ตอนที่ 48
ตึง!!
โทรศัพท์ร่วงลงจากมือกระแทกกับพื้นกระเบื้องอย่างแรง โชคดีว่าชิ้นส่วนยังไม่แยกออกจากกัน แม้มือของพี่ตุลย์จะสั่นจนผมยังสังเกตเห็น แต่เขาก็พยายามที่จะใจเย็นแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยต่อ
“ลูก...หายไปจากที่ไหน”
/สยาม ไม่ ๆ พารากอน ฟ้ากับลูกมาเที่ยวด้วยกันที่นี่ เราซื้อของกันแล้วก็กำลังจะกลับ ตะ แต่ว่าพอฟ้าละสายตาไปแป๊บเดียว ที่หนึ่งก็หายไป!/
“นี่ฟ้าดูลูกยังไง เขาถึงหายไปได้หะ!”
ผมสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ใบหน้าของพี่ตุลย์และน้ำเสียงก็น่ากลัวจนผมใจสั่น แต่ในขณะเดียวกันมือของเขาก็กำแน่นเหมือนกำลังอดทนและใช้มันเพื่อดึงสติให้ยังอยู่กับตัว
/ฟ้าก็แค่คุยกับพี่วีแป๊บเดียวเท่านั้นเอง! อย่าเพิ่งว่าฟ้าได้ไหม! ช่วยฟ้าก่อน!!/
ผมเองก็เห็นด้วยเลยบีบไหล่พี่ตุลย์เบา ๆ ให้ใจเย็นลง
“...แล้วฟ้าให้ประชาสัมพันธ์หาหรือยัง?”
/ฟ้าทำแล้ว พอรู้ตัวว่าลูกหายไป พี่วีก็ไปบอกให้เขาประชาสัมพันธ์หาเลย แล้วก็ขอความช่วยเหลือจากยามช่วยหาทุกชั้นแล้ว ฟ้ากับพี่วีก็เดินหาตลอดยังไม่ได้หยุด แต่ก็หาไม่เจอเลย ทำไงดี.../
“พี่ตุลย์ แถวนั้นมันมีห้างฯ อยู่ติด ๆ กัน ผมว่าให้เขาไปแจ้งฝ่ายประชาสัมพันธ์ของห้างฯ อื่น ๆ ไว้ด้วยดีกว่า เผื่อที่หนึ่งอาจจะเดินหลงไปห้างฯ อื่น”
/นั่นเสียงเอสหรอ? พี่ยังอยู่กับไอ้เกย์นั่นหรอ! นี่พี่ยังกล้า.../
“หุบปาก!! แล้วไปทำตามที่เอสบอกซะ ถ้าลูกเป็นอะไรไปพี่ไม่เอาเธอไว้แน่ทอฟ้า! แล้วก็อยู่ที่นั่นแหละ พี่จะไปหา” เสียงนั่นต่ำจนเย็นยะเยือก
ตุลย์กระชากที่ชาร์จแบตออกอย่างแรงจนทั้งตัวที่ชาร์จหลุดออกมาจากปลั๊กติดผนัง เขาอุ้มตอนต้นมาให้ผมรับต่อ ก่อนจะพรวดพราดเข้าห้องนอน หยิบกุญแจรถและกระเป๋าเงิน
“ผมไปด้วยนะ!”
“ไม่ต้อง อยู่ที่นี่แหละ ดูแลตอนต้นไว้”
“แต่ถ้าผมไปด้วยก็จะได้ช่วยหาไง ไปกันหลาย ๆ คนมันก็ดีกว่าไม่ใช่หรอ?”
“จะให้ฉันต้องมาพะวงทั้งที่หนึ่งทั้งตอนต้นหรอไง! อยู่ที่นี่ เฝ้าตอนต้นไว้เข้าใจไหม!”
ปัง!
