-THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>  (อ่าน 705089 ครั้ง)

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
«ตอบ #180 เมื่อ19-05-2015 11:40:37 »

อ่านไปเขิลไปอ่า สองคนนี่จะน่ารักไปไหนโอ๊ยๆ

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
«ตอบ #181 เมื่อ19-05-2015 12:08:54 »

ตามมาจากกระทู้แนะนำ
บอกเลยเรื่องนี้อ่านแล้วหุบยิ้มไม่ลงจริงๆ มันน่ารักมากๆ  :-[
ชอบมากๆค่ะ ทำไมน่ารักขนาดนี้ อ่านไปจิกหมอนไปเลย
รอตอนต่อไปคะ ขอบคุณที่แต่งเรื่องน่ารักๆแบบนี้มาให้เราได้อ่านนะคะ :pig4:

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
«ตอบ #182 เมื่อ19-05-2015 12:09:56 »

ชอบทีมเพือนอ่ะ แต่ล่ะคนช่วยกันสุดฤทธิ์

ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
«ตอบ #183 เมื่อ19-05-2015 12:26:50 »

รอตอนต่อไปจะไม่ไหวละ

อยากอ่านๆๆ

 :ling1: :ling1: :ling1:

 :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ spsygk

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
«ตอบ #184 เมื่อ19-05-2015 12:45:08 »

ฟินอาร๊ายยยยย อย่างนี้ :katai4: :katai4: :katai4: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
«ตอบ #185 เมื่อ19-05-2015 12:47:24 »

รู้ตัวด้วย ๆ ว้าย ยิ้มหวาน น่ารักมากกกก  :-[
เพื่อนทั้งสองฝ่ายนี่ สนับสนุนเพื่อนกันดีจริง ๆ เลย
่อ่านเรื่องนี้ทีไร อารมณ์ดี๊ดี

ออฟไลน์ nemesis

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2287
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-3
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
«ตอบ #186 เมื่อ19-05-2015 13:53:43 »

น่ารักอะ

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
«ตอบ #187 เมื่อ19-05-2015 15:54:36 »

จีบอยู่

รู้ดิ

ทำไม
คนอ่านเขิน

ออฟไลน์ Mafiaziip

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
«ตอบ #188 เมื่อ19-05-2015 16:10:31 »

เพิ่งเข้ามาอ่าน 4 ตอนรวด อยากจะตะโกนให้คนเข้ามาช่วยมากๆ แบบว่า คือยิ้มยังค้างอยู่เลย หุบยิ้มไม่ลงจริงไ

 :mew3: :กอด1: มาต่อไวๆนะ  :pig4:

ออฟไลน์ kaireaw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
«ตอบ #189 เมื่อ19-05-2015 18:52:26 »

กรี้ดดดดดน่ารักกก แอบอ่อยกันเองก็บอก
แอบมองกันมานานแล้วก็บอก น่ารักกกก เขินรัว :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
« ตอบ #189 เมื่อ: 19-05-2015 18:52:26 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ มะม่วงแรด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
«ตอบ #190 เมื่อ19-05-2015 19:09:25 »

รู้ตัวละนะ ว๊ากกกก  ระเบิดตัวเอง บึ้มมมมมมม :ling1: :hao7:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
«ตอบ #191 เมื่อ19-05-2015 19:34:07 »

มันต้องอย่างนี้ซิ

ออฟไลน์ Chrysan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
«ตอบ #192 เมื่อ19-05-2015 20:07:32 »

อ่านมา 4 ตอน เพิ่งนึกได้ ตกลงยิ้มหวานนี่ชื่ออะไร แล้วหมอล่ะ?
นี่เค้าเล่นไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอกันอยู่หรอ
หรือเค้ารู้จักกันและกันตั้งนานแล้ว
ตัวละครไม่มีชื่อสักตัว แต่อ่านได้ลื่นมาก
เอาๆ มีน้องมีน 5 5 5
         

ออฟไลน์ BoolinMini

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
«ตอบ #193 เมื่อ19-05-2015 21:21:25 »

อ๊ากกกกกก อิแม่เอ้ยยยยย

เขิลจนไม่รู้จะเขิลยังไง

ฟินจนไม่รู้จะฟินยังไง

สงสัยต้องมาลงต่อเร็วนะคะ

ปล.จะว่าไปหมอกะยิ้มหวานชื่อไรนะ หรือเราพลาดตรงไหนไป

ออฟไลน์ ่jjay

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
«ตอบ #194 เมื่อ19-05-2015 21:28:43 »

อ่านรวดเดียวเลย ฟินอย่างต่อเนื่อง โอ่ยยยย แก้มระเบิด ยิ้มหวานน่าร้ากกกกกกก :กอด1:

ออฟไลน์ kipuuu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
«ตอบ #195 เมื่อ19-05-2015 21:45:07 »




- - - - -



Special part
-This Smile-

 
 
 
“ดึกแล้ว ขับรถดีๆ"
 
“...”
 
“อย่าขับรถเร็วเกินล่ะ"
 
“อืม”
 
เราพูดออกมาแล้วเหลือบสายตาไปมองตัวเลขดิจิตอลที่อยู่ตรงหน้า
แล้วก็ได้คำตอบกับตัวเองว่าตอนนี้ -- เกือบจะตีหนึ่งครึ่งแล้ว
 
พอเลื่อนสายตากลับไปมองคนที่ยังคงนั่งนิ่งๆวางข้อมือพักไว้ที่พวงมาลัย แล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดต่อ
 
“ถึงบ้านแล้วไลน์บอกเราด้วยนะ"
 
“โอเคครับ"
 
เราเผลอหลุดยิ้มออกมานิดหน่อยกับหางเสียง 'ครับ' ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
ก่อนจะหยิบของทั้งหมดมาถือเอาไว้แล้วเปิดประตูลงจากรถ
พร้อมกับหันไปบอกลาคนตรงหน้าอีกครั้ง พร้อมยกมือขึ้นมาโบกลา

 
“ขอบคุณมากที่อุตส่าห์มาส่ง"
 
“อืม...”
 
เขาตอบรับสั้นๆ แล้วยกมือขึ้นมาโบกกลับให้เรานิดหน่อย
อยู่กับคนตรงหน้านี่ทีไร เรารู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนพูดมากขึ้นไปทุกที
 
ก็ถ้าจะเป็นคนถามคำตอบคำตลอด
ยกเว้นเวลาที่หาเรื่องหรือกวนประสาทคนอื่นเค้าแบบนี้อ่ะนะ...
 
เราถือของทั้งหมดเอาไว้ในมือ แล้วก็เดินไปหยุดหน้าลิฟต์ พร้อมกับคิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อย
รู้ตัวอีกที ประตูห้องก็มาอยู่ตรงหน้าเราแล้ว
หลังจากทาบคีย์การ์ดลงไปเพื่อปลดล็อค เราก็กลับเข้ามาอยู่ในอาณาเขตของตัวเองอีกครัง
 
พอวางของทั้งหมดที่ถือมาตั้งแต่ข้างล่างเอาไว้บนเตียงตามความเคยชิน
เราก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเป็นชุดนอน
แล้วกลับออกมาทิ้งตัวนอนลงบนเตียงนุ่มๆที่คิดถึงกันมาทั้งวัน
 มุดเข้าผ้าห่มเรียบร้อยแล้วเราก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาเปิดดู


นอกจากข้อความในไลน์กรุ๊ปที่เยอะแยะเกินกว่าจะย้อนอ่าน
ก็ยังมีอีก 2 ข้อความใหม่ จากคนที่เพิ่งมาส่งเราถึงหน้าคอนโดเมื่อกี้นี้
 

*ถึงบ้านละ
*ลืมอะไรทิ้งไว้ในรถป่ะ?

