!!!!!!!!! DADDY BE LOVER รักนะครับคุณพ่อลูกสอง [ตอนพิเศษ 4] (25-4-61) !!!!!!!!!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: !!!!!!!!! DADDY BE LOVER รักนะครับคุณพ่อลูกสอง [ตอนพิเศษ 4] (25-4-61) !!!!!!!!!!  (อ่าน 417875 ครั้ง)

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
จิ้มๆๆๆๆ
มาอ่านด้วยคน

ออฟไลน์ thenista

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
    • NISTA
             
ตอนที่ 2





              ไม่ดื้อจริงๆ ครับ


              ผมเดินตามตาลุง (แอบเรียกแค่ในใจ) ไปเงียบๆ อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ไอ้ตัวผมเคยอยู่แต่บ้าน กับอพาร์ทเม้นท์ เพิ่งจะเคยเห็นคอนโดมิเนียมเป็นครั้งแรก ถึงแม้จะไม่ได้ High class หรูหรา แต่กระดับ ‘คอนโดมิเนียม’ นั่นแหละครับ ตามทางเดินก็มีแอร์ ไฟส่องทางก็ยังเป็นนีออนสีส้ม มีลิฟต์อีก!


              นี่คือสถาน แห่งบ้านทรายทอง ที่ฉันปองมาสู่…orz


              “ถึงแล้ว” ผู้ที่อายุมากกว่าพูดขึ้นเสียงเบาพลางไขกุญแจประตูไม้อัดสีขาวเรียกความสนใจจากผมที่ยังมองไปรอบๆ ด้วยความสนอกสนใจ


              ห้อง B8002


              ตัวอักษรหน้าห้องนี่น่าจะหมายถึงหมายเลขตึกสินะ เพราะก่อนหน้านี้ผมเห็นตึกที่สร้างแบบเดียวกันอยู่ใกล้ๆ กันด้วย


              “เล็กหน่อยนะ” เขาบอกพร้อมกับเปิดประตูห้อง สิ่งแรกที่เข้ามาปะทะผมคือกลิ่นของห้องที่ถูกปิดไว้ทั้งวัน ผมเลิกคิ้วแปลกใจนิดหน่อย ปกติแล้วห้องของชายโสดเนี่ยจะเป็นกลิ่นพวกน้ำหอมผู้ชาย หรือไม่ก็กลิ่นประจำตัวของผู้ชายหน่อยๆ แต่กลิ่นที่ผมได้กลิ่น...อ่า ผมจะว่าไงดี เป็นกลิ่นอ่อนๆ หอมๆ ประมาณมะลิอะไรแบบนี้น่ะครับ จะบอกว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมของเจ้าของห้องก็ไม่ใช่ เพราะก่อนหน้านี้ตอนนั่งแท็กซี่มาด้วยกัน ผมก็ไม่ได้กลิ่นนี้นะ


              หรือจะเป็นกลิ่นผู้หญิง


              เออ...ผมก็ไปเสือกกับเขาเนาะ


              “ขอรบกวนหน่อยนะครับ” ผมพูดกับผีบ้านผีเรือน ผมถอดรองเท้าผ้าใบที่ใส่มาด้วย ส่วนเจ้าของห้องก็เดินไปเปิดไฟสว่างโร่ทั่วห้อง ผมอดไม่ได้ที่จะร้อง ‘ว๊าว’ กับตัวเอง


              ห้องผมนะครับ แค่เปิดประตูผัวะ ก็เห็นทุกซอกทุกมุม ห้องเล็กนิดเดียว แต่ห้องนี้นะครับ! คาดคะเนด้วยสายตาแล้วห้องชุดขนาดประมาณ 30 ตารางเมตรโดยประมาณแน่นอน เปิดเข้าไปก็เจอโซฟาตัวยาวอยู่ทางซ้ายมือเลยครับ เป็นโซนของห้องนั่งเล่น ด้านหน้าผมเนี่ยจะมีประตูไม้อัดสีขาวอยู่บานนึง ถ้าให้ผมเดาน่าจะเป็นห้องนอน ส่วนทางขวาเยื้องห้องนั่งเล่นไปบนๆ จะเป็นส่วนของห้องครัวแล้วก็มีโต๊ะกินข้าวชิดผนัง


              และเพราะผมมัวแต่สำรวจห้อง หันมาอีกทีเลยไม่เห็นเจ้าของห้องอยู่แล้ว เอ้า แล้วปล่อยทิ้งให้ผมเฟร้งฟร้างอยู่คนเดียว!


              “อะ นายยืมชุดฉันไปก่อน” ในขณะที่ผมหมุนตัวเป็นวงกลม ไม่รู้จะพาตัวเองไปที่ไหน เจ้าของห้องก็เปิดประตูห้องนอนออกมาพร้อมยื่นเสื้อยืดกับกางเกงบอลมาให้


              “หะ? ให้ผมยืมทำไมอะ?”

              “แล้วนายจะไม่อาบน้ำหรอไง?”

              “อ๋อ! อาบคร๊าบบบ” ผมยิ้มแฮ่ “แล้ว ห้องน้ำอยู่ทางไหนครับ?”

              “นั่นอะ” เขาชี้ไปตรงบริเวณครัว ผมเดินตามนิ้วที่ชี้ไป ก่อนจะเห็นว่าตรงข้ามว่าทางซ้ายมือของห้องครัวจะมีประตูห้องอยู่ ส่วนทางขวามือจะเป็นห้องน้ำ ผมเดาได้จากประตูไม้ที่เป็นซี่ๆ ระบายอากาศสัญลักษณ์ของห้องน้ำ


              งั้นผมอาบน้ำก่อน อย่าแอบดูละ!












              ผมยืนมองกล่องที่อยู่ข้างๆ โซฟาที่ผมเพิ่งสังเกตเห็นหลังจากอาบน้ำเสร็จมาครู่ใหญ่แล้ว มันเป็นกล่องพลาสติกสีขุ่นมีล้อขนาดใหญ่ฝาเปิดทิ้งเอาไว้ ทำให้ผมเห็นของที่อยู่ข้างในได้หมด มันเป็นของเล่นครับ ของ ‘เด็ก’ เล่น


              ผมไม่ยักกะรู้ว่า ผู้ใหญ่สมัยนี้ระบายความเครียดด้วยกันเล่นกันดั๊ม ไม่ก็ธนูปลอมกันแล้ว…


               “จะเข้านอนเลยไหม?” ระหว่างที่ผมกำลังมองกล่องของเล่น ก็มีเสียงดังขึ้นจากทางประตูห้องนอน ละความสนใจจากกล่องหันไปหาอีกฝ่ายทันที


              “ผมนอนไหนได้บ้างอะ?”

              “นอนห้องนอนเนี่ยแหละ โซฟามันยุบแล้วนอนไปก็ปวดหลัง” อีกฝ่ายเปิดประตูให้กว้างขึ้น ราวกับเชื้อเชิญให้ผมเข้าไปข้างใน ผมมีท่าทีอึกอักเพราะความแปลกที่แปลกทาง แต่ก็ยอมเข้าไปโดยดี


              กึก


ประตูห้องปิดลง


              มีเพียงแค่เราสองและหนึ่งเตียงใหญ่…อร๊างงง!


              “นายนอนพื้นนะ ฉันมีผ้านวมสำรองอยู่ปูไว้ให้แล้ว จะได้ไม่เจ็บหลัง”

              เพล้ง


              มโนแตก


              ผมค่อยๆ เลื่อนสายตามองต่ำ ก่อนจะเห็นผ้านวมสีน้ำเงินเข้มลายทางถูกปูเอาไว้ที่พื้น มีผ้าปูเตียงวางอยู่บนผ้านวมพอให้รู้ได้ว่าใฃ้แทนผ้าห่มและหมอนที่มาจากเตียงใหญ่

              “เอ้านอนซะ ฉันจะปิดไฟแล้ว”

              “คร๊าบ” ผมขานก่อนจะยอมล้มตัวลงนอนบนผ้านวมที่จัดไว้ให้ มองอีกฝ่ายที่อยู่ถามกลางความมืดเดินตรงไปยังเตียงแล้วล้มตัวลงนอนเหมือนๆ กัน


              หลังจากที่ห้องตกอยู่ในความเงียบ ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งเวลาปลุกให้เร็วขึ้นกว่าปกติ เพราะว่ามีธุระต้องไปทำก่อนที่จะเข้าทำงานตอนเก้าโมงเช้า พอตั้งนาฬิกาเสร็จก็เตรียมที่จะนอน แต่เสียงของคนที่อยู่บนเตียงก็เอยดังขึ้นเสียก่อน


              “นาย ได้บอกที่บ้านหรือยังว่าห้องที่พักอยู่โดนไฟไฟม้แล้ว?”

