ตอนที่ 19
“ก็โทรมาบอกพี่ไง ใครจะไปรู้เดี๋ยวโวยวายหาว่าผมเป็นเด็กใจแตกทำไง...ฮ่าๆ โอเคๆ ถ้างั้นแค่นี้ก่อนนะ...ครับๆ” ทันทีที่ผมวางสายจากพี่ตุลย์ ก็มีมือของใครบางคนตะปบเข้าที่ไหล่
“โทรหาใครอะ? แฟนหรอเอส?”
“เปล่าพี่ กิ๊กอะ คนที่ 10 วันนี้ผมไล่โทรบอกกิ๊กทุกคนเลยว่า ผมไม่ว่างจะไปหาเพราะเสียสละเวลาอันล้ำค่าของผมมากับพี่ไงครับ”
“ฮ่าๆๆ เออ! พูดดีๆ ถ้างั้นก็เข้าร้านได้แล้วไป เจ้าภาพไม่อยู่จะฉลองเพื่ออะไรละวะ”
ว่าเสร็จผมกับรุ่นพี่ที่ทำงานร้านเฮียเปียวด้วยกันก็เดินกันเข้าไปในร้านเหล้าที่ตั้งอยู่ด้านหลัง วันนี้ผมลาออกจากงานพิเศษทุกอย่างครับ เพราะว่าอีกหนึ่งอาทิตย์ที่เหลือก่อนจะเป็นเด็กมหาวิทยาลัย ผมต้องทำเรื่องนู่นนี่เตรียมพร้อมอะไรหลายๆ อย่าง ถ้าทำงาน ตีห้า กลับสี่ทุ่มอยู่แบบนี้ก็คงไม่เป็นอันได้ทำอะไรกันพอดี พอเลิกงานปุ๊บ เฮียเปียวก็เลยพาพนักงานทั้งร้านมาเลี้ยงฉลองกันเลยครับ หัวข้อเป็นงานเลี้ยงอำลานะ แต่ผมว่าหาเรื่องมาร้านเหล้ามากกว่า
แต่ ช่างเถอะ ผมไม่ซีอยู่แล้ว เพราะผมไม่เสียเงินงานนี้ อิอิ
“เอ้าๆ กินเท่าไหร่เอาเต็มที่ แต่ใครทำแก้วแตก ไปจ่ายตังเองนะเว๊ย!”
“เฮ้ยๆ เจ้าภาพงานมา ใครก็ได้เอาแก้วมาให้เอสดิ!”
“อย่างไอ้เอสเอาขวดไปเลยไป”
“โหย พี่ก็พูดเกินไป ผมเป็นเด็กนะครับ ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลย จะกินเหล้าเป็นขวดๆ ได้ไง” ผมพูดกลั้วหัวเราะพลางทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ว่าง
“อย่ามาพูด จำคราวที่แล้วได้ไหม? ที่มากินเลี้ยงกันแล้วเหล้าเหลือเป็นขวดๆ คนอื่นแม่งตายหมดแล้วเว๊ย แต่ไอ้นี่ นั่งชิวๆ กินไปกินมาหมดเลย!”
