พิมพ์หน้านี้ - -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: kipuuu ที่ 15-05-2015 17:05:24

หัวข้อ: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 15-05-2015 17:05:24
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ



I N D E X
(https://pbs.twimg.com/media/CARiUFyU0AAxVvR.jpg)

 ll PART1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.0) ll PART2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3061259#msg3061259) ll PART3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3061873#msg3061873) ll PART4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3063402#msg3063402) ll PART5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3064534#msg3064534) ll
 ll PART6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3067859#msg3067859) ll PART7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3067861#msg3067861) ll PART8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3072373#msg3072373) ll PART9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3085573#msg3085573) ll PART10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3108372#msg3108372) ll
 ll PART11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3119225#msg3119225) ll  PART12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3154232#msg3154232) ll PART13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3162569#msg3162569) ll PART14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3190426#msg3190426) ll PART15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3202701#msg3202701) ll
 ll PART16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3209776#msg3209776) ll  PART17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3223660#msg3223660) ll  PART18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3237187#msg3237187) ll  PART18.5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3239869#msg3239869) ll  PART19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3258863#msg3258863) ll
 ll PART19.5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3271570#msg3271570) ll PART20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3274307#msg3274307) ll PART20.5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3295325#msg3295325) ll PART21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3295326#msg3295326) ll EPILOGUE (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3295328#msg3295328) ll

หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 15-05-2015 17:05:52
(https://pbs.twimg.com/media/CARiLkwUwAAHqMn.jpg)

❤ กรี้ดกร้าดในทวิตฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ นะคะ
❤ แอบมีเพลงอ่ะ  : ) ฝันรึเปล่า - อาร์มแชร์

[1]




09  : 15
เช้าวันเสาร์ที่ฤดูร้อนกลับมาทักทาย


คนพวกนี้ติดกาแฟ หรือเสพติดการมากินกาแฟ?

 
อยู่ ดีๆ ความคิดนี้่ก็ผุดขึ้นมาระหว่างที่ผมกำลังยืนอยู่กลางร้านกาแฟชื่อดัง ในมือข้างนึงมีคาปูชิโน่ร้อนที่ประดับด้วยฟองนมเนียนละเอียดด้านบน ระหว่างที่ผมกำลังมองกวาดไปรอบๆร้านเพื่อหาที่นั่ง สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับโต๊ะตัวยาวสำหรับสี่คนที่มุมหนึ่ง

ผม เดินลากขาไปที่นั่นด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เพราะจริงๆแล้วใจอยากจะนั่งตรงโซฟาตัวนุ่มที่มาจับจองอยู่เป็นประจำมากกว่า แต่ในเมื่อทั้งร้านมันว่างแค่ตรงนี้ ผมก็ไม่มีทางเลือก

ต้องทนนั่นเก้าอี้ไม้แข็งๆตรงนี้ไปอีกตั้ง 3 ชั่วโมง
แต่ก็เอาเหอะ – ถ้าโชคดีอาจจะมีใครสักคนตรงเก้าอี้โซฟาลุกขึ้นเร็วๆนี้แหละ
ผมวางกาแฟลง ตามด้วยชีทที่หยิบติดมาจากในรถ ถ้ามีสมาธิก็คงได้อ่านอยู่...
ทันทีที่นั่งลงเรียบร้อย มือก็หยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าขึ้นมาเช็คตามความเคยชิน

 *ตื่นยังมึง
*กูแม่งแฮงค์ว่ะ ลุกขึ้นมาอ้วกแต่เช้าเลยแม่ง


เพื่อนสนิทผมเองครับ
อ่านข้อความที่มันเสร็จผมก็ได้แต่ขมวดคิ้ว
...อ้วกแตกละแม่งจะไลน์มาบอกกูทำไม?

*สัด อ่อนชิบหาย
*นอนตายไปเหอะมึง


ผมพิมพ์ข้อความตอบกลับไปแบบนั้น
แล้วก็แปลกใจอยู่ ที่มันตอบกลับมาเร็วกว่าที่คิด
 

*มึงอยู่ไหนเนี่ย?


*มาส่งน้องเรียนพิเศษว่ะ
*ขี้เกียจขับรถ
*เลยนั่งรอที่ร้านกาแฟ แล้วรับกลับเลยทีเดียว


ตัวหนังสือเล็กๆบอกว่ามันอ่านข้อความของผมเรียบร้อยแล้ว
เห็นอย่างนั้น ผมก็ขมวดคิ้วเข้าอีกหน่อยโดยไม่รู้ตัว เพราะกำลังลุ้นว่ามันจะตอบกลับมาว่าอะไร

*สัด ไม่เนียน
*กูรู้นะไอ้เหี้ย
*บ้านมึงไกลมากรึไง เลยขี้เกียจขับรถ
*หัวฆวยเอ้ย!


มันพิมพ์มาเป็นชุด พร้อมปิดท้ายด้วยสติ๊กเกอร์หน้าตากวนตีนอันนึง
ถ้ามึงจะส่งมารัวขนาดนี้ มึงโทรมาตะโกนกรอกหูกูเลยก็ได้...
ผมก็แค่คิด แต่ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง เลยตอบกลับไปแค่

* - _ -

ไอ้เพื่อนเวรอ่านข้อความของผมแล้วตอบกลับมาด้วยคำถาม
 
*ว่าแต่...
*วันนี้เค้ามามั้ยวะ?


ผมอ่านแล้วไม่ตอบ (จัดได้ว่าเป็นพฤติกรรมกวนตีนชนิดหนึ่ง) แต่ทว่าเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปรอบๆร้านอีกครั้ง....
เมื่อกี้ผมมองหาไปรอบนึงแล้วนะ เหมือนจะยังไม่มา หรือจะนั่งอยู่ตรงหลังชั้นวางแก้วที่เอาไว้ขายผมเลยไม่เห็น

คิดแล้วก็เหลือบสายตาไปมองนาฬิกาเพื่อดูเวลา
ปกติเวลานี้ต้องมาแล้วดิ.... ขมวดคิ้วอีกแล้วครับ

ระหว่างนั้นเสียงคุยดังๆของกลุ่มเด็กนักเรียนหญิงมัธยมปลายที่เพิ่งเข้ามาในร้านก็เรียกให้ผมหันไปมองแบบไม่ใส่ใจสักเท่าไหร่

แต่ทันทีที่ผมเลื่อนสายตาไปที่ประตูทางเข้าของร้านอีกครั้ง
...เขาคนนั้นก็เดินมา

ผมยกแขนขึ้นวางข้อศอกค้ำกับโต๊ะไม้ แล้วเท้าคางเพื่อจะใช้มือปิดริมฝีปากที่กำลังยกยิ้ม

คนตัวขาวสว่างให้ความรู้สึกสะอาดแถมยังดูแล้วนุ่มๆ เหมือนก้อนเมฆเดินได้กำลังเข้ามาในร้าน เพื่อที่จะไปหยุดตรงท้ายแถวต่อจากกลุ่มเด็กนักเรียนที่ออกอาการกรี้ดกร้า ดอย่างเก็บไม่อยู่เพราะเห็นเขา

เขาตัวสูงครับ ไม่สูงมาก แต่ก็เข้ากันกับหุ่นแบบบางได้พอดิบพอดี
ใบหน้าที่ทำเอาผมสะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นนั้นได้รูปรับกับจมูกโด่ง เขามีปลายจมูกมนๆเล็กๆน่ารัก ที่พอมาอยู่กับดวงตากลมเป็นประกายของเขาแล้วนั้น มันทำให้เครื่องหน้านี้ดูน่ารักน่าทะนุถนอมไปหมด

น่ารักมากซะจนผู้หญิงยังอาย...

แขนข้างนึงของเขากอดแม๊คบุ๊คแอร์ ส่วนอีกข้างกำลังล้วงลงไปในกระเป๋า น่าจะหากระเป๋าตังค์
แล้วอยู่ดีๆ ริมฝีปากสีแดงอิ่มคู่นั้นก็เปิดออก แล้ว หาว...

วินาที นั้นผมหลุดหัวเราะออกมาเพราะท่าทางอันเป็นธรรมชาติที่เห็น ก่อนจะละความสนใจที่มีต่อเขาไปชั่วขณะ เลื่อนมือมาปลดล็อคโทรศัพท์มือถือด้วยนิ้วหัวแม่มือ เพื่อพิมพ์ตอบข้อความไอ้เพื่อนรักที่ป่านนี้หลับตายไปอีกรอบแล้วรึยังก็ ไม่รู้


* มาแล้วว่ะ
* น่ารักเหี้ยๆ เหมือนเดิม

 
พิมพ์เสร็จผมก็ดึงสายตากลับไปมองเขาอีกครั้ง ตอนนี้ถึงคิวของเขาที่ต้องสั่งเครื่องดื่มแล้ว
และท่าทางของเขาก็ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาเป็นครั้งที่ 2

ข้าวของของเจ้าตัวมันเยอะมากซะจนเขาจัดการตัวเองไม่ได้ แม๊คบุ๊คก็จะอุ้ม กระเป๋าตังค์ก็จะเปิด มือพันกันไปมาอยู่สักพัก จนพนักงานคิดเงินยังต้องยิ้มตามและยื่นมือออกมาอาสาช่วยถือแม๊คบุ๊คไว้ให้

ห้ามจีบนะเว่ย...

ผม เห็นเข้ายิ้มกว้างจนตากลมที่อยู่หลังแว่นกรอบดำเปลี่ยนไปเป็นรูปพระจันทร์ เสี้ยว รีบหยิบเงินออกมาจ่าย แล้วโยนกระเป๋าตังค์ลงไปในกระเป๋าใหญ่ ก่อนจะรับของที่ฝากเอาไว้กลับคืนมา พร้อมกับรับเงินทอนแล้วใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงอย่างเร่งรีบ แล้วเดินออกจากคิว

ผมไม่รู้ว่าคนอื่นเค้าใช้เวลานานเท่าไหร่ในการสั่งซื้อกาแฟสักแก้ว
แต่สำหรับเขา – ภาพที่ผ่านมายังสายตาผมมันอ้อยอิ่งแล้วก็ยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อ

เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ น่าจะรู้สึกประหม่านิดหน่อย ที่เผลอไปตัวเปิ่นอยู่ตรงหน้าเค้าน์เตอร์ซะได้
เอาอีกแล้ว ผมเผลอยิ้มออกมาเป็นรอบที่สาม
นี่นับทันแค่ตอนที่รู้ตัวนะ ไอ้ที่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวอีกไม่รู้ตั้งเท่าไหร่...

ผมจะมารอน้องสาวเรียนพิเศษที่นี่ทุกวันเสาร์ และทุกครั้งที่มาผมก็จะเจอเขาอุ้มแม๊คบุ๊คแอร์มาในชุดเสื้อยืด กับ กางเกงขาสั้นบ้างยาวบ้างดูสบายๆ เขาจะมานั่งปักหลักทำงานอยู่ที่นี่

ผมสะดุดตากับเขาตั้งแต่แรกเห็น อาจจะเป็นเพราะเราเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน
และเขาก็เป็นที่รู้จักอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
คิดดูแล้วกันว่าขนาดน้องสาวผมเรียนชั้นมัธยมปลายโรงเรียนหญิงล้วนยังรู้จักเขาเลย

รอไม่นานเครื่องดื่มก็เสร็จเรียบร้อย เขาขยับตัวไปรับกาแฟปั่นแก้วขนาดกลางจากบาริสต้า พร้อมกับยกยิ้มสดใสขึ้นมาอีกครั้งรับคำขอบคุณที่ถูกส่งมาให้ก่อน

โอย – ทำไมยิ้มเก่ง?


ผมมองคนที่มือข้างนึงอุ้มแม๊คบุ๊ค อีกมือถือแก้วกาแฟอยู่กลางร้าน สายตาของเขามองกวาดไปรอบๆเพื่อหาที่นั่ง ตลกดี ที่ผมเองก็ช่วยมองหาโต๊ะว่างให้เขาไปพร้อมๆกัน

เอาน่า – ก็แค่อยากช่วย

สักพักใบหน้าได้รูปนั้นก็ฉายแววผิดหวัง เพราะโต๊ะทุกตัวในร้านถูกจับจองเอาไว้จนเต็มเป็นที่เรียบร้อย

ปล่อยให้เขากังวลอยู่ได้ไม่นาน ในที่สุดพนักงานของร้านในชุดผ้ากันเปื้อนก็เดินตรงมาหาเขา พร้อมกับสอบถามผมมองริมฝีปากสีสดนั่นขยับนิดๆเพื่อนจะบอกความต้องการให้ พนักงานคนนั้นฟัง

เขาน่ารักมากจริงๆนั่นแหละ ขนาดพนักงานร้านกาแฟที่เดินมาคุยกับเขายังหน้าแดงด้วยความเขินเลย
นี่!! -- บอกว่าห้ามจีบไง!

 ระหว่างนั้นเสียงเตือนก็ดังออกมาจากโทรศัพท์ผมเบาๆ
ไอ้เพื่อนเวรที่ผมคิดว่ามันหลับซ้อมตายไปแล้วดันพิมพ์ข้อความตอบกลับมา

 
* เลิกป๊อดสักทีมั้ยสัด
* จีบเลยเว่ย
* ซื้อกาแฟเลี้ยงเค้าก็ได้
* เก่งทุกเรื่องอ่ะแม่งงง
* ยกเว้นเรื่องคนเนี้ย
* เชื่อกู
* เริ่มจีบเค้าเลย ตั้งแต่วันนี้...


พูดมากละยังขยันพิมพ์อีกนะแม่ง...
ผมอ่านข้อความล่าสุดที่มันส่งมา พร้อมกับที่หางตาเห็นผ้ากันเปื้อนเขียวๆของพนักงานเดินผ่านไป
ถ้าเป็นวันปกติ ผมคงตั้งหน้าตั้งตาอ่านชีทในมือไปเงียบๆ

แต่วันนี้ผมเงยหน้าขึ้น ส่งสายตาไปให้พนักงานคนนั้น เพื่อหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ราวกับเป็นพลเมืองดีมีน้ำใจซะเต็มประดา -- ใช่ที่ไหนล่ะ?

พนักงานคนนั้นส่งยิ้มกลับมา ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ผม

“ลูกค้าคะ ไม่ทราบว่าฝั่งตรงข้ามมีคนนั่งไหมคะ?”

ผมฟังคำถาม ก่อนจะเลื่อนสายตามองไปยังคนที่กำลังยืนอยู่ตรงกลางร้านด้วยสีหน้ากังวล
ให้ตายเหอะ – เวลาทำหน้าอึนแม่งยังโคตรน่ารักเลย....

 “ไม่มีครับ"

“ถ้าอย่างนั้น ขอรบกวนให้ลูกค้าอีกท่านนั่นตรงนี้ได้ไหมคะ คือโต๊ะมันเต็มจริงๆ"

ผมกลั้นยิ้ม พยายามทำหน้านิ่ง โดยที่ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ตัวเองกำลังมีสีหน้าแบบไหน
ผมจำได้ว่าเคยอยู่ในสถานการณ์ประมาณนี้ครั้งนึงที่มหาลัย ตอนนั้นเค้ามาโปรโมทกิจกรรมของคณะที่ห้องเรียนที่ผมเรียนอยู่

แล้วพวกเพื่อนๆแม่งก็เรียกสีหน้าตอนนี้ของผมว่า 'ทำหน้ากลั้นฟิน'
แม่ง เป็นยังไงวะ?

 “ได้สิครับ...”

ผมตอบ แล้วหยิบชีทที่เพิ่งจะได้รับความสนใจขึ้นมาถือไว้ พร้อมกับหยิบปากกาสีดำแท่งเดียวที่ผมติดมาในกระเป๋าคาดใบเล็กขึ้นมาถือ ทำทีเป็นตั้งใจอ่านหนังสือสุดชีวิต และไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่หรอกว่าจะมีใครมานั่งลงตรงไหนของโต๊ะบ้างรึเปล่า

ตอแหลสิ้นดี..
รู้สึกเหมือนกำลังโดนด่าเบาๆแฮะ

เสียงเก้าอี้ที่เลื่อนออกบอกกับผมว่าเขามาถึงแล้ว ด้วยความที่โต๊ะตัวนี้ถูกออกแบบมาให้นั่งได้ประมาณ 4 ไปจนถึง 6 คน เขาเลยนั่งลงตรงข้ามผม แต่เยื้องไปอีกฝั่งนึง

ผมเงยหน้าขึ้นไปนิดหน่อย ส่งยิ้มมุมปากนิดๆแบบที่พยายามแล้วนะที่จะไม่ให้มันออกมากวนตีน ในสายตาคนที่ติดนิสัยส่งยิ้มสดใสแจกจ่ายไปทั่วจนเคยตัว ก่อนจะทำเป็นกลับมาอ่านชีทต่อ

ว่าแต่ -- นี่มันชีทเรื่องเหี้ยอะไรผมยังไม่รู้เลย

ปลายสายตาของผมเห็นว่าเขาขยับตัวไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้น แล้วขยับมายืนอยู่ตรงเก้าอี้ตรงหน้าผมซะอย่างนั้น

เชี่ยแม่ง แล้วกูจะมือเย็นทำไมวะเนี่ย?
เป็นโรค...

 “เอ่อ... ขอนั่งตรงนี้ได้ไหมครับ คือ...ไม่ได้เอาสายต่ออะแดปเตอร์มาอ่ะ เสียบปลั๊กไม่ถึงเลย"

เขาพูดกับผม ใช่ครับ ----- เขา พูด กับ ผม!
แล้วส่งยิ้มแห้งๆมาให้ นี่ขนาดยิ้มแหะๆแม่งยังโคตรน่ารักเลย...

“อืม นั่งไปดิ"

โอ้ย! ไม่ได้ตั้งใจจะกวนตีนเลย!

แม่งเอ้ยไม่ไหวละ! ระหว่างที่ผมกำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พิมพ์ข้อความไปหาไอ้เพื่อนเวรอีกครั้ง
น้ำเสียงทุ้มหวานของเขาก็ดังขึ้น... ไอโฟนแม่งเกือบหลุดมือ!

“ขอโทษนะ รบกวนอีกนิดนึง เสียบปลั๊กสายชาร์ตให้หน่อยได้ไหมครับ?"

ถ้ามาตรวจสุขภาพประจำปีตอนนี้
ร่างกายกูคงเหมือนคนป่วยใกล้ตาย...

“เอามาดิ" ผมพูดพลางยื่นมือไปรับอแดปเตอร์ในมือเขา แล้วก้มลงเสียบเข้าที่ปลั๊กไป

พอเงยหน้ามาก็เจอรอยยิ้มใจละลายรออยู่แล้ว

“ขอบคุณครับ"

เขาตอบรับเบาๆ ก่อนจะเปิดแม๊คบุ๊คขึ้นทำงานไปเงียบๆ ส่วนผมก็หยิบมือถือขึ้นมา เปลี่ยนจากพิมพ์ไลน์ไปหาไอ้เพื่อนชั่วเป็นการเข้าแอพพลิเคชั่นการจดบันทึก ก่อนปลายนิ้วจะพิมพ์เนื้อเพลงที่ผุดขึ้นมาในใจผมในช่วงเวลานี้ ลงไป ผมกดถ่ายรูปภาพหน้าจอ ก่อนจะเอาภาพนั้นไปอัพเดทในอินสตาแกรม

 
ฝันรึเปล่าวะ?... มันดีเกินจริง แต่ก็ยังไม่ชัวร์

 
ทันทีที่รูปภาพถูกโพส ยอดไลค์ค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆครับ ก่อนจะตามมาด้วยคอมเม้นแรก

fun piek?

“สัด!”
อ่านจบผมก็อุทานออกมาเบาๆ พอรู้ตัวว่าหลุดปากอะไรออกไป สายตามันก็ถูกดึงดูดไปหาคนตรงหน้าโดยไม่รู้ตัว
เขาหลุดยิ้มออกมา เพราะได้ยินสิ่งที่ผมพูด ก่อนจะกลับไปขยับปลายนิ้วพิมพ์งานของตัวเองต่อไปเงียบๆ

ผมดึงความสนใจกลับมาที่จอมือถืออีกครั้ง ก่อนจะเห็นว่าไอ้เพื่อนชั่วมันมาเม้นแล้ว
 
fun hia rai wa! update now!!!

เห็นอย่างนั้น ผมก็กลับไปเปิดไลน์อีกครั้ง แล้วรีบพิมพ์บอกมัน


* มึงง เหี้ยแล้วแม่งงงง
* เค้านั่งอยู่ตรงหน้ากู!!!!
* ไอ้สัดดดดดดดดดดดดดด
* สัดเอ้ยสัด สัดของสัดของความห่าเหี้ยยย
* กูแม่งงงงงงงง

 
นาทีนี้ก็พิมพ์เก่งโคตรมาก บอกเลย...

ตึ๊งตึง!

แม่ง เสียงไลน์เด้งกูยังตกใจ!
ใกล้บ้าละ! ผมรีบกดปรับมือถือให้อยู่ในโหมดเงียบ
เหมือนกำลังกลัวว่าถ้าคนตรงหน้าได้ยินเสียงเตือนแล้วจะรู้ว่าผมกำลังพูดถึง

* เหี้ยย ทำไมวะ?

* โต๊ะแม่งเต็มสัด
* พนักงานเลยให้เค้ามานั่งกับกู
* แม่งโคตรน่ารักเลยแม่ง สว่างมาก
* ยิ้มที ตากูนี่อย่าพร่าไอ้สัดดด
 


เหี้ย

* แม่งน่ารักว่ะ
* มองใกล้ๆแก้มแม่งอย่างใสเลยมึง
* แม่งต้องนิ่มโคตรอ่ะ กูสัมผัสได้
* แต่ปากแม่งต้องนิ่มกว่า
* ตัวหอมด้วยว่ะแม่ง


 สถานการณ์พลิกแล้วครับ ตอนนี้ผมพิมพ์ยาวมาก ส่วนมันมีหน้าที่แค่รับรู้พอ

* ฆวยยยย
* มึงมันหมอเหี้ย หมอหื่น
* เป็นหนักขนาดนี้กูว่าจีบเหอะ


 * -_-
* แม่ง
* จีบไงดีวะ


 * เรื่องของมึง
* เอาสมองเทพของมึงคิดเลยแม่ง
* พ่อกูตามละ กูต้องไปเล่นฟิตเนสกับพ่อ
* โชคดีเหี้ยหมอ
* go on without me!


* -_-
* สัด กลับมาก่อน!!!!

 
* ไม่ช่วยหรอกแม่ง
* เวลาได้กัน ยังกะกูจะได้ไปหอมแก้มใสๆของเค้ากับมึงนี่
* ปากอีก....

 
* ไอ้สัดดดดดดดด
* ห้ามความคิดจัญไรของมึงเดี๋ยวนี้!
* เงี่ยนมากก็ไปยกเวทแม่ง

 
มันไม่ต่อล้อต่อเถียงผมต่อ แล้วส่งสติ๊กเกอร์ bye! มาอันเดียวแล้วเงียบไป
กูต้องสู้ต่อเพียงลำพังแล้วสินะ

แต่ละวินาทีที่เดินไปมันช่างทำให้ผมรู้สึกกดดัน แม่งเครียดยิ่งกว่าตอนเตรียมสอบเข้ามหาลัยอีกครับ
ตอนนั้นถ้าโง่ก็ยังรู้ว่าต้องอ่านหนังสือเพิ่มตรงไหน

ตอนนี้แม่งโง่มาก – แล้วไม่รู้ด้วยว่าต้องทำยังไงถึงจะหาย
หรือผมจะไลน์ไปถามน้องสาวผมดี?

นี่กูตกต่ำถึงขนาดต้องให้น้องสาวช่วยจีบหนุ่ม(น้อย)เลยเหรอวะ?

ผมไม่รู้เลยครับว่าเวลาแม่งผ่านไปนานกี่นาทีแล้ว นาทีนี้่กลัวแค่ว่าจะมีใครสักคนในร้านลุกขึ้น ซึ่งมันจะทำให้เขาต้องย้ายไปนั่งที่โต๊ะตัวนั้นทันที -- ต้องขาดใจตายแน่ๆ

ครืด...
แล้วเสียงลากเก้าอี้ก็ดังขึ้นมาจากโต๊ะตัวที่อยู่ถัดไปทางด้านซ้ายของผม
แม่ง พอกูคิดปุ๊บก็ลุกขึ้นปั๊บเชียวนะ...

สิ่งที่ผมทำต่อมาคือมองตรงไปยังคนตรงหน้า
เขาหยิบหูฟังขึ้นมาใส่เรียบร้อยแล้ว เมือมือคู่นั้นก็ขยับพิมพ์ลงบนคีย์บอร์ดไม่หยุด
ผมเห็นเขากัดปากเบาๆ กลั้นรอยยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติ แล้วก็กลับไปยิ้มอีกครั้ง

แล้วผมก็ยิ้มออกมาอีกแล้ว รอบที่เท่าไหร่ก็ลืมนับไปแล้วว่ะตอนนั้น
...เขายังไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นย้ายที่นั่งไปไหน ถึงแม้ว่าโต๊ะตัวนั้นจะถูกทิ้งให้ว่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

“ขอนั่งต่อนะ ตรงนั้นไม่มีปลั๊กไฟ"

เขาเงยหน้าขึ้นมาจากคอคอมพิวเตอร์แล้วก็ยิ้มกว้างสดใส(อีกแล้ว) ก่อนจะกลับไปทำงานต่อ
โอ้ยย – จะยิ้มเก่งไปไหน!

ผมว่าผมแม่งรอไม่ได้ละ เอาสติปัญญาที่พาตัวเองเข้ามาเรียนคณะนี้ได้ขึ้นมาใช้เดี๋ยวนี้
ผมจะเริ่มจีบเขายังไงดีวะ?

จะว่ายังไงดีล่ะ?
ผมไม่ใช่พวกเฟรนลี่น่ะ ไม่ใช่มนุษย์ประเภทที่จะส่งยิ้มกว้างๆแล้วโปรยไปให้ทุกคนรอบตัวได้เหมือนเขา
ผมมันกวนตีน ชอบทำหน้านิ่ง แถมยังพูดสามคำสบถคำนึงอีกต่างหาก
เราอยู่คนละขั้วกันมากเกินไป

ถ้าผมอัธยาศัยดีอย่างเขาสักนิด...
ผมคงส่งยิ้มไปให้แล้วเริ่มถามเขาว่าเรียนคณะอะไร ม.ไหน ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเราอยู่มหาลัยเดียวกัน
หรือถ้าเขาจะมีความกวนตีนปนอยู่ในนิสัยเหมือนอย่างผมบ้าง ผมก็คงหาเรื่องคุยกับเขาได้ง่ายกว่านี้

อย่างไรก็ตาม ต่อให้ผมพอจะพาเรื่องมาถามเขาได้ เช่น ขอคำแนะนำเรื่องแม๊คบุ๊คหน่อย เพราะผมกำลังจะซื้ออยู่พอดี
...การไปกวนสมาธิเขาจากการทำงานก็ไม่ใช่มารยาทที่ดีเท่าไหร่ป่ะวะ?

,
 
สองชั่วโมงครึ่งผ่านไปไวเหมือนโกหก -- ผมเองก็ใกล้บ้าจริงครับ อันนี้ไม่โกหก

ความรู้สึกกดดันของผมเพิ่มขึ้นมากพอๆกับยอดไลค์ในอินสตาแกรม
และความกลัวว่าเขาจะลุกเดินออกไปตอนไหนไม่รู้ ก็พุ่งตามยอดคอมเม้นท์มาติดๆ

มือข้างขวาของผมเริ่มหยิบปากกาที่วางอยู่ขึ้นมา แล้วหมุนควงเป็นวงกลมด้วยปลายนิ้ว พร้อมกับหัวสมองที่ทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆ

เอาวะ!

ในที่สุดผมก็หยุด แล้วกดปลายปากกาลงไปบนพื้นที่ว่างข้างล่างวันที่กับชื่อวิชาของชีทแผ่นนี้ที่ผมจดเอาไว้ -- ก่อนจะเขียนตัวหนังสือภาษาอังกฤษสั้นๆลงไปบนนั้น

รอเวลาสักพัก ผมก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านไป...

ขอให้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม...


,
 
ผมขับรถวนมารอรับน้องสาวตัวดีตรงหน้าที่สถาบันสอนพิเศษ แล้วกว่าจะฝ่ารถติดกลับไปถึงบ้านได้คงจะก็เกือบจะบ่ายโมงโน่นแหละ

ระหว่างนั้นผมห้ามตัวเองไม่ให้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็คไม่ได้เลย จากทุกสิบนาที มาเป็น ห้า สี่ สาม สอง... จนน้องสาวผมยังถามขึ้นมา ว่าผมรอโทรศัพท์อยู่รึเปล่า?

