ตอนที่ 22ผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ!
หมัดหนักๆ ถูกซัดลงบนใบหน้าของมาวินสามครั้งติดกันจนทำให้ร่างสูงใหญ่นั้นล้มลงกับพื้นทรายไม่เป็นท่า ไร้พ่ายสะบัดข้อมือเล็กน้อย ก่อนจะจัดสูทที่ร่นขึ้นเพราะออกแรงต่อยให้เข้าที่
“ผะ...ผมขอโทษครับ” มาวินเค้นเสียง ร่างกายสะบักสะบอมเพราะถูกลงโทษมาไม่ต่ำกว่าสามสิบนาที เขาไม่มีสิทธิ์อธิบายใดๆ ทั้งสิ้น เจ้านายของเขาไม่ยอมรับฟังอะไรเลย
“ขะ...ขอโทษครับนาย”
“คุณทำแต่เรื่องโง่ๆ ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุและผล ผมไม่เคยบอกคุณหรือไงว่าอย่านำความเดือดร้อนมาให้ครอบครัวของผม” ไร้พ่ายกล่าวอย่างเย็นชา “ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร คุณก็ไม่ควรทำกับคุณกิ๊ฟอย่างนั้น เธอเป็นลูกสาวของผู้ถือหุ้น เป็นเพื่อนของผม แล้วคุณเป็นใคร ถึงได้กล้าดีไปทำร้ายเธอ”
ไร้พ่ายไม่เคยรู้สึกโกรธมาวินมากขนาดนี้ คนฉลาดที่เขาวางใจให้จัดการเรื่องสำคัญหลายๆ เรื่องกลับเป็นไอ้หน้าโง่คนหนึ่งเมื่อยอมปล่อยให้อารมณ์เป็นตัวตัดสินแทนสมอง ...เขาเกลียดเวลาที่มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้น และยิ่งเกลียดเวลาที่คนอื่นทำให้มันเกิด
“มันสมควรโดนแล้วครับ เพราะมันปิดข่าวเรื่องที่เด็กของนายขับรถชนน้องสาวของผมไงล่ะครับ!!! พวกมันขับรถกลับจากผับแล้วก็เมากันทั้งคู่! พวกมันทำให้น้องสาวของผมกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ทำให้ครอบครัวของนายต้องเป็นแบบนี้ หลานของผมควรจะได้อยู่กับพ่อและแม่ แต่พวกมัน...” มาวินตะคอกเสียงดัง เขามองไร้พ่ายด้วยดวงตาแดงก่ำ หวังจะได้เห็นความโกรธขึ้งของคนตรงหน้าเมื่อได้รับรู้ความจริงว่าในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับน้องสาวของเขานั้นใครคือคนทำให้มันเกิด
“แล้วยังไง...” ไร้พ่ายถามกลับอย่างสงบ ในขณะที่มาวินแทบไม่เชื่อหูและตาของตัวเอง เขาเคยคิด...เคยคิดว่าถ้าไร้พ่ายรู้...เขาจะได้เห็นความโกรธของผู้เป็นนาย จะได้เห็นไร้พ่ายทำลายไอ้คนที่ทำให้น้องสาวของเขาเป็นแบบนั้น...ทว่า...กลับไม่ใช่
“มันเป็นคนที่ขับรถชนน้องสาวผมนะ! น้องสาวที่เป็นภรรยาของนาย!!”
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง ผมควรโกรธแค้นงั้นหรือ”
มาวินอยากซัดหมัดลงบนใบหน้าที่แสนเยือกเย็นนั้น อยากทำให้คนตรงหน้าเขารู้สึกอะไรขึ้นมาบ้าง ทำไมถึงใจร้ายได้ขนาดนี้... ทำไมกัน...
“เป้าหมายของผมไม่ใช่การแก้แค้นมาตั้งแต่แรก เพราะผมไม่ได้มีความแค้นอะไรกับคุณกิ๊ฟและเพี้ยน ผมเล่นเกมเพราะผมต้องการรางวัลสำหรับชัยชนะ ไม่ได้เล่นเกมเพื่อจะเข่นฆ่าใคร คุณอยู่กับผมมานาน ก็น่าจะเข้าใจดี แต่ตอนนี้ผมคิดว่า...คุณไม่เคยเข้าใจอะไรเลยมาวิน”
“ใช่! ผมไม่เข้าใจ! แต่ตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่านายกำลังหลงมัน! นายกำลังลืมน้องสาวของผมแล้วจะเอามันมาแทนที่! ผมพูดถูกไหม!”
ปึก!
ไร้พ่ายเตะเข้าที่ท้องของมาวิน ใบหน้าเฉยชานั้นก้มมองคนที่กำลังงอตัวเพราะความเจ็บ
“อย่ามาคิดแทนผม ตัวผม...มีแต่ผมเท่านั้นที่รู้ดี คนอื่น...ไม่ต้องเสือก”
“ขะ...ขอโทษครับ” มาวินจับข้อเท้าของไร้พ่ายไว้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลซุกซบลงกับรองเท้าหนังราคาแพง
“ต่อไปนี้...คุณจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ แต่อย่ามาก้าวก่ายในเรื่องของผม ถ้ามายุ่งแม้เพียงนิด คุณเจอกับผมแน่มาวิน”
“ครับ...ขอโทษครับ”
ไร้พ่ายสะบัดข้อเท้าเพียงนิด จัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่ แล้วเดินกลับมาที่รถ
‘ก็ถือว่าชดใช้กันไปก็แล้วกัน’
แม้จะคิดว่าชีวิตของใครคนหนึ่งไม่อาจทดแทนด้วยชีวิตของคนอีกคนได้ แต่ไร้พ่ายไม่อาจรู้ได้ว่าในสถานการณ์นี้ควรรู้สึกแบบไหน... ภรรยาของเขา แม่ของลูก...ผู้หญิงที่จัดให้มีความสำคัญอันดับหนึ่งนั้น แม้จะไม่ได้ผูกพันกันด้วยความรัก แต่ก็ผูกพันด้วยลูกๆ ที่เขาทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่มีให้ เขาควรจะโกรธแค้นเหมือนอย่างที่มาวินรู้สึกอย่างนั้นหรือ... แต่ในใจลึกๆ นั้นกลับไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ แม้ในตอนที่ภรรยาเกิดอุบัติเหตุเขาจะรู้สึกวูบโหวงไปบ้าง เพราะคิดที่จะเริ่มต้นสร้างครอบครัวกับเธอ แต่หลังจากทำใจยอมรับว่าต่อจากนี้จะต้องดูแลลูกๆ เพียงลำพัง ในเมื่อไม่รู้ว่าจะมีปาฏิหาริย์ทำให้เธอตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ เขาก็ไม่ได้ใส่ใจจะหาตัวต้นเหตุอีกเลย คงเพราะไม่ได้รู้สึกสูญเสีย ในเมื่อสำหรับเขา ...การมีอยู่ของเธอนั้น อยู่ในระดับที่มีก็ดี ไม่มีก็ได้...มาตั้งหลายปีแล้ว
นอกเหนือจากเหตุผลเหล่านั้น...เพี้ยนก็สูญเสียไม่ต่างจากมาวิน ดวงตาที่เขาได้รับ...มาจากเด็กผู้หญิงที่เคยหลงรักเขา เด็กผู้หญิงที่มารู้เมื่อสามปีก่อนว่าเป็นพี่สาวของเพี้ยน เด็กผู้หญิงที่ร้องไห้มากกว่าพ่อของเขาเมื่อรู้ว่าเขาต้องตาบอด หากไม่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาก็จะไม่สามารถมองเห็นได้อีก พ่อของเขาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะหากระจกตามาให้เขา ยอมจ่ายเท่าไหร่ก็ได้เพื่อให้เขากลับมามองเห็นได้อีกครั้ง แต่กระจกตาจะได้รับก็ต่อเมื่อผู้บริจาคเสียชีวิตลงเท่านั้น อีกทั้งเขาไม่สามารถทำใจยอมรับให้ใช้กระจกตาเทียมได้...ทิฐิในใจของเขามีมากเกินกว่าจะยอมรับ
แต่ยิ่งนานวันเข้า ความสิ้นหวังก็เข้ามาเยือน การติดอยู่ในโลกมืดมิดเป็นสิ่งผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา ผิดพลาดจนต้องยอมรับความพ่ายแพ้ต่อโชคชะตา เขาอยากมองเห็น อยากเห็นท้องฟ้าที่กว้างใหญ่อีกครั้ง แสงอาทิตย์ที่แสนเกลียด แสงจันทร์ที่ไม่เคยนึกสนใจ ต้นไม้ดอกไม้ที่เขาไม่เคยนึกชื่นชม ตอนนั้นเขาอยากเห็นทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ จะดีหรือร้ายก็ขอแค่ได้รับแสงสว่างอีกครั้ง และในตอนนั้นมาวินยอมที่จะให้กระจกตากับเขา ทว่า...ไม่สามารถทำได้ แม้ผู้บริจาคจะเต็มใจก็ตาม แต่การบริจาคกระจกตาในขณะที่ผู้บริจาคยังคงมีชีวิตนั้นเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ไม่มีใครสามารถทำเท่เหมือนในนิยายได้ และเขาก็ยังคงรออย่างไร้ความหวังต่อไป จนกระทั่ง...
‘รออีกหน่อยนะคะพี่ อีกเก้าเดือน ฉันขอเวลาอีกเก้าเดือน...แล้วฉันจะเป็นดวงตาให้พี่เองค่ะ รอนะคะ อย่าเพิ่งหมดหวังนะ ฉันรักพี่...ถ้ามองเห็นอีกครั้ง ช่วยเฝ้ามองโลกนี้แทนฉันด้วยนะคะ’ เด็กผู้หญิงที่เขาไม่เคยนึกสนใจกับสิ่งที่เธอคอยทำให้กลับพูดในสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในเวลานั้น ดวงตาที่เขาจะได้รับมันมาเพื่อมองเห็นแสงสว่างอีกครั้ง เธอบอกว่าจะมอบมันให้กับเขา
‘ฉันทำเรื่องบริจาคดวงตาแล้วค่ะพี่ สุขภาพร่างกายฉันแข็งแรง ไม่มีโรคร้ายหรือโรคติดต่อ สายตาไม่สั้นไม่เอียง ถือว่าเป็นของมีค่าอย่างเดียวที่ฉันจะสามารถมอบให้พี่ได้’
‘แล้วชีวิตของเธอ...’
เขาไม่ต้องการ...หากมันจะต้องแลกมากับชีวิตของใคร การเข่นฆ่าเพื่อจะได้ของที่ต้องการเป็นวิถีของสัตว์เดรัจฉาน ไม่ใช่วิถีทางของมนุษย์อย่างเขา เขาถนัดใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อแย่งชิง แต่ไม่ถนัดหากต้องจับมีดไปแทงใครซึ่งๆ หน้า
‘ชีวิตของฉันมีแค่พี่เท่านั้นที่เป็นแสงสว่าง...แม้พี่จะไม่เคยตอบรับความรู้สึกของฉัน แต่พี่ก็เป็นคนเดียวที่ช่วยเหลือฉันมาตลอด’
‘เธอมันโง่จริงๆ ทำไมคนโง่ๆ อย่างเธอถึงได้เกิดมา ถ้าเธอตายเพราะฉัน คนที่รักเธอต้องเสียใจและพวกเขาก็ต้องโทษว่าเป็นความผิดของฉัน'
‘พี่กลัวเหรอคะ’ เธอหัวเราะเสียงใส ทอดมองชายหนุ่มที่รักด้วยดวงตาเศร้าหมอง ‘แต่มันก็ดีแล้วนี่นา...เป็นการลงโทษที่พี่ไม่เคยสนใจฉันเลย นี่...พี่รู้อะไรไหม คนที่รักฉันน่ะ เหมือนคนบ้าเลยนะ ทั้งบ้าแล้วก็โง่ด้วย ทั้งๆ ที่ฉันไม่เคยรักเขาเลย แต่เขาก็ยังรักและเป็นห่วงฉันอยู่ดี ถ้าฉันตายเพราะพี่ เขาต้องมาแก้แค้นพี่แน่ๆ เขาบ้าถึงขนาดที่อาจจะควักดวงตาของพี่ออกมาได้เลยล่ะ’
ไร้พ่ายไม่พูดตอบโต้อะไร แต่สัมผัสอบอุ่นที่ฝ่ามือก็ทำให้เขาเกร็งตัวขึ้นมาเล็กน้อย
‘ฉันล้อเล่น... แม้ว่าเขาจะเป็นคนบ้า แต่เขาก็อ่อนโยน เขาเป็นน้องชายต่างสายเลือด พ่อแม่ของพวกเราแต่งงานกันตอนที่เขายังเด็ก เขาเลยติดฉันมาก เขาโง่กระทั่งแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าความรักที่มีให้ฉันเป็นความรักแบบพี่น้องหรือแบบชู้สาว เขาเป็นเด็กน่าสงสาร ทั้งยังเอาแต่ใจ แต่ฉันก็ไม่เคยโกรธเกลียดเขาได้ลง เขาอาจจะดูร้าย แต่เขาไม่มีพิษไม่มีภัยอะไรหรอกค่ะพี่ อีกอย่าง...ถึงเขาจะแค้นพี่ แต่ฉันก็คิดว่าพี่คงจัดการได้อยู่แล้ว ก็พี่คือ ไร้พ่ายนี่นา’
‘ฉันไม่ได้รู้สึกภูมิใจกับชื่อนี้อีกแล้ว’ ตั้งแต่ที่สูญเสียการมองเห็น...เขาก็ตกอยู่ในสภาพพ่ายแพ้มาตลอด ไม่มีอีกแล้วกับชื่อ ไร้พ่าย
‘งั้นฉันจะเป็นคนเรียกความภูมิใจของพี่กลับมาเอง’
ไร้พ่ายอยากจะขึงตาดุใส่เด็กอวดดีให้หงออีกสักครั้ง แต่เพราะดวงตาที่มองไม่เห็นนี้ เขาจึงทำได้แค่หงุดหงิดใจ
‘แล้วคนที่รักเธอ...ชื่ออะไร’
‘ฉันไม่บอกหรอก แต่สักวัน...เขาจะหาพี่เจอแน่ๆ ฉันมีความเชื่ออย่างนั้นนะ แล้วถ้าเขามาทวงคืน พี่อย่ายอม ต้องทำให้เขาเต็มใจมอบมันให้พี่เหมือนที่ฉันเต็มใจให้ได้เลย’
‘ทำไมเธอต้องทำเรื่องให้มันยุ่งยาก ไม่บอกเขาไปเองเลยล่ะ ไหนๆ ก็โง่จะตายเพื่อฉันแล้ว’
‘อย่าประชดได้ไหมพี่พ่าย ฉันไม่ได้โง่แต่ฉันแค่อยากให้ดวงตากับพี่ต่างหาก แล้วฉันจะบอกเขาได้ยังไง ฉันบอกเขาไม่ได้หรอก...ถ้าฉันบอกว่าฉันจะทำอะไร...เขาคงอาละวาดใส่ฉันแน่ๆ เวลาเขาโมโหน่ะเหมือนหมาบ้าเลย ถึงจะสู้ความโมโหของพี่ไม่ได้ แต่ฉันก็รับไม่ค่อยไหว’
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเขาและเธอ แรงบีบที่ฝ่ามือนั้นยังคงบางเบา
‘ฉันไม่รับมันไว้ได้ไหม ไม่อยากให้มีเรื่องยุ่งยากตามมาทีหลัง รอคนบริจาคที่มีญาติเป็นคนปกติเสียยังดีกว่า’
มันคงน่าเสียดาย ห่างความอบอุ่นจากมือคู่นี้จะจางหายไป เทียบกับความน่าเสียดายนี้เขารอกระจกตาจากผู้บริจาคที่เสียชีวิตได้อยู่แล้ว จะกี่เดือนกี่ปีก็จะรอ...
‘ไม่ได้ค่ะ เพราะนี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำเพื่อพี่’ เสียงของเธอสั่นเครือ น้ำตาไหลอาบทั้งสองแก้มที่บวมช้ำเพราะการถูกทารุณ
‘เธอร้องไห้เหรอ’
‘เปล่าค่ะ’
‘แต่เสียงของเธอ...’
‘พี่คิดไปเองต่างหาก’
เขาแน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง เธอมักจะร้องไห้เสมอ ครั้งแรกที่เขาเจอเธอก็เป็นตอนที่เธอกำลังจะเดินตัดหน้ารถยนต์แต่เขาก็เข้าไปช่วยเธอไว้ ไม่รู้ว่าชีวิตของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมีเรื่องให้เครียดอะไรหนักหนาจนถึงขั้นคิดสั้นฆ่าตัวตาย ในตอนนั้นเธอร้องไห้แล้วก็กอดเขาไว้แน่นราวกับเขาเป็นเชือกเส้นสุดท้ายของชีวิตเธอ
‘พี่พ่าย’
‘หืม...’
‘อย่าคิดมากเลยนะคะ ชีวิตของฉันมันควรจบไปตั้งนานแล้ว...แต่เพราะมีพี่...ฉันถึงมีกำลังใจอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ได้... ฉันรักพี่...ความรู้สึกนี้จะไม่มีวันเปลี่ยน และฉันไม่นึกเสียใจเลยหากจะได้ทำอะไรเพื่อพี่ ...ถือเป็นการพักผ่อนของฉันด้วย...เพราะฉันเหนื่อยมามากแล้วจริงๆ’
‘เธออายุแค่สิบเก้า จะเหนื่อยอะไรกัน คนโง่น่ะคิดให้น้อย แล้วก็ยิ้มให้มาก เธอไม่ใช่คนฉลาด ไม่ต้องคิดอะไรให้ปวดหัว’
‘พี่เป็นห่วงฉันเสมอเลย’
‘ใครห่วงวะ!’
‘ปากไม่ตรงกับใจทุกที แต่นี่ก็เป็นเสน่ห์ของพี่นะ น่ารักจัง’
‘เดี๋ยวเถอะ ลามปามเกินไปแล้ว’
เสียงหัวเราะของเธอและเสียงโวยวายของเขามักจะดังเล็ดลอดออกมาจากห้องผู้ป่วยพิเศษทุกๆ เย็น เธอเหมือนน้ำเย็นชโลมหัวใจที่พ่ายแพ้ให้กับโชคชะตาของเขา...
ทว่า...หลังจากนั้นแค่หนึ่งเดือน ไร้พ่ายก็ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา และในวันที่เขามองเห็นได้อีกครั้ง เด็กผู้หญิงที่คอยมานั่งข้างเตียงเล่าเรื่องต่างๆ นาๆ ให้เขาฟังก็ไม่อยู่แล้ว... มาวินบอกกับเขาว่าเด็กคนนั้นผูกคอตายที่หอพัก สาเหตุคงเพราะความเครียดบางอย่างและโชคดีที่เด็กคนนั้นทำเรื่องบริจาคดวงตาให้กับเขา...และในวันนั้นเอง...ที่เขารู้สึกว่าหัวใจเต้นในจังหวะผิดแปลก วูบโหวงราวกับได้ทำของบางอย่างหล่นหายไป ...น้ำตาไหลลงมาเป็นสายราวกับเจ้าของดวงตาที่แท้จริงกำลังร่ำไห้
ไหนเธอบอกอีกเก้าเดือน...แต่นี่มันรวดเร็วเกินไป... เขาคิดว่าเธอคงจะเปลี่ยนใจในระหว่างระยะเวลาที่เหลือ และหากโชคดีก็จะมีผู้บริจาคดวงตาให้กับเขา...ตอนนั้นคงจะได้เห็นใบหน้าของผู้หญิงที่คอยสร้างเสียงหัวเราะให้เขาอีกครั้ง... ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ในเวลาที่เขาพ่ายแพ้ต่อโชคชะตาและจับมือเขา คอยประคองให้เดินไปด้วยกัน... แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ได้หายไปแล้ว...
เขามารู้ความจริงหลังจากนั้นไม่กี่ปี...ว่าเธอไม่ได้ฆ่าตัวตาย...แต่...ถูกฆ่า
ความจริงที่ทำให้เขานึกกลัวเหลือเกินว่า...ใครบางคนจะกลับมาทวงของที่เคยเป็นของเธอคืน...
‘ฉันเจอเขาแล้วนะ... เขาบ้าเหมือนที่เธอเคยบอก แถมยังโง่เกินไปสำหรับโลกที่โหดร้ายใบนี้ด้วย เขาคงเจออะไรมาหนัก คงเสียใจเรื่องของเธอมากมาย และคงยังลืมเธอไม่ได้ เขาถึงยังลังเลกับความรักที่มีให้ฉัน’
ไร้พ่ายปักธูปหนึ่งดอกลงบนทรายที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำทะเลที่กำลังซัดคลื่นเข้ามาหาฝั่ง
‘ดรีมชอบทะเลใช่ไหม เคยรบเร้าให้ฉันพามา แต่ฉันไม่เคยทำตามที่เธอขอเลย ตอนนี้...ฉันหวังว่าเธอจะอยู่ตรงนี้ด้วย...ดวงตาของเธอกำลังมองทะเลที่เธอชอบอยู่ ทั้งๆ ที่เธอชอบทะเล แต่น้องชายของเธอกลับไม่ชอบมันเลย ให้ตายสิ เด็กบ้านั่น ทั้งโง่ ทั้งบ้า ทั้งขวางโลก ทำแต่เรื่องบุ่มบ่าม ไม่รอบคอบ ถ้าไม่ได้คุณกิ๊ฟคอยดูแล ก็คงจะแย่กว่านี้ ฉันตอบแทนเธอได้ไม่มาก เรียกร้องความยุติธรรมให้เธอไม่ได้ แต่ฉันจะดูแลคนบ้าของเธอให้เท่าที่ทำได้เอง’
เขายืนรับลมทะเลอีกสักพัก ก่อนจะรับสายจากเพื่อนสนิทตอนเรียนมหาวิทยาลัยอีกคน เพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขามีและรู้เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น
“ครับคุณกิ๊ฟ”
“ฉันจะให้คุณภัทรไปรอเจอเพี้ยนที่เชียงรายนะคะ ฉันคิดว่าตอนนี้คงถึงเวลา ในเมื่อมาวินหลุดจากการควบคุมของคุณไปมากแล้ว”“ผมขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณ แต่ตอนนี้ผมยังอยากจะขอเวลา...”
“ฉันเชื่อว่าเพี้ยนคงพร้อมที่จะรู้เรื่องพวกนี้แล้วค่ะ ดีกว่าให้เพี้ยนรับรู้ข้อมูลผิดๆ จากคนอื่นแล้วมาแค้นคุณ”“ผมขอเวลาอีกนิด ให้ผมได้บอกเขาเองในเรื่องนี้”
“เท่าไหร่คะ...”“อีกสองเดือน ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุณปิดบังเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับภรรยาของผมก็แล้วกัน”
“พูดถึงเรื่องนี้...ฉันก็ไม่ทราบจริงๆ ค่ะว่าเหยื่อของอุบัติเหตุเมื่อสองปีก่อนจะเป็นภรรยาของคุณ เพราะเรื่องที่คุณมีภรรยา คุณไม่เคยบอกกับฉันเลย”“ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เรากำลังทำกันอยู่นี่ ผมก็ไม่เห็นความสำคัญที่จะต้องบอก”
“แต่ตอนนี้มันกำลังเกี่ยวข้องกัน และถ้าคุณจัดการไม่ได้ ฉันจะขอเด็กของฉันคืนค่ะ”“ได้ตามที่คุณขอ สำหรับผม เด็กนั่นก็ไม่ได้สำคัญอะไรอยู่แล้ว แค่อาหารว่างเท่านั้น”
“เอาเถอะค่ะ จะอาหารว่างที่คุณกินจนเบื่อหรืออาหารจานหลักที่อยากจะกินต่อไปตลอดชีวิต ยังไงหลังจากจบเรื่องนี้ เพี้ยนก็จะเป็นของฉันอยู่ดี ส่วนคุณก็จะได้เลิกฝันร้ายกับเรื่องที่ผ่านมาเสียที ถือว่าวินๆ กันทั้งสองฝ่าย เพราะฉะนั้น...อย่าทำให้เด็กของฉันหลงรักจนโงหัวไม่ขึ้นนะคะ ไม่อย่างนั้นมันจะยากในการดึงเขากลับมา”“เอ...เรื่องนี้ผมก็ไม่รับปากหรอกนะ เด็กของคุณอาจจะติดใจจนไม่อยากกลับไปหาคุณก็ได้”
“ฉันคาดว่าเพี้ยนคงแตกต่างจากพี่สาวของเขามากทีเดียว เขาคงต่างจากเด็กผู้หญิงที่เคยเดินตามคุณต้อยๆ คุณคิดอย่างนั้นไหม”“ผมยังมองไม่เห็นความต่าง”
“คุณก็แค่ไม่ยอมรับความจริง”เสียงหัวเราะของคู่สนทนาทำให้ไร้พ่ายเหยียดยิ้ม เพื่อนสนิทที่พ่อของเขาอยากจะได้มาเป็นลูกสะใภ้นั้นรู้ใจเขาดีพอๆ กับเพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆ
“คุณเป็นเพื่อนที่ดีนะคุณกิ๊ฟ และขอบคุณที่คอยทำตามคำขอของผมมาตลอด หวังว่าในอนาคตเราคงจะไม่มาเป็นศัตรูกันซะเอง”
“ตราบใดที่คุณยังมองเพี้ยนว่าเป็นอาหารว่าง มิตรภาพของเราจะยังคงอยู่ค่ะ และฉันก็ขอบคุณเช่นกันที่คำขอของคุณทำให้ฉันได้เจอกับผู้ชายที่ฉันรัก”“ยังคงหนักแน่นเหมือนเดิมเลยนะครับ หัวใจของคุณน่ะ”
“ก็เหมือนกับคุณที่ลืมใครบางคนไม่ได้นั่นแหละค่ะ”“เรียกว่าความทรงจำที่ไม่คิดจะลืมดีกว่าครับ”
“เถียงไม่เคยชนะคุณเลยสักที เอาเถอะค่ะ สองเดือนนะคะ มากกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ แล้วก็ระวังมาวินไว้ด้วย คราวนี้ฉันคงต้องขอให้คุณช่วยดูแลคนรักของฉันเหมือนกันนะคะ ฝากความคิดถึงถึงเกมกับเอด้วย ถ้าฉันว่างจะไปเจอที่เชียงรายค่ะ”“ได้ตามที่คุณขอ” แม้จะรู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยกับคำว่า ‘คนรักของฉัน’ แต่ก็ยังกัดฟันตอบกลับไป คนรักบ้าอะไรแม่คุณ นอนกกกอดบอกรักเขาทุกวันน่ะ...คิดว่ายังจะได้กลับไปอีกเหรอ...
คิดง่ายไปแล้วคุณกิ๊ฟ
“พี่พ่าย! พี่หายไปไหนมา!”
ผมอยากจะทึ้งหัวเขาสักสิบครั้ง ตามด้วยฟันศอก ตีเข่า เอาให้สาแก่ใจกับการที่ผมต้องนั่งรออย่างกระวนกระวายอยู่หลายชั่วโมง เพราะหลังจากอาบน้ำด้วยกันเสร็จ กลับมาที่เตียงก็นอนหลับไปด้วยกันทั้งคู่ แต่ตอนตื่นมาข้างกายผมกลับว่างเปล่า ผมรออยู่หลายชั่วโมง โทรหาเขาก็ไม่รับ แล้วนี่เพิ่งกลับมาเอาตอนห้าทุ่ม!
“ทำไมยังไม่นอน?”
“ตอบคำถามผมมาก่อน พี่หายไปไหนมา!”
“จะโวยวายทำไมล่ะนั่น”
“ก็ผมรออ่ะ รออยู่หลายชั่วโมงเลยนะ โทรหาก็ไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่ตอบ ข้อความมาบอกก็ไม่มี” ผมโวยวายใส่เขาเต็มที่ ก่อนจะเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นตาดุๆ ของเขา “เป็นห่วงมากเลยนะ”
“หึ ไหนดูหน้าคนเป็นห่วงใกล้ๆ หน่อย”
“ไม่ต้องมาพูดดีเลย! ผมยังไม่ได้กินข้าวด้วยซ้ำ หิวมากด้วย เพราะพี่คนเดียว!”
“เอ้า โง่ไม่กินเอง เสือกมาโทษกูอีก”
“พี่พ่าย!” ผมทุบไหล่เขาไปสองสามที ก่อนแขนจะโดนจับไว้
“ป่ะ พาไปกิน”
“ไม่ไป”
“จะไปดีๆ ไหม”
“พี่พ่ายอ่ะ!”
“เป็นเด็กรึไง งอแงอยู่ได้”
“ยี่สิบห้าแล้ว! ปีเบญจเพศด้วย!”
“หึ แต่อายุสมองนี่เด็กแรกเกิด” พี่พ่ายพูดยิ้มๆ แล้วก้มลงมาจุ๊บริมฝีปากผม
“พ่ายอปป้าคนบ้า!! ผมโกรธอยู่นะ ไม่ต้องมาจูบเลย!”
“ง้อไง”
“ไม่หาย”
“เดี๋ยวคืนนี้ดูซีรีย์เป็นเพื่อน”
“...”
“ให้นอนหนุนแขนด้วย”
“จะ...จริงๆ เหรอ”
“ครับ”
“งั้นหายก็ได้”
“หึหึ ป่ะ แต่งตัว ไปกินข้าว”
“ไปกินที่ไหนอ่ะ ป่านนี้ห้องอาหารเขาก็ปิดหมดแล้วดิ”
“ลืมแล้วเหรอว่ากูเป็นใคร”
แหม...ผมก็ลืมไปว่ากำลังพูดกับลูกชายเจ้าของรีสอร์ท มันน่าหมั่นไส้จริงๆ ให้ตาย!
ผมแต่งตัวอย่างรวดเร็ว น้ำท่าอะไรไม่ต้องอาบมันหรอกครับ เดี๋ยวไม่ทันใจป๋าพ่ายเขาจะเกิดเปลี่ยนใจไม่พาไปกิน ไอ้ตอนที่นั่งรอนี่ก็ไม่หิวหรอก มันกระวนกระวายไปหมด แต่ตอนที่ได้เห็นหน้าเขาว่ากลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว ความโล่งอกก็ทำให้กระเพาะประท้วงขึ้นมา
“พี่พ่าย พรุ่งนี้อย่าลืมนะ”
“อะไร?”
“โธ้ววว ลืมแล้วจริงๆ ด้วย”
“พูดให้รู้เรื่องดิ”
“ก็ที่บอกจะพาไปเที่ยวไง!”
“เคยพูดเหรอ”
“พี่พ่ายทำไมเป็นคนแบบนี้เนี่ย”
“หึหึ”
“ชอบแกล้งอ่ะ”
“อย่าทำหน้างอดิ”
“ก็พี่พ่าย...” จู่ๆ เขาก็หยุดเดินแล้วโน้มหน้าลงมาจูบผม กลางทางเดินเลยนะ! แถมนี่มันหน้าฟร้อนด้วย พนักงานก็อยู่กันหลายคน
ผมใช้มือดันอกเขาเล็กน้อย ในขณะที่ริมฝีปากก็โดนเขาขบงับไม่หยุด
“หน้าแดงไปถึงหูแล้ว” เขากระซิบ กัดแก้มผมเบาๆ แล้วผละออกไป
“อยากกินพี่แทนข้าวเหรอครับ”
“พี่พ่ายบ้า!”
ผมเขินจะตายอยู่แล้ว ทำไมเขาชอบทำแบบนี้อยู่เรื่อยเลย หัวใจต้องแกร่งแค่ไหนถึงจะต้านทานกับเสน่ห์ของเขาได้ผมก็ไม่รู้ รู้แต่เพียงว่าตอนนี้...ผมไม่สามารถต้านทานเขาได้เลย
“เพี้ยน” เสียงทุ้มและละมุนมาก
“ไม่ต้องเรียกเลย”
“เพี้ยน” แถมยิ้มด้วยอีก
“พี่พ่ายหยุดนะ”
“เพี้ยน” คราวนี้ยังดึงมือผมไปจับไว้
“พี่พ่ายอ่า...”
“เพี้ยนครับ”
“ยอม...ยอมแล้ว”
“หึ เด็กโง่” เขากระตุกยิ้มอีกครั้ง ขยิบตาให้ผม ก่อนจะลูบหัวผมเบาๆ “อยากกินอะไร”
“อะไรก็ได้ แล้วแต่พี่พ่าย”
“ถ้าแล้วแต่พี่...คืนนี้เพี้ยนจะไม่ได้นอนนะ พี่จะให้กินจนอิ่มเลย”
“ไม่...ไม่เอา พรุ่งนี้จะไปเที่ยวไง ไม่ได้นอนก็อดไปเที่ยวกันพอดี งั้นเอาข้าวไข่เจียวก็ได้”
“โอเค ไปรอที่ห้องอาหาร เดี๋ยวตามไป”
“เร็วๆ นะ”
“อืม”
พี่พ่าย...ใจดีกับผมมากขึ้นทุกวันเลย ถ้าเป็นอย่างนี้...แม้ไม่ใช่ที่หนึ่งผมก็ไม่เป็นไรแล้ว มีความสุขแค่เฉพาะตอนที่เราอยู่ด้วยกันสองคนก็พอ
‘พี่พ่าย...ผมรักพี่จนไม่รู้จะรักยังไงแล้ว ขอบคุณนะที่เลือกผม’
ผมส่งไลน์ไปหาพี่พ่าย...เพราะความรู้สึกที่มีอยู่ในตอนนี้มันมากจนผมไม่สามารถพูดออกไปได้ และหวังว่าผมจะส่งมันไปถึงหัวใจของพี่พ่ายเสียที...
ต่อให้ผมจะคิดว่าที่ผ่านมาเป็นเหมือนความฝัน...เหมือนเรื่องโกหกมากกว่าเรื่องจริง แต่ทุกครั้งที่ผมสัมผัสได้...นั่นก็คือความรู้สึกจริงที่พี่พ่ายมีให้...เพราะผมเชื่อว่าไม่มีใคร...ฝืนใจอยู่กับคนๆ หนึ่งได้หรอกหากไม่ได้รู้สึกอะไรจริงๆ
อย่างน้อยที่สุด...พี่พ่ายก็ต้องรู้สึกอะไรกับผมบ้าง...
“ส่งอะไรมา”
พี่พ่ายกลับมาแล้ว เขากลับมาพร้อมรอยยิ้มกวนๆ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับที่นั่งของผม
“คำสารภาพรัก”
“มึงก็บอกทุกคืน”
“แต่ครั้งนี้มันพิเศษนี่นา”
“ยังไง”
“ก็ผมรู้สึกแบบ...เขินอ่ะ เขินมากๆ เขินจนไม่กล้าบอก”
“หึ เด็กน้อย”
“อือ ก็เป็นเด็กน้อยของพี่พ่ายไง”
บรรยากาศดีจัง ดีจนผมนึกไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นระหว่างผมกับเขา เพราะพอนึกย้อนไปในวันที่ได้เจอกันครั้งแรก ผมก็ไม่คิดว่าจะมีวันนี้
“พ่าย”
“ครับ”
“อยู่ด้วยกันตลอดไปเลยได้ไหม”
ผมอยากให้เขาตอบกลับมาว่า ได้... อยากให้เขารับปากว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่คำตอบที่ผมได้รับ...มีเพียงความเงียบงันที่น่าเจ็บปวดใจจากเขาเท่านั้น
หรือจนถึงตอนนี้...ก็ยังคงมีแต่ผม...ที่หลงรักเขาอยู่ข้างเดียว
........................................................TBC.......................................................
จากนิสัยของพี่พ่าย ก็น่าจะเดากันได้ว่าจะออกมาในรูปแบบนี้ พี่พ่ายเขาไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น ดูจะปลงได้มากกว่าเพี้ยนที่บ้าๆ บอๆ เสียอีก เราพยายามให้เห็นมาตลอดว่าเขาจะปกป้องตัวเองมากกว่าไปไล่แก้แค้นคนอื่น

ปล. มาวินมานี่มา...เดี๋ยวทำแผลให้