“มันทำถูกแล้วเว๊ย สั่งเหล้ามาแต่กินไม่หมด เสียดายเงินตายห่า” เฮียเปียวว่าแทรกขึ้นดังลั่นก่อนจะหัวเราะชอบอกชอบใจ ส่วนผมก็ปล่อยให้พี่ที่ทำงานคุยๆ กันไปตัวเองก็โบกมือเรียกพนักงานขอแก้วเปล่า
ระหว่างกินเหล้าก็กวาดสายตามองไปทั่วร้าน ร้านเหล้าที่นี่เป็นแบบเปิดโล่ง แม้มีพื้นที่เยอะแต่ก็แน่นเอี๊ยดไปด้วยคนจำนวนมากขนาดที่ว่าจะไปเข้าห้องน้ำแต่ละทีเดินเบียดเสียดเนื้อนมไข่ไปตลอดทาง ด้านหน้าเป็นเวทีเตี้ยๆ สำหรับวงดนตรีขึ้นไปเล่น แต่ประเด็นของผมไม่ใช่เสียงเพลงเว๊ย มาร้านเหล้า มีเหล้าแล้วมันก็ต้องเคล้านารีสิครับ
“เดี๋ยวมานะพี่ ไปร่อนก่อน” ผมบอกกับคนที่โต๊ะส่งๆ ก่อนจะคว้าแก้วเหล้าของตัวเองเดินเซอร์เวย์ไปตามโต๊ะต่างๆ
นี่ถ้าไม่ติดว่าน่าพี่สาวที่ทำงานแต่ละคน หน้าอก 34 เอว 34 สะโพก 39 ละก็ ผมจะไม่ลุกออกจากโต๊ะเลย ไม่อยากไปเบียดกับคนเยอะครับ ไอ้เวลาที่ได้เนียนเดินสีไปกับหน้าอกคนอื่นมันก็ดีนะ แต่ตอนที่น้องชายของตัวเองไม่ปลอดภัยเพราะใครก็ไม่รู้ชอบมาจับๆ คลำๆ ผมก็รับไม่ค่อยจะได้จริงๆ เป็นผู้หญิงผมจะไม่ว่าเลย แต่มือแต่ละคนนี่ใหญ่ยังกะใบลาน ไม่ต้องหยิบขึ้นมาดูก็รู้ ว่ามิใช่พี่สาว TT
ผมเดินเนียนไปชนแก้วกับผู้หญิงตรงนู้นทีโต๊ะนี้ที อาศัยความเฟรนลี่กับหน้าตาดีไม่พึ่งศัลยกรรมไปเต๊าะเหล้าฟรีเรื่อยๆ
“ทางนี้!” เสียงผู้หญิงโต๊ะด้านหลังผมตะโกนเรียกใครสักคน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ยังคุยอยู่กับ ‘พี่มาย’ เจ้าของโต๊ะล่าสุดที่ผมเนียนมานั่งด้วย
“ทำไมวันนี้คนเยอะอย่างนี้เนี่ย”
“ร้านนี้ก็คนเยอะอย่างนี้ทุกวันแหละย่ะ”
“ย่ะ จะไปรู้ไหมละ? ยังกับพวกฉันได้มาร้านเหล้าแบบนี้บ่อยนักแหละ”
“ย่ะ สาวไฮโซ เข้าแต่คลับ กินแต่ไวน์”
ผมกระดกแก้วเหล้าในมือดื่มเล็กน้อย เหลือบมองโต๊ะด้านหลังเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มกระย่องอย่างพอใจ ดูจากเสื้อผ้าน่าจะเป็นวัยทำงานแล้ว แต่ยังสวยเซี๊ยะทุกคนจนผมนี่เผลอขยับเก้าอี้เล็กน้อย ให้แอบมองได้ง่ายขึ้น
“แล้วลินอะไม่ได้ชวนมาด้วยหรอ?”
“มาด้วย แต่ไปเอาของนี่ให้แกอยู่ไง” มีผู้หญิงสองคนเดินเข้ามาที่โต๊ะพร้อมกับถุงกระดาษขนาดใหญ่ น่าเสียดายที่มุมผมมองไม่เห็นหน้าของคนที่มาใหม่ทั้งสอง แต่ผมเดาว่าน่าจะสวยเหมือนกับคนอื่นๆ นั่นแหละ
“นี่อะไร?”
“ลองเปิดดู เป็นของขวัญจากพวกฉันฉลองที่เพื่อนคนแรกในกลุ่มจะได้แต่งงาน”
ป๊าด...
“เดี๋ยวแกก็คงได้แต่งถัดจากฉันเลยแหละลินกับคนนั้นไง ชื่ออะไรนะ ตุลย์?”
ผมชะงักกับชื่อของคนในบทสนทนา เหลือบมองโต๊ะของกลุ่มสาวนั้นเพื่อจะเช็คให้แน่ใจว่า ‘ลิน’ ที่นั่งอยู่ตรงนั้นใช่คนเดียวกับที่ผมคิดหรือเปล่า
“อีกห้าปีมั้ง ฉันยังไม่รู้สึกว่าเราพัฒนาอะไรกันเท่าไหร่เลย”
เหยดดดด ลินคนนั้นจริงๆ ด้วย เจ๊พลอยไพลิน ผู้ใส่ฟองน้ำโกงหน้าอก 2 ไซส์!
“ความบังเอิญนี่โคตรน่ากลัว” ผมงึมงำกับตัวเองเสียงเบา ยกแก้วเหล้าที่พี่มายชงให้ขึ้นจิบเล็กน้อย อยากจะลุกขึ้นกลับโต๊ะเหมือนกันนะครับ แต่กลัวแจ็คพ๊อตเจ๊แกหันมาเจอแล้วได้ไฝว้กันกลางร้านเหล้า ผมก็เลยเลือกนั่งเงียบๆ แบบเนียมอายต่อไป
“แต่แกไปบ้านเขาทุกวันเลยนะเว๊ย เมื่อก่อนก็ไปบ้านเขาทุกวัน จนฉันนึกว่าแกไม่ตงไม่แต่งมันแล้วงาน ผลิตลูกอยู่ที่บ้านเขาไปแล้วเนี่ย”
“มันไม่มีอะไรไง ตอนนู้นก็ไปช่วยเลี้ยงที่หนึ่ง ลูกคนโตเขาอ่ะ พอมาครั้งนี้เขาก็เอาแต่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับลูกคนเล็ก!”
“เอ้า เขามีลูกคนที่สองด้วยหรอ?”
“ใช่! ชื่อ ตอนต้น ตอนเจอครั้งแรกฉันตกใจมากอะ พอถามอายุดู เด็กนั่นก็เกิดตอนฉันย้ายไปทำงานที่นู่นพอดี เป็นลูกของนังผู้หญิงคนนั้นแน่นอน ตอนแรกเห็นท้องโตขนาดนั้นก็นึกว่ามีผัวแล้ว ที่ไหนได้!”
“อย่าเพิ่งอารมณ์ขึ้นๆ...น้องคะ ขอเหล้าขวดกับโซดาสามแล้วก็น้ำเปล่าขวดนึง”
“พอมาคิดดีๆ เรื่องนี้ก็แปลกนะ ถ้าสมมุติว่าเด็กที่ชื่อตอนต้นเป็นเด็กที่อยู่ในท้องผู้หญิงคนนั้น ก็แปลว่าอาจไม่ใช่ลูกตุลย์ของแกหรือเปล่า! ก็เขาเข้ามาหาตุลย์ตอนท้องโตแล้วนี่!”
“เออว่ะ ฉันก็ไม่เคยคิด พอตุลย์บอกว่าคบกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ ฉันก็ทำเรื่องย้ายสาขาไปหลบเลียแผลใจเลย”
“...” ผมนั่งฟังเงียบๆ พลางจิบเหล้าไปพลาง ไม่ใช่แค่พวกเขาหรอกที่งงเรื่องของครอบครัวไอ้พี่ตุลย์ ตอนนี้ผมก็โคตรงง รู้สึกตัวเองโง่ชิบหาย จนอยากได้กระดาษเอสี่มาเขียนสรุปใหม่
พี่ตุลย์บอกว่า ที่หนึ่งกับตอนต้นแม่เดียวกัน เอ๋? หรือจะคนละพ่อ แต่พี่ตุลย์ก็บอกตลอดว่าลูกฉันๆ นะ...
“โอ๊ยแก ฉันว่าช่างมันเหอะ จะลูกใครยังไงก็ช่างมันไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือแกกับตุลย์ต่างหาก! คบกันแล้วก็แต่งงานกันสักทีเถอะ!”
“ก็บอกไปแล้วนี่ ว่ามันไม่มีอะไรคืบหน้าเลย! แล้วแกรู้ไหม ตอนเนี่ยที่บ้านของตุลย์ มีไอ้เกย์คนหนึ่งอยู่ด้วย มันก็จ้องจะจับตุลย์เหมือนกัน มันก็เลยขัดขวางฉันตลอดเลย ที่ทำงานก็เจอกันแค่ตอนพักกลางวันเท่านั้นเอง ที่บ้านยังมีมารผจญอีก!”
ผึ่ง!
พอเป็นเรื่องตัวเองแล้วหูผมจะกางดีเป็นพิเศษ
“เกย์หรอ!? เฮ้ย แล้วทำไมตุลย์เอามาอยู่บ้านด้วยอะ?”
“ไม่รู้ดิ ตุลย์ไม่เล่า แค่บอกว่าไอ้เกย์นั่นมีปัญหานิดหน่อยก็เลยมาอาศัยอยู่ด้วยชั่วคราว แต่ฉันว่าปัญหาอะไรก็ช่างมันก็ต้องตอแหลชัวร์ มันคิดจะจับตุลย์ละสิไม่ว่า เกย์ก็เป็นหวังแบบนั้นทั้งนั้นแหละ!”
“ความรักแกโคตรมีปัญหา”
“ครั้งนู้นฉันวางใจไปหน่อย คิดว่าตัวเองสนิทกับตุลย์ที่สุด ใครๆ ก็คิดว่าฉันกับตุลย์คบกันแล้วจะไม่มีใครมายุ่ง จะไม่มีใครมาแทรกระหว่างเรา เพราะงั้นครั้งนี้ฉันจะไม่วางใจอีก! จะไม่ชักช้าอีก!”
ผมไม่เคยรู้เลยนะครับว่าเรื่องความรัก หรือการอยากได้ผู้ชายสักคน ผู้หญิงจะจริงจังขนาดนี้ ไม่รู้ดิ อาจเพราะผมอยู่กับเพื่อนผู้ชาย มันก็จะอารมณ์ประมาณว่า จีบได้ก็ดี จีบแล้วชวดก็ไม่เป็นไร ค่อยไปลุยกับคนที่ชอบสนุกกับคนที่ใช่คนใหม่
“แก...ใช้ตัวช่วยของฉันไหมละ?” เสียงพูดของผู้หญิงที่กำลังจะแต่งงานดังขึ้นแผ่วเบา นอกจากคนในโต๊ะที่ต้องเอนหูเข้าไปฟังแล้ว ผมก็ไปร่วมเอนกับเขาด้วย จนพี่มายคว้าตัวผมไว้นึกว่าผมกำลังจะตกเก้าอี้
“ตัวช่วยอะไร?”
“ยาไง รวบหัวรวบหางเลย! พอมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง เขาก็จะมาสนใจเรา มามีความรู้สึกให้เราเองแหละ”
เดี๋ยวนะ…
“อย่าบอกนะว่า ที่แกได้แต่งงาน...”
“ถะ ถึงฉันจะใช้ แต่สุดท้ายเราต่างก็รักกันที่ตัวตนของกันและกันนะ!”
“...” ผมเอนตัวกลับมานั่งดีๆ ตามเดิม คว้าแก้วเหล้าของตัวเองกระดกขึ้นหมดแก้ว ก่อนจะบอกลาพี่มายแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะของตน ไม่อยากฟังต่ออะ ไม่รู้ดิ แต่ผมมีความรู้สึกว่ามันน่ารังเกียจ น่ารังเกียจกว่าเกย์จ้องจะจับผู้ชายแบบที่เขาว่าร้ายผมเสียอีก ผมไม่เข้าใจว่ะ...แล้วก็ไม่อยากจะเข้าใจด้วย ว่าคนเรามันต้องอยากได้ผู้ชายคนนึงถึงกับต้องทำขนาดนั้นเลยไหม? มันจะตายหรอวะ ถ้าไม่ได้เขามา!
“เฮ้ย เอสเป็นอะไร ทำไมทำหน้าน่ากลัวแบบนั้น”
“หะ? ผมทำหรอ?”
“ใช่สิ เครียดอะไร ไม่เจอสาวที่ถูกใจหรือไง?” พี่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเอ่ยแซว ปลอบใจผมด้วยการชงเหล้าเข้มให้ผม
“ประมาณนั้นครับ” ผมตอบอย่างขอไปที
ในช่วงเวลาเที่ยงคืนจุดที่มันส์ที่สุดในร้านเหล้ามีแต่ผู้คนทยอยเข้ามาไม่ขาดสาย แต่สายตาผมกลับปะทะเข้ากับคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังพากันเดินออกมานอกร้าน โดยที่ผู้หญิงที่ชื่อพลอยไพลินเดินแยกกับเพื่อนสามคนไปคนละทาง
“พี่ ผมกลับก่อนได้ปะ?” ผมลุกขึ้นรีบบอกกับเฮียเปียวอย่างรวดเร็ว ตั้งท่าจะพุ่งออกไปนอกร้านเหล้า แต่ก็โดนคนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดขวางเอาไว้ก่อน
“รีบกลับได้ไง นี่วันเลี้ยงอำลานะเนี่ย เจ้าภาพไม่อยู่ก็หมดหนุกดิวะ”
“โหย พี่! เดี๋ยวพี่ ผมไม่ได้ลาไปไกลเลย ก็บอกแล้วไง ว่าผมปิดเทอมเมื่อไหร่ก็กลับมาทำงานอีกอยู่ดี นะๆ ผมกลับก่อนนะพี่”
“มันอยากกลับก็ให้มันกลับไปตะ รีบร้อนอย่างนั้นอะ สงสัยเมียโทรตาม ฮ่าๆ ” สิ้นคำเฮียเปียว คนที่ขวางผมก็หรี่ตามองเล็กน้อยก่อนจะขยับตัวหลีกทาง ผมไม่ชักช้ารีบพุ่งออกนอกร้านหันซ้ายหันขวามองหาพี่พลอยไพลิน ก่อนจะเห็นว่าเธอกำลังขึ้นแท็กซี่ไป
ตอนที่ผมนั่งอยู่บนโต๊ะ ผมเห็นเหมือนเธอถือถุงพลาสติกเล็กๆ น่าสงสัย ผมกลัวว่าจะอคติไปเองก็เลยรีบวิ่งออกมาดู แต่ใช่! มันเป็นถุงพลาสติกเล็กๆ ที่น่าสงสัยจริงๆ ผมเห็นพลาสติกมีสีขาวอยู่ด้านนึงด้วย เหมือนจะเป็น
...ถุงยา!?
ไม่รอช้าผมรีบโบกแท็กซี่ทันที เป้าหมาย...ห้องพี่ตุลย์!
ทันทีที่ออกจากลิฟต์ผมก็รีบตรงดิ่งไปที่ห้องของพี่ตุลย์ แต่เพียงไม่กี่ก้าวที่ผมกำลังจะถึงห้อง กลับเห็นใครบางคนที่คุ้นตาเสียก่อน เธอยืนอยู่หน้าประตูมองวัตถุในมือด้วยสีหน้าราวกับกำลังช่างใจบางอย่าง
"อะไรหรอครับ ที่ถืออยู่ในมือ?”
ทันทีที่ได้ยินเสียงของผม ร่างเล็กของผู้หญิงตรงหน้าก็สะดุ้ง รีบซ่อนมือไว้ด้านหลังหันขวับมาหาผมด้วยท่าทีตกใจ “เกี่ยวอะไรกับนายด้วย?”
“ก็แค่ถามดู...” ผมว่าเสียงเรียบพลางเดินอาดๆ เข้าไปหาเธอ แน่นอนพี่พลอยไพลินต้องถอยหลังหนีอยู่แล้ว แต่ผมก็เอื้อมมือไปข้างหลังกันตัวเอาไว้เสียก่อน ดูเผินๆ เหมือนว่าผมกำลังจะกอดเธอ แต่จริงๆ แล้ว...
พรึ่บ!
“เอามานะ!”
