อุทิศตอนนี้ให้กับทุกๆคนที่คิดว่าคำว่าครอบครัวมันก็แค่
การอยู่รวมตัวกันของคนหลายคน ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ใช่แค่การรวมตัวกันแค่ทางกายแต่ใครจะรู้ล่ะว่าจริงๆแล้วมันคือจุดรวมหัวใจของคนที่รักกันและกันไม่ใช่หรือ...
สำหรับตอนนี้โจ๊กเขียนเพื่อให้เพื่อนๆได้เห็นว่าจริงๆแล้วครอบครัวโจ๊กก็เหมือนกับครอบครัวอื่นทั่วๆไป มีเสียงหัวเราะ มีเสียงร้องไห้ มีการทะเลาะและตบตีไม่ต่างอะไรกับครอบครัวทั่วไป แต่เหนือสิ่งอื่นใดหากเรารู้จักคำว่าอภัยและหันหน้าเข้าหากันเรื่องจะหนักหนาสาหัสซักแค่ไหนจะใหญ่จนเกินรับไม่ได้ซักเท่าไหร่ บทลงเอยสุดท้ายไม่ว่าจะอย่างไงหากความรักเรายังคงมีให้ต่อกันความสัมพันธ์ดีๆมันจะหวนกลับมาเองครับ
ขำขันกันมาหลายตอนแล้วใช่มะ มาครับเราไปเปลี่ยนอารมณ์ชมความเจ็บปวดของครอบครัวโจ๊กบ้าง เพราะในความเป็นผู้นำก็ใช่ว่าจะนำคนในบังคับบัญชาได้เสมอไป
ปล.หลายคนที่อ่านตอนนี้คงสมใจที่เห็นไอ้โจ๊กโดนยำซะที
![:z3:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/01.gif)
ใช่ซี้ก็เรามันไม่ได้น่ารักเหมือนไอ้สองตัวนั้นนี่
~~เออกูผิด 3...ตอนที่ 7~~ ระเบิดลง“ มึงไปไหนมาไอ้โจ๊ก ” ไอ้บึกเดินมากระชากไหล่ถามผม
“ กินเหล้ากับเพื่อน ”
“ เพื่อนที่ไหน ใครไอ้เป็ดไอ้ไก่ไอ้กาที่ไหนอีก นี่มันจะตีห้าแล้วนะ มึงรู้ไหมพวกกูต้องมาแหกตานั่งคอยมึงอยู่เนี้ย ”
วันนี้มันวันซวยอะไรของผมนะ เช้าตื่นลืมตาขึ้นมาก็ต้องมาเจอแต่เรื่องให้ต้องปวดหัวจี๊ดๆ ไหนจะเรื่องในบ้านไหนจะเรื่องนอกบ้าน ถ้าถามเรื่องในบ้านมีอะไรให้ต้องปวดหัวในเมื่อสองเมียรักก็ออกจะสามัคคีกันออกขนาดนี้...แต่มันก็มีจริงๆนะครับ งั้นเราไปเริ่มที่เรื่องในบ้านกันก่อนเลยดีกว่าครับ
“ แล้วทำไมไม่นอน ใครใช้ให้พวกมึงมานั่งรอ ”
“ อ๋อนี่พวกผมผิดใช่พี่โจ๊กที่ดันเป็นห่วงพี่เนี้ย ” ไอ้โมลุกขึ้นมายืนเท้าเอวปากก็แว๊ดๆใส่ผมอย่างไม่ลดละเสียงลงแม้แต่น้อย
ก็คงด้วยความรักและสามัคคีกันจนเกินไปมั้งครับเลยทำให้เหมือนผมกลายเป็นหนุ่มน้อยผู้โดดเดียวประจำบ้าน จะหยิบจะจับจะทำอะไรก็ดูผิดที่ผิดทางไปหมดจนบ้างครั้งผมก็อยากหาโอกาสได้อยู่กับตัวเองเงียบๆคนเดียวบ้าง
อย่าวันนี้ก็เช่นกันเพื่อนที่ทำงานเก่าหลังจากที่เราแทบไม่ได้ติดต่อกันมาเลยโทรมาชวนไปกินเหล้าผมก็แค่ไปตามคำเชิญก็เท่านั้น ยอมรับครับว่าไม่ได้โทรบอกกับคนที่บ้านเพราะคิดว่าไปแค่แปปเดียวจริงๆ แต่ก็อย่างว่าครับที่ไหนอยู่แล้วรู้สึกสบายใจเป็นใครก็อยากอยู่นานๆจริงไหมครับ
