอย่างเบามือให้พบรักเท่านั้น เสร็จแล้วก็หาเสื้อผ้าให้ใส่พร้อมบริการทาครีมบำรุงผิวให้ด้วย
ผมเดินไปหยิบยาทาบริเวณช่องทางด้านหลังให้พบรัก ระหว่างนั้น พบรักก็เดินกะเผลกไปดูไอ้เปี๊ยกในตะกร้าว่านอนหลับซุกตุ๊กตาน้องเน่าสบายรึเปล่า
“น้องเปี๊ยกเด็กดีของพี่ไอ” เสียงคุยงุ้งงิ้งกันมันทำให้ผมยิ้มออกมา
พบรักก็ยังคงคุยกับไอ้เปี๊ยกรู้เรื่องเป็นวรรคเป็นเวรแถมยังเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยรู้ใจทุกอย่าง และที่สำคัญคือปกติแล้วหมาจะไม่ทับรอยทับกลิ่นกันหรอกนะครับ แต่ไอ้เปี๊ยกปัจจุบันกลับใช้ข้าวของเครื่องใช้ของไอ้เปี๊ยกสมัยเป็นชิวาวาได้แบบไม่มีง้องแง้ง โดยเฉพาะตุ๊กตาน้องเน่าที่ไอ้เปี๊ยกปัจจุบันแทบจะถลาใส่ตั้งแต่แรกเจอ บางทีผมควรจะเชื่อในเรื่องที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์สักหน่อยแล้วล่ะครับ
นาฬิกาบอกเวลาหนึ่งทุ่ม โทรศัพท์ของผมส่งเสียงสั่นสะเทือนอยู่ในกระเป๋าแต่ผมก็ยังไงไม่คิดจะสนใจ ผมเดินไปเปิดหน้าต่างทุกบานในห้องนอนเพื่อให้ลมโกรกเข้ามา บานหน้าต่างและประตูห้องนอนมีมุ้งลวดเพราะฉะนั้นคงไม่ต้องใช้มุ้ง ถ้าจะนอนเวลานี้อาจจะเร็วไปสักหน่อยครับ แต่วันนี้เราเหนื่อยมาทั้งวันแม้แต่ผมยังรู้สึกเพลียและง่วง แล้วจะนับประสาอะไรกับร่างกายที่บอบบางอย่างพบรักล่ะครับ ผมมองพบรักกับไอ้เปี๊ยกแล้วพับผ้านวมให้เป็นสองทบเพื่อเพิ่มความหนา คืนนี้ให้พบรักนอนบนผ้านวมไปก่อนส่วนผมเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่มารองสักผืนก็นอนได้แล้วครับ
“มานอนได้แล้ว เดี๋ยวกูทายาให้” พบรักหันมามองหน้าผมแว่บนึง ก่อนจะจัดแจงห่มผ้าและลูบหัวกล่อมไอ้เปี๊ยกต่ออีกครู่หนึ่งแล้วจึงขยับตัวมาล้มตัวลงนอนคว่ำบนผ้านวมที่ผมจัดไว้ให้
ผมร่นกางเกงนอนของพบรักลง แล้วนวดยาลงเบาๆ ตรงจุดที่บวมแดง
“พี่เปรม”
“หืม?”