              “ยังครับ” ผมตอบทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา แต่ดูเหมือนว่าคำตอบของผมมันคงน่าตกใจมาก เจ้าของห้องจึงลุกขึ้นพรวดขึ้นนั่งบนเตียง

              “เอ้า! ทำไมไม่บอกเล่า ไปบอกที่บ้านก่อนไป เขาจะได้ไม่เป็นห่วง เผื่อช่วยแก้ปัญหาด้วย”

              “ไม่ต้องหรอกครับ” ผมหัวเราะน้อย “มันไม่ได้สำคัญเท่าไหร่หรอกหน่า ในห้องนั้นมีของๆ ผมก็แค่เสื้อผ้ากับของใช้นิดๆ หน่อยๆ พวกทีวี เตียง ตู้ ก็เป็นของที่อยู่ในห้องอยู่แล้ว”

              “ฉันไม่ได้หมายถึงให้บอกพ่อแม่เรื่องของถูกเผา แต่บอกพ่อแม่ว่านายปลอดภัยดี ไอ้ของน่ะไม่สำคัญหรอก แต่ชีวิตของลูกต่างหากที่สำคัญกับพ่อแม่!”
             
              “...” ผมยิ้มจางๆ อยู่ในความมืด “ตอนนี้ดึกแล้ว เขาคงนอนแล้วล่ะครับ งั้นเดี๋ยวผมค่อยบอกพรุ่งนี้เช้า” ผมพูดไปงั้น

              “โอเค งั้นก็...ฝันดี”

              “ฝันดีครับ”


              ผมขอบคุณเขาอยู่นะ ขอบคุณในความหวังดีของเขา แต่ผมก็ต้องขอโทษที่พรุ่งนี้ผมก็คงไม่ทำตามที่บอก ผมไม่อยากบอกเรื่องห้องไฟไหม้ให้กับ ‘คนที่บ้าน’ รู้สักเท่าไหร่ และผมก็คิดว่า รู้ไปก็เท่านั้น เขาคงไม่ว่างมาสนใจอะไรหรอก ป้าเขาก็มีลูกของเขา แค่เอาเวลาไปสนใจดูแลลูกของตัวเองก็หมดวันแล้วละครับ


              พ่อผมเสียตอนที่ผมกำลังขึ้น ม.1 พอดี ญาติทางฝั่งแม่ก็ไม่เอาผม แม่ตายตอนคลอดผม ยายกับตาก็เลยไม่ชอบผมที่เป็นสาเหตุทำให้ลูกสาวเขาตาย ป้าที่เป็นพี่สาวของพ่อก็เลยรับผมไปเลี้ยง ตอนนั้นผมคิดว่าตัวเองโชคดีนะครับ แต่พอไปอยู่ครอบครัวนั้น เห็น ครอบครัวของป้า ผมก็รู้สึกเป็นส่วนเกินขึ้นมา บวกกับมันบาดตาบาดใจครับ ก็ผมเป็นลูกที่ไม่มีพ่อไม่มีแล้วนี่หน่า ฮ่าๆ พออายุ 15 ก็เริ่มทำงานพาร์ทไทม์ ตัดสินใจว่า พออายุ 18 ที่ทำงานเต็มชั่วโมงได้ ผมจะย้ายออกมาอยู่หอ ดูแลตัวเอง ไม่ให้ป้าเดือดร้อนเป็นอันขาด


              แต่พอย้ายออกมาอยู่ได้ปีนิดๆ ก็ไฟไหม้ซะงั้น ถ้าบอกไป ก็คงทำให้ป้าเดือดร้อนอีก ผิดคำพูดตัวเองด้วย เพราะงั้นปัญหาแค่เนี่ย ก็แก้เองดีกว่าใช่ไหมครับ?


              อา...ที่ผมเล่าแค่ให้รู้ที่ไปที่มาเฉยๆ ไม่ได้ต้องการให้ดูน่าสงสารหรอกนะครับ! ไม่ได้ต้องการความสงสาร ไม่ต้องมาสงสารผมนะครับ!


              ...ผมว่าชักฟุ้งซ่านแล้ว นอนเถอะ นอนๆ!










              กริ๊งงง กริ๊งงงงงงง


              เสียงริงโทนแหลมๆ ที่ผมตั้งเอาไว้เป็นนาฬิกาปลุกดังขึ้นตอนเจ็ดโมงเช้า ผมเบิกตาโพล่งรีบคว้ามือถือมาปิดเสียงกันไม่ให้คนที่นอนอยู่ห้องเดียวกันอีกคนตื่นขึ้นมา


              ผมลุกขึ้นนั่งบิดตัวไล่ความขี้เกียจ แม้ในห้องยังไม่เปิดไฟแต่พระอาทิตย์ก็ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมอย่างเช่นทุกวัน สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างแม้จะมีผ้าม่านสีครีมปิดเอาไว้ก็ยังทำให้ห้องสว่างไสว ผมเก็บผ้าปูเตียงที่ใช้แทนผ้าห่ม และผ้านวมที่มาปูนอน ชิดกับกำแพงอย่างเรียบร้อย ก่อนจะค่อยๆ ย่องออกจากห้องนอนอย่างระมัดระวัง ทันทีที่ปิดประตูลงก็ถอนหายใจ เข้าไปในห้องน้ำทำธุระส่วนตัวก่อนจะออกมาโทรศัพท์หาเพื่อน


              /ฮัล...โหลวว/ เสียงยานครางที่ดังมาตามสายบอกชัดเจนว่าพึ่งตื่น

              “ฮัลโหล ไอ้ปัน มึงกูยืมชุดนักเรียนหน่อยดิ หรือถ้ามึงซื้อชุดมหา’ลัยแล้ว กูยืมตัวนึง”

              /ได้.../

              “กูจะเข้าไปเอาตอนเช้านี้เลยนะ คงถึงบ้านมึงแปดโมง”

              /อือ.../

              “ยืมแว๊กผมมึงด้วยนะ”

              /อือ/

              “ยืม กกน. ด้วยนะ” ผมแกล้งถามมัน

              /อือ.../ แต่มันก็ตอบรับผมเดิม ผมว่าไอ้นี่แม่งน่าจะละเมอตอบแล้วละเนี่ย แต่ช่างแม่ง ถึงแกล้งถามแต่เอาจริงครับ! กกน. ผมก็โดนเผาด้วย ตัวที่ใส่มาเมื่อคืนจะใส่ซ้ำอีกรอบผมว่ามัน...ออกจะ ทุเรศไปหน่อย เพราะงั้นไปใช้ตัวที่ซักแล้วของเพื่อนดีกว่าครับ เพื่อนกัน ไซส์เดียวกัน ใช้ด้วยกันได้อยู่~

              “แต๊งกิ้ว ขอบใจมาก งั้นแค่นี้แหละ” ผมกดวางสายโดยไม่รอให้มันละเมอตอบผม


              ถ้าสงสัยว่าทำไมผมต้องยืมชุด คืองี้ครับ ตอนเช้าผมทำงาน PC (ตัวแทนขาย) รองเท้าผ้าใบอยู่ห้างเทสโกฯ มันเป็นอีเว้นต้อนรับเปิดเทอม ก็เลยต้องใส่ชุดนักเรียน หรือนักศึกษาไปทำงานไงครับ แต่ตอนทำงานร้านหมูกระทะใส่อะไรก็ได้นะครับ แต่ผมก็คงยืมชุดไอ้ปันอีกเนี่ยแหละ ไอ้ห่านี่ แม่มันชอบซื้อเสื้อผ้าให้มันบ่อยครับ เลยมีหลายตัวที่มันใส่ครั้งเดียวบ้าง ไม่ได้ใส่เลยบ้าง


              ส่วนยืมแว๊กผม...ผมทำทรงเปิดข้างไว้ครับ เป็นทรงต่อยอดมาจาก รด. แต่ผมด้านบนมันยาวกว่า ปกติผมก็ใส่แว๊ก หวีเสยขึ้นเป็นอันจบ หล่อ เพอร์เฟ็ค แต่พอไม่มีแว๊กเนี่ย ส่องกระจกเมื่อกี้ผมนึกว่าชาวบ้านบางระจันมาเอง


              ถ้าเปรียบผู้หญิงติดหวี ผมก็คงติดแว๊กเนี่ยแหละครับ!


              ปิ๊ง ป๊อง


              ผมที่กำลังจะเดินไปหยิบชุดของตัวเองที่ถอดพาดโซฟามาเปลี่ยนเตรียมออกไปบ้านไอ้ปัน เปลี่ยนทิศทางไปที่ประตูห้องก่อนจะเปิดผ่าง! ให้กับแขก


              “...” แขกงง

              “...” ผมก็งง


              เอ้า เวร ลืมไป นี่มันไม่ใช่ห้องผมนี่หว่า


              แต่อย่างที่ผมเคยบอกก่อนน่าครับ ผมมีสกิลหน้าหนาสูง เนียนไปสนิทกับเขาก็สูง และยิ่งเป็นผู้หญิงด้วย (ถึงแม้ดูผิวแล้วจะเข้าเลขห้าไปแล้ว) สกิลตีสนิทและหน้าหนาของผมจะพุ่งเป็นพิเศษ


              ผมยิ้มหวาน


              แต่เขาก็ยังยืนนิ่งมองหน้าผมอยู่ แขนข้างนึงอุ้มเด็กอายุประมาณ 1 ปี ส่วนมืออีกข้างจูงเด็กผู้ชายวัยประมาณ 9 หรือ 10 ขวบมาด้วยอีกข้าง


              เดี๋ยวนะ...ผู้หญิง หอบเด็ก มาห้องผู้ชาย


              “เธอเป็นใคร?”

              “เอ๋? ผมเป็น...”

              “ไอ้ตุลลลลลลลลลลลลลลย์!!” ป้าแกตะโกนครับ!


              ผมนี่ช็อคนิ่งค้างกับความฮาร์ดคอร์ของหญิงวัยกลางคนตรงหน้า ไม่ทันทีที่จะได้ทำอะไร เจ้าของห้องที่นอนอยู่ก็เปิดประตูห้องนอนออกมาขานรับเสียงเรียก


              “ครับแม่”


              อะ อ้าว แม่หรอ


              ...นี่นึกว่าเมีย

              “แก! ไอ้เด็กผู้ชายคนนี้มันเป็นใคร อยู่ห้องแกตอนเจ็ดโมงเช้า แถมเสื้อนั่นก็ของแกใช่ไหม!? เอาผู้หญิงเข้าห้องฉันยังพอเข้าใจ แกอาจจะหาแม่ใหม่ให้ที่หนึ่งกับตอนต้น แต่นี่อะไร ผู้ชาย ผู้ชายย! แกอธิบายให้แม่ฟังเดี๋ยวนี้” คุณป้าฮาร์ดคอร์ลากและอุ้มเด็กทั้งสองคนไปเข้าไปหาเจ้าของห้องที่ยังยืนเกาหัวแกรกๆ เหมือนยังไม่ตื่นดี ติดที่มือของป้าไม่ว่างก็เลยใช้หน้ากับปากเผยิดมาทางผมที่ยังยืนอึ้งแดกอยู่ที่หน้าประตูห้อง


              เดี๋ยวนะป้า หน้าผมดูเหมือนเป็นเกย์หรอ? ความคิดจิตอกุศลที่สุด ดูหน้าผมด้วยดิ นี่หน้าตาดีแบบนี้ แรร์ไอเทม มีไว้ให้ผู้หญิงเท่านั้นครับผม!


              “แม่ พูดถึงอะไร เมื่อกี้ผมหาวอะ ไม่ได้ยินเลย” เจ้าของห้องพูดพร้อมกับหาวโชว์อีกรอบ “ที่หนึ่งเอาน้องไปเล่นที่ห้องลูกก่อนไปหรือไม่ก็ไปเล่นที่ห้องพ่อก็ได้”

              “ครับ” เด็กอายุ 9 ขวบที่ชื่อ ‘ที่หนึ่ง’ รับเด็กตัวเล็กจากคุณป้าฮาร์ดคอร์มาอุ้มก่อนจะพากันเข้าไปในห้องนอนที่ผมเพิ่งออกมา


              เดี๋ยวนะ ลูก พ่อ แม่ อะไรวะ ผมชักงง นี่เพิ่งตื่น สมองไบร์ทมากเลย บรัย บาย เลยละตอนนี้


              แต่ก่อนอื่นเลย คุณป้าฮาร์ดคอร์ พอไม่มีเด็กแล้วมือว่างก็ชี้หน้าผมจัดเต็มเลยครับ นี่ ไม่ใช่ผู้ชายขายน้ำนะครับ ทำไมต้องโวยวาย แว๊ดๆ แบบนั้นด้วยอะ แปลกตรงไหน อยู่ในห้องตอนเจ็ดโมงเช้าเวลาที่ควรจะอยู่บ้านใครบ้านมัน แล้วก็แค่ใส่เสื้อผ้าของเจ้าของห้องที่ชื่อ ‘ตุลย์’ แค่เนี่ย ผมอาจจะเป็นเพื่อนสนิทก็ได้ คิดในแง่ความเป็นจริงหน่อยสิป้า!


              “โอเค แกตอบฉันมาก่อนเลยทำไมผู้ชายคนนั้นถึงมาอยู่ห้องแกตั้งแต่เช้าแบบนี้?” ป้าแกชี้ผม ส่วนผมก็ถอดเสื้อ เดินไปหยิบเสื้อของผมที่ถอดไว้เมื่อคืนมาใส่

              “เขาไม่ได้เพิ่งมาตอนเช้า เขาอยู่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ” เจ้าของห้องพูดเสียงเนือยผละออกจากแม่ตัวเองไปเข้าห้องน้ำ แต่ถึงแม้จะปิดประตูแล้ว ไม่วายคุณป้าฮาร์ดคอร์ยังตามไปเคาะถามต่อ

              “แล้วทำไมเขาต้องค้างคืนที่ห้องแกด้วยหะ บ้านเขาไม่มีนอนหรือไง?”

              “แอ๊บอึง อมแองอันอ่อน” เสียงอู้อี้ในห้องน้ำตะโกนกลับออกมา เมื่อเห็นว่าลูกชายไม่ตอบคำถามป้าแกก็จ้องผมใหญ่ ไอ้ผมมองตอบกลับไป คือผมไม่ได้จะท้าสู้กับแกหรืออะไรนะครับ ผมมองห้องน้ำต่างหาก ผมอยากเปลี่ยนกางเกงไง จะถอดตรงนี้ก็อนาจารไปหน่อย เพราะถึงว่าคนที่ยืนอยู่บริเวณจะมีเพียงผู้หญิงอายุ 50 แต่ผมก็เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่แก้ผ้าต่อหน้าผู้หญิงครับ

              “บอกมา เธอเป็นใคร? เป็นอะไร? ทำไมต้องมาค้างห้องลูกชายฉัน? ดูแล้วก็ไม่น่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานของตาตุลย์ ไม่ใช่คุณครูโรงเรียนของที่หนึ่งด้วย”


              แอ๊ด


              ขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากตอบก็เป็นจังหวะเดียวกับเจ้าของห้องเปิดประตูห้องน้ำออกมา แล้วก็เป็นจังหวะเดียวกับที่คุณป้าฮาร์ดคอร์ถามประโยคต่อมากับผม


              “เป็นผู้ชายขายตัวใช่ไหม?”


              อึ้ง


              ผมอึ้ง เจ้าของห้องที่ชื่อตุลย์ก็อึ้ง


              ผมค่อนข้างมีนิสัยวัยรุ่นมากนะครับ ถึงแม้จะทำงานตั้งแต่เด็ก มันก็เหมือนกับโดนรุมกระทืบครั้งนั้นแหละครับ เจ็บจนจะตาย แต่ก็อยากจะกระเสือกกระสนไปต่อยมันคืน ผมมันเป็นพวกฆ่าได้ หยามไม่ได้!


              “ไม่...”