“พี่นัดเพื่อนไว้จะไปเล่นบาสกันน่ะ แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะเจอกันกี่โมง รอพวกมันตอบอยู่เนี่ย"

ก็ว่าไปเรื่อยครับ...
ผมว่าตัวเองเป็นคนเจ้าเล่ห์นะ กะล่อนพอตัวซะด้วย แต่พอเป็นเรื่องของเขาน่ะ อะไรก็ยากไปหมดเลยจริงๆ
ให้ตายสิ....

ว่าแต่จะเงียบไปอย่างนี้จริงๆเหรอ?

ผม ถอยรถเข้าจอด ช่วยน้องถือเอกสารประกอบการเรียนตั้งใหญ่ๆที่ได้มาทุกสัปดาห์ แล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา ระหว่างที่กำลังหยิบรีโมทขึ้นมากดเปิดโทรทัศน์อยู่นั้น เสียง ตึ่งตึ๊ง ก็ดังมาจากโทรศัพท์

ผมรีบโยนรีโมทลงบนโซฟา แล้วคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาทันที


* ไอ้เชี่ย เป็นไงมั่งวะ
* ไหนอัพเดทดิ้!


ไม่เคยอยากถีบเพื่อนตัวเองเท่านี้มาก่อน
ผมยังไม่มีอารมณ์จะอัพเดทอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ เลยตอบมันกลับไปแค่

* -_-

แล้ววางโทรศัพท์กลับไปที่เดิม พร้อมกับเสียง ตึ๊งตึง ที่ 2 ที่ดังมา
กูจะบล๊อคไลน์แม่งละนะ! เชี่ยเอ้ย ขี้เสือกนักนะมึงเนี่ย!

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ปลดล็อค ก่อนจะพบว่าเสียงที่ดังแจ้งเตือนไม่ใช่เพราะมีข้อความใหม่เข้ามา
แอพพลิเคชั่นสนทนายอดฮิตบอกกับผมว่า มีใครคนนึงต้องการเป็นเพื่อนกันผม
... ทั้งๆที่ผมเนี่ย โคตรอยากจะเป็นมากกว่าเพื่อนกับเขาไปแล้ว

หน้าที่กดตอบรับคำขอเป็นเพื่อนเป็นของผม
แต่ถ้าวันนึงผมอยากจะขอเป็นอะไรที่มากกว่านี้
เขาคงต้องเป็นฝ่ายให้คำตอบผมบ้าง...

นั่นทำให้การแจ้งเตือนของผมดังขึ้นมาอีกครั้ง
(กูเริ่มจะหลอนกับไอ้เสียงตึ๊งตึงนี่ละ เปลี่ยนเสียงดีกว่าแม่ง...)

ข้อความ แรกที่เขาส่งมาหาผมเป็นรูปถ่ายกระดาษเอสี่สี่ขาวปึกนึง มันเป็นปึกกระดาษที่ผมคุ้นตา เพราะมันใช้ชีวิตอยู่กับผมมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ แล้วผมก็เริ่มรู้สึกรักมันขึ้นมาสุดหัวใจในตอนนี้


* ลืมชีทไว้ที่ร้านกาแฟป่ะครับ?


สิ่งแรกที่ผมทำคือยกมือขึ้น ทำท่า เยส!
โคตรอยากออกไปตะโกนหน้าบ้านเลยแม่ง! ชีวิตดีโคตร!

ยังครับ... ต้องตอบไลน์ก่อน


* เฮ้ย กำลังหาอยู่เลยเนี่ย
* ลืมไว้ที่ร้านกาแฟนี่เอง


* อืม... เราเห็นมันมีไอดีไลน์เขียนอยู่ที่ชีทด้วยอ่ะ
* เลยแอดมาบอก
* เราเก็บชีทไว้ให้นะ

 
* อ๋อ ขอบคุณนะ
* เรียนม.เดียวกันใช่ไหม?


 เขาส่งสติ๊กเกอร์ตอบกลับมาเป็นคำว่า yes!

* เรียนคณะอะไร?

* ถาปัตย์อะ ^^

* จันทร์มีเรียนป่ะ?

* มีๆ
 
* งั้นเดี๋ยวตอนพักเที่ยงไปเอาชีทคืนที่โรงอาหารถาปัตย์แล้วกัน

* อือ ^^

ขนาดในไลน์ยังยิ้มเก่งเลยครับ ใจละลายหมดแล้วแม่ง
ผมปล่อยบทสนทนาของเราให้หยุดคู่แค่นั้น เพราะอีกข้อความที่จะส่งต่อไปนี่ยังค้างอยู่ตรงช่องสำหรับพิมพ์
แม่ง – กดส่งไปจะดีไหมวะ?

* เอาชีทเสร็จขอกินข้าวเที่ยงด้วยเลยได้ปะ?

เอาจริงๆครับ – ไม่กล้า
โคตรจะปอดแหกเลยกูเนี่ย!

 “พี่!! แม่เรียกกินข้าว!!”

เสียงแหลมแสบแก้วหูของยัยน้องสาวตัวแสบของผมดังขึ้น พร้อมกับแรงกระแทกที่ไหล นั่นทำให้นิ้วหัวแม่มือของผมเลื่อนไปกดส่งข้อความเข้าพอดิบพอดี
- _ - โลกแตกแล้วแม่งเอ้ย!

ผมปล่อยโทรศัพท์ให้ตกลงมาบนตักราวกับจับของร้อน แล้วมองตัวหนังสือสีอ่อนๆที่ขึ้นมาว่า เขาอ่านข้อความที่ผมส่งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...

 
.
.
.
.

 

* อืม เอาดิ ^ ^

ไม่ทนแล้วครับ! ผมเขวี้ยงมือถือลงบนโซฟาพร้อมกับวิ่งออกไปตะโกนแหกปากหน้าบ้านหนึ่งรอบ พ่อแม่กับน้องผมต้องงงแน่ๆ แต่ใครจะไปสน...

*อยากกินไรเป็นพิเศษป่ะ?

พิมพ์ข้อความเสร็จผมก็รอสักพัก
สักพัก...
และ สักพัก...

เห้ย...
เงียบใส่กันซะงั้น...

*...
* ไม่ตอบ...


*เปล่า
* ^ ^
* ดีใจอยู่

 
เข้านอนตอนนี้แล้วตื่นมาอีกทีเป็นวันจันทร์เลยได้ปะวะ?

tbc.

- - - - -

:)

เพิ่งเคยลงนิยายในนี้แฮะ ฝากตัวด้วยน้าา
เราแต่งเรื่องนี้ไว้ถึงตอนที่ 9 แล้วค่ะ จะทยอยเอามาลงเรื่อยๆแล้วกันน้า

เอ็นดูเด็กน้อยสองคนนี้มากๆนะคะ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: ploetkrai ที่ 15-05-2015 19:32:45
ในที่สุดยิ้มหวานก็มาเล้า 555555
เม้นให้กำลังใจ สู้ ~~~~~
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: LiqueuR ที่ 15-05-2015 20:00:55
 :mc4:


โอ้ยยยย  น่ารักก

ชอบโมเม้นกลั้นฟินอ่ะ #ยิ้มแก้มแตกก  55

 เป็นนิยายที่น่ารักมากก
 :impress2:

มาต่อไวไวนะค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 15-05-2015 20:01:15
แปะไว้ก่อนน้ากีปู ตอนแรกนะเนี่ยแต่ยาวมากเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: MUSIX ที่ 15-05-2015 21:03:18
ในที่สุดหมอกับยิ้มหวานก็แลนดิ้งที่เล้า 55555
สู้ๆนะค๊าาาา พันธมิตรยิ้มหวานเป็นกำลังใจให้~  :-[ o13 :mew1:



หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 15-05-2015 21:15:57
น่ารักดี
คิดว่าน้องคนนั้นก็ต้องอยากรู้จักไอ้หมอ(ของเพื่อนที่คุณไลน์ด้วย)ใช่ป่าว
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ปล.แอบงงชื่อเรื่องนิดนึง คนที่ยิ้มหวานไม่ใช่คนที่เรียนสถาปัตย์เหรอคะ ส่วนคนที่เล่าน่าจะเป็นว่าที่คุณหมอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 15-05-2015 21:18:16
น่ารักอ่ะ ยิ้มแก้มปริเลย อิอิ
ลงต่อเลยก็ดีน่ะ 9 ตอนแนะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 15-05-2015 22:05:48
แอร๊ยยดีใจจยิ้มหวานมาเล้าแล้วว :katai2-1: :katai2-1: :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: lightseeker ที่ 15-05-2015 23:52:50
โอยยยยย น่ารักมากกกก ยิ้มแก้มแตกแล้วเนี่ย :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: zoillgm ที่ 16-05-2015 00:03:34
แอร้ยยยย ปรบมือแปะๆต้อนรับยิ้มหวานกับหมอเข้าสู่เล้าค่ะ ตามอ่านในบล็อคมานาน เป็นกำลังใจให้คนเขียน หมอและยิ้มหวานน้าาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 16-05-2015 00:59:40
อ๊ายยยยยยน่ารักมากกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: manowdino ที่ 16-05-2015 01:39:10
ตามมาจากexteen โพสใหม่ ก้อ่านใหม่ อ่านอีกรอบ อ่านอยู่นัลลล
>_< เป็นฟิคที่สดใสฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมววว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 16-05-2015 01:41:31
 :-[ :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: karuwarn ที่ 16-05-2015 06:46:10
น่ารัก ปล่าวดีใจอยู่ ชอบเหมือนกันเเน่เลย 555  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: iamtoon ที่ 16-05-2015 14:45:39
แต่ละคำนี่หลุดออกมาจากปากหมอนี่แบบ.......  o13 :hao7: :hao3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 16-05-2015 14:59:58
หูยยยยยยยยยยยย ทิ้งไอดีไลน์ขนาดนี้เลยเหรอค่ะ  :hao7: :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: brave ที่ 16-05-2015 15:13:59
อร๊ายยยยยยยยยยยน่าร๊ากกกกกกกกกก o13 :-[ :o8: :-[ :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: icecreamii8_ ที่ 16-05-2015 15:44:51
น่ารักง่าาาาาา ติดตามจ้าาา  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: mpp ที่ 16-05-2015 16:36:19
อุ๊...

ไอ๋เช๋ดเป๋ดดดดดดดดดด!
นี๋มั๋นไม๋ไหว๋เลี๋ยวววววววววววววววว!
อ๋ะฮื๋ออออออออออออออออออออออออออออ!

 :ling1: :katai4: :ling1: :katai2-1: :ling1: :katai4: :ling1: :ling1: :katai2-1:


โอ้ยน่ารักมาก น่ารักสุดๆ น่ารักชิบหายเลยโว้ย!
อ่านไปฟินไป นั่งทำหน้ากลั้นฟินเหมือนคุณหมอเลยนะคะ บ๋อกเล๋ย
#คุณพระเอกขี้ป๊อดอ่อยแรงเรียนหมอใช่มั้ยคะ? อิ้อิ้ >.<
คือแบบ ตัวหอมตัวขาวแก้มเนียนใสๆ ยิ้มเก่งแบบนี้
ไม่โดนจีบไม่ได้นะ ไม่ได้ขอเค้าเป็นแฟนไม่ได้นะคะคุณหมอ
น่ารักขนาดเน้ต้องจีบด่วน จีบให้ไว อย่าป๊อด
เอาจริงก็ปอดไปนานนะ ปิ๊งเค้าตั้งนานแล้วแท้ๆ ปั๊ดถ่อว
ทำเนียนมานั่งรอน้องสาว โถๆๆ มาดักส่องเค้าน่ะสิ้
ดีเท่าไหร่แล้วที่ครั้งนี้คุณพนักงานนำพาโอกาสมาให้ถึงที่
ตอบแทนคุณน้องพนักงานคนนั้นด้วยนะคะ5555555555555

สู้ๆนะคะคุณหมอ คุณคนน่ารักยิ้มเก่งเค้าเดินข้ามสะพานที่คุณหมอทอดทิ้งไว้แล้ว
เรื่องนี้ต้องถึงฝั่งฝันนะคะ เอาชีทกินข้าวแล้วก็สานสัมพันธ์กันไปเนาะ ฮี่ เขินอ่ะ -////-

แล้วก็ สู้ๆเหมือนกันคะคุณคนแต่ง นี่มันคงเป็นชะตาฟ้าลิขิตให้เราเจอกันนิ
ปกติเราไม่ค่อยส่องหน้านิยายเท่าไหร่หรอกค่ะ ส่วนมากจะตามแต่นิยายที่เคยอ่านเคยเม้นแล้วมันเด้ง
แต่วันนี้นึกครึ้มเปิดโน้ตบุคส่องหานิยายใหม่
โป๊ะเช๊ะ! ถูกใจชื่อเรื่องเลยกดเข้ามาค่ะ ดีใจจังเจอเรื่องนี้
นี่ตอนนี้เม้นไปก็นั่งยิ้มอยู่นะ เข้ากับชื่อเรื่องอ่ะ (หรา?) 5555555555555
อยากให้คะแนนมากเลยแต่เรายังกดให้ใครไม่ได้
ถ้าเรากดได้แล้วจะรีบมากดให้เลย ตอนนี้บวดเป็ดไปก่อนนะคะ
เดี๋ยวจะไปตามกรี๊ดต่อในแท็ก อยากให้กำลังใจอ่ะ ชอบมากเลย สู้ๆน้า >3<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: เมษายน ที่ 16-05-2015 17:39:44
อ่านแล้วฟินมาก
จะลืมชีท ยังอุตส่าห์ทิ้งไลน์ไว้ เขาไม่รู้หมดแล้วเรอะว่าแกล้ง 55
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 16-05-2015 18:12:05
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: |ψ|PEAT_ZA|ψ|℠ ที่ 16-05-2015 18:16:50
เชี่ย!!

อ่านไปเขิลไป

เคยเหมือนกันสถานการณ์นี้ คนที่แอบปลื้มมากๆปลื้มมานานมานั่งตรงหน้า  เขิลเชี่ยๆ

แต่ติดว่าเขิลจนสมองเบลอ วิธีจีบเคยตุนไว้เป็นร้อยแต่สมองตอนนั้นว่างชิบหาย

แม้แต่วิธีคุยด้วยยังคิดไม่ออกสักคำ เลยได้แต่ปล่อยให้ผ่านเลยไป เศร้าแป๊บ T__T

ฮ่าๆๆ

ติดตามๆครับ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: smineeeee ที่ 16-05-2015 18:32:21
อยากจะพ่นไฟมากเลยอะ อรั้ยยยยยยย หมอเอ้ยหมอ ทีอย่างอื่นนะเก่งจริงนะ เรื่องเเค่นี้ โถ่ว
จีบเขาทีเถอะคะ ระหวังมีสุนัขคาบไปรับประทาน
น่าติดตามมากเลยคะ สู้สู้ค่า มาต่อไวไวนะ  o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: patchamai28 ที่ 16-05-2015 19:42:30
ชอบอ่ะ ชอบ ชอบ ชอบ มันน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
รีบมาต่อเลยน้า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: Dinsor ที่ 16-05-2015 19:48:15
อยากวิ่งไปกรี้ดหน้าบ้านแบบหมอมากก  ตอนนี้ข้าพเจ้าทำลายตัวเองแล้วเรียบร้อย น่ารักมากโอ้ยยยยย ลงไปดิ้นๆๆๆ รอน้าาา

ปล.หมอ...ทำไมขี้อ่อยจัง นึกถึงเวลา ผญ.ทำผ้าเช็ดหน้าล่วงเลยอ้ะะ 'อุ้ย!ผ้าเช็ดหน้าล่วง' แล้ว ผช.ก็เก็บให้แหม่ะะะ :katai3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 16-05-2015 20:06:00
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 16-05-2015 20:56:17
แอร๊ยยยยยย
มันจงใจ มันจงใจ ค่าาาาาาา
ยังจะไปทำท่าเชื่อมันอีกหนุ่มน้อยยย
สงสัยคงแอบปิ้งกันและกันแล้วมั้งนี่
ยิ้มแก้มแตกเลย
 :z1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 16-05-2015 21:19:50
ตามมาเกาะหมอกับยิ้มหวานต่อในเล้าค่า เย้ ><
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 16-05-2015 22:04:39
โอยยย น่ารักมาก อบอุ่น ฟืนๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 16-05-2015 22:23:47
น่ารัก น่ารักมากกกก ฮือ เขิน ฟิน ยิ้มแก้มแตกแล้ววววว

ป.ล. หมอขี้อ่อยยยยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 16-05-2015 22:40:30
น่ารักดี
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: thenifty ที่ 16-05-2015 22:55:58
กรี๊ดดดดดดดด หมอกับยิ้มหวานมาหาเราในเล้าแล้วว   :katai2-1:
หมอขาาาหมอแวะมาบ่อยๆนะคร๊าาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 16-05-2015 23:40:25
ติมตามมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: SM_day ที่ 17-05-2015 00:18:29
หืมมมม ฟินมากอ่ะ 
ปล.เคยทำเหมือนกันนะ แต่แบบหายไปกับสายลมแอร์
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: boooob ที่ 17-05-2015 00:19:52
น่ารักอ่าาา!!!@ :o8: :o8:   รอติดตามตอนต่อไปนะคะ o13 o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 17-05-2015 00:55:48
(https://pbs.twimg.com/media/CARiRTaUQAA5fXH.jpg)

❤ถ้ากรี้ดกร้าดในทวิต ฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ ด้วยน้า จะเข้าไปส่อง : )
❤ใครเล่น ask fm ไปคุยกับยิ้มหวาน&หมอได้น้า ยูสนี้ค่ะ sweetysmileanddoctor





-[2]-




 
ใครก็ไม่รู้พูดไว้ แต่ผมเห็นคนเอามาโพสใหม่ในเฟสบุ๊คเมื่อคืน
 
ว่า...ถ้าความบังเอิญเกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้ง
เราน่าจะเริ่มเรียกมันได้ในคำอื่น
 
ผมนั่งเท้าคาง มองกระเป๋าสตางค์ตรงหน้าแล้วครุ่นคิด
 
เราน่าจะเริ่มเรียกมันได้ว่า – พรหมลิขิต
 
 
- - - -
 
 
 
* เปล่า
* ^ ^
*ดีใจอยู่

 
*ดีใจ?
 
*เอ้ย! พิมพ์ผิดคน
*คือกำลังบอกเพื่อนว่าเจอเจ้าของชีทแล้วเลยดีใจอ่ะ
*ไปแล้วนะ เจอกันวันจันทร์

 
*อืม
*เจอกันๆ

 
คืนนั้นไลน์ผมดังแจ้งเตือนแบบเอาเป็นเอาตาย ข้อความสั้นๆถูกส่งมาจากไอ้พวกเพื่อนเลว
พวกมันออกไปแดก เอ้ย! ดื่มเหล้ากันอีกแล้ว
 
และผมก็ตอบกลับไปด้วยความมั่นใจเลยว่าผมไม่ไป...
 
* สัดเหี้ยสัดหมา
* ไอ้ซาฟารีเวิร์ล มึงอย่ามาอ่อน
* เค้ามากันยกแกงค์ขาดแค่มึงเนี่ย!!!

 
* สัดด ก็กูบอกว่ากูไม่ออกไป
 
* เหตุผล!
 
* กูจะรีบนอนแม่ง
 
* รีบเหี้ยรีบห่าอะไร
* ปกติมึงเคยนอนหัวค่ำเหรอ!

 
* กูจะรีบนอน....
.
.
.
.
.
.
* วันจันทร์จะได้มาถึงไวๆ
 
ผมรู้สึกเลยครับว่ามันเงิบแดก...
 
* ขอให้ไข้หวัดนกแดกมึงเฉียบพลัน
* เอาให้วันจันทร์ไปเรียนไม่ได้แม่ง

 
แช่งกูอีก....
 
* - _ -
 
ผมตอบมันกลับไปแค่นั้นแหละครับ แต่การที่มันไม่มาเซ้าซี้กันอีกก็เดาได้ไม่ยากว่ามันคงเข้าใจ...
ผมมุดตัวลงผ้าห่ม ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มหน่อยๆ แต่ผมแม่งโคตรอยากนอนชิบหาย
 
ว่าแล้วก็ฝันดี...
 
 
,
 
 
 
เช้าวันจันทร์ผมรอคอยมาถึง...
วันนี้ผมตื่นแต่เช้า แถมยังขี้เก็กพอจะขับรถออกมาทั้งที่ปกติแล้วผมชอบขึ้นรถไฟฟ้ามากกว่า มาถึงก็ประสาทเสียเลยครับ -- ที่จอดไม่มี!
 
ระหว่างที่กำลังวนรถไปมาอย่างหัวเสียอยู่นั่น ไลน์ผมก็เด้งอีกแล้ว
ถ้าไอ้พวกเชี่ยนั่นส่งมานะ ผมจะบล๊อคแม่งจริงๆด้วย
 
* ถึงโรงอาหารแล้วนะ
* นั่งอยู่ชั้น2

 
 
เช้ดโด้วสิครับ!!
จากที่แค่เซ็งๆเรื่องหาที่จอดไม่ได้ ตอนนี้มันเริ่มอัพเลเวลขึ้นเป็นความเฟลครับ ไม่ใช่เฟลธรรมดา
แม่งเฟลเป็นตำนานเล่าขานสืบไป!
ความประทับใจแรกที่ดีคือเหี้ยอะไรครับ ไม่รู้จัก...
 
ผมมาสาย...
 
ระหว่างนั้นผมก็สังเกตเห็นที่จอดรถจนได้ ว่าแล้วก็ไม่รอช้า ผมรีบเลี้ยวรถเข้าไปเพื่อจะถึงที่จอดให้เร็วที่สุด
ดีมาก -- ในซอยนี้มีรถผมคันเดียว ไม่มีใครแย่งกูได้แน่นอน...
 
ระหว่างที่กำลังกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจคนเดียวนั่นเอง เชฟโรเลตนรกแตกจากที่ไหนไม่รู้แม่งก็เลี้ยวปัดล้อสวนเลนเข้ามา แล้วก็มาจอดจ่อตูดรถผมที่กำลังทิ่มหัวไปข้างหน้าเพื่อจะถอยหลังเข้าซองแบบพอดิบพอดี
 
สังเกตอยู่ไม่นานก็รู้ ว่านั่นรถเพื่อนกูเอง!
ยิงพลังทางสายตาผ่านกระจกใส่กันอยู่ไม่นาน ไลน์ผมก็เด้ง
 
* หล่อเหี้ย มึงไปจอดช่องอื่นไป เบนซ์มึงคันเล็ก ช่องนี้มันกว้าง
 
ไอ้สัด.... กูนี่ซึ้งกับตรรกะมึงแป้บ
ผมไม่รอช้า โทรหามันทันทีครับ ไม่ต้องทักต้องทายกันละ ผมรีบตะโกนใส่แม่งเลย
 
“สัด ถอยหลังไปไอ้เหี้ยกูรีบ"
 
“รีบหน้ามึงสิ เรียนบ่ายโมงนี่สิบเอ็ดครึ่ง"
 
“ไอ้เหี้ย ไอ้สันดานเสือก!"
 
“นั่นๆ ทำเป็นด่ากู ไปหายิ้มหวานอ่ะดิ"
 
โคตรเกลียดคำที่มันเรียกเขาครับ
กูจะเก็บไว้เรียกคนเดียวเหอะแม่ง!
 
“สัด! เค้ามาถึงละเนี่ย มึงถอยไปเลย กูรีบไอ้เหี้ย"
 
“รางวัลสำหรับเด็กดีล่ะคร้าบพี่หมอ~~”
 
ดีกับพ่อมึงสิ!
 
“เดี๋ยวกูเลี้ยงเหล้าก็ได้แม่ง มึงถอยไปไป๊!”
 
“คร้าบโผมม~”
 
“สัด! ถอย!!”
 
ผมได้ยินเสียง ตุ้บ! เดาว่ามันคงโยนโทรศัพท์ไว้บนเบาะข้างคนขับ เพราะตอนนี้รถมันถอยออกไปแล้ว แต่ผมยังได้ยินเสียงมันมาจากที่ไกลๆ
 
“เดี๋ยวกูเอาไปจอดเทียบฟุตบาทหน้าคณะนะ ตอนเย็นมาจ่ายค่าปรับให้กูด้วย"
 
“เออแม่ง!”
 
ได้ทีละแม่งเอาใหญ่ครับ มึงวนสักพักแม่งก็มีที่จอดละเนี่ย ถามว่าจะเอารถไปให้ตำรวจมันล็อคล้อเล่นเพื่อ?
ตำรวจแม่งก็กวนตีนโคตร บางทีแวะหย่อนงานห้านาทีแม่งมาละ ล๊อคล้อกูเฉ๊ย...
ผมนี่งง...
 
“มึง! อย่าเพิ่งวาง รถกูจอดรถเสร็จ เดี๋ยวพากูไปแวะส่งหน้าตึกถาปัตย์หน่อยดิ"
 
พอแม่งได้ยินผมพูดอย่างนั้นก็แซวผมแบบสะใจโคตรครับ แถมยังผิวปากปิดท้ายยกใหญ่
ตอนเด็กๆพี่เลี้ยงมึงเอานกหวีดคลุกข้าวให้แดกเหรอ?
 
แม่งเหมือนจะรู้ว่าผมด่าอยู่ในใจครับ เชี่ยแม่งทำท่าเหมือนจะไม่รอผม เพราะมันกำลังถอยรถออกไปแล้ว แบบเร็วโคตรเร็ว
 
“กูเลี้ยงเหล้ามึงสองวันเลยมา! รอกูก่อนไอ้สัด!”
 
“ได้ครับเพื่อน ถ้าจีบติดต้องเลี้ยงเหล้าอีกรอบด้วยนะ"
 
“แล้วถ้ากูจีบไม่ติดอะ"
 
“มึงก็เลี้ยงเหมือนเดิมจ้าา"
 
เหี้ยจังนะครับมึง...
 
 
,
 
 
15 นาทีหลังจากที่เขาไลน์มาบอกผมว่ามาถึงแล้ว ผมก็มายืนหอบแดกอยู่หน้าโรงอาหารถาปัตย์
เค้าบอกว่าอยู่ชั้น 2 ว่าแต่บันไดแม่งอยู่ตรงไหนวะ?
 
งมอยู่ไม่นาน ในที่สุดผมก็มาเหยียบโรงอาหารชั้น 2 ของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ครับ
เพิ่งเคยมาครั้งแรกเนี่ยแหละ...
 
การหาตัวเขาไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ เพราะตัวสว่างมาก เหมือนมีแสงวาวๆวิ้งๆออกมารอบตัวยังไงก็ไม่รู้บอกไม่ถูก ยิ้มนึงนี่ไอ้โรงอาหารนี่ก็ไม่ต้องเปิดไฟเลยมั้ง สว่างปิ๊งๆทันตาเห็น
...เพ้อเจ้อไปอีกกู
 
ตึ๊งตึง
 
* อยู่นี่ๆ
 
อ่านไลน์จบผมก็มองไปทางเขา แล้วก็เห็นว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นยกมือขึ้นมาโบกแล้วก็ส่งยิ้มให้ผม พอผมหันไปมองสบตาปุ๊บ เจ้าตัวก็กวักมือเรียกใหญ่เลย ใครอยู่แถวนั้นก็หันมามองหมดอ่ะ เด่นจริงๆคนอะไร
 
“หวัดดี รอนานป่ะ?”
 
ทำเหมือนหล่อมากครับ ในใจนี่โคตรสั่นเลย...
 
“ไม่นานนะ นั่งเล่นไปเรื่อยๆ หิวยัง?”
 
"นิดหน่อย" ผมตอบพลางวางกระเป๋าแล้วนั่งลงบนเก้าอี้
หันซ้ายหันขวา ดูๆแล้วคนยังไม่เยอะเท่าไหร่ครับ น่าจะเป็นเพราะพวกที่มีเรียนตอนเช้าน่าจะยังไม่ลงมาพักเที่ยงกันมั้ง ไม่ใช่คณะผมนี่ ก็เลยได้แต่เดาไปเรื่อย
 
"เดี๋ยวเลี้ยง แนะนำหน่อยดิ กินไรดิ"
 
เขาได้ยินคำพูดผมแล้วหลุดยิ้มหน่อยๆ ก่อนจะทำหน้าครุ่นคิด
น่ารักโคตรบ้า กรุณาพากูไปแอดมิดทีครับ...
 

“ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่มั้ย อร่อยนะ"
 
“อยากกินเองอ่ะดิ?”
 
ผมถามล้อๆครับ แล้วก็หลุดหัวเราะออกมาตอนเค้าทำหน้ามุ่ย
น่ารักจังโว้ย! แทบวิ่งเอาหัวไปโขกเสาแม่ง ชอบมาก! ช่วยด้วย!
 
“ก็อยากกินนะ แต่ร้านนี้อร่อยจริงๆนะ นั่งรอแป้บ เดี๋ยวเราลุกไปซื้อให้"
 
“เดี๋ยว!” ผมเผลอหลุดปาก แล้วคว้าข้อมือเขาเอาไว้ เหยย! ไม่ได้ตั้งใจ! "'นั่งรอนี่แหละ เดี๋ยวไปซื้อให้เอง"
 
อีกฝ่ายชะงักนิดหน่อย มองหน้าผมเหมือนอยากถามว่า เอาจริงอ่ะ?
 
“แล้วรู้เหรอว่าร้านไหน?”
 
“ก็บอกดิ..."
 
ต่อปากต่อคำกันไปซะอย่างนั้น
แล้วเขาก็บอกชื่อร้านผม...
 
“น้ำอะ กินอะไร?”
 
“น้ำเปล่า เอาแบบไม่เย็นนะ"
 
“อือ นั่งรอนี่แหละ"
 
ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ส่งยิ้มมาให้ผม แล้วพยักหน้ารับครับ
 
ใจละลายไปเลยกู...
เหี้ยครับผม - บันไดลงชั้น1 อยู่ทางไหนวะ ตาพร่าหาไม่เจอแล้วแม่ง....
 
 
,
 
 
ตลกดี -- พอกินข้าวเที่ยงกันเสร็จ เขาก็ค้นกระเป๋า และพบว่าน่าจะลืมชีทของผมไว้ในรถ
 
ผมนั่งเท้าคางมองคนที่คุ้ยทุกอย่างออกมาจากหลุยส์วิตตองใบโต (ขอบอกว่าขนของมาเรียนเยอะโคตร เอามาทำอะไรนักหนาวะ?) แล้วบ่นอะไรก็ไม่รู้อยู่คนเดียวครับ
จับใจความเอารวมๆว่า เจ้าตัวมั่นใจมากครับว่าหยิบชีทผมมาแล้ว ทำไมหาไม่เจอ
พาลไปอีกว่าชีทมันต้องหายตัวได้ เห็นแล้วรู้สึกอยากยิ้มออกมาซะจริงๆ
ผมยิ้มไม่บ่อยครับ แต่นาทีนี้นี่โคตรอยากยิ้มเลย!
 
“ยิ้มทำไม ถ้าชีทหายนี่ไม่ตลกนะ!”
 
“อย่าซีเรียสดิ"
 
“ก็เรากลัวมันหาย รอแป้บนึง ขอเดินไปดูที่รถก่อน"
 
พอเขาทำท่าจะลุกขึ้น ผมก็ลุกตามเลยครับ แล้วถือจานเปล่าๆทั้ง 2 ใบขึ้นด้วย
 
“เอาจานไปเก็บแล้วไปด้วยกันนี่แหละ"
 
เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะส่งสายไปยังกระเป๋าสตางค์ที่วางอยู่ตรงมุมหนึ่งของโต๊ะ – อ้าว ของผมนี่หว่า
 
“ฝากถือหน่อยดิ มือไม่ว่าง...”
 
เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ของผมขึ้นมาถือไว้ในมือคู่กันกับโทรศัพท์มือถือของเขา แล้วเดินตามผมไปเก็บจาน
 
โชคดีที่ชีทของผมมันหล่นอยู่ในรถจริงๆ
เขาส่งชีทคืนมาให้ผมพร้อมรอยยิ้ม แล้วแกล้งแซวหน่อยๆว่าอย่าเอาชีทไปทิ้งไว้ที่ไหนอีกล่ะ
 
เราแยกกันตรงนั้น -- แต่ผมจะไม่ยอมให้เรื่องของเราจบลงตรงนี้อย่างแน่นอน
 
 
,
 
 
ฝ่าแดดร้อนฆ่าพ่อมาถึงคณะได้ ผมก็เดินตรงเข้ามาที่ห้องเรียนครับ เหลืออีก 15 นาทีกว่าจะถึงเวลาเรียน ผมเลยไลน์ไปฝากเพื่อนซื้อขนม เรียนไปกินขนมไปไม่ง่วงดี...
 
ไม่ทันทำอะไร ไลน์ผมก็ดังแจ้งเตือนอีกแล้ว
เป็นเขาที่ส่งข้อความมาให้ผม
เหมือนรู้ใจเลย...คือผมอยากส่งอะไรไปให้เขานะ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี
 
สิ่งที่เขาส่งมาให้ผมเป็นรูปภาพครับ รูปบัตรนิสิตของผมนี่หว่า...
 
* กระเป๋าตังค์เราสลับกันอ่ะ
 
ผมอ่านจบก็หยิบกระเป๋าตังค์ตัวเองออกมาจากกระเป๋ากางเกง อ่าว? นี่ก็กระเป๋าผมนี่หว่า
พอเปิดกระเป๋าออก ผมก็รู้ในตอนนั้นเลยว่าเราใช้กระเป๋ายี่ห้อเดียวกัน แถมยังรุ่นเดียวกันอีก
รูปบัตรนิสิตเขาอยู่ตรงหน้าผมเลยครับ... ขนาดหวีผมเรียบแปล้ถ่ายรูปหน้าตรงยังดูดีโคตร
 
ก่อนที่ผมจะห้ามใจตัวเองไม่ไหว แล้วเริ่มค้นกระเป๋าสตางค์เขาทุกซอกทุกมุม ผมต้องรีบปิดมันลง แล้วโยนไปที่มุมโต๊ะ เหมือนไอ้กระเป๋าตังค์นี่มันจะลวกมือ แล้วกลับมาตอบไลน์ก่อน
 
* เออ จริงด้วย
 
* เดี๋ยวเราเรียนเสร็จแล้วเอาไปคืนนะ
 
* อาจจะเลิกช้าว่ะ

 
ว่ะ – กูหลุดว่ะใส่เค้าไปได้ยังไงวะ!
ไลน์แม่งเหี้ยตรงนี้ เหี้ยตรงกดส่งอะไรไปแล้วมันลบไม่ได้นี่แหละ
โอ้ยยย!!!
 
* ไม่เป็นไร
* เราว่างว่ะ
* ^ ^
 
* อืมว่ะ
* 55555555

 
เลย ว่ะ แข่งกันไปซะอย่างนั้น?
 
แล้วเขาก็ส่งสติ๊กเกอร์ OK ! มาให้ผมครับ ก่อนจะพิมพ์่ต่อมาว่า
 
* ...ว่ะ ^^
 
โอ่ยยย กูจะบ้าว่ะ!
ไม่ทันได้ตอบเขากลับไปครับ ไอ้พวกเพื่อนเวรก็ยกโขยงกันเข้ามาในห้องเรียนเป็นที่เรียบร้อย
 
“อ่ะ หนมมึง! -- อ้าว แล้วทำไมมึงโยนเป๋าตังค์ไปไว้โน่นล่ะวะ เดี๋ยวแม่งก็หายหรอก มาๆ เอาตังค์คืนกูมา หนม 2 กล่องสี่สิบ กูคิดห้าสิบครับเพื่อน อ๊ะ! อย่าปฏิเสธ ไม่ต้องเกรงใจกู ไม่ต้องทอนด้วยนะ กันเองๆ"
 
มันพูดพลางหยิบกระเป๋าสตางค์ของผมขึ้นมาครับ เห็นอย่างนั้นผมก็รีบพุ่งตัวไปคว้ากระเป๋าตังค์มากอดไว้ทันที
ท่าทีของผมทำเอาเพื่อนห้าหกคนในกลุ่มหุบปากเงียบกริบ -- แล้วส่งสายตามองมาอย่างจับผิด
 
“แค่สิบบาทมึงให้กูไม่ได้หรา~”
 
เชี่ย – ใช่ที่ไหนเล่า!
มันพูดพลางยื่นมือมาจะฉกกระเป๋าตังค์ไปจากอกผมครับ! กูนี่ก็หวงมากกอดแน่นเชียว!
หวงจนไม่รู้ตัวว่ามีอีกคนที่ขยับอ้อมมาทางด้านหลัง ล็อคแขนผมไว้
แม่งทำงานเป็นทีมกันมากครับพวกมึง เรื่องจริงจังให้มันได้อย่างนี้มั่งสิเว้ย!
 
ผมมองกระเป๋าตังค์ยอดรักลอยออกไปจากอกด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
ต้องยอมสารภาพสินะ...
 
“เฮ้ย! อย่าเปิดนะมึง! นั่นมันกระเป๋าตังค์ของเค้า!”
 
“เค้า? เค้าแมว?”
 
เค้าแมวหน้ามึงสิ ไอ้สัด!
 
“ข...ของ ยิ้มหวาน...
 
โอ้ยเชี่ย แล้วกูเนี่ยจะเขินทำห่าอะไร!!
 
“หาา? เดี๋ยวๆ นี่ถึงขั้นแชร์กระเป๋าตังค์กันแล้วเหรอวะ?”
 
“แชร์พ่องสิ! ก็กูไปกินข้าวกับเค้ามาวันนี้ แล้วดันสลับกระเป๋าตังค์กัน คือมันยี่ห้อเดียวกันรุ่นเดียวกันมึงเข้าใจปะ!”
 
"อืม...อืม..” ตอนนั้นเองที่ไอ้เนิร์ดประจำกลุ่มเดินเอามือลูบคางทำหน้าเคร่งขรึมฝ่าทุกคนมาทางผม แล้วพูดต่อ "ข้าว่าพวกเจ้านั่นช่างมีชะตาที่ต้องกัน..." มึงก็เข้าโหมดอิทธิฤทธิ์มังกรหยกไปซะงั้น
 
ส่วนไอ้พวกที่เหลือก็เอาแต่ อั้ยยย! ล้อกันไม่ต่างกับเด็กประถม กูนี่ก็บ้าเนาะ ไปเขินตามพวกมันอีก
 
“เออ พวกมึงแม่งโวยวายจังเว้ย! แยกย้ายนั่งที่ไป จารย์จะมาแล้วแม่ง"
 
ผมบ่นกลบเกลื่อนหน่อยๆก่อนจะยกขาขึ้นถีบหน้าแข้งพวกมันเรียงตัวไปเลย แล้วนั่งลงแกะขนมที่ได้มา สักพักไลน์ผมก็เด้งอีกรอบ พร้อบกับที่ทุกคนหันมามองผมขวับ!
 
* ถ้าต้องใช้เงินหยิบในกระเป๋าใช้ไปก่อนได้
* แต่ตอนได้กระเป๋าคืนแล้วต้องคืนเราด้วยนะ ^^
* อ๋อ... ว่ะ!
 
* โหหหห
* คิดว่าจะเลี้ยง

 
แล้วเขาก็ส่งสติ๊กเกอร์หน้ามุ่ยมาให้ผมครับ
น่ารักโคตร...
 
ผมเลยรีมพิมพ์ตอบไป


* ไม่เป็นไร
* เดี๋ยวขู่จากเพื่อนเอา

 
ู* อือ
* ...ว่ะ ^^


 
 
"ฮั่นแหน่~~~~~!!”
แหน่หน้าพวกมึงสิ!
 
“เดี๋ยวก็ต้องเอาเป๋าตังค์ไปคืนเค้าอีกดิว้า~ ได้หาเรื่องกินข้าวกันเค้าอีกสิว้า แหมๆ มารยาหมอร้อยเล่มเกวียน"
 
“สัด! พวกมึงก็หมอมั้ย! เดี๋ยวเค้าแวะเอามาคืนให้ที่คณะตอนเลิกเรียนเว่ย กูคงต้องแว้บออกจากห้องไป”
 
“โว้วว~~”
 
“โว้วเหี้ยไร จารย์มาแล้ว ตั้งใจเรียนเหอะแม่ง!”
 
ไอ้พวกบ้านี่แม่งยุกยิกชิบหายครับ แม่งหาเรื่องกวนผมไม่หยุดจนรู้ตัวอีกที ก็ผ่านไปสองชั่วโมงกว่าๆ พร้อมกับที่ไลน์ผมเด้งอีกครั้ง...
 
* มาถึงแล้วอะ
* รออยู่ตรงเก้าอี้ใต้ตึกคณะนะ

* อืม
* เดี๋ยวลงไป

 
ผมหันไปมองเพื่อนข้างๆตัวที่หลับกันไปทีละคนสองคน ก่อนจะเจอไอ้เนิร์ดหัวแถวที่นั่งตัวตรงจดเลคเชอร์อยู่ เลยกระซิบเรียกมัน
 
“มึงๆ กูออกไปข้างนอกแป้บ...”
 
ได้ยินอย่างนั้นมันก็หันกลับมามองผม ก่อนจะใช้มือดันแว่นขึ้น แล้วหรี่ตามาให้
ไอ้สัด! ตั้งสติก่อน! มึงไม่ใช่โคนัน!
 
ผมยกมือขึ้นโบกให้มันกลับไปสนใจเรื่องเรียนเหอะ เดี๋ยวมิดเทอมไม่มีใครติวให้ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป พอลงมาข้างล่างก็เจอเขานั่งอยู่คนเดียว
 
“หมอเค้าอยู่กันโคตรเงียบอ่ะ คณะเรานี่โหวกเหวกสุดๆ"
 
ผมยิ้มตอบเขา ก่อนจะพยักหน้ารับหน่อยๆ "ก็งี้แหละ"
 
“อ่ะนี่ กระเป๋าตังค์ เราขโมยตังค์หมดแล้ว ถ่ายรูปบัตรอัพลงเฟสไปแล้วด้วย"
 
“ถ้าจริงจะตามไปเอาเรื่องถึงที่เลย”
 
“โห – น่ากลัว" เขาพูดแล้วยิ้มตาหยีเลยครับ
 
กลัวอะไรน่ารักขนาดนี้~
 
คืนกระเป๋าตังค์เสร็จเราก็แยกย้ายกัน เขารู้ด้วยอ่ะว่าผมแอบออกจากห้องเรียนมา
ผมได้แต่ยกมือขึ้นมาโบกบ๊ายบายเก้อๆเกร็งๆ ตอนที่เขาโบกมือมาให้พร้อมรอยยิ้ม...
 
 
ถ้าความบังเอิญเกิดขึ้นซ้ำๆ เราจะเรียกมันว่าพรหมลิขิต
 
...แต่ความบังเอิญแรกที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับเขามันคือความตั้งใจของผมนี่หว่า?
เอาเหอะ -- ใช่ว่าทุกคำของทุกคนจะมีต้องความหมายเหมือนกันไปหมดซะหน่อย
สำหรับผม พรหมลิขิตมันอาจจะเป็นความบังเอิญที่เกิดขึ้นครั้งนึง แล้วก็เว้นไปอีกสักครั้ง เพื่อจะบังเอิญใหม่อีกรอบก็ได้มั้ง
 
ระหว่างที่เขากำลังหันตัวกลับไป ผมเลยเอื้อมมือไปจับข้อมือของเขาเอาไว้ นั่นทำให้เขาหยุดชะงัก หันมามองผมแล้วส่งสีหน้าตกใจมาให้
 
ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยถามอะไรออกมา ผมก็ยกมืออีกข้างขึ้นเกาท้ายทอยตัวเองแก้เขิน แล้วพูดออกไป
 
“วันเสาร์หน้าถ้าเจอกันที่ร้านกาแฟอีกต้องมานั่งด้วยกันนะ...”
 


“อืม ^^”
 
 
tbc.
 
 
 
 
- - - - -
 
 


ทอล์คหน่อยน้า
ก่อนอื่น : ))
เราดีใจมากเลยค่ะที่ทุกคนเอ็นดูเด็กน้อยสองคนขนาดนี้
 30 กว่าเม้นของตอนแรกเราว่าเยอะมากเลย อย่างน้อยก็เยอะกว่าที่เราคิดไว้แหละน่าา
แอบมีคนแถวนี้มากระซิบบอกว่า มีคนเเอา ยิ้มหวานของหมอไปโพสแนะนำในห้องแนะนำด้วย
ขอบคุณทุกๆคนมากเลยนะคะ

แล้วก็มีคอมเม้นเรื่อง เจ้าแฮชแทค #ยิ้มหวานของหมอ ว่าแอบชวนงงนิดหน่อย
เราอธิบายดีกว่า....
ยิ้มหวานของหมอ นี่หมายถึง ยิ้มหวานเป็นคนของหมอ เป็นยาหยีของหมอ เป็นหวานใจขอ
หมอ ประมาณนี้ค่ะ
ไม่ใช่ว่านังน้องหมอแกเป็นคนที่ยิ้มหวานนะ หน้ากวนตีงซะขนาดนั้น -_-
ไม่งงละเน้อ


ยังก็ขอบคุณที่มาอ่านกันค่ะ
ปล.จะพูดเหมือนเดิมว่า เอ็นดูเด็กน้อยสองคนนี้เยอะๆนะคะ ^ ^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: Meimei ที่ 17-05-2015 00:56:39
น่ารัก อบอุ่นมากเลย ชอบเรื่องนี้ที่บรรยายง่ายๆ แต่ให้อารมณ์เข้าถึงสถานการณ์มากกว่า
รีบมาต่อตอนต่อไปเร็วๆนะ อยากรู้ว่าจะจีบกันยังไง เอาใจช่วยค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 17-05-2015 01:01:31
งื้ออออ มาแล้วววว เค้ามีอะไรจะบอกแหละ
ตัวอย่าลืมเปลี่ยนหัวข้อที่โพสแรกด้วยยย
เพิ่มวันที่อัพ เพิ่มหน้าที่ลง ไปด้วยน้าาา

กดไปที่โพสแรก แล้วแก้ไขก่อนลงทุกครั้ง ง่ายๆ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: Rabity ที่ 17-05-2015 01:07:23
น่ารักจัง แอบเขิลมาก
จะติดตามตอนต่อไปนะจ๊ะ รีบเอามาลงเร้วววววว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [01]
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 17-05-2015 01:11:18
งื้ออออ มาแล้วววว เค้ามีอะไรจะบอกแหละ
ตัวอย่าลืมเปลี่ยนหัวข้อที่โพสแรกด้วยยย
เพิ่มวันที่อัพ เพิ่มหน้าที่ลง ไปด้วยน้าาา

กดไปที่โพสแรก แล้วแก้ไขก่อนลงทุกครั้ง ง่ายๆ สู้ๆ


แว้บมาเขียนทอล์คอยู่ค่ะ ไม่ทันคนปาดเล้ยยย
แงงงงงงงงงงงงงงง ปูไม่ชินกับการลงนิยายแบบนี้เลย เอ๋อสุดๆ
เคยทำสมัยบอร์ด myfics โน่นนนน #โชว์แก่
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 17-05-2015 01:28:43
ชื่อเรืีองดีงามน่ารัก หลังจากอ่านตอนแรกไปเมื่อวานก็แิบไปตามอ่านอีกที่ถึงตอน9 คลั่งหนักยิ่งกว่าเดิมมมมมม น่ารักและยิ้มทุกครั้งที่อ่านเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: Orange151987 ที่ 17-05-2015 02:11:42
อ่านไป ยิ้มไป แก้มจะแตกแล้วนะ มาต่อเร็วๆเลย :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 17-05-2015 02:16:57
รักกกก รักยิ้มหวานนน แต่หมั่นไส้หมอมากก อยากเก็บยิ้มหวานมาใส่กล่องไปเล่นที่บ้าน ฮืออออออ  :hao5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: jejiiee ที่ 17-05-2015 03:07:56
โอยยย ให้ตายเหอะ เราหลงรักยิ้มหวานของหมอไปแล้วละคะ !

เป็นนิยายอีกเรื่องที่หายากมากที่ทำให้เราค่อยๆ ยิ้ม แล้วยิ้มกว้างหัวเราะขำกับตัวละครขนาดนี้
ฟิลกู้ด มากมาย เราจะรอติดตามอย่างใจจดใจจ่อนะคะ คิดถึงยิ้มหวานของหมอแล้วเนี่ย ฮาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 17-05-2015 03:23:29
 :-[ น่ารักม้ากมากกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 17-05-2015 04:11:41
 :heaven
 :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 17-05-2015 06:28:20
เหยยยย มะนน่ารักมันน่ารักมากๆๆๆๆเลย เหยย เหยๆๆๆ คือยิ้มตลอดเลยยย  ใจตรงกันแน่นอนนน โอยพี่นี่กรี๊ดดดด
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 17-05-2015 06:46:46
ยิ้มหวานน่าร้ากกกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: My_yunho ที่ 17-05-2015 06:54:41
ตัวบิดเปนเกลียวแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-05-2015 06:55:59
 o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: smineeeee ที่ 17-05-2015 08:18:38
ยิ้มหวานนนนนน หมอหบงเเล้วลูกเอ้ย
มารยาหมอร้อยเล่มเกวียน หมอร้ายมาก
สู้สู้คะ มาร่อไวไวนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่า  o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: Junekid ที่ 17-05-2015 08:51:54
ยิ้มหวานของหมอ ของหมอจริงๆ :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: เมษายน ที่ 17-05-2015 09:41:50
อ่านแล้วยิ้มจนปวดแก้ม
ชอบประโยคตอนต้นที่ว่า
"...ถ้าความบังเอิญเกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้งเราน่าจะเริ่มเรียกมันได้ในคำอื่น
 
เราน่าจะเริ่มเรียกมันได้ว่า – พรหมลิขิต" ^^b
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: |ψ|PEAT_ZA|ψ|℠ ที่ 17-05-2015 09:59:37
>__<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 17-05-2015 10:12:05
เป็นการบรรยายได้น่ารักน่าฟัดมากกกก รอลุ้นต่อๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: patchamai28 ที่ 17-05-2015 10:41:41
ชอบหมออ่ะดูเป็นคนเพ้อฝันดี  :m20:
ปล. เค้าก็ตามยิ้มหวานมาจากห้องแนะนำเหมือนกัน  :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: pimBNY ที่ 17-05-2015 10:54:43
:o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: Monday688 ที่ 17-05-2015 10:56:43
สนุกๆน่ารักมากเลยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 17-05-2015 11:07:46
น่ารักมากกกกกก โอย อ่านไปเขินไปด้วยซะงั้น  :m3:
ตอนแรกอ่านชื่อเรื่อง คิดว่านายเอกต้องเป็นคุณหมอที่ยิ้มหวานใจดีแน่เลย
กลายเป็น นายเอกคือน้องยิ้มหวาน ที่เป็นเจ้าของหัวใจของคุณหมอ นี่เอง  :o8:
ตอนแรกก็ว่าคุณหมอขี้อ่อย ไป ๆ มา ๆ ขี้อ่อยทั้งคู่ใช่ป่ะ 555
เดาว่ากระเป๋าตังค์สลับกันเนี่ย เป็นความตั้งใจของน้องยิ้มหวานแน่เลย ฮุฮุ
แต่ต่อนี้ไป จะเริ่มจีบกันตรง ๆ แล้วใช่ม้า รออยู่น้า น่ารักจัง
ชอบบรรดาเพื่อน ๆ เป็นพวกว่าที่คุณหมอที่เฮฮาปาจิงโกะดีจริง ๆ
ว่าแต่ คุณหมอกับน้องยิ้มหวานนี่ ชื่ออะไรกันบ้างอ่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 17-05-2015 11:11:13
ว๊ากกกกก อ่านไปยิ้มไป น่าร๊ากกกก

ว่าแต่ ไม่รู้ชื่อหมอและยิ้มหวานเลยยยยอ่า รักแล้ววว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 17-05-2015 11:19:08
สารภาพ เมื่อคืออ่านไป ไม่ไหวแล้วว
ได้ยินแว่วๆมาว่าเคยเอาไปลงที่อื่นก็เลยตามไปอ่านซ้าา
อ่าาา
น่ารักจริงๆนะ ยิ้มหวาน
ยังไงก็รอติดตามนะคะ สู้ๆ
 :really2:
[เพิ่มเติม: ถ้าใส่วันที่ตอนลงนิยายด้วย จะดีมากๆเลยค่ะ]
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 17-05-2015 13:30:13
อ้ากกก ยิ้มหวานเราจะเอายิ้มหวานด้วย แต่เราไม่ใช่หมอ T T  :z3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: manowdino ที่ 17-05-2015 14:12:25
หมอขี้อ่อยยยมาแล้วว ว่ะ ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 17-05-2015 14:43:26
อ่านไปจิกหมอนไปตามระเบียบ กรี๊ดบ้านแทบแตก

จีบกันได้มุ้งมิ้งมาก ฟินกระจายยย อยากได้แบบนี้บ้าง

ทัมไมไอ้ที่มีอยู่มันไม่เป็นแบบเน้!!!!!!(เศร้าแปป)T-T
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 17-05-2015 14:54:55
เพื่อนชวนมาอ่านค่ะ โอ้ยยย น่ารักมาก ///////////////
หมอก็เนียนอะ อ่อยมาก! อะไรคือการหย่อยชีทพร้อมไอดีไลน์ ///////
แอบคิดนะว่าบางที่คุณยิ้มหวานอาจจะจงใจลืมชีทไว้ในรถ?
หรือจงใจกระเป๋าสลับกันก็ได้ T/////T
น่ารัก /////////////
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
 :-[  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 17-05-2015 14:59:52
อกอีแป้นจะแตก ทำไมพวกเธอถึงได้น่ารักกันขนาดเน้!!!!! :m3: :m3: :m3: :m11: :m11: :m11: (ทุบอกรัวๆๆๆๆๆๆๆ) ขนาดเเค่สองตอนนะ คนอ่านยังยิ้มแก้มแทบแตก ถ้าอ่านไปเรื่อยๆคงได้มี คนแเดมินเข้ารพ.เพราะปากฉีกแน่ๆ ตอนนี้ยังไม่รู้ชื่อกันและกันเลยยังแผ่ออร่าความฟรุ้งฟริ้งได้ขนาดนี้ บ่ะ!!!!!!!  อยากลักกลับบ้านโว้ยยยยยยยยยย~ :hao7: :hao7: :hao7: (คนอ่านใกล้บ้าเต็มทน)

กอดคนเขียนหนักๆ ที่แต่นิยายดีๆน่ารักๆให้ได้อ่านได้ฟิน :กอด1: :กอด1: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :give2: :give2: :give2: เฮ้อ~ น่ารัก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: BlackWinddy ที่ 17-05-2015 15:09:19
น่ารักก น่าอ่านนน
ติดตามค่ะ !!  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 17-05-2015 15:20:02
น่ารักทั้งคู่เลย อิหมอขี้อ่อยว่ะ
ยิ้มหวาน ชื่อได้ใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: Dinsor ที่ 17-05-2015 15:21:55
อั้ยยยยยๆๆๆ นางอ่อยกันเองอ่าาาาา เขินๆๆๆๆๆ/ไปเขินแทนเขาทำไม555/ เห็นน้องยิ้มหวานใสๆนี่ไม่เบานะลูกกก o18
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 17-05-2015 15:28:03
ยิ้มหวานขนาดนี้ หมอก็อ่อยไม่ยั้ง
อย่านี้เพิ่มแท็กให้เลย
#หมออ่อยยิ้มหวาน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 17-05-2015 16:16:49
ฮือออออออออออออ
ต่ะล๊าคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค  :hao5:

ตามมาจากนิยายแนะนำค่ะ
แค่สองตอนแรกก็รู้สึกว่าฮืออออออออออออออ
ทำไมน่ารักอย่างนี้ คิดภาพยิ้มหวานออกเลยค่ะ
ขาวๆ วิ้งๆ ยิ้มทีมีออร่า โหยยย เราเป็นหมอเราก็คงจะขอแอดมิทเหมือนกัน 5555

อ่านแล้วยิ้มตามแบบแก้มแตกมาก
ไม่รู้ทำไมเวลายิ้มหวานยิ้มแล้วเราต้องยิ้มด้วย 555555555

ชอบความเพี้ยนของหมอจังเลยค่ะ 555555555
ีรู้สึกว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยมีสติ ก๊ากกกกกกกกกก แต่หมอน่ารักนะ
ชอบความคิดของหมอที่มีต่อยิ้มหวานเนี่ยแหละ เพี้ยนมากแต่น่ารักโคตร
อ่านแล้วขำมาก เพื่อนนี่ก็ล้อกันจังเลย เราว่าหมอแอบกวนตีนนิดๆ แล้ว เจอเพื่อนหมอกวนตีนมากกว่าอีกค่ะ 5555

นี่ก็แอบสงสัยอยู่น้าว่าบังเอิญจริงหรา?
เดาเล่นๆ ว่าบางทียิ้มหวานก็อาจจะแอบชอบหมออยู่เหมือนกัน (มั้ย?)

