ตอน 9:: POND PART ::ผมกึ่งลาก กึ่งจูงแฟนหมาดๆของผมออกมาจากร้าน หลังจากที่ผมปล่อยให้พี่กัสแกประมวลผลอยู่ถึง 5 นาทีเต็มๆ แต่สำหรับคนที่แค่จ้องหน้าผมก็เป็นลม หรือ โดนเข้าใกล้ก็ตัวแข็งเป็นก้อนหินแล้วนั้น ทำให้ผมคิดว่าสำหรับเรื่องนี้พี่กัสคงต้องใช้เวลาประมวลผลนานพอสมควร
ถามว่าผมมั่นใจแล้วหรือยังกับสิ่งที่พูดออกไป ส่วนหนึ่งมันได้ผ่านการคิดไตร่ตรองจากหัวผมมาสักพักนึงแล้ว อีกส่วนหนึ่งก็ไม่รู้จะด่าหรือขอบคุณไอ้ตูนดี ที่มันเป็นแรงผลักดันชั้นเลิศ ถีบหัวเพื่อนส่งให้เดินเข้าสู่เส้นทางนี้อย่างเต็มตัว เสียตรงที่ว่าเสือกไปพาเพื่อนหน้าหม้อเกินไปมาเนี่ยสิ ไม่รู้ว่าไอ้การที่จีบไอ้พี่ตัวเล็กออกนอกหน้าขนาดนี้อยู่ในแผน หรือ เล่นนอกบทไปเยอะกันแน่
เมื่อจูงพี่กัสออกมาจนถึงด้านหลังของผับที่เป็นที่จอดรถ คนตัวเล็กยังตาลอย ราวกับไม่รับรู้อะไร มือนิ่มที่ถูกกุมอยู่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะขัดขืนอะไร กลับให้จูงมาง่ายๆซะอย่างนั้น ผมโบกมือไปมาตรงหน้าพี่กัส อยากขำก็ขำ คนอะไรประหลาดได้ขนาดนี้
“เฮ้ พี่ยังมีชีวิตอยู่ไหม”
“นะ น้องปอนด์”
โรคติดอ่างกลับมาอีกแล้ว พี่กัสเบิกตากว้างเมื่อผมอมยิ้มแล้วโน้มหน้าเข้าไปใกล้ “ครับ”
“พะ พี่ไม่เข้าใจ”
“ไม่เข้าใจตรงไหน”
“กะก็..ที่...น้องพูด พี่..”
ผมยิ้มให้ร่างเล็กอย่างเอ็นดู คนอะไรแทนตัวเองว่าพี่ แต่กลับแสดงท่าทีราวกับเด็กแรกรุ่นแบบนั้น พี่กัสดูลนลานมองซ้ายทีขวาทีอย่างไม่รู้จะเริ่มพูดตรงไหน ถ้าเป็นคนอื่นคงเข้าใจง่ายๆ ป่านนี้จบกันที่เตียงนอนในโรงแรมซักที่ไปแล้ว แต่กับคนตัวเล็กข้างหน้านี้ ต่อให้จะเข้าใจยากแค่ไหน จะให้อธิบายอีกสักกี่ครั้ง เชื่อเถอะ ผมก็ยังเอ็นดู และไม่คิดที่จะรำคาญเลยซักนิดเดียว
...ก็บอกแล้วว่าผมหน่ะ อาการหนัก...
“อืมผมพูด..แล้วทำไม หืม”
“พี่ไม่เข้าใจ น้องปอนด์หมายความว่ายังไง” พี่กัสเงยหน้าขึ้นมาสบตาถาม ดวงตากลมโตนั้นดึงดูดชะมัด
“แล้วผมพูดไปว่าอะไรละ” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ให้คนตัวเล็กที่หน้าฉาบด้วยสีแดงระเรื่อ รู้อยู่เต็มอกแต่ก็ยังจะถาม น่าโดนแกล้งซะให้เข็ด
“ฟะ แฟน”
“อืมหืม ใช่”
“ระ เรา” พี่กัสชี้ไปที่ตัวเอง แล้ว ก็ชี้มาทางผม ผมยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ พี่กัสอ้าปากค้างหน้าฉ่ำแดงมากขึ้นไปอีก พี่มันระเบิดตัวเองได้ไหมหน่ะ ตัวจะแดงได้ขีดสุดถึงแค่ไหนกัน
ฟุบ
“เฮ้ย...พี่”
อยู่ดีๆคนตัวเล็กก็ฟุบลงไป นั่งยองๆชันเข่า แล้วซุกหน้าไว้อย่างนั้น ผมตกใจกลัวพี่แกจะเป็นลมไปอีก เลยจะรีบไปพยุงขึ้นมา แต่ ขณะเดียวกันคนตัวเล็กก็ยกมือขึ้นมาปราม
“พะ พี่ไม่เป็นไร ขะขออยู่ท่านี้สักพักได้ไหม”
“แต่..”