              “ผมไม่ใช่นะครับ ผมน่ะเป็น ‘แฟน’ เขาเลยครับ : ) ” ผมพูดแทรกก่อนจะเดินเข้าไปควงแขนเจ้าของห้องที่ยืนอึ้งค้างไปแล้วเหมือนกับคุณป้าฮาร์ดคอร์ที่อ้าปากหวอไม่แพ้กัน “คือเราคบกันอยู่ครับ ว่าจะบอกคุณแม่อยู่ แต่ผมเป็นผู้ชายมันก็เป็นอะไรที่ลำบากครับ วันนี้คุณแม่ก็มาเจอแล้ว ผมก็เลยขอประกาศอย่างเป็นทางการเลยแล้วกันนะครับ” จัดด้วยเอนซบไหล่ของคนที่มีส่วนสูงไม่ต่างกันมากนัก


              ทุกคนยังอึ้งครับ นิ่งสนิทประมาณว่าผมเป็นสิ่งมีชีวิตคนเดียวที่อยู่ในห้องนี้ ผมทำหน้าเหนือใส่ ‘คุณแม่’ อย่างจงใจ แต่พอเลื่อนสายตาขึ้นปะทะกับเจ้าของห้องที่มองอยู่ ดูเหมือนเขาจะเริ่มรู้ตัวแล้วและกำลังจะอ้าปากด่าผม เพื่อไม่ให้ผมหน้าแตกและโดนหยามไปกว่านี้ผมเลยต้องพูดต่อ


              คนอย่างเอส เริ่มอะไรแล้ว ไม่มีหยุดอยู่แล้ว


              “แต่ว่าผมมีธุระต้องไปทำตอนแปดโมงเช้า คงอยู่ร่วมรับประทานอาหารกับคุณแม่ไม่ได้ เพราะงั้นผมต้องขอลาก่อนนะครับ” ผมคลายแขนออกมาไม่เปลี่ยนแม่งละกางกงกางเกง เดินถือมาไปแต่งที่บ้านไอ้ปันซะอย่างนั้นเลย ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูห้องแล้วสอดตัวออกไป


              แต่ไหนๆ คุณป้าก็ทำผมปรี๊ดละ ขอแถมท้ายอีกหน่อย


              “วันนี้ก็เลิกงานเวลาเดิม อาจจะมาหาดึกหน่อยนะ” ผมจงใจส่งสายตาหวานไปหาเจ้าของห้องผ่านหน้าคุณป้าฮาร์ดคอร์แบบจะๆ “อย่าทำหน้าแบบนั้นสินะครับ ไม่ออกนอกลู่ นอกทาง ไม่นอกใจด้วย บอกแล้วไง ไม่ดื้อ~

              “ไอ้ตุลย์...”

              “ผมไปแล้วนะครับ บรั๊ยยส์” ผมจงใจใส่เสียงเอสให้คำท้าย ส่งจูบรัวๆ แจกจ่ายให้คนในห้องไปห้าครั้งติด โบกมือหยอยๆ ก่อนจะเดินตัวปลิวออกมาจากห้อง B8002

              “ไอ้ตุลย์!!! แก!!! อธิบายมาเดี๋ยวเนนนน้!!!!” เสียงของป้าฮาร์ดคอร์ดังอยู่ในห้องดังไล่หลังผมมาปิดท้าย


              ผมแลบลิ้นใส่ดิน ใส่ฟ้า ใส่อากาศ


              ขอโทษนะครับพี่ หาวิธีเอาตัวรอดเองแล้วกันนะครับ~








TBC
มาลง 3 ตอนติด ไม่ดื้อ~ #daddybelover
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-06-2015 14:48:14 โดย thenista »

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
เย้ย ทิ้งละเบิดละหนีไปได้ไง ฮ่าๆ

บอกเป็นแฟนแบบนี้ แม่ตุลย์คงช็อค!!

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
55555555
แม่ตุลย์ช๊อคค้าง กู่ไม่กลับแร้วเนี่ย
พี่ตุลย์ซวยไป อธิบายไป แม่เค้สจะเข้าใจไหมเนี่ย กิกิ

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
อือหือ ไอ้ตัวบอกไม่ดื้อนี่มันก็ไม่ดื้อจริงๆ นะ แต่!!!  มันเป็นตัวหายนะเลย

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
น่าสนใจๆ ตามดู

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
คุณแม่สามี(?)คงต้องทำใจอย่างเดียวแล้วล่ะค่าา :laugh: เอสนี่นอกจากขี้ดื้อแล้วยังแสบเสียมากๆ เลยนะคะ น่ารักมากเลยล่ะค่ะ >\\<

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ GoodNice

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
ทิ้งระเบิดลูกยักย์ไว้ด้วย  5555 ร้ายกาจจจจจจจจนักเด็กนี่ จับทำเมียเลย  :z1: :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
อยากรู้จักกับเด็กๆ  :hao7:

ออฟไลน์ Rabity

  • #slytherinforlife
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 523
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-8
นุ้งเอสเป็นคนตลก 555
รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
 :m20: :m20: ร้ายจริงเอสเนี้ย  :hao3:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ตุลย์ ผู้กำลังดวงตก โดนเด็กนรกวางยาซะแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ

แหม เฮียตุลย์ ก็ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก ใหนๆ คุณแม่ก็เข้าใจผิดไปแล้ว

เลยตามเลยไปเถอะ โน๊ะ ยอมรับตามน้ำไปค่ะ ไม่ต้องแก้ตัว

น้องเอส หนูมัน งูเห่าชัดๆลูก งานเฮียตุลย์เข้าเพราะหนูเลยนะ

หนูนี่มันตัวซวย รอ้ยแรงม้าจริงๆ ฮ่าๆๆๆๆ พี่ตุลย์ตื่นเต็มตาเลยทีนี้

ออฟไลน์ onekiss

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :hao7: :hao7: :hao7:
ตุลย์งานเข้าแล้ว อยู่ดีก้มีแฟน5555

ออฟไลน์ เอแคร์ไวท์ครีม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตุลย์ถึงคราวซวยละ เอสนี่ทิ้งระเบิดไว้แล้วหนีหายเลยนะ  :m20:

ออฟไลน์ thenista

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
    • NISTA
ตอนที่ 3








               นี่คือสถาน แห่งบ้านทรายทอง ที่ฉันปองมาสู่~ (อีกแล้ว)


               ผมยืนมองป้ายประตูห้อง ‘B8002’ มาสักพักใหญ่ๆ นิ่งๆ


               คือตอนแรกผมก็คิดว่า ลาแล้วลาลับ ไม่กลับย้อนมา เพราะผมก็ขอบคุณเขาที่ช่วยผมจากการโดยรุมตีไปเมื่อคราวก่อนแล้ว แต่พอหลังเลิกงานเมื่อวานผมก็เห็นกางเกงของเขาที่ผมใส่ออกมาเช้าเมื่อวาน นึกไปนึกมา ก็ยังติดค่าแท็กซี่เขาอีก คิดอีกรอบ ยังทำให้เขาโดนแม่ด่าอีก! orz


               ความผิดผมใหญ่หลวงอะครับ ก็เลยระหกระเหินกลับมาที่ห้องนี้อีกครั้งพร้อมกางเกงที่ผมซักมาให้กับมือ แถมแบงค์ยี่สิบอีกหลายใบที่ม้วนเอาไว้เป็นค่าแท็กซี่คราวนู่น


               แต่ทำไมผมยังไม่ยอมเคาะห้องสักทีน่ะหรอ


               ...


               คือกลัวโดนด่าอะคร๊าบบบ เมื่อวานก่อนออกจากห้องนี่ หน้าตาเขาเหมือนจะพุ่งมาแดกหัวผมเลย ถ้าผมไม่ใช้สกิลเนียน คิดว่าผมยังมีชีวิตรอดมาเล่าตอนต่อไปให้ฟังอย่างนี้ไหมละคร๊าบบบบ


               เพราะไม่อยากเจอหน้าเจ้าของห้องเนี่ยแหละ ผมก็เลยลังเลไม่กล้าเคาะสักที จะมาวันอื่นผมว่าเขาน่าจะทำงาน คงคืนให้ไม่ได้ จะมาคืนตอนกลางคืน ผมก็เลิกงานสี่ทุ่มทุกวัน เดี๋ยวก็โดนหาว่าเป็นผู้ชายขายน้ำอีก (พูดแล้วก็ขึ้น!) ผมก็เลยตัดสินใจว่าวันนี้ วันอาทิตย์ตอนบ่ายเนี่ยแหละคืนของได้ชัวร์สุด!


                เอางี้ พอประตูห้องเปิดปุ๊บ ผมก็รีบคืนรีบชิ่งเลยดีกว่า ถ้าท่าไม่ดี ก็โยนม้วนแบงค์ยี่สิบใส่หน้าแม่ง! เนี่ยแหละ เวิร์ก!


ว่าแล้วผมเคาะประตูสามทีเสียงดังฟังชัดแล้วยืนสงบนิ่งให้เจ้าของห้องมาเปิด


               ...เงียบ


               แต่ทว่าทุกอย่างกลับนิ่งสนิท ผมก็เลยตั้งท่าจะไปเคาะอีกรอบ แต่ทันใดนั้นประตูไม้อัดสีขาวก็เปิดแง้มออกเพียงเล็กน้อยเพราะล็อคที่เป็นตัวโซ่ยังคล้องไว้อยู่


               “มาหาใครคะ?”

               “...” ผมเงียบไม่ตอบ เดินถอยหลังออกมาเล็กน้อยแล้วเงยหน้ามองป้ายประตูห้องอีกทีเพื่อความแน่ใจว่าผมไม่ได้มาผิดห้อง เมื่อแน่ใจว่าห้องนี้แหละห้องเดียวกับที่ผมมาเมื่อครู่จึงค่อยบอกจุดประสงค์แก่ผู้หญิงที่เปิดประตูห้องออกมา “ผมมาคืนของให้คุณตุลย์ครับ”


               เธออายุราวๆ สามสิบถึงสี่สิบต้นๆ คราวที่แล้วผมเดาผิดจากแม่เป็นเมีย คราวนี้แหละเมียชัวร์!


               “อ๋อ คือว่าตอนนี้คุณตุลย์...”

               “ป้าสร้อยอย่าเปิดประตูให้เขาครับ! ครูบอกที่หนึ่งมาแล้วว่า คนขายตัวน่ะ เป็นคนไม่ดี”


               ปึด


               เส้นเลือดที่หน้าผากของผมปูดโปนขึ้นมาทันทีที่ได้ยินว่า ‘คนขายตัว’ ก้มหน้ามองหาเจ้าของเสียงเล็กๆ น่ารักของเด็กชายอายุ 9 ขวบที่กำลังแทรกตัวผู้หญิงที่เรียกว่า ‘ป้าสร้อย’ ออกมาประจันหน้ากับผม แต่เพราะว่าประตูที่เปิดอ้าไว้ มีโซ่คล้องอยู่แง้มได้เพียงเล็กน้อย ผมเลยเห็นใบหน้าท่าทางกวนตีน (ในความคิดของผม) ได้เพียงนิดเดียว


               “ว๊าย หนูหนึ่ง พูดอะไรแบบนั้นลูก ขายตัวอะไรกัน” ป้าสร้อยย่อตัวตะครุบปากของเด็กที่ชื่อ ‘ที่หนึ่ง’ ไว้ แต่ผมก็เห็นสายตาของป้าแกที่มองผ่านประตูมาระคนสงสัย


               โว๊ยยย! ช่วยไปใส่แว่นแล้วมาดูหน้าผมให้ชัดๆ ครับ! หล่อๆ แบบนี้ ไม่มาขายตัวหรอกครับป้า!


               “ฉันไม่ใช่คนขายตัวสักหน่อย ไปเอามาจากไหน?” ผมถอนหายใจยาวก่อนจะพูดกับไอ้เด็กเวร เอ๊ย น้องที่หนึ่งด้วยความใจเย็น

               “ที่หนึ่งได้ยินที่ย่าพูดเมื่อวานหมดแล้ว ถ้าไม่ใช่แล้วจะมานอนค้างบ้านพ่อทำไม!?” มันแว๊ดใส่


               ปึด…


               ผมนั่งยองๆ ให้สายตาอยู่รระดับเดียวกับไอ้เด็กที่อยู่อีกฝั่งของประตู


               หมับ!


               สอดมือเข้าไปในช่องแคบๆ ที่ประตูเปิดแง้มเอาไว้แล้วบีบแก้มมันจนปากเป็นสระโอ ผมยิ้มให้ ใช้รอยยิ้มอันสดใสและหัวใจที่สวยงามสื่อความหมาย


               ‘กูไม่ใช่นางงาม กูไม่รักเด็ก ตอนเด็กๆ กูดูซีอุยด้วย อยากลองกินเด็กอยู่ มึงอยากมาเป็นมื้อแรกกูไหม๊?’

               “ฟังพี่เอสคนนี้ดีๆ นะครับสุดหล่อ พี่ไม่ได้ขายตัว คุณย่าของสุดหล่อเข้าใจผิดนิดหน่อย พี่ทำงานขายรองเท้าตอนเช้า ขายหมูกระทะตอนดึก ไม่มีอาชีพเสริมอื่นเข้าใจไหมครับ?” แต่เพราะความเป็นมนุษยธรรมมันค้ำคอผมอยู่ เลยต้องสวมบทเป็นพี่ชายใจดีแล้วค่อยๆ คลายมือออกที่บีบแก้มออก


               นี่ถ้าไม่เกรงใจว่ามีป้าสร้อยอยู่ในฉากด้วยจะส่งนิ้วกลางให้รัวๆ


               “ไม่ต้องมาพูดเลย ไอ้คนเลว! ไอ้อันธพาล! นิสัยไม่ดี รังแกที่หนึ่ง เด็กตัวเล็กๆ ตาดำๆ อายุแค่ 9 ขวบ!” ไอ้เด็กนั่นไม่สนใจคำพูดแสนดีของผมแต่อย่างใด มันลูบแก้มตุ้ยนุ้ยของตัวเองเบาๆ โดยมีป้าสร้อยคอยปรามเด็กนั่นไว้


               อื้อหือ นี่ดีนะครับที่มันยังแค่อายุ 9 ขวบยังรู้คำศัพท์ไม่เยอะ ลองนึกว่ามันด่าผมตอนอายุ 16 สิ รับรองว่าจัดหนัก จัดเต็ม!


               “น้องที่หนึ่งครับ”ผมยิ้ม ยังคงยิ้มอย่างงดงามแม้ว่าตอนนี้เส้นเลือดที่หน้าผากของผมจะปูดโปนออกมาแล้วทุกเส้น “น้องที่หนึ่งปากดี ด่าพี่ตอนที่มีประตูกั้นอยู่สินะครับ แบบนี้เรียกขี้ขลาดนะครับรู้ไหม หรือไม่ก็ขี้แพ้ หดหัวเหมือนต่ำ เกิดเป็นผู้ชายต้องวิถีคนจริง เปิดประตูสิ แล้วมาสู้กันสิครับ”


               กูจะพามึงไปจุ่มในหม้อแล้วต้มน้ำใส่เส้นมาม่า /กัดฟัน


               “ก็เอาดิ! คิดว่าที่หนึ่งกลัวหรอ? ที่หนึ่งไม่ขี้ขลาด ที่เป็นผู้กล้า! อยู่แล้ว” ไอ้เด็กนั่นยุขึ้น รีบเอื้อมไปปลดโซ่ที่คล้องประตูไว้ออก ผมนี่ยิ้มกริ่มเลยครับ เตรียมคว้ามันออกมาสู้รบปรบมือนอกห้อง (เข้าไปในห้องไม่ได้มียังยันต์ป้าสร้อยอยู่)

               “เมื่อวานก็ทำเรื่องกับแม่ฉัน วันนี้ยังจะมาตีกับลูกฉันอีกหรอ?”


               ชะอุ้ย เสียงนี้...


               “อ้าวกลับมาแล้วหรอตุลย์?”

               “ครับ” เขาขานรับป้าสร้อย “ไปๆ ถ้าจะตีกันไปตีกันข้างใน เดี๋ยวห้องข้างๆ เขาก็ออกมาด่าเอาหรอก” ประตูไม้อัดสีขาวถูกเปิดกว้างออก ผมที่นั่งยองๆ อยู่ก็โดนเท้าเขี่ย รู้ตัวอีกที่ประตูก็ปิดลงโดยมีผมอยู่ข้างในเสียแล้ว...

               ว๊ากกกก!!

               “ป้าสร้อยเดี๋ยวป้ากลับเลยก็ได้นะครับ ขอบคุณมากนะครับที่มาดูตอนต้นกับที่หนึ่งให้”

               “งั้นป้ากลับแล้วนะจะให้ป้ามาช่วยดูเด็กๆ ตอนไหนอีกก็ไปเคาะห้องบอกได้นะ”

               “ได้ครับ” เจ้าของห้องกับป้าสร้อยลากัน หลังจากที่ป้าสร้อยออกจากห้องไปแล้ว ผู้ชายที่มีชื่อว่าตุลย์ก็หันมาทางผมกับเด็กที่หนึ่ง

               “เอ้า ตีกันได้เต็มที่ แต่อย่าส่งเสียงดังละ” 

               “เอ่อ ไม่ครับ เมื่อกี้ล้อเล่...”

               “เออ! มาๆ เข้าห้องมาแล้วก็สู้กันเลย ที่หนึ่งไม่ขี้ขลาด ไม่ขี้แพ้ เป็นผู้กล้าอยู่แล้ว” ไม่ทันทีที่ผมจะปฏิเสธไอ้เด็กนั่นก็โพล่งขึ้นมา พร้อมตั้งท่าจดมวยแล้วเรียบร้อย


               โอ้โห ตัวยังกับมดทำเป็นใจใหญ่


               แต่ผมก็เมินมันนะ หันไปหาเจ้าของห้องที่กำลังถอดสูทปลดเนคไท “ผมแค่จะเอาของ...”


               ปึก!


               ไอ้เด็กนั่นต่อยผมเข้าที่สีข้าง ถึงแม้แรงมันจะไม่ได้เยอะอะไร แต่ก็ทำให้เจ็บแปลบๆ


               ผมกัดฟันกรอด


               ทำไมไอ้คุณหลานกับคุณย่าแม่งเหมือนกันเลยว่ะ พ่อกับคุณปู่ไม่สอนหรอว่าแหย่ราชสิงห์ (?) เดี๋ยวก็โดนมันกัดเอาอะ!


               หมับ!


               ผมกางมือกว้างจับหัวมันแล้วดันสุดแขนเพื่อไม่ให้มันต่อยผมโดน ทีนี้มันก็เลยใช้เท้ายกเตะเลยครับ! แต่ผมก็เอี้ยวตัวไม่โดนอีกเหมือนกัน พอเห็นไอ้เด็กที่หนึ่งนั่นฮึดฮัดทำอะไรผมไม่ได้ ผมก็ทำหน้าเหนือ หน้าเดียวกับที่ให้คุณย่าของมันเมื่อวานพร้อมแลบลิ้นปริ้นตาให้เสร็จสรรพ พอเห็นว่าไอ้เด็กนั่นแผลงฤทธิ์ไม่ได้แล้ว ก็หันกลับไปหาเจ้าของห้องที่หายหัวไปแล้ว


               อ้าว...ไปไหนวะ


               “คนอะไรขี้โกง! คนเรามันต้องสู้กันอย่างยุติธรรม เท่าเทียมสิ ทำแบบนี้มันขี้โกงชัดๆ” ไอ้เด็กที่ผมผลักหัวมันอยู่ร้องแหกปากโวยวายขึ้นมา


               นอกจากประโยคข้างต้นแล้ว มันยังมีคำด่า น่ารักๆ แบบ ‘คนขี้โกง’ ‘นิสัยไม่ดี’ อะไรแบบนี้แถมท้ายมาอีกยาวยืดด้วยนะครับ


               “แล้วจะให้ทำไงวะ? จะให้ตัดแขนตัดขาให้มันเท่ากันหรือไง๊?”

               “ไม่รู้แหละ ถ้าไม่ยุติธรรมก็ไม่ใช่การต่อสู้! ไม่เล่นกับคนขี้โกงหรอก ไม่แน่จริงแล้วยังมาว่าคนอื่นขี้ขลาดอีก ตัวเองนั่นแหละขี้ขลาด!”


               โอ้โห ผมนี่ขึ้นเลย ขึ้น!


               หันซ้ายมองขวาก่อนจะเจอกับของเล่นบางอย่างที่ตั้งอยู่ท่ามกลางของเล่นอีกหลายชิ้นหน้าโซฟา ผมชี้นิ้วไปที่ของเล่นนั่นอย่างองอาจ


               “ได้มาเลยย งั้นสู้กันเลย เกมดึงแท่งไม้ จะแขนยาว ตัวเตี้ย ขาสั้น หลังค่อม หูหนวกอะไรก็ไม่มีผลทั้งนั้น โอเคปะละ”

               “ได้!”

               “ได้!”


               ผมกับเด็กนั่นเดินตึงๆ ช่วยกันกวาดของเล่นชิ้นอื่นที่อยู่บนพื้นออกไปให้ออกนอกลู่นอกทาง นั่งกันคนละด้านแล้วตั้งแท่งไม้ขึ้น


               Fight Start!










               โครม!


               แท่งไม้ที่ง่อนแง่นร่วงลงขณะที่ไอ้เด็กนั่นกำลังเขี่ยไม้ออก ทันทีที่มันล้มโครมลงผมก็ยืนขึ้นชูมือสองข้าง ดีใจแบบออกนอกหน้านอกตา


               “ว๊ายยยย ขี้แพ้นี่หว่า” ผมหัวเราะเสียงดังแบบตัวร้ายในละคร ยิ่งเห็นใบหน้าเจ็บแค้นผมยิ่งยิ้มเยาะ หันตูดโยกไปโยกมาใส่ด้วย “ว๊ายยยย นี่ขนาดของเล่นของตัวเองนะเนี่ย ยังแพ้เลยเอ๊าะ”

               “มันเพิ่งจะคะแนนแรกเท่านั้นแหละ ตอนนี้ 1-0! ยังไม่ถือว่าชนะหรอก!”

               “คุณน้องที่หนึ่งครับ คุณน้องที่หนึ่งเลือกเลยครับอยากแข่งเล่นเกมไหนต่อ เอามาโลด จำชื่อพี่ไว้นะครับ พี่เอส คนนี้พร้อมไฝว้กับน้องทุกเกม”

               “ได้ ต่อมาก็ปาเป้า!”

               “ได้!”

               “เล่นอย่างอื่นเถอะลูก เดี๋ยวลูกดอกโดนน้อง” เสียงของคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารเยื้องไปทางด้านบนจากห้องนั่งเล่นที่ผมกับไอ้เด็กที่หนึ่งนี่กำลังแข่งกันอยู่ดังขึ้น แต่สายตาไม่ได้ละออกมาจากหน้าจากโน๊ตบุ๊ค ดูเหมือนว่าผมคงจริงจังกับเกมดึงแท่งไม้มากไปหน่อยเลยไม่รู้ตัวว่าเจ้าของห้องมานั่งอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ นอกจากนั้นผมและไอ้เด็กที่หนึ่งก็เพิ่งสังเกตว่ามีเด็กอีกคนกำลังคลานไปมาอยู่บริเวณห้องนั่งเล่นด้วย


               ถ้าจำไม่ผิด ไอ้เด็กแก้มย้วย น่ารักๆ คลานไปมานี่ชื่อ ‘ตอนต้น’ สินะ


               “งั้นแข่งไรกันดีอะ อันธพาล”

               “ชื่อเอสโว๊ย” ผมแหกปาก


               แต่พอเกมการแข่งขันมันหยุดชะงัก ผมก็เหมือนจะดึงสติได้ รีบคว้ามือถือเครื่องเก่าขึ้นมาดูเวลาทันทีอย่างร้อนรน เมื่อเห็นว่าอีกสองชั่วโมงครึ่งถึงจะเข้างาน ก็โล่งอก


               “เอาๆ ยังพอมีเวลาจะแข่งอะไรแก้มือก็เอามาโลด บอกแล้วไงไอ้น้อง เกมไหนก็แพ้ ไม่ต้องเสียเวลาแข่งยังรู้เลย ว่าพี่ชนะใสๆ”

               “พูดมาก” ไอ้เด็กนั่นทำหน้ามุ่ยพร้อมกับสะบัดหน้าเชิดใส่ผม “เดี๋ยวไปคิดเกมก่อน อยู่ที่นี่แหละ แป๊บนึง!”

               “เออ ไปดีมาดี” ผมว่าพลางดูไอ้เด็กนั่นลุกไปที่กล่องของเล่นพลาสติกที่ผมเห็นเมื่อวาน ขุดคุยหาของ เสียงดังแกรกๆ ระหว่างที่ผมกำลังนั่งรอก็มีเสียง ‘ก๊อกๆ’ ดังสอดประสาน ผมหันไปตามเสียงก่อนจะเห็นว่าไอ้เด็กอ้วน (พอนั่งแล้วพุงมายื่นออกมาเยอะมากครับ) ตัวน้อยอายุประมาณหนึ่งขวบกำลังหยิบชิ้นส่วนเลโก้อันใหญ่เคาะกับพื้นกระเบื้อง แต่ถ้าคุณลองตั้งใจฟังอีกจะได้ยินเสียง ‘ต๊อกแต๊กๆ’ จากการพิมพ์คอมฯ จากคุณพ่อตุลย์ที่นั่งอยู่ในครัว

               ...


