ตอนที่ 25แม้ผมจะคิดว่าตัวเองกลับไปในตอนก่อนที่จะรู้จักกับไร้พ่าย...แต่เอาเข้าจริงแล้ว ผมรู้ดีว่ามันไม่สามารถกลับไปยังตอนนั้นได้อีกแล้ว ผมไม่ได้โหยหาใครให้มากล่อมผมหลับ ไม่ได้ต้องการอยู่กับใครในคืนที่ต้องนั่งมองพระจันทร์และสเก็ตภาพไปด้วยอย่างนี้ ผมรู้สึกพอใจเพียงแค่ได้อยู่กับตัวเอง ทบทวนกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น และทุรนทุรายอยู่กับมันอย่างเงียบๆ
ผมรู้ว่าผมมีเพื่อน มีครอบครัวและคนที่รอให้ผมกลับไปหา...แต่ผมยังไม่มีความกล้าที่จะกลับไป ทั้งพ่อเลี้ยงและแม่ที่ไม่ได้ติดต่อกันมานาน และไอ้ยิวที่ผมไม่ได้ส่งข่าวหามันเลยตั้งแต่ครั้งที่มันเอารถมาให้ผมที่เชียงราย ไอ้ยิวมันคงเดินหน้าต่อ ก้าวไปพร้อมกับพี่ทัศน์ที่คอยดูแลมัน ในขณะที่ผมเลือกจะเดินตามคนที่ไม่เคยเหลียวกลับมามองผมเลยสักครั้ง เขาทำเพียงแค่หยุดรอให้ความหวัง แล้วก็เดินหนีไป
ทำไมผมยังต้องฝืนอยู่ที่นี่...ผมก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ ผมทำเข้มแข็งไปเพื่ออะไรและเพื่อใคร ถ้าบอกว่าเพื่อเขาแล้ว...มันคงเป็นคำตอบที่ตลกสิ้นดี เอาเข้าจริงผมก็แค่...อยากดันทุรังให้ถึงที่สุด เหมือนกับที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกก็เท่านั้น
ยานอนหลับหมดแล้ว...ผมคงต้องออกไปซื้อมัน แม้จะดึกแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีมันผมคงนอนหลับไม่ได้ และคงทรมานไปทั้งคืน...ทรมานกับการคิดถึงอ้อมกอดของเขา
ผมลุกขึ้น หยิบกระเป๋าตังค์และกุญแจรถ หาเสื้อแขนยาวมาสวมทับเสื้อกล้ามที่ใส่นอน ก่อนจะค่อยๆ เปิดประตูแล้วออกมาจากห้อง ดึกขนาดนี้ทุกคนคงนอนกันหมดแล้ว ทว่า...
“จะไปไหน”
พี่พ่ายยังนั่งทำงานอยู่ที่โถงรับแขก เขากลับมาถึงบ้านตอนไหนผมก็ไม่ทราบได้ เพราะหลังจากกินข้าวเย็นก็หมกตัวอยู่ในห้องตัวเองมาตลอด
“ไปซื้อของ”
“ดึกแล้ว ไปเรียกไอ้เกมให้ไปเป็นเพื่อนด้วย”
“ผมไปคนเดียวได้”
“หรือจะให้ผมไปเป็นเพื่อน”
“ก็บอกว่าไปคนเดียวได้ไง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกน่า ไอ้มาวินมันก็หลับก็นอนมั่งเหอะ คุณระแวงไม่เข้าเรื่อง”
“ผมไม่เคยประมาท”
“เออ ไม่ไปแล้วก็ได้ ทำตัวอย่างกะผู้คุม ที่นี่บ้านนะ ไม่ใช่คุก”
ผมเดินกลับห้องอย่างหัวเสีย แต่ยังไม่ทันเปิดประตูห้อง เขาก็ตามมา แถมยังทุบประตูเสียงดังจนผมกลัวว่าพี่เกมกับพี่เอจะตื่น
“จะหาเรื่องรึไง!” ผมมองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ
“อย่าขึ้นเสียง พูดดีๆ เป็นไหม”
“ทำไมผมต้องพูดดีๆ กับคุณด้วย! ในเมื่อผมเกลียดคุณ เกลียดจนอยากให้ตายไปซะเดี๋ยวนี้เลย!”
“ก็ดี...”
ไม่เห็นจะดีอย่างที่พูด...มันดีตรงไหน...ผมบอกว่าเกลียดพี่ แต่ก็ยังยิ้มรับอยู่ได้ ทั้งๆ ที่บอกว่าอยากให้พี่ตาย...แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ผมคงร้องไห้และตายตามพี่ไปจริงๆ
“อดทนหน่อย...ถ้าทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง คุณจะไม่ต้องทนเห็นหน้าผมอีก ตอนนี้ก็อย่าดื้อ...”