“อย่างกับฝันไปแหนะ” พี่กัสพูดเสียงสั่นๆ
“ก็เงยหน้าขึ้นมามองกันสิ จะได้รู้ว่าฝันหรือความจริง”
“ไม่เอา” คนตัวเล็กปฏิเสธเสียงอู้อี้
“ทำไม หืม” ผมเลยนั่งยองๆลงไปข้างบ้าง พี่กัสสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่โผล่หน้ามาให้มองสักที
“พี่อาย”
“อายทำไม”
“อายน้อง”
“มีอะไรน่าอาย”
“หน้าพี่ต้องตลกมากแน่ๆ พี่อยากกลับบ้าน เอ่อ...ไปทำใจก่อน..ได้ไหม”
ผมอยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็ไม่อยากทำให้รุ่นพี่ตัวเล็กต้องเสียความมั่นใจไปอีก พี่แม่งจะน่ารักไปไหนวะ ช่วยบอกผมที
“แล้วจะกลับยังไงถ้ายังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา”
พี่กัสเหลือบตามองนิดนึงก่อนพรูลมหายใจออกมาชุดใหญ่ ค่อยๆลุกขึ้น แต่ยังเอามือเล็กๆนั้นปิดหน้าตัวเองไว้
“กะ กลับแบบนี้แหละ พี่กลับก่อน นะ”
ผมยืนกอดอกมองคนตัวเล็กที่ปิดหน้าปิดตา ทำท่าจะเดินไป นิ้วแง้มตรงดวงตาไว้นิดนึงให้พอมองเห็นทาง แต่ไม่เงยหน้ามาสบตากัน ผมส่ายหน้ายิ้มขำก่อนจะดึงมือนั้นไว้
“เดี๋ยว..ดึกขนาดนี้จะกลับยังไงคนเดียว”
“พะ พี่กลับได้”
“ผมยังไม่ได้ชำระความกับพี่เลยนะ ที่ออกมาดึกๆดื่นๆกับคนแปลกหน้าแบบนี้”
“น้องตูนเค้าเป็นเพื่อนน้องปอนด์นิ ไม่ได้แปลกหน้าซะหน่อย”
“นั้นแหละ ก็ห้าม กับใครก็ห้ามเข้าใจไหม”
พี่กัสก้มหน้าเงียบกริบ ประโยคท้ายผมคงเผลอขึ้นเสียงมากไป ผมถอนหายใจก่อนจะพูดด้วยความนุ่มนวลขึ้นอีกครั้ง
“ผมเป็นห่วง”
“....”
“ห่วงมาก”
“แล้วมือเนี่ย ก็เลิกปิดหน้าได้แล้ว”
ผมเอื้อมมือไปค่อยๆคลี่ฝ่ามือนั้นออกจากใบหน้า พี่กัสให้ความร่วมมืออย่างดี แต่ร่างเล็กก้มหน้าลงไม่เงยหน้ามาสบตา จากส่วนสูงที่มากกว่าทำให้เห็นแพขนตาสวยอย่างชัดเจน ที่ผ่านมาถึงจะใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่ก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้มองพี่กัสได้เต็มๆตาซักเท่าไหร่ โดยส่วนมากจะเป็นฝ่ายถูกไอ้พี่ตัวเล็กโลมเลียทางสายตาซะมากกว่า พอได้เห็นใกล้ๆแบบนี้ยิ่งเห็นว่าพี่กัสน่ารักขนาดไหน ผิวขาวเนียนเหมือนคนไม่เคยออกแดด แม้แต่รูขุมขนยังไม่กล้าเกิดบนหน้าเลยด้วยซ้ำมั้ง
ผมเชยคางคนตัวเล็กให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน “ชอบมองผมไม่ใช่หรอ ที่แบบนี้ทำไมไม่มอง”
“พะ พี่...” ผมยิ่งต้อนพี่กัสก็ยิ่งลน ถ้าไม่กระชับปลายคางไว้คงหนีหน้ากันอีก
“จีบผมอยู่แท้ๆ แต่ดันไปให้คนอื่นนั่งหม้อ ใช้ได้ที่ไหน”
พี่กัสขมวดคิ้ว “น้องปอนด์หมายถึงใครหรอ” ว่าแล้วเชียวไอ้พี่ซื่อบื้อนี่ต้องไม่รู้สึกตัวสักนิดว่าโดนไอ้หมอฟันมันหลอกจีบอยู่
“ไอ้หมอฟันนั้นไง”
“อ่อน้องกันต์” รู้สึกคิ้วกระตุกทะแม่งๆ ไม่ชอบสรรพนามที่พี่มันใช้เรียกคนอื่น ว่าน้องยังงั้น น้องยังงี้ ผมชอบให้พี่มันเก็บไว้เรียกผมคนเดียว
“เรียกมันว่าไอ้หมอฟัน ไม่ต้องเรียกชื่อมันเลย”
“ตะ แต่ว่า”
“ไม่ต้องเถียงเลยนะ”
พี่กัสหลุบตาลงต่ำก่อนจะพูดเบาๆ
“พี่กับน้องกะ เอ้ยย หมอกันต์ ไม่ได้มีอะไรกันซักหน่อย น้องเค้าแค่ถ่ายภาพเก่ง เลยชวนให้ไปดูภาพแค่นั้นเอง”
“เฮ้ออ พี่นี่มัน...มุกจีบไอ้หมอฟันมันโครตโบราณขนาดนี้ยังมองไม่ออกอีกหรอ”
“พี่ไม่รู้นิ..ไม่ได้ชำนาญ....เหมือนน้องปอนด์” หน้าใสเจื่อนไปทันตาเห็น ผมลอบอมยิ้ม
“หึงผมกับเชอรี่หรอ”
“แค่ชื่อยังน่ารักเลย” ผมอยากจะหัวเราะคนตัวเล็กที่คิดอะไรเพ้อเจ้อ มือจับหัวพี่กัสโคลงไปมา
“ชื่อกัสไม่น่ารักตรงไหน”
“ไม่น่ารักทุกตรง....แถมยังเป็นผู้ชาย”
ผมอยากจะตะโกนบอกไอ้พี่ซื่อบื้อจริงๆว่า ไอ้ไม่น่ารักทุกตรงของพี่มันทำให้ผมหลงหัวปรักหัวปรำแค่ไหน ไม่เป็นอันทำอะไรเพราะต้องคอยเอาแต่คิดเรื่องพี่นั้นแหละ
“อืมก็จริงนะ” ผมแกล้งแหย่ไอ้พี่ตัวเล็กไป ตาโตเบิกกว้างนิดๆ ก่อนไหล่จะลู่ลง ใบหน้าถอดสีเหมือนแมวไม่ได้รับความรักจากเจ้าของ
“น้องคงชอบแบบผู้หญิงคนนั้น”
“อืม...ผมชอบเชอรี่นะ” พี่กัสเงยหน้าขึ้นมามองกัน คิ้วขมวดเป็นปมแน่น สายตาดูผิดหวัง จนไอ้คนขี้เล่นต้องรีบเฉลย
“เชอรี่ในปากพี่วันนั้น”
“...”
“ผมชอบมากเลย”
“....”
“ขอชิมหน่อยได้ไหม”
“...!!...”
