!!!!!!!!! DADDY BE LOVER รักนะครับคุณพ่อลูกสอง [ตอนพิเศษ 4] (25-4-61) !!!!!!!!!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: !!!!!!!!! DADDY BE LOVER รักนะครับคุณพ่อลูกสอง [ตอนพิเศษ 4] (25-4-61) !!!!!!!!!!  (อ่าน 418791 ครั้ง)

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
คุณพ่อไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูกๆเท่าที่ควรนะคะ  o18

ออฟไลน์ thenista

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
    • NISTA
ตอนที่ 4





             “หัวหน้าครับ ผมส่งแผนตลาดของเรื่อง ‘แค้นพิพากษา’ ไว้ที่โต๊ะให้แล้วนะครับ” ผมพูดขึ้นขณะที่กำลังเห็นว่าหัวหน้าฝ่ายขายกำลังเดินเข้ามานั่งประจำโต๊ะตรงหัวมุม

             “ตุลย์นี่ทำงานเสร็จเร็วตลอดเลยนะ น่าอิจฉาจริงๆ” พี่ณีที่นั่งทำงานอยู่ในคอกบุผ้าหยาบหน้าตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของผม โผล่หัวขึ้นมาล้อผมที่กำลังเก็บข้าวของใส่กระเป๋าทำงาน

             “ผมเอาไปทำที่บ้านนะครับ เผลอทำไปทั้งคืนก็เลยเสร็จเร็ว” ผมยิ้มตอบ

             “เดี๋ยวฉันดูให้ ถ้าเสร็จเร็วก็คงดูเสร็จพรุ่งนี้นะ” หัวหน้าตอบพลางยกแก้วกาแฟในมือขึ้นจิบ กลิ่นบุหรี่อ่อนๆ ที่โชยมาทำให้พอรู้ได้ว่าเมื่อครู่คงไปห้องสูบบุหรี่ ผมไม่รู้หรอกครับว่างานของหัวหน้าฝ่ายขายจะเยอะหนักแค่ไหน แต่ก็คงหนักพอดู เพราะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลจำนวนมาก การคาดคะเนให้หนังสือของสำนักพิมพ์เราขายออก แข่งกับสำนักพิมพ์อื่นๆ “แล้วนี่จะกลับแล้วใช่ไหม?”

             “ครับ หัวหน้ามีงานอะไรเหลือหรือเปล่าครับ?”

             “ไม่มีๆ ถามเฉยๆ ทำงานเสร็จเร็วก็ได้กลับเร็ว” หัวหน้าหัวเราะอารมณ์ดีเล็กน้อยก่อนจะหันไปตะโกนบอกกับลูกน้องคนอื่นๆ ที่ยังนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานในคอกทำงานของตัวเองไป “ได้ยินไหม ทำงานเร็วก็ได้กลับเร็ว ฉันรู้นะว่าใครแอบไปดอดจีบฝ่ายประชาสัมพันธ์ แอบอู้งานไป กลับตีสี่แน่วันนี้” แล้วหัวหน้าก็หัวเราะ


             ผมยิ้มนิดหน่อย พอเก็บของเรียบร้อย ก็บอกลารุ่นพี่ที่ทำงานและหัวหน้า งานของผมเหมือนเป็นวัฏจักรวนลูปกันไป ช่วงที่บรรณาธิการไปรับต้นฉบับ ตรวจ แก้พิมพ์ อะไรก็แล้วแต่ช่วงนั้นฝ่ายขายอย่างผมงานจะไม่หนักอะไร แต่พอถึงช่วงต้นฉบับเรียบร้อยพร้อมตีพิมพ์ ถึงค่อยเป็นหน้าที่ของผม ที่จะเข้าไปประชุมปรึกษาหารือเรื่องจำนวนตีพิมพ์ และการวางแผนการขายไปตามร้านหนังสือต่างๆ


             คำว่า ‘วางแผนการขาย’ เนี่ยแหละ ที่เป็นช่วงวุ่นวายที่สุดของฝ่ายผม


             ผมหมุนคอไปมา บีบนวดไหล่คลายความปวดเมื่อย ช่วงของการ ‘วางแผนการขาย’ เพิ่งจบลงไป กลับเข้าสู่ยุคของการแทบไม่มีงานต้องทำอีกครั้ง


             หลังจากที่ผมเพิ่งได้ถอนหายใจ ผ่อนคลายจากการทำงานเงยหน้ามองภาพตรงหน้าก่อนจะยืนนิ่งเหมือนพลังงานถูกสูบไปอีกครั้ง ภาพตรงหน้าของผมสั่นเครือเป็นระลอกๆ จากไอความร้อนที่พุ่งออกมาจากพื้น ผมตื่นมาทำงานแต่เช้า กลับก็มืด เกือบจะลืมไปแล้วว่าแดดประเทศไทยตอนเที่ยงตรงน่ะแรงแค่ไหน


             “หิวแล้วอะ ไปกินข้าวในห้างเถอะ หาไรกินเย็นๆ กัน”


             ผมเลื่อนสายตามองคู่รักวัยมหาวิทยาลัยที่เพิ่งเดินผ่านผมไป บางทีผมก็อิจฉานะ พอผมมีลูก วัยมหา’ลัยของผมก็พลอยหายไปด้วย ผมเลิกหาความสุขใส่ตัวเองตอนนั้น อะไรที่ผมมีผมจะให้ลูกก่อน หาเงินได้ก็ให้ลูกก่อน ได้กินอะไรก็ต้องให้ลูกกินก่อน พอจะดูบอลถ้าลูกร้องขึ้นมาผมก็ต้องรีบลุกไปดูเขา แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เพราะตั้งแต่ผมมีลูก ความสุขของผมก็คือการมีเขา


             ...จะว่าไปผมไม่ได้ไปห้างนานแค่ไหนแล้วนะ














              ผมเดินเข้าไปในเซเว่นตั้งใจจะซื้อข้าวกล่องกลับไปกินที่ห้อง ถึงแม้ที่หนึ่งจะอยู่ที่โรงเรียน แต่ตอนต้นก็ยังอยู่ในห้อง ถึงแม้จะมีป้าสร้อยคอยดูแลให้เหมือนทุกที แต่ไม่มีใครทำให้ผมสบายใจเท่ากับดูลูกด้วยสายตาของตัวเอง อีกอย่างป้าสร้อยกับตอนต้นก็ไม่ได้เข้ากันดีสักเท่าไหร่เลย เฮ้อ


             “รับโออิชิอีกขวดไหมครับ? ถ้าซื้อสองขวดลดราคานะครับ”

             “ไม่ครับ...นาย!”

             “ตาแก่!”

             ตะ ตาแก่!?


             อายุยังไม่ถึงเลขสามเลยนะเว๊ย เรียกผมตาแก่ได้ไงวะ ไอ้เด็กนี่!


             เมื่อครู่ผมเงยหน้าขึ้นจากกระเป๋าเงินเพื่อจะตอบพนักงานเซเว่นฯ ว่าผมไม่รับโออิชิอีกขวด แต่พอเงยหน้าก็เจอว่าพนักงานคนนั้นคือเด็กตัวแสบที่ทำผมเปิดข้าง เสยเซ็ตไปด้านข้างหลัง และมีต่างหูสามเหลี่ยมห้อยลง


             เด็กคนเดียวกับที่บอกแม่ผมว่าเป็นแฟนผม จนผมต้องนั่งอธิบายให้แม่ฟังจนเข้างานสาย และเมื่ออาทิตย์ก่อนก็เป็นคนว่าตอนต้นต่อหน้าต่อตาผม ถ้าให้ย้อนไปอีกก็ คนที่ลากผมขึ้นแท็กซี่แล้วให้ผมจ่ายค่าแท็กซี่ และคนที่โดนต่อยกระเด็นใส่ผม จนผมต้องตาลีตาเหลือกวิ่งหนีไปพร้อมกันด้วย


             ไอ้เด็กเอส!


             ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด


             พอเด็กนั่นเห็นว่าเป็นผมก็คว้าของผมไปสแกนบาร์โค้ดอย่างไว ความเร็วระดับที่เล่นเอาลูกค้าที่ต่อแถวอยู่ถึงกับอึ้ง พอผมทำท่าจะพูด ถุงเซเว่นที่ใส่ของผมทุกชิ้นก็ถูกยื่นมาแล้ว


             “135 บาทครับ รีบยื่นเงินมาแล้วรีบออกไปเลยครับ มีลูกค้าต่อแถวเยอะครับ!”

             “หะ?” ผมร้องเสียงหลง แต่ก็ยื่นเงินให้


             มันจะทำท่าทำทางไม่อยากเจอผมทำไม ผมมากกว่ามั้งที่ควรจะทำท่าแบบนั้น ไอ้เด็กนี่ทำชีวิตผมวุ่นวาย พาเรื่องปวดหัวมาให้ผมทุกครั้งที่เจอ ผมนี่ไม่ได้ทำอะไรเลย


             “นี่ครับเงินทอน เชิญออกไปจากเซเว่นเดี๋ยวนี้เลยครับ” ไอ้เด็กนั่นว่า ไม่พอยังใช้มือยื่นมาดันต้นแขนผมให้ออกไปจากแถวอีก “เอ้ย เดี๋ยวพี่ชาย! ผมเลิกงานตอนบ่ายโมงอะ รอแป๊บนึงได้ปะ มีเรื่องคุยด้วย!” ขณะที่ผมกำลังจะออกจากเซเว่น เอสก็ตะโกนเรียกเอาไว้ก่อน ผมขมวดคิ้วแต่ก็ยอมพยักหน้า


             อะไรวะ เมื่อกี้ยังทำท่าไล่ผมอยู่เลย แล้วมาบอกผมให้รอซะงั้น


             “ฉันรอร้านคาเฟ่ที่อยู่ข้างๆ นี่นะ”

             “อะเค!” มันทำมือโอเคมาให้ผมก่อนจะกลับไปแสกนบาร์โค้ดลูกค้าคนอื่นต่อ











             “รอนานปะ”

             “ก็แค่สั่งแก้วที่สามแล้ว”

             “บ้าปะ สั่งแก้วเดียวก็พอ แล้วก็รอให้น้ำแข็งละลายกินน้ำเปล่าได้ต่อ ฟรี ไม่เสียตัง น่อววว โง่นะเนี่ย”

             “...”

             “หยอกนิดหยอกหน่อยต้องทำหน้าดุใส่ด้วย”

             “ฉันไม่ได้ทำหน้าดุ”

             “ก็คิ้วขมวดกันขนาดนี้ หน้ายิ้มมั้งเนี่ย” เด็กนั่นตัวนั่งลงที่เก้าอี้บุผ้าที่อยู่ตรงข้ามผม ทันทีที่อีกฝ่ายนั่งลงผมได้ยินเสียง ‘เฮ้ย แก’ จากกลุ่มเด็กสาว ม.ปลายที่นั่งอยู่ด้านหลัง ไม่ต้องสงสัยให้มากความก็พอเดาได้ว่าคงแอบกรี๊ดเจ้าเด็กที่ชื่อ ‘เอส’ เนี่ยแหละ


             เดิมทีเจ้าเด็กนั่นก็ลุคแบดบอยอยู่แล้วยิ่งใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว ยิ่งทำให้คนตรงหน้าราวกับหลุดออกมาจากการ์ตูนญี่ปุ่น


             แต่จริงๆ มันเป็นแค่เด็กแสบ ร้ายกาจเท่านั้นแหละครับ


             “ฉันสายตายาว พอนายมาอยู่ใกล้ๆ แล้วมันมองไม่ค่อยชัดก็เลยขมวดคิ้วแค่นั้นแหละ”

             “ว๊ายย แก่นะเนี่ยยย” มันทำหน้าล้อผม


             ผมขอย้ำอีกที ผมอายุ ’29’ ไม่ใช่ ‘49’


             “ฉันไปละ ฝากจ่ายค่าน้ำสามแก้วนี่ด้วยแล้วกัน” ผมทำท่าทุกลุก


             หมับ!


             “เดี๋ยวดิ พี่ชาย เค้าล้อเล่นนะฮืออ เค้ามิมีตังหรอก ทั้งเนื้อทั้งตัวมียี่สิบบาท พี่ชายอย่าทำกับเค้าแบบนี้เลยนะ~” มันคว้าแขนผม ทำเสียงน่าสงสารพร้อมทำตาปริบๆ มาให้ ผมกลับไปนั่งตามเดิม ผมก็แค่ล้อเล่นแหละครับ ใครมันจะไปทำแบบนั้น

             “แล้วนี่นายมีอะไรจะคุยกับฉัน?”


             เอสปล่อยมือที่จับแขนผม ก้มหน้ามองตักพูดหมุบหมิบอะไรบางอย่างที่ผมได้ยินไม่ถนัดเท่าไหร่นัก มันเงยหน้าขึ้นมามองท่าทางเหมือนลังเลอะไรบางอย่างทำให้ผมต้องเลิกคิ้วขึ้น


             “คือ...”

             “...”

             “คือ ว่าตอนนี้เราก็ได้นั่งคุยกันดีๆ แล้วนะ”

             “อาหะ แล้ว?”

             “แล้วที่นี่ก็เป็นที่สาธารณะ...”

             “แล้ว?” ผมขึ้นเสียงสูง สาธารณะแล้วยังไง?

             “ผมก็คิดมาหลายวันแล้วนะ!”

             “เมื่อไหร่จะเข้าเรื่อง”

             “คือ ผม...”


             Rrrrrrrrrrrrrrrrrr


             เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นขัดจังหวะ ผมรีบหยิบขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นป้าสร้อยโทรมาก็รีบกดรับ

             
             “ว่าไงครับป้า มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

             /ตุลย์จะกลับมาเมื่อไหร่?/

             “เอ่อ ตอนนี้กำลังเดินทางกลับอยู่ครับ”

             /อ๋อ โอเคคือลูกป้าโทรมาบอกว่ากำลังเดินทางมาเยี่ยมป้ากับลุงน่ะ ป้าก็เลยว่าจะกลับห้องไปเตรียมข้าวปลาให้ลูก แต่ป้าก็ไม่กล้าทิ้งตอนต้นไว้คนเดียวก็เลยโทรมาถามดู/

             “ป้าสร้อยช่วยดูตอนต้นให้ผมสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมจะรีบกลับครับ”

             /โอเคจ๊า/ ผมกดวางสายก่อนจะหันไปถามเอสที่นั่งดูผมคุยโทรศัพท์อยู่

             “ที่จะคุยเป็นเรื่องสำคัญหรือเปล่า?”

             “ก็...สำคัญ...มั้ง”

             “งั้นปะ ฉันต้องรีบกลับบ้านไปดูลูก ย้ายที่คุยไปบ้านฉัน”

             “เฮ้ย ไม่ไป!” เด็กนั่นรีบปฏิเสธเสียงดัง จนคนที่นั่งโต๊ะอื่นหันมามอง

             “เสียงดังทำไมเนี่ย? ไปบ้านฉันเฉยๆ ไม่ได้ไปป่าช้า ก็เคยไปตั้งสองครั้งแล้วนี่”

             “มันก็ใช่...”