ผมเม้มปาก พลางจิกเล็บลงบนแขนตัวเอง อยากทำให้มันเจ็บกว่าใจที่กำลังเจ็บของผม แต่มันคงไม่มีทาง...จะมีอะไรเจ็บไปได้มากกว่านี้อีก
“ทำไม...ในเมื่อคุณก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผม จะมาทำดีด้วยทำไม ไม่จำเป็นต้องมาห่วงคนอย่างผมหรอก”
“...”
“เพราะผมเป็นน้องของพี่ดรีมเหรอ เป็นน้องของคนที่คุณรัก คุณก็เลยคิดว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลผมใช่ไหม...”
“...”
“ทำไมไม่ตอบล่ะ!”
“จะให้ตอบว่าใช่หรือไง”
“ก็ตอบตามที่คิดสิวะ! คิดอะไรอยู่ก็พูดมา!”
พี่พ่ายสบตากับผมพร้อมกับดึงมือที่กำลังจิกแขนของผมไปกุมไว้
“ผิวมีแต่รอย...ถ้าอยากจะทำ ก็มาทำกับผม คุณเอาทุกอย่างมาลงที่ผมได้...ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเอง”
“ไม่..ไม่ใช่นะ! ผมไม่ได้ฝืน!”
ไม่ได้ฝืนเลย...ผมยังสบายดี ผมยังยิ้มได้อีกเยอะ ยังเข้มแข็งไปได้อีกหลายวัน... ไม่จำเป็นต้องมาห่วงผมเลย...
“ไม่ได้ฝืนนะ...ผมโอเค...จริงๆ”
“เด็กโง่...” เขาดึงผมไปกอดไว้ อ้อมกอดที่ผมคิดถึงมาตลอดหลายวัน อ้อมกอดที่แม้จะทำให้อยากร้องไห้ แต่ก็ไม่ต้องการจะผละหนีไปไหน
“ที่ห่วงเพราะมึงเป็นมึง จำไว้แค่นี้ก็พอ” เป็นเสียงกระซิบที่แผ่วเบา ราวกับผมอยู่ในความฝัน...
ความฝันที่มีแต่เรื่องโกหก...
เป็นเช้าที่ดี ผมตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อเตรียมของใส่บาตรกับพี่เกม ผมไม่เห็นพี่พ่ายเลยตั้งแต่ตื่น ทั้งๆ ที่เราอยู่ด้วยกันทั้งคืน ...ที่จริงมันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ เราไม่ได้คุยกันเลย ไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวกันด้วยซ้ำ เขาแค่นอนบนเตียงอีกฝั่ง ห่างจากผมประมาณหนึ่งไม้บรรทัด ผมไม่ได้เอ่ยปากไล่ และไม่ได้ขยับเข้าหา ผมแค่ยื่นมือไปจับชายเสื้อกล้ามของเขาไว้ก็เท่านั้น
“เอ่อ...พี่เกมครับ พี่เอกับเพื่อนพี่อีกคนล่ะครับ”
“อ๋อ พวกนั้นข้ามฝั่งไปที่พม่าตั้งแต่ตีสี่แล้วล่ะ เห็นว่าไฟไหม้โกดังเก็บของ ดีที่ไม่ค่อยมีอะไรเสียหายมาก”
“งั้นเหรอครับ...พี่ว่าเป็นฝีมือไอ้มาวินรึเปล่า”
“ก็ไม่แน่ใจ เพราะมันอาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุก็ได้ อยู่ฝั่งพม่าโน่นเราก็จับมือใครดมได้ยาก”
แต่ผมว่าต้องใช่ฝีมือไอ้หมอนั่น อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นกับพวกพี่ๆ ก็เพราะมันนั่นแหละที่จ้างคนมาทำร้าย พี่เกมเคยโดนก้อนหินปาใส่กระจกรถฟอร์จูนเนอร์ ดีที่ไม่ได้รับอันตรายอะไร แต่ตอนนี้รถก็เข้าอู่ซ่อม ใช้รถของผมแทน ได้แต่หวังว่าซิวิคลูกรักที่พี่กิ๊ฟถอยให้คงจะไม่โดนหางเลขไปด้วย ส่วนพี่เอก็เคยโดนดักตีหัวตอนกำลังเดินไปเซเว่น และที่ยังไม่มีใครกล้าแหยมก็คงมีแค่พี่พ่ายคนเดียว ถึงอย่างนั้นก็ยังอดห่วงไม่ได้ ก็พอรู้ว่าไอ้มาวินมันก็คงไม่ค่อยกล้ากับพี่พ่ายหรอก แต่ถ้าเลือดขึ้นหน้าหมาบ้าอย่างมันก็ทำได้หมดเหมือนกัน ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน พวกพี่ๆ เขาก็ยังคงทำงานกันไปตามปกติ ไม่ได้มานั่งตามไล่ตามหาตัวมัน ก็เลยมีแต่ความเสียเปรียบ เพราะคนอยู่ในที่สว่างกับที่มืดนั้น...มันต่างกันมากอยู่แล้ว
“นี่พี่เกม ผมพูดจริงๆ นะ พี่พ่ายเขาไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือไง ที่จริงแจ้งตำรวจไปซะก็จบเรื่อง”
“พี่ไม่ได้ดูถูกอาชีพตำรวจนะ แต่เพี้ยนคิดว่าตำรวจพึ่งพาได้จริงๆ เหรอ ตามความคิดเห็นของสังคมในปัจจุบัน มันยังติดข้อกฎหมายอีกหลายข้อที่จะทำเรื่องเกินกว่าอำนาจหน้าที่ไม่ได้ แต่พี่มั่นใจว่าถ้าเรามีหลักฐานมากกว่านี้ มันก็ไม่รอดกฎหมายไปได้หรอก”
“อยากให้เมืองไทยมีนักสืบเก่งๆ อย่างชเวมูกั๊กเนอะพี่”
“งั้นเพี้ยนก็ต้องมองเห็นกลิ่นได้ จะได้เป็นผู้ช่วยของเจ้าหน้าที่ชเว!”