“เริ่มอยากกินของหวานแล้วละ”
:: GUTTO PART ::ผมที่ตอนแรกน้ำตาเจียนจะไหลอยู่หร่อมร่อ ไอ้น้องปอนด์ที่เดี๋ยวมันก็ปล่อยหมัดฮุคพี่ เดี๋ยวมันก็ดึงพี่ขึ้นสูงจนหัวใจพี่อย่างกับกระโดดบันจี้จัมพ์ เดี๋ยวก็ถีบพี่ลงเหวด้วยคำพูดเฉกเช่นเมื่อกี้
“อืม...ผมชอบเชอรี่นะ”
ได้ยินที จากหัวใจที่เต้นดังโครมคราม ห่อเหี่ยวสุดๆอย่างกับจะหยุดเต้น เหมือนน้ำในหน้าแล้งที่มันล่อเลี้ยงไม่ถึงปลายโคน น้ำตาจะหลุดลงมาแล้วเชียว ถ้าไอ้น้องมันไม่ต่อประโยคถัดมาที่ทำให้พี่หัวใจจะวายอีกครั้ง
“เริ่มอยากกินของหวานแล้วละ”
ผมเบิกตากว้าง มองน้องปอนด์ที่ยิ้มกรุ่มกริ่มให้ แล้วสายตาที่ส่งมานี่คืออะไร มองที่ปากพี่แล้วเลียริมฝีปากทำไม น้องปากแห้งหรอ พี่มีลิปมันในกระเป๋าเอาไหม ฮ่วยยย มันใช่เวลาไหมวะกู
“พะ พี่กินไปหลายวันแล้วมันจะยังอยู่ได้ยังไงกันเล่า” เออ ผมตอบไปอย่างใจคิด หลักวิทยาศาสตร์คือแดกไปแล้วก็ย่อยป่านนี้ลงคอห่านไปแล้วมั้ง น้องมันยังอยากจะมาชิมอะไรจากพี่ บ้าเปล่า ซื้อใหม่ไหม
“ซื่อบื้อ” น้องปอนด์ว่า
“เอ้า...”
“อยู่กับพี่ ผมคงพูดอะไรอ้อมๆจริงๆไม่ได้ใช่ไหม” น้องปอนด์ส่ายหน้าแล้วหรี่ตามอง
อะไรของน้องมันวะ พี่งง ตอนนี้หลายเรื่องมันทับเทพี่มา จนพี่จัดความสำคัญมันไม่ถูกแล้ว พี่แทบลืมเรื่องน้องขอเป็นแฟนไปแล้วด้วยซ้ำ คิดขึ้นมาหน้าก็เห่อร้อนแทบจะไหม้ เหมือนอย่างกับฝันไป
“เอ่อ..”
“ผมอยากจูบพี่ ขอจูบทีได้ไหม”
!!!!! ฟหกฟหดฟดฟกดกดฟกด
รู้สึกลำตัวกูแข็งเป็นไม้ยืนต้นไปชั่วขณะ ประสาทรับรู้ทั้งหมดแม่งอื้ออ ได้ยินแต่เสียงเหมือนผีเสื้อบินวนอยู่ในท้อง ฮึ่ง ฮึ่ง ฮึ่ง
“เงียบแปลว่าอนุญาตนะ”
น้องมันไม่ว่าเปล่า ทำท่าจะโน้มหน้าลงมาทันที จนผมผลักอกไว้แทบไม่ทัน
“ดะ เดี๋ยวน้องปอนด์”
ผมมองซ้ายมองขวา อีห่าที่จอดรถตรงนี้มันถึงจะเงียบจริงๆ ไม่มีแม้แต่วิญญาณก็เถอะ แต่จะมายืนจูบโล่งๆแบบนี้พี่ก็ไม่โอเคนะว้อยยยย จูบแรกพี่ควรจะอลังการรัชดาลัยเธียเตอร์กว่านี้เสะ อีกอย่างถ้าใครมาเห็น พี่ไม่อายหนังหน้าแห้งเลยหรอ สรุปที่บ่นมาทั้งหมดนี้คือไม่ได้หวงตัวเลยใช่ไหมกู มันใช่เวลาไหมมม
“ไม่ต้องเดี๋ยวแล้ว จูบมัดจำไว้ จากนี้ไปเป็นแฟนกันแล้วนะ”
น้องปอนด์ยิ้มกว้าง ยิ้มละลายหัวใจพี่ ยิ้มแบบที่ลืมไปหมดว่าตรงนี้คือที่ไหน ในหัวพี่มโนภาพโรงละครรัชดาลัยเธียเตอร์ไว้แล้ว น้องค่อยๆโน้มหน้าลงมา ผมก็หลับตารอเลย กูไม่ค่อยเลยปะวะ
จุ้บ..
......
.....
ผมค่อยๆลืมตาข้างนึงขึ้นมา ก็พบหน้าน้องปอนด์ยืนยิ้มอยู่ข้างหน้าแล้ว
แค่นี้?
ห่ะ ? แค่ จุ้บ แค่นี้ ?