             “ถ้างั้นก็รีบมาเร็วๆ ลูกฉันรออยู่” ผมไม่คิดสนใจสีหน้าลำบากใจของอีกฝ่าย เดินไปที่เคาเตอร์เพื่อจ่ายเงินค่าเครื่องดื่ม ก่อนจะเดินนำเอสออกมาจากร้าน เด็กนั่นก็ยอมเดินตามมาแต่โดยดี แต่ทำท่าเหมือนผมลากคอให้มาด้วย พอขึ้นแท็กซี่ก็นั่งทำท่าเหมือนพร้อมจะกระโจนออกจากรถตลอดเวลา


             อะไรของมัน ฮอร์โมนว้าวุ่น?












             “ไอ้อันธพาล! ไอ้คนนิสัยไม่ดี มาหยิกตูดที่หนึ่งทำไม!?”

             “ก็แกบังอาจผลักประตูหนีบมือพี่อะ! จะได้รู้ซะบ้างว่าเวลาเนื้อโดนหนีบจะได้เป็นยังไงไง!”

             “ก็อยากจะซื่อบื้อยื่นมือมาให้โดนหนีบทำไมละ!”

             “แล้วจะยืนบื้อให้โดนหยิกตูดทำไมละ!”


             เอสทำท่าที่จะพูดธุระให้เสร็จระหว่างขึ้นลิฟต์มาด้วยกัน แต่เพราะมัวแต่อ้ำๆ อึ้งๆ ยืนอยู่หน้าห้องแล้วก็ยังไม่ได้พูด พอผมเปิดประตูห้องเข้าไปปุ๊บ ก็ทะเลาะกับที่หนึ่งลูกชายคนโตของผมปั๊บทันที ผมไม่ได้สนใจสองคนนั้นมากนัก เดินดุ่มๆ วางสูทกับกระเป๋าทำงานแล้วพุ่งไปหาตอนต้นที่ร้องไห้เสียงดังอยู่ในอ้อมแขนป้าสร้อย


             ตอนต้นเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ป้าสร้อยอุ้ม จะร้องไห้เสียงดังไปถึงห้องอื่น แต่ผมไม่รู้จะทำยังไงจึงทำได้แค่บอกป้าสร้อยว่าพยายามอุ้มตอนต้นให้น้อยที่สุด


             “คือแกคลานเข้ามาในครัวน่ะ กลัวจะเป็นอันตรายก็เลยจะอุ้มไปที่นั่งเล่น”

             “อ๋อครับ” ผมโยกลูกชายตัวน้อยทันทีที่อยู่ในอ้อมแขนผมเขาก็เงียบลงซบบ่าสะอึกสะอื้นอย่างน่าเอ็นดู “ขอบคุณมากนะครับป้าที่ช่วยดูแลตอนต้นให้ เอ่อ...ผมถามหน่อย”

             “จ๊ะ?”

             “ทำไมที่หนึ่งอยู่ห้องละครับ ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาเลิกเรียนไม่ใช่หรอ?” พอลูกคนเล็กสงบลงผมก็ถามถึงลูกคนโตที่กำลังเอาดาบของเล่นฟาดฟันกันอยู่ในห้องนั่งเล่น

             “คือ...ครูพากลับมาน่ะ บอกแค่ว่าแกร้องจะกลับบ้านอย่างเดียวเลย ถ้าไม่พากลับก็จะกลับเองก็เลยต้องพากลับมา แล้วครูก็ฝากให้บอกตุลย์ด้วยนะว่าถ้าว่างก็ให้ไปที่พบครูสักหน่อย”

             “...” ผมเงียบ ก่อนจะถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับ “ครับ ป้าสร้อยกลับห้องได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมดูลูกเอง ขอบคุณมากนะครับ”

             “จ๊า งั้นป้ากลับแล้วนะ พรุ่งนี้ป้าจะมาดูให้ใหม่”

             “ข้าว่าเจ้ายอมแพ้เสียเถิด ท่านจักรพรรดิที่หนึ่ง ตอนนี้เจ้าปราชัยแก่ข้าแล้ว หากยังขัดขืนหัวของเจ้าคงได้หลุดออกจากบ่า”


             ผมหันไปตามเสียงที่ถูกดัดให้เข้มนั่นก่อนจะเห็นว่าลูกชายคนโตของผมกำลังนอนราบไปกับโซฟา ดาบของเล่นตกอยู่ที่พื้นโดยมีเด็กแสบที่ชื่อเอสกำลังยืนค่อมแล้วเอาดาบของเล่นอีกอันจ่อคอลูกผมอยู่

             “เป็นการสู้แบบเท่าเทียมยิ่งนัก ท่านนักดาบ ตัวของลูกข้ากับตัวของท่านเท่ากันเสียเหลือเกิน” ผมหัวเราะในลำคอพลางส่ายหัว พอได้ยินเสียงผม นักดาบเอสก็หันมาและจังหวะนั่นลูกชายของผมก็ลุกขึ้นแล้วผลักอีกฝ่าย!

             “เฮ้ยย!”


             ตุ๊บ!


             “ตอนนี้เจ้าต่างหากที่ปราชัยแก่ข้าแล้ว เจ้ายักษ์!”

             “เล่นทีเผลอนี่หว่า ขี้โกง! ไอ้เด็กเลวว~”

             “ในศึกสงคราม ใครกันสอนให้เจ้าละความสนใจจากศัตรู” ที่หนึ่งหัวเราะเสียงดัง นั่งทับกลางลำตัวของผู้เป็นแขก พอเห็นท่าทางสนุกของลูกชายที่ผมไม่ได้เห็นบ่อยนักก็ทำให้เผลอยิ้มออกมา


             ครั้งล่าสุดที่เด็กที่ชื่อเอสนั่นมาที่ห้องผม หลังจากกลับไปแล้วผมก็กลับมาถามที่หนึ่งอีกครั้ง ถึงตอนแรกลูกของผมจะทำท่าอึกอักเหมือนคนน้อยใจที่ผมเข้าข้างลูกคนเล็กมากกว่า แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยอมเล่าให้ฟัง ว่าตอนต้นเป็นคนแยกของเขาก่อน แถมเอาของเล่นไปทุบกับพื้นจนไฟหน้าแตกและสีถลอก


             เพราะผมมัวยุ่งแต่กับการวางแผนการขาย เลยแก้ปัญหาส่งๆ ไป พอผมได้ฟังจึงได้ตำหนิตัวเองไปยกใหญ่ ว่าทำไมผมได้ทำแบบนั้นลงไป


             และครั้งนี้ก็เหมือนกัน พอเห็นท่าทางสนุกสนานของที่หนึ่ง ผมก็เพิ่งสังเกตว่า เขาแทบจะไม่ได้ทำหน้าแบบนั้นเวลาอยู่กับผมเลย...


             ผมเดินอุ้มตอนต้นเข้าไปในครัว หมายจะนั่งลงโต๊ะอาหารดูสองคนนั้นทะเลาะกัน แต่ไอ้เด็กเอสกลับผละออกจากลูกผมแล้วพุ่งมานั่งที่โต๊ะอาหารกับผมด้วย


             “ว่าและ ว่ามาห้องนี้ได้ตีกับเด็กเว...เอ๊ย ตีกับที่หนึ่งก่อน คืองี้นะเรื่องที่ผมจะคุยด้วย...”

             “อันธพาลหนีได้ไงอะ เรายังสู้กันอยู่นะ!”

             “ไม่ได้หนีเว๊ย เขาเรียกว่าไปตั้งตัว เดี๋ยวจะกลับไปสู้ใหม่ นั่งนิ่งๆ แล้วท่องสูตรคูณไป ชิ่ว!” ไม่วายหันไปทะเลาะกับลูกผมอีก “คืองี้นะ...” สูดลมหายใจอีกหนึ่งที “คือผมจะมาขอโทษเรื่องที่ผมพูดกับแม่คุณอะ!”