อยากอ่านตอนต่อไปไม่ไหวแล้วค่ะ >_<
รอน้าาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 17-05-2015 17:44:20
ร้ายกาจมาก ทิ้งไอดีไลน์ โอ่ยยยยยย  o13 o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [02] / page.2
เริ่มหัวข้อโดย: Mickey199663 ที่ 17-05-2015 17:45:19
เป็นนิยายที่สมกับชื่อเรื่องมากกกกก อ่านแล้วยิ้มตามอ่ะ เขินมากเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 / 170515
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 17-05-2015 18:42:46
(https://pbs.twimg.com/media/CARiUFyU0AAxVvR.jpg)
❤ กรี้ดกร้าดในทวิตฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ นะคะ
❤  ใครเล่น ask fm ไปคุยกับยิ้มหวาน&หมอได้น้า ยูสนี้ค่ะ sweetysmileanddoctor




- [3] -



ผมว่าไอ้พวกสมาคมเพื่อนเวรของผมมันต้องมีแผนอะไรบางอย่างอยู่ครับ
พวกมันมีกันสามคน ไอ้เหี้ยเบอร์ 1 ไอ้เหี้ยเบอร์ 2 และไอ้เนิร์ดเพียงหนึ่งเดียว
พวกผมสามคนสนิทกันมาตั้งแต่ม.ปลาย แต่อยู่กันคนละโรงเรียน ส่วนไอ้เนิร์ดจบมาจากอีกที่ มันมาจากโรงเรียนของพวกเด็กเก่ง แต่ดันโดนเพื่อนโรงเรียนเดียวกันเขม่นเพราะมันเทพเกิน พวกผมเลยลากมาอยู่กลุ่มเดียวกันซะให้จบๆไป
 
วันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว ที่พอพักเที่ยงปุ๊บ พวกมันก็ลากคอผมขึ้นเชฟโรเลตคันโต
แล้วพามากินข้าวกันที่โรงอาหารถาปัตย์กันซะอย่างนั้น
 
วันแรกพวกมันบอกว่าจะไปกินเอ็มเคกันครับ ผมเลยยอมขึ้นรถมาอย่างง่ายดาย
สุดท้ายเลยรู้ ว่าเอ็มเคหน้ามึงสิ! อยู่ที่ใต้ตึกถาปัตย์!
 
พอทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายพวกมันก็ยอมสารภาพ
ว่าอยากจะมาเห็น ยิ้มหวาน ของผมสักครั้ง
 
แน่นอน - มีเหรอที่ผมจะยอม...
 
วันนั้นผมกับพวกมันส่งเสียงดังโหวกเหวกโวยวายฉุดกระชากลากถูกันอยู่ตรงลานจอดรถ
คิดดูแล้วกันว่าผมเกือบถูกหิ้วแขนหิ้วขาเข้าไปในโรงอาหารอยู่แล้ว
 
วุ่นวายกันชิบหาย จนพี่รปภ.แกทำท่าจะเดินมาเคลียร์
สุดท้าย ผมเลยยอมหยุด แล้วเดินตามพวกมันเข้าไปยังโรงอาหารถาปัตย์อย่างไม่มีทางสู้
 
แต่ก็ยังไม่วายจะโมโห...
 
“พวกมึงทำเชี่ยไรเนี่ย?”
 
“แดกข้าวนอกสถานที่ไงครับเพื่อน แดกที่นี่ก็เหมือนมึงพากันไปแดกที่พารากอนนั่นแหละ นอกสถานที่เหมือนกัน"
 
ช่างเป็นตรรกะที่หมาซะจนกูเถียงไม่ออก...
 
"อย่าทำอะไรขายหน้านะแม่ง...”
 
“สัดเด้ย! หล่อนิดหล่อหน่อยทำเป็นห่วงลุคนะมึง! มานี่ๆพี่จะสอนให้" ไอ้เหี้ยเบอร์1 มันเดินมากอดคอผมแล้วล๊อคเข้าไปใกล้ๆ เพื่อฟังหลักการเหี้ยๆสมตัวของมัน "ถ้าพวกกูทำเรื่องน่าอายปุ๊บ หน้าที่ของมึงคืออะไรรู้มั้ย?"
 
“หน้าที่เหี้ยไร?”
 
“ถ้าพวกกูทำเรื่องหน้าแตกขึ้นมา มึงต้องรีบพูดออกมาลอยๆเลยนะว่า – ก็ที่คณะวิศวะทำแบบนี้ไม่เห็นแปลก...
 
พ่องด้อง ผมนี่อึ้งไปสามวิ...
เป็นมึง – มึงและมึงเท่านั้นที่สรรค์สร้างสิ่งเหี้ยๆในโลกใบนี้ตลอดมา
กูล่ะยอม...
 
“เท่านี้ก็ไม่ต้องขายหน้าละมึง ง่ายจะตายห่า สมองเทพอย่างมึงทำไมคิดไม่ได้! อ๋อ กูลืมไป มึงใช้โควต้าจับสลากฝาเป็บทีมมาเรียนหมอ”
 
-_-
เหนื่อยจะเถียงแม่งละครับ
เห็นสภาพเพื่อนตัวเองแล้วเครียดแทนพ่อแทนแม่มันยังไงก็ไม่รู้
กว่าจะเลี้ยงแม่งโตมาได้เท่านี้ไม่รู้บดพาราโรยข้าวกินไปแล้วกี่ร้อยเม็ด
 
“กูนี่จับฝาเอ็มร้อยมาเลย! มึงเบียร์สิงห์ มึงบ้านรวยหน่อยกูให้ไฮเนเก้น ส่วนมึง ไอ้โคนัน มึงตัดมุมกล่องนมหนองโพส่งไปรษณียบัตรมา"
 
เอาที่แม่งว่าดีเลย ห่าเอ้ย!
 
โชคดีที่วันแรกพวกมันไม่เจอเขาครับ แต่ดันถูกใจฝีมือและปริมาณอาหารที่ร้านตามสั่งที่คณะนี้เข้าเต็มๆ
วันต่อมาแม่งเลยหาเรื่องลากผมมาอีก แต่ก็ยังไม่เจอเขาอยู่ดี
 
ถามว่าเขาหายไปไหน – คำตอบคือ เขากินข้าวเที่ยงที่ห้องสตูดิโอ
ผมเนียนๆถามว่ากินข้าวยัง ไม่กล้าบอกหรอกครับว่าเพื่อนลากคอมากินข้าวที่โรงอาหารถาปัตย์ทุกวันเลย
แม่ง – น่าอายชิบ
พอถามไปอย่างนั้นเขาเลยบ่นให้ผมฟังว่างานเยอะมาก แทบจะเก็บข้าวเก็บของมานอนที่ห้องสตูฯ อยู่แล้ว
เวลาพักเที่ยงก็ส่งตัวแทนมาคนนึง หิวข้าวกล่องเป็นสิบๆกล่องขึ้นไปต่อชีวิตเพื่อนๆ
 
ผมก็ได้แต่บอกเขาทางไลน์ไปเรื่อยๆว่า สู้ๆนะ เป็นกำลังใจให้อยู่
ส่วนวันนี้ยังไม่ได้ถามเลยครับว่าเป็นไงบ้าง ต้องลุ้นดูอีกที....
 
“กูว่าเราย้ายมากินข้าวที่นี่ถาวรเหอะว่ะ ตามสั่งแม่งอร่อยชิบ ให้เยอะด้วย"
 
“กูก็ว่า แม่งเหนื่อยจะสู้กับเจ๊สวยละ"
 
เจ๊สวย ของพวกมันคือเจ๊ร้านตามสั่งโรงอาหารคณะผมครับ
เจ๊แกไม่ได้ชื่อสวย แต่อยากให้คนเรียกแกว่าสวย แกเลยเป็น เจ๊สวย
เจ๊แกรักการลวนลามพวกมัน(จริงๆก็ผมด้วยนั่นแหละ)เป็นชีวิตจิตใจ จับมือนิดลูบแขนหน่อย ไอ้พวกนี้แม่งก็ยอม เพราะพอได้จับๆแตะๆหนุ่มๆ เจ๊แม่งก็ให้ข้าวเยอะชิบหาย
 
กว่าจะเรียนจบเป็นหมอกัน ผมว่าหนังกำพร้าแม่งสึกหมดแกงค์เพราะเจ๊สวยคนเดียว
 
“ป้าร้านนี้แกมีลูกสาวป่ะวะ เดี๋ยวกูจีบเป็นแฟนเอง แล้วค่อยหลอกล่อพาป้าแกไปเปิดร้านแถวๆคณะเรา มึงว่าดีมั้ย?” ไอ้เหี้ยเบอร์ 2 ออกความเห็นครับ
 
“กูว่าอันนี้ผ่าน มึงเริ่มดำเนินการตามแผนตั้งแต่วันนี้เลยแล้วกัน ก่อนอื่นต้องสืบว่าป้าแกมีลูกสาวมั้ย" ไอ้เบอร์ 1 เสริมเข้าไปอีก
 
“มีว่ะ วันก่อนกูซ้อมบาสเสร็จแวะมากินมื้อเย็นที่นี่ เจอลูกสาวป้าแกด้วย"
ยังคงเป็นไอ้เนิร์ดหาคำตอบให้ทุกคำถามของเพื่อนได้ตลอดเวลา
 
“เป็นไงวะ?”
 
“ก็ดี ผมสั้นๆ"
 
“งั้นก็ต้องลุคเฟี้ยวๆป่ะ ถ้าเปรี้ยวซ่านี่มึงถอยเลยเดี๋ยวกูลุยเอง"
 
“ผมสั้นแต่ไม่เฟี้ยวนะมึง......เสมอติ่งหูเลย น้องเค้าอยู่ปอสาม"
สัด....
 
 
ปล่อยพวกแม่งจริงจังกันไปครับ...
เพราะตอนนี้ผมสังเกตเห็นยิ้มหวานแล้ว เขานั่งถัดไปทางขวาประมาณสี่ห้าโต๊ะ
บอกแล้วว่าคนๆนี้หาไม่ยาก ไปที่ไหนก็สว่างเผื่อแผ่คนอื่นไปหมด นี่พกสปอร์ตไลท์มาเรียนใช่มั้ย?
 
ผมสังเกตเห็นเขาก่อน แล้วก็เงียบไว้ไม่บอกใครครับ
จนกระทั่งเขาหันมาทางนี้พอดี แล้วส่งยิ้มมาให้ผมจนตาหยี ก่อนจะทำท่าตักข้าวเข้าปากเหมือนจะถามผมว่า...
มากินข้าวเหรอ?
 
เห็นอย่างนั้นผมก็พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนที่เขาจะขอตัวลุกตามเพื่อนๆไป
เพื่อนผู้หญิงเยอะโคตรครับ ส่วนเพื่อนผู้ชายก็ดูเนิร์ดๆ ไปหมด
ผมนึกว่าพวกถาปัตย์จะต้องโหดดิบเถื่อน ถักผมเดทล๊อค ไม่ก็ผมยาวเป็นฤาษีแบบพี่ตูนบอดี้สแลมซะอีก
 
"ฮั่นแน่!!!”
กูล่ะเกลียดคำนี้จริงๆเลยแม่ง!
 
“นั่งส่งสายตาไม่พูดไม่จานะไอ้หมอออ"
 
“อะไร~~”
ผมก็ไม่เนียนหรอกครับ แถไปเรื่อย
 
“ไม่ต้องเลยแม่ง กูเห็นนะ น่ารักโคตรรร~~~~”
 
กูถามหน่อยว่ามึงจะเสียงดังทำเพื่อ
แล้วนี่กูต้องหาจังหวะไหนพูดว่า 'ที่คณะวิศวะทำแบบนี้ไม่เห็นแปลก' วะ?
 
“คนนี้แน่นอน! ยิ้มหวานของมึงคือคนนี้แน่ๆ! ไอ้หน้าหล่อ มึงยอมรึบมาเหอะ!”
 
“แม่ง มึงอย่ากั๊กได้ปะ บอกมาดิ๊"
 
“สัส! เร็วๆ นั่งอมยิ้มอยู่ได้ อมขลั่ยมึงสิ ใช่ - ไม่ใช่ ตอบ!”
 
พอทุกคนเงียบไป ไอ้เนิร์ดแม่งก็พูดออกมาเบาๆครับ
 
“ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว...”
 
กูว่ามึงหยุดอ่านการ์ตูนมั่งเหอะ...
 
“อืม...ใช่...”
 
“นั่นไงง กูว่าแล้ววววววว~~~~~~~~~"
 
ไอ้พวกห่า แล้วมึงจะตะโกนพร้อมกันทำไม คนหันมามองใหญ่แล้วแม่ง....
 
ละสายตาจากไอ้พวกเวรนี่อีกที เขาก็เดินไปถึงหน้าร้านขายอาหารที่อยู่ติดกันยาวเป็นแถวแล้วครับ
 
“มึงนั่งนี่แหละ หล่อสุดมึงก็เฝ้าโต๊ะไป แดกไร เดี๋ยวกูซื้อให้"
 
ไอ้เพื่อนเชี่ย ตัวที่ี่เชี่ยที่สุดแม่งหวังดีผิดปกติครับ
แล้วผมก็มัวแต่คิดวกวนเรื่องของเขาจนไม่ทันได้สงสัยความหวังดี(ประสงค์ร้าย)ของมันด้วย
 
“กะเพรารวมไข่ดาวไม่สุก"
 
ผมตอบมันพลางปลดล็อคโทรศัพท์มือถือของตัวเอง
...ตั้งใจจะไลน์ไปหาซะหน่อย
 
* อย่าเดินหลับดิ
 
 
ผมเห็นเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอนที่หยุดหน้าร้านน้ำ
แล้วสักพักสติ๊กเกอร์โคนี่ง่วงนอนก็ถูกส่งกลับมา
 
* ง่วงโคตรรรรรรรร
 
* สู้ๆ
 
แล้วผมก็ส่งสติ๊กเกอร์บราวน์ชกมวยกลับไป ก่อนที่เขาจะส่งสติ๊กเกอร์ OK! กลับมา
 
ระหว่างท่ี่พวกเขากำลังเดินต่อ ผมเห็นเพื่อนเขาพยายามจะชะโงกหน้ามาดูโทรศัพท์ด้วย
แต่ยิ้มหวานหันไปชี้หน้าขู่ แล้วทำเป็นดุใส่ -- เวลาทำเป็นดุนี่ น่าตีว่ะ
 
*วันนี้กินก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่อีกปะ?
 
รอไม่นานเขาก็อ่าน แล้วก็ตอบกลับมา
 
* เราก็เปลี่ยนบ้างเหอะ
 
อ่านจบผมก็ชะเง้อดูใหญ่เลยว่าเขากินอะไร
ก่อนจะพบว่า... เขาไปหยุดอยู่ตรงปลายแถวร้านตามสั่งที่พวกเพื่อนๆของผมต่อแถวอยู่
แล้วเพื่อนไปไหนหมดวะน่ะ ทำไมปล่อยให้มาต่อแถวอยู่คนเดียว?
แม่ง.... ลางไม่ดี....
 
ผมมองพวกเพื่อนๆของผม ที่พากันออกจากแถว แล้วมาต่อหลังยิ้มหวาน ก่อนจะแกล้งทำเป็นเอาขวดน้ำไปชนหลังเขาอย่างตั้งใจ แล้วก็ขอโทษพอโพยได้ตอแหลจนเกินพอดี พร้อมกับหันมายักคิ้วให้ผมอย่างกวนตีน
 
ผมมองฉากตรงหน้าแล้วได้แต่ขมวดคิ้ว -- เล่นเหี้ยไรวะ...
 
ยังดีที่พวกมันยืนรอนิ่งๆไปได้อีกสักพักครับ จนกระทั่งถึงคิวของเขา
ผมมองคนที่ยิ้มน้อยๆ แล้วสั่งอาหารด้วยท่าทีเป็นมิตรสุดๆแล้วได้แต่อมยิ้ม
จะน่ารักไปไหนวะคนเรา?

ไม่ทันไรความรู้สึกฟุ้งๆเพ้อๆที่นานๆจะมีสักครั้งของผมก็โดนทำลาย
ไอ้เพื่อนเชี่ยเบอร์ 1 แม่งสะกิดเขา...
 
ยิ้มหวานก็แสนดีมากอ่ะ หันไปมองเพื่อนผมแล้วทำหน้างงๆ
ผมเห็นมันพูดอะไรบางอย่างกับเขา ก่อนจะปิดท้ายด้วยการชี้มือมาที่ผมซึ่งนั่งอยู่ตรงนี้และไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปแก้ตัวอะไรทั้งนั้น กูต้องเฝ้าโต๊ะ...
 
ฟังไอ้เบอร์ 1 พูดจบ ผมเห็นเขามองมาทางนี้
ยิ้มแปลกๆ ก่อนจะหลบสายตาไปอีกทางทันที
 
ไอ้เชี่ยยยย!!!!
มึงพูดอะไรกับเขา!!!!!!!!!!!

 
 
* พวกมันพูดอะไรอ่ะ?
 
* ไม่บอก ^^
* ^^

 
จะเซ้าซี้ต่อก็แพ้ทางครับ เล่นส่งยิ้มสองทีทะลุไลน์กันมาขนาดนี้...
 
รอไม่นานแม่งก็เดินกลับกันมาละ วางจานข้าวของผมลงตรงหน้าแล้วก็กวนส้นตีนกันทันที...
ไม่รอให้เอ่ยปากถามด้วยซ้ำ
 
“ไม่ต้องถามครับ! เพราะกูไม่บอกมึงหรอกว่ากูพูดอะไรกับเค้า – ขอโทษนะเพื่อน แต่มันเป็นเรื่องของเราสองคนว่ะ"
 
ผมทำหน้านิ่งมองพวกมันแล้วได้แต่ปล่อยไป อย่าให้ถึงคราวพวกมึงบ้างแล้วกัน!
แดกข้าวดีกว่าแม่ง....
 
“ยิ้มหวานน่ารักว่ะมึง กูจีบด้วยได้ป่ะ?”
ไอ้เบอร์ 2 ไม่ปล่อยให้ขาดจังหวะครับ กวนตีนกูต่อทันที
 
แค่นั้นมือที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากของผมก็หยุดชะงัก
ผมเงยหน้าขึ้นมองมัน ก่อนจะยกส้อมขึ้นมาทำท่าจะจิ้มตาแม่ง!
อ้อนตีนกูนัก!
 
“โห – กูล้อเล่นเหอะสัด หวงจี๊งงงงงงงง"
 
“เออ กูหวง พอใจมึงยัง?”
 
“อรั๊ยยยยยยยย~~~~!"
 
สาบานเลย กูเกลียดคำนี้ยิ่งกว่า ฮั่นแน่! ของพวกแม่งอีก....
 
พอพวกมันบรรลุเป้าหมาย วันต่อมาแม่งก็ไม่หาเรื่องไปกินข้าวที่คณะอื่นอีกแล้วครับ อยู่โรงอาหารคณะตัวเองให้เจ๊สวยสแครชแขนเล่นกันเหมือนเดิม
 
วันนี้วันศุกร์แล้ว และวันศุกร์ของผมแม่งก็ผ่านไปช้าโคตรๆ
เพราะตอนกลางคืน แทนที่จะได้รีบเข้านอนเร็ว เพื่อที่วันเสาร์จะได้มาถึงไวๆ ตามแผนการณ์เดิมที่ใช้มาแบบซ้ำแล้วซ้ำอีก ผมดันโดนพวกมันลากออกมากินเหล้า
และลดหย่อนโทษการเลี้ยงเหล้าให้ถึงสองครั้ง
 
... เพื่อเป็นของรางวัลสำหรับความน่ารักของยิ้มหวาน -_-
 
ทั้งนี้ทั้งนั้นพวกมันบอกว่า ถ้าผมจีบติดเขาติด ตอนนั้นแหละ ที่ผมต้องเลี้ยงเหล้าพวกมันยกใหญ่
 
เมาไปเมามากว่าจะกลับบ้านได้ก็เกือบตีสาม
รีบอาบน้ำ ตั้งนาฬิกาปลุกแล้วเข้านอนดีกว่า
พรุ่งนี้ต้องตื่นมาส่งยัยมีนไปเรียนพิเศษแต่เช้า....
 
 
แล้วก็ไปเจอเขาด้วย...
 
 
,
 
 
 
ผมเริ่มต้นเช้าวันเสาร์ตามปกติครับ
คือพยายามแล้วที่จะให้มันปกติที่สุด แต่ลึกๆก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่
 
ผมขับรถไปส่งยัยมีนที่เรียนพิเศษเหมือนเดิม ก่อนจะแวะมาที่ร้านกาแฟร้านประจำ
พร้อมกับหยิบชีทลงจากรถมาเพื่อตั้งใจอ่านอย่างจริงจัง
สาบาน – รอบนี้ไม่ได้เอามาแจกไลน์ให้ใครแล้วจริงๆ
 
เห็นเมื่อวานออกไปเมาขนาดนั้น จริงๆแล้วผมใกล้สอบแล้วนะ -_-
ที่ออกไปนั่นก็เหมือนชาร์ตแบตให้ตัวเอง ก่อนจะเข้าสู่โหมดสอบอย่างจริงจัง
 
ได้อเมริกาโน่เย็นมา 1 แก้ว ผมก็เดินมาหาที่นั่ง
โชคดี -- ที่โต๊ะตัวเดิมดันว่างซะด้วย
 
ผมนั่งลงตรงที่เดิมของตัวเอง แอบมองหาเขานิดหน่อยอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะบังคับตัวเองให้อ่านหนังสืออย่างจริงจัง (แบบที่อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมามองหาเขาเป็นระยะๆอยู่ดีนั่นแหละ – เออ สมาธิเว้ย สมาธิ!)
 
จะมามั้ย?
ถ้าไม่มาจะอ่านหนังสือต่อไม่ไหวนะยิ้มหวาน....
 

คิดแล้วก็ง่วงจนต้องเหยียดแขนขึ้นบิดขี้เกียจ แล้วหาวออกมา
ระบายคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีมากเกินไปในร่างกายออกเรียบร้อยแล้ว ผมก็ลืมตาขึ้น ก่อนจะเห็นว่ามีคนมายืนกลั้นขำอยู่หน้าโต๊ะซะแล้ว
 
“หวัดดี..."
 
มาแล้วครับ...
 
“อืม หวัดดี"
 
แล้วกูจะใจเต้นแรงทำเพื่อ?
สภาพผมต้องดูง่วงมากอ่ะ เขาถึงได้หัวเราะออกมา ก่อนจะวางแม๊คบุ๊คแอร์ของเขาเอาไว้ กับกระเป๋าเป้สีดำเรียบๆ
 
"ฝากของแป๊บนึงได้มั้ย?"
 
พูดจบเขาก็หยิบกระเป๋าตังค์ออกมา แล้วหันมามองหน้าผมอีกครั้งเหมือนรอคำตอบ
ผมเลยพยักหน้าให้เขานิดหน่อย ก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายมองชีทของผมอยู่เหมือนจะดูว่ากำลังอ่านอะไร แล้วถามขึ้นมา
 
“จะเอาอะไรมั้ย?”
 
ผมส่ายหน้าให้แทนคำตอบ เขาถึงได้เดินตรงไปหน้าเค้าน์เตอร์ ผมนั่งดูเขาแจกความสดใสให้พนักงานร้านกาแฟรายคน แล้วก็อดจะสงสัยไม่ได้
ถ้าเกิดงอนขึ้นมาจะทำหน้ายังไงนะ?
 
สักพักเขาก็กลับมาพร้อมอเมริกาโน่เย็นในมือ ผมมองเครื่องดื่มของเขา แล้วก็สรุปเอาเองว่าเราน่าจะง่วงจัดพอกัน
 
เก้าอี้ตรงหน้าผมถูกเลื่อนออก พร้อมกับที่เขานั่งลง
จัดท่าจัดทางเรียบร้อยปุ๊บก็ส่งสายชาร์ตมาให้พร้อมรอยยิ้มจนตาเป็นสระอิ
 
“แบตหมดมาจากบ้านเลย"
 
ผมยิ้มรับมุมปาก รับสายชาร์ตมาเสียบให้ หันมาอีกทีก็เห็นว่าคนตรงหน้าเปิดฝาพับแม๊คแอร์ขึ้น แล้วจดจ่ออยู่กับหน้าจอตรงหน้าไปแล้ว
 
เรานั่งตรงข้ามกัน แล้วก็ทำตามหน้าที่ของตัวเองไปเงียบๆ ผมอ่านหนังสือ ส่วนเขาก็ทำงานของเขาไป
 
มันแทบจะเหมือนเดิมทุกอย่างนั่นแหละ แทบจะไม่ต่างจากตอนที่ผมได้แต่นั่งมองเขาจากที่ไกลๆ
แต่ผมกลับรู้สึกดีนะ เวลาที่เหลือบตาขึ้นมาก็เห็นว่าเขานั่งอยู่ตรงข้ามกันอย่างในตอนนี้
 
อันนี้เรียกโหมดอ่อนโยนใช่มั้ยวะ?
 
เวลาผ่านไปสักพักคนตรงหน้าผมก็พับหน้าจอแมคแอร์ของเขาลงแล้วก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ นั่นทำให้ผมต้องวางปากกาไฮไลท์ลง แล้วก็มองเขาด้วยความสงสัย
 
ฟุบหน้านิ่งๆอยู่อย่างนั้นประมาณ 10 วินาที
ในที่สุดคนที่ฟุบหน้าอยู่ก็หันค่อยๆหันใบหน้าด้านนึงขึ้นมามองสบตากับผม
 
“ง่วง ปวดตา ลุยไม่ไหวแล้ว"
 
ผมหลุดยิ้มนิดหน่อย ถ้าตรงหน้านี้เป็นยัยมีนน้องสาวตัวแสบ ผมคงจะเอามือไปขยี้ผมนุ่มเส้นเล็กๆเบาๆ
แล้วบอกให้พักสัก 5 นาที ก่อนจะมาทำงานต่อ
แต่เขาไม่ใช่นี่...
 
ถึงผมจะอยากขยี้ผมเขาเล่น แต่ก็ทำไม่ได้หรอก
หมายถึงในตอนนี้อ่ะนะ...
 
“พักสับแป้บนึงดิ แล้วค่อยมาลุยต่อ"
 
“เหลือแค่ตรวจคำผิดเอง เลยอยากทำให้เสร็จๆไป ยังมีวิชาอื่นอีกอ่ะ โอ้ย เครียด~~”
เขาบ่นออกมาเสียงดังกว่าเดิมนิดหน่อยในช่วงท้าย ก่อนจะถอนหายใจยาวๆ
 
น่ารักดีครับ ตอนนี้เส้นผมที่เคยเรียงตัวเป็นระเบียบเริ่มดูยุ่งเหยิง ก่อนจะเริ่มบ่นงุ้งงิ้งแทบฟังไม่รู้เรื่องอีกครั้ง
 
"เอาโควต้าเวลานอนของปิดเทอมมาใช้ล่วงหน้าก่อนได้มั้ยเนี่ย อยากจะนอนสักครึ่งวัน"
 
บ่นเป็นเด็กเลย -- น่าเอ็นดูว่ะ
 
“ทำอะไรอยู่อ่ะ?”
 
“เขียนสคริปพรีเซนต์งานวันจันทร์ ภาษาอังกฤษหมดเลย เลิกเรียนอินเตอร์ตอนนี้ทันมั้ยเนี่ย? เครียดจังเลยย”
 
เครียดที่ 2 แล้วครับ
คราวนี้ผมถึงกับหลุดขำ
ก่อนทำท่าเหมือนจะดึงแมคบุ๊คของเขามาดู พร้อมกับส่งสายตาขออนุญาตเจ้าของเครื่องไปด้วย
 
“ดูให้ปะ? จบอินเตอร์มา..."
 
“หาาา-- จริงอ่ะ?”
 
เหมือนฟื้นคืนชีพอ่ะครับ อยู่ดีๆก็เด้งตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วก็ทำตาโตใส่ผม
 
“ถามจริง?”
 
“อือ...”
 