เฮ้ยยยยยยยยยยย ผมมองหน้าน้องปอนด์ด้วยความงุนงง ดะ เดี๋ยว ตั้งสติ ที่กูควรได้คือการดูดปากอย่างดูดดื่มดุนลิ้น พั่บๆแบบในละครเกาหลีหรือเปล่าวะ ผมกระพริบตาปริบๆมองน้องที่เอามือกุมปากกำลังหัวเราะขำ
“พี่ทำหน้าโครตตลกเลย”
“....” ถามว่ากูเขินไหม กูก็เขินไง แค่ริมฝีปากนุ่มๆของน้องชนเข้ามา กูก็จะละลายเป็นขี้ผึ้งลนไฟแล้ว แต่คือหลังความเขิน แม่งคือความงงเข้ามาแทรก คือกูมโนภาพไปว่าจะเกิดสงครามการประชันลิ้นอย่างดุเดือดกับน้องไง แต่มันไม่ใช่ น้องทำพี่ผิดหวังงง พี่อยากจิครายยยย ผมได้แต่ก้มหน้างุดๆหนีความคิดอัปยศของตัวเอง
“ผิดหวังหรอ” แม่งเหมือนน้องเข้ามานั่งฟังในใจพี่เลย ก้มหน้าไว้เป็นดีที่สุด น้องมันจะได้ไม่รู้ว่ากูคิดอะไร
“ก็มัดจำไง มัดจำไว้ก่อน คราวหน้าขอสถานที่ดีๆกว่านี้พี่ไม่รอดแน่ๆ” น้องปอนด์พูดแล้วหัวเราะออกมา ผมต้องเงยหน้าขึ้นมา หน้ากูก็ร้อนอย่างกับจะไหม้ อ้าปากจะพูดก็พูดไม่ออก ขมคอไปเลย
“คะ ใครหวังอะไรกันเล่า น้องปอนด์เพ้อเจ้อ !” ปฏิเสธไปก่อน พี่ไม่รู้ ถึงพี่หวัง พี่ก็หวังแค่ในความคิด น้องอย่ามาล่วงรู้ความคิดในมโนสำนึกด้านอัปยศของพี่ พี่ไม่ยอมรับบบ
น้องปอนด์หัวเราะออกมา
ฮื่ออ อยากกลับบ้านแล้วครับ ยืนให้น้องมันเต๊าะอยู่แบบนี้ มีหวังเลือดหมดตัวแน่ๆ ไอ้เด็กบ้า เด็กอันตราย
“กลับเข้าไปข้างในไหม” น้องปอนด์ถามยิ้มๆ เฮ้อออ ฟิวนี้มันมุ้งมิ้งเกินกว่าหัวใจกูจะรับไหวแล้วน้า
“แล้วแต่น้องปอนด์เลย”
“งั้นกลับเข้าไปกัน”
“ไหนตอนแรกอยากให้กลับไง”
“ตอนนี้อยากให้อยู่แล้ว”
“....”
“อยู่ข้างๆผมไง”
น้องปอนด์พูดร่ำๆแล้วก็จูงมือเดินไปเฉย ไม่สนใจหัวใจพี่ซักนิด เดี๋ยวก็จุ๊บ เดี๋ยวก็จูงมือ เดี๋ยวก็หยอดคำหวาน พี่จะรับไว้ได้ยังไงกันน เป็นแฟนไม่ถึง 2 ชม. พี่เสียดุลการค้าไปเท่าไหร่แล้ว น้องต้องมาให้พี่จุ๊บคืน จูงมือคืนด้วยนะ จะได้แฟร์ๆกัน ฮ่อยยยยย คิดแล้วก็อายชิบหายเลยยยย
น้องปอนด์พาเดินมาถึงโต๊ะเดิม ทุกคนดูคุยกันสนุกเข้าขา แอลกฮอลล์บนโต๊ะเพิ่มจำนวนมากขึ้นจากตอนที่ไปอยู่มากโข หน้าทุกคนดูแดงก่ำเหมือนจะเริ่มเมาได้ที่กันแล้ว
“อ้าวว เฮ้ยยย กลับมาแล้วหรอวะ นึกว่ากลับไปซะและ” เป็นน้องตูนที่ฉีกยิ้มพูด น้องปอนด์ดูไม่สนใจ ใช้ขาเขี่ยๆเพื่อนออกไปให้พ้นทางแล้วเดินไปนั่งด้านในที่เดิม โดยที่ยังไม่ปล่อยมือผม แต่เก้าอี้ตัวนั้นมันยังมีใครนั่งอยู่น่ะสิ
เชอรี่...