             “หะ เรื่องนี้หรอที่นายตั้งใจจะพูดกับฉันมาตลอด?” ผมเลิกคิ้ว “นี่คือเรื่องสำคัญแล้วใช่ไหม?”

             “เฮ้ย อย่ามาพูดด้วยเสียงดูถูกแบบนี้นะ! ผู้ชายไม่ใช่จะพูดขอโทษง่ายๆ นะครับพี่ชาย ผมพูดขอโทษไม่บ่อยด้วยสิ มันรู้สึกแบบ ปากหนักไรงี้อะ แล้วผมก็ขอยืนยันว่า ผมไม่ผิดนะ ก็ป้าฮาร์ดคอร์ เอ๊ย! คุณแม่พูดกับผมแบบนั้นก่อนนี่ ที่ผมขอโทษนี่ ขอโทษที่เสียมารยาทหรอกนะ!”


             อ๋อ ฟอร์มเยอะ


             “ไม่เป็นไร แม่ฉันก็ผิดแหละ พอดีแม่ฉันคิดมากกับเรื่องแบบนั้นมากไปหน่อย เรื่องคู่ครอง แฟน หรืออะไรเทือกๆ นั้น ฉันอธิบายให้แม่ฟังแล้ว แล้วแม่ก็ฝากมาขอโทษนายด้วย”

             “แล้วก็เรื่อง ที่ไปว่าลูกพี่ชายอ่ะ”

             “เลิกเรียกพี่ชายดิ้ ชื่อตุลย์ ไม่รู้สึกขนลุกหรอเวลาเรียก พี่ชายอย่างนู่น พี่ชายอย่างนี้น่ะ”

             “เอ้า พี่ชายคงแก่กว่าผมมากแหละ จะเรียกลุงก็ดูเสียมารยาท จะเรียกพี่...อายุก็ห่างมากเกิน เรียกน้า เรียกอา ไม่มีอะไรเวิร์กสักอย่าง”

             “แล้วเรียกพี่ตุลย์กับพี่ชายมันต่างกันตรงไหน”

             “ต่างกันตรงความรู้สึกเนี่ยแหละ”

             “ไหนลองเรียกพี่ตุลย์ดิ้”

             “พี่...ตุลย์” เจ้าเด็กเอสเรียกผมเสียงเบา สักพักมันก็ทำน่าพะอืดพะอมแล้วลูบแขนตัวเอง “มันขนลุกอะ ไม่รู้ทำไม!”

             “...เออ แล้วแต่เลย”

             “กลับเข้าเรื่องๆ คืองี้ผมอยากขอโทษพี่ชาย ที่คราวที่แล้วไปว่าไอ้เด็กนั่นอะ” อีกฝ่ายว่าพร้อมกับชี้มาที่ลูกคนเล็กของผมที่กำลังอุ้มอยู่ ตอนต้นมองอีกฝ่ายตาปริบๆ พอเห็นว่ามีแขนยื่นมาทางตนก็คงคิดว่าขออุ้มละมั้ง เลยดิ้นจากอ้อมแขนผมทำท่าจะไปหาเจ้าเด็กเอสนั่น

             “จะไปหาพี่เอสหรอลูก หื้ม?” ผมถามก่อนจะหอมแก้มย้วยๆ นั่นฟอดใหญ่ คำตอบที่ได้เป็นเพียงแค่แรงดิ้นที่มากขึ้น และนั่นก็ทำให้ผมยอมปล่อยเขาลงกับพื้นโต๊ะกินข้าว ทันทีที่ตัวเป็นอิสระจากผมก็คลานดุ๊กดิ๊กไปหาคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมทันที!


             ป้าสร้อยที่ช่วยเลี้ยงมาตั้งหลายเดือนไม่ยอมให้อุ้ม แต่จะไปหาไอ้คนที่ด่าตนแถมเจอกันแค่สองครั้งอีกเนี่ยนะ!


             “อย่าเข้ามานะเว๊ย กูมีพระ!”

             “พูดกับเด็กเพราะๆ หน่อยสิ เดี๋ยวตอนต้นก็จำหรอก”

             “อ่า...อย่าอย่างกรายเข้ามาหากระผมน่ะขอรับ กระผมมีพระ!”


             มันกวนตีนใช่ไหม?


             “แอ๊!”

             “แอ๊ พ่อง! แอ๊ อะไรละ พี่ไม่ถูกกับเด็กครับ ไปหาพ่อตุลย์ไป๊ ชิ่ว” เจ้าเด็กเอสสะบัดมือไล่ แต่นั่นไม่ทำให้ตอนต้นหยุดเลย เพียงแค่เปลี่ยนจากคลานเป็นนั่งจ้องหน้าเท่านั้น “อย่ามามองด้วยสายตาแบบนั้น เจ้าเด็กอ้วน ไม่น่ารักเลยบอกตรง!”


             มีสะบัดหน้าใส่ด้วยนะ


             “อันธพาล! นี่รอสู้ด้วยนานแล้วนะ ถ้าจะยอมแพ้ก็เอาหน้ามาให้เขียนว่าขี้ขลาดเดี๋ยวนี้เลย”

             “ใจเย็นดิเว๊ย!” มันตะโกนใส่ลูกคนโตของผม “เอ๊ะ! ไอ้นี่ อย่าเข้ามา เกลียดเด็ก เป็นภูมิแพ้เด็ก เข้ามาแล้วหัวใจจะวายเข้าใจไหม พ่อแกอยู่ฝั่งนู่น ไปชิ่วไอ้อ้วน!” มันไล่ลูกคนเล็กของผม


             ผมมองภาพตรงหน้าพลางนึกขำกับภาพตรงหน้า เหมือนกับผมมีลูกชายอยู่สามคน แต่ความรู้สึกหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาทำให้ผมต้องถอนใจ


             ถ้าแม่ของที่หนึ่งกับตอนต้นยังอยู่กับผม...


             ผมคิดมาหลายวันแล้ว ว่าที่จริงแล้วการที่ผมเรียกลูกคนเดียวมันยังไม่ดีพอหรือเปล่า ปัญหาของครอบครัวผมยิ่งคิดก็ยิ่งผุดขึ้นมา จนผมนี่ตราหน้าตัวเองเลยว่าเป็นพ่อที่ห่วยแตกที่สุด


             หรือว่าจะถึงเวลาหาผู้หญิงสักคนมาเป็นเมียใหม่ได้แล้วน๊าา






TBC
อย่าสงสัยว่าทำไม ดำเนินช่วงนี้อืด
เพราะว่า อยากจะให้เห็นปัญหาของครอบครัวนึงที่เรียกลูกโดย 'ผู้ชาย' คนเดียว
ให้รู้ที่ไป ที่มา ของพ่อตุลย์และหนูเอส

ส่วนสาเหตุว่าทำไมหนูเอสไปโผล่เป็นพนักงานเซเว่น เจอคำตอบในตอนหน้าา
#daddybelover


ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจที่ผลักดันให้ อัพติดต่อกันมา 5 วันรวด! 555555555555555

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
เป้นกำลังใจให้ต่อไปและมาอัพทุกวันจนจบ  o13

ชอบมาก อาอีเอสสุดๆ ทำตัวแบบเดียวมีสาระ เดียวไร้สาระ บางทีก็ปัญาอ่อน  555

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มีแววว่าจะได้พี่เลี้ยงเด็กใหม่

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เด้กๆดูติดเอสแปลกๆ

ออฟไลน์ ROCKLOBSTER

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-4

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
น่ารักมากๆ เลยยยย  :-[ ชอบเอส ที่หนึ่งกับตอนต้นก็น่ารัก เด็กๆ ดูมีความสุขเวลาอยู่กับเอส  :mew1:

ออฟไลน์ Rabity

  • #slytherinforlife
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 523
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-8
ขำมากกกกกกกกกก ไม่ว่ายังไงก็รู้สึกขำที่เอสเรียกตอนต้นว่า ไอ้อ้วน อยู่ดี คือนึกภาพหนูเบล (เบลเซบับ) เวอร์ชั่นอ้วนตุ๊ยนุ๊ยขึ้นมาเลย 555 ที่หนึ่งเองก็น่ารักแบบเด็กผู้ชายนะ เอาเป็นว่าหลงเด็กสองคนนี้จริงๆ
ตุลย์คะ ไม่คิดอยากได้เอสเป็นภรรเมียเหรอคะ จะได้ไม่ต้องไปแก้ต่างอะไรให้คุณแม่ต้องระแวง และวุ่นวาย
ปล.รอตอนต่อไปจ้าาาา ลงทุกวันน่ะดีแล้ว!

