"เอาล่ะ" ผมเริ่ม "คราวนี้ใครใช้ให้แกมาวะเจสซี่" "หัวใจสั่งมาค่ะ พี่แทนขา" หล่อนตอบด้วยวาจาชวนแหวะ ยังไม่วายเล่นหูเล่นตาปิ๊ง ๆ
"มึงนี่ชอบเล่นอยู่เรื่อยเลย" ผมบ่นอุบอิบ
ยัยตัวแสบยิ้มกริ่ม "หรือจะให้ทำจริงคะ"
"ก็ลองทำดูสิ" ผมท้า "ฟ้าจะได้ผ่าเอา เล่นอะไรไม่เล่นดันจะเล่นตีฉาบ"
"ว้าย!" เสียงร้องมาจากเบาะหลัง "เล่นอะไรกันคะน่าสนุก ให้เล่นด้วยสิคะ ใครตีฉาบตีไปเดี๋ยวซันจี้เป็นไม้กลองเองค่ะ"
"อีห่านจิก ตัวแม่เขาจะเยกันหล่อนไม่เกี่ยวค่ะ" ยัยโซโลรี่ด่าเข้าให้ แต่มันเหมือนกระทบผมยังไงไม่รู้แฮะ
"ว้าย! หล่อนนี่ไม่เคยได้ยินเหรอคะ หนึ่งคนหัวคอวอยอหาย สองคนเสร็จไว สามคนเสียบสบาย คิคิ" ซันจี้ปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะน่าตบของหล่อน
ผมหลุดหัวเราะพรืดกับภาษิตใหม่ฉบับนางฟ้า สงสัยอยู่กับพวกนี้นาน ๆ จิตหลุดแน่ ๆ เจสซี่ละมือจากพวงมาลัยมาครู่หนึ่งปรบมือพร้อมกับตัดบท
"เอาล่ะจ้ะสาว ๆ พอได้แล้วจ้ะ" เธอเปลี่ยนเป้ามาทางผม "พี่แทนอยากรู้จริง ๆ เหรอคะว่าใครส่งเจสซี่มา"
ผมยักไหล่ "ไม่ต้องตอบก็ได้ ของมันรู้ ๆ กันอยู่"
"ไม่คิดว่าพี่แบดจะเป็นคนโทรเรียกเจสซี่ให้มารับเหรอคะ"
"ถ้ากูเป็นแบดนะ" ผมถอนหายใจ "กูคงไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรหรอก"
"พี่แทนเป็นคนฉลาด" เธอบอกด้วยเสียงเรียบเรื่อย "แต่รู้มากไปก็เหมือนหนอนไหมนะคะ สำรอกใยออกมาพันธนาการตนเอง"
ผมยิ้ม "จากนั้นก็รอเปลี่ยนร่างเป็นผีเสื้อสินะ"
"หรืออาจจะถูกเอาลงไปต้มในน้ำร้อนเพื่อเอาใยมาทอผ้าเสียก่อน" เจสซี่ว่าอย่างใจร้าย "เอาล่ะค่ะ เจสซี่จะบอกตรง ๆ ว่ากำลังพาพี่แทนไปหาคุณน้าหฤษณ์"
"การเจรจาจบไปแล้ว กูบอกว่าไม่ตกลงไง"
"คุณน้าไม่ได้พูดสักคำว่าต้องการเจรจา เขาแค่ต้องการคุยกับคนที่ลูกชายของเขารัก พี่แทนจะไปไหมล่ะคะ ถ้าไม่ไปเดี๋ยวเจสซี่ไปส่งที่ท่ารถกลับมอก็ได้นะ"
ผมนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ในรถมีแต่ความเงียบ และผมตัดสินใจ
"มึงชนะ เจสซี่ พากูไปก็ได้ แต่.." ผมเพิ่ม "กูอยากรู้จริง ๆ ว่ะ เมื่อวานรู้ได้ไงว่ากูหลอกน้องกายไปให้พวกนางฟ้ากิน"
เจสซี่หัวเราะ หัวเราะด้วยชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
"ฮ่าๆๆ พี่แทนคงตงิด ๆใจสิตั้งแต่เมื่อวานแล้วสินะคะ ถูกอย่างที่พี่แทนคิด พี่โดนหักหลังอีกทีค่ะ มีคนส่งข้อความมาบอกเจสซี่ว่าน้องกายถูกพี่แทนหลอกไปให้พวกนั้นกิน"
"กูว่าแล้ว"
เจสซี่เอียงคออย่างน่ารัก "แล้วทีนี้พี่แทนจะบอกเจสซี่เป็นการแลกเปลี่ยนได้มั้ยคะ ว่าหัวหน้ากลุ่มนางฟ้าขบถคือใครกันแน่"
"มึงก็น่าจะรู้นี่ว่าข่าวใด ๆ มีมูลค่าของมันอยู่" ผมพูดยิ้ม ๆ
"ฮะๆๆ นั่นสิคะ เจสซี่ลืมไปเลย ถือว่าเจสซี่ไม่ได้ถามล่ะกันนะคะ ช่วงนี้เจสซี่กลัวใจพี่แทนค่ะ ไม่รู้ว่าจะโดนหลอกปั่นหัวแบบที่หลาย ๆ คนโดนหรือเปล่า"
"โดนซะบ้างก็ดีนะเจสซี่ มึงน่ะปั่นหัวคนอื่นมาเยอะแล้ว โดยเฉพาะกูนี่โดนบ่อยที่สุดเลย"
"ปั่นหัวอะไรกันคะ ผีปั่นหัวหรือเปล่า คิคิ" ยัยซันจี้จอมทะลึ่งแซวมาจากหลังรถ สาว ๆ หัวเราะกันคิกคัก ทำลายบรรยากาศเคร่งเครียดไปในพริบตา
ผมชะงักไปครู่หนึ่ง สะบัดหน้าเงยขึ้นแล้วหัวเราะ
"ฝากไว้ก่อนนะเจสซี่"
"อย่าลืมมาถอนคืนด้วยนะคะ ช่วงนี้ดอกเบี้ยมันต่ำค่ะ ฝากไว้ไม่ค่อยคุ้มค่าหรอก"
"หึหึ" ผมหัวเราะในคอแล้วนิ่งเงียบจนกระทั่งถึงจุดหมาย
เจสซี่ส่งผมลงหน้าสยามพารากอนแต่ไม่ยักกะออกมาด้วย ผมเดินอ้อมไปเคาะกระจกที่หล่อนเปิดออกมาคุย
"ไม่ไปส่งหน่อยเหรอ"
"ไปส่งทำไมคะ พี่แทนก็มีขาเดินไปเองนี่นา"
"แรงนะมึง"
"แหมล้อเล่นค่ะ แต่เจสซี่ไม่ว่างจริง ๆ เดี๋ยวต้องควงสาว ๆ ไปเดินฉุยฉายให้ตกเป็นข่าวหน้าบันเทิงสักหน่อย หม่อมแม่จะได้ปลื้มเจสซี่มาก ๆ ไงคะ"
"ถุย.. ไอ้เจษฎา ถ้ามึงขึ้นหน้าบันเทิงกูก็เป็นพระเอกฮอลลีวู้ดไปแล้วเฟ้ย"
"ว้าย! เจสซี่ไม่กล้าเถียงค่ะ ถ้าลอร์ดออฟเดอะริงมีอีกภาค พี่แทนอาจจะได้บทกอลลัมก็ได้นะคะ"
ผมอ้าปากค้าง ขณะที่เจสซี่โบกมือบ๊ายบายแล้วเลื่อนรถออกไปจากใต้สะพานลอยรถไฟฟ้า รถข้างหลังบีบแตรไล่ผมที่ยืนหันรีหันขวางอยู่บนเลน ผมกระโดดกลับขึ้นไปบนฟุตบาท แล้วชูกำปั้นคำรามไล่หลังรถไอ้เจสซี่
"My precious! My precious!" อุ๊บ *x* ไม่ใช่แล้ว "ยัยตัวแสบเอ๊ย!"
แล้วตูจะไปหาป๋าไฮด์จากไหนล่ะฟะเนี่ย
เป็นความคิดแรกที่เข้ามาหลังจากที่หันรีหันขวางอยู่กลางผู้คนได้พักใหญ่ ๆ ผมรู้สึกเหมือนโดนปล่อยเกาะอีกแล้ว และยังไม่มีค่ารถกลับสักเก๊เดียวอีกเช่นกัน บ้านน้าที่ใกล้ที่สุดก็ดันอยู่ตั้งซอยรางน้ำ บ้านยายอีกสามคนอยู่ฝั่งธน บางนา บางเขน แต่ละที่ใกล้สยามชิบหายเลย
ใช่ล่ะ ผมปิ๊งไอเดียโฉด เดี๋ยวรอดึก ๆ เดินไปแถว ๆ สุริวงศ์ ปลอมเป็นเด็กขายหาตังกลับมอดีกว่า ฮ่าๆๆ แต่ไอ้แบดมันต้องแพ่นกบาลกูแตกแน่ ๆ ถ้ารู้เข้า
แต่ความคิดฟุ้งซ่านของผมก็กระเจิดกระเจิงไปหมดเมื่อมีมือยื่นมาจับบ่าผมและกำหมับไว้ ผมหันขวับกลับไปอย่างตกใจ
"พี่ไฮด์.."
เขาส่งยิ้มให้ หวา ๆ คุณพี่ เอ๊ยคุณพ่อ อย่าหล่อเจิดจ้านักได้ไหมครับ เดี๋ยวกระผมจะเปลี่ยนใจจากลูกชายมาคว้าคุณพ่อยังหนุ่มหรอกเนี่ย อิอิ
"เป็นไงล่ะเรา สบายดีไหม"
"ก็กินได้นอนหลับตามปกติครับ" ผมเปลี่ยนเป็นโหมดงอนโดยอัตโนมัติเมื่อจำได้ว่าโดนคุณป๋าแกเล่นอะไรไว้บ้าง
"อืม.." เขาพลิกดูนาฬิกาเรือนทองที่ข้อมือ "ห้างเพิ่งเปิด ไปเดินเล่นมั้ยหรือหิวข้าวหรือเปล่า"
"ขอบคุณ ไม่หิวหรอกครับ แต่หาที่นั่งคุยเงียบ ๆ ก็ดี"
ป๋าแกปล่อยมือจากบ่าของผมที่เขาจับอยู่ ผมก็เพิ่งรู้สึกตัว แต่ไม่ทันไรก็โดนคว้ามือแล้วจูงออกไปจากตรงนั้นเสียแล้ว
เราเข้าประตูชั้นสอง ตรงทางลานเชื่อมระหว่างสองอาคาร พอเข้าไปสิ่งแรกที่ผมเห็นคือเงาของเราที่สะท้อนอยู่ในกระจกอันมีม่านน้ำเคลือบอยู่ราง ๆ ผมใจหายวูบเมื่อเห็นเหมือนเงาหัวตัวเองหายไป พี่ไฮด์หันกลับมามองผมเมื่อรู้สึกว่าผมชะงักเท้า
"มีอะไรหรือเปล่า"
"เปล่าครับ" ผมบอก สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่เงาของตนเองซึ่งบัดนี้สะท้อนเต็มตัวแล้ว คงจะเป็นเพราะม่านน้ำที่ไหลอาบกระจกอยู่จึงทำให้เกิดภาพผิดแปลก ผมสลัดความกังวลออกไปแล้วปล่อยให้ถูกจูงเหมือนเด็กเล็ก ๆ
เรามาเดินทอดน่องกันที่ชั้นไหนก็ไม่รู้ แต่ที่ผมเห็นคือร้านที่ตกแต่งสวย ๆ ขายของแอนทีคงาม ๆ หลากหลายรูปแบบ ชั้นนี้ยังไม่ค่อยมีคน ผมชอบบรรยากาศแบบนี้และรู้สึกปลอดโปร่งมากกว่าที่จะต้องลงไปแย่งอากาศกันหายใจแถว ๆ ฟู้ดคอร์ท
“จะคุยเรื่องอะไรเหรอครับ” ผมหันไปถามเขาที่เดินไพล่หลังชมชิ้นงานโชว์ผ่านผนังกระจก เขาหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มชวนสนิท
“ไม่รู้เหมือนกัน พอพี่เห็นหน้าเราพี่ก็พูดอะไรไม่ค่อยออก”
“ให้ผมเรียกคุณพ่อดีกว่าไหม ไหน ๆ ผมก็จะเป็นเขยอยู่แล้ว”
“ใจกล้าจังนะ ได้ข่าวว่าพ่อแม่แฟนเราเขายังไม่ตกลงยกลูกชายให้นี่”
“ยังไม่ยกให้วันนี้ เดี๋ยววันหลังก็ยกให้เองแหละ” ผมเถียงข้าง ๆ คู ๆ
“อ้าวนะ แต่ยังไงพี่ก็ไม่อนุญาต”
ผมทำทีปั่นปึ่ง “จะไม่ยกไอ้แบดให้ผมเหรอ”
“ไม่อนุญาตให้เรียกคุณพ่อต่างหากล่ะ เรียกพี่นี่แหละดีแล้ว เราสามคนจะได้เป็นพี่น้องกันไง พี่ใหญ่ไฮด์ พี่รองแบด และน้องเล็กแทน น่ารักดีออก”
“ง่ะ” ผมอ้าปากค้างต่อการสรุปของคุณพ่อที่อยากเป็นคุณพี่ “เฮ้อ..เอางั้นก็ได้ คุณพี่ไฮด์..พอใจไหมครับ”
พี่แกพยักหน้า ยิ้มโคตรน่ารัก ผมใจเต้นระรัวยังนึกอยู่ว่าสวรรค์อวยพรหรือสาปแช่งกันแน่ที่ให้ได้เจอหนุ่มหล่อหลุดโลกพร้อมกันทีละหลาย ๆ คน แต่กินไม่ได้เพราะคนหนึ่งเสือกเป็นยัยเจสซี่ อีกคนก็ดันเป็นพระบิดาของสวามีไปเสียฉิบ
“ผมไม่อยากจะเชื่อ” ผมใช้เสียงที่จริงจังขึ้น “ว่าคนอย่างพี่ไฮด์จะเป็นคนที่แต่งงานเอาผู้หญิงบังหน้า แล้วแอบกินเล็กกินน้อยลับหลัง”
“พี่เป็นคนอย่างนั้น” หฤษณ์ตอบ “พี่เล่าไปหมดแล้วนี่วันนั้นน่ะ” เขาเดินไปและพูดไปเรื่อย ๆ “ทั้งหมดเป็นความผิดของพี่เอง เป็นความคิดโง่ ๆ และเห็นแก่ตัวที่เอาชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งและเด็กคนหนึ่งมาทำลายเพื่อหน้าตาและฐานะทางสังคมของตนเอง”
ผมนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดกับเขา “ผมมีความคิดของผมอยู่ แต่ผมอยากฟังอีกครั้งว่าทำไมถึงต้องให้ผมเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย”
“เพราะพี่รู้ว่าแบดชอบเรา ชอบตั้งแต่แรกเห็น”
“รู้ได้ไงครับ”
“เจสสิก้าบอก”
“ทำไมถึงเชื่อ”
“เธอเป็นคนฉลาด และช่างสังเกต เธอให้เหตุผลอย่างที่พี่คัดค้านไม่ได้ คือแบดได้พบกับคนที่เขาอยากเป็น”
“ผมน่ะเหรอ” ผมชี้ตัวเองอย่างแปลกใจ
“คนที่ต่อต้านสิ่งที่ตนไม่ชอบ ดื้อด้าน เปิดเผยความคิดอย่างตรงไปตรงมา และกล้ายอมรับในตนเอง ใช่แล้ว..นั่นแหละคือเราล่ะแทน”
“แต่..ทำไม? นั่นคือคำถามที่พี่ยังไม่ได้ตอบนะครับ” ผมทวง
“แทนอาจจะไม่เชื่อ แต่จงรู้ไว้เถอะว่าพี่อยากไถ่บาป อยากให้เขามีความสุข เป็นในสิ่งที่เขาเป็นจริง ๆ มันไม่ใช่สงครามแล้วแทน แต่เป็นเรื่องที่พ่อคนหนึ่งต้องปวดใจเมื่อเห็นลูกชายต้องทนทุกข์ทั้งกายและใจ พี่ยอมรับว่าพี่ผิดอย่างมหันต์ที่เข้าไปบงการจัดฉากชีวิตให้คนอื่น แต่แทนครับ..ความทรมานจากการเก็บความรู้สึกไว้คนเดียวน่ะมีมากขนาดไหน แทนรู้ไหมล่ะ”
ผมรู้สึกร้าววูบจากใจกลางอกซ้าย ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะ ผมรู้ดีทีเดียว
“แล้วรู้ได้ไงครับว่าแบดจะเป็นเกย์”
“เขาอาจไม่ใช่เกย์ แต่เขาชอบแทน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งพี่คิดว่าเราควรจะยอมรับว่ามันเป็นความจริงนะ”
“ก็ได้ครับ” ผมตัดสินใจในที่สุด “ผมจะช่วยพี่ในเรื่องนี้”
“พี่ไม่คิดว่าแทนจะช่วยได้นะ” พี่หฤษณ์ขัดอย่างที่ทำให้ผมมึนงง “และคนที่ต้องการความช่วยเหลืออาจจะไม่ใช่ลูกแบ่ด เขาปีนขึ้นมาจากหลุมเมื่อไหร่ก็ได้อยู่แล้ว”
“แล้วทำไมต้องให้เจสซี่ไปยื่นเงื่อนไขให้ผมด้วยล่ะ”
หนุ่มหล่อตรงหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ “ลองใจไง พี่อยากรู้ว่าเราหวังให้ลูกชายพี่ได้รับความสุขที่แท้จริงหรือเปล่า หรือหวังแค่อย่างอื่น”
“แล้วถ้าผมตอบตกลงในวันนั้น..”
“ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น พี่ก็ไม่ขัดขวางอะไร แต่อาจจะจับตาดูเราอย่างระมัดระวังมากขึ้น”
“หึหึ” ผมหัวเราะในคอ “ผมเข้าใจผิดมานานว่าคนที่ร้อยเล่ห์แสนกลที่สุด และชักใยบงการเก่งที่สุดก็คือเจสซี่ แต่ไม่ยักกะรู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า”
“กลัวเหรอ”
“น่ากลัวครับถ้าต้องเป็นศัตรูด้วย แต่โชคดีที่เป็นพ่อตาผม”
“แน่ใจว่าเป็นพ่อตา หึๆๆๆ” เขาหลิ่วตาแล้วหัวเราะ
ผมหัวเราะตามไปด้วยเพราะรู้ว่าหมายความว่าไง