หญิงสาวละสายตาจากการคุยกับมือกลอง หันมามองหน้าน้องปอนด์ ก่อนจะมองมามึงมือที่กุมอยู่แล้วอมยิ้ม
“กว่าจะสำเร็จได้เล่นเอารี่ปาดเหงื่อเลยนะปอนด์” ผมหันหน้ามองหน้าน้องปอนด์อย่างงุนงง อะไรสำเร็จ น้องปอนด์ดูเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่เชอรี่พูด เพราะน้องยิ้มแล้วก็ยักไหล่ส่งไปให้ เชอรี่หัวเราะออกมาก่อนจะเขยิบที่นั่งออกไปนั่งเบียดมือกลองแทน
“อะไรสำเร็จหรอน้องปอนด์”
“ความลับ”
น้องปอนด์หันมาตอบและยิ้มให้แบบเจ้าเล่ห์ ผมขวมวดคิ้ววุ่น อะไรๆทำไมมันเข้าใจยากจังฟ่ะ มองไปฝั่งตรงข้าม น้องตูนก็มองมาแล้วยังยิ้มแบบล้อเลียนอีก โอ้ยยย พี่เขินนน มือนี่กุมจนฝ่ามือพี่เปียกแล้วม้างง ปล่อยให้มันหายใจบ้างไหมเน้ออ
ผมละมือออกมาเพื่อที่จะได้กินอะไรสะดวกยิ่งขึ้น บ่องตรงเมื่อกี้แทบจะยังไม่ได้กินอะไร เพราะเศร้าเหงาแซด นั่งเล่นเอ็มวีเป็นคนอกหักอยู่ เมื่อเห็นน้องปอนด์อยู่กับคนอื่น พี่คิดว่าจะอกหักซะแล้ว อยู่ดีๆจีบติดเฉยเลยพี่ก็งง แต่ถึงจะเข้าใจยากยังไงก็ช่างมันเถอะ ปลายทางมันก็จุดเดียวกัน คือผมได้น้องปอนด์เป็นแฟนแล้วววว จุดพลุฉลองดีไหม หรือ รีบโทรไปบอกปันดี ผมนั่งคิดนู้นคิดนี่ หยิบอะไรเคี้ยวเพลินๆ เชอรี่เธอก็ยื่นแก้วเบียร์มาให้ ดูเธอก็นิสัยดี และ เข้ากับมือกลองได้ดีมาก
“พี่กัสๆ” เป็นน้องเชอรี่เธอหันหน้าเข้ามากระซิบ
“หืม”
“ดูนั้นสิ สงครามประสาท” เชอรี่เธอพยักเพยิดหน้าให้ผมหันไปมองฝั่งตรงข้าม
“หมอกันต์นิ ทำไมหรอ” ผมเห็นหมอกันต์นั่งเอนหลัง ในมือแกว่งแก้วน้ำสีอำพันไปมา ตาจ้องมองมาฝั่งตรงข้ามนิ่งๆ
เอ๋ ฝั่งตรงข้าม แต่ไม่ได้มองผมอะ?
ผมหันไปมองข้างๆ ก็พบน้องปอนด์ก็กำลังอยู่ในท่าเดียวกับหมอกันต์เดะๆ สายตาที่มองไปผมรู้เลยว่าหมอกันต์กำลังจ้องมองกับใคร
“ถ้าสิงร่างกันได้ เค้าคงสิงร่างกันแล้วเนาะพี่กัส” เชอรี่พูดแล้วหัวเราะ
“พี่ไม่เข้าใจ เค้าเป็นอะไรกันหรอ” ผมนั่งมองไปข้างหน้าที มองคนข้างๆทีแล้วสงสัย จ้องกันขนาดนี้กระพริบตากันบ้างไหมเนี่ยยย แล้วจะจ้องกันทำไม พี่งงวุ้ย
“ฮ่าๆ สงสัยไอ้หมอฟันมันจะเอาจริง ส่วนปอนด์ก็คงหมาหวงก้าง” เชอรี่พูดแล้วขยิบตาให้ผมทีนึง ก่อนจะหันไปคุยกับมือกลองต่อ โดยที่กูไม่เก็ตอะไรเลยยยย ว๊อทท ขอภาษาคนที่เข้าใจง่ายๆได้ไหม ใครเป็นหมาใครเป็นก้างพี่ยัง งง
บลา บลา บลา บาบาบาบา บาบาบา บาบานาน่า บาน่าน่า...
