ตอนที่ 17เสียงคลื่นและลมจากท้องทะเลทำให้ผมรู้สึก....เซ็งมาก เหนียวตัวชิบหาย แถมยังโคตรรำคาญเสียงคลื่นซัดฝั่ง มันฟังดูน่าขนลุกยังไงก็ไม่รู้
ผมมาถึงรีสอร์ทที่พี่กิ๊ฟบุ๊คห้องไว้เกือบๆ ห้าโมงเย็น วิวสวยมากก็จริง แต่ผมไม่ชอบทะเล ผมชอบแบกเป้ขึ้นดอยไปตั้งแคมป์รับอากาศดีๆ บนยอดเขาสูงๆ มากกว่า
“เพี้ยน ไปอาบน้ำกันค่ะ” พี่กิ๊ฟเดินเข้ามาสวมกอดผมจากข้างหลัง “อาบน้ำเสร็จจะได้ไปดินเนอร์กัน พี่จองโต๊ะที่ห้องอาหารไว้แล้ว”
“พี่กิ๊ฟไปอาบก่อนเถอะครับ ผมยังอยากรับลมทะเลอีกสักหน่อย”
ผมแกะมือพี่กิ๊ฟออกจากตัว ก่อนจะล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกง ปลดล็อคเพื่อเช็คดู ก็ยังไม่มีข้อความอะไรตอบกลับมา ทั้งๆ ที่ไลน์ไปหาพี่พ่ายเป็นร้อยๆ ข้อความแล้ว
“พี่เห็นเอาแต่ดูมือถือ มีอะไรน่าสนใจในนั้นเหรอคะ”
“เปล่าหรอกครับ พี่กิ๊ฟไปอาบน้ำเถอะ”
ผมเก็บมือถือไว้ตามเดิม เดินเลี่ยงพี่กิ๊ฟมานั่งที่โซฟา เปิดทีวีดูหารายการมาแก้เซ็ง พี่พ่ายต้องไปหานังน้องเดียร์แน่ๆ ไลน์ไปไม่ตอบ โทรหาก็ไม่รับสายอย่างนี้ แล้วไอ้ที่บอกว่า ‘โทรมาด้วย’ นั่นมันคืออะไรวะ
“มีใครที่เชียงรายทำให้กังวลใจรึเปล่า รู้สึกเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว” พี่กิ๊ฟเอาแต่เซ้าซี้ถามแบบนี้ แต่ผมก็ได้แค่ชักสีหน้า ไม่ได้ให้คำตอบกลับไป
“เพี้ยน ถ้ามาแล้วดูไม่มีความสุขแบบนี้ กลับกันก็ได้นะคะ”
“พี่กิ๊ฟเป็นอะไรไปครับ” ผมขมวดคิ้วมอง “ปกติพี่ไม่งี่เง่าใส่ผมอย่างนี้นะ”
“เพี้ยนก็ไม่เคยเย็นชากับพี่อย่างนี้เหมือนกัน แค่พี่แตะเนื้อต้องตัวก็ทำเหมือนรังเกียจ เบื่อของเก่าๆ แล้วเหรอคะ”
ผมถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อๆ ถ้ารู้ว่ามาแล้วต้องทะเลาะกัน ใครมันจะอยากมา
“แล้วพี่จะเอายังไง” ผมถามกลับด้วยเสียงนิ่งๆ หยิบบุหรี่กับไฟแช็คขึ้นมาจุดสูบแก้เซ็ง “ผมก็อยู่ตรงนี้แล้ว ยังจะบ่นอะไรอีก”
“ตัวอยู่ตรงนี้ แล้วใจล่ะ อยู่ตรงนี้ด้วยไหม”
“ผมไม่อยากเถียงไร้สาระกับพี่นะ”
อย่ามาเพิ่มความหงุดหงิดให้ผม แค่พี่พ่ายไม่ตอบไลน์ไม่รับโทรศัพท์มันก็เครียดพออยู่แล้ว ยังจะต้องมานั่งฟังคำบ่นนั่นนี่อยู่ได้ น่ารำคาญ
“โอเค พี่จะไปอาบน้ำ แล้วเดี๋ยวเราลงไปกินข้าวกัน” สุดท้ายพี่กิ๊ฟก็เป็นฝ่ายยอมเหมือนทุกที
“ครับ”
ผมเดินออกมาที่ระเบียง จุดบุหรี่สูบเป็นมวนที่สอง พร้อมกับเช็คมือถือของตัวเองเป็นระยะ แต่ไร้การตอบรับจากไร้พ่าย เขามัวทำบ้าอะไรอยู่กันแน่... ไม่ว่าจะโทรไปเท่าไหร่ก็ไม่ยอมรับสาย
“ไปกันได้แล้วค่ะ” พี่กิ๊ฟออกจากห้องน้ำตอนที่บุหรี่มวนที่สามของผมหมดลง เธออยู่ในชุดเดรสสีขาว แต่งหน้าบางๆ แต่ก็ดูสวยหวานกว่าปกติ แม้ใบหน้าจะติดบึ้งตึง แต่ก็ยังเดินมาคล้องแขนผม
เฮ้อ เอาวะ ช่างหัวพี่พ่ายมันก่อนก็แล้วกัน ตอนนี้ผมต้องเซอร์วิสพี่กิ๊ฟเล็กๆ น้อยๆ ก่อน ทำอารมณ์เสียมากๆ เข้า เดี๋ยวอะไรที่อยากได้ มันจะไม่ได้กันพอดี
“ยิ้มหน่อยสิครับ” ผมก้มลงไปใกล้ใบหน้าหวานใส แล้วประทับจูบลงไปบนริมฝีปากอิ่ม พี่กิ๊ฟตอบรับแต่โดยดี เธอสอดแขนเข้ามาโอบตัวผมไว้ ขยับลิ้นตามลิ้นของผมอย่างถึงใจ