 
ลืมอีกแล้วเหรอ?
ทั้งเราทั้งอีกคนนึงอ่ะ จะขี้ลืมกันเกินไปป่ะ?
 
*ลืมอีกละ?
*ลืมอะไรอ่ะ?
 
*นึกให้ดีๆดิ
 
*นึกไม่ออกอ่ะ
*อาบน้ำยังเนี่ย?
 
*อาบแล้ว จะนอนแล้ว

 

กลัวเราไม่เชื่อรึไง?
ถึงได้ถ่ายรูปตัวเองนอนเปิดเหม่งบนเตียงส่งมาให้กันแบบนี้เนี่ย?
 

*ตกลงนึกออกยังว่าทิ้งอะไรไว้บนรถ?
 

"ไม่รู้เว่ยยยยยยยยย~~”
 
เราอัดเสียงตัวเองลากยาวๆส่งกลับไปให้ ก่อนจะเล็งไปยังกระเป๋าที่เราใช้วันนี้
แล้วก็ตั้งใจจะเปิดออกเช็คของที่อยู่ในนั้นทั้งหมด
ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมบอกกันแบบนี้ เราจะต้องรู้ให้ได้ว่าเราลืมอะไรเอาไว้บนรถกันแน่
 
ไม่อยากจะเชื่อเลย – ตี 2 กว่าเข้าไปแล้ว
เรายังมานั่งต่อปากต่อคำกับคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ยังไม่ถึง 1 เดือนเพราะเรื่องลืมของธรรมดาๆเนี่ยนะ?
 
จะว่าไป 'ความสัมพันธ์' ของคนเรา มันก็เป็นอะไรที่เกินจะคาดเดาได้จริงๆนั่นแหละ
 
พอลองนึกย้อนไปเมื่อประมาณ 3 อาทิตย์ก่อน...
เราเองก็ยังนึกไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะได้มาต่อปากต่อคำกันทางไลน์
กับคนที่เรากับเพื่อนชอบเรียกกันเล่นๆว่า 'คิ้วท์บอยแห่งชาติ' แบบนี้
 
ยิ่งพอนึกถึงเหตุการณ์บนรถที่เพิ่งผ่านมา เราก็ยิ่งรู้สึกว่าอะไรๆมันช่างอยู่เหนือความคาดหมายกันเข้าไปใหญ่
ใครมันจะไปคิด ว่าเจ้าตัวจะพูดออกมาตรงๆซะขนาดนั้น...
 
 
จีบเราเนี่ยนะ?
 
พอลองนึกย้อนไปแล้ว
มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ...

 
 
 
- - - -
 
 
 
*เจออีกแล้วว่ะ
*คิ้วท์บอยแห่งชาติ



เราพิมพ์ข้อความสั้นๆ ลงไปในโทรศัพท์มือถือ ระหว่างที่กำลังเดินผ่านกำแพงกระจกของร้านกาแฟที่มักจะมานั่งเป็นประจำในช่วงสายของวันเสาร์
 
'คิ้วท์บอยแห่งชาติ' ที่เราพูดถึงคือคนดังประจำมหาลัย ^ ^
เราเริ่มรู้จักเขาจากอินสตาแกรมที่พวกเพื่อนๆชอบเปิดดูกันเป็นว่าเล่นในเวลาว่าง
เท่าที่เรารู้นะ เขาเรียนมหาลัยเดียวกัน ปีเดียวกัน แต่คนละคณะกับเรา
เค้าเรียนหมอ แล้วก็เล่นบาสด้วย
 
เพราะคุณสมบัติแนวพระเอกการ์ตูนแบบนี้มั้ง คนเลยตามกรี้ดเยอะมาก
เป็นหมอแต่ทำตัวแบดบอย – ก็แปลกดีเหมือนกัน...
 
แต่ก็ยังมีเรื่องที่แปลกกว่านั้น...
นั่นคือการที่เรามักจะเจอเขาอยู่ที่ร้านกาแฟแห่งนี้ตลอด ในช่วงสายของวันเสาร์
บางวันเจ้าตัวก็มานั่งเต๊ะท่าเล่นโทรศัพท์ฆ่าเวลาเป็นชั่วโมง
บางวันก็เอาหนังสือหนาๆ ไม่ก็ชีทมานั่งอ่านเงียบๆ แล้วก็ควงปากกาไปด้วย
 
หลังจากที่เจอเขาที่นี่โดยบังเอิญในทุกเสาร์เป็นครั้งที่ 3
เราก็เลยตัดสินใจเล่าเรื่องนี้ให้พวกเพื่อนๆฟัง
แล้วก็เป็นความเคยชินไปแล้วด้วย ที่จะต้องรายงานลงไปในไลน์กรุ๊ปของกลุ่มตลอด...
ว่าเสาร์นี้เราเจอเขารึเปล่า?
 
เดินคิดโน่นคิดนี่มาเรื่อยๆ ในที่สุดเราก็มาถึงหน้าเค้าน์เตอร์
สั่งเครื่องดื่มกับพนักงานที่ทักทายเราอย่างคุ้นเคย แล้วก็เตรียมจะจ่ายเงิน
 
ตอนนั้นแหละ ที่เพิ่งรู้ตัวว่ามัวแต่ใจลอยไปเรื่อย จนไม่ได้หยิบเงินมาเตรียมเอาไว้เหมือนทุกครั้ง
พอจะหยิบก็พบว่า... มือที่มี 2 ข้างมาตั้งแต่เกิดมันดันไม่พอใช้ขึ้นมาซะอย่างนั้น
 
เราใช้มืออุ้มแมคบุ๊คไปแล้วข้างนึงเลยเหลือมือข้างเดียว
ซึ่งมันไม่เพียงพอที่จะเปิดกระเป๋าสสตางค์แล้วหยิบแบงค์ร้อยออกมา 2 ใบแน่นอนอยู่แล้ว
ยังดีที่พนักงานใจดีพอจะช่วยถือลูกรักเอาไว้ให้มือเราว่างพอจะหยิบเงิน
แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเขินขึ้นมานิดๆ
 
คนง่วงนอนอยู่ ทำอะไรอึนๆไปบ้าง คงไม่แปลกหรอกมั้ง?
เนอะ?
 
รอไม่นานเราก็ได้รับเครื่องดื่มที่สั่งไว้ ก่อนจะไปเดินหาที่นั่ง
เพื่อที่จะพบว่า...
โต๊ะทุกตัวมีคนนั่งหมดเลย
 
เราได้แต่ยืนมองไปมองมากลางร้าน สภาพคงเหมือนคนหลงทางอ่ะ
ก่อนที่พนักงานของร้านจะมาช่วยเอาไว้ ด้วยการให้เราไปนั่งร่วมโต๊ะกับ 'คิ้วท์บอยแห่งชาติ'
 
โอ้โห....
 
คิดดูแล้วก็ยังดีกว่าต้องไปนั่งกับพี่สาวที่กำลังวีนใครสักคนอยู่ทางโทรศัพท์
หรือแกงค์เด็กมัธยมที่คุยกันเสียงดังอยู่ตอนนี้...
 
เรานั่งลงตรงข้ามคนหน้าบึ้งที่กำลังขมวดคิ้วอ่านหนังสือไปเงียบๆ
 
ท่าทางของเขาดูแล้วเดาอารมณ์ไม่ถูกเลยจริงๆ
ตกลงเต็มใจให้เรานั่งตรงนี้จริงๆใช่ไหมเนี่ย?
 