ผมสะดุ้งกับเสียงปิดประตู หน้าตาน่ากลัวของพี่ตุลย์ก่อนที่จะกระชากประตูปิดทำให้ผมหวาดหวั่นไม่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเขาฟิวส์ขาดขนาดนี้ แต่มันก็ไม่แปลกในเมื่อลูกหายไปทั้งคนแล้วมันก็ไม่ใช่ใกล้บ้านเลยด้วย ที่หนึ่งหายไปในที่ที่เขาไม่เคยไปมาก่อน ทั้งผู้คนทั้งรถยนต์ล้วนแต่น่ากลัว มันสามารถเกิดเรื่องเลวร้ายได้ตลอดกับเด็กหลงทางคนหนึ่งในเวลาเย็นย่ำแบบนี้
“แอ แอ๊!”
“ตอนต้นจะไปไหนละ?”
ผมจับตอนต้นที่กำลังตะเกี่ยตะกายออกจากแขนผมไว้ ล็อคไว้อย่างดีกันไว้ทุกทาง แม้ตอนต้นจะไม่รู้เรื่องอะไรแต่เขาก็คงจับสังเกตได้ว่ามันมีเรื่องเกิดขึ้นถึงได้ดิ้นแรงขนาดนี้
ทำไงดี ผมเองก็ใจคอไม่ดี ไม่อยากอยู่ที่นี่ อยากออกไปตามหาอีกแรง...แต่ถ้าผมเอาตอนต้นไปด้วยมันก็ลำบากอย่างที่พี่ตุลย์พูด ต้องมาพะวงหน้าพะวงหลัง ป้าสร้อยก็ไม่อยู่ตั้งแต่วันเสาร์แล้วด้วย
โธ่เว้ย! นี่ผมได้แต่นั่งสวดภาวนาให้หาที่หนึ่งเจอหรอไง!
ตุลย์เป็นคนใจเย็นอยู่เสมอและในทุกสถานการณ์ เขาเชื่อมั่นว่าถ้าคิดให้ดี ๆ รอบคอบ ระมัดระวัง ปัญหามันก็แก้ได้ไม่ยาก แต่วันนี้เขาก็เพิ่งรู้ว่ามันใช้ไม่ได้ในทุกสถานการณ์!! ตอนที่เขารู้ว่าที่หนึ่งหายไป เขาสงบสติอารมณ์ไม่ได้เลย! เขาเก็บงำความเยือกเย็นเอาไว้ไม่ได้! แม้จะนั่งอยู่ในรถเย็นเฉียบแต่ใจกลับร้อนรุมด้วยความกังวลไม่หยุด
ทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้!!
“พี่ดูเชื่อมั่นมากเลย ว่าเขาจะเลี้ยงที่หนึ่งได้ดี”
“ก็ยังเป็นแม่ของที่หนึ่งนี่หน่า” ตึง!!
บ้าเอ๊ย เขาไปไว้ใจผู้หญิงคนนั้นได้ไง เขาคิดได้ยังไงว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูแลที่หนึ่งได้ดี!
ตุลย์แทบจะประสาทเสีย อยากจะร้องเสียงดัง ๆ ด้วยความคับแค้นใจตัวเองแต่เขาก็ทำได้แค่เงียบและสะกดกั้นอารมณ์ สอดส่องสายตาซ้ายขวาเวลาที่ขับรถ มองทุกอย่าง มองทุกที่เผื่อจะเห็นลูกเดินอยู่ หรือนั่งรถของใคร หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้เขารู้ว่าลูกปลอดภัยแล้วจะพาตัวกลับมาได้!
Rrrrrrrrrr
“เจอที่หนึ่งแล้วหรอ?” ทันทีที่เห็นว่าทอฟ้าเป็นคนโทรมา ตุลย์ไม่รอช้าที่จะกดรับสาย
/ยังเลย แต่ฟ้าแจ้งเจ้าหน้าที่บริเวณใกล้ ๆ ไปหมดแล้วเขาจะช่วยตามหากันอีกแรง พี่ว่าเราโทรแจ้งตำรวจดีไหม ให้เขาช่วยหาด้วยเผื่อที่หนึ่งขึ้นรถไปไหน ๆ/
“ยังหายไม่ถึงวันเขาไม่รับแจ้งหรอก”
/งะ งั้นเราควรทำยังไงต่อดี?/
“คิดเข้าสิ! ผู้ใหญ่ไปกันตั้งสองคนดูแลเด็กคนเดียวยังทำไม่ได้!”ตุลย์ตวาดก่อนจะกดตัดสาย
โทรศัพท์เครื่องหรูถูกโยนไว้ที่นั่งข้างคนขับ ทันทีที่รถจอดเพราะสัญญาณไฟแดงเขาซุกหน้าลงกับพวงมาลัย ทั้งเครียด กังวล เป็นห่วง โมโห สารพัดความรู้สึกถาโถมเข้ามาจนแทบจะเป็นบ้า
ถ้าเขาหาที่หนึ่งไม่เจอ...ถ้าที่หนึ่งเป็นอะไรไปละก็ เขาจะไม่มีวันให้อภัยสองคนนั้นแน่!