“ขมจัง” พี่กิ๊ฟคลี่ยิ้มน้อยๆ “ไม่ชอบเลยเวลาที่เพี้ยนสูบบุหรี่ เลิกไม่ได้เหรอคะ”
“ผมก็ไม่ได้สูบบ่อย” ผมดันตัวพี่กิ๊ฟไปติดผนังห้อง วิวสวยๆ อย่างนี้ก็อยากให้สาวสวยคนสำคัญของผมได้ลิ้มลองความสุขในรูปแบบใหม่เหมือนกัน ผมเริ่มไซ้ลำคอขาวๆ ของเธอเบาๆ ขบงับพอเป็นพิธีแล้วดุนลิ้นให้เกิดรอย “พี่สวยมากเลยครับ ผมขอโทษนะที่อารมณ์ไม่ดี”
“อื้ม ไม่เป็นไรค่ะ” พี่กิ๊ฟยกแขนขึ้นโอบรอบคอผม เอียงคอให้ผมสัมผัสได้ถนัด ผมลงลิ้นกับผิวเนื้อของเธอ สร้างเสียงครางในลำคอเบาๆ ก่อนจะใช้ริมฝีปากลากสายเดี่ยวเส้นบางของชุดเดรสให้หลุดออกจากไหล่
“เด็กบ้า เดี๋ยวชุดพี่ก็ยับกันพอดี อื้ออออ เพี้ยน อืมมม ต้องไปกินข้าวกันอีกนะคะ” แววตาที่สั่นระริกเพราะความต้องการของพี่...มันไม่ได้บอกผมเลยครับว่าพี่อยากกินข้าว
“แต่ผมอยากกินพี่กิ๊ฟมากกว่านี่ครับ”
เดรสตัวสวยถูกผมถกขึ้นจนเผยให้เห็นเรียวขาอ่อน ในขณะที่พี่กิ๊ฟเต็มใจยกขาข้างหนึ่งของเธอขึ้นเกี่ยวกับเอวของผม แต่ในจังหวะที่กำลังรูดซิบกางเกงลง เพื่อทำภารกิจพาสาวสวยตรงหน้าไปให้ถึงสวรรค์ เสียงเหมือนแก้วแตกหลายๆ ใบก็ดังขึ้นจากระเบียงห้องข้างๆ เหมือนมีใครจงใจขว้างมันออกมา พี่กิ๊ฟสะดุ้งโหยง กอดตัวผมไว้แน่น คงอายที่ตอนนี้ส่วนบนของเธอกำลังเปลือยเปล่า
“มีคนพักอยู่”
“คงงั้นครับ” น้องชายที่เตรียมออกศึกตอนนี้หงอจนไม่กล้าบุกประตูไหนแล้ว เพราะเสียงแก้วแตกเมื่อกี้แท้ๆ เชียว ไหนจะสายตาแปลกๆ จากหลังม่านนั่นอีก น่ากลัวชิบหาย
“ไปกินข้าวเถอะพี่ ผมไม่มีอารมณ์ละ”
“ก็ได้ค่ะ” พี่กิ๊ฟรับคำหน้าแดง “แต่ขอพี่เปลี่ยน เอ่อ...”
ผมรู้ว่าพี่กิ๊ฟจะเปลี่ยนอะไรก็เลยไม่ห้าม เพราะแฉะขนาดนี้ ไปนั่งเก้าอี้ก็คงเห็นเป็นรอยด่างดวงที่เดรสสีขาวเปล่าๆ
รอจนพี่กิ๊ฟเปลี่ยนชั้นในตัวเองเสร็จ ก็พากันเดินไปที่ห้องอาหาร บรรยากาศก็ดีครับ ถ้าไม่ติดว่าได้ยินเสียงคลื่นจนน่ารำคาญล่ะก็ ผมก็คงจะฟินกว่านี้ พี่กิ๊ฟเดินยิ้มแย้มอยู่ข้างๆ ผม ดูเธอมีความสุขมาก คงลืมเรื่องที่ทะเลาะกันไปหมดแล้วล่ะมั้ง ผู้หญิงก็งี้แหละ เดาทางได้ไม่ยาก
ดินเนอร์กับพี่กิ๊ฟที่ทะเลก็ไม่ต่างจากที่อื่นๆ ผมไม่ได้รู้สึกพิเศษ เพราะปกติเธอก็พามากินอาหารหรูๆ อยู่แล้ว แม้จะเปลี่ยนบรรยากาศก็ไม่ได้เปลี่ยนความรู้สึกผมแต่อย่างใด อาหารก็เป็นตามสไตล์ ไวน์และสเต็ก ผมกินไปได้นิดหน่อย เสียงไลน์ก็ดังเตือนขึ้นมา ก็เลยรีบหยิบมือถือขึ้นมาดู
‘ส่งอะไรมาเยอะแยะ’
แค่ข้อความสั้นๆ ผมก็ยิ้มกว้างแล้ว เพราะนึกหน้าไร้พ่ายออกเลยว่าคงจะกำลังหงุดหงิดอยู่แน่ๆ
‘คิดถึงนี่นา แถมพี่ยังไม่ตอบด้วย แล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์’
‘ทำงาน’
‘ทำงานอะไรวันหยุดอ่ะ ไหนบอกมาหน่อยซิ’
พี่พ่ายพิมพ์สัญลักษณ์หยาบคายตอบกลับมา แต่มันกลับทำให้ผมหัวเราะ
“อารมณ์ดีจังเลย มีเรื่องอะไรดีๆ รึเปล่าคะ” พี่กิ๊ฟถามยิ้มๆ เธอยกไวน์ขึ้นจิบแล้วมองมาทางผมด้วยแววตาปรารถนาในบางอย่าง และผมรู้ว่าคืออะไร อดทนรอนะครับ เพราะยังไงคืนนี้ผมก็ตั้งใจจะจัดให้อยู่แล้ว
“ก็นิดหน่อยครับ...งั้นผมออกไปโทรศัพท์แป๊บนะ พี่กิ๊ฟทานไปก่อนนะครับ”
“แต่เพี้ยนยังทานไปแค่นิดเดียวเองนะ ทานให้อิ่มก่อนค่อยไปโทรก็ได้ หรือว่าสายสำคัญ?”