“ขอดูหน่อยยย ไม่หวงดิครับ” ผมชูขึ้นสูง ด้วยส่วนสูงที่ค่อนข้างต่างกันพอสมควร ทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถแย่งคืนได้ “ยา-แก้-ปวด”
“ใช่! มันก็แค่ยาแก้ปวด เอาคืนมานะ!”
“งั้นดีเลย ผมกำลังปวดหัวพอดี งั้นผมขอกินเม็ดนึงนะ กินเสร็จแล้วผมก็จะได้ไปในนอน” ผมยิ้มหวาน ยัด ‘ถุงยาแก้ปวดหัว’ ลงในมือเรียวพร้อมกับเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหูอีกฝ่าย
“นอนในห้องพี่ตุลย์” “ไม่ได้! ฉันไม่ให้ ถ้าอยากกินมากนักก็ไปหาซื้อเองสิ!” คนตรงหน้าผละออกจากผมอย่างรวดเร็ว รีบยัดถุงยาที่ผมคืนให้ใส่กระเป๋าถือของตน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังยิ้มอยู่ ยิ้มกว้างอย่างจงใจก่อนจะชูเม็ดยาแคปซูลเม็ดนึงขึ้นมา
“ไม่ขี้งกดิครับ ผมปวดหัวจริงๆ ขอกินแล้วจะรีบเข้านอนแล้ว~” ผมพูดเสียงกวน ตั้งท่าจะเอายาเม็ดนั้นเข้าปาก แต่มือสวยของพี่พลอยไพลินกับคว้าต้นแขนของผมไว้!
“ห้ามกินเด็ดขาด! เอายาคืนมาเดี๋ยวนี้!”
“ทำไมต้องเสียดังอะครับ มันก็แค่ ‘ยาแก้ปวด’ ถูกไหม? เดี๋ยวผมขอยืมเม็ดนึง พรุ่งนี้จะหาซื้อคืนให้” ผมแกะมือเธอออก กำลังจะยัดยาเข้าปากอีกรอบ แต่พี่พลอยไพลินก็ไม่รอช้าที่จะห้ามผมเอาไว้อีกครา
“ฉันบอกว่าไม่ได้!”
“เพราะมันเป็นยาปลุกหรืออะไรเทือกๆ นั้นหรอครับ?”
“!”
ผมจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาจริงจัง ลดมือข้างที่ถือยาลง “อาการแบบนี้ ผมพูดถูกหรอเนี่ย”
“ไม่...ไม่ใช่!”
“ตอนที่ได้ยินอยู่ในร้านเหล้า ผมก็นึกว่าพี่จะมีศักดิ์ศรีไม่น่าจะทำแบบที่เพื่อนพี่ทำหรอก แต่สุดท้าย พี่ก็เป็นแค่ผู้หญิงคนนึงที่อยากได้ผู้ชายมากหรอครับ?
“นะ นายได้ยินตอนนั้น!?”
"เฮ้ยๆ พี่สาว รู้ว่าอยากได้พี่ตุลย์มาก แต่ต้องทำขนาดนี้เลยหรอ? พี่สาวครับ นี่มันวิธีผู้ร้ายชัดๆ"
“นายอย่ามาว่าฉันนะ ถ้านายไม่ได้มาเป็นฉัน!”
“ก็ผมจะว่าอะ! ทำไม? เพราะเริ่มจะเข้าสู่วัยทองแล้วหรอไง? ก็เลยต้องรีบมี ก่อนที่จะไม่ได้ใช้งานงั้นสิ” ผมพูด นี่ผมยังยับยั้งมารยาทได้อยู่บ้างนะ ถึงไม่ได้พูดคำหยาบแบบพวกไร้การศึกษาออกไปสักคำ “ผมไม่อยากยุ่งเรื่องของพี่สาวเท่าไหร่หรอก แต่ผมทนเห็นไม่ไหวจริงๆ อะ ใช้ยาเนี่ย มันโคตรน่าสมเพชเลยนะครับ”
"ฉันถึงบอกไงว่านายไม่เป็นฉันนายไม่รู้หรอก!”
“...”
“ลองสลับกัน ลองมาเป็นฉันดูไหม? นายจะได้รู้ว่าความรู้สึกของคนที่เสียของรักไปต่อหน้าต่อตาครั้งนึงมันเป็นยังไง! เขาต้องเป็นของฉัน ฉันจะไม่ยอมให้ใครได้เขาไปอีกแล้ว!"
“ก็เลยกะจะรวบหัวรวบหางเป็นผัวเมียแบบพฤตินัยไปเลยงั้นดิ? โห พี่สาวครับ นี่เราอยู่ในยุค ‘ได้กันต้องเป็นแฟนกันด้วยหรอ’ นะครับ ไม่อยากจะบอก ถ้าอยากจะเสียพรหมจรรย์ให้พี่ตุลย์ขนาดนั้นมันมีวิธีไหมอะ อย่าไปใช้เลยของพวกนี้”
คนตรงหน้าจ้องผมเขม็ง แววตาแข็งกระด้าง “ที่นายมาห้ามฉัน บอกมาเลยก็ได้ว่าจริงๆ แล้ว นายกลัวว่าจะจับตุลย์ไม่ได้ใช่ไหมละ! นายกลัวว่าฉันจะชนะ แล้วก็พลาดผู้ชายอย่างตุลย์ไปใช่ไหม!”
ปึ๊ด...
ผมจ้องคนตรงหน้ากลับ เส้นเลือกข้างขมับปวดตุ๊บๆ จนต้องท่อง ‘ผู้หญิงพุทธ ผู้หญิงโธ’ อยู่ในใจ
“งั้นมาเล่นเกมกันดีกว่า”
“ทำไมต้องเล่น?”
“ก็พี่อยากให้ผมออกจากชีวิตของครอบครัวนี้ไม่ใช่หรอ? ถ้าพี่ไม่เล่น ผมก็วนเวียนอยู่แบบนี้แหละครับ จะสิบปี ยี่สิบปี สามสิบปี จนพี่ต้องใส่แพมเพริสสำหรับผู้ใหญ่นอนเป็นยายเหี่ยวอยู่บนเตียงก็ไม่ได้แต่งงานกับพี่ตุลย์หรอกจะบอก” ผมยักคิ้วจงใจกวนประสาทให้คนตรงหน้าสองที
“...”
“แล้วอีกอย่าง ถ้าผมยังอยู่บ้านเนี่ย ยาพวกนี้พี่ไม่ได้มีโอกาสใช้หรอกครับบบ คนที่นอนอยู่ห้องพี่ตุลย์คือผมนี่ ดีไม่ดี ยานี่อาจจะส่งผลดีกับผมเสียอีก ตื่นมาเอ้า ได้เป็นผัวเมียกันเฉยอะแบบนั้นอะครับ~”
“จะเล่นอะไรว่ามา!”
“เกมง่ายๆ พี่สาวก็แค่ไปสารภาพรักกับพี่ตุลย์ซะ” ผมยิ้มหวาน
“อะไรนะ!” เสียงหวานร้องลั่นจนแสบแหลม ตากลมโตเบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้า
“ถ้าใจตรงกัน ผมจะเก็บของออกไปจากที่นี่เลย จะไม่ยุ่งกับครอบครัวนี้อีก ตามคุณหญิงต้องการเลยนะครับ” ผมหันหลังให้คนตรงหน้า หยิบกุญแจสำรองที่พี่ตุลย์เคยให้เมื่อนานมาแล้วขึ้นมาไขประตูห้อง ก่อนจะสอดตัวเข้าไปข้างใน
“...”
ผมหันมามองอีกฝ่ายที่อยู่อีกด้านของประตู ยิ้มหวานให้อีกรอบเป็นครั้งสุดท้าย
“แต่ถ้าพี่ตุลย์ไม่เอา พี่สาวก็น่าจะคิดได้นะ ว่าต้องทำยังไง : )”
แล้วผมก็ปิดประตูลง
TBCใครรอไอ้เอสกวนขั้นแอดว๊านนน ตอบบบบบ~
#daddybelover