“งั้น..." เขาลังเลอยู่นิดหน่อย ก่อนจะตัดสินใจพูดต่อ "ช่วยหน่อยนะ ^^”
 
ว่าแล้วเขาก็ถอดสายชาร์ตที่เสียบอยู่กับตัวเครื่องออก แล้วส่งแมคบุ๊คแอร์มาให้ผมทั้งเครื่อง
พร้อมทำหน้าอ้อน...
ย...หยุดก่อน แค่นี้ก็จะแย่อยู่แล้ว...
 
ผมเปิดดูงานที่เขาเขียนไว้ครับ เท่าที่ดูก็โอเคเลยนะ เขียนไว้ดีเลยแหละ
แต่ด้วยความที่เราเรียนกันคนละคณะ มันเลยมีบางคำที่ผมไม่เข้าใจ พอผมถามเขาก็ดูไม่สะดวกเท่าไหร่
ผมต้องคอยสะกดทีละตัวอักษรเพื่อถาม ไม่ก็หันแมคฯกลับไปหาเจ้าของมันทั้งเครื่อง
 
ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้น แล้วก็มานั่งลงข้างๆกัน ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ จนผมได้กลิ่นน้ำหอมสะอาดๆจากตัวเขา
พอมองตรงไป ผมก็เห็นดวงตาได้รูปสวยที่ซ่อนอยู่หลังแพรขนตา เขาตั้งใจอ่านประโยคนั้นอยู่ไม่นาน แล้วก็ตอบในสิ่งที่ผมถาม
 
ได้ยินอย่างนั้น ผมก็รับคำ ก่อนจะตั้งใจกลับไปอ่านงานของเขาต่อ
พร้อมกับความคิดนึงที่ผุดขึ้นมาในใจ - สักวันจะต้องถามให้ได้เลยว่าใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไร
 
พอเขาไม่มีงานอยู่ตรงหน้า ก็คงรู้สึกเหมือนคนไม่มีอะไรทำละมั้ง มือที่ว่างนั่นเลยหยิบชีทที่ผมอ่านจบไปแล้วขึ้นมาดู
 
“นี่คนละอันกับที่ลืมไว้วันก่อนนี่"
 
“อืม...”
 
“อันนี้อ่านจบแล้วเหรอ"
 
“อะฮะ"
 
“แล้วอันนี้ไม่เขียนไอดีไลน์รึไง?”
 
ได้ยินอย่างนั้นผมก็เหลือบสายตาไปมองเขา -- รู้ตัวแล้วแน่เลยว่ะว่าโดนจีบ...
ผมยิ้มมุมปากก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบปากกาของตัวเองส่งไปให้เขา
 
“เขียนให้ดิ"
 
“เรื่อง! จำได้ที่ไหนเล่า!”
 
ทำปากยื่นนิดๆด้วยครับ 
โว้ยย! น่ารัก!
 
แล้วเขาก็เงียบไป จนผมต้องเหลือบสายตาไปมอง ก่อนจะเห็นว่าเขาเปิดไปจนถึงหน้าสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว และคงจะเห็นว่าชีทที่ว่านั่นโดนขีดไฮไลท์เอาไว้จนหน้าสุดท้าย
 
“สรุปให้มั้ย? แลกกับที่ช่วยเช็คงานให้เรา"
 
เขาพูดแล้วส่งยิ้มมาให้ผม หัวใจแกว่งเลย!
 
“เอางั้นเหรอ?”
 
“เอางี้แหละ!”
 
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าดินสอมา พร้อมกับกระดาษเอสี่ที่อยู่ในซองใสๆ
ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมกระเป๋าใบเบ้อเริ่ม แถมยังทำชีทผมหล่นไว้บนรถโดยไม่รู้ตัว
คนอะไรพกเอสี่ไว้ในกระเป๋าเป้?
 
มาถึงปุ้บเขาก็เริ่มลงมือครับ แค่เห็นเขาวาดลงกลมตรงกลางพร้อมชื่อเรื่อง
ผมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประทับใจเขาเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่องนึง
 
วาดวงกลมได้กลมดิกเหมือนใช้วงเวียนเลยว่ะ! ลายมือเรียบร้อยอีก!
 
นั่งใกล้กันไปเรื่อยๆ ผมว่าตอนนี้ผมเริ่มประหม่าน้อยลง เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
อืม...แบบว่าเกร็งน้อยลง เวลาเขาชะโงกหน้ามาดูงานที่หน้าจอแมคบุ๊คประมาณนั้น
 
ผมช่วยแก้ส่วนที่เขาพิมพ์ผิดบ้าง แนะนำเขาในส่วนที่ผมพอช่วยได้บ้าง
สักพักงานก็เสร็จครับ...
 
ผมพับแมคบุ๊ค ส่งคืนให้เขา แล้วก็นั่งดูเขาเขียน mind map ให้ผมลงไปในกระดาษเอสี่
เด็กถาปัตย์นี่เค้าวาดรูปเก่งจริงๆ ตรงหัวข้อนี่ เขาเขียนเป็นตัวหนังสืออาร์ตหนาๆ ใส่เงาอะไรให้เรียบร้อยด้วย
 
ปล่อยให้ผมนั่งจ้องเขาจับปากกาวาดโน่นเขียนนี่แบบเพลินๆไปสักพัก เขาก็หันมามองหน้ากัน แล้วก็กลั้นยิ้ม ก่อนจะพูดออกมาขำๆ
 
“แล้วไม่อ่านชุดนั้นต่อรึไง?”
สายตาของเขาส่งตรงไปยังชีทอีกแผ่นที่วางอยู่ ให้ผมรู้ว่าที่เขาถามถึงคือชีทชุดนี้
 
ผมไม่ตอบ ยิ้มมุมปากให้เขานิดๆ ก่อนจะหันกลับมาอ่านชีทที่อ่านอยู่ก่อนหน้าต่อ (ก็ได้)
พอเขาเขียนทั้งหมดเสร็จก็ส่งกระดาษแผ่นนั้นมาให้ผม ตรงมุมกระดาษมีลายเซ็นเล็กๆของเจ้าตัวเขียนอยู่ด้วยนะ
 
“อ่ะ เสร็จแล้ว"
 
“ขอบคุณนะ"
 
ผมตอบเขาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเห็นว่าเขาเองก็ส่งยิ้มมาเหมือนกัน
 
ผมมองกระดาษที่วางอยู่ตรงหน้าแล้วตั้งใจอ่านอย่างละเอียด นอกจากลายมือจะเรียบร้อยแล้วยังเขียนสรุปได้เข้าใจง่ายอีกต่างหาก
 
“สรุปเก่งนะ"
 
เขาหันมายิ้มให้ผม ยักคิ้วนิดๆด้วยนะ
 
“มาสรุปให้ทุกวิชาเลยได้ป่ะวะ?”
 
“งั้นก็เขียนสคริปงานให้เราทุกอันเลยได้ปะว้า~~?”
เขาตอบผมพลางลากเสียงยาวล้อๆ
 
เราหันมาสบตากัน ก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกันแบบไม่ได้นัดเอาไว้ก่อน
 
“เออว่าจะถามตั้งแต่มาถึงละ ลืมไปเลย"
 
“ว่า?”
 
“สรุปวันก่อนที่โรงอาหารอ่ะ พวกนั้นนินทาอะไร?”
 
เขาชะงักไปนิดนึงตอนที่ได้ยินในสิ่งที่ผมถามครับ
แต่แทนที่จะตอบกันตามปกติ คนข้างๆผมดันหันหน้ากลับไป หยิบงานตัวเองขึ้นมาเปิด แล้วก็พึมพำคำตอบเบาๆ โดยไม่หันมามองผมสักนิด
 
“ไม่บอก...”
 
“อ่าว!”
 
“อืม!”
 
เขาตอบผมพลางเอื้อมมือไปหยิบหูฟังที่วางอยู่ตรงที่นั่งเดิมมาเสียบต่อเข้า ก่อนจะหันมาบอกกัน
 
“ก็ไปถามเพื่อนสิ"
 
“พวกแม่งก็ไม่บอกเหมือนกันนั่นแหละ"
 
หัวเราะครับ – คนๆนี้ได้ยินผมสบถแล้วขำ
 
ก่อนที่ต่างคนจะต่างจมเข้าสู่โลกส่วนตัวของตัวเองเหมือนก่อนหน้านี้
 
นั่งเงียบๆกันไปสักพัก โทรศัพท์ที่ผมวางคว่ำเอาไว้ก็สั่นเหมือนมีคนโทรเข้า พอพลิกขึ้นมาดูถึงรู้ว่าเป็นยัยน้องสาวตัวแสบนั่นเอง
 
ผมรับสาย แล้วก็ได้ยินน้ำเสียงสดใสบอกมาว่า วันนี้พวกเพื่อนๆจะไปฉลองวันเกิดกัน กว่าจะเสร็จก็คงเย็นๆ
เจ้าตัวเลยจะกลับบ้านเอง ถ้าผมเสร็จธุระแล้วให้กลับไปได้เลย
 
นี่ไง – ความบังเอิญที่ผมบอกว่ามันจะเกิดขึ้นโดยความตั้งใจของผมเองครั้งนึง
ส่วนอีกครั้งนั้น มันจะเกิดขึ้นมาเอง...
 
ผมเอ่ยปากอนุญาตยัยมีนเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะวางสาย พอหันกลับไปก็เห็นว่าเขามองมาทางนี้อยู่ก่อนแล้ว
 
“น้องสาวโทรมาบอกว่าวันนี้จะกลับเอง"
 
^^
เขายิ้มรับ ไม่พูดอะไร ก่อนจะกลับไปทำงานต่อ
 
ทิ้งให้ผมอยู่กับชีทตรงหน้า สายตามันก็มองไปที่ตัวหนังสืออยู่หรอก
แต่ความคิดในใจนี่ คิดวกวนตั้งแต่ที่ยัยมีนบอกว่าวันนี้จะไม่กลับบ้านด้วยกันแล้ว
 
จะพูดยังไงดีวะ?
 
ไปกินข้าวด้วยกันมั้ย?
กินข้าวเที่ยงกัน...
หิวรึยัง? จะไปกินข้าวเที่ยงพอดี ไปด้วยกันมั้ย?
หิวละ ป่ะ ไปกินข้าวกันเหอะ



นั่งข้างกันแบบนี้แล้วยังไลน์ไปชวนผมต้องเป็นมนุษย์ที่ปอดแหกที่สุดในโลก -_-

 
“นี่....”
 
“หื้อ?”
 
“เริ่มหิวละ - ทำงานเสร็จแล้วไปกินข้าวกันมั้ย?"
 
หัวใจผมกระตุกวูบไปอีก 1 จังหวะ ตอนที่เขาส่งยิ้มมา แล้วพยักหน้ารับเบาๆ
 
เย่ส!!
 
 
tbc.
 
 
- - - - - -









talk.
เราแอบมีของดีมาปล่อยค่ะ ฮี่ๆๆ
สิ่งนั้นก็คือ ไลน์หลุด!! แอบมีมือดีคอยแคปหน้าจอที่สองคนนี้เค้าคุยกันมาปล่อยค่ะ
เราแอบลงไว้ถึงตอนที่ 4 ใครไม่กลัวสปอยไปอ่านได้เลยน้า ยังไงเดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็เอาตอน 4 มาหย่อนอยู่ดี
มีแฟนอาร์ตสวยๆด้วยค่ะ แว้บไปดูกัน

จิ้มหัวใจสีชมพูโหมดอ่อนโยนของนังน้องหมอได้เลย
❤ (http://kipuuu.exteen.com/20150317/pic-appendix-gallery)


ยังคงขอบคุณที่รักเจ้าสองคนนี้กันจังเล้ยย
ขอบคุณนะคะ : )


 
 

 
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: smineeeee ที่ 17-05-2015 19:00:13
น่ารักที่สุดเลย เขินเเทน  :mew2: :mew3: o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: My_yunho ที่ 17-05-2015 19:17:21
น่าร๊าาากกกมากอ่ะ


อยากรู้ว่าเพื่อนพูดอะไร
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 17-05-2015 19:18:39
น่าร๊ากกกกกก ตกลงชื่ออารายยยยยกัน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 17-05-2015 19:25:50
อมยิ้ม ปนฮ่า ตอดการอ่านเลย เข้าไปดูมาแล้ว น่ารักมากเลยยยย
เขาจะไปกินข้าวกัน ตามไปเกาะขอบโต๊ะได้มะ อิอิ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 17-05-2015 19:27:19
'ก็ที่คณะวิศวะทำแบบนี้ไม่เห็นแปลก'
แหม มันโยนความผิดเห็นๆ
คุณหมอจะอ่อยอะไรอีกคะ
 :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 17-05-2015 19:32:58
อือ
ไปด้วยสิ
อ๊ายยยยยยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: isBelle__ ที่ 17-05-2015 19:45:07
หมอกับยิ้มหวานของหมอเค้าจีบกันได้น่ารักมากกกกกก
ชอบนิยายแนวนี้ อ่านแบบเรื่อยๆ จีบกันได้หลายๆมุก ให้รู้ซะบ้างว่ายิ้มหวานไม่ได้ง่ายๆนะหมอ

อ่านแล้วยิ้มแก้มแตก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 17-05-2015 19:53:02
ยิ้มหวานของเลาาาาาาาาาาาาาา

 :hao5:

ต่ะล๊าคกอีกแล้วฮือออออออ
เห็นอัพตอนใหม่แล้วพุ่งเข้าใส่เลยค่ะ 55555555

ยิ้มหวานน่ารักมากกกก น่ารักแบบ โอ้ยยย ทำไมยิ้มเก่ง
ตอนนี้เราว่าเราเริ่มเข้าใจความรู้สึกของหมอแล้วแหละ
เวลาเจอยิ้มหวานแล้วรู้สึกมันฟุ้งๆ ลอยๆ นวลๆ ไงไม่รู้ แงงง น่ารักกกกกก  :-[

ชอบเดอะแก๊งค์หมอมากเลยค่ะ 5555555555
เบอร์ 1 เบอร์ 2 และเนิร์ด เป็นเพื่อนที่กวนติงมากกก ถถถถถ ไม่แปลกใจทำไมคบกันได้

ว่าไปแล้วก็ยังไม่รู้จักชื่อตัวละครเลยนะคะเนี่ย
มีแต่ยิ้มหวานกับหมอ แล้วก็เพื่อนเบอร์ 1 2 3
อยากบอกว่าเรารู้สึกว่ามันมีเสน่ห์มากเลยค่ะ 55555 แบบ เออ ไม่ต้องรู้จักชื่อหรอก ความมุ้งมิ้งมันทำให้เราเลิกที่จะสนใจจุดนั้นไปเลย รู้สึกว่าเรียกกันแบบนี้ก็น่ารักดีนะ แปลกดีค่ะ ชอบบบบบบบบบ 555555555555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 17-05-2015 19:55:24
ฮืออออออ ฮ่อออออออ ยิ้มหวานตามชื่อเรื่องจริง ๆเป็นนิยายอีกเรื่องที่ทำให้เรามีอารมณ์ร่วม คือบรรยายว่า ยิ้มมมมม

เราก็ยิ้มตามจนเมื่อยปาก มุ่ยหน้าเรามุ่ยตาม เออนะ 555555555 ไม่รู้เป็นอะไร ฟีลกู๊ดดดด  :impress2:
ยิ่งอ่านที่คุยไลน์กันยิ่งเขิวววว

 FC หมอเบอร์ 1 รายงานตัวฮะ อิอิ

ปล.พี่ปูใส่วันที่ที่อัพไปบนหัวข้อด้วยนะเคิ้บบ  :z13:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: jejiiee ที่ 17-05-2015 20:07:15
โอยยย ช่วยด้วย เสพติดยิ้มหวาน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: icecreamii8_ ที่ 17-05-2015 20:09:28
งื้อออออ น่ารักง่อวววว  :impress2: :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 17-05-2015 20:20:46
 :impress3:
คือดีงาน ตอนแรก ฟินมากกกก :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-05-2015 20:38:53
สถานการณ์เป็นใจให้พี่(ว่าที่)หมอสุดๆ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 17-05-2015 20:40:47
น่ารักมากกกกกกกก
อ่านไปอมยิ้มตลอด
บ้าไปแล้ววววววว :katai1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: iamtoon ที่ 17-05-2015 20:42:38
หมั่นไส้หมอสุดๆค่ะ 555555555  :hao7: :hao3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 17-05-2015 20:43:32
 o13
อื้อหืออออออออ คือชอบมากกกกกก
ฟินมากกกก ดีงามทุกสิ่งอย่าง
มาต่อเร็วๆน้าา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 17-05-2015 20:51:21
โอ้ยยยย น่ารักกกกก ทำไมเรื่องนี้น่ารักขนาดนี้ ชอบมากกก  :ling1:
ชอบเพื่อน ๆ หมอ แต่ละคนเกรียนสุด ๆ อ่ะ หมอของยิ้มหวานดูปรกติสุดละ 555
ชอบมุกใส่ร้ายคณะวิศวะเนี่ย คิดได้ไงอ่ะ ส่งฝากับมุมกล่องนมอีก ฮาอ่ะ  :laugh:
เรื่องนี้ จะไม่ยอมเฉลยชื่อง่าย ๆ สินะ ไม่เป็นไร ๆ เรียกเป็นหมอกับน้องยิ้มหวาน
เพื่อนเบอร์ 1 เบอร์ 2 กับเนิร์ดคุง อย่างนี้ก็เท่ห์ไปอีกแบบ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 17-05-2015 21:07:17
หมันไส้ๆๆๆๆๆๆๆ หมนไส้หมออ อยากรู้ว่าเพื่อนพูดไรรร
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: gfriendme ที่ 17-05-2015 21:16:47
โอ้ยยย น่ารักมากเลย อ่านไปยิ้มไป ยิ่งอ่านยิ่งเขิน>////<
พวกเพื่อนหมอไปบอกอะไรยิ้มหวานนะ??

หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Titania ที่ 17-05-2015 21:21:23
น่ารักมากๆเลยค่ะ อ่านแล้วหุบยิ้มไม่ได้เลย  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 17-05-2015 21:26:46
 :o8: :o8: :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: pedchara ที่ 17-05-2015 21:30:59
สนุกมากค้า เป็นไปแบบเรื่อยๆไม่ต้องเร่งรีบ เราชอบนะ

ส่วนอีหมอ จบเอกอ่อย โทตื้อมาแน่

ฮันแน่!!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: barbiehateken ที่ 17-05-2015 22:02:44
 :z2:
#ยิ้มหวานของหมอ ที่ไหน ยิ้มหวานของเราตังหากกกกกกกกกกกกกกกก
น่ารักมากกกกกกกก
บรรยากาศในเรื่องดีมากๆๆจริงงงง
ชอบที่ตัวละครไม่ต้องมีชื่อก็ได้ คือคาแรคเตอร์มันชัดมากและสมบูรณ์มากจนชื่อไม่จำเป็นก็ได้
สนุกจริงๆนะนายยยยยยย เราจะรออ่านเรื่อยๆ
ใครอ่านแล้วไม่ยิ้มนี่ผิดปกติแน่นอนนนน เรายังยิ้มจนผิดปกติเลยยยยย
เราอ่านจนถึงตอนนี้พอดี สงสัยต้องไปอ่านในบล็อคจนตอนล่าสุดแล้ว ทนไม่ไหว เขิน
 สู้ๆนะ เป็นกำลังใจให้

#ทีมเพื่อนเบอร์1
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 17-05-2015 22:14:53
น่ารัก  :mew3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 17-05-2015 22:34:14
ยิ้มหวานนนนน

หมอเรียกเขาซะน่ารักเลยอ่ะ

แต่เขาก็คงน่ารักมากๆจริงๆอ่ะเนอะ เจิดจ้าซะขนาดนั้น อิอิ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 17-05-2015 22:37:59
เขิลว่ะ

อ่านไปเขิลไป
ยิ้มคนเดียว จนเหมือนคนบ้าแล้วนี่

 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 17-05-2015 22:59:30
น่ารักดี
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 17-05-2015 23:05:05
คุณเพื่อนของหมอบอกอะไรยิ้มหวานนะ
อมพนำกันน่าดู
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Meimei ที่ 17-05-2015 23:13:34
ยิ้มหวานสมชื่อจริงๆ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 17-05-2015 23:42:13
ปักหมุดกันลืม  ไม่ได้เข้าเล้ามานาน เจอแนะนำนิยายเรื่องนี้เข้าไป
น่ารักมากกก
ฟินๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 18-05-2015 00:12:32
ค่อยเป็นค่อยไป น่ารักดี ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 18-05-2015 00:19:40
น่ารักอยากอ่านอีกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 18-05-2015 01:08:24
ชอบบบบบ มุกก็ผ่านนนน
เชื่อมือกีปูเลยจริง ยอมใจมาก
ยิ้มหวานของหมอน่ารักน่าหยิกโคตรๆ
จะเอากลับบ้าน ขอได้ม้อยยย
 :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: letterdream ที่ 18-05-2015 01:09:34
กรี๊ดดดด  น่ารักอ่ะ  โอ้ยยย ชอบ ยิ้มแก้มแตกแล้ว!!!! :katai2-1:  :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Gapompom ที่ 18-05-2015 01:31:41
น่ารักดี อยากอ่านทุกวันเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 18-05-2015 02:21:46
นี่มันนิยาย feel good นี่นา  :hao6:
ยิ้มหวานของป้า #โดนหมอถีบ 5555555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Rabity ที่ 18-05-2015 02:33:01
น่ารักอ่ะ มาอัพแบบนี้ทุกวันเลยนะ!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Mickey199663 ที่ 18-05-2015 02:52:24
โอ้ยยยยย น่ารักมากๆ อยากรู้ด้วยว่าเพื่อนๆหมอเค้าพูดอะไรกับยิ้มหวาน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 18-05-2015 03:09:36
ขอยืมตัวยิ้มหวานวันนึงสิหมอ น่ารักจริงๆ เลยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: mynamejnkf ที่ 18-05-2015 03:16:05
ตอนแรกกะรอให้ตอนที่ 10กว่าค่อยเข้ามาอ่าน หลงผิดจริงๆที่กดเข้ามาก่อน

มันฟินมากกกกกกกกกกก

โอ้ย อยากจะบ้า ขี้อ่อยทั้งคู่เลยนะยะ

แต่แบบนี้แหละที่เจ้ชอบ

ฟินแต่ทำอะไรไม่ได้ เจ้กรี๊ดจนแม่ลุกมาด่าเลยจ้ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 18-05-2015 05:36:55
ยิ้มหวานน่ารัก แต่เพื่อนหมอเกรียนว่ะ โยนความผิดชัดๆ 555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 18-05-2015 07:40:50
น่ารักอ่ะ ไม่แน่นะยิ้มหวานอาจจะชอบหมออยู่แล้วก็ได้ ><
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: ☾❤Nyanpire❤☽ ที่ 18-05-2015 09:32:48
ชอบเรื่องนี้ อ่านไปอมยิ้มไป
แต่งน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
 :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Lovelyjess ที่ 18-05-2015 10:29:28
ตามมาจากนิยายแนะนำ
จะบอกว่า น่าร็อกกอะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 18-05-2015 10:47:42
ชอบอะน่ารักกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 18-05-2015 12:36:15
ยิ้มหวานรอดมาถึง
มือหมอได้ไงเนี่ย :m28:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: fangiily ที่ 18-05-2015 12:49:53
ยิ้มหวานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

คนอ่านก็ยิ้มหวานตามไปด้วยแล้วเนี่ย

น่ารักว่ะะะะะะะะะะะะะะะ

รออ่านตอนต่อไปนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: ketekitty ที่ 18-05-2015 12:59:33
อ่านแล้วยิ้มเลย น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 18-05-2015 13:43:48
ชอบจังคุณหมอดูตลกดี
ยิ้มหวานก็น่ารักมากกกก

ว่าแต่..ยังไม่รู้ชื่อตัวละครซักตัวเลยนะเนี่ย
แต่คนเขียนก็เก่งนะครับ
ทำคนอ่านอินกับบทสนทนาของตัวละครทั้งๆที่ไม่มีชื่อกำกับซักคน
และยังไม่สับสนอีกด้วย o13 o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 18-05-2015 13:56:29
ตาม ยิ้มหวาน มาด้วยคนจ้าาาา รายงานตัว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 18-05-2015 15:15:30
อิหมอแก๊!!!!หมั่นไส้ โมเนต์นี้ฟุ้งฟิ้งมากกกก อิจฉา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 18-05-2015 16:20:00
อร้ายยยยยยยยยยยย ><

ฟินจิกหมอนขาดไปหลายใบแล้ววสส

งื้อออออออออ~

 :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 18-05-2015 16:57:13
ยิ้มหวานน่ารักมากกกกก ถ้าเราเป็นหมอเราก็หวงนะ    :impress3: :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-05-2015 17:08:26
แบ๊วๆ ว่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: ziqh.leo ที่ 18-05-2015 17:13:34
อ่อย... #ยิ้มแก้มปริ บอกเลย
โคตรๆของความน่ารักแห่งปี เรื่องนี้..

ยิ้มหวานน่ารักไม่ไหวแล้ว ^^
ยิ้มอ่อยแบบนี้หมอตายยย

มาต่อไวๆนะจ้ะ เป็นกำลังใจให้ ... ว่ะ (อรั้ยยยย) 555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: OJSG7 ที่ 18-05-2015 18:11:55
อรั้ย  ด้วยคน น่ารักทั้งคู่เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [03] p.3 <17.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 18-05-2015 20:38:54
อ่านแล้วยิ้มหวานตามชื่อเรื่องเลย น่ารักมาาาาาาก
ชอบอาการประหม่า ป๊อด ของหมอ
ยิ้มหวาน นี่ต้องแอบมีใจให้นิดๆ อยู่ล่ะนะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 18-05-2015 21:53:12
(https://pbs.twimg.com/media/CANwLVlVEAA_kAX.jpg)

❤ กรี้ดกร้าดในทวิตฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ นะคะ
❤ ใครเล่น ask fm ไปคุยกับยิ้มหวาน&หมอได้น้า ยูสนี้ค่ะ sweetysmileanddoctor





 [4]
 
 

หลังจากปล่อยให้เตรียมตัวมาพักใหญ่
ในที่สุด สงครามมันก็เกิดขึ้นจริงๆแล้วครับ – การสอบมิดเทอมนั่นเอง
 
ตอนนี้ผมกำลังพักอ่านหนังสือแล้วมาเล่นมือถือเพื่อผ่อนคลาย
ก่อนจะเห็นไอ้เหี้ยเบอร์ 1 อัพรูปหน้ากวนตีนๆของมัน กับแคปชั่น..


 
- มิดเทอมมหาโหดโตรมหาประลัย
ฆ่านิสิตตายล้างบางทั่วปฐพีหมีหมาหมูปิ้กกาจูยังต้องฮาราคีรี -

 
 
เห็นแล้วมันอดเม้นไม่ได้...

 
'ตัวเหี้ยยังไม่ตายว่ะ กูเห็นมันอัพรูปอยู่'

 
เม้นเสร็จก็รู้สึกหายเหนื่อยหายง่วงขึ้นมานิดหน่อย เพราะได้กวนตีนเพื่อน
พอสไลด์หน้าจอไล่ลงมาเรื่อยๆ ผมก็เจอรูปไอติมแมคนั่มที่มีฉากหลังเป็นหนังสือกับแคปชั่นสั้นๆ
 
 
- สอบไปดิ -


 
เห็นแล้วหลุดยิ้มเลยครับ -- ยิ้มหวานนั่นเอง...
 
- สู้ๆดิ-
 
เม้นเสร็จก็วางมือถือหันไปหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่ใกล้ๆมาดื่มได้นิดหน่อย ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงเตือนจากโทรศัพท์ดึงขึ้นมา


*กูอยู่บ้านไม่ไหวแล้วไอ้เหี้ย!!
*อ่านไม่เข้าหัวเลย
*ไปหาที่นั่งอ่านไป
*ลากกันไปทั้งฝูงนี่แหละแม่งงง


ไอ้คนที่เพิ่งโดนผมด่าในไอจีไปเมื่อกี้แหละครับ แม่งไลน์มา
แม่ง อ่านประโยคแรกกูคิดว่ามึงทะเลาะกับพ่อ...
เอาจริงๆ - วันไหนที่ผมไม่ไปม.นี่ ไลน์ผมเด้งเพราะมันมากกว่ายิ้มหวานอีก
ส่งมากวนเรื่อยๆเป็นระยะๆ
แต่ถ้าเงียบไปก็เป็นอันรู้กันว่าคงไปเข้าฟิตเนสตามเรื่องตามราวของมัน

นึกๆดูแล้วที่มันชวนนี่ก็เข้าท่าดีอยู่ ผมเองก็เบื่อๆเหมือนกัน
อ่านหนังสือที่บ้านมันง่วงนะครับ เตียงอยู่ใกล้แค่นี้เอง เผลอแป๊บเดียวก็พุ่งลงไปนอนได้แล้ว
อันตรายโคตร...
 