“ไอรักพี่เปรมนะ”
มีแค่พบรักคนเดียวนี่แหละครับที่ทำให้ผมยิ้มได้บ่อยขนาดนี้ ผมดึงกางเกงปิดให้เรียบร้อยหลังจากทายาเสร็จ แล้วโน้มตัวกดจมูกลงบนขมับ แนบริมฝีปากลงบนแก้มและแตะแผ่วบนริมฝีปากนุ่ม
“กูก็รักมึง” เป็นความรักที่ผมไม่สามารถจะมอบให้ใครได้นอกจากคนๆ นี้เพียงคนเดียว
ห่มผ้าให้พบรักแล้วนั่งรอครู่หนึ่งพบรักก็หลับสนิท ผมตั้งใจจะอาบน้ำและเข้านอนเหมือนกันครับ แต่เพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังกระทบโสตประสาทหูอยู่หลายครั้งทำให้ต้องลุกขึ้นไปหยิบมันมาดูสักหน่อย และมันก็ทำให้คิ้วของผมขมวดทันทีเมื่อเห็นเบอร์โทรไอ้ปลื้มโชว์หรามากกว่าสิบสายที่ไม่ได้รับ และมีข้อความอีกหลายสิบข้อความ ผมเลือกที่จะเปิดข้อความขึ้นก่อน มันเป็นรูปภาพเหมือนภาพแอบถ่ายในหนังสือกอสซิปบันเทิงเกือบทั้งหมด มันไม่ใช่ภาพหวือหวา เป็นแค่ภาพคนสองคนเดินจูงมือกัน แต่ประเด็นหลักอยู่ที่ประโยคคำถามไอ้ปลื้มต่างหากครับ
‘มันเป็นใคร?’ ซึ่งสรรพนาม
‘มัน’ ในความหมายของไอ้ปลื้มคงจะเป็นคนในรูปที่มันส่งมาแน่นอน
ผมหันไปมองพบรักอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไปนอกห้องแล้วเปิดประตูห้องนอนอีกห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปิดสวิตซ์ไฟและหน้าต่าง กดเบอร์โทรกลับหาไอ้ปลื้มพร้อมกับหยุดยืนมองไปยังแสงสว่างและความเคลื่อนไหวจากหอพักของโรงพยาบาลที่อยู่ห่างออกไปในระยะสายตา
‘มันเป็นใคร?’ นั่นคือประโยคแรกที่ไอ้ปลื้มพูดขึ้นทันทีเมื่อกดรับสาย
“แล้วมึงกับไอ้เขื่อนเป็นอะไรกัน?” ผมเองก็ถามสวนกลับไปอย่างเร็วเช่นเดียวกัน
‘อย่ามายอกย้อนตอนนี้ได้มั๊ยว่ะ’ “กูถามมึงดีๆ มึงตอบกูมาก่อนแล้วกูจะบอกมึง”
ไอ้ปลื้มส่งเสียงฟึดฟัดกับสบถแรงๆ สองสามคำ ซึ่งไม่บ่อยนักที่ไอ้ปลื้มจะพูดคำหยาบแบบนี้แสดงว่ามันกำลังร้อนรนจริงๆ ครับ
‘ชั้นก็ถามนายดีๆ ตอบมาสิว่ะว่าไอ้นั่นมันเป็นใคร มันมายุ่งกับไอ้เขื่อนได้ยังไง นายต้องรู้เพราะบ้านมันอยู่ใกล้กับบ้านของพบรัก’“มึงยังไม่ตอบกู”
‘สัส! มึงจะตอบกูดีๆ มั๊ย? ไม่อย่างนั้นกูจะให้คนไปลากมันมาจัดการเดี๋ยวนี้’น่าแปลกนะครับที่น้ำเสียงเดือดกับคำหยาบของไอ้ปลื้มทำให้ผมหัวเราะออกมาเบาๆ
“มึงไม่มีสิทธิและห้ามทำอะไรเค้าเด็ดขาด”
‘กูจะฆ่ามัน’ประโยคที่พูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมของไอ้ปลื้มทำให้คิ้วของผมกระตุกแทบจะทันที
“เค้าเป็นพี่ชายของพบรัก”
ถูกต้องแล้วล่ะครับ รูปแอบถ่ายที่ไอ้ปลื้มส่งมาทั้งหมดต่อให้เห็นหน้าไม่ชัดผมก็มองออกได้ในแว่บเดียวว่าคนในภาพเป็นใคร เพราะคนทั้งคู่เป็นคนที่ผมรู้จักเป็นอย่างดี คนหนึ่งคือไอ้เขื่อนญาติผู้น้องของผมกับไอ้ปลื้มและอีกคนคือพี่ดินพี่รหัสของผมและยังเป็นพี่ชายที่พบรักรักมากด้วยครับ ผมไม่รู้ว่าระหว่างพี่ดินกับไอ้เขื่อนมาเชื่อมโยงกันได้ยังไง ในขณะเดียวกันผมก็ไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ระหว่างไอ้ปลื้มกับไอ้เขื่อน ซึ่งสำหรับเรื่องนี้คนที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาทั้งหมดได้คงมีเดียงไอ้เขื่อนเพียงคนเดียวเท่านั้น
‘พี่ชาย?’ ไอ้ปลื้มทวนคำหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่บอกก็รู้ว่าพบรักยังคงมีอิทธิพลต่อจิตใจไอ้ปลื้มอยู่เช่นเดิม แต่จะมากน้อยแค่ไหนผมก็ไม่สามารถเดาได้
“ถ้ามึงทำอะไรเค้าก็เหมือนทำร้ายเมียกูด้วย เพราะฉะนั้นกูก็จะฆ่ามึงเหมือนกัน” ไอ้ปลื้มรู้ดีว่าคนอย่างผมพูดจริงทำจริงแค่ไหน
‘เหี้ยเอ้ย!’ คำสบถหลุดออกมาอีกครั้ง ผมได้ยินเสียงอะไรบางอย่างถูกกระแทกหนักๆ ไอ้ปลื้มคงจะอยู่ในสภาวะที่เครียดเต็มทน
“ปัญหาอยู่ที่มึงกับไอ้เขื่อน อย่าไปดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยว” พยายามกล่อมไอ้ปลื้ม
‘.................’ “และมึงอย่าลืมนะว่าไอ้เขื่อนมันยังเด็ก และมันก็เป็น
‘น้องชาย’ ของเรา” ผมเตือนสติไอ้ปลื้มก่อนที่มันจะชิงวางสายไป
ไอ้ปลื้มเป็นคนที่ถ้าหากได้โกรธแล้วจะน่ากลัว เหมือนหมาบ้าที่สามารถทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าได้ทั้งหมด และสิ่งเดียวที่จะทำให้ไอ้ปลื้มหยุดได้นั่นคือ
‘แม่’ ผมจึงกดโทรศัพท์หาแม่ทันที ผมบอกแม่ไปแค่ว่าไอ้ปลื้มกำลังเป็นบ้า แม่ตกใจเล็กน้อยแต่ก่อนจะวางสายจากผมแล้วรีบไปจัดการกับไอ้ปลื้ม ซึ่งผมมั่นใจครับว่าแม่เอาไอ้ปลื้มอยู่หมัดแน่นอน
ผมเดินกลับห้องนอน แอบชะโงกดูไอ้เปี๊ยกเวอร์ชั่นหน้ามู่ทู่ตัวยับยู่ ฝ่ายนั้นลืมตาโปนๆ มองผมเล็กน้อย ผมยกมือลูบหัวเล็กๆ นั่นสองสามครั้ง ไอ้เปี๊ยกก็เคลิ้มหลับตาพริ้ม
“นอนซะไอ้เปี๊ยก” บอกไอ้หมาหน้าตาอมตีนแล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำจนสบายตัว
ผมล้มตัวลงนอนบนผ้าขนหนูผืนบาง พร้อมกับพาดแขนลงบนเอวคอด สูดกลิ่นหอมของสบู่ผสมกลิ่นน้ำนมจากผิวนวล ไม่มีเตียงนอนนุ่ม ไม่มีแอร์คอนดิชันเนอร์ แต่บรรยาการแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน ยิ่งเมื่อความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดกว่ายี่สิบชั่วโมงเข้าพุ่งโจมตี ผมก็หลับสนิททั้งคืนไม่มีเรื่องใดเข้ามารบกวนการนอนหลับแม้กระทั่งเรื่องของไอ้ปลื้ม
.
.
.
.
.
.
TBC... 
กราบขออภัยคนอ่านทุกท่านนะคะที่รินหายไปนาน ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายพอสมควรค่ะ
และขอบคุณมากๆ ค่ะสำหรับการถามไถ่และคิดถึงนิยายเรื่องนี้
มาต่อให้แล้วนะคะ และตอนต่อไปจะพยายามเคลียร์ตัวเองให้เร็วที่สุดนะคะ
อีกเรื่องที่อยากขอบคุณก็คือ ขอบคุณทุกคะแนนโหวตเซ็งเป็ดอวอร์ดที่มีให้เรื่องนี้นะคะ 
ขอบคุณมากๆ อีกครั้งค่ะ