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ขำเอสมากมายเลยค่าา~ :m20: (ประเด็นคือจะหัวเราะก็ไม่ได้ เกร็งจะแย่แล้วค่ะ เพราะว่านั่งอ่านอยู่ในรถเมล์นี่สิค้าา เก็บกดสุดๆ ไปเลย  :serius2: ) ส่วนพี่ตุลย์แค่หาพี่เลี้ยงก่อนก็ได้มั้งคะ ไม่ต้องคิดกาลไกลไปจนถึงขั้นจะหาภรรยาใหม่หรอกค่าา เปลี่ยวล่ะสิท่า~ :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2015 14:06:08 โดย Mouse2U »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
จ้างพี่เลี้ยงเพิ่มเถอะค่าาาาาา :)


ปูลู เอสยังไม่คืนของเลยเน้ออออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ขำมากอ่า~~~~~!!!
เอวจะฮาไปไหน๊ ดูพูดกับตอนต้นสิอย่างฮาอ่ะ
รังเกียจเด็กขั้นสุดยอด แต่ก้อเล่นกับที่หนึ่งเหมือยอายุเท่ากัน 555555555555
พี่ตุลย์คร้า ไม่ต้องไปหาสาวมาเพิ่มหร๊อก เอาเอสนี่ล่ะจี้เส้นดี  :m20: :m20: :m20: :m20:

ออฟไลน์ IIIA

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
เด็กพอกัน นี่ทะเลาะกับเด็กจะฮาไไปไหน 5555555555555  น้องที่หนึ่งน่ารักจุงง น่าฆ่านัก   555555555

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ดู ดไปแล้ว ไอ้เอส นี่ อายุสมองอาจเท่ากับลูกพี่ตุลย์

มันแสบ มันน่ารัก มันกวน และที่สำคัญ มันคือตัวซวย ฮ่าๆๆๆ

พี่ตุลย์  อยากมีลูกเพิ่มใหม แนะนำ ไอ้เอสจอมเกรียน

พี่ตุลย์ อยากมีภาระเพิ่มใหม แนะนำ ไอ้เอสจอมมึน

พี่ตุลย์ อยากมีคนเล่นกับลูกใหม แนะนำ ไอ้เอส อันธพาล

พี่ตุลย์ อยากมีคนช่วยดูแลลูกใหม แนะนำ ไอ้เอส คนเกลียดเด็ก ฮ่าๆๆ

รับรอง อนาคตของพี่ตุลย์ จะมีสีสรร ทีสดใส ไร้ความสงบในชีวิตจริงๆ

ออฟไลน์ BaZkon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เดาไม่ถูกเลยว่าใครพระเอกใครนายเอก :serius2:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ที่หนึ่งกับตอนต้นชื่อน่ารักจังค่ะ น้องเอสตลกอะ55

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
สนุกดีๆชอบๆๆๆๆมาต่อไวๆนะ

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
โอ้ย ไม่ไหวล่ะ ฮาเอสมากอ่ะ ทะเลาะกับไอเด็กอ้วน 555+
น้องตอนต้นติดใจไรเอส โดนพี่เขาด่านะ ยังไปให้พี่เขาอุ้มอีก ฮ่าๆ

น้องเป็นหนึ่งก็ตลก เล่นกับพี่เอส เหมือนพ่อตุลย์จะมีลูกสามคนจริงๆ

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เป็นภูมิแพ้เด็ก อยู่ใกล้แล้วหัวใจจะวาย เป็นอาการแพ้ที่น่ากลัวจริงๆ

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
นึกไม่ออกเลยว่าจะรักกันแบบไหน
โดยเฉพาะพี่ตุลย์ ดูไม่ค่อยสนใจเท่าไรเลย

รอนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
โอ๊ยยยย ฮานัวนู๋เอสเล่นกับเด็ก :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
น้องเอส มึงไหวไหมเนี่ย เกรียนได้โล่มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ thenista

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
    • NISTA
ตอนที่ 5






               “ไอ้ปัน!!” ผมดึงหูเพื่อนที่ยังนอนอยู่บนเตียงใหญ่ก่อนจะแหกปากใส่หูมันจะมันผุดเด้งขึ้นมาอย่างไว

               “ไอ้เหี้ยเอส จะตะโกนใส่หูกูทำพ่อง! เกิดมาเพิ่งเคยพูดได้หรือไงวะ!” มันโวยผมทันทีที่เห็นผมยิ้มแป้นอยู่บนเตียงมัน


               เดี๋ยว! อย่าจิ้น ไม่คิดอกุศลนะ ไม่ดี ไม่เอา~


               คืองี้ครับ ถ้ายังจำได้ห้องผมไฟไหม้ไง แล้วพอผมมายืมชุดนักเรียนไปทำงานเมื่อวันนู่นนนนนนน คุยไปคุยมา ก็เป็นอันว่าผมได้พักค้างบ้านมันจนกว่าจะหาหอใหม่ได้ มันเป็นเพื่อนผมมา ม.4 บ้านมันผมก็มาเที่ยวบ่อย กับแม่มันผมก็สนิทชิดเชื้อ พอรู้ว่าผมลำบากก็แทบจะช่วยกันลากผมให้มาอยู่ด้วย แต่ผมมันเกรงใจครับ ย้ำ! หน้าตาดีและเป็นเจินเทลแมนมาก ก็เลยเกรงใจเขาครับ ขออยู่แค่ระหว่างหาห้องใหม่อยู่พอ


               ป.ล. อาหารฝีมือแม่มันอร่อยมาก เตียงนิ่มเปิดแอร์นอนทุกวัน สบายสุดอะไรสุด จนผมนี่แกล้งลืมหาห้องเป็นอาทิตย์...


               “มึงขับรถไปส่งกูที่เซเว่นหน่อยดิ”

               “ไม่เอาาา กูง่วง กูจะนอน” ไอ้ปันร้องโอดครวญ มันทำท่าเหมือนจะกลับไปนอนอีกรอบแต่ผมก็คว้าผมมันไว้! “ไอ้เหี้ย มึงจับแขนกูก็ได้มั้ง!”