               ผมเพิ่งสังเกตว่าบ้านนี้มันบรรยากาศแบบว่า...อึมครึม?


               คือผมไม่รู้จะบรรยายว่ายังไงอะครับ อึดอัด?  คือมันเงียบแบบ เหมือนต่างคนต่างอยู่อะครับ นอกจากไอ้เสียงสามเสียงนี่ในบ้านก็มีแค่เสียงแอร์หึ่งๆ เท่านั้นเอง


               ...หรือมันเป็นเรื่องปกติของทุกบ้านอยู่แล้ว แต่บ้านป้าผมที่เคยอยู่มันโหวกเหวกโวยวายมากไปเองวะ?


               “ฟิ้วววววว” ผมหลุดออกจากภวังค์หลังจากได้ยินเสียงเลียนแบบเครื่องบินจากไอ้เด็กที่เมื่อกี้มันกำลังรื้อกล่องของเล่นอยู่


               ไหนบอกจะหาเกมมาแก้มือไงวะ!

 
               แต่ผมก็ไม่ได้แย้งอะไร นั่งอยู่กับพื้น ดูไอ้เด็กที่หนึ่งวางเครื่องบินบังคับวิทยุไว้กับพื้นแล้วหยิบรถบังคับมาไถลเล่นแทน พอเห็นว่าทุกอย่างเข้าสู่ความสงบ (ซึ่งผมว่ามันอึดอัด) ผมก็ตั้งท่าจะลุกไปหยิบกางเกงกับม้วนแบงค์ยี่สิบที่ยังวางไว้อยู่หน้าห้องมาคืนกับมาใช้หนี้เจ้าของห้อง ที่ยังนั่งพิมพ์งานต๊อกแต๊กหน้าเครียด แต่ขณะที่ผมกำลังจะลุก เด็กอ้วนนามตอนต้นก็คลานไปหาพี่ ใช้มือป้อมๆ ที่มีติ่งห้าอันงอกออกมาจับรถบังคับวิทยุที่กำลังไถลอยู่ไว้


               ที่หนึ่งหันขวับมองคนที่มาแย่งของเล่น ตอนต้นก็ทำตาปริบๆ อินโนเซ้นมองกลับไปแต่มือก็ไม่ขยับ


               สายตาของสองพี่น้องที่จ้องแบบไม่มีใครยอมใคร แทบจะมีกระแสไฟออกมาจากสายตาของทั้งคู่ แต่ถึงอย่างนั้นคุณพ่อตุลย์ที่มุดหัวอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คก็ไม่รู้สึกถึงศึกสายเลือดนี้แต่อย่างใด


               เดี๋ยว! แล้วทำไมกูต้องมาอยู่เป็นกรรมการตรงเน้!


               พรึ่บ!


               หลังจากที่จ้องกันอยู่ได้สักพัก คนที่เป็นน้องอาศัยจังหวะที่พี่พุ่งความสนใจไปในเกมจ้องตามากกว่าคว้ารถของเล่นไปได้ในที่สุด คนเป็นพี่อ้าปากค้างกับความพ่ายแพ้ที่เกิดสองครั้งติดและจากสองคน กว่าจะหายเงิบไอ้ตัวเด็กอ้วนก็เอารถไป...


               เอิ่ม! มันเอารถบังคับวิทยุที่ราคาน่าจะสูงอยู่ไปเคาะกับพื้นกระเบื้องเสียงดัง โครมๆ แล้วคร๊าบบ!


               ผมอึ้งแดก


               คือถ้าจำไม่ผิดนี่ราคาเป็นพันนะรู้สึก ถ้ามึงจะเอามาเคาะเล่นวัดความแข็งแรงของกระเบื้องแบบนี้ นู่นมึงไปเล่นนกกระดาษไปไอ้อ้วน!

               “อย่านะ!” เสียงเล็กๆ ของที่หนึ่งร้องขึ้นก่อนจะชาร์จสกิลใส่น้องช่วยรถบังคับวิทยุที่ถูกกระทำได้ทันท่วงที ในที่สุดรถน้อยกลับมาสู่อ้อมอกของเจ้าของอีกครั้ง


               อื้อหือ นี่ขนาดผมไม่ได้ตั้งใจจับผิดนะ ผมเห็นตรงไฟหน้ารถแม่งแตกเลยอะ


               “ฮึก...”


               เสียงนี้...


               “ฮึก แงงงงงงงงงงงงงงงงงงง”


               ไอ้เด็กอ้วนมันร้องครับ!


               เกิดมาผมไม่เคยได้ยินเสียงเด็กร้องมาก่อน เลยหันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูก จะเอาผ้าเช็ดเท้ามาอุดปากมันไว้ก่อนก็ไม่กล้า ผิดกับเด็กอีกคนที่ดูเหมือนว่าจะรำคาญมากกว่า ไม่ได้สนใจใยดีเสียงร้องจ๊าดังนั้นเลย


               “ที่หนึ่งทำอะไรน้องนะ? อย่าไปแย่งของเล่นน้องเขาสิลูก” ผมเงยหน้ามองคุณพ่อตุลย์ที่เดินเท้าเอวเข้ามายังห้องนั่งเล่น มองรถบังคับวิทยุในมือของลูกชายเหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้ส่งคืนไป

               “...”


               ผมหันมองไอ้เด็กที่หนึ่งที่มันก็มองหน้าพ่อตัวเองกลับ สายตากับใบหน้านั่นทำให้ผมรู้สึกสะอึกเล็กๆ ในอก เหมือนกับภาพของผมเองที่กำลังซ้อนลงไป ก่อนที่ผมจะเห็นว่าเด็กนั่นก็ยอมเอารถบังคับวิทยุให้อีกคนแต่โดยดีไม่ปริปากพูดอะไร พอเห็นทุกอย่างเรียบร้อยสงบ เด็กตอนต้นเลิกร้องไห้ คุณพ่อตุลย์ก็กลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะกินข้าวต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


               ...เมื่อกี้ผมบอกว่าไอ้เด็กที่หนึ่งนั่นก็คืนให้แต่โดยดี โดยไม่พูดอะไรใช่ไหมครับ ถ้ามองเผินๆ ก็ดูเหมือนเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังพ่อธรรมดาๆ แต่ถ้ามองหน้าเด็กนั่น มองสายตานั่นก็จะเห็นว่าเขากำลังพูดอะไรมากมาย


               ถ้าไอ้แก่นั่น (สรรพนามเปลี่ยนไปตามอารมณ์) มองตาลูกตัวเองสักหน่อย คงไม่ตัดปัญหา ด้วยวิธีปัญญาอ่อนแบบนี้!


               ผมมองไอ้เด็กที่หนึ่งที่หันหลังให้น้องตัวเองไปเล่นของเล่นอื่นที่วางระเนระนาดอยู่ที่พื้นสลับกับมองไอ้เด็กอ้วนตอนต้นที่เอารถบังคับวิทยุมากระแทกๆ กับพื้นอีกรอบ


               ....


               หมับ!