แต่ไม่ใช่ว่าไอ้สองตัวที่บ้านผมจะทำให้ผมไม่สบายใจถึงขนาดนั้นนะ เพียงแต่วันนี้มันแตกต่างออกไปจากวันปกติทั่วๆก็แค่นั้นเอง ก็แค่ไอ้บึกเกิดระแวงผมกับเพื่อนร่วมงานใหม่จนมันนำมาเปิดประเด็นทุกครั้งที่เราเริ่มจะมีปากมีเสียงกัน ส่วนไอ้โมขานี้ก็แทบไม่อยากให้ผมได้ออกไปเปิดหูเปิดตาที่ไหนยามค่ำคืนถ้าไม่มีพวกมันไปด้วย คำว่าอิสระหายไปจนผมแทบหายใจไม่ออก....
“ อย่าพาลสิโม พี่ก็ไม่ได้ว่าเราผิดที่เป็นห่วงพี่ ” ผมยืนโงนเงนเพราะน้ำเมาทำพิษ
“ ทำไมพี่ไม่รับสายโมกับพี่ปลาบึก เดี๋ยวนี้จะไปไหนมาไหนไม่จำเป็นต้องบอกต้องกล่าวกันแล้วใช่ไหม ”
“ นี่พี่เป็นลูกเราเหรอโม จะไปไหนพี่ต้องรายงานเราตลอดเลยเหรอไง ”
“ พี่ไม่ใช่ลูกผมหรอกครับ แต่ทำอย่างนั่นได้ไหมล่ะครับ ”
“ มันจะมากไปแล้วนะโม พี่ก็มีชีวิตของพี่ พี่มีเพื่อนมีสังคมมันก็ต้องมีออกไปสังสรรกันบ้างโมน่าจะเข้าใจดิ๊ ” ผมเริ่มมองหาที่ว่างๆเพื่อใช้วางก้นของตัวเองเพราะยืนแทบจะไม่อยู่แระ
“ ไอ้โจ๊กมึงพูดอย่างนี้หมายความว่าไง ” ไอ้บึกเดินเข้ามาประชิดตัวไอความโกรธโชยมาจนผมรู้สึกได้
“ หมายความว่าโมกับพี่ปลาบึกไม่มีชีวิตเป็นของตัวเอง พี่เท่านั้นที่มีเหรอไงแปลว่าทุกวันนี้ที่โมกับพี่ปลาบึกไปไหนมาไหนแล้วโทรรายงานกันนี่มันเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับพี่เหรอครับพี่โจ๊ก ”
“ พอเถอะโมพี่ปวดหัวพี่ขอตัว ”
“ ไม่ได้มึงต้องคุยกับพวกกูให้รู้เรื่อง ไม่งั้นคืนนี้ก็จะไม่มีใครได้นอนทั้งนั้น ”
“ ไอ้โม ไอ้บึก กูเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะวันนี้มีอะไรไว้คุยกันพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอ ” ความพยายามในการลุกจากไปจากตรงนี้หมดไปกับแรงกระชากคอเสื้อของไอ้ปลาบึก
“ ไม่ได้ / ไม่ได้ ”
“ มันจะอะไรกันนักกันหนาว่ะพวกมึง ” ผมเหลืออดกับเรื่องงี่เง่าตรงหน้าจนเผลอแผดเสียงดังแบบไม่ตั้งใจ ความเมาบวกความง่วงกำลังจะทำให้สติผมหลุดอยู่รอมร่อ
“ มึงมันเหี้ย ”
“ ใช่กูมันเหี้ยแล้วไงเหรอมึงมันไม่เหี้ย มึงมันคนดีนี่แล้วไงมึงก็ไปหาคนดีๆดิ มาอยู่กับคนเหี้ยๆ อย่างกูทำไม ไปดิ๊พากันไปเลย ” ผมสะบัดมือไอ้ปลาบึกก่อนจะผลักมันกระเด็นไปไกลตัว สติที่เหลืออยู่น้อยนิดขาดลงเพราะความน้อยใจที่คนที่ตัวเองรักด่าว่าผมเหี้ย...
“ ไอ้โจ๊กมึง ” หมัดหลุนๆพุ่งตรงเข้าหน้าใบหน้าด้านขวาผมอย่าจัง
“ โอ๊ยยย ”
ความเจ็บแล่นแปล๊บไปทั่วซีกหน้าด้านขวา ผมพยายามพยุงตัวเองที่โงนเงนจนแทบจะลุกขึ้นมายืนให้ตั้งฉากกับพื้นโลกแทบไม่ได้ หมัดตรงที่แม่นและหนักหน่วงถูกเหวี่ยงเข้ามากระแทกหน้าและเบ้าตาผมอีกหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งผมทำได้แค่ยกมือขึ้นปกหน้าตัวเอง เสียงคำรามร้องเพราะความโกรธของชายคนหนึ่งบวกเสียงห้ามเล็กๆของชายอีกคนหนึ่งมันไม่ได้มีผลอะไรที่จะทำให้สติและกำลังผมคืนร่างได้ ผมยังคงทำได้แค่ล้มตัวลงนอนให้ชายอีกคนรัวหมัดใส่ตัวเองไม่ยั้ง
“ ไอ้สัดทำไมมึงถึงทำอย่างนี้ ทำไม กูถามว่าทำไม ” ไอ้บึกยังคงใช้สองมือกระชากคอเสื้อผมขึ้นมาเค้นคอถาม
“ พอแล้วพี่บึกเดี๋ยวพี่โจ๊กตาย ” ไอ้โมเข้ามากระชากพี่ชายมันหลุดออกไปจากตัวผม
“ ตายก็ช่างแม่งมันสิ มันสมควรแล้ว ดีให้มันตายด้วยมือกูนี่แหละ ”
“ หึ ” ผมพยุงตัวขึ้นมานั่งขำกับตัวเอง...วันซวย...ใช่วันนี้มันเป็นวันซวยของผมจริงๆ
“ พี่โจ๊กไม่เคยเป็นอย่างนี้ ทำไมครับทำไมพี่ไม่พูดอะไรบ้างล่ะครับ ” ไอ้โมเดินเข้ามาก้มลงสวมกอดผมจากด้านหลัง
“ พวกกูไม่มีความหมายกับมึงอีกแล้วใช่ไหมไอ้โจ๊ก ” น้ำตาไอ้บึกไหลพราก ความผิดแล่นเข้ามาจับที่ขั้วหัวใจผมอย่างจัง
“ เปล่า ” เสียงตอบผมแทบจะไม่มี
ปากที่ตอนนี้รู้สึกถึงความตึงจนยกแทบไม่ได้ ตาที่ตอนนี้รู้สึกพร่าจนมองอะไรแทบไม่เห็น ผมยกมือลูบที่ปาก...ความแสบนิดๆปวดหน่อยๆทำให้ผมยังรู้สึกว่านี่คือเรื่องจริงไม่ใช่ฝันไป เลือดสดๆติดนิ้วโป้งมายามที่ผมลูบปากตัวเอง นี่มึงเล่นกูซะขนาดนี้เลยเหรอ
“ เจ็บตรงไหนบ้างครับพี่โจ๊กขอโมดูหน่อย ”
“ ไม่ต้องไปสนใจมัน มานี่ ”
“ พี่ปลาบึก พี่ทำเกินไปแล้วนะ ” ไอ้โมโดนไอ้บึกลากออกไปอีกห้องหนึ่งแล้ว คงเหลือแต่ผมที่ล้มตัวลงนอนตรงที่เดิม ที่ที่เหมาะกับคนเลวๆอย่างผมตอนนี้แล้ว
เช้าวันรุ่งนี้...ผมตื่นขึ้นมาด้วยสภาพที่ไม่ต่างอะไรกับจิ๊กโก๋โดนยำ สารรูปเละดูแทบไม่ได้ หน้าบวมตาปิดไปข้าง ผมลุกเดินกระย่องกระแยงไปส่องกระจกดูก็ต้องตกใจกับหนังหน้าตัวเอง เยินเกินจะรับได้จริงๆ..