“ที่หนึ่งอยู่ไหนเนี่ยลูก...” เสียงนั้นถูกเปล่งอย่างสิ้นหวัง แต่เขาก็ยังมองซ้ายมองขวาอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อหาลูกชายของตน
ที่เขากำลังจะไปหาทอฟ้านั้นไม่ใช่เพื่อไปช่วยหาแถวนั้นหรอก ที่นั่นมีคนหามากมายยู่แล้ว ที่ที่เขาออกมาตามหาคือ ‘ระหว่างทาง’ ต่างหาก เขาคิดว่าที่หนึ่งคงไม่อยู่บริเวณนั้นแล้วด้วยซ้ำ เพราะไม่งั้นที่หนึ่งคงไปหายาม หรือพนักงานที่สามารถพาเขาไปประกาศตามหาทอฟ้าอย่างที่เขาเคยสอนไปแล้ว ในเมื่อไร้วี่แววขนาดนี้สิ่งที่มีความเป็นไปได้คือโดนลักพาตัวไปหรือไม่ก็เดินหลงออกมาบริเวณข้างนอกที่ไม่ใช่สถานที่เที่ยวแล้ว
เขาก็ได้แต่หวังแค่ว่าลูกชายแค่หลงทางออกไป แล้วกำลังหาทางกลับมา…
ผมเงยหน้ามองนาฬิกา ตั้งแต่พี่ตุลย์ออกไปก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ยิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่ผมก็ยิ่งใจคอไม่ดีเท่านั้นแทบจะหยุดตัวเองที่เดินวนไปวนมาอยู่ในห้องไม่ได้
ก๊อก ๆ
ความว้าวุ่นใจถูกชะงักด้วยเสียงเคาะประตูห้อง ผมเหลียวหลังมองก่อนจะอุ้มตอนต้นขึ้นแล้วเปิดประตูดู
“อ้าว เอส! อยู่ด้วยหรอเนี่ย เห็นตุลย์บอกว่าไปพักอยู่กับเพื่อนไม่มาที่นี่สักพัก”
ป้าสร้อยนั่นเอง...
“ผมก็แวะ ๆ มาอะครับ มาเอาของด้วยอะไรด้วย”
“หรอ โทษทีนะป้าก็ไม่รู้ว่าเอสอยู่ด้วย ป้าเลยไม่ได้เตรียมของฝากมาเผื่อเลย มีแต่ของตุลย์กับเด็ก ๆ เท่านั้นเอง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมรับไว้แค่น้ำใจก็พอแล้ว” ผมยิ้ม
“แต่เสียดายจังเลยนะ ถ้ารู้ว่าเอสอยู่จะได้เอาของดีของบ้านป้ามาอีกเยอะ ๆ อร่อย ๆ ทั้งนั้นเลย”
ขณะที่ป้าสร้อยกำลังพูดถึงของฝากของบ้านที่ต่างจังหวัดอย่างชื่นชมเสียงโทรศัพท์ของป้าสร้อยก็ดังขึ้น ผมที่ยังยืนอยู่พอจับใจความได้จากคำที่ใช้โต้ตอบของป้าสร้อยว่า สามีของป้าสร้อยที่ลงไปขนของจากรถอยู่ล่างคอนโดฯ ไม่สามารถขึ้นมาได้เลยเรียกให้ป้าสร้อยลงไปรับ แล้วก็คุยอะไรกันอีกเล็กน้อยที่เป็นเรื่องส่วนตัวก่อนจะกดตัดสายไป
“คุณลุงขึ้นคอนโดฯ ไม่ได้หรอครับ?”