               “โทษทีๆ มือมันไวไปหน่อย อิอิ” ผมแสร้งหัวเราะแบบรู้สึกผิดมาก “แต่กูไม่ปล่อยนะ ถ้ามึงไม่อยากจะหัวล้านโดยมือกู ก็ขับรถไปส่งกูเดี๋ยวนี้เลย”

               “ไม่เอา ไม่ไปปป ไอ้เหี้ยเอสมึงแหกตาดูนาฬิกาสิ ยังไม่เจ็ดโมงเลยไอ้ห่า ปกตินี่ยังเป็นเวลาของ HON อยู่เลยย”

               “จะเป็นเด็กมหาลัยอยู่แล้วไอ้สัส หันตื่นเช้าดูพระอาทิตย์กำลังขึ้นบ้างเถอะมึง อย่ามาอ้างเยอะ ขับรถให้กูไม่ถึงสิบนาทีมึงก็ได้กลับมานอนต่อแล้วเนี่ย ปกติกูเข้างานตีห้าไม่อยากกวนมึง แต่วันนี้กูเข้างานเจ็ดโมง มึงขับรถไปส่งกูได้อะ~ มึงช่วยกูประหยัดเงินหน่อยเส้!” ผมพูดอย่างกระเง้ากระงอด

               “ค่ามอไซค์ปกติสิบห้าบาทเองไอ้เหี้ยย”

               “สิบห้าบาทก็มีค่า อย่าบ่นเยอะได้ไหม มึงตื่นไปส่งกูเดี๋ยวนี้เลยไอ้ปัน!” พอใช้ไม้อ่อนมันก็ไม่ยอมผม ผมก็เลยทำเสียงดุพร้อมกระชากหัวมันจนหน้าเชิด

               “ไอ้เถื่อน!”

               “เร็วๆ เลยมึง ไม่งั้นกูกระชากหัวมึงหลุด ไม่มีผมไม่ทำสีโชว์สาวในมหา’ลัยแน่มึง!”

               “เอออ ก็ได้ๆๆ กูนี่คิดผิดจริงๆ เลยหลงมาเป็นเพื่อนกับมึงเนี่ย” ผมบ่นอุบ แต่ก็ยอมลุกจากเตียงเดินไปหยิบกุญแจมอไซค์ที่วางรวมกับกระเป๋าตังและมือถือบนโต๊ะคอมฯ “ยืนทำบื้อไม ไปดิไอ้ขี้เหร่”

               “เบื่อ คนขี้อิจฉา” ผมเบ้ปากใส่มัน หยิบกางเกงกับม้วนแบงค์ยี่สิบของคุณพ่อลูกสองที่อยู่ห้อง B8002 ติดมือไปด้วยก่อนจะพุ่งตัวออกไปนอกบ้านกระโดดซ้อนรถฟีโน่ซุปเปอร์จูเนียร์ลิมิเต็ดอิดิชั่น

               “จับพี่เอาไว้แน่นๆ นะน้องเดี๋ยวร่วง พี่จะซิ่ง!”

               “โอเคค่ะพี่” ผมดัดเสียงตอบล้อเลียนแล้วคว้าหมับเข้าที่ผมมันอีกรอบ

               “ไอ้เหี้ยเอส”

               “จ๊า คุณเพื่อนปัน รีบๆ ขับสิจ๊ะ เอสรีบนะตัวเธอ” ผมยิ้มตรงไปที่กระจกส่องหลัง เอาแบบว่าให้มันเห็นแน่ๆ ว่าผมยิ้มเหนือใส่มันอยู่

               “เล่นงี้ใช่ไหมไอ้เอส งั้นมึงจับแน่นๆ เลยไอ้สัส เดี๋ยวคุณปันจะพามึงไปส่งเซเว่นเองงง!” มันว่าแล้วบึ่งรถอย่างเร็วจนบ็อกเซอร์ตัวสั้นที่มันใส่อยู่แทบจะกระพรืบม้วนกลับมาข้างหลัง


               ฟิ้วววว!


               ไอ้เหี้ย กูรู้ว่ามึงอยากรีบกลับไปนอน แต่กูบอกให้มึงไปส่งที่ทำงาน ไม่ใช่ส่งกูที่นรกกก!!~











               เอ่อ...


               ผมยืนเอ๋ออยู่หน้าประตูหลังของเซเว่นฯ ที่ทำงานกะเช้าของผมงานใหม่ อ้าปากเหวอ ผมที่เซ็ตเอาไว้อย่างหล่อชี้ไปด้านหลังกลายเป็นซุปเปอร์ไซย่าไปโดยพลัน ส่วนไอ้คนที่ทำให้ผมสภาพเป็นแบบนี้ พอถีบผมลงรถมันเสร็จก็บิดรถบ็อกเซอร์กระพรืบกลับบ้านไปนอนแล้วเรียบร้อย


               “อ้าว เอสทำไม่เดินเข้าไปข้างในละ”

               “...” ผมหันตามเสียงช้าๆ พอเห็นว่าเป็น ‘น้ำตาล’ ผมก็รีบสาวสติที่กระเด็นไประหว่างทางกลับเข้าร่าง “หวัดดีน้ำตาล”

               “หวัดดีจ๊ะ เป็นอะไรเปล่า? ดูหัวสิทำไมชี้อย่างนั้นละ” เธอยิ้มขำ ลักยิ้มที่มุมปากทั้งสองข้างทำผมเคลิ้มไปชั่วขณะ ไม่พอมือเรียวขาวของเธอยังเอื้อมมาเซ็ตผมใหม่ให้ผม ระยะใบหน้าที่อยู่ไม่ห่างกันมากของเรา ทำให้ผมเผลอกลั้นหายใจ


               อร๊าง นั่ลลั๊คคค TT TT


               งาน PC ขายรองเท้าก่อนหน้านี้เป็นเพียงอีเว้นของทางห้างเทสโกฯ จัดเพียงเดือนเดียว พอสิ้นปี งานผมก็สิ้นกัน หลังจากนั้นผมก็เลยมาสมัครเป็นพนักงานเซเว่นฯ แทน และ ‘น้ำตาล’ ก็เป็นคนที่มาสมัครพร้อมกันกับผม ความน่ารักของเธอนี่เล่นเอาพนักงานเก่าใหม่เหลียวหลังตั้งแต่เดินเข้ามายื่นใบสมัครเลยครับ (ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น)


               ถึงแม้ว่าเราสองคนจะเริ่มทำงานมาด้วยกันได้เพียงเกือบอาทิตย์ แต่เพราะอะไรหลายๆ อย่างทำให้เราค่อนข้างสนิทกัน และอะไรหลายๆ อย่างที่ว่านั่นหลักๆ คือ ผมแอบเนียนจีบเธออยู่ครับ /หัวเราะหื่น


               ผมเป็นโรคแพ้คนสวย~










               “เอส มีคนมาขอพบอะ?” ในขณะที่ผมกำลังจัดเรียงกล่องนมใส่ตู้ พี่ชัยพนักงานเซเว่นรุ่นเดอะ (พี่แกทำงานมาพร้อมกับก่อตั้งเซเว่นสาขานี้เลย) ก็เดินเข้ามากระซิบบอกผม

               “ใครอะพี่?”

               “ไม่รู้ว่ะ พี่ไม่ได้ถาม โทษทีๆ แต่เขาก็พูดชื่อนายเลยนะ เพื่อนละมั้ง”

               “อ๋อครับ งั้นพี่ชัยทำอันนี้ต่อให้ผมหน่อยได้ไหมอะ? เดี๋ยวผมรีบไปรีบกลับครับ”

               “เออๆ เดี๋ยวพี่ทำเอง”

               “ขอบคุณครับ” ผมลุกขึ้นยืน ยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย เดินเข้าไปทางด้านหลังของร้าน ตรงไปทางประตูหลัง มองซ้ายมองขวาหาคนที่พี่ชัยบอกว่ามาพบผมก่อนที่เห็นใครบางคนที่เดินหันหลังวนไปวนมาอยู่ไม่ไกลออกไป


               ใครวะ ไม่รู้สึกคุ้นเลย?

               แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เดินเข้าไปหา “ขอโทษนะครับ มาพบผมหรอ?”

               “เอสหรือเปล่า?” เขาหันมา และนั่นทำให้ผมเห็นว่าเขาไม่ใช่เพื่อนผมครับ นี่นึกจนถึงเพื่อนสมัยอนุบาลก็มั่นใจว่าไม่ใช่ แต่ผมก็พยักหน้าไป


               แหมมม พอถูกเรียกออกมาแบบนี้แล้วนึกถึงสมัยม.ปลายเลยครับ ไม่อยากอวดแต่ผมโดนสาวๆ เรียกไปสารภาพรักบ่อยนะครับ! (เรียกไปโดนตบก็บ่อย) ฮันแน่ หรือว่าเขาจะเรียกผมออกมาสารภาพรัก แต่เดี๋ยวก่อน! ถึงผมจะหล่อมากจนทั้งสาวและหนุ่มหลงรักกันไม่หวาดไม่ไหว แต่ผมก็คนจริง ชายจริงไม่นิยมกินถั่วนะครับ!


               “นายนี่เองสินะ เอส...” เขาพูดเสียงเบาเหมือนกับพึมพำกับตัวเอง

               “มีอะไรหรือเปล่าครับ? คือผมอยู่ระหว่างงาน ถ้าไม่มีอะไรผมจะกลับเข้าไปทำงานต่อแล้วนะครับ” ผมตั้งท่าจะผละออก

               “เดี๋ยวสิ ไปคุยกันหน่อย”


               หมับ!


               ไม่ว่าเปล่า ไอ้คนตรงหน้าผมมันจับข้อมือผมแล้วครับ!


               “ผมต้องทำงานนะครับ จะคุยอะไรค่อยคุยหลังเลิกงานนะครับ” ผมพูดพลางดึงข้อมือตัวเองออกจากการเกาะกุม แต่มือนั่นก็จับแน่นจนเส้นเลือดที่แขนของทั้งผมและมันปูดขึ้น เส้นเลือดของมันปูดเพราะเกร็งแน่น แต่ของผมปูดเพราะเลือดแม่งไม่เดินแล้วเว๊ย!


               ผมว่าแรงแบบเนี่ย ไม่น่าจะใช่จะมาสารภาพรักแล้วละ!


               “กล้ามายุ่งกับแฟนของคนอื่น ก็กล้าสู้หน้าแฟนเขาสิวะ ไหนๆ ก็โตกันแล้วมาคุยกันหน่อยแล้วกัน”


               หะ เดี๋ยว แฟน อะไรยังไง ใคร?


               ไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากแย้งหรือถามอะไร มันก็ลากข้อมือผมให้เดินตามมัน ผมโวยวายทันทีที่ขาผมก้าวจากที่ที่ผมยืน แต่ไม่ทันจะได้แหกปากเกินสามวิ ก็มีผู้ชายอีกคนจากทางด้านหลังมาตะปบปิดปากผมไว้


               “ไม่ได้พาไปฆ่าหรอกนะ อะไรจะแหกปากดังขนาดนั้น แค่พาไปคุยที่ที่คุยกันง่ายนิดหน่อย” ผู้ชายที่มาใหม่บอกขึ้นด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ


               แหม ประโยคคุ้นๆ เหมือนผมเคยได้ยินจากคนๆ หนึ่ง แล้วผลสรุปออกมาได้ไปต่อยกันในช่องตึกที่ปรากฎอยู่ในบทนำ


               แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น คือถ้าเรียกผมแล้วบอกชัดเลยว่าจะมาต่อยกันผมก็โอเคนะ ไม่ใช่ปัญหาอะไร ผมเข้าใจว่าเรื่องผู้หญิงไม่เข้าใครออกใคร แต่ไอ้ที่คราวนี้ผมดีดดิ้นเป็นสาว พยายามจะแกะมือที่ปิดปากผมไว้ออกเพื่อจะแหกปากให้คนช่วย เพราะไอ้กล้ามปูของคนที่ลากผมนี่แม่ง น่ากลัวสัส! ตรงต้นแขนนี่ขนาดเท่าหัวผม ข้อมือนี่ขนาดจะเท่าคอผมอยู่แล้ว!


               ถึงผมจะวิถีคนจริง แต่ผมก็รักตัวกลัวตายเหมือนกันนะคร๊าบบ!



               ปึก!



               “โอ๊ย!” ผมร้องทันทีที่ถูกเหวี่ยงติดผนังเข้ากับด้านข้างของบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ในซอยที่ตั้งเดียวกับเซเว่นฯ ที่ผมทำงานอยู่ “เจ็บนะเว๊ย!”

               “เจ็บแค่นี้ไม่ตายหรอก แต่หลังจากนี้อะไม่แน่! ไม่มีใครสั่งสอนมึงไง ว่าคนมีเจ้าของแล้วอย่าเข้าไปยุ่ง เดี๋ยวจะไม่ตายดีอะ!” ไอ้คนที่พี่ชัยบอกว่าอยากเจอผมมันตะโกนใส่หน้าผม โดยมีอีกคนที่ปิดปากผมก่อนหน้านี่ยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆ


               ผมไม่ได้มองหน้ามันเลยครับ จ้องมองแต่กล้ามที่โผล่ออกมาจากเสื้อกล้ามสีดำของคนทั้งสองคน คาดคะเนจากความใหญ่กับหัวของผม ดูยังไง๊ ยังไง ผมก็น่าจะตายในมือเดียวเลยอะ


               “เอ่อ... อันที่จริงพ่อผมก็สอนไว้นะครับ แล้วผมก็เชื่อฟังด้วยดีมาตลอด ไม่ได้ไปยุ่งกับแฟนพี่แน่นอนเลยนะครับ”

               “ไม่ต้องมาพูด! กูก็แปลกใจทำไมแฟนกูพูดถึงมึงบ่อยจัง วันนี้กูก็เลยแอบมาดูตอนที่แฟนมาทำงาน ก็เห็นมึงกุ๊งกิ๊งอยู่กับแฟนกูไงไอ้สัส! มึงล่อลวงแฟนกูใช่ไหม! เห็นแฟนกูสวยก็อยากได้เลยต้องมาแย่งกู!”


               มัน...หมายถึง ‘น้ำตาล’ หรอ


               เหยดดด! ก็ถามตอนแรกบอกว่าไม่มีแฟน ผมถึงได้เนียนตีสนิทจีบมาตลอด แล้วไหงแฟนถึงโผล่มาได้ไงวะ!

               “เดี๋ยวนะพี่ชายใจเย็น ผมไม่รู้เรื่องนะพี่ พี่หมายถึงน้ำตาลใช่ปะ? มันไม่ใช่แบบพี่คิดนะครับ” ผมยกมือดันอกของคนที่ยันแขนกับผนังล็อคผมเอาไว้ไม่ให้หนี ถึงแม้ว่าปากผมจะคันยุบยิบจากจะเถียงใจจะขาดว่า ‘ก็ผู้หญิงบอกว่ายังไม่มีผัวนี่หว่า กูไม่รู้ กูไม่ผิดเว๊ย’ แต่อย่างที่ผมบอก กล้ามแม่งที่อยู่ใกล้ๆ สายตาผมเนี่ยมันเหมือนกำลังร้องขู่ฟ่อๆ ว่าถ้ามึงปากดีเหมือนทุกที มึงได้โดนบีบหัวตายอยู่ซอกบ้านนี่แน่นอน

               “ถ้าไม่ใช่แบบที่กูคิดแล้วจะเป็นยังไง มึงอย่าคิดนะว่าอ้างว่าไม่รู้ แล้วจะรอด ไม่ต้องมาบอกด้วยว่าไม่ได้ยุ่งกับแฟนกู กูเห็นเต็มสองตา ว่าเล่นหัวกันได้ หน้าใกล้กันขนาดนั้นถ้าไม่ใช่ที่สาธารณะมึงคงเอากันแล้วใช่ไหม!”


               แค่หน้าใกล้กันเฉยๆ นี่พี่คิดการใหญ่ไปปะครับ


               “มึงยอมรับมาซะดีๆ ว่ามึงยุ่งกับแฟนกูจริง ถ้ามึงยอมรับตอนนี้และลาออกจากที่นั่น อย่ามายุ่งกับแฟนกูอีก กูจะอัดมึงแค่นิดหน่อย...แต่ถ้ามึงยังแถแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ไม่แขนก็ขามึงได้หลุดออกจากตัวแน่!”


               อึก..ผมกลืนน้ำลาย


               สายตาของคนที่กักผมเอาไว้ด้วยกล้ามใหญ่ขนาดเท่าหัวผมนั่นบ่งบอกชัดเจนว่าเอาจริง ผมพยายามมองหาทางหนีที่ไล่ ถ้าผมต่อยมันผมก็อาจจะหลุดรอด แต่ถ้าไม่รอดผมต้องตายแน่ไม่มีสงสัย


               เอาไงดีวะ!


               “ว่าไง เอส” มันกดเสียงต่ำลงที่ชื่อผมเป็นการข่มขู่


               ผมตวัดสายตามองมัน ถึงยั้งปากดีของตัวเองไว้ได้ แต่สายตาผมมันไวเกินระวัง แต่ผมก็ไม่คิดห้ามนะ ก็คนมันไม่รู้จริงๆ นี่หว่า เมียมึงไม่บอกว่ามีผัวแล้วนี่ กูจะรู้ไหมละ! พอถามก็บอกไม่มีแฟนนี่หว่า ไม่มีแฟน หน้าตาน่ารัก กูก็จีบดิ


               นี่อายุ 19 วัยเปลี่ยวอยู่นะ ไอ้สัส!


               “3”


               เวร นับอะไรวะ


               “2 จะยอมรับได้ยัง”


               ยอมรับอะไร กูไม่รู้ กูไม่ได้ตั้งใจจะจีบแฟนมึง แล้วแม่งดักคอผมไว้อีกว่าไม่ต้องพูดว่า ‘ไม่รู้’! แม่งหาเรื่องจะต่อยผมให้ได้ก็บอกเถอะ


               แต่ถึงผมจะคิดปากดีแบบนั้นก็ร้อนรนนะครับ!


               “2 นิด” ผมมองซ้ายมองขวา

               “2 หน่อย” ปลุกสัมผัสทั้งห้าทั้งหกทั้งเจ็ดทั้งแปดให้ช่วยกันหาทางหนีทีไล่

               “1” ผมเห็นคนกำลังจะเดินผ่าน...

               “ศูน...”

               “เดี๋ยว!” ผมร้องเสียงดังเบรกทันทีก่อนที่มันจะได้ลงหมัดแรงใส่หน้าผม “ที่ผมเข้าไปยุ่งกับน้ำตาลไม่ใช่เพราะจะไปจีบแฟนพี่นะครับ”

               “...” มันเลิกคิ้วขึ้นทันทีกับคำพูดของผม หันไปมองหน้าเพื่อนที่มาด้วยกันก่อนจะกลับหันมามองผม “มึงหมายความว่าไง?”
               
               “คืองี้พี่ มีคนมาชอบแฟนพี่อะ แล้วทีนี้ผมกับแฟนพี่สนิทกันเพราะสมัครงานพร้อมกัน เข้าทำงานพร้อมกัน เขาก็เลยแอบจ้างผมมาตีสนิทกับน้ำตาล สืบของชอบ ของไม่ชอบ นู่นนี่นั่นแค่นั้นนะพี่!”

               “มึงคิดว่ากูโง่มากขนาดจะเชื่อคำแก้ตัวบ้าบอพักนั้นของมึงหรอ!”

               “ผมพูดจริงนะ! พี่มองตาผมดิ สายตาไม่โกหกใครเคยได้ยินปะ มองเลย มอง แล้วพี่ก็จะรู้ว่าที่ผมพูดน่ะจริงหรือโกหก!”

               ผมโกหกครับ แต่พยายามสะกดตัวเองว่าเป็นความจริงอยู่ สาธุ! ขอให้แม่งมโนมองเห็นว่าผมไม่ได้โกหกด้วยเถ๊อะ แล้วผมจะตั้งใจทำงานที่เซเว่น ตั้งใจทำงานที่ร้านหมูกระทะเฮียเปียวด้วย ไม่ดื้อ ฮือ~

               “...”

               พอเห็นท่าทางลังเลของมัน ผมรีบร้อง ‘เยส!’ ในใจแล้วเล่าความเท็จต่อทันที “แล้วที่สำคัญนะพี่ ไอ้คนที่ตั้งใจจีบน้ำตาลของพี่มันก็อยู่นั่นไง!”


               ผมชี้ไปข้างหลัง ไอ้สองตัวที่ลากผมมาหันขวับตามนิ้วของผมทันที ผมอาศัยจังหวะเผลอนี้เตรียมใส่เกียร์หมาวิ่งหนีทันที แต่ขณะนั้นไอ้คนที่ผมชี้ไปมั่วๆ เพราะบังเอิญเดินผ่านก็หันมาพอดีทางพวกผมพอดี


               เราสบตากัน...


               เชี่ยแล้ว! ไอ้คุณเจ้าของห้อง B8002!









TBC


ที่จริงตอนนี้มีกว่านี้ แต่ว่ากว่าจะเขียนเสร็จคงได้อัพพรุ่งนี้ แต่อยากจะอัพให้คนอ่านได้ท่านทุกวันเลยต้องตัดไปเป็นอีกตอน
ฮือออ แล้วจะรีบมาอย่างไวเลยครับบบบ
#daddybelover


สปอย


"ของฟรีไม่มีในโลกนะรู้ปะ"
"มีบ้างเถอะ ผมเหนื่อยกับมุขนี้มากอะบอกตรง"
"ไม่ ตอนนี้ฉันไม่อยากได้บุญเท่าไหร่ เพราะงั้นจะไม่มีการทำทาน"
"...แล้วพี่ชายอยากได้อะไรตอบแทนละคร๊าบบบ"

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เอสสสส
แกมันตัวแสบ! ฉันเริ่มสงสารพี่ตุลย์ โอ้ยยย ซวยแล้วซวยอีก ฮ่าๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
โอ้ยเอส 5555555555555555555555555555

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พี่ตุลย์จะดวงสมพงษ์กับตัวแสบเอสมากเกินไปแล้วน้าา~ :laugh: เจอกันทีไรได้เรื่องทุกทีเลยเชียว~ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เอสครับ แกมันตัวหายนะจริงๆ เฮียตุลย์กล่าวไว้?   :mew5:

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
 :katai1:  เฮ้ยสงสารพี่ตุลย์จริงๆ อี่เอสนี่ตัวนำความซวยชัดๆ  :katai1:

ออฟไลน์ Cc-kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
อย่าบอกนะว่าจะให้เป็นพี่เลี้ยงจริงๆ
เท่าที่อ่านมานนี่ไม่ิหมาะกับการดูแลเด็กเท่าไหร่นะ

ออฟไลน์ IIIA

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
อิเอสสสสสสสสสส แกทำอะไร๊  :z3:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
อ้าว..ไอ้เอส ไอ้เด็กนิสัยเสีย

หางานให้พี่ตุลย์ อีกเน๊าะมึง

สาธุ..ขอให้พี่ตุลย์ เคยเป็นศิษย์รักของ บัวขาวกับปาเกียว ด้วยเถ้อะ

ตั้งแต่เจอไอ้เด็กนี่ ชีวิตพีก็ ติดคำว่า ซวย กลางหน้าผากร๊ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด