เวลาสิบเอ็ดนาฬิกา ณ ร้านอาหารไทยบรรยากาศดี ริมแม่น้ำสายหนึ่งของจังหวัดเชียงราย
“นายครับ ผมไม่เห็นประโยชน์อะไรเลยนะครับที่นายยังเล่นกับมันต่อ” เสียงของมาวินเจือไปด้วยความหงุดหงิด เขาแทบระงับอารมณ์ของตัวเองไว้ไม่อยู่
ไร้พ่าย...เจ้านายที่เก่งกาจของเขา ออกคำสั่งแค่ให้เขาจับตาดูไอ้เด็กเวรนั่นไว้ สร้างความขุ่นเคืองใจที่จะแสดงออกมากก็ได้ ...หมดจากตัวพี่สาว ก็เป็นตัวน้องชายของมันเข้ามาอีก...จะตามรังควานกันไปถึงเมื่อไหร่
“นี่เป็นการตัดสินใจของผม” ไร้พ่ายกล่าวอย่างสงบ สบตากับคนสนิทที่เป็นทั้งเพื่อนและพี่น้องด้วยแววตาเครียดขรึม “ไม่เกี่ยวกับคุณ”
มาวินกำหมัดแน่น มองเสี้ยวหน้าของผู้ชายที่เขาเคารพนับถือด้วยความกังวล
“ผมเชื่อมั่นในตัวของนายเสมอ แต่ผมอยากจะเตือนว่า...ขอนายอย่าได้ลืม น้องสาวที่แสนสำคัญของผมนะครับ” คำพูดของมาวิน ทำให้ร่างกายกำยำตรงหน้าของเขาเกร็งตัวขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาที่ถูกสะกิดให้หวนนึกถึงใครบางคน เจือไปด้วยความอ่อนโยน ดวงตาคมดุฉายแววโศกออกมาแค่เพียงไม่กี่วินาทีก็เลือนหายไป
“แน่นอนมาวิน” น้ำเสียงเข้มจริงจัง ดวงตาคู่สวยทอดมองไปยังฟ้าเบื้องนอกหน้าต่างของร้านอาหารชื่อดังด้วยความครุ่นคิด “ใครจะลืม”
วาจานั้นหนักแน่นเกินกว่าที่มาวินจะคิดสงสัย ถ้าเป็นอย่างนี้เขาก็เบาใจ...ไม่ต้องมานั่งปวดหัวคิดหาวิธีกำจัดใครอีก
มาวินนั้นมีน้องสาวที่แสนอ่อนโยนอยู่หนึ่งคน แม้หลังจากที่พ่อแม่ของพวกเขาจะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ น้องสาวที่น่ารักก็ยังคงมีรอยยิ้มที่อบอุ่นเสมอ มันทำให้เขามีกำลังใจที่จะดิ้นรนกับชีวิตที่ไม่มีญาติฝ่ายไหนของพ่อกับแม่รับอุปการะ แต่ด้วยความน่ารักและอ่อนโยนของเธอทำให้มีตระกูลของมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาขอรับอุปการะ ชีวิตของพวกเขาเริ่มต้นขึ้นใหม่ตั้งแต่นั้นมา พวกเขาทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเมื่อได้เข้าไปอยู่ในบ้านหลังใหม่ ก็ทำให้ได้รู้จักกับลูกชายของผู้มีพระคุณ การได้รู้จักกับเด็กผู้ชายอายุเท่ากันทำให้หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และยิ่งได้รู้จักก็รู้เลยว่ามีความต่างชั้นกันมากเกินกว่าจะเป็นเพื่อนกันได้ อย่างเขา...คงเป็นได้แค่ลูกไล่ของไร้พ่ายก็เท่านั้น