“ มึงจะไปไหน ” เสียงไอ้คนที่ซ้อมผมเมื่อคืนดังขึ้นจากโซฟาอีกด้านของห้อง
“ ……. ” ผมละสายตาจากกระจกก่อนจะพาตัวเองเดินโซเซเข้าห้องน้ำไปอย่างเงียบๆ
“ หึ หยิ่งให้มันได้ตลอดนะมึง อย่าให้กูหมดความอดทนกับคนอย่างมึงไปมากกว่านี้นะไอ้โจ๊ก ”
รู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นไข้ร่างกายร้อนๆหนาวๆอีกแล้ว เมื่อคืนผมนอนตากแอร์อยู่ข้างล่างทั้งคืนผ้าห่มซักผืนก็ไม่มีใครเอามาห่มให้...แล้งน้ำใจชะมัดเมียกู
“ พี่โจ๊กครับเป็นไงบ้าง ” เสียงไอ้โมทุบประตูห้องน้ำถามไถ่อาการผม
“ ไปห่วงมันทำไม มันทำกับเราขนาดนี้ยังจะไปมีน้ำใจกับมันอีกเหรอ ”
“ พี่ปลาบึก โมไม่ใช่พี่นะ อย่างไงพี่โจ๊กก็เป็นคนที่เราสองคนรักไม่ใช่เหรอ ”
“ แล้วมันรักพวกเราไหมล่ะ ”
“ รักสิ ”
“ มึงรู้ได้ไงไอ้โม มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่มึงคิดก็ได้ ”
“ พี่เป็นอะไรไปพี่ปลาบึก พี่ปลาบึกคนเก่าที่ผมรักและเคารพไปไหนซะแล้ว ทำไมพี่ถึงทำกับพี่โจ๊กได้ขนาดนี้ ”
ผมเอนหลังพิงประตูฟังการสนทนาของคนสองคน คนที่เป็นคนที่ผมรัก คนที่เคยให้กำลังใจแม้ยามทุกข์ยากแค่ไหนก็ฝ่าฝันมาด้วยกัน จริงอย่างที่ไอ้โมพูดมึงเป็นอะไรไปไอ้ปลาบึก...
“ พอซะทีเถอะพี่ แค่นี้พี่โจ๊กก็แย่พอแล้ว นะโมขอร้อง ”
“ ไม่ใช่พี่ไม่รักมันนะโม แต่ดูมันทำสิ ”
“ โมบอกให้พอไง ” ไอ้โมกระชากเสียงขึ้นเหมือนคนเหลืออดเหลือทน
“ ...... ”
“ ถ้าพี่แตะพี่โจ๊กอีกแม้แต่นิดเดียว อย่าหาว่าโมไม่เตือน ”
“ ไอ้โมนี่มึงขู่กูเหรอ ”
“ โมไม่ได้ขู่ แล้วก็ไม่ได้เข้าข้างถือหางใครทั้งนั้น แต่โมรับไม่ได้ที่จะเห็นพี่โจ๊กโดนซ้อมแบบไม่สมเหตุสมผล ใช่...โมเองก็โกรธแต่ความโกรธมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นนี่ พี่ควรจะรู้นะว่าต้องทำอย่างไง คงไม่ต้องให้เด็กอย่างโมมาสอน ”
“ หึ อย่ามาพูดว่ามึงไม่ได้เข้าข้างใครเลยไอ้โม เพราะสุดท้ายมันเป็นอย่างไงมึงย่อมรู้ตัวดีที่สุด ”
“ หึ เหรอ แล้วเมื่อไหร่พี่จะรู้ตัวพี่เองซะทีล่ะ ”
“ ไอ้โม ”
“ หึ จะต่อยโมอีกคนเหรอ ก็เอาดิถ้าคิดว่ามันเป็นทางออกของลูกผู้ชายที่เค้าทำกัน ”
“ หยุดได้แล้ว ” ผมพยุงตัวเองเดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อมายืนตรงกลางระหว่างคนสองคนที่กำลังจะแตกคอกัน
“ โหพี่โจ๊ก พี่เป็นหนักถึงขนาดนี้เลยเหรอ ”
“ พี่ไม่เป็นอะไร พี่ดีขึ้นแล้ว ”
“ ดีขึ้นตรงไหนกันพี่ ” ไอ้โมยกแขนผมไปคล้องคอมันก่อนจะพยุงผมเดินไปนั่งที่โซฟา
“ พี่ไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ ”
“ แต่พี่ต้องไปหาหมอ ”
“ พี่ไม่เป็นไร ”
“ อย่าแสร้งเข้มแข็งทั้งที่ร่างกายไม่สมประกอบได้ไหมโมขอร้อง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่คิดว่าทำแบบนี้แล้วคนเค้าจะเห็นว่าเป็นพระเอก มันทุเรศลูกกะตา พี่ปลาบึกไปเอารถออกเดี๋ยวนี้ ”
“ มันบอกไม่ใช่เหรอว่าไม่เป็นอะไร ” ดูท่าไอ้บึกจะโกรธผมเอามากๆครับครั้งนี้ แต่สายตาที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดของมันก็ทำให้ผมรู้ว่าสิ่งที่มันพูดไม่ตรงกับใจ
“ กูบอกว่าให้มึงไปเอารถออก ” ไอ้โมหันไปตวาดพี่มัน แววตาที่แสดงให้เห็นถึงอำนาจที่ซ่อนตัวอยู่นานกำลังจะปะทุออกมาได้ทุกเมื่อหากพี่มันไม่ทำตามคำขอ
“ นี่มึงกล้าสั่งกูเหรอไอ้โม ”
“ กูทำได้มากกว่าแค่สั่ง ” หน้าที่นิ่ง แววตาที่ดูหาเรื่อง การกระทำที่แข็งกร้าวเกินกว่าที่ผมเคยเห็นจากเด็กหัวอ่อนคนนี้
“ มึงเอาจริงใช่ไหมไอ้โม ” สายตาก้าวร้าวไม่แพ้น้องมันถูกส่งมาท้าทาย
“ พวกมึงเห็นกูเป็นอะไร หัวหลักหัวตอเหรอไง ” ผมรู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งกายแต่ไม่ใช่ด้วยพิษไข้
“ เออกูเอาจริง ”
“ งั้นมึงเข้ามาไอ้ลูกหมา ”
“ อย่างนี้เค้าเรียกว่ารับงานสินะ ”
“ อย่า ” ผมเอื้อมมือไปคว้าแขนไอ้โมไว้แต่ช้าไปซะแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่บ้านเราทะเลาะกันแรงมากครับ ผมยันตัวเองขึ้นเพื่อเข้าห้ามทัพแต่โดนไอ้โมกับไอ้บึกผลักผมกระเด็นออกมาก่อนที่มันจะวิ่งเข้าใส่กันอย่างไม่กลัวว่าตัวเองจะบาดเจ็บหรือต้องตาย
“ ปากดีนักใช่ไหมมึง ” หมัดตรงไอ้บึกเฉียดหน้าไอ้โมไปเพียงนิดเดียว ดูคนตัวเล็กจะได้เปรียบเรื่องความว่องไว
“ นึกว่ามีมือมีตีนคนเดียวเหรอไงวะ ” หมัดเล็กๆ แต่ดูท่าความเจ็บคงไม่เล็กตามหมัดวิ่งตรงเข้าสู่เป้าหมายได้อย่างตรงจุด
“ โอ๊ยย สัดเอ๊ย ” ไอ้บึกหงายหลังเซไปตั้งหลักได้ก็ตรงเข้ากระชากคอเสื้อไอ้โมแล้วตามด้วยเข่าลอยทันที
“ โอ๊ย ” เสียงคนตัวเล็กโดนของแข็งเข้าที่ท้องจนอาการตัวงอมาเยือน มันกุมท้องได้ไม่นานก็เปลี่ยนเป้าหมายไปที่ขาพับไอ้บึกทันที
“ โอ๊ย ” ได้ผล...ไอ้บึกล้มทั้งยืนมันคุกเข่าแล้วรีบยันตัวขึ้นมาตั้งหลักใหม่อีกครั้งแต่ช้ากว่าไอ้โมที่กระโดดเข้าไปใช้สองมือทุบลงตรงต้นคอไอ้บึกอย่างแรงก่อนจะเตะเสยปลายคางพี่มันจนล้มหัวฟาดโต๊ะญี่ปุ่น
“ พอแล้วโม ” ผมลุกไม่ได้ ไม่ใช่กลัว...แต่เพราะอาการหน้ามืดและหัวหมุนติ้วๆเวลาขยับกาย ร่างกายท่อนร่างไม่ตอบสนองขาเริ่มชาและไร้กำลังในที่สุด
“ จบไหมมึง หายบ้าไหม ถ้าไม่มึงลุกขึ้นมาไอ้พี่เหี้ย ” เสียงไอ้โมหยุดยืนหอบรอการตอบรับจากพี่มัน
“ มึงไอ้โม ” ไอ้บึกพยุงตัวขึ้นยืนก่อนจะเอามือป้ายปากที่เลอะไปด้วยเลือดสีแดงสด
“ มาเข้ามา ” ไอ้โมสะบัดหัวก่อนจะเอามือกุมท้องที่คงจะเริ่มระบบเพราะเข่าลอยของพี่มัน
“ เก่งเหมือนกันนี่มึง ”
“ กูบอกแล้วอย่าให้กูบ้า มึงเลิกบ้าน้ำลายได้แล้ว อย่าดีแต่ปากเข้ามา ” ไอ้โมกระดิกนิ้วเรียกพี่มันต่อยกสอง
“ กูจัดให้ ”
ไอ้บึกเดินตรงไปจับคอเสื้อไอ้โมได้ก็เหวี่ยงมันลงไปนอนกองที่พื้นทันที แรงควายของมันได้ผล ไอ้โมลงไปนอนกองที่พื้นด้วยใบหน้าเจ็บปวดเพราะหัวไปกระแทกกับขอบโต๊ะเข้าอย่างจัง
“ สัดเอ๊ยเล่นงี้ใช่ไหม ” ไอ้โมสบถก่อนจะใช้มือลูบหัวตัวเองป่อยๆเพราะความเจ็บ
“ พอได้แล้ว ” ผมกัดฟันยันกายลุกขึ้นไปเอาตัวขวางระหว่างไอ้โมกับไอ้ปลาบึก ความเจ็บแล่นแปล๊บเข้าที่สีข้างผมทันที่ตีนหนักๆของไอ้บึกสัมผัสโดนร่างกายผม
“ พี่โจ๊ก ”
“ ไอ้โจ๊ก ”
“ โอ๊ยยย ” แรงกายที่เหลืออยู่ตอนนี้หมดไปแล้ว ผมล้มพับหมดแรงทับไอ้โมทันที แรงเตะไอ้ปลาบึกมันช่างหนักหน่วงดีจริงๆ
“ โจ๊กมึงเป็นอย่างไงบ้าง ”
“ พี่โจ๊ก ”
“ ไม่เป็นไร พี่ไม่เป็นไร ” ไอ้ปลาบึกเอื้อมมือมาพยุงผมที่หมดแรงข้าวต้มขึ้นจากการนอนทับไอ้โม
“ นี่มันอะไรกันวะเนี้ย ” ไอ้บึกพูดไปน้ำตาไหลไปเมื่อเห็นสภาพร่างกายของผม มันดึงผมให้ลุกนั่งก่อนจะสวมกอดผมจากข้างหลัง ณ เวลานี้มันกลายเป็นพนักพิงหลังให้ผมอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
“ พี่โจ๊ก ” ไอ้โมลุกขึ้นมานั่งตรงหน้าผมก่อนจะเข้าสวมกอดผมจากข้างหน้า มันซบหน้าลงกับอกผมเสียงหัวใจเต้นแรงคงเพราะเหนื่อยหรือเพราะอะไรผมก็ไม่สนแล้ว ผมขอให้เรื่องทุกอย่างที่เลวร้ายนี้จบลงซะที
“ พี่ว่าเราต้องพาโจ๊กไปหาหมอนะโม ”
“ พึ่งรู้สึกเหรอ ” น้ำเสียงไอ้โมยังคงแฝงไปด้วยความประชดพี่มันอยู่
“ โมเจ็บมากไหม ” ไอ้บึกเอื้อมมือไปลูบหัวน้องมันได้ไม่ยากเพราะตอนนี้พวกเราสามคนอยู่ใกล้กันแค่กอดกั้นกลาง
“ พี่อะเจ็บมากไหม ” ไอ้โมเงยหน้าลูบหน้าพี่ชายมัน
“ เจ็บชิบ...เลย ”
“ โมก็ยังจุกไม่หาย ”
“ อ้าวเหรอ 555+ ที่มึงนอนนี่เพราะมึงจุกใช่ไหม ไม่ใช่พิศวาสไอ้โจ๊กใช่ปะ ”
“ มันใช่เวลาเล่นไหมมึง ” ผมเงยหน้าถามไอ้ปลาบึก
“ ไปหาหมอกันดีกว่าว่ะ ไปโมลุกๆ เดี๋ยวพี่จะไปเอารถออก ”
“ งั้นเดี๋ยวโมไปหยับกระเป๋าตังค์นะ ”
“ โจ๊กมึงนั่งหายใจทิ้งอยู่ตรงนี้ก่อนนะเดี่ยวพวกกูมารับ ”
“ อืม ”
“ อย่าไปเหล่หนุ่มที่ไหนนะ ”
“ เหอะๆ ” ดู๊มันยังกล้า
…………….
“ ผมว่าพวกคุณแวะไปแจ้งความไว้หน่อยก็ดีนะครับ ” เสียงหมอหนุ่มแสดงความคิดเห็น
“ ไม่เป็นไรหนอกครับหมอ โจรมันไม่ได้อะไรไป ” โกหกชัดๆ
“ งั้นก็ตามใจแล้วกันนะครับ ”
“ ครับ ”
“ เอาเป็นว่าอาทิตย์หน้าหมอนัดดูอาการคุณอีกครั้งนะครับ เรียบร้อยแล้วครับไม่มีอะไรแล้วกลับบ้านได้ ”
“ งั้นผมลาล่ะครับ ”
“ โจ๊กทางนี้ ” เสียงไอ้ปลาบึกแหกปากเรียกผมในขนาดที่ตัวเองนั่งอยู่บนรถเข็นในสภาพสะบักสะบอมไม่แพ้ผม
“ ขอบคุณครับ ” ผมหันไปขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ช่วยเข็นรถเข็นผมออกมาหารถเข็นไอ้ปลาบึก แม่งเดี้ยงไปสองรออีกหนึ่งสินะ
“ พี่โจ๊ก ” ไอ้โมถูกเข็นออกมาจากห้องหมอในสภาพกุมท้องออกมา
“ เป็นไงบ้างโม ”
“ ยังเจ็บสีข้างอยู่ พี่ปลาบึกเป็นไงบ้าง ”
“ ก็อย่างที่เห็น มือตีนมึงหนักเหมือนกันนี่หว่าไอ้โม ”
“ เข็ดไหมอ่ะ ”
“ พักยกโวยวันนี้ไม่ไหว ”
“ นี่พวกมึงยังคิดจะกัดกันเองอีกเหรอไง ไอ้โมไอ้ปลาบึก ” ผมหันไปดุทั้งคู่
“ เปล่าค๊าบ ”
“ มึงอ่ะไอ้บึก ”
“ เปล่า ”
“ แล้วตกลงพวกมึงเป็นบ้าอะไรกัน ผีเข้าเหรอไง ”
“ กูแค่น้อยใจ ”
“ โมแค่รู้สึกว่าพี่เปลี่ยนไป ”
“ จริงๆพี่จะบอกว่ามันไม่มีอะไรเลยพวกเราจะเชื่อพี่ไหม ”
“ พี่โจ๊กครับ แค่พี่เป็นห่วงพวกเราบ้างเหมือนที่เราเป็นห่วงพี่เรื่องพวกนี้มันก็คงไม่เกิด ”
“ อืม พี่ขอโทษนะ ”
“ ...... ”
“ ……. ”
“ ยกโทษให้พี่ได้ไหมโม ได้ไหมมึงไอ้บึก ” ผมไล่มองหน้าแต่ละคน
“ จะให้กูตอบว่าไงอ่ะ ในเมื่อมึงก็รู้ว่ากูรักมึงแค่ไหน ”
“ โมล่ะ ”
“ ครับ เอาเป็นว่าพวกเราได้คำว่าโอกาสกันไปคนละครั้งจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ผมให้โอกาสพี่โจ๊กในการเริ่มต้นใหม่หวังว่าพี่จะไม่ทำตัวอย่างนี้อีก ผมให้โอกาสพี่ปลาบึกในการกลับมาเป็นพี่ชายคนเดิมของผม ”
“ ขอบใจนะไอ้โม พี่สัญญาว่าจะไม่เป็นแบบนี้อีก ” ไอ้ปลาบึกเอื้อมมือไปโยกหัวน้องมันเบาๆ
“ พี่ขอบใจนะโม ไอ้บึก ^^ ”
“ แต่พี่โจ๊กครับ ถ้าพี่ยังทำตัวเหลวไหลอีก ครั้งหน้าคงไม่ต้องให้ถึงมือพี่ปลาบึก ”
“ หา ” อาการหวิวๆคล้ายจะเป็นลมกลับมาเยือนผมอีกครั้งครับ
“ โมเนี้ยแหละจะเป็นคนเอาเลือดชั่วออกจากตัวพี่เอง ” แววตาเด็ดเดี่ยวและรอยยิ้มมัจจุราชปรากฏที่มุมปากบางๆอีกครั้ง ผมหันไปสบตาไอ้ปลาบึกที่ตอนนี้สีหน้าและรอยยิ้มของมันก็ช่างไม่แตกต่างอะไรเลยกับน้องของมัน
อาการวิงเวียนคล้ายจะเป็น ผมต้องการแอมโมเนียด่วนครับคุณพยาบาล....