“เอ่อ...โยมสองคน ถ้ายังไงให้อาตมาเดินบิณฑบาตที่อื่นก่อนไหมแล้วค่อยวนกลับมา”
ชิบ...ลืมหลวงพ่อไปซะสนิท! ผมกับพี่เกมรีบยกมือไหว้ขอโทษขออภัยกับหลวงพ่อ รีบใส่บาตรให้ท่านแล้วรับพร ก่อนจะช่วยกันเก็บของเข้าไปในบ้าน
“พี่เกมๆ แล้วถ้าสมมติว่าไอ้มาวินมันฆ่าใครตายอีกคนขึ้นมา มันก็จะถูกจับใช่ไหม”
“แน่นอน”
“แล้วถ้าเรามีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ ก็จะมัดตัวมันแน่นหนาเลยใช่รึเปล่า”
“อืม ถามทำไมอ่ะ”
“ก็นี่ไง ถ้าผมแอบตั้งกล้องไว้ตอนที่มันกำลังฆ่าผม เราก็จะได้มีหลักฐาน...”
“เพี้ยน! หยุดความคิดบ้าๆ นั่นเลยนะ! เราน่ะไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้หรอก เดี๋ยวป๋ามันก็จัดการได้เองนั่นแหละ อยู่เฉยๆ”
“ผมก็แค่คิดเล่นๆ เอง พี่เกมไม่เห็นต้องโกรธเลย แล้วป๋าของพี่เกมก็ไม่เห็นจะทำอะไรสักหน่อย เอาแต่ทำงานไม่ก็ไปหาน้องเดียร์”
“เวลามันทำอะไรมันก็ไม่ให้คนอื่นรู้หรอก ไม่พูดไม่ใช่ว่าไม่ทำ เพี้ยนก็น่าจะรู้จักมันดี”
“ผมไม่รู้จักสักหน่อย...ไม่เคยรู้จักคนที่ชื่อไร้พ่ายเลย”
“เฮ้อ เอาเถอะ มาดูซีรีย์กันดีกว่า ต่อจากแผ่นที่เราดูกันไปคราวแล้วไง ดีไหม”
“อื้อๆ ดีๆ ผมกำลังคิดจะชวนพี่เกมดูอยู่พอดีเลย”
“งั้นไปเอาน้ำกับขนมมาไป พี่จะไปเอาแผ่นหนังในห้อง”
“ครับ”
ผมมองตามพี่เกมที่เดินหายเข้าไปในห้อง ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหมที่ผมกำลังเจออยู่ในตอนนี้...ไม่ใช่แค่ละครที่มีพี่พ่ายเป็นผู้กำกับ ความรู้สึกที่สัมผัสได้นี้ ผมควรจะเชื่อว่ามันเป็นความจริงต่อไปดีไหม หรือควรจะเลิกเชื่อแล้วกลับไปอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกครั้ง แต่แม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น...ผมก็ยังมีความหวังที่อยากจะเชื่อว่า...พวกเขาไม่ได้กำลังหลอกผมอยู่...