“ใช่แล้วละ ไม่มีคีย์การ์ดน่ะ งั้นป้าลงไปข้างล่างไปรับสามีป้าก่อนนะ”
“อะ เอ่อ ให้ผมลงไปดีกว่าไหมครับ? เห็นได้ยินว่าต้องขนของขึ้นมาด้วย ผมจะได้ลงไปช่วยขนด้วย”
“ดีเลย! ลุงกับป้าก็กระดูกกระเดี้ยวก็ใช่ว่าจะดี ถ้างั้นป้ารบกวนหน่อยแล้วกันนะ ระหว่างนั้นเดี๋ยวป้าช่วยดูแลตอนต้นให้”
“ได้เลยครับ” ผมเปิดประตูห้องให้อีกฝ่ายเข้ามาข้างใน
หลังจากปล่อยให้เด็กอ้วนอยู่ในความดูแลของป้าสร้อยแล้วผมก็รีบลงไปชั้นล่างหาสามีของป้าสร้อยที่กำลังรออยู่ แต่พอผมลงไปถึง ผมกลับไม่เห็นใครอยู่เลยสักคน ชะเง้อมองออกไปข้างนอกแล้วก็ไม่เห็นวี่แววของสามีป้าสร้อย ดูเหมือนว่าตอนที่ผมกำลังลงลิฟต์มา เขาก็คงเข้าคอนโดฯ ได้ แล้วขึ้นลิฟต์อีกตัวไปซะแล้ว
ผมที่กำลังหมุนตัวกลับ ตัดสินใจเปิดประตูคอนโดฯ หันซ้ายหันขวาดูอีกรอบเพื่อให้มั่นใจว่าผมไม่ได้คิดผิดแล้วปล่อยคุณลุงทิ้งเอาไว้ด้านล่าง จนแน่ใจแล้วว่าสามีของป้าสร้อยคงขึ้นลิฟต์สวนกับผมไปแล้วจริง ๆ จึงค่อยตัดสินใจหันหลังกลับ
...ถ้าหากว่า ขณะที่ผมกำลังจะปิดประตู ไม่เจอใครที่คุ้นตากำลังลงมาจากแท็กซี่ เข้ามาใต้คอนโดฯ...
“...ที่หนึ่ง?”
ทันทีที่เอสวางสายไป ตุลย์ก็รีบหาที่ตีรถกลับไปที่คอนโดฯ ในใจเต้นระรัวไปด้วยความดีใจ โล่งอกที่รับรู้ว่าลูกชายของเขาปลอดภัยดีไม่ได้ถูกใครพาไปไหน และโชคดีที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ซึ่งรถค่อนข้างมาก ทำให้เขายังออกไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่นัก อีกถนนฝั่งขากลับก็มีรถเบาบางพอที่จะทำให้เขาสามารถรีบกลับไปหาที่หนึ่งได้ภายในครึ่งชั่วโมง ในระหว่างนั้นเขาโทรศัพท์ต่อสายไปหาทอฟ้าด้วย ใช้เวลาคุยไม่นานนักเพียงแค่แจ้งข่าวของที่หนึ่งก็กดตัดสายทิ้ง ความเร่งรีบทำให้เขาไม่ต้องการจะทำอะไรไปมากกว่าขับรถไปเจอหน้าลูกชายของตัวเองให้เร็วที่สุด!
รถฮอนด้า แอคคอร์ด รุ่น 2.4 EL NAVI สีดำสนิทเลี้ยวเข้าคอนโดฯ ตุลย์รีบลงจากรถอย่างรวดเร็ว เดินจ้ำอ้าวเข้าไปในตัวตึก ตรงดิ่งเข้าลิฟต์ที่จอดนิ่งอยู่ชั้นหนึ่ง นิ้วเรียวกดเลขชั้นของตัวเองย้ำ ๆ แม้จะรู้ว่ามันจะไม่ได้ทำให้ลิฟต์ขึ้นเร็วขึ้น แต่เขาต้องการระบายออกถึงความเร่งรีบและความกระวนกระวายใจ
ยิ่งที่หนึ่งอยู่ใกล้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งร้อนรนมากขึ้นเท่านั้น!