เขาและไร้พ่ายเติบโตขึ้นพร้อมกัน เข้าโรงเรียนแห่งเดียวกัน มีความสนใจเหมือนๆ กัน หรือจะว่ากันตามจริงแล้ว เขาทำตามไร้พ่ายทุกอย่าง ชีวิตของเขาถูกกำหนดให้ติดตามผู้ชายคนนี้ไปแล้วตั้งแต่ตอนเด็ก แม้พ่อบุญธรรมจะไม่สบายใจนักที่เห็นเขาเป็นแบบนี้ คงเพราะเขายึดติดกับไร้พ่ายมากเกินไปจนไม่มีชีวิตและความชอบเป็นของตัวเอง ไร้พ่ายสำหรับเขาก็คือผู้ชายที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ไม่เคยมีคำว่าผิดพลาดในพจนานุกรมของไร้พ่าย แม้ใครต่อใครจะบอกว่าไร้พ่ายเป็นคนหลงทิศก็ตามที แต่เขาก็ยังปิดหูปิดตาไม่รับรู้ความจริงในข้อนั้น ...ความสมบูรณ์แบบนี้จะไม่มีอะไรมาทำให้ด่างพร้อยได้
ครั้งหนึ่งพ่อบุญธรรมได้พูดกับเขาว่า
‘วินควรจะมีความฝันของตัวเองได้แล้วนะลูก การเอาแต่ตามพ่าย จะไม่เป็นผลดีกับตัวลูกเลยนะ เลือกในสิ่งที่ลูกชอบและอยากจะเป็นมัน’ ‘แน่นอนครับพ่อ...แน่นอนว่าผมก็มีความฝันของผม และจะทำมันให้สำเร็จครับ’ความฝันของเขา...ก็คือการได้เฝ้ามองความสมบูรณ์แบบนี้ไปตลอดกาล...
แม้ว่าในบางครั้ง...จะมีพวกแมลงตัวเล็กๆ มาทำให้ไร้พ่ายรำคาญใจไปบ้าง แต่มาวินก็คอยกำจัดแมลงเหล่านั้นให้พ้นทาง อะไรที่จะเป็นการขวางทางของผู้ชายที่ชื่อไร้พ่าย เขาก็จะเป็นคนกำจัดให้เอง
‘พี่คะ...ฉันท้อง’แต่สำหรับมาวินแล้ว...ก็ยังมีแมลงที่เขาไม่สามารถกำจัดได้อยู่เหมือนกัน... แมลงที่มีศักดิ์เป็นถึงน้องสาวของเขา
‘ท้อง! ท้องกับใคร! ทำไมถึงทำงามหน้าอย่างนี้!’ เขาอยากจะตีเธอให้ตายจริงๆ ทำไมเธอถึงท้องทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงาน เธอเป็นเด็กเรียบร้อยและยังไม่มีแฟนเลยด้วยซ้ำ แต่เธอท้อง! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เธอกำลังจะทำให้ตระกูลของผู้มีพระคุณต้องเสื่อมเสีย
จำได้ว่าตอนนั้นเขาโมโหแทบลุกเป็นไฟ แต่สุดท้าย...ก็เหมือนโดนน้ำเย็นๆ สาดเข้าใส่ เมื่อเธอสารภาพว่าเธอท้องกับผู้ชายที่เปรียบเสมือนงานศิลปะชั้นเยี่ยมของเขา...ไร้พ่าย
‘นายครับ น้องสาวของผม...เธอ...’‘เธอบอกเรื่องนี้กับผมแล้ว’ไม่เคยมีครั้งไหนที่มาวินอยากจะต่อยใบหน้าราบเรียบเท่าตอนนั้นเลยสักครั้ง แม้ไร้พ่ายจะมีความสำคัญกับเขามากมายเพียงใด แต่ก็ไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับน้องสาวที่เป็นสายเลือดเดียวกันเลยสักนิด เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าทั้งสองคนจะมีความสัมพันธ์กันในเชิงชู้สาว เขารู้ว่าน้องสาวของเขาแอบหลงรักไร้พ่ายที่เป็นชายในฝันของเธอมาตลอด แต่สำหรับไร้พ่ายแล้ว...เขาไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้รู้สึกอย่างไร
‘ไม่น่ามีปัญหาอะไร’ความเย็นชาของไร้พ่าย...ทั้งน่ากลัวและเหน็บหนาว มาวินไม่เชื่อกับคำว่า ‘ไม่น่ามีปัญหาอะไร’ เพราะยังไงมันคงต้องมีปัญหาขึ้นมาแน่ๆ อย่างน้อย...การตอบคำถามของพ่อบุญธรรมก็คงจะเป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง
แต่สุดท้าย...ตราบจนวันนี้ พ่อบุญธรรมของเขาก็ยังไม่รู้ว่าใครที่เป็นแม่ที่แท้จริงของแฝดสาม ไร้พ่ายไม่เคยเปิดปากพูดอะไร ในขณะที่เขา...ก็ปิดปากเงียบโดยไม่เรียกร้องให้กับน้องสาวของเขาเลยสักครั้ง น้องสาวที่น่ารักถูกสร้างข่าวบิดเบือนความจริงว่าไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศตามความต้องการของเธอเอง เพราะเธอไม่อยากให้พ่อบุญธรรมผิดหวังในเรื่องเสื่อมเสียพวกนี้ พี่น้อง...แม้จะคนละสายเลือด แต่ก็เป็นในทางกฎหมาย กลับทำเรื่องงามหน้า อาจจะส่งผลไม่ดีต่อชื่อเสียงของวงตระกูลและอาจกระทบไปถึงธุรกิจ แม้ไร้พ่ายจะบอกว่าเขาไม่สนใจ แต่เธอก็ขอร้องเอาไว้
ไร้พ่ายผู้ไม่เคยโอนอ่อนให้ใคร กลับตามใจเธอ เขาได้เห็นอีกมุมของผู้ชายที่เคยคิดมาตลอดว่าขาดความอ่อนโยน แต่สำหรับคนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว ไร้พ่ายก็ทำได้ดี และทุกอย่างคงจะดีกว่านี้ ถ้าไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น
หลังจากคลอดลูกได้ไม่กี่เดือนเธอก็ถูกรถชนซึ่งก็ยังตามหาตัวคนขับไม่ได้และจนถึงตอนนี้เธอก็ยังนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราโดยที่ไม่มีใครทราบเรื่องนอกจากเขากับไร้พ่าย ในตอนนั้น...เขาได้เห็นไร้พ่ายผู้ไม่เคยแสดงสีหน้าอื่นใด...หวั่นไหวเป็นครั้งแรก ผู้ชายที่ไม่เคยพูดคำว่ารักเลยสักครั้ง แต่กลับแสดงออกให้เห็นในตลอดเก้าเดือนว่าเขาพร้อมจะเป็นพ่อและสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเธอ...
มาวินเจ็บปวดมากแค่ไหน...ไร้พ่ายก็คงจะเจ็บกว่าเป็นหลายร้อยเท่า ไร้พ่ายเลี้ยงลูกแฝดของเขาเพียงลำพัง เด็กๆ อยู่ที่โรงพยาบาลเป็นส่วนใหญ่ อยู่ข้างๆ เตียงของแม่ที่ไม่เคยลืมตาตื่นขึ้นมาแม้สักครั้ง เรื่องราววนเวียนอยู่อย่างนั้นตลอดหนึ่งปี...แต่ด้วยภาระหน้าที่ที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันเมื่อได้รับตำแหน่งรองประธานกรรมการ ไร้พ่ายจึงส่งลูกๆ ของเขาให้ไปอยู่ในความดูแลของพ่อบุญธรรม ผู้ชายที่ยิ้มแย้มเสมอ รับกับปัญหาโดยไม่ไถ่ถามอะไร แม้จะมีมากระซิบถามกับมาวินอยู่บ้าง แต่มาวินก็ไม่เคยให้คำตอบ เขาเคารพการตัดสินใจของไร้พ่ายและน้องสาว ...และหน้าที่ของเขา...ก็มีแค่ต้องปกป้องสิทธิ์ในการยืนเคียงข้างไร้พ่ายเท่านั้น ...ปกป้องจนกว่าน้องสาวของเขาจะตื่นขึ้นมา และไม่ว่าจะต้องกำจัดใคร...เขาก็ไม่เกรงกลัว
“มันยังไม่รู้ใช่ไหมครับ...เรื่องดวงตา” มาวินเปิดบทสนทนาอีกครั้ง เขายกน้ำขึ้นจิบแล้วเฝ้ารอคำตอบ
“ยัง”
“ถ้าตามความเห็นของผมแล้ว มันก็แค่ไอ้บ้าคนหนึ่งเท่านั้น ผมไม่คิดหรอกว่ามันจะมาตามหานายเพราะดวงตาของพี่สาวมัน มันไม่เคยเห็นหน้านายมาก่อนเลยนี่ครับ”
ถ้าเป็นใบหน้าของเขา...ไอ้เด็กนั่นอาจจะพอจำได้ แต่สำหรับเจ้านายของเขาแล้ว...เป็นไปไม่ได้ที่มันจะเคยเห็นและดับเครื่องชนเข้าใส่ด้วยพฤติกรรมมุ่งหวังอะไรบางอย่างแบบนี้
ในขณะเรียนมหาวิทยาลัย ไร้พ่ายเคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้สูญเสียการมองเห็น และนั่นเป็นความผิดพลาดที่สุดในชีวิตของไร้พ่าย มันเป็นเรื่องเมื่อหลายปีก่อน แต่มาวินก็ยังจำได้ดี ไร้พ่ายที่อ่อนแอแบบนั้น...ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากเห็น และนั่นก็ทำให้เขาตัดสินใจ...แย่งชิงของจากศัตรู แต่ถ้าเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการมา ก็ต้องยอมขายวิญญาณให้กับปีศาจ ...ใครจะยอมปล่อยให้ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบอย่างไร้พ่าย ที่เป็นเหมือนแสงสว่างนำทางให้ชีวิตของเขา...ต้องทุกข์ทรมานอยู่ในโลกที่มืดมิดอย่างนั้นกัน
“ไม่อยู่ในความประมาท” ไร้พ่ายเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “นั่นคือวิธีของผม”
แม้ไร้พ่ายจะไม่รู้ถึงความต้องการที่แท้จริง...แต่เขาก็เคยลั่นวาจาไว้แล้วว่า...เด็กนั่นจะไม่มีวันได้อะไรไปจากเขา คนโง่ๆ ที่เดี๋ยวนี้ก็เหมือนจะหลงลืมความต้องการเมื่อครั้งแรกอย่างมัน อีกไม่นาน...ก็คงคายทุกอย่างที่มันซ่อนไว้ออกมา ...ทาสของความรักน่ะน่ากลัว...เปลี่ยนคนฉลาดให้เป็นคนโง่มาแล้วนักต่อนัก ถึงตอนที่หัวใจของมันอยู่ในกำมือของเขาอย่างหมดซึ่งความคลางแคลงใจ...แม้จะสั่งให้มันไปตาย มันก็อาจจะยอม
“เราอาจจะระแวงเกินไปก็ได้นะครับนาย”
ไร้พ่ายไม่ได้คิดเหมือนมาวิน แม้เขาจะได้รับการยืนยันจากทางโรงพยาบาลว่าเธอคนนั้นยินยอมบริจาคดวงตาให้ แต่เขาก็รู้สึกราวกับได้ไปแย่งชิงมันมา คงเพราะมีความจริงบางอย่างที่เขาบังเอิญได้รู้เข้าก็เป็นได้ มันเป็นความจริงที่ทำให้เขาต้องคิดทบทวนเกี่ยวกับตัวของลูกน้องคนสนิทหลายต่อหลายครั้ง...อีกทั้งความคิดที่ว่าของอย่างเดียวที่ไม่ใช่ของเขามาตั้งแต่เกิด...สร้างความไม่สบายใจได้ทุกครั้งที่ได้มองสบตากับเด็กนั่น... เพี้ยนบอกว่าชอบดวงตาของเขาทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเป็นของพี่สาวมัน ความหลงใหลที่น่ากลัวนั้นทำให้คนระดับไร้พ่ายถึงกับตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หลายต่อหลายครั้งที่เขาอยากจะจับมันทรมานแล้วเค้นถามว่าต้องการอะไรจากเขา ทำไมถึงเข้ามาตีสนิท แต่ก็คิดได้ว่าคนที่กล้าทำเรื่องบ้าๆ อย่างมันคงไม่มีวันเปิดปากพูดอะไรออกมาง่ายๆ แน่ เพราะฉะนั้นแล้ว...เขาถึงต้องใช้วิธีที่โหดร้ายกับทั้งมันและตัวเขาเอง วิธีที่ถ้าฝ่ายไหนเพลี้ยงพล้ำ ก็คงต้องเจ็บปวดทรมานเจียนตาย