ตอนนี้ผมยอมรับเลยว่าผมกำลังแยกไม่ออก...ไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริง เรื่องไหนกำลัง...หลอกตัวเอง
“อ้าว กลับมาแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง” พี่เกมเอ่ยถามพี่พ่ายกับพี่เอที่กำลังเดินหน้าเพลียเข้ามาในบ้าน ส่วนผมก็จ้องทีวีทำเหมือนไม่สนใจ แต่หูก็ยังคอยเงี่ยฟังว่าพวกเขาคุยอะไรกัน
“ก็ดับไฟได้ทัน อย่างที่โทรมาบอกมึงว่าไม่มีอะไรเสียหายมาก นี่ไอ้เพี้ยน มึงไม่คิดจะทักทายพวกกูเลยรึไง” พี่เอเป็นพวกขาดความอบอุ่นรึไง ถึงอยากจะให้ทักทายตลอด
“ดีครับ” ผมก็เลยต้องทักเขากลับอย่างเสียไม่ได้ แล้วก็ต้องทักคนที่ไม่อยากทักด้วย
“กวนตีนดีจริงๆ เลยมึง เฮ้อ เอาเถอะๆ มีไรกินบ้างไอ้เกม พวกกูหิวข้าวจะตายอยู่แล้ว”
“อยู่ในครัวน่ะ ไปหาดูเอาเอง”
“เออๆ ป่ะ ป๋า ไปกินข้าวกัน”
พี่พ่ายเดินผ่านไป ในขณะที่ผมทำทีไม่สนใจ แต่แล้วที่ต้นคอก็ถูกมือของเขาสัมผัสเบาๆ ราวกับแค่แกว่งมือมาโดนก็เท่านั้น ผมอุทานออกมาเบาๆ หันไปมองก็เห็นแค่แผ่นหลังของเขา
คงไม่ได้ตั้งใจล่ะมั้ง...
แต่แค่สัมผัสเพียงเล็กน้อย...ก็ทำให้หัวใจของผมเต้นรัวขึ้นมา
“พี่เกม ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ขอตัวไปนอนสักพักนะครับ”
“เป็นอะไรมากรึเปล่าน่ะเรา ไปหาหมอกันไหม”
“ไม่ครับ ผมแค่ปวดหัว ได้นอนก็คงหาย”
“งั้นถ้ามีอะไรก็เรียกพี่นะ”
“ครับ”
ผมเดินเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง ถึงที่เตียงก็ล้มตัวลงนอน ซุกหน้าลงกับหมอนที่พี่พ่ายหนุนนอนเมื่อคืน ...ผมไม่รู้จะจัดการความรู้สึกของตัวเองยังไงให้ไม่ทุรนทุรายไปกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของเขา เพราะมันยากเหลือเกินที่จะไม่สนใจ
“อ้าว ไอ้เพี้ยนไปไหนล่ะ” เสียงของพี่เอดังลอดประตูเข้ามาให้ได้ยิน
“นอนอยู่ในห้อง น้องบอกว่าปวดหัว”
“ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลกูว่าร่างกายมันไม่ค่อยแข็งแรงนะ มึงดูมันหน่อยก็แล้วกันไอ้เกม”
“สวัสดีค่ะพี่ๆ” แต่จู่ๆ เสียงใสๆ ที่คุ้นเคยกลับดังขึ้นอีกเสียง ...น้องเดียร์มาสินะ...คงมาหาพี่พ่าย
“หวัดดีครับน้องเดียร์ รถจอดตรงไหนเนี่ย พี่ไม่ได้ยินเสียงรถเลย” เสียงพี่เอตอบกลับไป
“จอดข้างนอกค่ะ กะว่าจะมาเซอร์ไพรส์ป๋า ไม่เจอกันเลยตั้งแต่ป๋ากลับมา คิดว่าคงยุ่งๆ เดียร์เลยมาหาซะเองเลย พอดีว่าเพื่อนๆ จะมาช็อปปิ้งที่แม่สายด้วย”
ไม่เจอกันเหรอ...หล่อนเอาพี่พ่ายไปกกทุกวัน จะไม่เจอกันได้ยังไง ตอแหลชะมัดยัยเด็กบ้านี่
“ป๋าไปกับเดียร์นะคะ จะได้ออกไปกินข้าวกันด้วย”
“วันนี้ผมไม่ว่าง หนูไปกับเพื่อนๆ ก็แล้วกัน”
ผมกลั้นยิ้มไว้แทบไม่อยู่ แค่ได้รู้ว่าเขาปฏิเสธที่จะไปกับน้องเดียร์ ความทุรนทุรายเมื่อกี้ก็จางหายไป...
“แต่ป๋าคะ...”
“เมื่อกี้เพี้ยนมันกินยารึยังไอ้เกม” สมน้ำหน้า พี่พ่ายไม่สนใจหล่อนหรอกนะ เขาเป็นห่วงเพี้ยนต่างหาก หึหึ
เอ๊ะ! เดี๋ยว! ผมคือเพี้ยนนี่นา!!!
“ไม่นะ เห็นเดินเข้าห้องไปเลย”
“อืม ไปหายาพารามาให้หน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวกูเข้าไปดูมันก่อน”
“โอเคๆ น้องเดียร์ ไปเที่ยวกับเพื่อนให้สนุกน้า ออกไปก็ล็อคประตูรั้วให้พวกพี่ด้วยนะครับ” พี่เกมพูดเหมือนไล่เลย ตอนนี้ผมอยากเห็นชะมัดว่าน้องเดียร์กำลังทำหน้ายังไง...
มัวแต่ดีใจ...ก็เลยไม่ทันได้ตั้งตัวตอนที่พี่พ่ายเปิดประตูห้องนอนของผมแล้วเดินเข้ามา
“ขะ...เข้ามาทำไม!” ผมละล่ำละลักถามออกไป
“ปวดหัวหายรึยัง”
“หายแล้ว!”
พี่พ่ายเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะกดหัวผมให้แนบกับหมอน แถมยังทำหน้าหงุดหงิดใส่ผมด้วย
“ขึ้นเสียงจนเคยตัวรึไง ผมถามดีๆ”
ผมได้แต่เม้มปากมองหน้าเขา สบกับแววตาที่อ่านไม่ออกนั่นแล้วก็ได้แต่อึดอัดใจ ...ผมอยากรู้ว่าเขาคิดอะไร อยากรู้ความรู้สึกจริงๆ ของเขาว่าคิดยังไงกับผมกันแน่...
“ไม่ออกไปหาน้องเดียร์ล่ะครับ มาวุ่นวายกับผมจะได้อะไร”
“ผมจำเป็นต้องตอบคำถามคุณไหม”
“จำเป็น! ผมถามคุณก็ตอบมาสิ!”
“โมโหได้อย่างนี้ไม่ปวดหัวแล้วใช่ไหม”
“พี่พ่าย!”
“หึ...ยอมเรียกแล้วเหรอ”
เพราะความกวนโมโหของเขา ผมจึงหลุดปากไป แต่อะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเรากลับทำให้ผมยื่นมือออกไป เขาจับมือผมแล้วกุมไว้ ก่อนจะสอดประสานกับทุกนิ้วของผมจนทำให้ทั่วทั้งหน้ารู้สึกร้อนขึ้นมา
“ดูแลตัวเองให้แข็งแรงกว่านี้หน่อย”
“มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพี่ ผมจะเป็นจะตายยังไงก็เรื่องของผม”
“แต่กูเป็นห่วง ยังจะไม่เกี่ยวอยู่ไหม”
เป็นไม่กี่ครั้งที่สีหน้าของพี่พ่าย จะแสดงออกมาจริงๆ ว่ากำลังรู้สึกตามอย่างที่พูด
“โกหก...พี่กำลังปั่นหัวผมเล่นอีกแล้วนะ! จะทำให้ผมโง่ดักดานไปถึงไหน”
ผมไม่อยากเชื่อเขาเลย ไม่อยากเชื่อกับคำพูดอะไรของเขาทั้งนั้น แต่หัวใจมันก็เชื่อเขาไปแล้วเกินครึ่ง เชื่อไปกับคำพูดดีๆ ที่อาจจะเป็นแค่เรื่องโกหกอีกตามเคย
“พี่ก็รู้ว่าเรื่องของผมกับพี่...มันไปได้ไกลกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว แล้วทำไมถึงยังต้องทำแบบนี้ ...พี่ทำดีกับผมทำไม ทำทำไมทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดจะรักผม”
“...”
“เรากำลังห่างกันอยู่ไม่ใช่เหรอครับ...เพราะฉะนั้น ปล่อยผมอยู่คนเดียวเถอะ”
“ถ้าเก่งนัก...ก็อย่าทำท่าเหมือนจะตาย กูไม่อยากให้ใครต้องมาตายเพราะกูอีก”
อืม...ผมเข้าใจแล้วล่ะตอนนี้ เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงเป็นห่วงและทำดีด้วย
“ผมจะไม่ตายเพราะพี่หรอกครับ...ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ก็ดี”
ผมก็อยากจะหลอกตัวเองต่อไป อยากฝันดีๆ ต่อ แต่ผมได้รู้ว่ามันไม่ใช่ความจริงมาครั้งหนึ่งแล้ว ผมก็ไม่สามารถที่จะฝันต่อได้...มันรู้สึกดีทุกครั้งที่คิดว่าเขาเป็นห่วง ใจเต้นแรงทุกครั้งเมื่อได้สัมผัสเขา แต่มันก็เจ็บทุกครั้งเช่นกันเมื่อรู้ว่า...ทั้งหมดที่เขาทำนั้น...ไม่ได้ทำเพราะรักผม
