Chapter 62 เปิดร้าน
[น้ำฝน...♥]
ผมเคยจินตนาการวาดฝันการเป็นสามี แต่ไม่เคยวาดฝันว่าตัวเองจะเป็นเมียใครมาก่อน และเพราะผมไม่เคยวาดฝันมาก่อน ผมจึงทำตัวไม่ถูก
ผมลืมตามองสามี(ที่เจ้าตัวยัดเยียดมาให้) เขายังนอนหลับสนิทกอดผมแน่น เรายังอยู่ในชุดเดิม ขาเหนอะหนะเพราะคราบความใคร่ที่ไม่ได้ถูกทำความสะอาดก่อนนอน ผมค่อย ๆ ขยับตัวลุกเพราะอยากหนีออกไปเงียบ ๆ แต่ถูกอีกคนลากกลับมานอนที่เดิม
“มอร์นิ่งคิสหน่อยสิ”
“มอร์นิ่งมอร์เนิ่งอะไรเล่า ปล่อย”
“ไผ่มันไม่เคยสอนรึไง”
“ไม่เคย”
เพราะเราไม่เคยมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งขนาดนั้น
“หึ งั้นฉันจะสอนให้”
แล้วพี่มันก็สอนภาคปฏิบัติกับผมด้วยการก้มลงมาคิสเบา ๆ แบบไม่ล้วงล้ำ
“อยากกินข้าวต้มกุ้ง”
นี่กูต้องทำมื้อเช้าให้มึงกินด้วยใช่ไหม
พูดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา อยู่บนเตียงก็เสี่ยงต่อการโดนจับปล้ำเอาได้ง่าย ๆ ผมขยับลุก เดินเข้าห้องน้ำไปทำความสะอาด ผมร้องขอเสื้อผ้าคืน แต่พี่หมอไม่ให้จนกว่าจะกลับ ผมจึงต้องเดินโตงเตงออกมาจากห้องน้ำ ร้องขอชั้นในไปอีกรอบ ยังดีที่รอบนี้พี่หมอยอมให้เพราะกลัวผมเป็นไส้เลื่อนเหมือนกัน
ผมเดินตัวเบาหวิวไปทำข้าวต้มกุ้งให้พี่หมอกิน ดีว่ามื้อเช้าง่ายหน่อย ผมกับพี่หมอนั่งกินกันเงียบ ๆ ที่เดิม หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยให้ผมอาบน้ำ แต่งตัว แล้วไปส่งที่บ้าน
พี่ฟ้ามองผมด้วยสายตากรุ้มกริ่มทันทีที่เดินเข้าบ้าน วันเวย์ทูเวย์วิ่งลัดหน้าลัดหลัง
“ตัวหอมฉุยมาเชียว”
ผมหน้าร้อนผ่าวกับคำแซวนั้น
“กินอะไรมารึยัง”
“กินแล้ว”
พี่ฟ้าหัวเราะหึ ๆ ไม่พูดอะไร และผมก็ไม่กล้าพูดอะไรเหมือนกัน
เราได้ฤกษ์เปิดร้านกันวันที่ 15 พฤษภาคม พี่ฟ้าทดลองให้เพื่อน ๆ ตัวเอง เพื่อนผม และเพื่อน ๆ ของพ่อแม่มาสั่งอาหาร ทำเสิร์ฟทำแจก โดยมีผมคอยเป็นผู้ช่วยเสิร์ฟ ป้าแม่บ้านรับผิดชอบเรื่องการทำความสะอาดทั้งหมด โดยพี่ฟ้าเพิ่มเงินให้ตามหน้าที่ ซึ่งป้าแม่บ้านก็บอกว่าสนุกดี
ลูกค้าที่แทบไม่ต้องร้องขอ แต่มากินทุกวัน(ช่วงทดลอง พี่ฟ้าให้กินฟรี) คือพวกพี่หมอครับ มากันสองคนบ้าง มากันเองบ้าง กินแล้วต้องวิจารณ์ด้วย ซึ่งพวกพี่มันก็ให้คะแนนเต็มเกือบทุกครั้ง
กระทั่งวันเปิดร้าน เพราะเราโปรโมตร้านไปก่อนหน้านั้นหลายอาทิตย์ วันนี้จึงมีลูกค้าแน่นขนัด โปรโมชั่นมาหลายคนลดหลายเปอร์เซ็นที่พี่ฟ้าตั้งขึ้นเรียกลูกค้าได้เยอะเลย เราไม่ได้หวังผลกำไรอะไรกันมากช่วงแรก ๆ เพราะต้องการให้คนมากันเยอะ ๆ มากกว่า พี่หมอนนท์ไม่มีพลาด ลากเพื่อนฝูงและลูกค้ามาอุดหนุน เพื่อนผมก็ลากครอบครัวมากินเหมือนกัน
รากเลือดมากครับ ทั้งผม พี่ฟ้า ป้าแม่บ้านรวมถึงไผ่ที่มาเป็นผู้ช่วยเสิร์ฟ ทำกันให้วุ่น เพราะยังไม่อยากจ้างคนอื่น หวิดมีเรื่องกันด้วย ต้นเหตุก็มาจากพนักงานเสิร์ฟกิตติมศักดิ์อย่างไผ่กับลูกค้าอย่างพี่หมอนนท์นั่นแหละ ดีว่ามันยั้งมือยั้งตีนได้ทัน พี่หมอนนท์ก็ขยันกวนมันหน้ามึน ๆ เหมือนกัน
ไผ่มันหมดแรงข้าวต้มนอนสลบอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ผมกับพี่ฟ้าช่วยกันตรวจเช็กความเรียบร้อยรอบร้านกันนิดหน่อยก่อนพากันเดินขึ้นห้อง ปล่อยให้ผู้ช่วยรับเชิญอย่างไผ่หลับสบายอยู่ที่เดิม
หลังจากอาบน้ำ ผมเดินลงจากห้องไปตรวจดูความเรียบร้อยรอบบ้านอีกที พี่ฟ้าตามมาติด ๆ ช่วยผมสอดส่องมองหา ก่อนเราสองคนจะพากันเดินไปหยุดอยู่ใต้ต้นลีลาวดีขนาดใหญ่ประจำบ้าน ผมแหงนหน้าขึ้นมองลีลาวดีต้นนั้น ตอนนี้มันสว่างไสวสวยงามไปหมดเพราะพ่อเอาหลอดไฟดวงเล็ก ๆ มาประดับให้
“ยินดีด้วยนะพี่ฟ้า”
“ยินดีกับพี่ทำไม นี่มันธุรกิจของครอบครัวเรานะ”
“งั้นก็ยินดีให้กับเราสองคน” ผมว่ายิ้ม ๆ
“นี่แค่วันแรก พรุ่งนี้เราอาจต้องนั่งตบยุงก็ได้”
“ไว้ดูกันอีกที”
แล้วเราสองคนก็พากันหัวเราะร่วน
“เมื่อยไปหมดทั้งตัวเลย” ผมบ่น
“มีหมอประจำตัวไม่ใช่เหรอ ไม่เรียกเขามาช่วยรักษาล่ะ”
“บ้าหรือเปล่าพี่ฟ้า ก็รู้ ๆ อยู่ว่าพี่มันเลว”
“เลวแล้วไปรักเขาทำไม”
“ผมเปล่า”
พี่ฟ้าชี้หน้า
“แน่ใจ๊”
“แน่ใจ เลวขนาดนั้น ใครอยากได้เป็นแฟน”
พี่ฟ้ามองตาผมกรุ้มกริ่ม
“พวกปากไม่ตรงกับใจ พี่รู้ว่าคุณหมอทำไม่ถูกที่ทำแบบนั้นกับฝน แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะอารมณ์พาไปนั่นแหละ พี่ว่าลึก ๆ เขาคงไม่ใช่คนเลวอะไรนักหรอก”
“ถึงยังไง ผมก็จะไม่รักเขาเด็ดขาด ใจร้ายขนาดนั้น”
“แล้วถ้ารักไปแล้วล่ะ” พี่ฟ้าถามต่อบ้าง
“ผมก็จะพยายามตัดใจ”
พี่ฟ้ามองตาผมนิ่งค้าง
“ตามใจ หัวใจฝน พี่ห้ามปรามอะไรไม่ได้หรอก ว่าแต่ฝนง่า พี่เมื่อย นวดให้หน่อย”
“ฝนเมื่อยเหมือนกัน พี่ฟ้านั่นแหละ นวด ๆ”
ผมงอแงกลับ พ่อกับแม่โทรทางไกลมาถามข่าวคราว ตอนแรกคิดว่าท่านจะอยู่ช่วย แต่ติดเดินทางด่วนซะนี่ เลยต้องลุยกันเอง แต่แม่โทรมาอวยพรแต่เช้าแล้ว
เข้าวันที่สองที่สามคนก็ยังเยอะอยู่ให้ชื่นใจ พวกเพื่อน ๆ ผมก็ยังไม่หยุดพาครอบครัวมากิน พี่หมอนนท์มาไม่เคยขาด ไม่รู้ว่ามาเพราะต้องการเอาใจหรือว่าอาหารพี่ฟ้าอร่อยจัดจริง ๆ
พอเข้าวันที่สี่ ผมกับพี่ฟ้าก็เริ่มอยู่ตัว ผู้ช่วยเสิร์ฟของเราก็เก่งขึ้น พี่ฟ้าเย็บผ้ากันเปื้อนแบบครึ่งตัวให้มันผืนหนึ่งด้วย เท่ไม่หยอก ผมออกมาช่วยมันดูแลนอกร้าน ถ้าคนเยอะ ๆ ถึงจะเข้าไปหลังร้านช่วยพี่ฟ้า ป้าแม่บ้านเป็นผู้ช่วยในครัว
ผมยิ้มรับลูกค้าโต๊ะ 7 ก่อนหันไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา คนอื่นไม่เท่าไหร่ แต่คนที่เดินอยู่ซ้ายสุดทำให้หัวใจผมไหวแรงทันทีที่เห็น เราสบตากันเพียงนิด ก่อนผมจะเสหลบ ก้มยิ้มรับลูกค้าโต๊ะเจ็ดเหมือนเดิม
ไผ่มันเดินหน้าบูด ๆ ไปยังกลุ่มนั้น พี่หมอนนท์พาทุกคนมานั่งยังโต๊ะ 8 ข้างโต๊ะ 7 ที่ผมรับออเดอร์อยู่
“เท่ดีนี่” พี่หมอนนท์ชมไผ่ มันก็พยายามระงับปากไม่ให้พูดอะไรไม่ดีต่อหน้าลูกค้าคนอื่น ทั้งที่ใจจริงมันคงอยากงาบหัวพี่หมอนนท์แทบตาย โต๊ะนั้นสั่งสิ่งที่ต้องการ มันเดินเอาออเดอร์ไปเสียบไว้ ผมเห็นออเดอร์เยอะขึ้นถึงได้เข้าไปช่วยพี่ฟ้าทำ
“ข้าวผัด ลูกค้าสั่งว่าขอให้มึงเป็นคนทำ”
ไผ่มันเดินหน้าหงิกมาบอกอีกรอบ ผมมองหน้ามันงง ๆ
“ใคร”
“ไอ้ห่านั่นแหละ”
“คุณหมอแซมเหรอ”
พี่ฟ้าหันมาถาม เหงื่อซกเลย สงสารเหมือนกัน ถึงพี่ฟ้าจะสนุกก็เถอะ กะว่าให้ร้านอยู่ตัวสักพักค่อยหาผู้ช่วยแม่ครัวดี ๆ อีกที
ผมจำต้องทำตาม ทำข้าวผัดให้พี่หมอโดยเฉพาะ พี่ฟ้ายิ้มล้อ แต่ผมทำเป็นไม่สนใจ
“ห่านั่นมันให้มึงไปเสิร์ฟด้วยตัวเอง ไม่งั้นมันจะคอมเพลนว่าร้านเราบริการไม่ดี หาเรื่องให้กูอยากกระทืบตลอด” ไผ่มันบ่นกระปอดกระแปด ผมส่ายหัวไปมา ถืออาหารออกไปเสิร์ฟตามคำสั่ง พี่หมอนนท์ยิ้มหล่อ ส่วนพี่หมอทำหน้านิ่ง ๆ
“ข้าวผัดครับ”
ผมเสิร์ฟตามมารยาท พี่หมอไม่พูดอะไร หยิบช้อนตักกิน ก่อนเงยหน้าขึ้นมาพูด
“อร่อย”
ผมหน้าร้อนผ่าว บอกขอบคุณเดินกลับหลังร้านไป
เราเปิดร้านกัน 11 โมงถึงหนึ่งทุ่ม หยุดเฉพาะวันอาทิตย์ หลัง ๆ พี่ฟ้าเริ่มไม่ไหวเพราะเหนื่อย ร่างกายยังไม่เต็มร้อยด้วย เราจึงจำกัดจำนวนลูกค้า ใครต้องการมากินก็ให้สำรองโต๊ะไว้ก่อน กลับกลายเป็นว่ามีคนต้องการมากินเยอะกว่าเดิมอีก จองคิวกันยาวเป็นอาทิตย์เลย
ยกเว้นลูกค้าวีไอพีครับ ไม่ต้องจองก็สามารถมากินได้เลยคือพวกพี่หมอ ไม่รู้พี่ฟ้าจะให้สิทธิ์มากไปหรือเปล่า
เดือนแรกผ่านพ้นไปด้วยดี ถือว่าประสบความสำเร็จดีมาก พี่หมอไม่งี่เง่าเรียกผมไปปล้ำ ไม่รู้ว่าต้องการให้เวลาผมกับพี่ฟ้าทำร้าน หรือพี่แกจะเลิกทำเรื่องแบบนั้นแล้วกันแน่
แต่ก็ดีแล้วครับ
เพราะผมไม่อยากให้หัวใจผมถลำลึกมากกว่านี้
ทำงานสนุกมาก ได้เงินด้วย มีอะไรทำช่วงปิดเทอมด้วย รายได้ทั้งหมด เราให้แม่หมดเลย เพราะไงเราก็กินอยู่กันที่บ้าน เงินทองก็มีใช้ไม่ขาดมือ เงินเดือนจากแม่เราก็ได้ เงินที่หาได้ พวกผมถึงยกให้ท่านทั้งหมด
วันนี้ไผ่มันบอกว่าคุณพ่อคุณแม่มันจะมาเป็นลูกค้า ท่านดีใจใหญ่ที่รู้ว่าไผ่มันทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง หรือรู้จักหาเงินหาทองใช้เองบ้าง ดีกว่าที่วัน ๆ จะแว้น ๆ ให้เป็นห่วง
ผมตื่นเต้นนิด ๆ เพราะไม่เพียงพ่อกับแม่เท่านั้นที่จะมา แต่ใครบางคนจะตามมาด้วย เย็น ๆ ก็เห็นคนทั้งหมดโผล่มา ผมกับไผ่ออกไปรับด้วยตัวเอง เพราะพี่ฟ้าติดคิวทำอาหาร
“เชิญครับ”
ผมเชิญพ่อกับแม่ รวมถึงพี่หมอให้นั่ง เอาจุดที่วิวดีที่สุด ยื่นเมนูให้
“ฝนดูดีมากเลยลูก ลูกด้วย”
แม่ชมผมแล้วหันไปชมไผ่
“แน่นอน คนมันหล่อ”
“ไม่เกี่ยวกับหน้าตาซะหน่อย ตาไผ่นี่ หลงตัวเองแบบนี้เมื่อไหร่จะมีแฟน”
“อยากมีเมื่อไหร่ก็มีเองแหละน่า สั่งมาเลยแม่ พี่ฟ้ารอทำให้อยู่”
แล้วพวกท่านก็สั่งกันมาหนึ่งเซต เมนูขึ้นชื่อที่ไผ่มันไปโม้ไว้นั่นแหละ แน่นอน ในใบรายการ มีโน้ตพิเศษว่าของพี่หมอต้องฝีมือผมเท่านั้น ผมแสร้งทำหน้าหงิกใส่ ก็เพิ่งรู้ว่าก่อนหน้านี้พี่หมอติดเดินทางไปดูงานต่างประเทศหลายอาทิตย์
มิน่า ถึงไม่โผล่มาให้เห็นเสียนาน คิดว่าตัดใจแล้วซะอีก
ไผ่มันทำหน้าที่เสิร์ฟให้พ่อกับแม่เองกับมือ สองคนนั้นชื่นชมมันใหญ่
เดือนหน้าก็เปิดเทอมแล้ว พี่ฟ้าทำคนเดียวไม่ทันอย่างที่คาดการณ์ไว้จริง ๆ เราจึงเฟ้นหาแม่ครัวสำรอง หาได้ไม่ใกล้ไม่ไกลหรอกครับ ลูกสาวป้าแม่บ้านนั่นแหละ สองคนเลย คนพี่ตกงาน เลยชวนคนน้องที่เงินเดือนไม่มากมาทำงานกับแม่ เพราะที่พักฟรี สกิลความอดทนยอดเยี่ยม ที่เหลือคือฝึกฝนประสบการณ์เอา
หลังจากช่วยเก็บร้าน ผมเดินอารมณ์ดีขึ้นห้อง เบรกกึกเพราะเสียงมือถือดัง ผมหยิบขึ้นมามองเบอร์ ใจเต้นตึกตักเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ใคร
ลังเลอยู่ชั่วครู่ก็เอามากดรับแนบหู หมุนเปิดประตูเข้าห้อง
“เก็บร้านรึยัง”
“เก็บแล้ว” ผมตอบกลับไปสั้น ๆ
“ตอนนี้อยู่ไหน”
ผมเม้มปากแน่น
“เพิ่งเข้าห้อง กำลังจะอาบน้ำ”
ปลายสายเงียบไป หัวใจผมไหวแรง
“พรุ่งนี้ร้านหยุดใช่ไหม จะไปรับ”
“ผมอยากพักผ่อน”
ปลายสายหัวเราะหึ ๆ
“งั้นก็มาพักในอ้อมแขนฉันสิ”
พี่หมอพูดแค่นั้นแล้วกดตัดสายไป ผมย่อตัวลงไปนั่งยอง ๆ ที่พื้น เหมือนมีควันจำนวนมากลอยคลุ้งออกมาจากหัว
“ตาบ้าเอ้ย”
To be con..
"งั้นก็มาพักในอ้อมแขนฉันสิ" >//////<