และฝ่ายที่เพลี้ยงพล้ำ...จะไม่มีวันเป็นเขา
“ก็ต้องมาว่ากันอีกที”
คนที่พุ่งเข้ามาโดยไร้จุดประสงค์...ก็มีแต่คนบ้าเท่านั้น และเขาก็หวังว่ามันจะเป็นแค่คนบ้า
“ครับ...ว่าแต่...นายครับ นายไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันใช่ไหมครับ”
ไร้พ่ายเลิกคิ้วให้กับคำถาม ก่อนจะยกกาแฟที่ใส่น้ำตาลมากเกินพอดีขึ้นจิบ
“จะให้รู้สึกอะไร”
“ก็อย่าง...หวั่นไหว ชอบ หรือ...รัก” มาวินถามอย่างตรงไปตรงมา ในขณะที่สายตาก็จับจ้องไปยังรูปหน้าดูดีของไร้พ่าย “ผมเห็นนายมีความสุขอยู่กับมันแล้ว...รู้สึกเป็นกังวล”
“ไม่มีอะไรที่คุณต้องเป็นกังวลหรอกมาวิน” ไร้พ่ายตอบอย่างสงบ “เพราะผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร”
มาวินเหยียดยิ้มยินดี แล้วเริ่มลงมือทานอาหารที่พนักงานทยอยมาเสิร์ฟจนครบทุกเมนูที่สั่งไปแล้ว
ถ้าเป็นอย่างที่เจ้านายพูดก็ดี...เขาจะได้ไม่ต้อง...กำจัดใครอีก
.......................................................TBC.......................................................
เราเปิดเผยอดีตของพี่พ่ายไปแล้ว แต่ยังมีจุดร่วมบางอย่างของตัวละครที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะฉะนั้นอย่ารีบร้อน เป็นกำลังใจให้เพี้ยนดีกว่าค่ะ
สำหรับไร้พ่ายนั้น...เขาเป็นลาสท์บอสที่ไม่ได้ล้มกันง่ายๆ แตกต่างจากพี่โปรดตรงที่เขาเคยคิดจริงจังกับใครสักคน แตกต่างจากเฮียทองตรงที่ เขาไม่ได้มาจากครอบครัวที่อบอุ่น ไร้พ่ายชื่นชอบฮีโร่มาตั้งแต่เด็ก และพ่อก็ไม่อาจเทียบเคียงกับฮีโร่ได้ ในสายตาของไร้พ่าย พ่อก็เหมือนคนติ๊งต๊อง ซึ่งกับเฮียทองที่ให้เตี่ยเป็นไอดอลนั้นแตกต่างกันมาก และแตกต่างจากพี่เมลตรงที่ เขาไม่ใช่คนดีค่ะ (คำว่าเมลนั้นบรรยายออกมามากไม่ได้จริงๆ นอกจากพี่ดี ดี และดี๊ดี)
สำหรับเพี้ยน...ยิ่งระยะเวลาเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่...เพี้ยนยิ่งเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น เริ่มแรกเขาอาจจะมีเชือกที่ทั้งเหนียวทั้งทนใช้ในการปีนหน้าผาสูง แต่ตอนนี้มันกลับขนาดความคงทนขึ้นเรื่อยๆ การที่จะไม่ตกลงไปตายด้วยความสูงที่ปีนได้ ก็มีแต่ต้องเปลี่ยนเชือกเส้นใหม่เท่านั้น
ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ แต่เพิ่งจะได้หยุดจริงๆ
เดี๋ยวพี่พ่ายของเราก็ใจอ่อน ขอให้เชื่ออย่างนั้น