*เอาดิ
*เดี๋ยวกูไปรับไอ้แว่นเอง

 
ผมเหลือบมองนาฬิกาแล้วสรุปร้านกับเวลาให้มันเสร็จสรรพครับ
 
*4 โมงเจอกัน
 
*อ้าวสัด
*ทำไมร้านนั้น
*ปกติมึงชอบไปสยามกิตต์


*ก็มึงบอกจะอยู่ดึก
 

*ตามยิ้มหวานไปก็บอกพ่อหนุ่ม~~
*ไอจีเค้ากูก็ตามเหอะ
*สู้ๆดิ
*ฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิ


*สัด
*ใครให้มึงตามไอจีเค้าห้ะะ
*เหี้ยยยยยยย
*มึงมันตัวเหี้ย

 
*สี่โมงเจอกันคร้าบบบ
*น้องหมออินละละละเลิ้บบบบ~~~



ผมหมดแรงจะต่อปากต่อคำกับมันแล้วครับ -_-
โทรบอกไอ้โคนันเสร็จก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำอีกสักรอบเรียกความสดชื่น
 
ลงไปบอกพ่อกับแม่ พร้อมถามยัยน้องสาวว่าจะเอาขนมอะไรแถวสยามไหมผมจะได้ซื้อมาฝาก แต่คงได้กินพรุ่งนี้เช้า เสร็จภารกิจผมก็ขับรถออกจากบ้าน
 
 
,
 


ฝ่ารถติดกับไอ้โคนันกันอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็มาถึงครับ
ร้านแน่นตามคาดเนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงสอบ แถมร้านนี้ยังเปิด 24 ชั่วโมง
พวกนิสิตเลยชอบมาฝังตัวกันแบบข้ามวันข้ามคืน
แต่โชคดีที่ไอ้ 2 คนนั้นมันมาถึงก่อนแล้วเจอที่นั่งดีๆว่างอยู่พอดี
ผมเข้ามาในร้านปุ๊บก็เห็นพวกมันกำลังยืดคอส่องสาวได้ที่เลย มาถึงก็ยังไม่สนใจหนังสืออะไรกันหรอกครับ ของกินแม่งเต็มโต๊ะ
 
วางของไว้กับพวกมันเสร็จเรียบร้อยผมก็ทำเป็นเดินไปสั่งกาแฟ
...แล้วก็มองหายิ้มหวานไปด้วย
 
บอกแล้วว่าคนๆนี้หาตัวไม่ยาก มองผ่านๆรอบเดียวก็เจอครับ
ผมเห็นเขานั่งอยู่กับเพื่อนกลุ่มเดิมนั่นแหละ
ท่าทางเหมือนติวกันจริงจังมาก หน้าตาเคร่งเครียดสุดๆ
 
แต่ยังก่อนครับ ยังไม่แสดงตัวก่อนว่ามาโผล่ที่นี่ รอจังหวะแป้บนึง
 
ได้กาแฟกับขนมติดมือมานิดหน่อยก็เริ่มกินไปพลางโม้ไปพลางอยู่พักใหญ่ ก่อนจะได้ฤกษ์ติวกัน
โดยคนที่เป็นความหวังของทุกคนคือไอ้แว่นโคนันนั่นเอง
ผมนั่งอยู่ไกลจากมันที่สุดครับ ฟังสิ่งที่มันพูดไปด้วย ทบทวนความรู้ในหัวสมองของตัวเองไปด้วย เจอบางจุดที่ผมทำตกหล่นไปเหมือนกันนะ แล้วบางที่ผมก็ช่วยเสริมให้มัน เหมือนมาแลกเปลี่ยนกันมากกว่า
ออกมาติวกันแบบนี้ในคืนสุดท้ายนี่มันดีกว่านั่งจับเจ่าอยู่ที่บ้านจริงๆนั่นแหละ
 
ผมนั่งฟังไปเรื่อยๆครับ จดเพิ่มเติมบ้างนิดหน่อย
แล้วอยู่ดีๆโทรศัพท์ของผมก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา
 
“ปิดโทรศัพท์ด้วยครับนิสิต~”
 
ไอ้แว่นครับ มันทำเสียงล้อเลียนอาจารย์ท่านนึง คือแกเป็นคนซีเรียสกับเสียงโทรศัพท์มาก
แล้วพวกที่ลืมปิดเสียงก็จะซวยมีคนโทรเข้ามาตอนคาบแกตลอด คาบอื่นก็ไม่มีบ่อยขนาดนี้
ทำเอาอาจารย์แกอารมณ์เสียอยู่ประจำ
 
ผมเงยหน้ามองมัน กดปิดเสียง แล้วยักคิ้วข้างเดียวใส่แม่ง ก่อนจะเช็คมือถือดู
 
*มาได้ไงเนี่ย?????
 
ยิ้มหวานครับ – เห็นกันแล้วแน่ๆ
ผมหันหลังไปทางโต๊ะที่เขานั่งอยู่ ก่อนจะเห็นเจ้าตัวนั่งเท้าคางส่งยิ้มจนตาโค้งมาทางผม
พอสบตากัน เขาก็ยกมือขึ้นมาทักทายกันเบาๆ
 
ผมเองก็โบกมือกลับไปแบบไม่ค่อยรู้ตัว ก่อนจะก้มหน้าตอบไลน์
 
*เห็นแค่หลังยังจำได้?
 
 
*ใครบอก
*ได้ยินสาวอักษรโต๊ะข้างๆเม้ากันต่างหาก

 
พอเลยหน้าขึ้นมาอีกที ผมก็เห็นว่าเขาชี้นิ้วหัวแม่มือไปทางกลุ่มสาวๆที่นั่งติดกับโต๊ะเค้าพอดีครับ
 
*โดนถ่ายรูปอัพลงโซเชียลเต็มไปหมด
*ยังไม่รู้ตัวอีก

 
เอาจริงๆก็รู้ตัวแหละครับ...
ตอนไปยืนต่อคิวซื้อกาแฟก็รู้อยู่ว่ามีคนแอบถ่ายรูป แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสนะ ถ้าไม่ได้เอาไปทำอะไรไม่ดี
แต่พอเริ่มติวหนังสือ ก็ไม่สนใจใครอีกแล้วครับ (นอกจากจะมีใครบางคนทักไลน์มาแบบตอนนี้)
 
ผมเองก็ไม่รู้จะตอบเขายังไง เลยส่งสติ๊กเกอร์ไอ้ตัวผมทองๆที่มันชอบเก็กหล่อไปให้
แล้วก็เห็นว่าเขาหัวเราะรับ
 
*กลับไปติวไป
*เพื่อนเขม่นแล่ววว

 
อ่านจบปุ๊บก็รู้สึกเลยครับว่ามีอะไรบางอยากฟาดหัวเข้าเต็มๆ น่าจะเป็นชีทหรือสมุดของใครสักคน
แม่ง – โบกกูเฉย.....
หันกลับไปเลยเห็นว่าเป็นไอ้แว่นที่ยืนขึ้นแล้วเอื้อมมือมาฟาดผมจากอีกฝั่งนึงของโต๊ะ
 
“หมั่นไส้ว่ะแม่ง!"
 
ส่วนไอ้เบอร์ 1 กับเบอร์ 2 นี่กำลังยืดคอแอบอ่านไลน์ผมอย่างเอาเป็นเอาตายครับ
แม่ง... บรรพบุรุษมึงเป็นยีราฟเหรอ? ทำคอยาวกันอยู่นั่น!
 
พอมองกลับไปทางด้านหลังอีกที ผมก็เห็นว่าเขากำลังหัวเราะเยาะผมครับ
ตลกใหญ่ละ -_-
เหมือนคนอื่นๆที่โต๊ะเขาจะลุกไปซื้อของกินเพิ่มกันมั้ง
เหลือเขาอยู่ที่โต๊ะกับเพื่อนผู้หญิงที่ผมเห็นว่าอยู่ด้วยกันบ่อยที่สุด สวยเลยแหละ ตัวสูงพอๆกันเลย
คือเขาก็ไม่เตี้ยนะ กะเอาด้วยสายตาผมว่าน่าจะ 175+ แต่ไม่ถึง 180
 
สักพักผมก็เห็นผู้หญิงคนนั้นเอาข้อศอกมาจิ้มยิ้มหวานครับ จิ้มแรงด้วย
จิ้มเสร็จก็ทำท่าจะเอื้อมมือมาแย่งโทรศัพท์เขาไปแบบไม่จริงจังเท่าไหร่ ก่อนจะพูดแซว
อีกคนก็พยายามเถียงกลับซะด้วย แต่ดูยังไงก็แพ้...
 
ผมเห็นแล้วได้แต่ขำ ก่อนจะพิมพ์ข้อความส่งไปทางไลน์
 
* เพื่อนล้อว่ะ
 
อ่านจบเขาก็มองมาทางนี้พร้อมทำหน้าเคืองใส่
ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงเบาๆดังมาจากทางด้านหลัง
 
“มึงซิ่วเลยมั้ย? ซิ่วไปถาปัตย์วันนี้เลยมั้ยสัดด"
 
“ซิ่วหน้ามึงสิ!”
 
แวะมาด่าพวกมันกลับ ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายเขา
ในที่สุดผมก็ได้หันกลับมาแบบจริงจังสักที
 
* ติวต่อแล้วๆ


ไลน์บอกกันสั้นๆ และพบว่าเนื้อหาที่พวกมันติวอยู่ก็ไม่ได้ไปไหนไกลจากเดิมแม้แต่น้อย
 
สรุปตอนที่กูหันไปเล่นกับยิ้มหวาน
พวกมึงหยุดติวแล้วเสือกกูอยู่งั้นสินะ?
 
 
,
 
 
ติวต่อกันไปอีกพักใหญ่ครับ มองออกไปข้างนอกอีกทีท้องฟ้าก็มืดแล้ว เลยตัดสินใจพักกันก่อน
ดูนาฬิกาถึงได้รู้ว่ามันผ่านไปสามชั่วโมงกว่าแล้ว...
 
ไอ้เบอร์ 1 กับไอ้แว่น ลุกไปเข้าห้องน้ำกันครับ ทิ้งผมกับไอ้เบอร์ 2 ให้นั่งอยู่ที่โต๊ะ
ผมหันไปหายิ้มหวานอีกทีก็เห็นว่าเจ้าตัวฟุบลงไปกับโต๊ะเรียบร้อยแล้ว แต่น่าจะยังไม่หลับ
 
เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแกล้ง ผมส่งสติ๊กเกอร์หมีบราวน์นอนอ่านหนังสือไปให้
และนั่นทำให้เขาเอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ใกล้ๆแล้วกดอ่านครับ
 
* ง่วง~~~
* กินป๊อบคอร์นเข้าไป ท้องอืดว่ะ

 
ผมหลุดขำเลย นี่กี่ขวบแล้วเนี่ย?
 
* กินกาแฟมั้ย
 
*ไม่อ่ะ
*วันนี้ 2 แก้วละ

 
เห็นเขานอนฟุบหน้าแล้วใช้นิ้วชี้จิ้มมือถือตอบไลน์ผมครับ ท่าทางจะง่วงจริงๆ
เห็นอย่างนั้นผมก็ส่งสติ๊กเกอร์โอเคกลับไปให้ พอเห็นว่าผมไม่ส่งอะไรตอบกลับไปแล้ว เจ้าตัวก็นอนต่อครับ
 
เขาเลยไม่เห็นว่าตอนนี้ผมลุกขึ้น พร้อมกับหันไปบอกไอ้เบอร์ 2 ว่า
เดี๋ยวกูมา...
 
ผมหายไปประมาณ 5 นาที และกลับมาพร้อมอะไรบางอย่างในมือ
 
พอมองกลับมาก็เห็นว่าไอ้ 2 คนที่ไปห้องน้ำกลับมาแล้ว ตอนนี้เป็นไอ้เบอร์ 2 ที่หายไป
แต่...แทนที่ผมจะเดินกลับโต๊ะตัวเอง ตอนนี้ผมกลับเดินตรงไปยังโต๊ะที่ยิ้มหวานนั่งอยู่
 
เขายังนั่งฟุบหน้าอยู่เหมือนเดิม...
แล้วก็เป็นเพื่อนเขา ที่ตาไวพอจะหันมาเห็นผมตั้งแต่ยังเดินไม่ถึงโต๊ะด้วยซ้ำ
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มมุมปากมาให้ ก่อนจะกลับไปสนใจหนังสือตรงหน้าต่อ
 
จนกระทั่งผมเดินมาถึงโต๊ะของเขา
แล้วสะกิดเบาๆให้คนที่ฟุบหน้าอยู่ลุกขึ้นมา รอบนี้เหมือนเจ้าตัวจะหลับไปจริงๆเลย
เขาเงยหน้าขึ้นมา ดึงหูฟังที่ใส่อยู่ออกแล้วมองหน้ากันแบบงงๆ
....ก่อนที่ผมจะวางชอคโกแลตปั่นลงไปตรงหน้าเขา
 
“ไม่อยากกินกาแฟก็กินชอคโกแลตปั่นไปก่อน"
 
เหมือนคนที่ง่วงนอนอยู่จะตาสว่างขึ้นตอนที่ได้ยินผมพูด
ยิ้มหวานชี้แก้วชอคโกแลต แล้วก็วกปลายนิ้วนั้นกลับมาชี้ตัวเอง
เห็นอย่างนั้นผมก็พยักหน้ารับ เพื่อยืนยันให้เขามั่นใจ
แต่เขาก็ยังนิ่งครับ...
เพิ่งตื่นด้วยมั้งสมองเลยประมวลผลช้า
สุดท้ายผมเลยยกแก้วขึ้นยื่นไปให้ เล็งให้ปลายหลอดอยู่ใกล้ๆริมฝีปากของเขา
คราวนี้ได้ผล  เขายกมือขึ้นมาจับแก้วตรงส่วนปลายที่ผมไม่ได้จับเอาไว้ แล้วก้มหน้าลงมาดูดช็อคโกแลตเข้าไป 1 คำ
ระหว่างนั้นผมก็ยังไม่ได้ปล่อยมือออกมา เพราะไม่แน่ใจว่าเขาถือแก้วเอาไว้แล้ว หรือว่าแค่เอามือมาแตะไว้เฉยๆ
ปล่อยแล้วเกิดคว่ำนี่มีเฮครับ สมุดเล็คเชอร์วางอยู่ตรงหน้าเลย ถัดไปเป็นแม๊คแอร์ลูกรักเค้าล่ะ
 
“จับแก้วดีๆ ระวังหกใส่ของ...”


ผมพูดพลางใช้มืออีกข้างนึงที่ว่างอยู่หยิบสมุดขึ้นมาวางหลบไปข้างๆ ถึงจะปล่อยมือออก
 
“ถือได้ๆ - ขอบคุณนะ ^ ^”


คนที่ดูเหมือนจะเริ่มตื่นเต็มตาขึ้นมาแล้วตอบผมเบาๆ ก่อนจะรับแก้วไปถือไว้เอง
แล้วเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้ผมเต็มๆครับ – ใจเต้นแรงไปอีก...
 
ผมยืนดูเขาจัดโน่นจัดนี่บนโต๊ะให้เข้าที่อยู่สักพัก พอเรียบร้อยผมก็บอกลาเขาสั้นๆ แล้วก็หันหลังเดินกลับมา
แอบยิ้มขำตอนที่ได้ยินเสียงเพื่อนยิ้มหวานพูด แล้วเจ้าตัวก็เถียงกลับไปไม่เต็มเสียง
 
“เค้ารู้ด้วยว่ะ ว่ามึงไม่กินวิปครีม จีบมึงแน่ๆ"
 
“เงียบน่า!”

 
 
พอเดินกลับมาที่โต๊ะตัวเอง ผมก็รู้ชะตากรรมเลย ว่าไอ้พวกเพื่อนเวรแม่งตั้งท่าจะแซวอยู่แล้ว
ก็ได้แต่ปล่อยให้พวกมันแซวไปครับ นาทีนี้ ไม่เหลืออะไรจะปิดบังแม่งละ
รอให้พวกมันแซวเสร็จผมก็ได้เวลา หยิบสมุดขึ้นมาโบกกบาลให้ไปคนละที
สมน้ำหน้าสัด! อยากมาโบกกูก่อนดีนัก!


เล่นกันนิดๆหน่อยๆก็ได้เวลาติวต่อครับ
พวกผมทวนวิชาที่จะสอบพรุ่งนี้เป็นรอบสุดท้าย แล้วก็จัดวิชาของวันถัดไปต่อเลย
สอบ 2 วิชาเช้ายันบ่ายต้องอ่านตุนไว้เยอะๆ
 
พอเป็นวันสอบมันไกลตัวเข้าหน่อยพวกมันก็ชิวกันกว่าเดิม
ตอนนี้ไอ้เบอร์ 2 แม่งก็ไปหลบมุมคุยโทรศัพท์กับแฟนมันแล้วครับ - ดีจริงๆพวกมึง
 
ระหว่างนั้นผมก็หันไปมองยิ้มหวานเรื่อยๆ เหมือนเขาจะฟื้นคืนชีพแล้วนะ
ตอนนี้กลับมานั่งคุยงานกับเพื่อน บรรยากาศดูเหมือนจะประชุมกันอยู่
มองลงไปเห็นชอคโกแลตปั่นที่ผมซื้อให้ก็หมดแก้วเรียบร้อยแล้ว ก็แอบดีใจเบาๆ
นิดนึงก็ขอเหอะ...
 
ปล่อยชิวกันไปเกือบครึ่งชั่วโมง สักพักพวกผมก็กลับมานั่งอ่านกันต่อในสภาพของกินเต็มโต๊ะ แบบอ่านไปกินไป
คราวนี้เน้นอ่านพวกวิชาที่ไม่ได้ลงด้วยกันไปเงียบๆ (แต่เสียงเพลงจากหูฟังไอ้เบอร์1 แม่งดังมากเหมือนอยู่ในผับ) กะว่าอีกสักพักจะแยกย้ายกันกลับบ้านครับ เพราะนี่ก็ห้าทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว เผลอแป๊บเดียวก็จะข้ามวันละ
 
พวกผมก็นั่งอ่านกันไปแบบสงบๆ ดูตั้งใจมากครับ แต่ความจริงคือเริ่มหมดแรงจะกวนตีนกันเอง
จนกระทั่งไอ้เบอร์ 2 มันสะกิดเรียกผม พอหันไปมองก็เห็นว่ายิ้มหวานกำลังโดนเพื่อนลากมาทางนี้
 
คนเดิมเลยครับ ที่สูงๆสวยๆ ผมยาวๆ แต่ตอนนี้รวบผมขึ้นไปมัดเป็นทรงยุ่งๆ
ผมเห็นไอ้เบอร์ 1 แม่งมองเค้าตาค้างไปแล้ว...
 
“หมอ!”
 
เรียกทีเดียวหันทั้งโต๊ะครับผม
เล่นเอาเพื่อนยิ้มหวานอึ้งไปเลย -- ผมเองยังแอบขำ
แปลกตรงไหน?
ก็นี่หมอทั้งโต๊ะ! แถมยังเรียกซะเสียงดังขนาดนั้น ทุกหมอก็หันหมดสิครับ
 
“เอ้ย! โทษทีๆ หมอคนนี้ๆ"
 
และแล้วผมเป็นผู้ถูกเลือก...
 
ผมมองยิ้มหวานที่ยืนทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างหลังเพื่อนอีกที แล้วได้แต่สงสัย
ก่อนจะมองกลับมายังผู้หญิงท่าทางเปรี้ยวๆที่ดูเหมือนจะนิสัยห้าวไม่เข้ากับหน้าโคตรๆ แล้วถาม...
 
“มีอะไรเหรอ?”
 
“จะกลับยังอ่ะ?”
 
งงครับบอกเลย... งงแบบตอบคำถามไม่ถูก
อะไรวะเนี่ย?
 
“อีกสักพักมั้ง อืม... ไม่นานหรอก..."
 
“ดีเลย!"
เขาพูดแล้วยกมือข้างที่ว่างขึ้นมาดีดนิ้วเป๊าะ!
 
"หมอเอามันไปส่งบ้านให้หน่อยดิ"
 
“มึงงง~~~~~”
 
อันแรกเพื่อนพูดครับ
ส่วนอันหลังเป็นเจ้าตัวที่ร้องออกมา ก่อนจะพยายามแกะแขนตัวเองออกจากกงเล็บของเพื่อน
กงเล็บจริงๆนะ เล็บยาวโคตรมาก -_-
 
ระหว่างที่ผมกำลังงงอยู่นั้น เพื่อนเขาก็รีบพูดต่อเลยครับ
 
“ก็วันนี้มันไม่ได้เอารถมา เราจะขับไปส่งก็มันก็ไม่ยอมให้ไป บอกว่าบ้านคนละทางกัน ไม่อยากให้ผู้หญิงขับรถไปกลับดึกๆคนเดียว มันเลยจะนั่งแทกซี่กลับ เราฝากมันกลับกับหมอได้ปะ?"
 
ผมนี่อึ้งไปเลย...
 
จริงๆก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ
แต่ตอนนี้ผมกำลังตลกคนที่ยืนทำหน้าจะร้องไห้อยู่ข้างหลังเพื่อน
ส่วนไอ้เพื่อนเชี่ยทั้ง  3 ของผมนี่ก็อึ้งแดกกับเพื่อนยิ้มหวานอยู่
รักชีวิตอย่าคิดเล่นกับสาวถาปัตย์ นะผมว่า
 
“ได้ๆ"
ผมตอบแบบยังไม่หายงงดีครับ แล้วขยับให้ข้างตัวมีที่ว่างมากขึ้น ก่อนอีก 3 คนมันจะขยับตาม
 
คือที่ๆผมนั่งอยู่มันเป็นแบบโซฟาที่โค้งเป็นวงกลม แล้วมีโต๊ะตรงกลาง
นั่งกันแค่ 4 คนเลยใช้พื้นที่กันแบบสบายๆ พอขยับนิดนึงก็นั่งเพิ่มได้อีกคนแบบไม่เบียดอะไร
 
“อ่ะ เชิญนั่งค่ะมึง มีรถกลับบ้านแล้ว โอเคนะ"
 
แล้วเจ้าตัวก็โดนเพื่อนลากมานั่งลงข้างๆผมครับ
ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะฟิน จะงง หรือว่าจะขำดี
แต่ตอนนี้หน้ามุ่ยๆของเขาชวนตลกที่สุด...
 
“กูไปละนะมึง กลับบ้านดีๆ ถึงละไลน์บอกกูด้วย"
 
“กูจะบอกแม่มึงว่ามึงทำกับกูแบบนี้~~”
 
ได้ยินปุ๊บผมก็หลุดขำ – นี่คือโหดที่สุดแล้วใช่มั้ยยิ้มหวาน?


“คิดว่ากูสน? บั๊ยย! ไปละ!”
 
หันไปมองข้างๆ ผมก็เห็นยิ้มหวานทำหน้าบึ้งมองตามเพื่อนจนออกจากร้านไป
แต่ถึงหน้าตาจะยับจะยุ่งจนดูไม่ได้ยังไง ในสายตาผม - ผมก็มองเขาได้แบบไม่รู้จักเบื่ออยู่แล้ว
พอมองกลับมาที่ไอ้ 3 คนนี้ ก็ดันรู้สึกได้ถึงความแตกต่างทางทัศนียภาพอย่างชัดเจน
กูพูดจริง...
 
พวกเวรนี่แม่ง ทำสีหน้าล้อเลียนผมรออยู่แล้วครับ
เห็นแล้วทนไม่ไหว จนต้องเขวี้ยงยางลบใส่หน้าไอ้เบอร์ 1 ไปทีนึง ข้อหน้าหน้ามึงอ้อนตีนที่สุด
 
ฆ่าพวกแม่งเสร็จเลยรู้ครับว่าตอนนี้ยิ้มหวานกำลังมองพวกผมแล้วยิ้มมาให้เขินๆนิดหน่อย
 
“อ่านตามสบายเลยนะ ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องเกรงใจเราด้วย"


พูดจบก็ยิ้มหวานแจกให้ทั้งวงเลยครับ
แม่ง! ไม่ต้องทำหน้าเคลิ้มเลยไอ้พวกเหี้ย!
 
ผมยกปากกาขึ้นชีหน้าพวกมันเรียงตัว นั่งจ้องจนแน่ใจว่าแม่งกลับไปจดจ่อกับหนังสือ ชีท มือถือ หรือ เป้ากางเกงตัวเอง คือมึงจะมองอะไรก็มองไป
แต่ห้ามมาเคลิ้มใส่ยิ้มหวานกู!
 
ไม่ทันไรโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขาก็สั่น...
เจ้าตัวหยิบมือถือขึ้นมาแล้วจิ๊ปากทีนึง ผมเดาเอาว่าต้องเป็นเพื่อนคนเมื่อกี้แน่ๆที่ไลน์มา
ว่าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแอบเหลือบสายตาดูนิดหน่อย และพบว่าเป็นไลน์กรุ้ป – รอดตัวไป!
 
ช่วงนี้กำลังศึกษาคู่แข่งอยู่ครับ
ในมหาลัยเรา ผมว่าเขาดังมากๆระดับนึงเลย ดังขนาดนี้ แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องมีคนมาชอบเขาเยอะ
แต่จะมีสักกี่คนที่จีบเขาแบบจริงๆจังๆอย่างที่ผมทำอยู่...
 
ให้เดาเอาเองแบบมั่วๆ ผมว่าต้องเกินสิบอยู่แล้วอ่ะ!
 
คิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อย โดยที่ปลายสายตาของผมยังคงเห็นคนข้างๆพิมพ์ไลน์ใส่เพื่อนไม่หยุดเหมือนกำลังสู้กันทางตัวหนังสือ แบบไม่มีทางจบง่ายๆแน่นอน เพราะเหมือนจะเถียงกันอยู่ในไลน์กรุ๊ปซะด้วย
ใช้เวลาสักพักกว่าผมจะละความสนใจจากยิ้มหวานได้
 
ผมอ่านหนังสือไปเพลินๆพร้อมเพลงที่ดังออกมาจากหูฟังที่ใส่อยู่ครับ แล้วอยู่ดีๆ ไอโฟนของผมแม่งก็รันมาเจอเพลงโปรดที่สุดในช่วงนี้...
 
เพลงที่ผมอัพไอจีวันที่ยิ้มหวานมานั่งตรงข้ามกันเป็นครั้งแรก...
 
 
มองเธอทีไรสวยจนหัวใจของฉันแทบจะหยุด จนแทบจะละลาย
ฝืนใจตัวเองไม่มองเธอไม่ได้ เหมือนไม่รู้ตัว...
[/i]
 
 
ผมมองไอ้โทรศัพท์ลูกรักที่ตั้งหน้าจอเป็นโลโก้บาสเก็ตบอลทีมโปรดแล้วแอบนึกชมมันในใจ
...ฉลาดนะมึงไอ้ลูกพ่อ
 

อยากอยู่ในฝันนานนานอีกสักหน่อย
ใจตอนนี้คงลอยไปอยู่ที่เธอแล้วใช่ไหม ให้ฝืนเท่าไรก็คงไม่ได้
และไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร
นอกจากรักเธอ...