ติ้ง
เสียงของลิฟต์ดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าเขามาถึงชั้นห้องพักของตัวเอง เขาพุ่งออกไปไม่ชักช้า วิ่งไปยังห้องของตัวเอง ไม่มีรีรอเอื้อมมือไปเปิดประตู!
ตึง!
เอสและที่หนึ่งผงะกับเสียงบานประตูกระแทกวงกบและท่าทางพรวดพราวของผู้มาใหม่ แต่มันไม่ได้อยู่ในความสนใจไปมากกว่าลูกชายของตัวเองที่นั่งอยู่บนโซฟา เขาปรี่เข้าไปหาที่หนึ่งด้วยมือที่สั่นเทา เขาเงื้อมันขึ้นสูงจนทำให้เอสตกใจ ตั้งท่าจะไปห้ามเอาไว้แต่มือนั่นกลับทำเพียงแค่ลดระดับลงมาแตะเข้าที่ใบหน้า เพียงแค่ให้มั่นใจว่าลูกน้อยของเขายังปลอดภัย
เพื่อให้มั่นใจว่าลูกรักของเขายังสบายดี
“พ่อนึกว่าตัวเองจะตายซะแล้ว”
“...”
“พ่อเป็นห่วงที่หนึ่งมากเลยนะลูก”
“ฮึก…”
รอยยิ้มอ่อนโยนของตุลย์ เรียกน้ำตาของเด็กน้อยให้รื้นขึ้นมาอย่างง่ายดาย พอเห็นหน้าผู้เป็นพ่ออย่างที่อยากเห็น ความในใจที่เขาเก็บไว้มาหลายวันก็เหมือนจะพังทลายลงในเวลานั้น
“เป็นอะไรไป? ไม่ร้องนะลูกนะ”
ตุลย์ยังคงพูดปลอบอย่างอ่อนโยน เขารู้ว่าที่หนึ่งกลับมาเองจากคำบอกเล่าของเอสแต่เขาก็ไม่โกรธเลย ไม่แม้แต่จะต่อว่าสักคำ แต่กลับทำให้ที่หนึ่งยิ่งรู้สึกเศร้ามากขึ้นจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว
“ที่หนึ่ง ฮึก...ขอโทษนะ ที่หนึ่งขอโทษ ฮึก”
“ไม่เป็นไร ที่หนึ่งปลอดภัยก็ดีแล้ว”
ที่หนึ่งสะอื้น น้ำตาที่รินไหลนั่นมันมากกว่าแค่รู้สึกผิด มันมีความอัดอั้นตันใจอยู่ในนั้น เขาอดทนกับมันมาได้ตั้งหลายวัน แต่วันนี้ก็พังทลายลงไม่เหลือชิ้นดี เผยคาวมจริงว่าเขายังเด็กเกินกว่าจะเก็บมันไว้เพียงคนเดียว
“ที่หนึ่ง...ไม่ได้อยากทำให้พ่อเดือดร้อนเลย ที่หนึ่งแค่อยากกลับบ้าน ที่หนึ่งแค่อยากเจอพ่อมาก ๆ เท่านั้นเอง ฮึก...ทำไม...ทำไมพ่อถึงทิ้งที่หนึ่งละ ฮึก ที่หนึ่งทำผิดอะไรหรอ? ทำไมพ่อถึงให้ที่หนึ่งอยู่ที่นี่ด้วยไม่ได้ ที่หนึ่งกลับบ้านไม่ได้แล้วหรอ? ที่หนึ่งเจอหน้าพ่อไม่ได้แล้วหรอ? ฮึก ฮืออ พ่อไม่อยากอยู่กับที่หนึ่งแล้วหรอครับ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะลูก! อย่าคิดอย่างนั้นพ่อไม่ได้ทิ้งที่หนึ่งนะลูก” ตุลย์พูดเสียงสั่น
เขาไม่รู้จะทำยังไงกับลูกชายที่กำลังร้องไห้เสียงดัง เขาอยากจะอธิบายแต่ความจริงเป็นสิ่งที่พูดออกไปไม่ได้
นอกจากนั้นตอนต้นที่ถูกเอสอุ้มไว้ก็เริ่มร้องไห้ออกมาเช่นกัน ความโศกเศร้าส่งต่อถึงกันผ่านเส้นใยสายสัมพันธ์ของพี่น้อง
“ถ้างั้นทำไมที่หนึ่งต้องอยู่กับแม่ ฮึก ทำไมที่หนึ่งถึงอยู่กับพ่อไม่ได้!” เด็กน้อยตวาดลั่น ทั้งเสียใจ ทั้งไม่เข้าใจ เสียงร้องไห้มีแต่ดังขึ้นและดังขึ้นเสียดแทงคนเป็นพ่อให้เจ็บปวดราวกับมีมีดกรีดใจ
“พ่อขอโทษนะที่หนึ่ง พ่อขอโทษ ที่หนึ่งไม่ต้องไปไหนแล้ว เราจะอยู่ด้วยกันนะลูกนะ”
เขาโอบกอดลูกชายเอาไว้แน่น ที่หนึ่งไม่รอช้าที่จะกอดพ่อของตนเช่นกัน ตอบรับคำพูดนั้นด้วยอ้อมแขนของตัวเองเด็กน้อยร้องไห้เสียงดัง ๆ ข้างหูของคนเป็นพ่อ ซุกหน้าเช็ดน้ำตาไปกับไหล่
“...”
เอสยิ้มกับความสัมพันธ์ของพ่อลูกขณะที่กำลังตนเองก็ยังปลอบให้ตอนต้นหยุดร้อง มันซาบซึ้งแต่ในเวลาเดียวกันมันก็ย้ำความรู้สึกผิดขที่เขามีให้ลึกลงไป...
...ถ้าเขารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้
ตึง!
“ที่หนึ่ง!”
ประตูไม้อัดกระแทกเข้ากับวงกบอย่างแรงอีกครั้ง ก่อนจะปรากฏร่างของหญิงสาวที่พุ่งเข้ามาพร้อมเสียงเรียกที่แหลมดัง ทอฟ้าเข้ามาภายในห้องอย่างถือวิสาสะพร้อมกับผู้เป็นสามีที่เดินตามหลัง เธอถลาหาลูกชาย แต่เพราะว่าที่หนึ่งยังอยู่ในอ้อมกอดของตุลย์ ระหว่างเธอกับที่หนึ่งจึงมีวงแขนของตุลย์กั้นกลางเอาไว้
“ทำไมมาที่นี่...?” ตุลย์ถามเสียงเบาด้วยความประหลาดใจ
“ฟ้าก็เป็นห่วงลูกเหมือนกันนะ! โชคดีที่ตอนที่พี่โทรมา ฟ้ากำลังมาคอนโดฯ พี่เหมือนกันเพราะว่าพี่วีบอกว่าให้ฟ้ามารอที่นี่ก่อนเผื่อที่หนึ่งกลับมา ก็เลยขับรถมา”
ทอฟ้าตอบคำถามของตุลย์แต่สายตาเธอเลยมองไปทางคนที่ยืนติดกับทีวี ชักสีหน้าใส่ด้วยความไม่ชอบใจ ยิ่งเห็นเด็กนั่นอุ้มลูกชายคนเล็กของเธอไว้ก็ยิ่งทำให้โมโห จนอยากจะด่าความหน้าด้านหน้าทนที่ยังกล้ามายืนในห้องนี้อีก
“แม่...ที่หนึ่งขอโทษนะที่ทำให้เดือดร้อน วุ่นวายกันไปหมด”
แต่ความสนใจของทอฟ้าถูกเรียกกลับมาด้วยเสียงขอโทษของที่หนึ่ง แม้จะไม่ได้อยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นพ่อแล้ว แต่มือเล็กนั่นกลับจับนิ้วของตุลย์เอาไว้แน่น
“ไม่เป็นไรครับ ที่หนี่งสบายดีแม่ก็สบายใจนะ ถ้าเกิดหลงทางอีกให้ไปหาคุณยามนะลูก อย่ากลับบ้านคนเดียวแบบนี้อีกมันอันตราย แล้วก็คราวหน้าเดินจับมือแม่เอาไว้นะ เราจะได้ไม่หลงกันอีก”
“อืม...” ที่หนึ่งก้มหน้า
ภาพที่แม่ปล่อยมือเขาไป มันย้อนกลับมา...มันไม่ใช่เขา ที่ไม่จับมือ….
“พี่ตุลย์ ฟ้าขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นความผิดของฟ้ากับพี่วีเองที่ปล่อยให้ที่หนึ่งคาดสายตา แต่ฟ้าจะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” ทอฟ้าโค้งขอโทษอดีตคนรักด้วยใจจริง
“ฟ้าคิดว่ายังมีคราวหน้าอีกหรอ” น้ำเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นเหนือหัว
ทอฟ้าเงยหน้าขึ้น สายตาขอโทษเมื่อครู่แข็งกร้าวขึ้นมาอย่างไร้มารยาท “หมายความว่าไง?”
“ฟ้าคิดว่าพี่จะยอมให้ฟ้าเอาลูกไปทำหายอีกหรอ?”
“ฟ้าบอกแล้วไงว่าฟ้าขอโทษ มันจะไม่เกิดขึ้นอีก ฟ้าจะดูแลอย่างดี ไม่ต้องกังวลไปหรอก ที่หนึ่งเป็นลูกพี่ เขาก็เป็นลูกฟ้าเหมือนกัน”
“ก็เพราะคิดว่าฟ้าเป็นแม่ที่หนึ่งก็น่าจะดูแลได้ไม่ใช่หรอไง? ลูกถึงได้หายไปแบบนี้ ถ้าสมมุติว่าที่หนึ่งไม่ได้กลับบ้านมา ถ้าที่หนึ่งถูกลักพาตัวไป ถามหน่อย ฟ้าจะรับผิดชอบยังไง” เสียงนั้นกดต่ำด้วยความคุมคาม “อย่าคิดว่าทำลูกของตัวเองหายจะไม่เดือดร้อนใคร เพราะที่หนึ่งเขาก็เป็นลูกของพี่เหมือนกัน”
ทอฟ้ากัดฟันกรอด มันเป็นความผิดพลาดที่เธอไม่อาจแก้ตัวอะไรได้ ใช่! โชคดีของเธอมากแค่ไหนแล้วที่ครั้งนี้ที่หนึ่งเพียงแค่กลับมาบ้าน ไม่ได้ถูกพาตัวไป!
แต่เพราะความถือดีเธอไม่เลือกที่จะโต้เถียงกับสิ่งที่เธอไม่มีวันชนะ แต่กลับยื่นมือออกไปหาลูกชายที่ยืนมองอยู่แทน
“ที่หนึ่งกลับบ้านกันครับ”
เด็กน้อยที่ถูกเรียกชะงักค้างเขามองพ่อแม่สลับกัน ไม่ยื่นมือออกไปและไม่กล้าพอที่จะพูดปฏิเสธ
ถ้าหากถามว่าอะไรที่เลวร้ายที่สุดของชีวิตลูก ก็คือวันหนึ่งต้องมาเลือกว่าพ่อ...หรือแม่
แต่ทว่าน่าเสียดายที่ ทอฟ้าไม่คิดจะรอจนที่หนึ่งตัดสินใจได้! เธอคว้าแขนของลูกชายแล้วออกแรงดึงให้ตามมา!
ที่หนึ่งเมื่อโดนกระชากเช่นนั้นก็ออกแรงขืนด้วยความตกใจ! ตุลน์และเอสพอเห็นลูกชายโดนดึงไปเขาทั้งสองก็ตั้งท่าจะพุ่งเข้าไปยื้อ แต่ทอฟ้ากลับโพล่งขู่เรื่องการฟ้องศาลขึ้นก่อนที่ทั้งสองจะได้ขยับตัว!
ตุลย์กัดฟันกรอดด้วยความโมโหที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ เอสเองพอเห็นคนที่เป็นพ่อหยุดชะงัก เขาเองก็พลอยไม่กล้าทำอะไรไปด้วย ทั้งคู่ได้เพียงแค่มองลูกชายที่กำลังดิ้นสุดแรงให้หลุดจากแรงกระชาก...แต่แรงเด็กมันจะไปสู้อะไรได้! มือที่จับกับนิ้วของพ่อเอาไว้ถูกดึงจนตึง ที่หนึ่งส่งสายตาหาพ่อให้ดึงเขากลับไป แต่อีกฝ่ายกับยืนอยู่นิ่ง ๆ ราวกับยินยอมให้เขาไปเสียอย่างนั้น
“พ่อ...” เด็กน้อยเรียกเสียงเบาด้วยความไม่เข้าใจ
“ที่หนึ่งไม่ดื้อสิครับ! มากับแม่!”
เด็กน้อยมองมือที่จับนิ้วของพ่อเอาไว้ที่กำลังเลื่อนหลุดออกจากกัน น้ำตารื้นด้วยความหวาดกลัว ชั่วเวลาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่มือจะหลุดออกจากกัน เด็กน้อยดิ้นพล่านส่งเสียงร้องไห้ดังด้วยความไม่ยินยอม และวินาทีที่มือเลื่อนหลุดออก ราวกับโลกทั้งใบแตกสลายลง เด็กน้อยกรีดร้องเรียกพ่อด้วยความจนตรอก!
“พ่อ! อย่าทิ้งที่หนึ่งนะ พ่อ! ไม่เอานะ ฮึก ไม่เอา...ไม่ไป ที่หนึ่งจะอยู่กับพ่อ...ที่หนึ่งจะอยู่กับพ่อ!นะ! ฮึก! นะครับ”
“ที่หนึ่ง…”
“ไหนพ่อบอกจะอยู่ด้วยกันไง! ฮึก ฮืออ...ที่หนึ่งกลัวอะ พ่อ! ที่หนึ่งขอร้อง พ่อครับ ที่หนึ่งไม่เอาแบบนี้อย่าทิ้งที่หนึ่งนะขอร้อง อย่าทิ้งที่หนึ่ง พี่เอสช่วยที่หนึ่งด้วย ฮืออ ที่หนึ่งอยากอยู่ด้วยกัน ที่หนึ่งไม่ไปนะ ไม่เอา พ่อ พ่อ!”
หมับ!
แขนเล็กที่ยังกวัดแกว่งหาพ่อถูกตุลย์คว้าเอาไว้แต่ไร้ซึ่งการดึง ทอฟ้าตวาดเรียกเสียงดังลั่นพยายามจะแกะมือของตุลย์ออกจากแขนอีกข้างของลูกชาย แต่เธอก็ไม่อาจจะแกะมันออกไปได้
เขาไม่กล้าดึงที่หนึ่งกลับมาด้วยความลังเล เขา...ทรมานเกินกว่าจะเห็นลูกชายกรีดร้องไปมากกว่านี้ แต่คนเป็นพ่อสุดท้ายก็อยากจะเจอลูก ยังอยากเห็นความสุขของลูกตัวเองตลอดไป
“พ่อ...”แต่สำหรับเด็กน้อยเพียงแค่มีพ่อจับไว้ ใจก็ชื้น
แต่ความโล่งใจไม่เคยอยู่นาน!
เมื่อทอฟ้าไม่ยอม เธอจึงใช้สองมือฉุดกระชากลูกให้มาจนที่หนึ่งตัวเซ ด้วยความตกใจ ตุลย์จึงดึงไว้อีกด้านไม่ให้ลูกล้ม แต่การดึงจากทั้งสองฝ่ายดูจะหนักเกินไปสำหรับที่หนึ่งจนเด็กน้อยเผลอร้องลั่นด้วยความเจ็บ และในจังหวะที่ตุลย์คลายมือนั้นเอง ทอฟ้าก็ดึงพรวดจนที่หนึ่งเซมาอยู่กับเธอ!
TBCวันเกิดปีนี้ ขอให้ของขวัญกับทุกคนค่ะ <3
#DaddyBeLover #ไอ้เอส