“โธ่ อย่ายิงประเด็นให้ต้องทะเลาะกันสิครับ” ผมลุกเดินไปยืนข้างๆ พี่กิ๊ฟ แล้วก้มลงหอมแก้มเธอเบาๆ “ผมไปคุยแป๊บเดียว แล้วถ้ากลัวผมกินไม่อิ่ม คืนนี้พี่ก็ให้ผมกินจนพอใจสิครับ”
“เด็กบ้า...”
“เดี๋ยวมานะครับคนดี”
“ค่ะ”
เรื่องง่ายๆ สำหรับผู้ชายในการหว่านล้อมผู้หญิง ระดับผมทำได้อยู่แล้ว ยิ่งผู้หญิงที่รู้สึกพิเศษกับเราด้วย ยิ่งไม่ใช่ปัญหา
ผมเดินออกมาจากห้องอาหาร หามุมสงบๆ เพื่อโทรหาพี่พ่าย กดโทรหาแล้วรอสายอยู่ไม่นาน เขาก็รับ
“พี่พ่ายจ๋า”
“อะไรของมึง” น้ำเสียงที่ตอบกลับมาทั้งเย็นชาและน่าขนลุกนิดๆ
“เป็นอะไรอ่า มีใครทำให้อารมณ์ไม่ดีเหรอ หรือกำลังคิดถึงผมมากๆ อยู่ใช่ม้า”
พี่พ่ายเงียบไปนานมาก จนผมคิดว่าเขาวางสายไปแล้ว เรียกอยู่สองสามครั้งก็ไม่ตอบ ผมเลยกดวางสายแล้วโทรไปหาอีกครั้ง ซึ่งเขาก็รับและไม่พูดอะไร
“เป็นอะไรอ่ะ โกรธอะไรผมเหรอ”
“มึงกลับบ้านที่เชียงใหม่?”“ก็...ใช่ครับ ที่นี่อากาศดีมากเลยนะพี่พ่าย ว่างๆ ต้องมาเที่ยวนะ มาไหว้พ่อแม่ผมด้วย ฝากตัวเป็นลูกเขยไง อิอิ”
“เชียงใหม่ลมแรงสินะ”“อื้อ มากๆ เลยครับ เสียงลมเข้าโทรศัพท์เหรอ พี่รำคาญใช่ไหม เดี๋ยวผมไปหาที่หลบ...”
ในจังหวะที่หันหลังจะเดินหลบเข้าไปข้างใน ผมก็ต้องนิ่งค้าง...หัวใจราวกับหยุดเต้นไปชั่วขณะ เพราะผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม...คนที่ชอบใส่แว่นกรอบดำและสูทอาร์มานี่ราคาแพง ผู้ชายที่ไม่ชอบยิ้ม แต่ตอนนี้กลับเหยียดยิ้มหยันมองหน้าผม
ไร้พ่าย...
“เชียงใหม่มีเสียงคลื่นด้วย กูเพิ่งรู้ว่ามีทะเลอยู่ที่ภาคเหนือเหมือนกัน”“พี่พ่าย...” ผมครางเสียงแผ่ว สมองเริ่มว่างเปล่า โลกเริ่มเอียงและหมุนอย่างรวดเร็ว ความมึนงงจู่โจ่มผมอย่างไม่ทันตั้งตัว
เขามาได้ยังไง มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง! เขาต้องอยู่เชียงรายไม่ใช่เหรอ! ที่นี่มันภูเก็ตนะ...
“มึงคิดว่ากูโง่?” สีหน้าของพี่พ่ายตอนนี้...ทำให้ผมต้องก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว เขาเหมือนพร้อมจะฆ่าผม ใบหน้าที่แสนเย็นชานั้นน่ากลัวกว่าสิ่งที่ผมกลัวที่สุดในโลกแล้วตอนนี้
“ปกติต้องวิ่งเข้าหากูนี่...” พี่พ่ายเหยียดยิ้ม จับแขนผมไว้แน่น แล้วกระชากเข้าไปใกล้เขา วงแขนแข็งแรงนั้นรัดผมจนเจ็บ
“ผม...ผมมาเที่ยวกับครอบครัว พี่พ่าย...ปล่อยผมก่อนนะ เจ็บแล้วนะ ปล่อยก่อน”
แต่เขาไม่ยอมปล่อย กระชากเส้นผมของผมจากข้างหลังให้เงยหน้าขึ้น จนผมต้องจับมือเขาไว้แล้วเอียงหัวตาม ไม่งั้นหนังหัวได้หลุดไปกับแรงดึงของเขาแน่
“พากูไปรู้จักครอบครัวมึงหน่อยเป็นไง อยากเห็นหน้าคนที่เลี้ยงไอ้ตัวตอแหลอย่างมึงให้โตมาเป็นคนจริงๆ”
น้ำตาผมไหลพรากเพราะความเจ็บจากแรงดึงของพี่พ่าย เขาลากผมให้เดินตาม โดยไม่มีพนักงานคนไหนของรีสอร์ทเข้ามายุ่งเลยสักคน ต่างคนต่างทำมองไม่เห็นราวกับผมที่กำลังถูกลากไปนี้ไม่ได้มีตัวตนสำหรับพวกเขา
“พี่พ่าย ผมเจ็บแล้วพี่ ผมขอโทษ ขอโทษนะ ฮึ่ก ขอโทษ” คำอ้อนวอนไม่เป็นผล พี่พ่ายดึงผมเข้ามาในห้องที่เขาพัก ซึ่งนี่มันโคตรนรกเฮงซวยเลยไอ้เหี้ย มันเป็นห้องข้างๆ ห้องของผมกับพี่กิ๊ฟ ห้องที่มีคนปาแก้วออกมาที่ระเบียงเมื่อเย็น
พี่พ่ายเหวี่ยงผมลงบนเตียง มันไม่ได้ลงท่าสวยเหมือนในซีรีย์ที่ผมเคยดูเลย เพราะหัวผมโขกกับเสาเตียงดังลั่นเนื่องจากการเด้งตัวของที่นอนที่มันดีเกินไป รอดจากนี่ไปได้กูจะจ้างทนายฟ้องรีสอร์ทนี่ให้ยับ พนักงานก็กวนตีน ที่นอนก็กวนตีนอีก
“กูจับได้คาหนังคาเขา แต่มึงก็ยังแถต่อ” พี่พ่ายจ้องหน้าผม เขาโมโหอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย มันมากกว่าครั้งที่เจอเขาครั้งแรกมาก “กูไม่ชอบให้ใครมาทำเหมือนกูโง่”
“ผมไม่ได้ตั้งใจ...ผมขอโทษ ไม่ทำอีกแล้ว ขอโทษครับ ยกโทษให้ผมนะพี่พ่าย” ราวกับเขาไม่ได้ยิน ผมยกมือไหว้เขาก็ไม่ใส่ใจ กลับรวบมือของผมไว้ด้วยเข็มขัดที่เขาใส่ ความแข็งแรงคงทนของเข็มขัดราคาแพงนี่กำลังเป็นปัญหากับผม เพราะยิ่งผมดิ้นให้หลุดมันก็ยิ่งบาดเนื้อ
กางเกงของผมถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว เสื้อก็ถูกฉีกกระชากไม่มีชิ้นดี ผมรู้ว่าเขาจะทำอะไร...ผมไม่เคยขัดขืนเขามีแต่เต็มใจ แต่ครั้งนี้ผมกลับกลัวขึ้นมา เขากำลังโมโห...และผมไม่อยากให้ครั้งแรกของเราต้องเกิดขึ้นแบบนี้ ผมอยากให้เรารู้สึกดีกับครั้งแรกในวันที่พิเศษสุดๆ แต่แบบนี้มันยิ่งกว่าแย่...แย่มากจริงๆ
“มึงมันน่าขยะแขยง” พี่พ่ายกรีดนิ้วลงบนผิวของผมจนมันขึ้นรอยแดง ผมได้แต่นิ่วหน้าด้วยความเจ็บและพยายามดิ้นหนีจากสัมผัสของเขา “ดีแต่ปาก ถ้าอยากจนตัวสั่นทำไมไม่บอกกู”
“ผมขอโทษครับพี่ ขอโทษนะ ขอโทษ” ผมพูดอะไรไม่ได้นอกจากคำนี้ มันไม่มีประโยชน์ที่จะอธิบาย พี่พ่ายคงจะเห็นแล้วว่าผมทำอะไรกับพี่กิ๊ฟที่ระเบียง ผมไม่มีคำแก้ตัว...เพราะเขาคงเห็นเต็มสองตาของเขา
“กูไม่อยากฟัง” พี่พ่ายยิ้มเย็นชา ลากนิ้ววนอยู่ที่หน้าท้องของผม ก่อนจะลากเรื่อยลงมาจนถึงส่วนกลางลำตัว วนปลายนิ้วลงบนส่วนหัวของน้องชายผมที่เริ่มแข็งตัวสู้ จากนั้นเขาก็จับขาผมแยกออกจากกัน แล้วแทรกตัวเข้ามาอยู่ตรงกลาง “กูจะไม่ฟังที่มึงพูดอีกแล้วเพี้ยน เพราะคำพูดของมึงมีแต่คำโกหก”
ผมไม่คิด...ว่าการโกหกเพียงครั้งเดียว มันจะทำให้ทุกอย่างที่ผมพยายามทำมาทั้งหมด พังลงอย่างนี้ มันรู้สึกเหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบผมแรงๆ หลายที
ผมผิดไปแล้ว...ผมขอโทษ
พี่พ่ายเริ่มใช้ริมฝีปากสัมผัสผม เขาสัมผัสไปทุกส่วน ทั้งดูดและกัดจนเกิดรอยหลายรอย แต่เขาไม่แม้แต่จะสัมผัสริมฝีปากผมเลย แม้ผมจะเรียกร้องแค่ไหน เขาก็ไม่สนใจ ผมยกแขนขึ้นปิดตา ปล่อยให้น้ำตามันไหลลงมาเงียบๆ ได้แต่ภาวนาให้มันเป็นแค่ความฝัน...ผมรู้สึกผิดจริงๆ แต่ผมจะขอโทษพี่พ่ายยังไง ความเชื่อใจที่มีต่อผมคงจะไม่มีแล้ว
นิ้วมือที่ชำนาญ ไม่ว่าจะแตะจับตรงไหนก็รู้สึกร้อนกำลังสำรวจไปทั่วร่างกายผม ยิ่งตอนที่นิ้วข้างหนึ่งกำลังบี้ยอดอกและลิ้นของพี่พ่ายก็ละเลงลงมา อุณหภูมิในร่างกายของผมก็ยิ่งสูงขึ้น
“อ้ะ อาาาาา อึ่ก อืมมม”
“ครางให้ดังไปจนถึงห้องพี่สาวมึง ให้ได้รู้ว่าผู้ชายที่รักนักรักหนากำลังถูกกูเอา” พี่พ่ายตบแก้มผมเบาๆ ในขณะที่มือข้างหนึ่งก็สอดเข้ามาในโพรงปากของผม ก่อนจะดึงออกไปเมื่อนิ้วนั้นชุ่มไปด้วยน้ำลายแล้ว ผมมองตามแต่ก็ปิดปากสนิท ไม่อยากร้องตามที่เขาสั่ง แต่เมื่อนิ้วที่เพิ่งเข้ามาในโพรงปาก มันหายเข้าไปที่ช่องทางข้างหลังสองนิ้วในคราเดียว ผมก็เผลอร้องออกมาลั่น
“เจ็บ...เจ็บนะ! เอาออกไป!” ผมดิ้นไปมา แต่นิ้วนั้นก็ไม่ยอมหลุด พี่พ่ายขยับนิ้วเข้าออก พร้อมกับก้มลงมาดูดยอดอกของผม
“อื้อออ อ้ะ ซี้ดดดด เจ็บ พ่ายย กูเจ็บ!” ผมว่าอย่างเหลืออด
จะทำก็ทำดีๆ ดิวะ ผมก็ไม่ได้จะขัดขืน แต่มึงช่วยหาเจลหาอะไรมาทำให้มันลื่นก่อนได้ไหม นี่ขนาดกูทำครั้งแรกกับไอ้ยิวยังต้องใช้เจลไปครึ่งหลอดกว่าจะเข้าได้ แล้วมึงนี่บ้าเหรอ ใช้แค่น้ำลาย ไอ้เหี้ยเอ้ย จากที่รู้สึกผิดกลับกลายเป็นโกรธขึ้นมาแล้วเนี่ย
“ไอ้เหี้ยพ่าย กูบอกว่าเจ็บ! โอ้ยยยยยย!!!” น้ำตาผมไหลยิ่งกว่าเขื่อนแตก เพราะมันยัดนิ้วที่สามเข้ามา แถมยังยิ้มสะใจ
“โอ้ย เหี้ย พ่าย เดี๋ยว หยุด...หยุดก่อน ขอร้อง” ผมก้มลงมองเขาที่กำลังดูดยอดอกของผมเล่น พี่พ่ายเงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย แต่ลิ้นสีสวยนั่นก็ยังส่งมาหยอกล้อไม่หยุด มันทั้งบวมเป่งและชุ่มไปด้วยน้ำลายของเขา แถมรอยกัดรอบๆ นั่นก็ทำเอาพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะมันกลับยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของผมให้สร้างน้ำใสๆ ออกมาจากน้องชายที่กำลังถูกเขารูดรั้งเล่น
“ผมรู้ว่าผมผิดที่โกหกพี่นะเว้ย แต่นี่มันก็เกินไปป่ะวะ ทั้งมัดทั้งกัดไปทั่วอย่างนี้อ่ะ พี่จะให้ครั้งแรกที่เข้ามาในตัวผมต้องจบห่วยๆ อย่างนี้เหรอ” ภาวนาให้เขาฉุกคิดขึ้นมาได้ แต่มันไม่เป็นผล
“เออ” พี่พ่ายตอบกลับมาหน้านิ่ง ผมนี่ดิ้นจะถีบเขาไปแล้ว แต่มันติด...ติดอยู่ที่ว่าขาของผมกำลังโอบอยู่รอบเอวของเขา
“ไอ้ชิบหาย มึงไม่ต้องทำเหมือนข่มขืน กูก็สมยอมแล้วเนี่ย อยากให้ครางจนห้องข้างๆ ได้ยินใช่ไหม เดี๋ยวจะทำให้ แต่มึงต้องทำดีๆ หน่อยดิวะ ให้กูมีความสุขไปด้วย ไม่ใช่ทำไปเจ็บไปอย่างนี้ ใครมันจะครางออก”
“มึงพูดดีๆ ดิ๊”
“กูต้องพูดดีเหรอ เจ็บจะตายอยู่แล้วไอ้เหี้ย อ้ะ...โอ้ยย โอ้ยย พ่าย พ่ายครับ ยอมๆ” เพราะนิ้วบ้าๆ นั่นเอาแต่หมุนคว้างอยู่ภายในตัวผม เจ็บใจแค่ไหนก็ต้องยอม อยากจะตัดทิ้งจริงๆ
พอผมบอกว่ายอม เขาก็ดำเนินกิจกรรมต่อ มันเป็นอะไรที่เฮงซวยมาก ทั้งเจ็บทั้งเหมือนจะขึ้นสวรรค์อย่างนี้
“พ่าย พ่าย...เจ็บจัง หื้ออออ อา...”
ผมอยากจะสัมผัสเขา แต่เพราะมือถูกมัดไว้ก็เลยไม่มีโอกาส พี่พ่ายถอดเสื้อของตัวเองออก เหลือแต่เพียงกางเกงสแลคสีดำที่ไม่ยอมถอด แต่กลับรูดซิบลงแล้วงัดของที่อยู่ข้างในออกมาแทน เขาเอามันมาสัมผัสกับน้องชายของผม ให้ส่วนหัวถูกันไปมาจนมีน้ำเหนียวๆ ปริ่มเลอะท่อนลำทั้งสอง ส่วนมือใหญ่นั้นกำรวบไว้แล้วรูดขึ้นลงช้าๆ
“ซี้ดดด พ่ายยยย อื้อออ อ้ะ..อ้ะ มะ...ไม่ไหว อ้ะ อ้า! พะ...” ผมร้องไม่ขาดคำ เสียงก็พลันหายไปเมื่อพี่พ่ายก้มลงมาจูบ ลิ้นร้อนๆ ที่เกี่ยวกับลิ้นของผมพร้อมกับสัมผัสร้อนแรงที่กำลังเจออยู่ตอนนี้ทำให้อารมณ์เตลิดได้ไม่ยาก น้องชายของผมกระตุกหลายๆ ทีแล้วปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมา พอยิ่งคิดว่ามันคงเลอะมือและแก่นกายของเขา มันก็ยิ่งทำให้น้องชายของผมพ่นน้ำออกมาไม่หยุด ในหัวนั้นโล่งไปชั่วขณะ มีแต่ความเบาหวิวและลิ้นร้อนๆ ในโพรงปากเท่านั้นที่ทำให้รู้สึกได้ แต่กลิ่นของแอลกอฮอล์และรสชาติขมที่ติดอยู่ปลายลิ้นของเขานี่มัน...
“กินเหล้าเหรอพ่าย หื้มมม กินมาเหรอครับ”
พี่พ่ายไม่ตอบ แต่กำลังหายใจหอบหน่อยๆ เพราะเขาก็เพิ่งเสร็จตามมา ผมยิ้มแล้วผงกหัวขึ้นหอมแก้มเขา
“กินไปเยอะป่าวเนี่ย ขนาดเมาหน้ายังไม่เปลี่ยน พ่าย ตอบหน่อย”
ผมไม่เคยเห็นพี่พ่ายตอนเมา เพราะเขาชอบทำหน้านิ่งแม้ว่าจะกินไปมากแค่ไหน ก็มองไม่ออก เพราะสีหน้าและท่าทางไม่เปลี่ยน แต่พี่เกมเคยบอกว่าถ้าพี่พ่ายเมาห้ามอยู่ใกล้ สันดานดิบมันจะออก ผมก็เชื่อนะ เพราะปกติพี่พ่ายก็ไม่ใช่คนอ่อนโยน เขาค่อนไปทางป่าเถื่อนด้วยซ้ำ แต่ไม่คิดว่า...จะขนาดนี้
“โกรธมากเหรอ ผมไม่ได้ตั้งใจจะ อ้ะ...” เขาถอนนิ้วออกจากช่องทางด้านหลังของผม โน้มตัวผ่านหน้าผมไปหยิบถุงยางอนามัยจากโต๊ะข้างหัวเตียง ผมมองตามด้วยใจเต้นรัว ทั้งกลัวทั้งต้องการ แต่รู้สึกความกลัวมันจะมีมากกว่า คอยๆ มองเขาบรรจงฉีกฟอย แล้วสวมใส่ให้ท่อนลำของเขาช้าๆ ผมเผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปาก แต่พอสบตากับเขาก็เบือนหลบ
เชี่ยแม่ง...มันยิ่งกว่านิ้วสามนิ้ว ความเจ็บมันคงยิ่งทวีคูณขึ้นแน่ แล้วมันก็...รู้สึกอายมากด้วย
“อะไรที่มึงบอกไม่ตั้งใจ” พี่พ่ายถามขึ้น เขาถอยร่นกลับไปตำแหน่งเดิม พร้อมกับปาดนิ้วเอาของเหลวที่ปล่อยบนตัวผมนั้นไปชะโลมที่ช่องทางข้างหลัง ผมเกร็งตัวเล็กน้อย ก่อนจะผ่อนคลายให้นิ้วของเขาได้เข้ามาคว้านสำรวจข้างในอีกครั้ง “ที่โกหกกู หรือกำลังจะเอาพี่สาวมึง”
“ผมรักพี่คนเดียวนะ”
“รักกูแล้วทำอย่างนี้เหรอวะ” ผมไม่เคยคิดว่าเขาจะถามแบบนี้ จึงไม่ได้เตรียมคำตอบที่ดีไว้ให้ พี่พ่ายไม่ได้ทำหน้าเจ็บปวด เขายังคงมีแววตาที่ผมอ่านไม่ออก “งั้นเก็บความรักของมึงไปให้คนอื่นเถอะ กูไม่ต้องการ”
“อย่าพูดแบบนี้สิครับ...ให้โอกาสผมอีกครั้งนะพี่ ผมจะไม่ทำตัวเหลวไหลอีกแล้ว ผมรักพี่คนเดียวนะ อ่ะ...พี่พ่าย...เจ็บจัง”
ช่องทางข้างหลังของผมคงฉีกไปเรียบร้อย เพราะรู้สึกได้เลยเมื่อพี่พ่ายพยายามดันแก่นกายของเขาเข้ามา ช้าๆ แต่ดุดัน ผมพยายามถอยหนี แต่มือของเขาก็จับเอวของผมไว้ ผมนิ่วหน้าทุกครั้งเมื่อของอันตรายนั้นกำลังชำแรกช่องทางเข้ามาสำรวจข้างใน แต่บางครั้งก็พอใจกับแค่ถูไถกับปากทาง เขาเหมือนจงใจแกล้งเพราะคงชอบสีหน้าทรมานของผม
“พ่าย...เจ็บ ฉีกหมดแล้ว เบาๆ หน่อย”
มันเจ็บที่สุดตั้งแต่ผมเกิดมา ผมกลั้นหายใจทุกครั้งที่พี่พ่ายถอนตัวออกไปแล้วดันเข้ามาอีก แต่ละครั้งมันก็ลึกมากขึ้นเรื่อยๆ มากขึ้นจนจุดหนึ่งเขาก็ไม่ยอมขยับ เสียงหายใจหอบๆ กับใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อนั้นทำให้รู้ว่าเขากำลังอดทนมากแค่ไหน คงเพราะผมเกร็งและรัดท่อนลำของเขาไว้แน่น ในขณะที่ตัวเองก็ได้แต่กัดริมฝีปาก น้ำตาไหลลงมาเป็นสายด้วยความเจ็บอย่างสุดจะทน หกล้มหัวเข่าแตกยังไม่เจ็บเท่านี้เลยแต่เขาไม่ได้สนใจ เขาตีขาผมไปหนึ่งทีจนผมผ่อนแรงรัดเขาไว้ จากนั้นเขาก็ดันเข้ามาจนสุดความยาวที่เขามี พร้อมกับดึงผมให้ลุกขึ้นนั่งทับบนตักของเขา ท่านี้มันยิ่งทำให้ตัวตนของเขากระทุ้งเข้ามาโดนจุดกระสัน ความลึกสุดๆ ของมันทำให้ผมหวีดร้องดังลั่น
“อ๊าาาาา!”
“ดี...พี่สาวของมึงคงได้ยิน” เขากระซิบเสียงพร่า อุ้มผมแล้วยืนขึ้น พาเดินไปที่ระเบียงห้องที่มีเศษแก้วตกกระจายอยู่ตามพื้น พี่พ่ายเดินเลี่ยงเศษแก้วพวกนั้น พาผมมาถึงบริเวณที่ใกล้กับระเบียงของห้องข้างๆ มากที่สุด
“ครางให้ดังๆ เลยนะเพี้ยน เดี๋ยวพี่สาวมึงได้ยินคงออกมาดู หึหึ”
“อย่าทำอย่างนี้เลยนะครับพี่ ผมขอโทษจริงๆ อ๊าาา ผมขอโทษ...” ผมได้แต่อ้อนวอนเขา ผมกลัวว่าพี่กิ๊ฟจะมาเห็น เธอคงกำลังตามหาผมอยู่ เพราะผมหายมาได้เกือบชั่วโมงแล้ว
พี่พ่ายบังคับให้ผมยืนหันหลังให้เขา กดกลางหลังผมให้ลงต่ำ แขนที่ถูกมัดพาดกับราวระเบียง กำมือแน่นและฉีกขาออกเล็กน้อยพร้อมรับแรงกระแทกจากเขา ในท่าน่าอายนี้...ผมไม่อยากให้ใครมาเห็นจริงๆ มันจะไม่ใช่แค่พี่กิ๊ฟ แต่อาจจะมีแขกที่พักห้องอื่นออกมาเห็นก็ได้ แต่พี่พ่ายไม่ได้สนใจ เขาแทรกแก่นกายของเขาเข้ามาตามที่เขาต้องการ สาวเอวเข้าออกอย่างไม่สนใจว่ามันจะทำให้เกิดเสียงหยาบโลนมากแค่ไหน ผมได้แต่ก้มหน้า กัดแขนตัวเองไม่ให้เปล่งเสียงร้องใดๆ
“กูเตือนแล้วว่าเป็นเด็กกูไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มึงก็ยังกล้าลองดี” เสียงของพี่พ่ายสั่นพร่า ฝ่ามือที่เคยเค้นสะโพกผมก็เปลี่ยนมาบี้ยอดอกเล่น ผมเข่าอ่อน แทบจะทรุดลงตรงนั้น แต่แขนแข็งแรงของเขาก็ช้อนตัวผมไว้
“ขะ...ขอโทษ ผมไม่ทำอีกแล้ว อ้ะ อ้ะ อ้ะ อา...พ่าย ลึกไปแล้ว พ่าย พ่าย อ้า”
เจ็บจนชา...เจ็บจนไม่รู้สึก แม้ผมจะรับรู้ได้ว่ามีน้ำอุ่นๆ ไหลออกมา เหลือบเห็นเลือดสีแดงคล้ำหยดลงตามพื้น ผมก็ทำได้แค่หลับตาลง
ผมยอมรับผิดแล้ว เพราะฉะนั้น...ให้โอกาสผมอีกครั้งได้ไหมครับพี่
ขาของผมหมดแรงยืน ในขณะที่พี่พ่ายปล่อยให้ผมทรุดตัวลงกับพื้น เศษแก้วที่กระจายอยู่มีบางอันที่ปักเข้าเนื้อของผมจนรู้สึกเจ็บ
“แค่นี้จะตายรึไง”
ผมไม่มีแรงเลย ได้แต่ยิ้มให้เขาแล้วพยายามพูด “ผมขอโทษ ยกโทษให้ผมนะพี่พ่าย”
พี่พ่ายไม่พูดอะไร เขาเอาแต่มองผมอยู่อย่างนั้น ก่อนจะอุ้มผมขึ้นแล้วพากลับไปที่เตียง
“สำนึกแล้วก็ดี”
เขาเหยียดยิ้ม แล้วขยับแก่นกายเข้ามาในตัวผมอีกรอบ ในขณะที่ผมได้แต่ยิ้มเนือยๆ ให้เขา สีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขสมกับแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความต้องการของเขานั้นทำให้ผมไม่ได้ทักท้วงอะไร ผมปล่อยให้เขาทำไปจนพอใจ ความแรงและความเร็วในการสอดใส่เพิ่มขึ้นทุกครั้งเมื่ออารมณ์พุ่งทยานจนได้ยินเสียงครางต่ำในลำคอ
“แฮ่ก...พ่าย...ดีไหมครับ” ผมหอบหายใจไปพร้อมกับพี่พ่ายที่โน้มตัวลงมากัด เขากัดแรงมากในตอนที่กำลังเสร็จ แก่นกายที่กระตุกอยู่ในช่องทางของผมสร้างความทรมานให้อยู่แล้ว แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับแรงกัดที่คอ
“อืม” เขาครางรับ แก่นกายยังกระตุกไม่หยุด มันยังคงพ่นน้ำออกมา แต่โชคดีที่เขาใส่ถุงยาง ผมจึงไม่ต้องกังวลกับเรื่องทำความสะอาด เพราะเอาเข้าจริงก็ทำไม่เป็นหรอก ไม่อยากโทรไปถามไอ้ยิวด้วย...กลัวโดนมันด่า
“รักพ่ายอปป้า ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งนะ” แทนคำตอบเขาก็ก้มลงมาจูบผม เป็นจูบที่ทำให้มัวเมาจนลืมความเจ็บไปชั่วขณะ
เฮ้อ จบแล้วสินะครั้งแรกกับพี่พ่าย เป็นครั้งแรกที่ถึงจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่ผมก็คงจำมันได้ เพราะมันเจ็บสุดๆ เจ็บโคตรพ่อโคตรแม่ของความเจ็บ เลือดนี่ไหลเป็นทาง แถมพี่พ่ายก็ไม่ได้อ่อนโยนตามที่ผมวาดหวังไว้ด้วย เพราะเขากำลังโกรธ
“ผมถามหน่อย พี่รู้ได้ยังไงว่าผมมาที่นี่ ไม่ได้กลับบ้าน” ผมตัดสินใจถามในเรื่องที่สงสัย ขาก็ยังโอบรัดเอวของเขาไว้แน่นไม่ให้ถอนกายออกไป
“กูรู้ก็แล้วกัน”
เป็นคำตอบที่ไม่ได้ช่วยให้เข้าใจอะไรขึ้นมาเลย กวนตีน
“แล้วทำไมต้องกินเหล้าด้วยอ่ะ”
“...”
“หึงผมเหรอ”
“...”
“ผมรักพี่คนเดียวนะ ที่โกหกพี่ผมก็รู้สึกผิด แต่ผมไม่รู้จะบอกยังไง”
พี่พ่ายเงียบอย่างเดียว แต่เอวของเขาก็เริ่มขยับช้าๆ ผมยิ้มแหยให้เขา เพราะช่องทางยังรู้สึกแสบๆ ร้อนๆ ไม่หาย
ต่อยกสองเร็วไปแล้วอปป้า แล้วก็เปลี่ยนถุงเถอะ น้ำพี่คงเต็มถุงจนจะทะลักออกมาแล้วมั้ง
“มึงคบกับคุณกิ๊ฟ?”
“เปล่า”
“แล้วอะไร หรือมึงมั่ว เอากับใครก็ได้”
ผมไม่ได้ตอบเขา นั่นยิ่งทำให้เขาเพิ่มแรงกระแทก แถมยังฝากรอยกัดไว้ตามผิวผมอีกหลายรอย
“บอกกูเพี้ยน มึงทำอย่างนี้มากี่ครั้งแล้ว”
ผมยังคงทำได้แค่ยิ้ม และมันก็สร้างความไม่พอใจให้พี่พ่ายมากยิ่งขึ้น
“ผมไม่อยากโกหกพี่อีกแล้ว แล้วถ้าผมตอบไป เราจะยิ่งแย่ลงใช่ไหม ผมก็อยากเป็นคนดีให้มากกว่านี้ อยากมีชีวิตที่ดีก่อนหน้าที่จะมาเจอกับพี่ แต่ผมย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ผมขอโทษนะ แต่พี่อย่ารังเกียจผมเลย เพราะทุกสิ่งที่ผมทำให้ คำบอกรักที่ผมบอกกับพี่ มันไม่ใช่เรื่องโกหก”
“...”
“ผมไม่ชอบทะเลเลยพี่พ่าย แต่ตอนนี้ผมจะชอบมันแล้ว เพราะมันเป็นที่ที่เรามีอะไรกันครั้งแรก ช่วยกอดผมจนถึงเช้าเลยนะครับ ถึงมันจะเจ็บเจียนตาย แต่ผมก็อยากจะตายในอ้อมกอดพี่”
มันไม่ได้สวยหรูอย่างที่ผมวาดฝันเอาไว้ แต่มันก็เกิดขึ้น...กับคนที่ผมรัก เพราะฉะนั้น...ไม่เป็นไรหรอก ผมจะจดจำมันไปในรูปแบบที่สวยงามเอง แม้ตอนนี้...เขาจะทำให้เจ็บมากแค่ไหนก็ตาม
"อืม...งั้นก็ทำให้กูมีความสุข ก่อนที่มึงจะตายก็แล้วกัน" คำพูดและแววตาที่ใช้มองผม ไม่ใช่ของคนที่มีความรู้สึกดีๆ ให้กัน แต่เป็นของคนที่กำลังคุมเกมเพราะถือไพ่เหนือกว่า มันทำให้ผมเข้าใจได้ว่า...ที่เขาทำดีด้วย...อาจจะไม่ใช่เพราะมีใจ แต่คงจะเป็นแค่ละครเพียงฉากหนึ่งก็เท่านั้น
ผมมัน...คิดไปเองมาตั้งแต่แรก
TBC...........
หัวใจทำด้วยอะไรเพี้ยน หลอกลวงไร้พ่ายของเราทำไม การโกหกเป็นสิ่งไม่ดีนะเด็กน้อย อย่าได้ทำอีก