 
 
ฟังเพลงพลาง มองหน้ายิ้มหวานที่ยังคงก้มหน้าก้มตาแชทไลน์ไปด้วยยิ้มไปด้วยทั้งๆที่กำลังสู้กับเพื่อนแบบไม่ยอมแพ้
ก่อนผมจะสะดุ้งเพราะอะไรบางอย่างลอยมากระแทกสันจมูกเข้าอย่างจัง
 
พอสิ่งนั้นตกลงตรงหน้าผมเลยรู้ว่ามันคือยางลบก้อนที่ผมเขวี้ยงใส่เพื่อนไปเมื่อกี้
เงยหน้าไปมองคนที่จงใจประทุษร้ายกันเลยเห็นว่ามันนั่งเบะปากใส่ผมอยู่ด้วยความหมั่นไส้ถึงขีดสุด
ผมยักไหล่ให้มันแบบจงใจกวนตีน ก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป
 
เวลาผ่านไปสักพักก่อนที่ผมจะขยับตัวเปลี่ยนท่านั่ง เบาะนุ่มให้ตายยังไง แต่นั่งนานๆมันก็เมื่อยครับ
ขยับตัวได้นิดนึงก็รู้สึกเหมือนแขนไปปัดโดนอะไรบางอย่าง จนมันตกตุ้บลงไปบนเก้าอี้
ทั้งผมและยิ้มหวานหันมามองไอ้ของชิ้นนั้นพร้อมกัน ก่อนจะเห็นว่ามันคือกระเป๋าสตางค์ของผมนั่นเอง
 
ผมหยิบไอ้กระเป๋าเจ้าปัญหาที่เคยสลับกับคนข้างๆไปแล้วรอบนึงขึ้นมา
ยังไม่เข็ดครับ -- คงอยากให้มันก่อเรื่องให้อีกสักรอบสองรอบล่ะมั้ง
ผมเลยยื่นมันไปให้เขาแล้วบอกเขาเบาๆ
 
“ฝากหน่อยดิ ไม่ได้เอากระเป๋าลงมา"
 
ไม่ได้โกหกนะเว้ย!
ผมเป็นงี้มาตั้งนานแล้วเหอะ ถ้าเอารถมา เวลาไปไหนผมจะไม่ค่อยชอบถือกระเป๋าครับ ทิ้งไว้ในรถหมดอ่ะ

ส่วนพวกของที่ต้องเอาลงมา เช่นกระเป๋าสตางค์ โทรศัพมท์มือถือนี่จะยัดทั้งหมดไว้ในกระเป๋ากางเกง พวกชีทกับกระเป๋าดินสอก็ถือมาแบบเปล่าๆนั่นแหละ สะดวกดี
 
ได้ยินผมบอกอย่างนั้นเขาก็ยิ้มรับ
ก่อนจะรับกระเป๋าผมไปหย่อนใส่กระเป๋าแพงๆใบโคตรใหญ่ที่เจ้าตัวสะพายมาแล้วกลับไปสู้กับเพื่อนทางไลน์ต่อด้วยความมุ่งมั่น
 
“หิวป่ะ?”
 
พอเริ่มรู้จักกันแบบนี้ เวลาที่เขามาอยู่ใกล้ๆ ผมจะทนไม่ไหวว่ะ
เหมือนอยากเข้าไปยุ่งอยากเข้าไปคุยด้วยตลอดเลย
จริงๆแล้วก็แอบเป็นห่วงด้วยแหละ เห็นนั่งอยู่ตั้งแต่ผมมา ไม่ค่อยจะลุกหายไปไหนนานๆ
เลยไม่รู้ว่ากินข้าวรึยัง
 
“ไม่หิวอ่ะ...”
 
“แล้วกินรึข้าวยัง?”
 
“ยังเลย”
 
พอได้ยินเขาตอบแบบนั้น ผมก็ดูกองของกินที่ไอ้พวกนี้มันซื้อมากันเยอะแยะ
ก่อนจะพบว่า – แม่งกินหมดไม่มีเหลือ -_-
 
ตอนนี้บนโต๊ะมีแค่ป๊อบคอร์นเป็นถังๆ ที่วางให้พวกมันล้วงมือลงไปโกยขึ้นมากิน
พอหันกลับมาก็เห็นว่าเขาส่งสายตาให้ผมอย่างรู้ทัน
 
“ไม่เอานะ"
 
อ๋อ ลืมไปว่าเจ้าตัวบ่นท้องอืดเพราะกินป๊อบคอร์นอยู่เมื่อตอนเย็น
 
“นั่งรอเบื่อป่ะ?”
 
“ไม่เบื่อ – ถ้าเบื่อเดี๋ยวเล่นเกม"
 
เหมือนจะกลัวผมไม่เชื่อครับ เขาเลยกดเปิดเกม แล้วชูหน้าจอให้ผมดู
มันเป็นเกมที่ต้องเลื่อนบล๊อกไม้ที่มันอยู่ในสุดให้ออกตรงช่องที่เค้ากำหนดให้ได้
 
“อ่านต่อดิๆ"
 
มีการเอาข้อศอกที่อยู่ใกล้แขนผมมาสะกิดให้กลับไปอ่านหนังสือต่อด้วย
 
“โอเคๆ จะจบบทแล้ว แป๊บนึง"
 
ได้ยินอย่างนั้นเขาก็พยักหน้า แล้วส่งยิ้มให้ผมพร้อมบอกกันเบาๆ
 
“สู้ๆ"
 
มาบอกกันใกล้ขนาดนี้
ผมนี่อ่านยันเช้าได้แบบไม่ต้องแตะเอ็มร้อยสักขวดอ่ะบอกเลย -_-
 
 

- - - -



[มีต่อนะคะ]
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 18-05-2015 21:54:26

- - - - - - - -
 
 
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงพวกผมก็ออกจากร้านกัน
ไอ้โคนันที่ตอนเย็นมากับผมนี่ ไวมาก มึงโดดขึ้นรถไอ้เบอร์ 1 ก่อนเจ้าของรถอีก
เป็นอันรู้กันว่ามันปล่อยให้ผมกับคนข้างๆได้ไปด้วยกันแบบสองต่อสอง
(คือต่อให้มันอยากจะมากับผม -- คิดว่าผมจะยอมให้แม่งขึ้นรถไหมล่ะ?)
 
พอขึ้นรถมาเจ้าตัวก็รีบหยิบกระเป๋าสตางค์มาคืนผมก่อนเลยครับ กลัวติดกระเป๋าไปอีก
พรุ่งนี้ผมสอบ ส่วนเขาก็มีพรีเซนต์ ไม่ตลกแน่ๆ ถ้าใครสักคนต้องขับรถวนไปวนมาระหว่าง 2 คณะ ซึ่งไม่ได้อยู่ใกล้กันสักนิด
 
พอเจอกระเป๋าสตางค์ที่คาดว่าน่าจะเป็นของผม เขาก็หันมาถามกัน
 
“ขอเปิดนะ จะดูว่าของใคร"
 
“อือๆ เปิดเลยๆ"
ผมตอบออกมา ระหว่างที่กำลังเอี้ยวตัวหันไปมองด้านหลังเพื่อถอยรถออกจากช่องที่จอดอยู่
 
“ถูกละ เราวางไว้นี่นะ"
 
เขาพูดพลางวางกระเป๋าสตางค์ผมไว้บนกระเป๋าถือแบนๆที่ผมเพิ่งเคยกองเอาไว้บนที่นั่งข้างคนขับ
แล้วตอนนี้มากองอยู่ตรงที่ว่างระหว่าง 2 เบาะแทน
 
“ใส่ลงไปในกระเป๋าให้ด้วยดิ"
 
ผมพูดออกมา แล้วหลุดยิ้มโดยไม่หันไปมองเขา ก็ขับรถอยู่ต้องมองถนนไหมล่ะ?
แต่ปลายสายตาก็เห็นตลอดว่ามียิ้มหวานยุกยิกๆอยู่ใกล้ๆ
 
“ไม่หิวแน่นะ"
 
“อืม”
 
“ข้างหน้ามีเซเว่น ไม่แวะนะ?”
 
“อื้อออ ตกลงใครหิวกันแน่เนี่ย?"
 
ได้ยินเขาพูดอย่างนั้นผมก็หัวเราะรับ แล้วรีบปฏิเสธ
 
“ไม่หิว ก็เห็นบ่นว่ายังไม่ได้กินอะไรเลยถาม"
 
“อืม เราไม่หิวจริงๆ"
 
เขาตอบกลับมา พร้อมกับที่ผมจอดรถเพราะติดไฟแดง แล้วหันมาถามเขา พร้อมรอยยิ้มมุมปาก
 
“ว่าแต่ -- บ้านอยู่ไหนเนี่ย?”
 
“เออ ลืมบอกเลย~”
 
เดี๋ยวก็พากลับบ้านซะนี่...
อย่าคิดว่าผมจะพูดออกไปครับ – ไม่มีทาง
 
ผมฟังเขาอธิบายทางไปบ้านคร่าวๆ แล้วก็ขับไปตามทางเรื่อยๆ
ดึกๆนี่สบายมาก รถไม่คอยติดเท่าไหร่
 
“ง่วงป่ะ?”
 
เขาถามผมขึ้นมาหลังจากเรานั่งเงียบๆกันไปสักพักครับ
เงียบจริงๆ ไม่รู้ทำไมไม่เปิดเพลงกัน -_-
 
“ไม่นะ ปกติป่านนี้ก็ยังไม่นอน"
 
“เที่ยวอยู่”
 
“รู้อีก"
 
แล้วเขาก็หัวเราะออกมา จนผมต้องรีบแก้ตัว
เห้ย – นี่มองผมเป็นคนแบบไหนวะเนี่ย?
 
“ไม่ได้เที่ยวบ่อยขนาดนั้นเหอะ"
 
“เหรอ....”
 
"ไม่เชื่ออีก"
 
“เปล๊า~~”
 
ปฏิเสธแต่เสียงสูงครับ – แสงไฟจากข้างทางที่ส่องเข้ามาทำให้ผมเห็นว่า คนที่กำลังหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาจากกระเป๋า กำลังอมยิ้มอยู่
 
มีความสุขจังว่ะ...
 
“เบื่อป่ะ? เปิดเพลงได้นะ"
 
“งั้นเปิดนะ"
 
บอกผมเสร็จเขาก็กดเปิดเครื่องเสียง แล้วถามผมต่อ
 
“เอาแผ่นไหนอ่ะ?”
 
“ตามใจเลย"
 
พอเปิดมาแผ่นแรกเป็นเพลงไทยแบบที่ได้ยินทั่วๆไปในวิทยุ เขาเลยไม่กดเปลี่ยนไปไหน
แต่ปรับลดเสียงให้เบาลงนิดนึง พร้อมกับที่ผมติดไฟแดงอีกรอบ
 
แล้วอยู่ดีๆในใจผมก็คิดไปถึงคำพูดของเพื่อนเขาที่ได้ยินที่ร้าน
ก่อนในใจจะนึกอยากถามขึ้นมา
 
“นี่...”
 
เพราะผมเริ่มพูดออกมาเบาๆ คนที่นั่งเปิดอินสตาแกรมดูรูปไปเรื่อยๆเลยหันมามองหน้ากัน
แล้วถามด้วยเสียงเบาๆในคอ
 
“หื้อ?”
 
 
“โดนจีบอยู่ รู้ตัวใช่ปะ?”
 
 
ในช่วงที่ยังมีโอกาสเพราะรถติดไฟแดงอยู่
ผมพยายามมองสีหน้าของเขาอย่างละเอียด โดยมีไฟข้างทางเป็นตัวช่วย
ก่อนจะเห็นว่าเขาเม้มปากเข้า เหมือนจะเขิน เหลือบตามองมาทางผมนิดหน่อย ก่อนจะหลบสายตาไปทางอื่นแล้วมองกลับมาอีกครั้ง ริมฝีปากคู่นั้นขยับออก เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็หยุดไว้
 
...แล้วไฟเขียวแม่งก็มาทำลายทุกอย่าง
ผมต้องขับรถออกไปอีกครั้ง อย่างไม่มีทางเลือก
 
ความเงียบก่อตัวขึ้นมาชวนให้ผมหายใจไม่ทั่วท้องในช่วงเวลาที่แทรคในซีดีกำลังเปลี่ยนจากเพลงหนึ่ง ไปอีกเพลงหนึ่ง
 
และแล้วผมก็ได้ยินเสียงของเขาพูดออกมาแผ่วเบา
 
 
“รู้ดิ -- ไม่รู้ได้ไง"

 
 
tbc.
 
 
- - - - -



หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 18-05-2015 22:07:45
ว๊ากกกกกกกกกก
โดนจีบนะ รู้ยังๆ
น่าร๊ากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: icecreamii8_ ที่ 18-05-2015 22:12:57
โดนจีบอยู่รู้ตัวใช่ป้ะ อ๋าาาา~
เมื่อไหร่จะจีบติดสักทีน้าา?
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 18-05-2015 22:18:45
นะ .. น้องอินนนนนของหมอ (แมน)
โดนจีบอยู่นะ โดนจีบนะคะ
แว๊ยยยยย เขินนนน
 :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: rainbowbim ที่ 18-05-2015 22:24:05
โอ๊ยยยยย น่ารักกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 18-05-2015 22:30:14
นี่มันขี้อ่อยทั้งคู่ แต่แม่งโคตรน่ารัก โอ๊ย เขิน ฟินเว่อร์
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: barbiehateken ที่ 18-05-2015 22:31:39
“โดนจีบอยู่ รู้ตัวใช่ปะ?”
“โดนจีบอยู่ รู้ตัวใช่ปะ?”
“โดนจีบอยู่ รู้ตัวใช่ปะ?”
“โดนจีบอยู่ รู้ตัวใช่ปะ?”
 :ling1: :z3: :heaven

โอยยยยยยยยยยยยยย คนอ่านเขินรู้ตัวใช่ปะะะะะะะะะะะะะะ
แม่คะพี่เค้าจีบกันฟุ้งร้านกาแฟเลยค่ะแม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ไปหมอ ไปซิ่ววววว. 5555555555555
ยิ้มหวานโดนจับใส่พานส่งถึงมือหมอขนาดนี้ ไม่ต้องคิดไรแล้ววววว

#ทีมเพื่อนเบอร์1
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 18-05-2015 22:32:19
 :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 18-05-2015 22:35:07
เหอะๆๆๆ
อิหมอ คงรุกได้เต็มที่แล้วสินะ เค้ารู้แล้วนี่
จะมามุขไหนอีกน๊ออออ
 o18
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: manowdino ที่ 18-05-2015 22:38:06
เขินมากกกกกกก
ฟินมากกกกกกกกกก
นะบถือความสามารถมากกกกก
แต่งแบบไม่มีชื่อยากมากนะ
แต่ทุกอย่างออกมาเพอเฟคมากกก
งานดี :-)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Lovelyjess ที่ 18-05-2015 22:38:40
ผ่านมา4ตอนละ เพื่อนหมอไม่มีชื่อหรอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoco-boom ที่ 18-05-2015 22:48:09
น่ารักอ่าาาา รักยิ้มหวานนนนนนนน :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: My_yunho ที่ 18-05-2015 22:52:19
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Rabity ที่ 18-05-2015 22:53:27
อุ๊กรี๊ดดดดดดดดดดดด
"โดนจีบอยู่ รู้ตัวป่ะ?"
วลีเด็ดประจำวันนี้ค่ะ
อะไรคือการที่ยิ้มหวานบอกว่ารู้คะ แหม่  :o8:
จริงๆยิ้มหวานก็น่าจะแอบชอบหมอเหมือนกัน ประหนึ่งว่าต่างคนต่างแอบชอบอ่ะค่ะ
...อยากอ่านพาร์ทยิ้มหวานจัง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: naisojill ที่ 18-05-2015 22:57:06
ติดตามจ้า
ชอบแนวเรื่องอย่างนี้มาก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-05-2015 22:59:31
ยิ้มแก้มแตก...
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 18-05-2015 23:01:13
เขินอ่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: ploysure ที่ 18-05-2015 23:05:31
แอร๊ยยยย เพิ่งมาอ่าน น่าร้ากกกกกก  :-[
ทำไมยิ้มหวานน่ารักแบบนี้ มุ้งมิ้งงุ้งงิ้งไปหมดด อยากฟัด งื้ออ
คุณหมอก็น่ารักอะ ทำตัวน่ารักตลอดเลย ชักอิจฉายิ้มหวานละ เค้าอยากได้~~
อัพถี่ดีจังค่ะ ชอบบ มาต่อเร็วๆๆน้าา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 18-05-2015 23:07:26
รู้ว่าจีบไงจ้ะ เลยมาให้จีบใกล้ๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 18-05-2015 23:08:01
อ่านไปยิ้มไป
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 18-05-2015 23:08:46
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด~

#ดึกแล้วกรี๊ดออกมาจริงๆเด่วโดนด่า

555555555555555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 18-05-2015 23:15:42
โอ้ยยย ยิ้มหวาน

อ่านแล้วยิ้มตามเลยอ่ะ

 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 18-05-2015 23:16:31
แหมมมม รุกหนักเลยนะเรา เห็นช่วงเเรกๆไม่กล้าจีบ ตอนนี้รุกเค้ากันหายใจหายคอไม่คล่องกันเลยทีเดียว อ่ะ....พยายามเค้านะ คนอ่านรอฟินอยู่
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: I_oom ที่ 18-05-2015 23:23:09
 o13น่ารักดีอ่ะ อ่านแล้วยิ้มตามเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Gapompom ที่ 18-05-2015 23:27:07
น่าร๊ากกกกก
โดนจีบอยู่ รู้ตัวป่ะ
 
โอ๊ยยยย ละลายเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 18-05-2015 23:30:05
ติดเรื่องนี้เข้าให้แล้ว
ชอบคุณหมอกะยิ้มหวาน
เขาจีบกันน่ารักดีอ่ะ
 :-[ :-[
รู้ตัวด้วยว่าโดนจีบ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: kluay39 ที่ 18-05-2015 23:33:06
โอ๊ย!!! บอกเลยว่าอ่านเรื่องนี่แล้วปวดแก้มมาก ทั้งเขิล ทั้งยิ้ม ทั้งเรื่องเลย สนุกมากเรื่องนี่รับประกันเลย อิอิ  :mew4: :mew6:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 18-05-2015 23:36:27
เดินหน้าเต็มพิกัดเลยนะหมอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: 14th-friedegg ที่ 18-05-2015 23:44:41
โอ้ยยยยยย น่ารักๆๆๆๆๆ น่ารักมวากกกกกกกก

ยิ้มหวานน่ารักมากกกกกกกกกกกก :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 18-05-2015 23:51:22
อ๊ากกกกกกกก. ยิ้มหวานทำแบบนี้ แถวบ้านเรียกอ่อยหมอ!!!!

น่ารักเน๊อะๆ. ฉุดกลับบ้านเลย หมออออ!!!'
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 18-05-2015 23:59:22
ง่อววววว น่ารักที่สุดอ่ะ   :-[ 
ปล.ดูรูปแล้วจิ้นเป็นพี่อินกับหมอแมนเลย  เหมาะสมที่สุด   o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Meimei ที่ 18-05-2015 23:59:52
เขินแรง  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 19-05-2015 00:17:17
หมออออออออออ เขินอ่ะ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 19-05-2015 00:34:20
พูดกันตรงๆรับกันตรงๆแบบนี้พี่ก็เขินแย่ดิ ~~~~~~~
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 19-05-2015 00:50:42
อรั้ยยยยยยยย ตายยยๆๆๆ มันน่ารักมากกกก อ่านแล้วอยากไปสิงที่ร้านกาแฟ  :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-05-2015 01:14:56
แอร้ยยยยๆๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 19-05-2015 01:49:34
โอ้ยย คิวท์บอยจีบกันเน้ออ  :impress2:
ตอนนี้คือ ขำฉากที่เพื่อนยิ้มหวานเรียก หมอ! แล้วหันทั้งโต๊ะมากอ่ะ 5555555555555555 กี่รอบก็ขำ ความหมอทั้งโต๊ะน้อออ


นับถือพี่ปูตรงสามารถแต่งออกมาให้ไม่มีชื่อได้ มโนภาพ จิ้นกันถนัดเลอ แล้วไม่สับสนด้วยนะ คาแรคเตอร์ชัดเจนมาก  o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 19-05-2015 02:35:24
 :z13:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: หมีอ้วนพี ที่ 19-05-2015 02:39:36
โอ้ยยยย เขิน  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-05-2015 02:59:40
อร๊ายยยยยยย.    น่ารักอะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: mynamejnkf ที่ 19-05-2015 05:20:02
อ้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :hao7: :hao7:

อ่านไปจิกหมอนไปเลยจ้ะ บอกได้คำเดียว

- ฟิน - :o8:

ยิ้มหวานน รู้ตัวหรอลูก ว่าพี่หมอจีบ หนูก็ยอมๆเขาเถอะ :laugh:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Junekid ที่ 19-05-2015 06:05:57
น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: ao16 ที่ 19-05-2015 06:23:12
 :o8: :-[ :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 19-05-2015 06:35:56
 :-[ :o8:  เขินจริงจัง :o8: :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: ☾❤Nyanpire❤☽ ที่ 19-05-2015 07:31:24
แต่งได้น่ารักมากกกกกกกก

จีบอยู่รู้ตัวใช่ปะ
อิอิ
น้องยิ้มหวาน รู้ว่าจีบ แล้วยอมให้จีบอะเปล่าาาาาาาา
 :hao3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Titania ที่ 19-05-2015 07:43:39
โอ๊ย...ถ้าจะจีบกันน่ารักขนาดนี้อ่ะนะ ฟินไม่ไหวละ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: fangiily ที่ 19-05-2015 07:55:15
บร๊ะ!!!!

ทำไมขี้อ่อยกันขนาดเน้~!! ทำไมน่านักกันขนาดเน้~!!

โอ๊ยยยย คนอ่านหัวใจจะวายด้วยความฟิน ความเขิน

บร๊ะ!!! ฟินเฟอร์ค่า ฟินเฟอร์~~!!  :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 19-05-2015 11:40:37
อ่านไปเขิลไปอ่า สองคนนี่จะน่ารักไปไหนโอ๊ยๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 19-05-2015 12:08:54
ตามมาจากกระทู้แนะนำ
บอกเลยเรื่องนี้อ่านแล้วหุบยิ้มไม่ลงจริงๆ มันน่ารักมากๆ  :-[
ชอบมากๆค่ะ ทำไมน่ารักขนาดนี้ อ่านไปจิกหมอนไปเลย
รอตอนต่อไปคะ ขอบคุณที่แต่งเรื่องน่ารักๆแบบนี้มาให้เราได้อ่านนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 19-05-2015 12:09:56
ชอบทีมเพือนอ่ะ แต่ล่ะคนช่วยกันสุดฤทธิ์
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 19-05-2015 12:26:50
รอตอนต่อไปจะไม่ไหวละ

อยากอ่านๆๆ

 :ling1: :ling1: :ling1:

 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 19-05-2015 12:45:08
ฟินอาร๊ายยยยย อย่างนี้ :katai4: :katai4: :katai4: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 19-05-2015 12:47:24
รู้ตัวด้วย ๆ ว้าย ยิ้มหวาน น่ารักมากกกก  :-[
เพื่อนทั้งสองฝ่ายนี่ สนับสนุนเพื่อนกันดีจริง ๆ เลย
่อ่านเรื่องนี้ทีไร อารมณ์ดี๊ดี
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 19-05-2015 13:53:43
น่ารักอะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 19-05-2015 15:54:36
จีบอยู่

รู้ดิ

ทำไม
คนอ่านเขิน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Mafiaziip ที่ 19-05-2015 16:10:31
เพิ่งเข้ามาอ่าน 4 ตอนรวด อยากจะตะโกนให้คนเข้ามาช่วยมากๆ แบบว่า คือยิ้มยังค้างอยู่เลย หุบยิ้มไม่ลงจริงไ

 :mew3: :กอด1: มาต่อไวๆนะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: kaireaw ที่ 19-05-2015 18:52:26
กรี้ดดดดดน่ารักกก แอบอ่อยกันเองก็บอก
แอบมองกันมานานแล้วก็บอก น่ารักกกก เขินรัว :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: มะม่วงแรด ที่ 19-05-2015 19:09:25
รู้ตัวละนะ ว๊ากกกก  ระเบิดตัวเอง บึ้มมมมมมม :ling1: :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 19-05-2015 19:34:07
มันต้องอย่างนี้ซิ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 19-05-2015 20:07:32
อ่านมา 4 ตอน เพิ่งนึกได้ ตกลงยิ้มหวานนี่ชื่ออะไร แล้วหมอล่ะ?
นี่เค้าเล่นไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอกันอยู่หรอ
หรือเค้ารู้จักกันและกันตั้งนานแล้ว
ตัวละครไม่มีชื่อสักตัว แต่อ่านได้ลื่นมาก
เอาๆ มีน้องมีน 5 5 5
         
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: BoolinMini ที่ 19-05-2015 21:21:25
อ๊ากกกกกก อิแม่เอ้ยยยยย

เขิลจนไม่รู้จะเขิลยังไง

ฟินจนไม่รู้จะฟินยังไง

สงสัยต้องมาลงต่อเร็วนะคะ

ปล.จะว่าไปหมอกะยิ้มหวานชื่อไรนะ หรือเราพลาดตรงไหนไป
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 19-05-2015 21:28:43
อ่านรวดเดียวเลย ฟินอย่างต่อเนื่อง โอ่ยยยย แก้มระเบิด ยิ้มหวานน่าร้ากกกกกกก :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 19-05-2015 21:45:07
(http://i1300.photobucket.com/albums/ag93/kipuu/5-2_zpsmybdpqdo.jpg)


- - - - -



Special part
-This Smile-

 
 
 
“ดึกแล้ว ขับรถดีๆ"
 
“...”
 
“อย่าขับรถเร็วเกินล่ะ"
 
“อืม”
 
เราพูดออกมาแล้วเหลือบสายตาไปมองตัวเลขดิจิตอลที่อยู่ตรงหน้า
แล้วก็ได้คำตอบกับตัวเองว่าตอนนี้ -- เกือบจะตีหนึ่งครึ่งแล้ว
 
พอเลื่อนสายตากลับไปมองคนที่ยังคงนั่งนิ่งๆวางข้อมือพักไว้ที่พวงมาลัย แล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดต่อ
 
“ถึงบ้านแล้วไลน์บอกเราด้วยนะ"
 
“โอเคครับ"
 
เราเผลอหลุดยิ้มออกมานิดหน่อยกับหางเสียง 'ครับ' ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
ก่อนจะหยิบของทั้งหมดมาถือเอาไว้แล้วเปิดประตูลงจากรถ
พร้อมกับหันไปบอกลาคนตรงหน้าอีกครั้ง พร้อมยกมือขึ้นมาโบกลา

 
“ขอบคุณมากที่อุตส่าห์มาส่ง"
 
“อืม...”
 
เขาตอบรับสั้นๆ แล้วยกมือขึ้นมาโบกกลับให้เรานิดหน่อย
อยู่กับคนตรงหน้านี่ทีไร เรารู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนพูดมากขึ้นไปทุกที
 
ก็ถ้าจะเป็นคนถามคำตอบคำตลอด
ยกเว้นเวลาที่หาเรื่องหรือกวนประสาทคนอื่นเค้าแบบนี้อ่ะนะ...
 
เราถือของทั้งหมดเอาไว้ในมือ แล้วก็เดินไปหยุดหน้าลิฟต์ พร้อมกับคิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อย
รู้ตัวอีกที ประตูห้องก็มาอยู่ตรงหน้าเราแล้ว
หลังจากทาบคีย์การ์ดลงไปเพื่อปลดล็อค เราก็กลับเข้ามาอยู่ในอาณาเขตของตัวเองอีกครัง
 
พอวางของทั้งหมดที่ถือมาตั้งแต่ข้างล่างเอาไว้บนเตียงตามความเคยชิน
เราก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเป็นชุดนอน
แล้วกลับออกมาทิ้งตัวนอนลงบนเตียงนุ่มๆที่คิดถึงกันมาทั้งวัน
 มุดเข้าผ้าห่มเรียบร้อยแล้วเราก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาเปิดดู


นอกจากข้อความในไลน์กรุ๊ปที่เยอะแยะเกินกว่าจะย้อนอ่าน
ก็ยังมีอีก 2 ข้อความใหม่ จากคนที่เพิ่งมาส่งเราถึงหน้าคอนโดเมื่อกี้นี้
 

*ถึงบ้านละ
*ลืมอะไรทิ้งไว้ในรถป่ะ?

 
ลืมอีกแล้วเหรอ?
ทั้งเราทั้งอีกคนนึงอ่ะ จะขี้ลืมกันเกินไปป่ะ?
 
*ลืมอีกละ?
*ลืมอะไรอ่ะ?
 
*นึกให้ดีๆดิ
 
*นึกไม่ออกอ่ะ
*อาบน้ำยังเนี่ย?
 
*อาบแล้ว จะนอนแล้ว

 

กลัวเราไม่เชื่อรึไง?
ถึงได้ถ่ายรูปตัวเองนอนเปิดเหม่งบนเตียงส่งมาให้กันแบบนี้เนี่ย?
 

*ตกลงนึกออกยังว่าทิ้งอะไรไว้บนรถ?
 