หลังจากวันนั้นตลอดทั้งอาทิตย์ ผมก็หาอพาร์ทเม้นใกล้ๆ กับออฟฟิศได้ พี่เกมกับพี่เอไม่เห็นด้วยที่ผมจะย้ายออกไปอยู่คนเดียว ในขณะที่พี่พ่ายนั้นผมคิดว่าเขาทราบเรื่องจากพี่เอแล้ว ก็ไม่รู้จะว่ายังไงเพราะผมยังไม่เจอหน้าเขา เขาไม่ค่อยกลับมาที่บ้านหรอกครับ เหมือนว่างานจะยุ่ง คงเพราะโกดังเก็บของเพิ่งไฟไหม้ไป ก็เลยมีเรื่องให้จัดการเยอะแยะ หรืออันที่จริงเขาแค่ไปอยู่กับน้องเดียร์ก็ไม่ทราบได้ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องอะไรของผมหรอก ผมเก็บของที่มีอยู่ไม่มากใส่ท้ายรถของตัวเองแล้วขับมาที่อพาร์ทเม้น เป็นห้องขนาดยี่สิบเอ็ดตารางเมตร มีระเบียงหลังแคบๆ แต่เฟอร์นิเจอร์ก็ครบ แอร์ ตู้เย็นทีวี โซฟา ตู้ เตียง พร้อมสรรพ ถึงจะต้องเจียดเงินเดือนมาจ่ายค่าเช่า แต่ผมก็คิดว่ามันคงสบายใจกว่าหากผมอยู่ในที่ที่ไม่ต้องเจอเขาตลอดเวลา
ผมจัดของเสร็จก็มานอนแผ่หราอยู่บนเตียง เงยหน้าขึ้นมองเพดานแล้วภาพที่พี่ดรีมถูกแขวนคออยู่ตรงหน้าก็แวบเข้ามาในหัว...นั่นสินะ คงเป็นเพราะรูปแบบหอพักหรืออพาร์ทเม้นที่ไหนๆ ก็เหมือนกันหมด ผมจึงเห็นภาพซ้อนทับแบบนี้อยู่บ่อยๆ มันเป็นภาพติดตา...ชั่วชีวิตนี้ก็คงไม่อาจลืมได้
ก๊อกๆๆๆ
ผมสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกเดินไปที่ประตู มองจากตาแมวแล้วก็เห็นผู้ชายหน้าตาคมเข้มคนหนึ่ง ผมตัดสินใจเปิดประตูเพื่อจะได้ถามว่าเขาเป็นใคร
“เอ่อ...สวัสดีครับ”
“ไม่ทราบว่าซิวิคที่จอดขวางประตูอยู่ใช่ของคุณไหมครับ เห็นเป็นรถที่ไม่คุ้นผมก็เลยคิดว่าคงเป็นของห้องที่ย้ายมาอยู่ใหม่ ยังไงช่วยย้ายรถให้หน่อยได้ไหมครับ พอดีว่าผมจะเอารถออก”
“อ๋อ...ได้ครับๆ เดี๋ยวผมลงไปย้ายให้ ขอโทษนะครับ”
ลืมไปเลยว่าจอดไว้ตอนกำลังขนของ ดีที่เขาไม่ด่าไปจนถึงพ่อแม่นะครับ เพราะถ้าเป็นผมมีใครมาจอดขวางประตูอย่างนี้คงด่าไปถึงบรรพบุรุษนั่นแหละ
“ไม่เป็นไรๆ”
ผมลงไปย้ายรถออกจากหน้าประตู แล้วขับเข้ามาจอดในที่จอดรถของอพาร์ทเม้นเป็นที่เรียบร้อย ได้ทำความรู้จักกับเพื่อนข้างห้องไปแล้วด้วย เขาชื่อโก อายุเท่าๆ กับผม ทำงานอยู่ที่ศูนย์ฮอนด้าใกล้ๆ นี้มาสองปีแล้ว เป็นคนอัธยาศัยดี พูดคุยง่าย และยิ่งรู้ว่าผมเป็นคนเชียงใหม่ เราก็ยิ่งคุยกันได้ถูกคอครับ เพราะเขาก็เป็นคนเชียงใหม่เหมือนกัน
ดีใจนะครับที่ย้ายมาอยู่แล้วก็มีเพื่อนเลย เพราะตอนอยู่หอที่กรุงเทพ คนข้างห้องนี่ผมไม่เคยรู้เลยว่าหน้าตาเป็นยังไง กลับจากทำงานก็เข้าห้องตัวเองเลย ไม่ได้สนใจคนรอบข้าง แต่ที่นี่แตกต่างจากอพาร์ทเม้นอื่นๆ เล็กน้อยครับ เพราะดูเหมือนคนห้องอื่นๆ ก็รู้จักกันหมด ที่นี่มีโต๊ะหินอ่อนหลายตัวให้มานั่งคุยกัน มีห้องนั่งเล่นรวมอยู่ชั้นแรกด้วย วันเสาร์อย่างนี้จึงได้เห็นผู้ชายสองสามคนมานั่งดูมวยไทยกัน เชียร์มวยกันเสียงดังสนั่นเลย ผมก็ลงมาดูกับพวกเขาด้วยครับเพราะอยู่ว่างๆ ก็ไม่มีอะไรทำ
ครืดดดดดดดดด ครืดดดดดดดดดดดดดดด ครืดดดดดดดดดดดดดดดดด
กำลังเชียร์มวยอย่างเมามันแต่โทรศัพท์มือถือก็สั่นขึ้นขัดจังหวะ ผมมองเบอร์ที่หน้าจอก็ตัดสินใจรับ ไม่รู้ว่าพี่เกมจะโทรมากล่อมผมไม้ไหนอีก
“ครับพี่”
“ป๋ากำลังไปหานะ ระวังด้วย ดูจะหงุดหงิดเอาเรื่องเลย”“ห้ะ! เพื่อนพี่น่ะเหรอจะมา มาทำไมอ่ะ พี่ไม่ได้บอกที่อยู่ผมไปใช่ไหมครับ”
“พี่น่ะไม่ได้บอก แต่ไอ้เอมันบอกไปแล้ว”“แล้วพี่เอรู้ได้ยังไง”
“พี่บอกมันเอง”“โธ่! พี่เกม ทำไมทำงี้อ่ะ”
“ก็พี่ไม่อยากให้เพี้ยนไปอยู่ที่อื่นนี่ ตอนนี้มันก็อันตรายด้วย ไม่รู้ว่าไอ้มาวินมันจะทำอะไรเมื่อไหร่นี่นา”ไอ้มาวินมันเงียบไปจนผมคิดว่ามันคงไม่มีอะไรแล้วนั่นแหละถึงได้คิดว่าออกมาอยู่คนเดียวก็ได้ อีกอย่าง...อยู่ที่ไหนก็อันตรายเหมือนกัน...เพราะถ้ายังอยู่กับพี่พ่าย ต่อให้ร่างกายจะปลอดภัย แต่หัวใจผมน่ะ...เตรียมส่งไอซียูตั้งนานแล้ว
“ยังไงก็เถอะ ถ้าป๋าไปรับกลับก็กลับนะ ไปเช่าห้องเองก็แพงใช่ไหมล่ะ ไหนจะค่ากิน ค่าน้ำค่าไฟ เยอะนะเพี้ยน แล้วจะเอาตังค์ที่ไหนมาเก็บไปเกาหลีล่ะหือ”“ผมฟังพี่เกมพูดแบบนี้มาร้อยรอบแล้วนะครับ แต่ยังไงผมก็อยากอยู่คนเดียวอยู่ดี”
“ดื้อจริงๆ ให้ป๋าตีซะให้เข็ดเลยดีไหม”“พี่เกมไม่เข้าข้างผมแล้วเหรอ”
“ไม่แล้ว ยังไงก็เถอะ พี่มีซีรีย์เรื่องใหม่ด้วยนะ คิดดีๆ อีกทีล่ะ”“นี่พี่เกมคิดว่าเอาซีรีย์มาล่อผมแล้วผมจะกลับเหรอ”
“อัลบั้มของนักร้องที่เพี้ยนอยากได้ โปสเตอร์หรืออะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ พี่จะซื้อให้หมดเลย ดีไหม”หูยยย ตัดสินใจยากชะมัดแบบนี้ แต่ค่ามัดจำกับค่าห้องที่ผมจ่ายไปล่วงหน้าก็ทำให้ความลังเลหายไป ...จ่ายไปตั้งหมื่นกว่าๆ ยังไงผมก็ไม่ยอมเสียเงินประกันแค่เพราะอปป้าพวกนั้นหรอก โอ้ยยย แต่เสียดายจังเลย!!
“แค่นี้นะพี่เกม เจอกันที่ทำงานนะพี่”
เฮ้อ แย่ชะมัด แต่ยังไงผมก็เลือกแล้วที่จะมาอยู่คนเดียว ก็ต้องทำให้ได้!
ถอนหายใจไม่ทันไร ก็เห็นรถคันหรูของพี่พ่ายชะลอตัวอยู่ที่หน้าประตูรั้ว ผมเลยรีบวิ่งกลับขึ้นห้องตัวเองทันที พร้อมกับล็อคประตูเรียบร้อย ผมไม่อยากเจอเขาหรอก เพราะถ้าเจอแล้วก็ไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไงดี
ก๊อกๆๆๆๆ
มะ...มาจริงๆ ด้วยอ่ะ!
ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆ
อะไรของเขากันนะ! เคาะขนาดนี้มันรบกวนชาวบ้านเขาไม่รู้รึไง คนไม่เปิดก็ยังจะเคาะอยู่ได้ แต่ฟังเสียงเคาะไปไม่เท่าไหร่ เสียงเหมือนประตูถูกถีบก็ดังขึ้นแทน ผมยืนมองด้วยความหวั่นใจ ราวกับกำลังถูกฆาตกรบุกรุกเข้ามาในห้อง อีกใจก็กลัวว่าจะไปรบกวนคนห้องข้างเคียงด้วย ก็เลยต้องเปิดอย่างเสียไม่ได้
“เป็นบ้าเหรอ! ถ้าประตูมันพังขึ้นมาจะทำยังไง” ไม่ได้คิดเลยว่าเงินประกันของผมจะไม่ได้คืนถ้าทำข้าวของเสียหายเข้า มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย แล้วหน้าบึ้งตึงนั่นมันอะไร
“นี่!” ผมขึ้นเสียงเพราะเขาไม่ยอมตอบ เอาแต่จ้องหน้า “มีธุระอะไร”
“ไปเก็บของ”
“ทำไมต้องเก็บ ผมย้ายมาอยู่ที่นี่แล้วนะ พี่เอก็บอกพี่แล้วนี่”
“บอก แต่กูไม่ได้พูดสักคำว่าอนุญาต แล้วมึงเก็บของมาอย่างนี้ได้ยังไง โง่อะไรอย่างนี้วะ อยากตายนักใช่ไหม”
“อะไรเนี่ย มาถึงก็โมโหใส่! พี่ออกไปจากห้องของผมเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
นอกจากจะไม่ออกไปตามที่สั่งแล้ว เขายังปิดประตูแล้วล็อคมันอีก ผมมองหน้าเขาอย่างเคืองๆ
“ห้องเท่ารูหนู มันดีกว่าบ้านที่กูอยู่ตรงไหน”
“มันดีตรงที่ไม่มีพี่ไง”
“มึงกำลังเรียกร้องความสนใจอย่างงั้นเหรอ”
“อะ...อะไรนะ! ผมนี่นะเรียกร้องความสนใจ! เรากำลังห่างกัน แล้วพี่จะให้ผมทนอยู่ใกล้ๆ พี่ได้ยังไง” พี่พ่ายแม่งไม่เคยเข้าใจเหี้ยอะไรเลยจริงๆ คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ทำเหมือนมีใจทุกที แต่สุดท้ายก็ตบหัวผมครั้งแล้วครั้งเล่า
“เพราะใจมึงทำไม่ได้ ก็เลยต้องเอาตัวหนีกูมาอย่างนี้ มึงคิดว่าจะทำให้ห่างกันจริงๆ หรือไง จะห่างจากกูได้มึงต้องตัดใจให้ได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องทำเก่ง กูไม่ชอบเด็กอวดดี คิดอีกอย่างพูดอีกอย่าง ปากบอกไม่รัก แต่อยากได้กูจนตัวสั่น”
ผมตรงเข้าไปทึ้งหัวเขา โกรธจัดยิ่งกว่าได้รู้ความจริงเรื่องของพี่ดรีมเสียอีก เขามันเป็นไอ้บ้าที่ปากรนหาเท้าผมจริงๆ เขาคิดว่าผมจะไม่กล้าทำอะไรเขาหรือไง!
“ไอ้เหี้ยพ่าย! ไอ้คนบ้า! ปล่อย!” แขนของผมถูกเขาจับไพล่หลัง ยังไม่ทันได้ทึ้งหัวเขาให้สาแก่ใจด้วยซ้ำ ก็มาพลาดท่าเข้าจนได้
“ดูว่ามึงทำอะไรได้บ้าง แรงมีแค่นี้ โดนซัดไม่กี่ทีก็ตาย ยังจะอวดเก่งออกมาอยู่คนเดียว” ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเจ็บ เหมือนแขนจะหัก เพราะพี่พ่ายบิดแขนผมแรงขึ้นไปอีก ผมได้แต่กัดฟันแน่น ไม่ส่งเสียงอะไรออกมา
“กูใจดีหน่อยก็ทำเหลิง พูดดีๆ ก็ไม่ฟัง กูพยายามให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่เป็นมึงเองที่ทำให้กูหมดความอดทน ถ้ารักกูมาก มึงก็กลับมาโง่เหมือนเดิมก็แล้วกัน แล้วก็อย่ามาร้องไห้...ถ้ากูทำให้เจ็บ”
อะไรที่บอกว่าพยายามทำให้ดีขึ้น อะไรที่บอกว่ากำลังอดทน มันมีแต่ผมทั้งนั้นที่ทำ เขาไม่เคยทำอะไรเลยต่างหาก
“หลงตัวเองมากไปแล้ว ผมเกลียดพี่ต่างหาก! เกลียดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“หึ เดี๋ยวกูจะทำให้ครางคำว่ารักใส่กูทั้งคืนเลย ดีไหม”
“อะ...ไอ้เหี้ย!”
ผมไม่รู้แล้วว่าจะเป็นยังไงต่อ เพราะที่พี่พ่ายพูดมานั้น...ไม่มีคำพูดไหนเลยที่ผิดไปจากสิ่งที่ผมรู้สึก...ผมรักเขา...และยังรักเขามากเหมือนเดิม
...................................................................TBC................................................................
ขอโทษที่หายไปนานค่ะ ครั้งนี้นานจริงๆ แต่งานเร่งรัดเข้ามาเหมือนห่ากระสุนเอ็มสิบหก เราเลยไม่มีทางเลือกจริงๆ คิดถึงทุกคนมาก ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นทุกความคิดเห็นเลยค่ะ
ขัดอกขัดใจตรงไหนก็ขออภัยด้วยนะคะ

มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ

แก้ไขคำจากตารางวาเป็นตารางเมตรนะคะ