เอาเหอะ -- ยังไงตรงนี้ก็เป็นที่นั่งที่ดีที่สุดที่พอจะหาได้ในตอนนี้
เราเรียนม.เดียวกัน ก็น่าจะคุ้นหน้ากันบ้างล่ะมั้ง?
มีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมมหาลัยหน่อยเนอะ ^ ^
 
นั่งลงเรียบร้อยเราก็วางของทั้งหมดลงบนโต๊ะ
พยายามจะไม่ให้มันรบกวนคนที่อยู่เยื้องกันมากเกินไป
ก่อนจะพบว่า อแดปเตอร์ที่อยู่ในกระเป๋าของเรา น่าจะยาวไปไม่ถึงปลั๊กไฟทีอยู่หลังเก้าอี้ของคุณคิ้วท์บอยแห่งชาติ
 
สุดท้ายเราก็ต้องขยับมานั่งตรงข้ามคนที่ยังคงรักษาระดับความนิ่งของสีหน้าได้อย่างน่าแปลกใจ
ถ้าขยับเข้าไปใกล้กว่านี้ เขาจะไม่ลุกขึ้นมาถีบเก้าอี้เราใช่มั้ยเนี่ย?
 
“เอ่อ... ขอนั่งตรงนี้ได้ไหมครับ คือ...ไม่ได้เอาสายต่ออะแดปเตอร์มาอ่ะ เสียบปลั๊กไม่ถึงเลย"
“อืม นั่งไปดิ"
 
โอเค ตอบแบบนี้แสดงว่าเราน่าจะยังไม่ถูกถีบเก้าอี้วันนี้หรอก...มั้ง?
คิดแล้วเราก็ได้แต่แอบขำคนเดียว -- ก่อนจะยื่นอแดปเตอร์ไปให้คนตรงหน้า แล้วพูดขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับส่งยิ้มแสดงความเป็นมิตร
 
“ขอโทษนะ รบกวนอีกนิดนึง เสียบปลั๊กสายชาร์ตให้หน่อยได้ไหมครับ?"
 
“เอามาดิ"
 
เขาตอบเบาๆ พลางยิ้มมุมปากนิดหน่อยแบบไม่ได้ตั้งใจอะไรมากมาย
โอเค – ค้นพบสีหน้าที่ 2 ของมิสเตอร์คิ้วท์บอยแห่งชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 
“ขอบคุณครับ"
 
เราตอบเขาเบาๆ แล้วก็ดึงความสนใจทั้งหมดกลับมาที่แมคบุ๊คของตัวเอง
 
ระหว่างที่กำลังรอให้อินเตอร์เน็ตล็อคอินไลน์ให้เสร็จเรียบร้อย
เราก็อดไม่ได้ที่จะหลุดขำออกมากับตัวเอง เพราะลองนึกถึงปฏิกริยาของพวกเพื่อนๆที่กำลังจะรู้ว่าตอนนี้เรากำลังนั่งอยู่ตรงข้ามใคร
 
การแจ้งเตือนข้อความเข้ามาใหม่ในกลุ่มสนทนาของเพื่อนสนิทที่เรียนคณะเดียวกันกับเรามีทั้งหมด 5 อัน
 
 
=คิ้วท์บอยแห่งชาติของมึงอ่ะนะ?
= บ่อยจน....
=จีบมึงว่ะ
 
>เออ!!
>กูว่ามาส่องมึงแน่

 
ผู้หญิงพวกนี้น่ากลัวนะ บอกเลย
เอะอะๆ จะยกเราให้คนโน้นคนนี้ไปเรื่อย
ทั้งๆที่เราเป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่มเนี่ยนะ?
 
แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสอ่ะ
เวลาโดนแซวแบบนี้ก็เหมือนได้หาเรื่องคุยเล่นๆกันมากกว่า
 
*พักก่อน!!
 
=กูว่านะ
=เค้ากำลังเล็งจะเข้ามาจีบมึงแน่
 
*พอเลย
*เค้านั่งอยู่ตรงข้ามกู


=ห้ะ??
=ตรงข้ามคือออออออออออออ
 
>เอ่อะะะ
>นั่งตรงข้ามอะไรยังไงคะ????
>กรี้ดดดดดดดดดดดดดดๆๆๆๆๆ
>ยังไงคะ
>ยังไงงงงงงงงงงงงงง

 
อ่านแล้วก็อดไม่ได้ที่จะทำหน้าเพลีย
ตัวหนังสือแค่นี้ยังทำให้เราได้ยินเสียงเจ้าตัวลอยมาเลยอ่ะ
 
*ก็โต๊ะมันไม่ว่าง
*กูเลยต้องแชร์โต๊ะกับเค้า
 

=เค้ายิมฟินป่ะ?
 
*พอ!!
*ฟินบ้าอะไรเล่า
*เลิกคิดว่าจะมีผู้ชายมาจีบกูสักที

 
>พวกกูจริงจังเหอะ
>ตัวจริงหน้าเป็ะป่ะวะ?
 
*ไม่ได้มองว่ะ
*จะให้กูนั่งจ้องหน้าเค้าได้ไง
*นั่งอยู่ตรงนี้เอง

 
=ถ่ายรูปมา
 
*สัดดดดดดด
 
>มึงก็แอบๆดู
>แล้วสรุปมาว่าดีไม่ดี

 
แล้วทำไมเราต้องทำตามพวกมันเนี่ย?
ว่าแล้วเราก็หยุดมือที่พิมพ์อยู่ แล้วเหลือบสายตามองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน
 
เพื่อจะเห็นภาพเขากำลังนั่งก้มหน้าก้มตาอ่านชีทของตัวเองอยู่เงียบๆ
ขนาดนั่งอ่านหนังสือแบบนี้ยังดูไม่เหมือนหมอเลยอ่ะ ทั้งทรงผม เสื้อผ้า จิวที่หูนั่นอีก...
พอมองเลยจอด้านข้างของแมคบุ๊คไป
เราก็เห็นมือของเขาวางหงายอยู่ และกำลังควงปากกาอย่างไม่เร่งรีบ
 
เขาดูนิ่งมาก...
เมินเฉยและไม่สะทกสะท้านกับสายตาที่มองมาจากรอบด้าน ทั้งจากข้างในและนอกร้าน
 
ถามว่าหล่อมั้ย ก็ตอบอยากอยู่ แต่ถ้าถามว่าเด่นรึเปล่า
ตอบได้เลยว่าเด่นมาก...
 
สรุปกับตัวเองสั้นๆ แล้วก็มาพิมพ์ตอบเพื่อนในกรุ๊ป
 
*ก็ดีนะ
*ถือว่าดูดี ไม่รู้จะบอกว่าหล่อได้มั้ย
*แต่โคตรเด่น
*โคตรเถื่อนแบดบอย
*คนมองเต็มว่ะ

 
=คนเค้ามองเพราะคิดว่ามึงเป็นแฟนเค้าอ่ะดิ
 
*พอเลย กูออกไลน์แล้ว
*ปั่นงานแป้บ
*มัวแต่คุยกับพวกมึงพรุ่งนี้ก็ไม่เสร็จ

 
พิมพ์เสร็จเราก็กด log out ไลน์ตามที่บอก
พร้อมกับเหลือบไปเห็นว่า ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะตัวถัดไปกำลังลุกขึ้นพอดี
 
โต๊ะตัวนั้นอยู่ติดกับกำแพงกระจก ถัดมาจากเสามุมร้านตั้งไกล
ไม่มีปลั๊กแน่เลย....
 
หลังจากคำนวณด้วยสายตาเรียบร้อย
เราก็มองกลับมายังคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน ซึ่งตอนนี้กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่กับชีท
หน้าเครียดมาก จะลุกขึ้นมาเผาชีทกลางร้านมั้ยเนี่ย?
แต่ถึงเขาจะอ่านหนังสือตลอด เจ้าตัวก็ยังหยิบมือถือขึ้นมาเล่นอยู่เรื่อยๆนะ
 
นั่งตรงนี้ก็เหมือนจะรบกวนสมาธินาย คิ้วท์บอยแห่งชาติ อยู่หรอก
แต่ถ้าต้องย้ายไปตรงนั้น เราเองก็ไม่มีปลั๊กเสียบทำงานต่อเหมือนกัน...
 
เอาเหอะ ลองดูหน่อย...
เราเงยหน้าขึ้นไปมองเขา ก่อนจะส่งยิ้มไปให้ก่อนเป็นการเอาตัวรอด
 
“ขอนั่งต่อนะ ตรงนั้นไม่มีปลั๊กไฟ"
 
เราควรพูด 'ครับ' มั้ย?
ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าเรา 2 คนเรียนปีเดียวกัน...
 
ได้ยินเราพูดอย่างนั้นเขาก็ทำหน้านิ่งอ่ะ -- นิ่งมาก น่ากลัวโคตร
ไม่พอใจอะไรก็บอกดิ...
 
เราสบตากับเขาอยู่สักพัก พอเห็นว่าฝ่ายนั้นไม่คัดค้านอะไร
แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าที่ยินดีออกมามากไปกว่าการยิ้มมุมปากนิดๆ แล้วกลับไปอ่านหนังสือต่อ
 
สุดท้ายเราก็ได้แต่งง
สรุปคือนั่งได้ใช่มั้ยเนี่ย?
 
เอาเป็นว่าเราจะภาวนาให้โต๊ะอื่นที่มีปลั๊กลุกขึ้นเร็วๆก็แล้วกัน
 
 
,
 
 
ถึงแม้จะตั้งใจจะลุกขึ้นให้เร็วที่สุด แต่สุดท้ายพอได้เริ่มทำงานเราก็เพลินไปเลย
รู้ตัวอีกทีตอนที่นั่งคนตรงข้ามกันลุกขึ้น เอาแก้วกาแฟไปทิ้งลงถังขยะ แล้วก็เดินออกจากร้านไปหน้าตาเฉย
 
ไม่มีร่ำลากันสักคำ...
นี่สรุปแล้วแค่เป็นคนหน้านิ่งหรือว่าอัธยาศัยไม่ดีกันแน่เนี่ย?
 
เรามองตามคนที่ออกจากร้านไป
แล้วก็ตั้งใจว่าจะไปคุยเรื่องคิ้วท์บอยหน้านิ่งกับพวกเพื่อนๆในไลน์สักหน่อย
แต่พอล็อคอินเข้าไป ก็เจอแต่คำกรีดร้องอยู่เต็มไปหมด...
 
เลื่อนย้อนบทสนทนาขึ้นไปเรื่อยๆ ก็เห็นรูปภาพหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ถูกแคปมา
 
>ล้านเปอร์เซ็นต์!!!
>เค้าชอบมึง!!!!

 
เรากดเข้าไปดูรูปภาพที่ถูกส่งมา ก่อนจะเห็นเป็นหน้าจอของอินสตาแกรม
ดูจากชื่อก็พบว่าน่าจะเป็นคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเราเมื่อกี้ล่ะมั้ง
จำชื่อยูสเซอร์เนมเค้าไม่ได้เหมือนกัน...
 
ภาพที่เขาเพิ่งโพสเป็นหน้าจอโน้ตที่ถูกพิมพ์ตัวหนังสือลงไปว่า...
 


ฝันรึเปล่าวะ?... มันดีเกินจริง แต่ก็ยังไม่ชัวร์
 
 
 
หลังจากนั้นประโยคกรีดร้องของสองสาวก็ตามมายาวๆ จนเราอ่านแล้วได้แต่แอบขำ
ก่อนที่จะกลับไปนึกถึงรูปที่เพิ่งเห็นอีกครั้ง?
 
จะหมายถึงเราจริงๆอ่ะนะ?
ดูจากเวลาแล้ว เขาก็โพสรูปนี้ตอนที่เรายังนั่งอยู่ตรงข้ามกันก็จริง
จะชอบกันทั้งๆที่ทำหน้านิ่งขนาดนั้นตอนที่เราพูดด้วยจริงๆเหรอ?
อีกอย่าง -- เราเป็นผู้ชายนะ...
 
เราได้แต่นั่งอ่านข้อความที่เพื่อนๆคุยกัน ซึ่งก็เต็มไปด้วยการกรีดร้องและจินตนาการสารพัด
จนมาถึงข้อความล่าสุด
 
 
>มึงยังอยู่ร้านเดิมใช่มั้ย
>ซื้อของเสร็จแล้วกูแวะเข้าไปนะ

 
ข้อความถูกส่งมาเมื่อ 25 นาทีก่อน
ตอบตอนนี้ก็น่าจะทันมั้ง?
 
*ยังอยู่
*แต่คนตรงข้ามที่มึงอยากเจอลุกไปแล้วว่ะ
*กลับบ้านแล้วมั้ง

 
 
พิมพ์ตอบเพื่อนเสร็จเรียบร้อย เราก็หุบจอแมคบุ๊คลงครึ่งนึง
แล้วมองไปยังฝั่งที่เค้านั่งอยู่ ก่อนจะเห็นชีทปึกนึงว่าเอาไว้
 
*อ่าว ของยังอยู่ว่ะ
*ไม่รู้กลับยัง


ตอบเสร็จเราก็ log out ไลน์อีกครั้ง


เวลาทำงาน เราจะพยายามจะห่างจากโซเชียลเน็ตเวิร์คให้มากที่สุด
...ไม่งั้นงานไม่เดินแน่นอน
 
นั่งทำงานไปสักพัก จนกระทั่งเราหยุดเพ่งหน้าจอเพื่อพักสายตา และมองไปยังที่นั่งตรงข้าม
คิดๆดูแล้วก็ได้แต่สรุปเอาเองว่า เจ้าของชีทที่วางอยู่ตรงข้ามนี่น่าจะไม่กลับมาเอาของแล้วล่ะมั้ง
 ลืมเหรอ?
 
สักพัก เพื่อนๆของเราก็มาถึงพร้อมกันทั้งคู่
มาถึงปุ๊บไม่ทักไม่ทายอะไรกัน แต่ยื่นโทรศัพท์มาให้เราทันที
 
“มึงดูไอจีเค้าดิ มีแต่เพื่อนเข้ามาแซว กับพวกแฟนคลับเค้าเข้ามากรีดร้อง"
 
เรารับมือถือมา อ่านพวกข้อความที่มาคอมเม้นรูปที่ว่านั่นอยู่สักพัก
แล้วก็ตอบกลับไปสั้นๆว่า อืม... เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี
ก็อย่างที่เพื่อนเราบอกนั่นแหละ คนแวะมาแซวกันใหญ่
 
“สรุปคือเค้ากลับไปแล้วใช่ไหมวะ?”
 
“มั้ง – แต่ชีทเค้ายังอยู่นี่นะ"
 
เราพูดพลางชี้ไปยังชีทที่วางอยู่
 
“ห้ะ? แล้วทำไมชีทเค้ายังอยู่วะ?”
 
พูดจบสองสาวเค้าก็หยิบชีทขึ้นมาดู มองสำรวจอยู่ไม่นานก็หันมาบอกเรากับสีหน้าเจ้าเล่ห์
 
“เค้าเขียนไอดีไลน์ทิ้งไว้ว่ะ – อ่อยมึงแน่!"
 
“หื้อ! เพ้อเจ้อละ เค้าลืมไว้ป่ะ?”
 
“ไม่ต้องเลย มึงไม่ต้องมาใสใสเลย เค้าจีบมึงอ่ะค่ะเพื่อนรัก"
 
ได้ยินอย่างนั้นเราก็ได้แต่ขมวดคิ้ว
ก็มันสงสัยนี่ ว่าจะมาชอบเราจริงๆเหรอ?
ดูจากท่าทาง ยังไงก็ไม่น่าจะใช่เลย...
 
เรายื่นมือไปรับชีทที่เพื่อนยื่นมาให้ ก่อนจะมองไอดีไลน์ที่เขียนเอาไว้ตรงมุมบนขวาสุด
 
“กูควรแอดไปบอกเค้ามั้ย ว่าเค้าลืมชีท"
 
“เอาดิ"
 
“หยุดคิดอะไรแปลกๆเลยนะพวกมึง"
 
พูดจบเราก็วางชีทลงบนคีย์บอร์ด ก่อนจะหยิบมือถือมาปลดล็อค แล้วเข้าไปในส่วนของการเพิ่มเพื่อนในไลน์
พิมพ์ตามไอดีที่เค้าทิ้งเอาไว้ เสิร์ชไม่นาน โปรไฟล์ของเขาก็ขึ้นมา
 
เรากดเพิ่มเพื่อนไปในทันที ก่อนจะพิมพ์ข้อความไปถามสั้นๆ
 
 
* ลืมชีทไว้ที่ร้านกาแฟป่ะครับ?
 
เขาแทบจะตอบกลับมาในตอนนั้นเลยอ่ะ

* เฮ้ย กำลังหาอยู่เลยเนี่ย
* ลืมไว้ที่ร้านกาแฟนี่เอง


เราคุยกับเขาไปเรื่อยๆเพราะกำลังนัดกันเอาชีทไปคืน
และพบว่าในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คนี่ เขาอัธยาศัยดีกว่าตัวจริงเยอะเลย
ระหว่างนั้นเพื่อนๆของเราก็คอยส่องอยู่ตลอดอ่ะ แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
จนกระทั่งประโยคล่าสุด

* เอาชีทเสร็จขอกินข้าวเที่ยงด้วยเลยได้ปะ?

อ่านจบเราก็เงยหน้ามองพวกมันสองคนที่ทำหน้าเจ้าเล่ห์มาให้..


“ตามสบายค่ะ อยากตอบตกลงก็ตอบเลย พวกกูไม่ด่าออกมาว่ามึงแรดหรอก"
“อืม... แต่จะด่าในใจ"

เรามองหน้าพวกมันแล้วได้แต่ขมวดคิ้ว
คิดมั้งมั้ยว่าเพื่อนเป็นผู้ชายนะเว่ย!
คิดในอีกแง่นึงดี เขาก็แค่อยากจะขอบคุณ...

หลังจากตกลงรับปากจะกินข้าวเที่ยงกับคิ้วท์บอยแห่งชาติ ไปเรียบร้อยแล้ว
เราก็นึกขึ้นมาได้ว่าวันก่อน หนึ่งในเพื่อนตัวแสบตรงหน้าเนี่ย ดันไปลืมผ้าพันคอทิ้งไว้ที่คอนโดเรา
วันนี้ก็เลยเอามาคืนให้ แต่ดันลืมไว้บนรถ
บอกเรื่องนี้กับทั้ง 2 คนเสร็จก็หยิบกุญแจรถ แล้วลุกขึ้นเดินไปเอาผ้าพันคอมาคืน
 
เราว่าเราหายไปไม่นานนะ
แต่กลับมาอีกทีก็พบว่า 2 คนนั้นกำลังสุมหัวกันทำอะไรบางอย่างอยู่ และหนึ่งในนั้นก็ถือโทรศัพท์ของเราไว้
มองมาแต่ไกลยังรู้สึกได้เลยว่าลางไม่ดี จนต้องเร่งฝีเท้าขึ้นอีกหน่อย
พอมาถึงก็ชะโงกหน้าถามทันที

“ทำอะไรกันอ่ะ?!”

พูดจบเราก็รีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองกลับมา แล้วก็เช็คไลน์เป็นอย่างแรกเลย
จากข้อความล่าสุดที่เราพิมพ์ไว้คือ

* อืม เอาดิ ^ ^


มันดันมีเพิ่มมา!
 
*อยากกินไรเป็นพิเศษป่ะ?
*...
* ไม่ตอบ...



*เปล่า
* ^ ^
* ดีใจอยู่





“ดีใจอะไรของพวกมึงเล่า!!”


ไอ้พวกบ้าเอามือถือคนอื่นไปเล่นเฉยเลยอ่ะ นิสัย!!
สองคึนนี้จะรู้รหัสปลกล็อคโทรศํพท์ของเราเป็นปกติอยู่แล้ว
แต่ก็ไม่ควรเอาไปทำอะไรแบบนี้ดิ!
 
*ดีใจ?[/b]
 
นั่น! เค้าตอบมาแล้วไง
พวกมึงนี่นะ!

เราหันไปทำหน้าบึ้งใส่ไอ้สองสาวที่ยังคงสนุกกับการแกล้งคนอื่นไม่หาย
ก่อนจะพยายามนึกหาทางแก้ตัว...

*เอ้ย! พิมพ์ผิดคน
*คือกำลังบอกเพื่อนว่าเจอเจ้าของชีทแล้วเลยดีใจอ่ะ
*ไปแล้วนะ เจอกันวันจันทร์



ยังดีที่เค้าไม่สงสัยอะไร...

จัดการเรื่องตรงหน้าเสร็จก็กลับมาจัดการ2 คนที่ยังคงนั่งยิ้มไม่สะทกสะท้านต่อ
เราเท้าคาง มองพวกมันทั้ง 2 คนที่ยังคงทำหน้าเจ้าเล่ห์ไม่เลิก แล้วถอนหายใจใส่....

“พวกมึงอ่ะ เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง!”


“ซีเรียสนะมึงอ่ะ ดูทำหน้าๆ อ๊ะะ งอนน~~”
 
พอมันล้อแบบนี้เราก็เริ่มโกรธต่อไม่ถูกอ่ะ
ต้องรีบจัดการให้จบๆเลย เดี๋ยวหลุดยิ้ม
 
“ไม่ต้องเลย พวกมึงอ่ะแกล้งกูตลอดแหละ เดี๋ยวถ้าเค้าเข้าใจผิดกูจะทำไง"
 
“แหม พวกกูก็รู้น่าว่ามึงเอาตัวรอดได้ แค่นี้เอง แหมๆๆ"
 
พูดพลางยื่นมือมาดึงแก้มเราเล่นด้วยอ่ะ
ถามหน่อยสิ ว่าเจ็บไหม...


“มาๆกูเลี้ยงขนม ไม่รู้จะได้เลี้ยงมึงถึงเมื่อไหร่ ต่อไปนี้คงมีหมอคอยเลี้ยงแล้วล่ะม้าง~~”


พูดจบมันก็ลุกขึ้นเด็นเร็วๆไปยืนอยู่หน้าตู้ขนมเค้ก
เหลืออีกคนนึง ยังทำหน้าล้อเลียนเราอยู่ตรงหน้าเนี่ย...

“มึงก็จริงจังเนอะ! ทีตอนพวกกูแกล้งเอาไลน์มึงไปส่งสติ๊กเกอร์บอกรักให้เด็กเอแบคคนนั้นไม่เห็นมึงงอนงี้เลย"


“อย่าใช้คำว่างอนได้ป่ะวะ ตุ๊ดไปมั้ย!”
 
“ก็มึงเท้าคางทำปากยื่นๆ แล้วหน้ามุ่ยเงี้ย กูไม่เรียกงอนจะเรียกอะไร มึงไม่ต้องเลย – ไม่ใช่คอยส่องเค้ามารายงานพวกกูจนชอบเค้าเข้าเองแล้วนะ"
 
“พอๆๆ เพ้อเจอละ นั่งรอกินขนมไปเลยมึงอ่ะ"
 
สักพักอีกคนก็กลับมาครับ
เรามองไอ้ตัวแสบสองคนที่สุมหัวกันนินทาเราแบบต่อหน้าต่อตาแล้วได้แต่ถอนหายใจ...
 
คราวนี้ก็ไม่สงสัยกันแล้วใช่มั้ย...
ว่าทำไมอยู่ดีๆชีทของเรามันถึงหล่นออกจากกระเป๋าไปอยู่บนรถ
จริงๆมันลงไปอยู่ใต้เบาะรถเลยต่างหากล่ะ...




[มีต่อนะคะ]

ออฟไลน์ kipuuu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
«ตอบ #196 เมื่อ19-05-2015 21:46:36 »

- - -

 
อาทิตย์ที่แล้วเรายังต้องนั่งโต๊ะตัวเดียวกับคนตรงหน้านี้เพราะไม่มีทางเลือก
แต่ตอนนี้ -- เรานั่งอยู่ข้างๆเขา ด้วยความเต็มใจ

เทียบกับวันนั้น ความเป็นไปได้ที่คนตรงหน้าจะจีบเรามันมีแค่ประมาณ 20%
ผ่านไป 7 วัน แปลกมาก ที่ตอนนี้มันเพิ่มขึ้นเป็น 80% เรียบร้อยแล้ว
อีก 20% ที่เหลือ เราเว้นเผื่อเอาไว้ว่าเขาอาจจะเป็นพวกอัธยาศัยดี (ล่ะมั้ง?)
 
วันนี้เราเอางานที่ต้องพรีเซนต์มาเขียนสคริปต์เป็นภาษาอังกฤษ
แล้วคนข้างๆที่ก็ใจดีขัดกับหน้าตาเฉยเมยต่อโลกสุดๆ
 
เขาเอาสคริปต์งานเราไปช่วยแก้ให้มันดูดีมากขึ้น
ทั้งๆที่ตัวเองก็มีชีทที่เอามาอ่านเตรียมสอบอยู่เหมือนกัน...
เราก็เลยตอบแทนเขาด้วยการสรุป mind map ให้
 
ก่อนจะจบลงด้วยการที่เขาบ่นว่าหิว แล้วชวนเราไปกินข้าวเที่ยงต่อ
เราตอบตกลง – แล้วก็เดาเอาไว้เลยว่าถ้าพวกเพื่อนๆรู้เข้าว่าเราไปกินข้าวต่อกับเขา
พวกนั้นต้องทำเสียงแหลมใส่อีกแน่ๆ
 
สิ่งที่เราคิดทุกครั้งที่มีคนเข้ามาในลักษณะนี้คือ
ถ้าเขายังไม่รุกล้ำอาณาเขตของเรามากเกินไป จนกระทั่งเรารู้สึกไม่สะดวกใจ
เราก็จะเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายต่อไปเรื่อยๆ
 
จะว่าไปแล้วมันก็ไม่มีเกณฑ์ที่ชัดเจนในการกำหนดเรื่องประมาณนี้
สิ่งเดียวที่เป็นกฎของทั้งหมดก็คือ เรารู้สึกดีกับสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังทำอยู่รึเปล่า?
 
พฤติกรรมเดียวกัน แต่คนที่กระทำต่างกัน
มันก็เป็นไปได้อยู่แล้วนี่ ที่ผลลัพธ์จะออกมาแตกต่าง

 
 
พวกเราลุกจากโต๊ะที่นั่งอยู่ตอนบ่ายโมงกว่าเข้าไปแล้ว
คนตรงหน้าใช้มือข้างเดียวหนีบแก้วกาแฟของตัวเองกับของเราไปทิ้งลงถังขยะ
เขาปล่อยให้เราเก็บของ ก่อนจะเดินออกจากร้านมาพร้อมกัน

ระหว่างที่เดินอยู่ เราก็พยายามจัดการของที่มีอยู่ในมือให้เข้าที่เข้าทางไปด้วย
คือเรามีกระเป๋าใบนึง แม๊คบุ๊คแอร์อีกเครื่อง กระเป๋าดินสอ ซองใส่เอสี่ กับโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือ
ประเด็นคือ - ตอนนี้อยากเอาของอื่นๆที่ไม่ใช่แม๊คบุ๊คใส่ลงไปในกระเป๋าให้หมด

อันที่จริง – เราควรจะเก็บของพวกนี้ให้เสร็จตั้งแต่ในร้าน...
คิดแล้วก็เหลือบมองคนที่ใส่เสื้อยืดสีดำที่เดินอยู่ข้างๆแล้วได้แต่บ่นในใจ
จะรีบเดินลุกไปไหน? หิวมากใช่มั้ยเนี่ย?

ตอนนี้สิ่งที่เรากำลังทำอยู่คือพยายามใช้นิ้วมือข้างที่ถือแมคบุ๊คหนีบสายกระเป๋าเอาไว้
แล้วพยายามเปิดกระเป๋าด้วยนิ้วมืออีกข้างที่เหลือ
วุ่นวายชะมัดเลย...

ก้มหน้าก้มตายุ่งอยู่กับตัวเองสักพัก รู้ตัวอีกที ก็มีคนดึงแม๊คบุ๊คไปถือไว้ให้ แล้วยังยื่นมือมาเปิดกระเป๋าให้เราเสร็จสรรพ
เราหันไปมองเขา แล้วแอบคิดในใจ...
นี่มีมือ 2 ข้างเท่ากันจริงๆใช่มั้ยเนี่ย?
 
เขาก็ของเยอะอยู่นะ เจ้าตัวถือชีท ปากกา 2 แท่ง กระเป๋าตังค์ และโทรศัพท์มือถือ โดยไม่ได้หิ้วกระเป๋ามา
แต่พอเขาเอาโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์ยัดลงไปในกระเป๋ากางเกง มือก็ว่างขึ้นมาทันที...

เขามองท่าทางจัดการตัวเองไม่ค่อยได้ของเราแล้วหลุดขำออกมาเบาๆ
พอได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ เราก็เลยเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา
อืม – ยิ้มก็เป็นนี่...
 
ระหว่างที่กำลังใส่ทุกอย่างกลับลงไปในกระเป๋า
ฝ่ายนั้นก็ยื่นชีทกับปากกาที่ถืออยู่มาให้เรา แล้วพูดสั้น


“ฝากด้วยดิ"


“อืม” ^^

เรายิ้มให้ แล้วรับชีทจากมือเขามา ก่อนจะใส่ลงไปในแฟ้ม
เก็บของทุกอย่างเรียบร้อยก็หันมาแกล้งแซวเขาต่อ


“ก่อนกลับอย่าลืมเอาคืนนะ ถ้าลืมไว้อีก จะไม่เอาไปให้แล้ว"


“ไปเอาคืนเองก็ได้"

เขาตอบรับ ก่อนจะเดินต่อไป โดยที่มืออีกข้างนึงยังคงถือแม๊คบุ๊คเอาไว้


“เอาคอมเราคืนมาได้แล้ว"
 
เราพูดออกมา แล้วยื่นมือไปจะดึงแม๊คบุ๊คของเรากลับมาถือเอง
แต่อีกฝ่ายดันขยับตัวหลบอย่างไว พอมองมาเห็นเราที่ยืนยกมือขึ้นค้างกลางอากาศ ก็หัวเราะใส่กันซะอย่างนั้น
 
“ถือให้"


“มือว่างแล้ว ถือได้"
 
“ไม่เกี่ยวว่ะ อยากถือให้ก็เลยถือ"

เชื่อเค้าเลย...
 
เราเหลือบสายตามองคนที่กลับมาเก็กหน้านิ่งกลั้นยิ้มเดินอยู่ข้างกันไปเรื่อยๆ
เมื่อกี้ตอนอยู่ในร้านกาแฟเราคุยกันเรียบร้อยแล้ว ว่าเดี๋ยวจะไปกินอาหารญี่ปุ่น


ร้านที่อยากไปคือร้านที่เราชอบมากินกับพวกเพื่อนๆตอนเรียนมัธยมปลายบ่อยๆ
แต่พอขึ้นมหาลัยแล้วก็ไม่ค่อยได้มาเลย เขาเองก็บอกว่าเป็นเหมือนกันกับเรา...
เลยสรุปกันง่ายๆว่าวันนี้เราจะเดินไปกินอาหารญี่ปุ่นที่ร้านตรงฝั่งสยามร้อน


เดินออกมาได้ไม่เท่าไหร่ ก็เริ่มรู้สึกอยากเปลี่ยนชื่อสถานที่ให้แล้วอ่ะ
คือ ปกติเรากับเพื่อนๆจะเรียกสยามฝั่งตรงข้ามพารากอนที่ไม่มีแอร์ทั้งหมดว่า สยามร้อน
แต่วันนี้ต้องเปลี่ยนเป็น สยามโคตรร้อนเหอะ

เริ่มรู้สึกผิดที่เป็นคนต้นคิดชวนคนข้างๆเดินมาถึงนี่...
เราก็ร้อนนะ แต่ดันเป็นประเภทที่เหงื่อออกไม่เยอะสักเท่าไหร่
แต่พอหันมามองว่าที่คุณหมอที่เดินอยู่ข้างๆกันนี่ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมานิดๆด้วยความสงสาร
เจ้าตัวดูร้อนจนเหมือนจะเป็นลมอ่ะ พอเหงือออกปุ๊บผิวหน้าขาวๆก็แดงเรื่อขึ้นมาเหมือนเด็กเลย
 
อาจจะเป็นเพราะเขาใส่เสื้อยืดสีดำด้วยล่ะมั้ง มันเลยร้อนกว่าปกติ
เขาดูร้อนมากซะจนเราต้องยกมือขึ้นไปพัดๆให้หายร้อน
พอฝ่ายนั้นรู้ว่าเราพัดให้ก็หันมามอง ยิ้มให้นิดๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาพัดให้เรากลับ
ว่าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา


“เริ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดแล้วอ่ะที่อยากมากินถึงนี่"


ได้ยินเราพูดอย่างนั้นเขาก็ยิ้มมุมปาก แล้วก็ตอบกลับมา


“ไม่หรอกน่า ทนอีกนิดนึง จะถึงแล้ว”
 
“อืมๆ อย่าเป็มลมไปก่อนนะ เราอุ้มไม่ไหว"
 
ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ส่งสายตามาหาเรา ยิ้มมุมปากแล้วทำสีหน้าเจ้าเล่ห์แบบที่เราเดาความหมายไม่ถูก เห็นอย่างนั้นเราก็ไม่รู้จะทำอะไรนอกจากเอาหลังมือฟาดต้นแขนเข้าให้เต็มๆ
ก่อนจะต้องหยุดเดินเพราะกำลังจะข้ามถนน
 
คนที่มาด้วยกันรีบเปลี่ยนที่เดินแบบเนียนๆมาเป็นฝั่งที่รถวิ่งมาทันทีที่เราหยุดรอบนทางเท้า
ระหว่างที่เรากำลังเหลือบสายตาไปมองเขาแล้วคิดขึ้นมาว่า
หมอนี่ก็ดูใส่ใจคนอื่นมากอยู่เหมือนกันนะเนี่ย...

อยู่ดีๆก็มีฝ่ามืออุ่นๆมาแตะที่ข้อศอกของเราเบาๆ แล้วก็พาเราข้ามถนนไปพร้อมกัน
แมนโคตรอ่ะ
 
“คิดอะไรอยู่?”


เขาหันมามองหน้าเราแล้วถามกลับหน้านิ่งๆ
ได้ยินอย่างนั้นเราก็ได้แต่กลั้นยิ้มแล้วส่ายหน้าแทนคำตอบ
จะไม่บอกหรอกว่าเมื่อกี้เราแอบนึกชมเจ้าตัวอยู่ในใจ ^ ^

 
เดินต่ออีกนิดหน่อยเราก็มาถึงร้านอาหารญี่ปุ่นที่ว่า ได้ที่นั่งเรียบร้อยพนักงานก็เอาเมนูมาให้ ก่อนจะขอตัวไปบริการโต๊ะอื่นก่อน
 
ระหว่างที่เขากำลังเปิดอ่านเมนูอยู่นั้น เราก็เปิดกระเป๋าตัวเองออก หยิบซองหนาๆขนาดเท่าฝ่ามือขึ้นมา เปิดพลาสติกติดกาวเหนียวๆที่ใช้ปิดซองอยู่ออก แล้วก็ยืนไปให้คนตรงหน้า
 
“อ่ะ ทิชชู่เปียก"


“หื้อ?”
 
เขาเงยหน้าขึ้นมาจากเมนูเพื่อส่งเสียงถามเราแบบงง
จนเราต้องยื่นสิ่งที่อยู่ในมือให้เข้าใกล้เขาเข้าไปอีก
 
“ทิชชู่เปียกไง เช็ดหน้าป่ะ? เมื่อกี้เหงือออกเยอะเลย"
 
“อ๋อ...”
 
อีกฝ่ายรับคำ แล้วดึงผ้าบางๆไป 1 ชิ้น ก่อนจะเช็ดลงบนใบหน้าของตัวเอง
เรามองจนแน่ใจว่าเขาเอาผ้าผืนนั้นแนบลงไปบนใบหน้าของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ถึงได้พูดออกมา


“ปกติมันเอาไว้เช็ดก้น....”


ได้ผล – คนหน้านิ่งเหวอไปทันทีที่ได้ยินเราพูดออกมาแบบนั้น
เห็นหน้าตาตกใจแบบหลุดเก็กแล้วเราก็ห้ามตัวเองไม่ได้ จนต้องขำออกมายกใหญ่ ก่อนจะพูดต่อ


“ไว้เช็ดก้นเด็กไง โตแล้วก็เช็ดหน้าก็ได้ สดชื่นดี"
 
พูดจบเราก็ดึงทิชชู่มาเช็ดหน้าตัวเองบ้าง
แต่เอาจริงๆ สีหน้าของเขาเมื่อกี้ยังทำให้เราขำไม่หายอยู่ดี
 
มาหยุดขำได้ก็ตอนที่พนักงานมารับออเดอร์
เรากับเขาสั่งอะไรง่ายๆกินกันคนละชุด แล้วก็กินกันไปเรื่อยๆแบบไม่ได้คุยอะไรมากมาย

เราไม่ใช่คนเงียบๆ แต่ก็เป็นประเภทที่หาเรื่องคุยไม่เก่งเท่าไหร่
ปกติเวลาไลน์มา กลับเป็นคนเงียบๆตรงหน้านี้ที่ช่างหาประเด็นมาชวนเราคุยก่อนตลอด

แต่ถามว่าการนั่งกินมื้อเที่ยงในตอนบ่าย แบบเงียบๆอย่างตอนนี้
มันชวนให้รู้สึกไม่สะดวกใจมั้ย?


ความสงสัยนั้นทำให้เราเหลือบสายตาขึ้นมองคนที่กำลังคีบปลาดิบขึ้นมาจากจาน แต่ต้องชะงักเพราะรู้ว่าโดนมอง

เขาส่งยิ้มมุมปากแบบที่ชอบทำมาให้เรา และเราก็ส่งยิ้มกลับไโดยไม่พูดอะไรออกมา
คำตอบชัดเจนอยู่ตรงหน้าเราแล้วในตอนนี้


...เรารู้สึกสบายใจ


- - - -


 

 
 
*ตกลงนึกออกยังว่าทิ้งอะไรไว้?
 
 
เชื่อเค้าเลย...
เพราะไลน์สั้นๆที่ส่งมา แค่นั้นแหละ!
ทำให้ตอนนี้เราต้องมานั่งรื้อกระเป๋าตัวเองเพื่อดูของทั้งหมด
คิดแล้วคิดอีกก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรหายไปสักอย่าง
หลังจากค้นจนแน่ใจเป็นรอบที่ 3 เราก็ตัดสินใจตอบไลน์ไปอีกครั้ง
พร้อมรูปสารพัดข้าวของที่กองอยู่ตรงหน้าตอนนี้
 

*ค้นหมดแล้วนะ
*ไม่ได้ลืมอะไรไว้บนรถแน่นอน!!!*ดีใจ?



 
ฝ่ายนั้นอ่านแล้วเงียบไป จนเรารอไม่ไหวต้องพิมพ์ข้อความส่งไปอีก


*กวนตีนกันป่ะเนี่ยย
*ตกลงเราทิ้งอะไรไว้วะะ


 
แต่อีกฝ่ายก็ยังเงียบอ่ะ เงียบยิ่งกว่าเก่า
จนเราที่ตอนนี้ง่วงนอนจัด ต้องโยนมือถือให้ตกตุ้บลงไปเบาๆบนเตียง แล้วจ้องหน้าจอสว่างๆตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง
 
ถ้ายังเงียบอยู่อย่างนี้จะตามไปเอาเรื่องถึงบ้านจริงๆด้วย!
 
คิดพลางเก็บของทั้งหมดลงไปในกระเป๋าจนเสร็จเรียบร้อย
เหลือบสายตากลับมาก็เห็นว่าหน้าจอดับไปเรียบร้อยแล้ว
เราเลยหยิบมือถือติดมือ แล้วมุดเข้าไปใต้ผ้าห่มเป็นครั้งที่ 2
 
ไม่ทันไร แสงจากหน้าจอก็สว่างวาบขึ้นมา เตือนว่ามีข้อความใหม่

เรากดตัวเลข 4 ตัวเพื่อปลดล็อคหน้าจอ แล้วกดเข้าไปอ่านข้อความนั้น...


*ความสุขไง
*ทิ้งไว้เต็มรถเลย
*ไม่รู้ตัวอ่ะดิ?



มันเป็นวินาทีที่เรารู้สึกเหมือนจะวูบคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ...
รู้ตัวอีกทีเราก็หลุดยิ้มออกมา แล้วกลอกตากับคำตอบที่ได้
 
เรามองจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ยังคงสว่างอยู่ในความมืด
แล้วเดาเอาว่าอีกฝ่ายน่าจะรอคำตอบของเราอยู่อย่างร้อนรน...


แกล้งตอบช้าสักนิดคงไม่ผิดเท่าไหร่หรอกมั้ง?


เราพลิกตัว เปลี่ยนจากนอนหงายไปเป็นนอนตะแคง ก่อนจะพิมพ์ข้อความกลับไป


*มาละ
*ไปอ้วกมา



*-_-


*หมดเกลี้ยง
*ชอคโกแลตปั่นที่กินมาวันนี้อ้วกหมดอ่ะ
*^^


*-_-
*ไปนอนไป
*ถึงจะอ้วกก่อนนอน
*แต่ก็ต้องฝันดีนะเว่ยยย


*^^
*โอเคๆ


แล้วเราก็ส่งสติ๊กเกอร์กู๊ดไนท์ตามไปอีกอัน
พอเห็นว่าอีกฝ่ายอ่านข้อความเรียบร้อย เราก็ขยับตัวไปเสียบชาร์ตแบตโทรศัพท์ เช็คนาฬิกาปลุกอีกครั้ง ก่อนจะปิดโคมไฟแล้วเข้านอน

โอเค -- ฝันดีก็ฝันดี ^ ^


tbc


 
 
- - -


talk.
มีคนคิดว่าเราแต่งเร็ว
เปล่าเลยค่ะ เรามีเก็บสต็อคไว้ถึงตอนที่ 9  แล้วต่างหากล่าาาา อิ้อิ้
จะลงวันละตอนไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงตอนที่ 9 น้าา
ระหว่างนั้นเราจะแต่งตอนที่ 10 ไปด้วย มาดูกันว่าเราจะแต่งตอน 10 เสร็จก่อน
หรือลงนิยายจนครบตอนที่ 9 ก่อน
เรื่องของเรื่องคือ เราเขียนนิยายช้ามาก กีเดอะหอยทากค่ะบอกเลย


ขอบคุณที่รักเจ้าสองคนนี้มากมายค่ะ
ขอบคุณน้า  : )




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-05-2015 22:17:42 โดย kipuuu »

ออฟไลน์ Akikojae

  • พี่ยุนรักน้องแจ ★彡
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1137/-17
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
«ตอบ #197 เมื่อ19-05-2015 21:49:18 »

ได้อ่านฝั่งน้องอินแล้วสดชื่นอ่ะ
คิดบวกและน่ารักมากเลยคนดี
มันมีความสุขแบบยิ้มหวานไปเรื่อยๆจริงเรื่องนี้
สู้ๆน้ากีปู พี่เอาใจช่วย ชอบมากๆ ><
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-05-2015 22:16:38 โดย Akikojae »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #198 เมื่อ19-05-2015 22:07:37 »

นั้นแน่ๆๆๆ.  ชอบหมอเหมือนกันอะดิ คริคริ

ออฟไลน์ Meimei

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #199 เมื่อ19-05-2015 22:11:25 »

ให้กำลังใจค่ะ สู้ๆ
 o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
« ตอบ #199 เมื่อ: 19-05-2015 22:11:25 »





ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #200 เมื่อ19-05-2015 22:18:46 »

อ่านไปยิ้มไป >/////////////<

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #201 เมื่อ19-05-2015 22:19:57 »

ยิ้มหวานของเรามาแล้วววววว อ่านซ้ำเป็นรอบที่ 2 อยากให้ถึงตอน 9 เร็วๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ letterdream

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #202 เมื่อ19-05-2015 22:25:40 »

อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  กรี๊ดดดดด  พ่นไฟฟฟฟฟ    เขินนนนนนน  :-[ :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ brave

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #203 เมื่อ19-05-2015 22:30:11 »

เขิลลลลลมากกกกกกอะ น่าย๊ากกกกกกกกกก

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #204 เมื่อ19-05-2015 22:30:23 »

อิหมอ
ตอแหลจริงจริ๊งงงงง
อ่อยได้โล่ 55555
น่ารักกันจริงๆน้าทั้งสองคน
 :-[

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #205 เมื่อ19-05-2015 22:33:41 »

เขินแทนเลยข่าาาาาาาา~

ออฟไลน์ Blue

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #206 เมื่อ19-05-2015 22:34:31 »

เขินเฟ้ยยยยยยย :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ barbiehateken

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #207 เมื่อ19-05-2015 22:37:04 »

เราชอบตอนนี้มากๆๆๆๆๆๆเลยยยย This smile อะ
เรารู้สึกว่าอ่านความในใจหมอมา มองยิ้มหวานในมุมหมอตลอด ทั้งๆที้ไม่รู้เล้ยยย
ว่าจริงๆแล้วในใจหมอกับการแสดงออกมันโคตรตรงกันข้าม. 55555555
เพราะคิดๆดูมันก็จริงด้วยที่หมอถามคำตอบคำจริงๆ อ่านตอนนี้แล้วต้องกลับไปอ่านตอน 1
เพื่อความฟิน ความน่ารักของหมอคือมันเก็บอาการเก่งมากก 5555555 ตลกอะ
แล้วตอนทิชชู่เปียกนี่ขำออกเสียงเลย น่ารักมากกกกกกกมุกสมกับเป็นยิ้มหวานมากก
รอนะ.. สู้นะ
 :z10:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #208 เมื่อ19-05-2015 22:42:07 »

ยิ้มหวาน น่าร๊ากกกกกกกกกก
คิ้วท์บอยแห่งชาติเป็นของยิ้มหวานแล้วนาาา

ออฟไลน์ sweetbasil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #209 เมื่อ19-05-2015 22:45:00 »

น่ารักอ่ะ สมกันจริงๆๆคู่นี้ :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด