Ch. 08 : ถูกย่ำยี
{น้ำฝน}
“ชอบคุณหมอเหรอ”
ผมเปิดประเด็นถามพี่สาวทันทีที่เดินเข้าบ้าน พี่ฟ้าหันมามอง ปากยื่นนิด ๆ น่ารักดี
“ไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่ได้เกลียด หมอก็น่ารักดี เหมือนจะอบอุ่น แต่ก็ดูน่ากลัวยังไงบอกไม่ถูก อย่าเพิ่งสนใจเลย ถอดเสื้อมา พี่จะซักให้”
พี่ฟ้าเร่ง พยายามจะเลิกถอดเสื้อออกจากตัวผม ผมรีบถอดให้ทันที
“เอวไปโดนอะไรมาเนี่ย”
พี่ฟ้าจิ้มลงมาตรงบั้นเอวผมเบา ๆ มันเป็นรอยเขียวซ้ำหน่อย ๆ
“ชนโต๊ะเรียนน่ะ ไผ่มันแกล้ง”
“ซุ่มซ่ามจัง ไปทายาเลย เดี๋ยวช้ำมากกว่านี้หรอก”
“ทาให้หน่อยสิ ขี้เกียจ”
ผมอ้อนบ้าง พี่ฟ้าทำปากจู๋ เอาเสื้อผมไปลงเครื่องซัก เดินเลยไปหยิบยามาทาให้
อดนึกถึงแววตาแปลก ๆ ตอนพี่หมอมองมาไม่ได้
สายตาแบบนั้น น่ากลัวยังไงบอกไม่ถูก
…
…
…
…
…
“นี่ ไปนอนเป็นเพื่อนกูหน่อย กูเหงา”
ไอ้เพื่อนตัวดีมันชวน
“นี่ มึงก็ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะไผ่”
ผมปราม มันทำหน้าสลด จริง ๆ ผมรู้ว่าเพื่อนผมเป็นพวกเสแสร้งเก่ง แต่ผมก็อดตกหลุมพรางมันไม่ได้ทุกที
“โทษที คนขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่ก็งี้แหละ พ่อก็ตาย แม่ก็แต่งงานใหม่กับพ่อที่พาพี่ชายที่ไม่ชอบขี้หน้ามาอยู่ด้วย แล้วแม่ก็หายตัวไปกับพ่อของพี่ชายคนนั้น”
มันพูดไปเรื่อย ๆ แต่คำพูดมันทำให้ต่อมรู้สึกผิดของผมทำงานยังไงพิกล
“อย่ามาแหล”
ผมปรามอีกรอบ แต่ใจก็คิดว่ามันคงเหงาจริง ๆ
“กูไม่อยากปล่อยพี่กูไว้คนเดียว”
“ครั้งที่แล้วพี่มึงว่าป่ะล่ะ”
ผมส่ายหัว
“เห็นไหมล่ะ รักษาพี่มึงไปด้วยในตัว คิดงี้สิ”
ผมถอนหายใจเบา ๆ พยักหน้ารับ
“แต่กูไม่ดื่มนะ”
มันยักไหล่
“ก็ไม่ต้องดื่ม”
สองทุ่มผมก็มาอยู่ในชุดนอนของมันเรียบร้อย เป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นครับ แต่วันนี้มันสั้นมาก สั้นแบบสั้นติดตูดเลย
“มึง ทำไมมันสั้นขนาดนี้วะ”
ผมบ่น พยายามดึงขอบขากางเกงลง แต่พอดึงด้านล่าง ด้านบนก็ร่นลงมาจนเห็นง่ามก้นชัดเจน
“เกงสมัยเด็กกู” มันตอบไม่ใส่ใจ
“แล้วตัวที่กูเคยใส่ล่ะ”
มันชี้ไปที่ตะกร้าผ้าแบบไม้สานข้างกำแพง
“ห่า ทำไมต้องมาใส่ก่อนวันที่กูจะมาด้วยวะ”
มันยักไหล่ในทำนอง 'ก็ช่วยไม่ได้' ผมมองมันฉุน ๆ
แต่ก็เอาเถอะ ไม่ได้ไปไหนซะหน่อย หวิวนิด ดีกว่านอนแก้ผ้าเป็นไหน ๆ ผมนั่งทำการบ้านกับมัน จนได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาจอด(ประตูบ้านมันเป็นรั้วแบบอัตโนมัติครับ) ผมหูกางทันที ไผ่มันคงไม่ได้ยิน เพราะเห็นนั่งคิ้วขมวดสนใจแต่การบ้านยาก ๆ ตรงหน้าอยู่
“หิวน้ำว่ะ ไปเอาน้ำในตู้เย็นมาให้กูหน่อยดิ”
มันบอกโดยไม่เงยหน้ามอง คิ้วยังขมวดเหมือนเดิม ผมเห็นมันยังตั้งอกตั้งใจทำการบ้านเลยพยักหน้า ดันตัวลุกยืน เดินลงไปชั้นล่าง
ทำไมต้องมาหิวตอนนี้ด้วยวะ ยิ่งไม่อยากเจอพี่ชายมันอยู่ด้วย
พอเดินลงไปข้างล่าง พี่หมอเดินเข้าประตูบ้านมาพอดี ผมรีบดึงชายเสื้อยืดลงไปปิดต้นขา(มันดันเอาเสื้อสมัยพระเจ้าเหามาให้ใส่ด้วย ไซส์เด็กประถมมาก) ปิดตูดแค่ครึ่งเดียวเอง แอบหวิวครับ แต่คิดไปคิดมา ผู้ชายด้วยกันคิดไรมากวะ พี่หมอทำหน้าแปลกใจที่เห็นผม ก่อนตีสีหน้านิ่งเรียบ
“หวัดดีครับ”
ผมยกมือไหว้ พี่หมอไม่พูดอะไร ถอดรองเท้าวางไว้ในตู้เก็บรองเท้า ผมไม่สนใจคนตัวสูงอีก เดินตรงไปที่ตู้เย็น ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งตุบ ๆ ลงมา ผมหันไปมอง เพื่อนผมเองครับ มันวิ่งตรงมาทางผมทันที ไม่รู้มันเห็นพี่หมอแล้วรึยัง รายนั้นชะงักอยู่กับที่เพราะเสียงวิ่งลงมาของมัน
“ได้ยัง เร็ว ๆ ดิ กูหิวแล้ว” มาถึงมันก็เข้าประชิดตัวผมทันที ชิดแบบชิดมากด้วย ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินขึ้นบันไดไป ผมหันไปมองตาม
“พี่มึงโกรธแล้ว”
มันยักไหล่
“กูก็เห็นมันโกรธประจำ คิดไรมาก รีบเอามาได้แล้ว”
มันกอดคอผมไว้ ก่อนเลื่อนมือลงไปที่เอว ผมมองตาม กำลังจะขยับตัวออก
“เอาไอ้นี่ไปด้วยดีกว่า”
มันหยิบน้ำอัดลมมาถือ เกี่ยวเอวผมเดินขึ้นชั้นบน แวบหนึ่ง รู้สึกเหมือนมีใครมองอยู่ ผมหันไปทางห้องพี่หมอ เห็นเพียงประตูที่งับปิดเสียงดังเท่านั้น
“นี่มึงเอากูมาแกล้งพี่เขาใช่ไหม”
ผมหันไปเค้นมันทันทีที่ก้าวเข้าห้อง
“ยอมรับครึ่ง แต่อีกครึ่งกูเหงาจริง ๆ”
ผมถอนหายใจเบา ๆ
“มึง อย่าให้มันมากเกินไปนะ เขาเป็นหมอ เกิดโกรธมากจนจับมึงเอามีดจิ้มพุงขึ้นมาทำไง”
มันผลักหน้าผากผมแรงจนหน้าผมหงายเงิบไปด้านหลัง
“คิดได้นะมึง”
ผมลูบหน้าผากตัวเองป้อย ๆ ลงไปนั่งทำการบ้านต่อ
...
...
...
...
...
หิวครับ...
ไม่รู้ทำไม อยู่ ๆ ก็รู้สึกหิวน้ำขึ้นมากะทันหัน น้ำที่เอาขึ้นมากินก่อนหน้าก็หมดแล้วด้วย ผมตัดสินใจลุกจากที่นอน ไผ่ยังหลับอยู่ กรนฟี้สบายอารมณ์เชียว ผมเดินลงไปชั้นล่าง มันมืดครับ ผมคลำหาปลั๊กจนเจอ กดเสียงดังแป๊ก แล้วทุกพื้นที่ก็สว่างโร่ ผมไม่สนใจอะไร มุ่งตรงไปที่ตู้เย็น หยิบน้ำมาเทใส่แก้ว ดื่มอึก ๆ พออิ่มก็เดินเอาแก้วไปล้าง ไม่อยากให้เป็นภาระของแม่บ้านทีหลัง
พอเสร็จก็เช็ดมือกับเสื้อ หันหลังหวังเดินกลับห้อง แต่หันไปเจอะใครบางคนเข้าก่อน ผมสะดุ้งโหยง ตกใจปัดแก้วที่ล้างเมื้อกี้ไปชนกำแพงจนมันแตก ด้วยความตกใจซ้ำซ้อน ผมพยายามจะคว้า แต่เพราะแก้วมันแตกไปแล้ว ข้อมือผมเลยบาดคมแก้วเข้าให้ เลือดไหลโชกทันที เจ็บแปลบไปหมด
“ขะ ขอโทษครับ”
ผมไม่ห่วงแผลตัวเอง รีบเก็บเศษแก้วอย่างกลัวความผิด พี่หมอก้าวเข้ามาคว้าข้อมือผมไว้ ยกสูงจนเลือดไหลลงมาอาบท้องแขน
“จะฆ่าตัวตายรึไง”
พี่มันถามเสียงเย็น ดึงแขนผมให้เดินไปนั่งยังโซฟา คว้าชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นมานั่งทำแผลให้
เกรงใจครับ กลัวด้วย แต่จะค้านก็ค้านไม่ได้ พอเสร็จ พี่หมอก็พันผ้าพันแผลไว้จนรอบข้อมือ
“เอ่อ...ทำไมมาดื่มคนเดียวแบบนี้ล่ะ”
ผมถามเพราะไม่รู้จะถามอะไร ได้กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อน ๆ ลอยมา ให้เดาก็น่าจะดื่มนั่นแหละ พี่หมอมองผมปราดหนึ่ง แต่ไม่ตอบ
“ทำไมถึงได้เป็นเกย์”
คำถามนั้นทำเอาผมกระดิกกระเดี้ยไม่ได้ จะปฏิเสธเขาก็คงไม่เชื่อ จะยอมรับก็ไม่ได้อีก
“ผมไม่ได้เป็นเกย์”
แต่ผมก็เลือกที่จะตอบออกไปแบบนั้น เห็นมุมปากได้รูปนั้นยกยิ้มนิดหนึ่ง
“หึ เขาว่าพวกเกย์สำส่อน นอนไม่เลือก ใจง่าย และไม่ยอมรับความจริงก็จริงน่ะสินะ”
ผมฉุนขึ้นมาทันที ผมไม่ได้เป็นเกย์ แต่รู้สึกเหมือนทุกข้อครหานั้นพุ่งตรงมาที่ผมจนหมด
“ผมว่าพี่ไม่ควรจะดูถูกคนอื่นแบบนี้นะ แต่ละคนก็มีเหตุผลของตัวเอง และผมว่าเกย์บางคนก็ไม่ได้สำส่อนนอนไม่เลือกและใจง่ายแบบที่พี่ว่าด้วย”
“แล้วนายล่ะเป็นประเภทไหน ที่เข้าข่ายก็น่าจะใจง่าย เพราะเห็นไม่เลือกที่เลยนี่”
ผมฉุนมากขึ้นไปอีก เข้าใจไผ่ขึ้นมาทันทีว่าทำไมมันถึงได้เกลียดคนคนนี้นัก ภายนอกดูสุขุมนุ่มลึกก็จริง แต่ความคิดนี่สวนทางกันมาก
“ผมว่าพี่เก่งในการเป็นหมอนะ แต่ว่าไม่ผ่านในการเป็นบุคคลธรรมดา คนเป็นหมอไม่สมควรจะดูถูกคนอื่นแบบนี้”
“จริง ๆ ฉันก็ไม่ได้ดูถูกทุกคนหรอกนะ แต่เฉพาะกับคนบางคนเท่านั้น”
“ผมว่าพี่เมาแล้วล่ะถึงได้พูดอะไรแบบนี้”
“นั่นน่ะสิ คงจะเมาแล้วจริง ๆ” พี่มันมองหน้าผมนิ่ง ๆ “เมามากจนอยากจะรู้เหมือนกันว่าผู้ชายมันเอากันได้ยังไง และรสชาติของคนใจง่ายและส่ำส่อนมันเป็นยังไง” พูดจบพี่หมอก็จับคางผมยกขึ้น กดจูบลงมาหนัก ๆ ผมตาโตพยายามจะผลักออก แต่คางผมถูกล็อกแน่น จะขยับตัวก็ถูกจับข้อมือไว้ ผมครางด้วยความเจ็บปวด เพราะพี่หมอจับตรงแผลเข้าพอดี
“พี่หมอ ผมเจ็บ!!”
ผมรีบดึงตัวเองออกมาค้าน เลือดซึมผ่านผ้าพันแผลออกมา ผมพยายามจะดึงข้อมือออก แต่พี่หมอ.ยึดแน่นซ้ำยังกดนิ้วลงบนแผลจนผมเบ้หน้า มองเห็นอะไรบางอย่างเป็นประกายในดวงตาคู่นั้น
“รักไผ่มันมากใช่ไหม”
ผมไม่ได้ตอบเพราะกำลังเจ็บแขนอยู่
“มันจะรู้สึกยังไงถ้าคนที่มันรัก ถูกคนที่มันเกลียดย่ำยี”
ผมมองคนตรงหน้าอึ้ง ๆ
“เขาบอกให้ลองกินของที่เกลียดดู แล้วจะรู้รสชาตินั้นพร้อมจัดการกับมันได้”
พูดจบพี่หมอก็ดึงผมเข้าไปจูบอีกรอบ ผมพยายามดิ้นรน แต่เพราะข้อมือยังถูกยึดไว้ หนำซ้ำแผลสดยังถูกกดแน่นจนเจ็บไปหมด ทำให้ดิ้นรนขัดขืนอะไรมากไม่ได้
พี่หมอตรึงท้ายทอยผมไว้ด้วยมือ ผมพยายามผลักคนตัวสูงออก แต่ดูเหมือนเรี่ยวแรงผมจะไม่ได้สะดุ้งสะเทือนอีกคนแม้แต่น้อย ผมครางห้ามในลำคอ รสจูบนั้นกำลังทำให้ผมรู้สึกหวิว ๆ ในอกและช่วงท้อง ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดลิ้นผมรุนแรงมากขึ้นจนผมเผลอตัวบีบต้นแขนแกร่งแน่น
พี่หมอถอนปากออก อุ้มผมเดินขึ้นชั้นบนไป ผมพยายามดิ้นรน แต่ยิ่งดิ้นเลือดยิ่งไหลแรงจนผมชักกลัว ๆ ว่าเลือดจะไหลออกมาจนหมดตัว
พี่หมอโยนผมลงบนเตียง ผมรีบพยุงตัวลุกเขยิบถอยหลัง พี่หมอเดินไปเปิดลิ้นชัก หยิบอะไรบางอย่างมาถือในมือ ผมตาโตรีบขยับหวังหนีลงจากเตียง แต่ถูกคว้าข้อเท้าไว้ ลากกลับไปที่เดิม ผมพยายามตะเกียกตะกายหนี ทั้งถีบทั้งยันทั้งพยายามพลิกตัวหวังให้หลุดพ้นจากอุ้งมือใหญ่ ๆ ที่กดผมไว้ติดที่นอน เลือดย้อมผ้าปูจนแดงฉานไปหมด
"พี่หมอ ปล่อย!"
ผมยังไม่หยุดดิ้นรน ก่อนใจหายวูบเมื่อกางเกงตัวน้อยที่ผมใส่อยู่ถูกพรากออกจากตัว
"พี่หมออย่านะ!!"
ผมห้ามเสียงหลง พี่หมอจับผมพลิกคว่ำ ยกสะโพกสูง รวบสองข้อมือผมตรึงไว้เหนือหัว กดนิ้วโป้งไว้บนปากแผลจนเจ็บไปหมด ผมร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด น้ำตาไหลพราก ยิ่งดิ้นเลือดยิ่งไหลแรง
"พี่หมอ ผมเจ็บ...”
ผมร้องขอความเห็นใจ คนตัวสูงไม่พูดอะไร จนรู้สึกว่ามีอะไรแข็ง ๆ มาชนอยู่ด้านหลัง
"พี่หมอ อย่าทำนะ!”
ผมเบิกตากว้าง ตะโกนห้ามเสียงดังลั่น ขยับหนีไปด้านหน้า แต่ถูกยึดเอวไว้ พี่หมอปล่อยมือผมออก ตะปบสะโพกผมไว้ เคลื่อนเจ้าสิ่งแข็ง ๆ ที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลาสติกบาง ๆ เข้ามาลึกขึ้น ผมกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แปะป่ายมือไปด้านหลังหวังหยุดคนตัวสูง
ตอนนี้ผมเจ็บ...
เจ็บทั้งข้อมือ เจ็บทั้งด้านหลัง เจ็บไปหมดจนไม่รู้ว่าเจ็บอะไรมากกว่ากันแล้ว
"พี่หมอ ปล่อย..."
ผมร้องขอเสียงสะอื้น จิกมือกับที่นอนแน่นเมื่อความเจ็บปวดนั้นเคลื่อนที่เข้ามาลึกขึ้นกระทั่งมันเข้ามาได้สุดทาง หัวใจผมแทบหยุดเต้น ปวดตุบไปหมด ภายในบีบรัดสิ่งแปลกปลอมแน่น ได้ยินเสียงหายใจอย่างอึดอัดของคนด้านหลัง น้ำตาผมไหลพรากอาบที่นอนจนเปียก
แล้วพี่หมอก็จับผมพลิกนอนหงายทั้งที่ภายในยังสอดประสาน ผมร้องออกมาเสียงหลง
“อึก พี่หมอ หยุดเถอะ ฮือ..ขอร้องล่ะ ผมเจ็บ...”
ผมวิงวอนร้องขอ แต่คนตัวสูงไม่ฟัง จับขาผมพาดแขน เริ่มต้นเคลื่อนไหวเบา ๆ ผมทำได้แค่แหงนหน้าร้องออกมาตามความเจ็บปวดที่ได้รับเท่านั้น
พี่หมอขยับด้วยจังหวะที่รุนแรงมากขึ้น กลิ่นคาวของเลือดลอยอบอวลไปทั่วทั้งโพลงจมูก ดวงตาผมพร่าไปด้วยหยาดน้ำ มองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความฝ้าฟาง เสียงสุดท้ายที่ได้ยินมีเพียงเสียงสะอื้นและเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของตัวผมเองเท่านั้น....
TBC...
เอ็นซีรุนแรงนิด ด่าพี่หมอนะ อย่าด่าคนเขียน (วิ่งหนี!!)