               ผมคว้ารถบังคับวิทยุที่กำลังจะถูกกระแทกลงพื้นมาจากมือของเด็กตอนต้น แน่นอนตามระเบียบหลังจากที่อึ้งค้างก็ร้องไห้เสียงทันที เล่นเอาพี่ที่หนึ่งกับคุณพ่อตุลย์สะดุ้งกันเป็นแถบๆ


               “ร้องไห้ทำไม!? คิดว่าร้องไห้แล้วจะได้ของคืนไหม? ประสาท” ผมว่าไอ้เด็กตอนต้น ไม่สนใจสายตาดุๆ ของตาแก่ ตาลุง ไอ้คุณพ่อมักง่ายที่กำลังจ้องมองตรงมา นำซ้ำผมยังเอารถที่น่าสงสารนั่นไถลไปกับพื้นต่อหน้าไอ้เด็กอ้วนกับพ่อมันด้วย “อันนี้เขาเอาไว้เล่นแบบนี้ ถ้าเล่นไม่เป็นก็ไม่ต้องเล่น พี่เขาเล่นอยู่ไปแย่งมาทำไมละเอ้ออออ”

               “แงงงงงงงงงงงงงง ฮึก นื้อออ แงงงงงงงง” ไอ้เด็กนั่นยังแหกปาก

               “จะร้องทำไมเนี่ย เกิดเป็นลูกผู้ชายเปล่า โตขึ้นอยากใส่กระโปรงงั้นดิ ถึงได้แหกปากอยู่ได้ อยากเล่นก็เล่นให้มันเป็น เอาไปกระแทกๆ กับพื้นแบบเนี่ย คิดว่ามันราคา 2 บาทไง ไอ้เด็กxxx” คำท้ายนี่ผมแอบพูดเสียเบา คือพูดมากอารมณ์มันก็มาเต็มครับ แต่ลืมไปว่าพ่อแม่งก็อยู่ไง เลยยั้งตัวเองพูดให้ได้ยินแค่ผมกับไอ้เด็กอ้วน

               “แงงงงงงงง ฮึก แงงงงงงงงงงง” มันยังร้องอยู่ครับ

               “หรือว่าเตรียมตัวกับการเป็นกุ๊ย เป็นนักเลงถึงได้แย่งของๆ คนอื่นตั้งแต่เด็ก” ผมคว้าเลโก้ตัวใหญ่ยัดใส่มือป้อมๆ ของไอ้เด็กตอนต้น “อายุแค่นี้ก็เล่นแค่นี้ไปก่อน ไม่ใช่โจวซิงฉือ อย่ามาเป็นคนเล็กเล่นของเล่นใหญ่ เข้าใจป๊ะ!?” ผมถามเสียงสูง พุ่งหน้าแทบจะไปติดกับหน้าของไอ้เด็กนั่นพร้อมทำหน้าตานักเลงใส่

               “แอ๊…”


               เอ้า หยุดร้องซะงั้น ไอ้เด็กนั่นเลิกร้องเฉยเลยครับ แถมยังโบกแขนไปมาประหนึ่งว่าตัวเองเป็นผีเสื้ออ้วน ยิ้มแย้มแจ่มใสราวกับผมเป็นพระอาทิตย์ในการ์ตูนเทเลทับบี้


               กูเป็นแบดบอยนะรู้ปะ ตอนนี้โหด จริงจังอยู่ อย่ามายิ้มเดี๋ยวปั๊ด! โบกให้ นึกไม่พอ ผมนี่ง้างมือเลยครับ แต่ผมไม่ได้จะทำจริงนะ! ขู่เฉยๆ ถึงผมจะหล่อแต่ผมก็มีมนุษยธรรมนะครับ! ไม่ดื้อ ไม่โหด ไม่ร้าย!


               “ที่นายด่าอยู่ นั่นลูกฉันนะ”

               “แล้วก็น้องที่หนึ่งด้วย”


               ผมชะงัก เลื่อนสายตามองเจ้าของห้องที่กำลังยืนกอดอกค้ำหัวผมอยู่ก่อนจะเลื่อนมาอีกทางเห็นไอ้เด็กที่หนึ่งกำลังกอดอกมองผมอยู่เช่นกัน


               ไอ้เด็กนี่ นี่กูทำเพื่อนมึงนะเนี่ย!


               “...”


               ผมยืนขึ้น แหวกวงล้อมจากไอ้ครอบครัวห้อง B8002 ไปตรงประตูห้อง มือจับไว้ที่ลูกบิดแน่นพร้อมกับการเปิด ผมสูดหายใจเข้าลึก แล้วคลายออกช้าๆ ระหว่างดูไอ้เจ้าของห้องที่กำลังย่างสามขุมเข้ามาหาผม


               หน้าตาดุไปอะพี่ชาย
               

               แม้ใจจะหวาด แต่มาดผมยังเนี๊ยบ ว่าแล้วผมก็ลูบผมที่ใส่แว๊กหวีเสยไปด้านหลังหนึ่งที


               “เป็นเด็กเป็นเล็กก็ต้องด่าบ้างแหละ ก็มันทำผิดก่อนอะ ไอ้เด็กอ้วนนั่นมันแย่งของเล่นก่อนอะ ไอ้คุณพ่อมันก็ห่วยไง แทนที่จะแก้ปัญหาดีๆ กับใช้วิธีมักง่าย ผมไม่ด่าพ่อมันไปด้วยก็ดีแค่ไหนแล้ว!”


               ผมว่าเสร็จ ไอ้คนที่กำลังก้าวย่างสามขุมมาเมื่อกี้แทบเปลี่ยนมาเป็นกระโจนใส่! แต่ผมสกิลสปีดเต็มแม็ก! เปิดประตูออกไปแล้วปิดปัง! คว้ากางเกงกับม้วนแบงค์ยี่สิบแล้วพุ่งตรงลงบันไดทันที ลิฟต์เลิฟต์งานนี้ไม่มีพึ่ง!


               งานนี้ขอลาก่อนแล้วกัน ไปละ บรัยยยส์!!

               






TBC
มาแล้วลูกทั้งสองของคุณพ่อตุลย์ น่ารักน่าหยิกเลยใช่ม๊าาา #daddybelover

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ของยังไม่คืนเลยเอส

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ตุลย์ทำดีแต่ไม่มีใครมองเห็นเลยอ่า~ :laugh: คุณพ่อไม่ดุน้องที่หนึ่งบ้างล่ะคะ ถึงยังไงน้องก็ไม่ควรไปว่าตุลย์ว่าเป็นเด็กขายแบบนั้นน้าา~

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
โอ้ยฮาอ่ะ 5555+ ชอบเอสมากๆ สอนเด็กอ้วนได้ดี ไม่สนใจพ่อเลย ฮ่าๆ

แต่ว่าของที่จะตั้งใจมาคืนยังไม่ได้คืนเลยนะ หนีไปอีกละ กร๊ากๆ


มาต่ออีกนะครับคนเขียน สนุกมากๆ ได้อ่านแล้วมีความสุข
อ่านไปยิ้มไป ผมว่าผมบ้าแน่ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
ตุลย์ทำดีแต่ไม่มีใครมองเห็นเลยอ่า~ :laugh: คุณพ่อไม่ดุน้องที่หนึ่งบ้างล่ะคะ ถึงยังไงน้องก็ไม่ควรไปว่าตุลย์ว่าเป็นเด็กขายแบบนั้นน้าา~

เดี๋ยวๆ เข้าใจอะไรผิดแล้ว ตุลย์น่ะ พ่อที่หนึ่ง แล้วไอ้ที่โดนด่าว่าขายตัวน่ะคือเอส

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
น้องเอสสู้ชีวิตจริง

 :katai2-1: ชื่นชมน้องค่ะ

แต่น้องไม่คิดจะโยนถุงกกน.กะมัดแบงค์ยี่สิบบาทคืนเฮียเขาหน่อยเหรอคะ  :mew3:

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
คือมึงลืมคืนตัง กับกางเกงป่าววะ เอส  :jul3:

ออฟไลน์ IRIS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 434
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
ฮาจริงจังนะเนี่ย 5555
ว่าแต่ที่เอาของกลับไป เพื่อจะได้มาใหม่อีกรอบใช่ป่ะ

ออฟไลน์ ROCKLOBSTER

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-4

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ฮ่าๆๆๆๆๆ น่ารักกก เอสแสบมากก ไม่สนแม้กระทั่งเด็ก  ฮ่าๆๆๆ
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Rabity

  • #slytherinforlife
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 523
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-8
ขำมากกกกก น้องเอสนี่ตัวจริงสุดๆ ใจกล้ามาก ไม่ไว้หน้าเบย
ขำที่สุดตรงด่าน้องตอนต้นว่าไอ้เด็กอ้วนเนี่ยแหละ นึกภาพแปะยิ้มขึ้นมาทันใด 5555
ปล.ตอนต่อไปมาด่วนนนนนน

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
เอสตัวแซบบบบบ 55555555555
คือเจ๋งจิงๆอ่ะ เปนตัวแซบสร้างสีสันมากๆ ^0^
พี่ตุลย์เส้นเลือดจะแตกแระมั้ง 55
แต่ว่านะ บ้านของตุลย์มันก้อแปลกๆ อึดอัดๆ จิงๆ
มีเส มาช่วยจะได้สดใส อิอิ ><

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
เจ๋งอ่ะ สั่งสอนคุณพ่อไปด้วยเลยค่า  :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด