ตอน 8 ขอตั้งชื่อตอนว่า หลบหน่อยพระเอกมา ฮ่าๆ :: POND PART ::“ไอ้ปอนด์มึงเล่นผิดคีย์อีกแล้ววะ”
“....”
“ไอ้ปอนด์ตรงนี้กูบอกแล้วไงว่ากูเปลื่ยนเป็นคีย์ต่ำ”
“.....”
“ไอ้เหี้ยปอนด์!”
“เออ ! กูได้ยินแล้ว”
ผมวางกีต้าร์คู่ใจลงข้างลำตัว ก่อนจะตอบรับไอ้ตูนที่หันหน้ามาทำหน้ายักษ์ใส่
“วันนี้กูบอกเรียกมึงกี่รอบแล้วเนี่ย สมาธิมาหน่อยดิมึง”
ผมเอามือลูบหน้าไปมา สมควรให้มันด่าจริงๆ ผมยอมรับว่าซ้อมวงวันนี้แทบไม่มีสมาธิเอาซะเลย หลายวันมานี้
ภาพของคนตัวเล็กที่ตวัดลิ้นไปมาในปากมันมักผลุบขึ้นมาในหัวจนไม่เป็นอันทำอะไร
อาการหนักชิบหายแล้วกู...
“เออ กูขอโทษวะ ขออีกรอบละกัน”
ผมตอบไปแกนๆ กำลังจะคว้าไอ้กีต้าร์คู่ใจขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าไอ้ตูนไม่คว้าเอาไว้ซะก่อน
“เฮ้ยพวกมึงพักก่อนละกัน เล่นต่อไปตอนนี้กูได้ต่อยไอ้ปอนด์แน่ๆ”
ไอ้ตูนหันไปบอกสมาชิกในวงคนอื่นๆ ก่อนท้ายประโยคจะแดกดันผมพร้อมกับส่งสายตาอำมหิตมา ไอ้ตูนมันเป็นคนแบบนี้แหละถ้าเล่นก็เล่นชิบหาย แต่เวลาจริงจังกับอะไร มันก็จะจริงจังมากๆ รู้สึกผิดกับมันและทุกคนเหมือนกันที่ทำให้เสียเวลาขนาดนี้
พวกสมาชิกที่เหลือประกอบด้วย ไอ้เป้มือเบส และไอ้ต้าร์มือกลอง พยักหน้ารับคำสั่งจากไอ้ตูน
และเดินทำหน้าเซงๆออกไปจากห้องซ้อม
“ไหนมึงช่วยบอกกูมาดิ ว่าเป็นเหี้ยอะไร”
พอเหลือกันแค่สองคน ไอ้เพื่อนตัวดีก็เต๊ะท่ายืนกอดอกพิงโซฟา อย่างกับจะสอบสวนผู้ก่อการร้ายอย่างไงอย่างงั้น
“กูขอโทษวะ วันนี้มันไม่ค่อยมีสมาธิ”
ผมถอนหายใจและยอมรับออกไปตรงๆ ไอ้ตูนหรี่ตามองแบบคนขี้เสือกทุกเรื่องเป็นทุนเดิม
“ปกติกูไม่เคยเห็นมึงจะพลาดนะ มือเซียนอย่างมึงมีอะไรขัดสมาธิได้วะ”
มันเดินไปหยิบไม้กลองของไอ้ต้าร์มาก่อนจะชี้มาตรงหน้า เดินไปรอบๆตัวผมราวกับจะจับผิดอะไรบางอย่าง
“ถ้าไม่เป็นเพราะ..”
“ผู้หญิง” ผมเบ้หน้าให้กับคำสันนิฐานของมัน มึงพลาดแล้วละไอ้ตูน ไม่ใช่ผู้หญิงและห่างไกลแบบขั้วตรงข้ามเลยด้วยซ้ำ
มันยังหรี่ตา และ อมยิ้มมุมปากก่อนจะพูดต่อ
“ก็เป็นเพราะ..”
“พี่กัสตัวนุ่มนิ่มน่ากอดคนนั้นปะวะ”พลั่ก
“โอ้ย ไอ้เชี้ยปอนด์”
หมอนอิงนอนเอ้งเม้งอยู่ที่ปลายตีนไอ้ตูน หลังจากที่เมื่อกี้ผมปาไปให้ประทับอยู่บนหน้าไอ้เพื่อนขี้เสือก
“เสือกจริงๆนะมึง”
มันทำเป็นกุมหน้าเหมือนเจ็บซะเต็มประดา แต่จริงๆแม่งก็ตอแหลแหละ มารยาแม่งเยอะจะตายห่า
มันค่อยๆผละมือออกมาจากใบหน้ามองผมด้วยสายตาล้อเลียน
“โอ๊ะ โอ๋ ใช่จริงๆด้วย”
“มึงหุบปากไปเลย”
“มึงเขินหรอวะ”
ไอ้ตูนรีบปรี่เข้ามาจับหน้าผมหมุนสายหมุนขวา ผมถอนหายใจก่อนยกตีนขึ้นถีบมัน
“โอ๊ะ ไม่ได้แดกกูเป็นครั้งที่สองหรอกสัส” มันยิ้มเจ้าเล่ห์ เพราะแม่งหลบทัน !
“มึงออกไปห่างๆกูหน่อยไป ก่อนที่คราวหน้ามึงจะหลบไม่ทัน”
แทนที่มันจะสลด ไม่มี ! ไม่ใช่สันดารไอ้ตูน มันยังคงใช้สายตากรุ่มกริ่มมองมาทางผม
แต่เพียงแค่ไม่เข้ามาใกล้รัศมีฝ่าเท้าแค่นั้นเอง
“มึงเขินอะ กูดูก็รู้ แค่กูพูดถึงพี่กัส หน้ามึงแดงไปถึงหู ไอ้เหี้ยย กูขำวะ กล้องๆอยู่ไหนวะ ขอไอ้ตูนคนนี้ถ่ายไว้เป็นบุญตาทีเถอะ”
“สัส !”
หงุดหงิด หงุดหงิดไอ้เพื่อนเชี้ยนี่จริงๆ แม่งไม่พูดเปล่า ยกไอโฟนขึ้นมาทำท่าจะถ่ายจริงๆ ถ้าไม่เพราะสายตาอาฆาตของผมที่ส่งกลับคืนไปจะทำให้มันสลดลงได้บ้าง
“โอ๋ๆ กูไม่แกล้งมึงละ ไหนๆมีอะไรอัพเดทเพื่อนบ้างสิ” มันเข้ามานั่งกระเซ้าข้างๆ สีหน้าเจ้าเล่ห์อยากเสือกจนน่าหมั่นไส้
“ไม่มีอะไรโว้ย ไม่เกี่ยวกับพี่เค้า”
“กูไม่เชื่อ”
“เรื่องของมึง”
“ได้ งั้นกูโทรถามพี่กัส” ผมรีบหันขวับไปมองหน้ามัน
“มึงไปมีเบอร์เค้าได้ไง”
“ก็เคยขอไว้ตั้งแต่ผับคราวที่แล้วนู้นนน ก็เค้าน่ารักซะขนาดนั้น ก็อยากทำความรู้จักเป็นธรรมดา”
มันว่าไปพลางเลื่อนๆมือถือไปมา
ขวับ
“อ้าว เฮ้ยมือถือกู”
“มึงไม่ต้องไปยุ่งกับพี่เค้าเลย”
ผมหยิบมือถือจากมือมันมา พลางเลื่อนๆดูเบอร์ในรายชื่อไปด้วย แต่ไม่ยักกะมีชื่อของไอ้พี่ซื่อบื้อปรากฏอยู่ สมองที่วันนี้สั่งการช้าผิดปกติ เริ่มประมวลผลได้ว่า
..ผมตกหลุมพรางไอ้ตูนเข้าแล้ว..เงยหน้าขึ้นไปมันก็ยืนกอดอกเต๊ะท่ายิ้มรอเลย...
“กูไม่มีเบอร์เค้าหรอก แต่มึงเถอะ...หวงขนาดนี้มึงจะบอกว่าไม่มีอะไร มึงไปหลอกเด็กอมมือเค้ายังไม่เชื่อมึงเลย”
ผมมองหน้ามันก่อนจะถอนหายใจ “เออๆ มึงอยากเสือกนักกูก็จะบอกให้”
“มาจัดมาเพื่อน”
“กูกำลังเปิดโอกาสให้เค้าจีบกูอยู่”
ไอ้ตูนเลิกตาขึ้นเหมือนจะประหลาดใจ “แล้ว?”
“ก็แค่นั้น”
“เรื่องแค่นี้เหรอที่ทำให้มือกีต้าร์ของกูเสียสมาธิ”
ผมใช้ฝ่ามือลูบหน้าไปมา ยอมรับมากว่าตอนนี้ต้องการใครสักคนรับฟังเรื่องราวความสับสนภายในใจ ถ้าไอ้ตูนมันเป็นคนกวนตีนน้อยกว่านี้สักนิด ผมอาจจะปรึกษามันไปแล้วก็ได้
“เปล่า ไม่ใช่”
“แล้ว?”
“ไอ้ตูนกูสับสนวะ”
“สับสนอะไรวะ”
“บางทีกูคิดว่า หรือกูจะเป็นเกย์ไปแล้ววะ”
ผมฟุบหน้าลงกับฝ่ามือ แค่พูดมาก็กระดากปากแล้ว เป็นสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะมีวันเข้าไปยุ่ง ไม่คิดจะสนใจ แต่เหตุการณ์หลายๆวันที่ผ่านมากับไอ้พี่ซื่อบื้อมันก็อดทำให้คิดไม่ได้ ต่อให้พี่มันจะน่ารักขนาดไหน มันก็คือผู้ชาย และความจริงก็คือ ผู้ชายที่ชอบผู้ชายยังไงมันก็คือเกย์อยู่ดี
ไอ้ตูนเงียบไปอึดใจ ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ กูเคยบอกมึงแล้วนะเว้ย ว่าสมัยนี้เค้าเลิกมองข้ามเรื่องเพศกันไปนานแล้ว มึงอย่าไปโฟกัสตรงจุดนั้นสิวะ มึงมองแค่ว่ามึงรู้สึกยังไง และ พี่กัสเค้ารู้สึกยังไงก็พอ”
“มึงก็พูดง่ายสิวะ มึงไม่ได้เป็นกูนิ”
“ให้กูเป็นมึงก็ได้เอาไหมละ กูจีบพี่กัสเอง กูแอบปลื้มพี่เค้าอยู่ลึกๆอยู่ละ เรื่องเพศกูไม่มายเลย”
ไอ้ตูนยักไหล่และยกยิ้มมุมปาก
“สัส”
“ฮ่าๆ กูล้อเล่น ของๆเพื่อนกูไม่นิยมหรอกน่า ไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะขู่ฆ่ากูขนาดนั้น รู้แล้วว่าหวงๆ”
ผมส่ายหน้าให้กับความกวนส้นตีนของมัน ผมเครียดจะตายห่าแล้วแม่งยังมาเล่น ภาพไอ้ก้านเชอรี่บ้าบอนั้นก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด ชอบผู้ชายอย่างเดียวไม่ว่า แต่ยังคิดอกุศลด้วยอีก โอ้ยยยย ไอ้ปอนด์มึงจะกลับมาเดินทางสายสว่างทันไหมเนี่ยยย
“กูคิดออกละ” อยู่ดีๆไอ้ตูนก็โพล่งขึ้นมา จนผมต้องเงยหน้าไปมอง
“คิดอะไรของมึง”
“กูมีวิธีพิสูจน์”
“พิสูจน์?”
“เดี๋ยวคืนนี้มึงก็รู้”มันว่าแบบนั้น ก่อนจะเดินผิวปากอารมณ์ออกจากห้องซ้อมไปราวกับเจอเรื่องสนุกให้มันได้เล่นอีกแล้ว เห็นสีหน้ามันเป็นแบบนี้แล้ว ผมรู้เลยว่าความยุ่งยากมันจะตามมาอย่างแน่นอน
ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนว่าไม่มีเรื่องไหนที่ไอ้ตูนมายุ่งแล้วจะง่ายดายเลย
....คืนนี้ผมคงต้องเตรียมตัวรับความปวดหัวอีกแล้วสินะ...คืนนี้ไอ้ตูนมันจัดการเสร็จสรรพให้วงผมขึ้นเล่นเป็นวงแรกก่อนตอนหัวค่ำ พอเสร็จแล้วมันก็ลากผมมานั่งที่โต๊ะ VIP
ประจำของพวกเรา เวลาที่เล่นดนตรีเสร็จพี่ตุ๊กเจ้าของร้านแกก็จะเปิดเหล้าเปิดเบียร์ไว้เลี้ยง
“มึงจะทำอะไรของมึงวะไอ้ตูน อยู่ดีๆก็ไปแลกคิวกับวง ORANGE เฉย ไม่ปรึกษาพวกกูสักคำ”
เป็นไอ้ต้าร์ที่ถามออกมาคนแรก ผมที่ยกแก้วขึ้นจิบนิ่งๆก็รอฟัง
ไอ้ตูนยกยิ้มก่อนตอบ “เอาน่า กูมีเรื่องสนุกๆไงคืนนี้ เลยต้องรีบจัดการธุระให้เสร็จไปก่อน”
มันส่งถั่วเข้าปาก ก่อนจะเหลือบตามามองทางผม บอกตรงๆตอนนี้ผมก็ยังเดาไม่ออก ว่ามันจะเล่นอะไรของมัน แล้วเรื่องนี้เกี่ยวกับไอ้พี่ซื่อบื้อตัวดียังไง พอลงจากเวทีมาเมื่อกี้ ผมก็ลองไลน์ไปหาเค้า ก็เห็นบอกว่าเตรียมจะนอนแล้ว เลยตัดประเด็นนี้ไปได้เลยว่าไอ้ตูนจะไปลากไอ้พี่ซื่อบื้อมาอยู่ในแผนการบ้าบออะไรของมันหรือเปล่า
“เออ กูลืมบอกคืนนี้มีเพื่อนกูมาร่วมแจมด้วยสองคนนะ”
“ใครวะเพื่อนมึง กูรู้จักหรือเปล่า” ผมหันไปถาม
“มึงไม่รู้จักหรอก เป็นเพื่อนกูสมัยมอปลาย” มันว่าก่อนจะกดโทรศัพท์ยุกยิก
ไม่นานนักก็ปรากฎ 1 ชายหนุ่ม และ 1 หญิงสาว เดินมาเข้าที่โต๊ะ
“ตูน..” เป็นผู้หญิงคนนั้นเอ่ยปากทักก่อน แต่สายตาตั้งแต่เดินเข้ามา จับจ้องที่ผมอยู่ไม่หยุด
คนที่ผ่านเรื่องนี้มาก็มาก ดูไม่ยากเลยว่าเธอกำลังสนใจผมอยู่
“อ้าว รี่ มาถึงไวจัง ไงวะไอ้กันต์”
ไอ้ตูนหันไปทักเพื่อนมันทั้งสองคน ผมยกเบียร์ขึ้นจิบและนั่งสำรวจเงียบๆ ผู้หญิงเป็นสาวสวยน่ารัก แต่ก็ดูเปรี้ยวเข็ดฟันอยู่ในที่ แต่งตัวถึงจะดูไม่โป๊มาก แต่กิริยาและสายตาที่มองมาก็พอดูรู้ว่าเธอก็เชี่ยวพอสมควร ส่วนผู้ชายอีกคน ก็ตัวสูง หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ แต่งตัวดีดูมีชาติตระกูลอยู่ไม่น้อย ไม่รู้ว่ามาคบกับไอ้เพื่อนปัญญาอ่อนนี้ได้ยังไง
“เฮ้ย พวกมึงกูขอแนะนำเพื่อนกูก่อนนะ นี่เชอรี่ เรียนเอกคหกรรม ส่วนนั้นก็ไอ้กันต์ หมอชอบฟัน เอ้ยย หมอฟันๆ ฮ่าๆ ส่วนนี้เพื่อนๆมหาลัยกูนะ ไอ้ต้าร์ ไอ้เป้ ส่วนตรงกลางเด่นสุดนั้น กูภูมิใจนำเสนอ ไอ้ปอนด์ เดือนคณะ ฉลาด รูปหล่อ เจ้าชู้ตัวพ่อเลย”
“สัส พอ” ผมโยนถั่วใส่หน้าให้มันหุบปาก ทีกูมึงแนะนำซะยาวชิบหาย
พวกผมยกแก้วเหล้าทักทาย เป็นหน้าที่นักดนตรีอยู่แล้วที่จะมีความเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์สูง เมื่อมีคนแปลกหน้าเข้ามาที่โต๊ะ พวกผมก็ทำความสนิทสนมได้อย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะเพื่อนๆไอ้ปอนด์ก็ดูนิสัยคล้ายๆมันด้วยเข้ากับใครได้ง่ายๆไปซะหมด
“ รี่ขอนั่งข้างปอนด์ได้ไหมค่ะ ”
หญิงสาวถือแก้วยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าสวยที่ประดับไปด้วยเครื่องสำอางค์อย่างลงตัวยกยิ้มอย่างมีจริต
“เชิญครับ”
ผมเขยิบที่นั่งที่เป็นโซฟาให้เธอนั่งลงข้างๆ จริงๆมันเป็นโซฟาที่ไม่ใหญ่มากนัก ผู้ชายตัวใหญ่อย่างผมนั่งคนเดียวก็แทบเต็ม พอเชอรี่มาขอนั่งข้างๆอีกก็กลายเป็นเบียดกันโดยอัติโนมัติ แว่บนึงผมเห็นไอ้ตูนหันมายิ้มให้ ก่อนจะขยิบตาให้ทีนึง ผมไม่รู้ว่ามันจะเล่นอะไร หาผู้หญิงให้ผมงั้นหรอ เพื่อจะให้ผมเลิกเป็นเกย์หรือไง
ผมมองผู้หญิงข้างๆ เชอรี่เธอใส่เสื้อสายเดี่ยวสีพาสเทลหลวมๆ พอเห็นมานั่งข้างๆแบบนี้ ด้วยส่วนสูงที่มากกว่าผมก็มองคว้านเข้าไปจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน ผมยาวสลวยที่ถูกดัดเข้าทรงมาอย่างดี ถูกปาดไปข้างนึงโชว์ลำคอระหงส์ราวกับอยากจะยั่วกัน ยังไม่รวมกระโปรงผ้าพริ้วสั้นนั้นอีก ที่เธอนั่งจนมันหล่นขึ้นมาจนถึงต้นขาขาว ไม่รู้ว่าไม่ได้ระวังตัว หรือ ตั้งใจกันแน่ ผมลอบกลืนน้ำลาย ผมยังแมนแน่ๆละ เห็นแบบนี้ก็ยังมีอารมณ์ ไม่ได้ตายด้านกับผู้หญิงไปซะหมด
“มองอะไรค่ะ ปอนด์” เธอเอียงคอถาม ริมฝีปากยกยิ้มอย่างรู้ทัน
ผมมันก็ไม่ใช่กวางน้อยที่จะให้เธอไล่ต้อนเสียด้วยสิ
“รี่คิดว่าผมมองอะไรละครับ”ผมส่งดวงตาเจ้าเล่ห์กลับไปให้ ดีเหมือนกันช่วงนี้ผมรู้สึกขาดๆเรื่องพวกนี้ไปซักระยะ ตั้งแต่ที่มีภาพไอ้พี่ซื่อบื้อเข้ามาในหัว
ก็ไม่มีอารมณ์จะออกไปเตร็ดเตร่ที่ไหนเลย
คิดถึงเค้าอีกแล้ว...ป่านนี้คงหลับไปแล้วละมั้ง
“ชนแก้วกันไหมคะ” เธอยกแก้วขึ้นแทนจะตอบคำถาม ผมพยักหน้ารับก่อนจะชนแก้วกับเธอ
และรับไอ้น้ำสีอำพันในแก้วลงคอไปซะหมด
“ปอนด์กินยังไงให้เลอะค่ะเนี่ย เหมือนเด็กๆเลยนะ” เธอโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะใช้นิ้วปาดเข้าที่ริมฝีปาก
ราวกับจะยั่ว ผมส่งยิ้มกลับไปให้ ใบหน้าเธอโน้มเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนผมรู้ความหมาย
“เฮ้ยๆๆ พวกมึงถอยหน่อย พี่ชายสุดที่รักกูมา พี่กัสนั่งตรงนี้เลยครับ”
กึก
ทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น ริมฝีปากที่กำลังจะประกบกับริมฝีปากที่เคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูช๊อคกี้พิงค์ก็ต้องชะงักไป ร่างกายเด้งออกมาโดยอัตโนมัติ สายตาจับจ้องไปยังคนที่มาใหม่ ที่กำลังมองมาด้วยความตกใจ
“ปอนด์เป็นอะไรค่ะ” ผมลุกขึ้นโดยไม่สนใจตอบคำถามเชอรี่ ไหนบอกกันว่าจะเข้านอนแล้วยังไง ทำไมตอนนี้ถึงมาโผล่อยู่ที่นี้ได้
“พี่มาได้ยังไง ใครให้พี่มา”
“เฮ้ยๆ ไอ้ปอนด์ใจเย็นๆ กูเป็นคนไปรับเค้ามาเอง เห็นว่าหอเค้าก็อยู่ใกล้แค่นี้ มาสนุกๆกันซะหน่อย เนอะพี่กัส”
คนตัวเล็กเงยหน้ามองผมที ผมไอ้ตูนทีก่อนจะพยักหน้าช้าๆ แววตาที่มองผมดูเศร้าสลดอย่างเห็นได้ชัด
ผมไม่รู้ว่าพี่กัสเข้ามาเห็นอะไรบ้าง ถ้านี้เป็นแผนของไอ้ตูนก็เป็นแผนที่ทำลายผมชัดๆ
“เดี๋ยวกูพาเค้าไปส่งหอเอง มันดึกแล้ว อันตราย” ผมที่กำลังจะลุกข้ามไปดึงไอ้พี่ซื่อบื้อกลับหอ
ก็ต้องชะงักเมื่อมีมือของคนข้างๆส่งมาจับไว้ก่อน
“เดี๋ยวสิคะปอนด์ จะไปไหนละค่ะ คนมาเยอะๆก็สนุกดีออกนะ” ผมเห็นแววตาของคนตัวเล็กจับจ้องที่มือที่จับผมอยู่ไม่วางตา ก่อนจะก้มหน้านิ่งๆ
“เออดิ ไอ้ปอนด์ไม่ต้องห่วง กูดูแลพี่เค้าเอง ดื่มๆกันต่อเถอะ พี่กัสนั่งนี่นะครับ”
ไอ้ตูนยิ้มหวานให้คนตัวเล็กข้างตัว ไอ้พี่ตัวดีก็พยักหน้าเออออทุกอย่าง ใครอยากจะรับไปไหนก็ไป ใครจะพาไปไหนก็พาหรอวะ คิดแล้วมันหงุดหงิดจริงๆ ถึงจะเป็นไอ้ตูนก็เถอะ แต่ไว้ใจคนง่ายขนาดนี้ได้ยังไงกัน
“ปอนด์หงุดหงิดอะไรค่ะ เดี๋ยวรี่ชงแก้วใหม่ให้นะ” สาวข้างตัวเธอยังทำหน้าที่ตนเองได้อย่างไม่บกพร่อง แต่ทำไมผมถึงไม่มีอารมณ์สนใจเลยสักนิด สายตาจับจ้องไปที่ฝั่งตรงกันข้ามตลอด ฝั่งนั้นเดี๋ยวก็มอง เดี๋ยวก็ผลุบตาลงต่ำไม่สบตา
เหมือนที่ชอบทำอยู่ทุกที
ไอ้ตูนหยิบเบียร์ให้ไอ้พี่กัสกิน ผมอยากจะห้าม แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้อย่างใจนึกนัก เพราะเชอรี่เธอก็เกาะติดหนึบเหมือนกัน พยายามที่จะเรียกร้องความสนใจจากผมทุกวิถีทาง ผมก็ไม่ใช่พวกที่จะปฎิเสธใครอย่างไร้เยื่อใยได้ เลยต้องยิ้มรับเธอไปแกนๆตลอดเวลา
“ปอนด์มองไปทางนั้นตลอดเลย สนิทกับพี่เค้าหรอค่ะ” ผมขมวดคิ้วหันไปมองหน้าเธอ
“ก็ประมาณนึงครับ”
“หรอ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ รายนั้นน่ะ สเปคกันต์เค้าเลย กันต์คงดูแลอยู่ไม่ห่างแน่ๆละค่ะ”
กึก
จบคำพูดของเชอรี่ เหมือนเส้นอะไรในสมองรู้สึกขาดผึง มองกลับไปทางนั้นก็เห็นไอ้ตูนลุกขึ้นจากที่นั่งข้างๆไอ้พี่ตัวเล็ก
แล้วแทนที่ด้วยเพื่อนมันที่ชื่อกันต์พอดี
“ผมชื่อ กันต์ครับ ชนแก้วกับผมสักแก้วได้ไหมครับพี่กัส”
ผมนั่งมองภาพตรงหน้าแบบที่ทำอะไรไม่ได้ เพราะเชอรี่คล้องแขนผมไว้อยู่ คนตัวเล็กหันมามองทางผมแว่บนึง ผมส่งสายตาอาฆาตไปให้ พร้อมกับทำปากไปว่า ให้ปฎิเสธไปซะ การยอมชนแก้วกับเค้า ก็เท่ากับการยอมรับไมตรีที่จะขอคุยทำความรู้จัก พี่กัสมองหน้าผม ก่อนจะมองต่ำลงไปถึงมือเรียวที่คล้องแขนอยู่ จ้องมองมันสักพักก่อนที่จะตอบ
“ได้ครับ” พี่กัสส่งยิ้มบางๆให้ฝั่งนั่น ก่อนที่ไอ้หมอฟันนั้นจะยิ้มอย่างดีใจ
เคร้ง..แก้วเหล้าในมือผมวางบนโต๊ะกระจกลงอย่างเสียงดัง จนคนรอบโต๊ะหยุดการกระทำแล้วหันมามอง
“เป็นเหี้ยไรวะไอ้ปอนด์ วางเบาๆก็ได้ เดี๋ยวโต๊ะพี่ตุ๊กแตกขึ้นมา จะโดนหักเงินกันทั้งวงนะโว้ย” ไอ้ตูนบอก ผมมองหน้ามัน
ยังมีหน้ามาพูด แผนอะไรของมึงเฮงซวยสิ้นดี
“เสือก” อารมณ์ไม่ดีครับ ไม่ดีเอามากๆ เหมือนหญิงสาวข้างตัวจะรับรู้ถึงสิ่งนั้นได้
ถึงค่อยๆถอนมือออกและนั่งกินเหล้าไปเงียบๆ มีหันไปคุยกับไอ้เป้ ไอ้ต้าร์บ้าง
สิ่งที่ผมทำคือจ้องมองคนตัวเล็ก ที่กำลังถูกไอ้หมอฟันคุยหม้ออย่างออกรสออกชาติ ใบหน้าขาวที่ตอนแรกดูเศร้าสลด ก็ผุดรอยยิ้มขึ้นมา เมื่อเจอคารมของไอ้หมอฟันเข้าไป บางทีผมควรจะต้องถามตัวเองสักที ว่าไอ้สิ่งที่รู้สึกอยู่ทั้งหมดทั้งมวลมันคืออะไร ทั้งๆที่มีผู้หญิงสวยๆอย่างเชอรี่อยู่ข้างๆแท้ๆ แต่ความสนใจทั้งหมดของผมกับไปลงอยู่ที่ ผู้ชายตัวเล็กๆ ใบหน้าขาวๆที่ไม่ถูกแต่งแต้มด้วยสิ่งใดๆ กับเสื้อยืดโคร่งๆและกางเกงยีนส์ บางทีคำตอบของทุกอย่างมันก็อยู่ในตัวมันเองอยู่แล้ว ผมควรจะต้องยอมรับความจริงซักที
“ผมขอไลน์พี่กัสหน่อยได้ไหมครับ เผื่อเดี๋ยวผมส่งรูปไปให้ดู”
“อ่อๆได้สิ กันต์อย่าลืมส่งให้พี่ดูนะ พี่ชอบฝีมือการถ่ายรูปของกันต์มากเลย”
คนตัวเล็กยิ้มจนตาปิดก่อนจะรับมือถือของอีกฝ่ายมา
โอเค...ความอดทนผมหมดลงตรงนี้“พี่เค้าคงให้ไลน์หมอไปไม่ได้แล้วละ” ผมลุกขึ้นยืน เดินอ้อมไปคว้าหมับเข้าที่มือถือของไอ้หมอฟันไว้
ก่อนจะยื่นส่งให้เจ้าของไป
“อ้าว ทำไมละครับ” ไอ้หมอฟันมองผมสลับกับพี่กัสงงๆ
ผมคว้าข้อมือขาวเอาไว้กับตัว ก่อนฉุดให้ลุกขึ้นยืนขึ้นข้างกัน
“เพราะพี่เค้ามีแฟนแล้ว”
ผมหันไปตอบไอ้หมอฟัน มันขมวดคิ้วเป็นปม แต่ผมไม่สนใจ หันหลังไปหาเจ้าของข้อมือขาวที่กุมอยู่ พี่กัสจ้องมองผมอย่างงงๆ ผมยิ้มมุมปาก ก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหู เป็นสิ่งที่เราได้ยินกันเพียงสองคน
“พี่จีบผมติดแล้วนะ จากนี้ไปเราเป็นแฟนกัน”//TBC.
มาเร็วเหลือเกินตบตีๆ ตอนนี้เขียนสนุกมาก มันลื่นนน แล้วก็ค้นพบว่าตัวเองชอบเขียนในมุมมองปอนด์ที่สุด 5555 เขียนมุมปอนด์ทีไรแต่งได้ลื่นไหลทุกที วันเดียวมาโผล่อีกหนึ่งตอนซะแหละ
ตอนนี้ชื่อตอน หลบหน่อยพระเอกมานะคะ หลังจากตอนที่แล้วพระเอกของเราโดนถล่มไม่มีชิ้นดี น้องปอนด์ของเค้า แตกหัก
ผุพังโดนสาปแช่งไปหมดแล้ว ตอนนี้เลยมาขอเรตติ้งคืนบ้าง (ไม่รู้ได้คืนหรือเปล่า) โดยมีตูนเป็นทัพเสริม ฮ่าๆ พระเอกของเรา
หงุดหงิดหงุ่นหง่านหวงเค้าขนาดนี้แล้ว เขียนไปเขียนมายังงงๆ ใครจีบใครกันแน่ 555 ดูเหมือนอิพี่กัสมันจะปล่อยเสน่ห์เฉยๆ
แล้วน้องปอนด์ตามกลิ่นมาหลงเองซะอย่างงั้น มีตัวละครใหม่มาหมอกันต์ หมอฟัน หมอชอบฟัน 55555 เค้าจะมีบทบาทคะ
มีบทบาทยังไงต้องติดตามม
วันนี้มาเร็วมากอะ ว่างทั้งวัน ถ้าปั่นต่อได้อีกจะมาต่อให้นะคะ
สปอยว่าตอนหน้ามี FIRSTKISS นะคะ อ๊ากกกก 8 ตอนแล้ว ให้เค้าจุ๊บกันบ้างเต๊อะ
เดี๋ยวน้องปอนด์จะเฉาตายซะก่อน
ไปแล้วคะ ทอล์คยาวทุกที คุยกันได้นะคะ อ่านทุกเม้น
อ่านแล้วมีกำลังใจปั่นขึ้นโขเลยคะ
รักนะคะ ^^