ผมขี่จักรยานกลับก่อนเที่ยงคืน เพราะรู้สึกเนือย ๆ ทางกั้นเข้าม.ถูกปิดไปแล้ว แต่ก็ไม่ยากเท่าไหร่ แค่แบกจักรยานข้ามกำแพงสูงสองเมตร (ความสามารถส่วนบุคคลห้ามลอกเลียนแบบ) หลังจากนั้นก็ดอดเข้าหอผ่านพี่ยามที่ซี้กันไปแล้วโดยไม่ต้องเซ็นชื่อ
ผมกำลังจะไขประตูเข้าห้อง แต่ได้ยินเสียงกีต้าร์เหงา ๆ ดังมาจากระเบียงสุดทาง มีเงาคนนั่งกับขอบระเบียง ในมือมีกีต้าร์โปร่ง และกำลังดีดด้วยทำนองแผ่ว
ปลายเท้าของผมถูกดึงเข้าไปหาคนผู้นั้นโดยไม่อาจต่อต้าน เสียงเพลงที่ดังอยู่ในหัวใจ มันสอดรับกับเสียงจากเครื่องดนตรียามวิกาลนี้
ระเบียงเล็ก ๆ ตรงทางหนีไฟ อดัมตกใจจนทำเสียงเปรื่องของเส้นสายที่ถูกดีดพร้อมกันเมื่อเห็นผมก้าวเข้าสู่อาณาจักรอันอบอวลไปด้วยเวทมนตร์แห่งแสงจันทร์
“พี่แทน..”
“กูเอง” ผมบอก แล้วขยับไปนั่งบนขอบระเบียงด้วย “เล่นต่อสิ กูชอบ”
หนุ่มหน้าแขกดันแว่นของเขาขึ้นเล็กน้อย ผมมองไม่เห็นสีหน้าของเขา แต่เขาก็เกากีต้าร์และฮัมเพลงเบา ๆ
http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?songID=V2DBDBPA0&Autoplay=1Hiding from The Rain and Snow
Trying to forget but I won't let go
Looking at a crowded street
Listening to my own heart beat
So many people all around the world
Tell me where do I find someone like you girl
Take me to your heart take me to your soul
Give me your hand before I'm old
Show me what love is - haven't got a clue
Show me that wonders can be true“พี่แทน เป็นอะไรครับ”
“เปล่า ไม่เป็นไร” ผมปาดแขนเสื้อเช็ดดวงตาชื้น “เพลงนี้มันเพราะดีว่ะ”
ผมแหงนมองท้องฟ้าผ่านเงาของยอดไม้ที่วูบไหว บนนั้นมีดวงโคมสีนวลยองใยส่องสว่างอยู่กลางฟ้า ลมดึกพัดมา แต่เหมือนลมอุ่นที่โอบอุ้มให้ทั้งร่างผ่อนคลาย
“กูเคยได้ยินเพลงนี้ ลองเริ่มใหม่ได้ไหม”
อดัมพยักหน้าแล้วดีดกีต้าร์เริ่มอินโทรของเพลง ทำนองนั้นสร้างหลุมว่างโหวงในหัวใจ ผมร้องท่อนที่สองแทน
Standing on a mountain high
Looking at the moon through a clear blue sky
I should go and see some friends
But they don't really comprehend
Don't need too much talking without saying anything
All I need is someone who makes me wanna singอดัมร้องคลอด้วยเสียงทุ้มลึกของเขา
Take me to your heart take me to your soul
Give me your hand before I'm old
Show me what love is - haven't got a clue
Show me that wonders can be true
They say nothing lasts forever
We're only here today
Love is now or never
Bring me far awayเขามองตาผม และเลื่อนมือเข้ามาช้า ๆ จนกระทั่งแตะหลังมือผมแต่แผ่วเบา
Take me to your heart take me to your soul
Give me your hand and hold me
Show me what love is - be my guiding star
It's easy... take me to your heartครึ่ม!!รองเท้าผ้าใบเก่า ๆ ถูกเขวี้ยงมาจากอีกตึกจนกระทบประตูทางออกระเบียงหนีไฟดังลั่น ผมกับไอ้ดำสะดุ้งโหยง
“โว้ย! หยุดหอนซักที รำคาญโว้ยกูจะหลับจะนอน!”อดัมยิ้มแหย กระโดดลงจากขอบระเบียงเตรียมเก็บกีต้าร์ ส่วนผมอะเหรอ ควานหารองเท้าบ้า ๆ นั่นจนเจอ แล้วเขวี้ยงกลับไปสุดแรงเกิด มันลอยละลิ่วจนไปกระแทกกระจกตึกอีกฝั่งแตกเพล้ง มีเสียงหวีดร้องอย่างตกใจ ไอ้อดัมยังทำหน้าเอ๋อ ผมเลยรีบดึงข้อมือมันให้วิ่งหนีเข้าไปในตึก แล้วหมุนประตูห้องผมเปิดเข้าไปหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังในบานประตู
“สะใจดีว่ะ สมน้ำหน้าไอ้พวกไม่มีอารมณ์ศิลป์ ฮ่าๆๆ”
หนุ่มวิดวะไม่พูดอะไร เขานั่งลงกับเตียงแล้ววางกีต้าร์ลงข้างตัว แขนทั้งสองข้างท้าวไปข้างหลัง ตัวของเขาเอนถอยไปเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาวาว ๆ จ้องผมอยู่ในความมืด
“พี่แทน..”
“อะไร”
“ยังโกรธผมอยู่หรือเปล่า”
“ถ้ากูโกรธมึงกูจะไปแหกปากกะมึงเมื่อกี้เหรอวะ”
“งั้นพี่แทนชอบ..” อดัมชะงักนิดหนึ่ง ก่อนจะเติมประโยคให้เต็ม “ชอบเพลงนี้มั้ย”
“ชอบสิ มึงร้องได้เพราะมากเลย ดีดกีต้าร์ก็เก่ง”
อดัมยิ้มน้อย ๆ “ผมเคยเล่นวงโรงเรียนนี่ เสียงจะแหบเหมือนเป็ดเทศอย่างพี่ได้ไง”
ผมผลักหัวมัน “โอ้โหมึงนี่ กูชมเข้าหน่อยลามเหมือนขี้กลาก กูไม่น่ายกหางมึงเล้ย”
“ผมมีหางซะที่ไหนล่ะ”
“มีเดะ หางข้างหน้าไง” ผมนึกทะลึ่งขึ้นมาก็เลยคว้าตรงเป้าของมัน..แม่งแข็ง
อดัมคว้าข้อมือผมหมับ ผมชักใจเสีย มันจะต่อยผมหรือเปล่าที่ไปหยอกแบบนี้ แต่ผิดคาด มันค่อย ๆ เขย่งตัวขึ้นพร้อม ๆ กับที่เหนี่ยวบ่าผมลงมา ผมแน่นิ่ง ถูกสะกดด้วยดวงตาวิบวาว อดัมค่อย ๆ จูบผมเบา ๆ จูบแบบเด็กหนุ่มแรกรัก เพียงแตะริมฝีปาก แต่ไม่รุกล้ำ
“Could you take me to your heart?”
ผมอึ้งแดก ภาษาอังกฤษผมพอถู ๆ ไถ ๆ ฟังออกอยู่และคิดว่าหูไม่ฝาด
“Could you take me to your soul?
And could you give me your hand?
If you still silent I’ll assume you want to say ‘yes’.”
“เยส” ผมพลั้งปากตอบไปโดยไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน เมื่อนั้นล่ะจูบอันร้อนลวกจึงตามมาเป็นบทลงโทษของความปากพล่อย
.
.
.
.
.
รอฉาก NC-17 อยู่หรือเปล่าครับ
.
.
.
.
.
.
.
.
เสียใจด้วยนะครับ เรื่องนี้ไม่มีฉาก NC-17 เลยสักนิ๊ดดดดดดดเดียว
.
.
.
.
.
.
แล้วก็ ถ้าเพลงไม่มาก็กดรีเฟรชนะครับ ^ ^
.
.
.
.
.
.
กว่าผมจะตื่น ก็บ่ายสอง ผมซึ่งงุนงงขยับลุกดูนาฬิกา แล้วกลอกตาไปมา โชคดีที่วันนี้ไม่มีเรียนเช้าของอาจารย์วิทย์ และคาบบ่ายพวกลูกสมุนของผมคงทำการปลอมตัวเช็ดชื่อให้แล้ว บนเตียงว่างเปล่า ผ้าห่มถูกพับไว้อย่างเรียบร้อย และผ้าปูที่นอนก็ตึง ผมเห็นโน้ตที่เสียบไว้กับหน้าคอมพิวเตอร์
‘ผมไปเรียนนะครับพี่ อย่าลืมลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวล่ะ ผมไม่ชอบคนตัวเหม็นนะ’
ผมมึนหัวอยู่สองสามวิกับลายมือที่ไม่คุ้นเคย ก่อนความทรงจำของเรื่องที่เกิดขึ้นมือคืนก่อนจะไหลย้อนกลับมา ผมรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้า แต่ไม่ทันไร โทรศัพท์ที่ผมปิดเสียงวางไว้บนโต๊ะก็สั่นขึ้นมา ผมหยิบมาดู เบอร์ของยัยเจสซี่นี่หว่า
“ว้าย พี่แทนขา เจสซี่โทรเป็นสิบ ๆ รอบแล้วทำไมพี่แทนไม่รับเลยคะ” “กูเฝ้าพระอินทร์อยู่ที่ปราสาทไชพยนต์ จะรู้มั้ยล่ะว่ามนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างมึงจะโทรหา”
“ต๊าย..มุขโบฯ นี่นะคะ เจสซี่มีข่าวใหญ่ ได้ยินพวกวิดวะลือกันว่าพี่แทนมีแฟนเป็นเด็กวิดวะไฟฟ้าปีหนึ่ง” “ง่ะ” ผมอ้าปากค้าง นี่กูเผลอไม่ได้เลยใช่มั้ยนี่ ข่าวสารเดี๋ยวนี้มันไวจนน่ากลัวจริง ๆ
“เจสซี่ไปสืบมาแล้วนะคะ ใช่น้องอดัมสุดหล่อคนที่เป็นรูมเมตน้องทีมหรือเปล่าเอ่ย” “ง่ะ” ผมอ้าปากหวอเป็นครั้งที่สอง มึงจะรู้ลึกไปถึงไหนวะอีเจสซี่
“โฮะ ๆ ยังมีข่าวอีกกระแสนะคะ ได้ยินว่าพวกปีสามไม่พอใจอะไรสักอย่าง เลยเรียกอดัมไปลงระเบียบค่ะ เรียกไปเดี่ยว ๆ ไม่เกี่ยวกับคนอื่นด้วย มันน่าคิดไหมล่ะคะ” “ที่ไหน มึงรีบบอกกูมาว่าพวกมันเรียกตัวไอ้ดำไปที่ไหน”
“โรงยิมสาม หลังสระว่ายน้ำค่ะ ว้าย! เจสซี่ไม่น่าพูดเลย พี่แทนอย่าไปนะคะมันอันตราย”ผมกดวางสาย ที่หน้าจอมีเบอร์เรียกเข้ามากมาย หนึ่งในนั้นคือเบอร์ของน้องกาย ผมกดโทรหา
“ไอ้กายเหรอ นี่กูพี่แทนนะ”
“อ้าวพี่ ตื่นแล้วเหรอ” “มึงเรียนเสร็จยัง”
“เสร็จแล้วคับ กำลังจะกลับหอกัน” “ยังไม่ต้องกลับ มึงฟังกูให้ดี มึงบอกไอ้เกี๊ยง ไอ้เบ๊ ไอ้แสบ กะไอ้ทีมว่ากูเรียกรวมพล ให้ไปรอกูที่ข้างโรงยิมสามหลังสระว่ายน้ำ ไปเดี๋ยวนี้”
“ครับ ๆ พี่”ผมวางสายแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
ผมแจกผ้าขาวมีอักษรแดงให้พรรคพวก มันเขียนเป็นภาษาไทยปนอังกฤษ
‘Fuck off โซตุ๊ด’พวกมันเอามาโพกหัวด้วยสีหน้าฝืนใจเต็มทน มีแต่น้องกายนี่แหละที่ท่าทางกระตือรือร้น และรำเพลงฝ่ามือปราบมังกรทั้งสิบแปดท่าไปมา
“เราจะรวมพลไปสะพานมัฆวานรังสรรค์กันใช่ไหมพี่”
เจ้าเกี๊ยงเด็กตัวสูงโย่งผอม ๆ ขาว ๆ ตาตี่ ๆ ถามผม พลางยักคิ้ว
“มึงไปคนเดียวเหอะ กูยังไม่อยากเอาระเบิดขวดไปปาใส่แป๊ะลิ้ม”
“หรือว่าจะรวมพลังกันกอบกู้ยุทธจักร ปราบจอมมารชินแม้วเจี๊ยะให้สิ้นซาก”
ผมผลักหัวไอ้กาย “มึงพากูไปให้ไกล ๆ คุกหน่อยได้มั้ย”
“เอาล่ะ ภารกิจที่แท้จริงของเราคือการบุกเข้าไปในโรงยิมแห่งนี้ และช่วยเจ้าหญิงที่ถูกมังกรชั่วร้ายจับเอาไว้”
“เอ่อ” ไอ้เบ๊หนุ่มหน้าเอ๋อแว่นหนาเตอะยกมือขึ้น ตัวมันเตี้ยขนาดเหยียดแขนจนสุดยังไม่เลยหัวไอ้เกี๊ยงเลย “มีมังกรกี่ตัวฮะ”
“ไม่รู้ว่ะ รู้แต่ว่าหัวหน้าของมันเป็นโคตรตะกวดครึ่งแย้ ชื่อไอ้แบด มึงเก็บมันไว้ให้กูจัดการเองล่ะกัน”
ทุกคนโห่ฮาเป่าปากยกเว้นไอ้ทีมที่เงียบสนิท “ว้าว ๆๆ จะจับกดกลางยิมเลยมั้ยพี่”
“หึ ยิ่งกว่านั้นอีก กูจะจับมันเปลื้องผ้า แล้วเอาไปแขวนไว้ที่หน้าอาคารเรียนรวม คล้องป้ายประจานความชั่วช้าของระบบโซตัสไว้ที่คอ ข้างล่างจะตั้งโต๊ะลงนามให้ผู้คนมาหยิบไข่ไก่กะมะเขือเทศไปปามันได้ตามใจชอบ”
ปึง!ประตูโรงยิมใกล้ ๆ กับที่รวมพลของเราเปิดออกผาง ไอ้เหี้ยแบดยืนหล่อยิ้มเหี้ยมอยู่ตรงนั้น
“พวกมึงจะเข้าหรือไม่เข้า มัวแต่ยืนโม้อยู่ได้”
“เฮ้ย..พะ..พวกเราลุย”
ผมทำท่าจะออกตัว แต่ไอ้แบดยืนมองเฉย ผมเลยหันไปข้างหลัง ปรากฏว่าเพื่อน ๆ ถอยกรูด
น้องกายประสานมือกล่าว “รังสีอำมหิตที่น่ากลัวนัก แทนตั่วเฮีย(พี่ชายใหญ่แซ่แทน)โปรดระมัดระวัง”
“ไอ้ทีมมึงช่วยกูดิ๊”
ผมร้องอย่างสิ้นหวัง
“ธุระไม่ใช่” มันบอกหน้าตาเฉย ไอ้เกี๊ยง ไอ้เบ๊ และไอ้แสบก็สั่นหัวดิก และยิ่งถอยกรูดไปใหญ่เมื่อเห็นพวกวิดวะปีสามหน้าโหดตัวใหญ่พอ ๆ กะแฟรงเก้นสไตน์เดินออกมาอีกสองคนยืนอยู่ข้างหลังไอ้แบด
“ก็ได้ กูจะพลีชีพเพื่อสร้างทางธรรม โลกจะจารึกไว้ว่ากูตายเพื่อล้มล้างโซตัส ย้าก...!!!”
ผมตะโกนก้องแล้วเงื้อหมัดวิ่งหราเข้าไป แต่ไอ้แบดแทบไม่ต้องหลบ มันคว้าข้อมือผมไว้ มืออีกข้างเอื้อมมาโอบเอว อีกสองคนช่วยกันจับขาผมยกขึ้น ผมร้องโวยวาย แต่พวกเพื่อนสารเลวกลับยืนดูผมถูกลากตัวเข้าไปในยิมโดยไม่ช่วยอะไรเลย เย็สแม่ง!
..เจอกันพรุ่งนี้ครับ ถ้าผมยังไม่ตายคากองการบ้านนะครับ แหะแหะ..