ไม่ต้องงงว่าเสียงเปรตอะไรแผดเสียงลั่นครับ เสียงมือถือกูเองโว้ยยย ธีมมินเนี่ยนกำลังมากูอยากฟุ้งฟิ้งบ้างอะไรบ้าง ผมก้มลงไปมองหน้าจอมือถือ เป็นไอ้เพื่อนสนิทโทรมา โอ้ยยย หน้าบานเลยกู อยากเล่าความสำเร็จขั้นสุดยอดนี่ให้ปันฟังจะแย่
“น้องปอนด์ๆ” ผมเลยหันไปสะกิดคนข้างตัวยิกๆ
“พี่ขอไปรับโทรศัพท์ก่อนนะ” น้องปอนด์หันมา พอดีกับผมชูโทรศัพท์ในมือไปมา
“ใครโทรมา”
“ปันนะ เดี๋ยวพี่มานะ”
น้องปอนด์พยักหน้าลง ก่อนกำชับว่าให้ระวังตัวด้วย โอ้ยยยย เป็นห่วงอะไรพี่ขนาดน้านนน ห่วงขนาดนี้อุ้มพี่ไปนอนกกในห้องเลยไหมละ ไม่อยากจะเซดว่าพร้อมจนไม่รู้จะพร้อมยังไงง ฮ่อยย
ผมเดินเบียดเสียดออกมาจนถึงลานจอดรถที่เดิม เพิ่มเติมคือคือยางอายกู คิดแล้วยังเขินไม่หายยย ฟิวมุ้งมิ้งแม่งจะติดอยู่ที่ลานจอดรถนี่จนวันตายยย
พร่ามมาพอแล้ว จนปันวางสายไปสองรอบ เสียงมินเนี่ยนแผดขึ้นมาเป็นรอบที่สาม จนคนเดินผ่านไปผ่านมายังหันมามอง
“ฮัลโหลปัน”
“นอนแล้วหรอ กว่าจะรับ”
“ยังเลย”
“อ้าวแล้วทำอะไร”
ผมนั่งยองๆอยู่ข้างกระถางต้นไม้ มือว่างๆก็เด็กใบไม้ไปพลาง หน้านี่อมยิ้มจนแทบระเบิด คิดไม่ออกว่าจะเริ่มเล่าให้ปันฟังยังไงดี จนถึงตอนนี้ก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยด้วยซ้ำ
“งื้อออ ปัน กู.....คือ...กู เง้ออออ”
กูพูดภาษาอะไรออกไปปป ภาษามินเนี่ยนปะวะ คือจะพูดจะพูด แต่เรียบเรียงประโยคไม่ถูก เสียงปันหัวเราะมาตามสาย ปันดูจะอารมณ์ดีเนาะ
“เป็นอะไรมึง พูดภาษาต่างดาวหรอ พูดแบบนี้ทีไรมีเรื่องทุกที”
ปันแม่งเป็นหมอผีบอกแล้ว แม่งรู้ทันตลอด “รู้ดีตลอด”
“ไหน เรื่องร้าย หรือ เรื่องดี หรือไปทำเรื่องอะไรไว้อีกละ หืม”
“ปันคือ....”
“คือ....”
“กูเป็นแฟนน้องปอนด์แล้วนะ..”// TBC.
ไม่มีอะไรจะแก้ตัวว ฮือออ หายไปสองเดือน โอ้ยพระเจ้าจะเป็นลม
ขอโทษค้าาา กลับมาแล้ว กลับมาจริงๆไม่จิงโจ้ เอาจริงๆหายไปสองเดือนคืองานสุมมาก
ช่วงนี้อินเทรินช่วงสุดท้ายใกล้จบ ยังพอหายใจหายคอได้บ้าง
กลับมาแล้วนะคะ ไม่ให้รอนานแล้ว อย่าหายไปจากกันเลยนะ ยังจำนุ้งกัสกับน้องปอนด์กันได้ไหมอ่าา
มีคนยังมาเม้นรอก็ดีใจ ขอบคุณมากนะคะ
ปล. พรุ่งนี้ลงตอน 10 มุมมองของปันปันเราแน่นวลจ้าาา เราจะทำตามสัญญาาาาา
ไปละค้าา เม้นตบตีเลาได้ตามสบายยยย T___T