"ไม่รู้เว่ยยยยยยยยย~~”
 
เราอัดเสียงตัวเองลากยาวๆส่งกลับไปให้ ก่อนจะเล็งไปยังกระเป๋าที่เราใช้วันนี้
แล้วก็ตั้งใจจะเปิดออกเช็คของที่อยู่ในนั้นทั้งหมด
ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมบอกกันแบบนี้ เราจะต้องรู้ให้ได้ว่าเราลืมอะไรเอาไว้บนรถกันแน่
 
ไม่อยากจะเชื่อเลย – ตี 2 กว่าเข้าไปแล้ว
เรายังมานั่งต่อปากต่อคำกับคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ยังไม่ถึง 1 เดือนเพราะเรื่องลืมของธรรมดาๆเนี่ยนะ?
 
จะว่าไป 'ความสัมพันธ์' ของคนเรา มันก็เป็นอะไรที่เกินจะคาดเดาได้จริงๆนั่นแหละ
 
พอลองนึกย้อนไปเมื่อประมาณ 3 อาทิตย์ก่อน...
เราเองก็ยังนึกไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะได้มาต่อปากต่อคำกันทางไลน์
กับคนที่เรากับเพื่อนชอบเรียกกันเล่นๆว่า 'คิ้วท์บอยแห่งชาติ' แบบนี้
 
ยิ่งพอนึกถึงเหตุการณ์บนรถที่เพิ่งผ่านมา เราก็ยิ่งรู้สึกว่าอะไรๆมันช่างอยู่เหนือความคาดหมายกันเข้าไปใหญ่
ใครมันจะไปคิด ว่าเจ้าตัวจะพูดออกมาตรงๆซะขนาดนั้น...
 
 
จีบเราเนี่ยนะ?
 
พอลองนึกย้อนไปแล้ว
มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ...

 
 
 
- - - -
 
 
 
*เจออีกแล้วว่ะ
*คิ้วท์บอยแห่งชาติ



เราพิมพ์ข้อความสั้นๆ ลงไปในโทรศัพท์มือถือ ระหว่างที่กำลังเดินผ่านกำแพงกระจกของร้านกาแฟที่มักจะมานั่งเป็นประจำในช่วงสายของวันเสาร์
 
'คิ้วท์บอยแห่งชาติ' ที่เราพูดถึงคือคนดังประจำมหาลัย ^ ^
เราเริ่มรู้จักเขาจากอินสตาแกรมที่พวกเพื่อนๆชอบเปิดดูกันเป็นว่าเล่นในเวลาว่าง
เท่าที่เรารู้นะ เขาเรียนมหาลัยเดียวกัน ปีเดียวกัน แต่คนละคณะกับเรา
เค้าเรียนหมอ แล้วก็เล่นบาสด้วย
 
เพราะคุณสมบัติแนวพระเอกการ์ตูนแบบนี้มั้ง คนเลยตามกรี้ดเยอะมาก
เป็นหมอแต่ทำตัวแบดบอย – ก็แปลกดีเหมือนกัน...
 
แต่ก็ยังมีเรื่องที่แปลกกว่านั้น...
นั่นคือการที่เรามักจะเจอเขาอยู่ที่ร้านกาแฟแห่งนี้ตลอด ในช่วงสายของวันเสาร์
บางวันเจ้าตัวก็มานั่งเต๊ะท่าเล่นโทรศัพท์ฆ่าเวลาเป็นชั่วโมง
บางวันก็เอาหนังสือหนาๆ ไม่ก็ชีทมานั่งอ่านเงียบๆ แล้วก็ควงปากกาไปด้วย
 
หลังจากที่เจอเขาที่นี่โดยบังเอิญในทุกเสาร์เป็นครั้งที่ 3
เราก็เลยตัดสินใจเล่าเรื่องนี้ให้พวกเพื่อนๆฟัง
แล้วก็เป็นความเคยชินไปแล้วด้วย ที่จะต้องรายงานลงไปในไลน์กรุ๊ปของกลุ่มตลอด...
ว่าเสาร์นี้เราเจอเขารึเปล่า?
 
เดินคิดโน่นคิดนี่มาเรื่อยๆ ในที่สุดเราก็มาถึงหน้าเค้าน์เตอร์
สั่งเครื่องดื่มกับพนักงานที่ทักทายเราอย่างคุ้นเคย แล้วก็เตรียมจะจ่ายเงิน
 
ตอนนั้นแหละ ที่เพิ่งรู้ตัวว่ามัวแต่ใจลอยไปเรื่อย จนไม่ได้หยิบเงินมาเตรียมเอาไว้เหมือนทุกครั้ง
พอจะหยิบก็พบว่า... มือที่มี 2 ข้างมาตั้งแต่เกิดมันดันไม่พอใช้ขึ้นมาซะอย่างนั้น
 
เราใช้มืออุ้มแมคบุ๊คไปแล้วข้างนึงเลยเหลือมือข้างเดียว
ซึ่งมันไม่เพียงพอที่จะเปิดกระเป๋าสสตางค์แล้วหยิบแบงค์ร้อยออกมา 2 ใบแน่นอนอยู่แล้ว
ยังดีที่พนักงานใจดีพอจะช่วยถือลูกรักเอาไว้ให้มือเราว่างพอจะหยิบเงิน
แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเขินขึ้นมานิดๆ
 
คนง่วงนอนอยู่ ทำอะไรอึนๆไปบ้าง คงไม่แปลกหรอกมั้ง?
เนอะ?
 
รอไม่นานเราก็ได้รับเครื่องดื่มที่สั่งไว้ ก่อนจะไปเดินหาที่นั่ง
เพื่อที่จะพบว่า...
โต๊ะทุกตัวมีคนนั่งหมดเลย
 
เราได้แต่ยืนมองไปมองมากลางร้าน สภาพคงเหมือนคนหลงทางอ่ะ
ก่อนที่พนักงานของร้านจะมาช่วยเอาไว้ ด้วยการให้เราไปนั่งร่วมโต๊ะกับ 'คิ้วท์บอยแห่งชาติ'
 
โอ้โห....
 
คิดดูแล้วก็ยังดีกว่าต้องไปนั่งกับพี่สาวที่กำลังวีนใครสักคนอยู่ทางโทรศัพท์
หรือแกงค์เด็กมัธยมที่คุยกันเสียงดังอยู่ตอนนี้...
 
เรานั่งลงตรงข้ามคนหน้าบึ้งที่กำลังขมวดคิ้วอ่านหนังสือไปเงียบๆ
 
ท่าทางของเขาดูแล้วเดาอารมณ์ไม่ถูกเลยจริงๆ
ตกลงเต็มใจให้เรานั่งตรงนี้จริงๆใช่ไหมเนี่ย?
 
เอาเหอะ -- ยังไงตรงนี้ก็เป็นที่นั่งที่ดีที่สุดที่พอจะหาได้ในตอนนี้
เราเรียนม.เดียวกัน ก็น่าจะคุ้นหน้ากันบ้างล่ะมั้ง?
มีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมมหาลัยหน่อยเนอะ ^ ^
 
นั่งลงเรียบร้อยเราก็วางของทั้งหมดลงบนโต๊ะ
พยายามจะไม่ให้มันรบกวนคนที่อยู่เยื้องกันมากเกินไป
ก่อนจะพบว่า อแดปเตอร์ที่อยู่ในกระเป๋าของเรา น่าจะยาวไปไม่ถึงปลั๊กไฟทีอยู่หลังเก้าอี้ของคุณคิ้วท์บอยแห่งชาติ
 
สุดท้ายเราก็ต้องขยับมานั่งตรงข้ามคนที่ยังคงรักษาระดับความนิ่งของสีหน้าได้อย่างน่าแปลกใจ
ถ้าขยับเข้าไปใกล้กว่านี้ เขาจะไม่ลุกขึ้นมาถีบเก้าอี้เราใช่มั้ยเนี่ย?
 
“เอ่อ... ขอนั่งตรงนี้ได้ไหมครับ คือ...ไม่ได้เอาสายต่ออะแดปเตอร์มาอ่ะ เสียบปลั๊กไม่ถึงเลย"
“อืม นั่งไปดิ"
 
โอเค ตอบแบบนี้แสดงว่าเราน่าจะยังไม่ถูกถีบเก้าอี้วันนี้หรอก...มั้ง?
คิดแล้วเราก็ได้แต่แอบขำคนเดียว -- ก่อนจะยื่นอแดปเตอร์ไปให้คนตรงหน้า แล้วพูดขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับส่งยิ้มแสดงความเป็นมิตร
 
“ขอโทษนะ รบกวนอีกนิดนึง เสียบปลั๊กสายชาร์ตให้หน่อยได้ไหมครับ?"
 
“เอามาดิ"
 
เขาตอบเบาๆ พลางยิ้มมุมปากนิดหน่อยแบบไม่ได้ตั้งใจอะไรมากมาย
โอเค – ค้นพบสีหน้าที่ 2 ของมิสเตอร์คิ้วท์บอยแห่งชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 
“ขอบคุณครับ"
 
เราตอบเขาเบาๆ แล้วก็ดึงความสนใจทั้งหมดกลับมาที่แมคบุ๊คของตัวเอง
 
ระหว่างที่กำลังรอให้อินเตอร์เน็ตล็อคอินไลน์ให้เสร็จเรียบร้อย
เราก็อดไม่ได้ที่จะหลุดขำออกมากับตัวเอง เพราะลองนึกถึงปฏิกริยาของพวกเพื่อนๆที่กำลังจะรู้ว่าตอนนี้เรากำลังนั่งอยู่ตรงข้ามใคร
 
การแจ้งเตือนข้อความเข้ามาใหม่ในกลุ่มสนทนาของเพื่อนสนิทที่เรียนคณะเดียวกันกับเรามีทั้งหมด 5 อัน
 
 
=คิ้วท์บอยแห่งชาติของมึงอ่ะนะ?
= บ่อยจน....
=จีบมึงว่ะ
 
>เออ!!
>กูว่ามาส่องมึงแน่

 
ผู้หญิงพวกนี้น่ากลัวนะ บอกเลย
เอะอะๆ จะยกเราให้คนโน้นคนนี้ไปเรื่อย
ทั้งๆที่เราเป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่มเนี่ยนะ?
 
แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสอ่ะ
เวลาโดนแซวแบบนี้ก็เหมือนได้หาเรื่องคุยเล่นๆกันมากกว่า
 
*พักก่อน!!
 
=กูว่านะ
=เค้ากำลังเล็งจะเข้ามาจีบมึงแน่
 
*พอเลย
*เค้านั่งอยู่ตรงข้ามกู


=ห้ะ??
=ตรงข้ามคือออออออออออออ
 
>เอ่อะะะ
>นั่งตรงข้ามอะไรยังไงคะ????
>กรี้ดดดดดดดดดดดดดดๆๆๆๆๆ
>ยังไงคะ
>ยังไงงงงงงงงงงงงงง

 
อ่านแล้วก็อดไม่ได้ที่จะทำหน้าเพลีย
ตัวหนังสือแค่นี้ยังทำให้เราได้ยินเสียงเจ้าตัวลอยมาเลยอ่ะ
 
*ก็โต๊ะมันไม่ว่าง
*กูเลยต้องแชร์โต๊ะกับเค้า
 

=เค้ายิมฟินป่ะ?
 
*พอ!!
*ฟินบ้าอะไรเล่า
*เลิกคิดว่าจะมีผู้ชายมาจีบกูสักที

 
>พวกกูจริงจังเหอะ
>ตัวจริงหน้าเป็ะป่ะวะ?
 
*ไม่ได้มองว่ะ
*จะให้กูนั่งจ้องหน้าเค้าได้ไง
*นั่งอยู่ตรงนี้เอง

 
=ถ่ายรูปมา
 
*สัดดดดดดด
 
>มึงก็แอบๆดู
>แล้วสรุปมาว่าดีไม่ดี
 
แล้วทำไมเราต้องทำตามพวกมันเนี่ย?
ว่าแล้วเราก็หยุดมือที่พิมพ์อยู่ แล้วเหลือบสายตามองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน
 
เพื่อจะเห็นภาพเขากำลังนั่งก้มหน้าก้มตาอ่านชีทของตัวเองอยู่เงียบๆ
ขนาดนั่งอ่านหนังสือแบบนี้ยังดูไม่เหมือนหมอเลยอ่ะ ทั้งทรงผม เสื้อผ้า จิวที่หูนั่นอีก...
พอมองเลยจอด้านข้างของแมคบุ๊คไป
เราก็เห็นมือของเขาวางหงายอยู่ และกำลังควงปากกาอย่างไม่เร่งรีบ
 
เขาดูนิ่งมาก...
เมินเฉยและไม่สะทกสะท้านกับสายตาที่มองมาจากรอบด้าน ทั้งจากข้างในและนอกร้าน
 
ถามว่าหล่อมั้ย ก็ตอบอยากอยู่ แต่ถ้าถามว่าเด่นรึเปล่า
ตอบได้เลยว่าเด่นมาก...
 
สรุปกับตัวเองสั้นๆ แล้วก็มาพิมพ์ตอบเพื่อนในกรุ๊ป
 
*ก็ดีนะ
*ถือว่าดูดี ไม่รู้จะบอกว่าหล่อได้มั้ย
*แต่โคตรเด่น
*โคตรเถื่อนแบดบอย
*คนมองเต็มว่ะ

 
=คนเค้ามองเพราะคิดว่ามึงเป็นแฟนเค้าอ่ะดิ
 
*พอเลย กูออกไลน์แล้ว
*ปั่นงานแป้บ
*มัวแต่คุยกับพวกมึงพรุ่งนี้ก็ไม่เสร็จ

 
พิมพ์เสร็จเราก็กด log out ไลน์ตามที่บอก
พร้อมกับเหลือบไปเห็นว่า ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะตัวถัดไปกำลังลุกขึ้นพอดี
 
โต๊ะตัวนั้นอยู่ติดกับกำแพงกระจก ถัดมาจากเสามุมร้านตั้งไกล
ไม่มีปลั๊กแน่เลย....
 
หลังจากคำนวณด้วยสายตาเรียบร้อย
เราก็มองกลับมายังคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน ซึ่งตอนนี้กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่กับชีท
หน้าเครียดมาก จะลุกขึ้นมาเผาชีทกลางร้านมั้ยเนี่ย?
แต่ถึงเขาจะอ่านหนังสือตลอด เจ้าตัวก็ยังหยิบมือถือขึ้นมาเล่นอยู่เรื่อยๆนะ
 
นั่งตรงนี้ก็เหมือนจะรบกวนสมาธินาย คิ้วท์บอยแห่งชาติ อยู่หรอก
แต่ถ้าต้องย้ายไปตรงนั้น เราเองก็ไม่มีปลั๊กเสียบทำงานต่อเหมือนกัน...
 
เอาเหอะ ลองดูหน่อย...
เราเงยหน้าขึ้นไปมองเขา ก่อนจะส่งยิ้มไปให้ก่อนเป็นการเอาตัวรอด
 
“ขอนั่งต่อนะ ตรงนั้นไม่มีปลั๊กไฟ"
 
เราควรพูด 'ครับ' มั้ย?
ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าเรา 2 คนเรียนปีเดียวกัน...
 
ได้ยินเราพูดอย่างนั้นเขาก็ทำหน้านิ่งอ่ะ -- นิ่งมาก น่ากลัวโคตร
ไม่พอใจอะไรก็บอกดิ...
 
เราสบตากับเขาอยู่สักพัก พอเห็นว่าฝ่ายนั้นไม่คัดค้านอะไร
แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าที่ยินดีออกมามากไปกว่าการยิ้มมุมปากนิดๆ แล้วกลับไปอ่านหนังสือต่อ
 
สุดท้ายเราก็ได้แต่งง
สรุปคือนั่งได้ใช่มั้ยเนี่ย?
 
เอาเป็นว่าเราจะภาวนาให้โต๊ะอื่นที่มีปลั๊กลุกขึ้นเร็วๆก็แล้วกัน
 
 
,
 
 
ถึงแม้จะตั้งใจจะลุกขึ้นให้เร็วที่สุด แต่สุดท้ายพอได้เริ่มทำงานเราก็เพลินไปเลย
รู้ตัวอีกทีตอนที่นั่งคนตรงข้ามกันลุกขึ้น เอาแก้วกาแฟไปทิ้งลงถังขยะ แล้วก็เดินออกจากร้านไปหน้าตาเฉย
 
ไม่มีร่ำลากันสักคำ...
นี่สรุปแล้วแค่เป็นคนหน้านิ่งหรือว่าอัธยาศัยไม่ดีกันแน่เนี่ย?
 
เรามองตามคนที่ออกจากร้านไป
แล้วก็ตั้งใจว่าจะไปคุยเรื่องคิ้วท์บอยหน้านิ่งกับพวกเพื่อนๆในไลน์สักหน่อย
แต่พอล็อคอินเข้าไป ก็เจอแต่คำกรีดร้องอยู่เต็มไปหมด...
 
เลื่อนย้อนบทสนทนาขึ้นไปเรื่อยๆ ก็เห็นรูปภาพหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ถูกแคปมา
 
>ล้านเปอร์เซ็นต์!!!
>เค้าชอบมึง!!!!

 
เรากดเข้าไปดูรูปภาพที่ถูกส่งมา ก่อนจะเห็นเป็นหน้าจอของอินสตาแกรม
ดูจากชื่อก็พบว่าน่าจะเป็นคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเราเมื่อกี้ล่ะมั้ง
จำชื่อยูสเซอร์เนมเค้าไม่ได้เหมือนกัน...
 
ภาพที่เขาเพิ่งโพสเป็นหน้าจอโน้ตที่ถูกพิมพ์ตัวหนังสือลงไปว่า...
 


ฝันรึเปล่าวะ?... มันดีเกินจริง แต่ก็ยังไม่ชัวร์
 
 
 
หลังจากนั้นประโยคกรีดร้องของสองสาวก็ตามมายาวๆ จนเราอ่านแล้วได้แต่แอบขำ
ก่อนที่จะกลับไปนึกถึงรูปที่เพิ่งเห็นอีกครั้ง?
 
จะหมายถึงเราจริงๆอ่ะนะ?
ดูจากเวลาแล้ว เขาก็โพสรูปนี้ตอนที่เรายังนั่งอยู่ตรงข้ามกันก็จริง
จะชอบกันทั้งๆที่ทำหน้านิ่งขนาดนั้นตอนที่เราพูดด้วยจริงๆเหรอ?
อีกอย่าง -- เราเป็นผู้ชายนะ...
 
เราได้แต่นั่งอ่านข้อความที่เพื่อนๆคุยกัน ซึ่งก็เต็มไปด้วยการกรีดร้องและจินตนาการสารพัด
จนมาถึงข้อความล่าสุด
 
 
>มึงยังอยู่ร้านเดิมใช่มั้ย
>ซื้อของเสร็จแล้วกูแวะเข้าไปนะ

 
ข้อความถูกส่งมาเมื่อ 25 นาทีก่อน
ตอบตอนนี้ก็น่าจะทันมั้ง?
 
*ยังอยู่
*แต่คนตรงข้ามที่มึงอยากเจอลุกไปแล้วว่ะ
*กลับบ้านแล้วมั้ง

 
 
พิมพ์ตอบเพื่อนเสร็จเรียบร้อย เราก็หุบจอแมคบุ๊คลงครึ่งนึง
แล้วมองไปยังฝั่งที่เค้านั่งอยู่ ก่อนจะเห็นชีทปึกนึงว่าเอาไว้
 
*อ่าว ของยังอยู่ว่ะ
*ไม่รู้กลับยัง


ตอบเสร็จเราก็ log out ไลน์อีกครั้ง


เวลาทำงาน เราจะพยายามจะห่างจากโซเชียลเน็ตเวิร์คให้มากที่สุด
...ไม่งั้นงานไม่เดินแน่นอน
 
นั่งทำงานไปสักพัก จนกระทั่งเราหยุดเพ่งหน้าจอเพื่อพักสายตา และมองไปยังที่นั่งตรงข้าม
คิดๆดูแล้วก็ได้แต่สรุปเอาเองว่า เจ้าของชีทที่วางอยู่ตรงข้ามนี่น่าจะไม่กลับมาเอาของแล้วล่ะมั้ง
 ลืมเหรอ?
 
สักพัก เพื่อนๆของเราก็มาถึงพร้อมกันทั้งคู่
มาถึงปุ๊บไม่ทักไม่ทายอะไรกัน แต่ยื่นโทรศัพท์มาให้เราทันที
 
“มึงดูไอจีเค้าดิ มีแต่เพื่อนเข้ามาแซว กับพวกแฟนคลับเค้าเข้ามากรีดร้อง"
 
เรารับมือถือมา อ่านพวกข้อความที่มาคอมเม้นรูปที่ว่านั่นอยู่สักพัก
แล้วก็ตอบกลับไปสั้นๆว่า อืม... เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี
ก็อย่างที่เพื่อนเราบอกนั่นแหละ คนแวะมาแซวกันใหญ่
 
“สรุปคือเค้ากลับไปแล้วใช่ไหมวะ?”
 
“มั้ง – แต่ชีทเค้ายังอยู่นี่นะ"
 
เราพูดพลางชี้ไปยังชีทที่วางอยู่
 
“ห้ะ? แล้วทำไมชีทเค้ายังอยู่วะ?”
 
พูดจบสองสาวเค้าก็หยิบชีทขึ้นมาดู มองสำรวจอยู่ไม่นานก็หันมาบอกเรากับสีหน้าเจ้าเล่ห์
 
“เค้าเขียนไอดีไลน์ทิ้งไว้ว่ะ – อ่อยมึงแน่!"
 
“หื้อ! เพ้อเจ้อละ เค้าลืมไว้ป่ะ?”
 
“ไม่ต้องเลย มึงไม่ต้องมาใสใสเลย เค้าจีบมึงอ่ะค่ะเพื่อนรัก"
 
ได้ยินอย่างนั้นเราก็ได้แต่ขมวดคิ้ว
ก็มันสงสัยนี่ ว่าจะมาชอบเราจริงๆเหรอ?
ดูจากท่าทาง ยังไงก็ไม่น่าจะใช่เลย...
 
เรายื่นมือไปรับชีทที่เพื่อนยื่นมาให้ ก่อนจะมองไอดีไลน์ที่เขียนเอาไว้ตรงมุมบนขวาสุด
 
“กูควรแอดไปบอกเค้ามั้ย ว่าเค้าลืมชีท"
 
“เอาดิ"
 
“หยุดคิดอะไรแปลกๆเลยนะพวกมึง"
 
พูดจบเราก็วางชีทลงบนคีย์บอร์ด ก่อนจะหยิบมือถือมาปลดล็อค แล้วเข้าไปในส่วนของการเพิ่มเพื่อนในไลน์
พิมพ์ตามไอดีที่เค้าทิ้งเอาไว้ เสิร์ชไม่นาน โปรไฟล์ของเขาก็ขึ้นมา
 
เรากดเพิ่มเพื่อนไปในทันที ก่อนจะพิมพ์ข้อความไปถามสั้นๆ
 
 
* ลืมชีทไว้ที่ร้านกาแฟป่ะครับ?
 
เขาแทบจะตอบกลับมาในตอนนั้นเลยอ่ะ

* เฮ้ย กำลังหาอยู่เลยเนี่ย
* ลืมไว้ที่ร้านกาแฟนี่เอง


เราคุยกับเขาไปเรื่อยๆเพราะกำลังนัดกันเอาชีทไปคืน
และพบว่าในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คนี่ เขาอัธยาศัยดีกว่าตัวจริงเยอะเลย
ระหว่างนั้นเพื่อนๆของเราก็คอยส่องอยู่ตลอดอ่ะ แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
จนกระทั่งประโยคล่าสุด

* เอาชีทเสร็จขอกินข้าวเที่ยงด้วยเลยได้ปะ?

อ่านจบเราก็เงยหน้ามองพวกมันสองคนที่ทำหน้าเจ้าเล่ห์มาให้..


“ตามสบายค่ะ อยากตอบตกลงก็ตอบเลย พวกกูไม่ด่าออกมาว่ามึงแรดหรอก"
“อืม... แต่จะด่าในใจ"

เรามองหน้าพวกมันแล้วได้แต่ขมวดคิ้ว
คิดมั้งมั้ยว่าเพื่อนเป็นผู้ชายนะเว่ย!
คิดในอีกแง่นึงดี เขาก็แค่อยากจะขอบคุณ...

หลังจากตกลงรับปากจะกินข้าวเที่ยงกับคิ้วท์บอยแห่งชาติ ไปเรียบร้อยแล้ว
เราก็นึกขึ้นมาได้ว่าวันก่อน หนึ่งในเพื่อนตัวแสบตรงหน้าเนี่ย ดันไปลืมผ้าพันคอทิ้งไว้ที่คอนโดเรา
วันนี้ก็เลยเอามาคืนให้ แต่ดันลืมไว้บนรถ
บอกเรื่องนี้กับทั้ง 2 คนเสร็จก็หยิบกุญแจรถ แล้วลุกขึ้นเดินไปเอาผ้าพันคอมาคืน
 
เราว่าเราหายไปไม่นานนะ
แต่กลับมาอีกทีก็พบว่า 2 คนนั้นกำลังสุมหัวกันทำอะไรบางอย่างอยู่ และหนึ่งในนั้นก็ถือโทรศัพท์ของเราไว้
มองมาแต่ไกลยังรู้สึกได้เลยว่าลางไม่ดี จนต้องเร่งฝีเท้าขึ้นอีกหน่อย
พอมาถึงก็ชะโงกหน้าถามทันที

“ทำอะไรกันอ่ะ?!”

พูดจบเราก็รีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองกลับมา แล้วก็เช็คไลน์เป็นอย่างแรกเลย
จากข้อความล่าสุดที่เราพิมพ์ไว้คือ

* อืม เอาดิ ^ ^


มันดันมีเพิ่มมา!
 
*อยากกินไรเป็นพิเศษป่ะ?
*...
* ไม่ตอบ...



*เปล่า
* ^ ^
* ดีใจอยู่





“ดีใจอะไรของพวกมึงเล่า!!”


ไอ้พวกบ้าเอามือถือคนอื่นไปเล่นเฉยเลยอ่ะ นิสัย!!
สองคึนนี้จะรู้รหัสปลกล็อคโทรศํพท์ของเราเป็นปกติอยู่แล้ว
แต่ก็ไม่ควรเอาไปทำอะไรแบบนี้ดิ!
 
*ดีใจ?[/b]
 
นั่น! เค้าตอบมาแล้วไง
พวกมึงนี่นะ!

เราหันไปทำหน้าบึ้งใส่ไอ้สองสาวที่ยังคงสนุกกับการแกล้งคนอื่นไม่หาย
ก่อนจะพยายามนึกหาทางแก้ตัว...

*เอ้ย! พิมพ์ผิดคน
*คือกำลังบอกเพื่อนว่าเจอเจ้าของชีทแล้วเลยดีใจอ่ะ
*ไปแล้วนะ เจอกันวันจันทร์



ยังดีที่เค้าไม่สงสัยอะไร...

จัดการเรื่องตรงหน้าเสร็จก็กลับมาจัดการ2 คนที่ยังคงนั่งยิ้มไม่สะทกสะท้านต่อ
เราเท้าคาง มองพวกมันทั้ง 2 คนที่ยังคงทำหน้าเจ้าเล่ห์ไม่เลิก แล้วถอนหายใจใส่....

“พวกมึงอ่ะ เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง!”


“ซีเรียสนะมึงอ่ะ ดูทำหน้าๆ อ๊ะะ งอนน~~”
 
พอมันล้อแบบนี้เราก็เริ่มโกรธต่อไม่ถูกอ่ะ
ต้องรีบจัดการให้จบๆเลย เดี๋ยวหลุดยิ้ม
 
“ไม่ต้องเลย พวกมึงอ่ะแกล้งกูตลอดแหละ เดี๋ยวถ้าเค้าเข้าใจผิดกูจะทำไง"
 
“แหม พวกกูก็รู้น่าว่ามึงเอาตัวรอดได้ แค่นี้เอง แหมๆๆ"
 
พูดพลางยื่นมือมาดึงแก้มเราเล่นด้วยอ่ะ
ถามหน่อยสิ ว่าเจ็บไหม...


“มาๆกูเลี้ยงขนม ไม่รู้จะได้เลี้ยงมึงถึงเมื่อไหร่ ต่อไปนี้คงมีหมอคอยเลี้ยงแล้วล่ะม้าง~~”


พูดจบมันก็ลุกขึ้นเด็นเร็วๆไปยืนอยู่หน้าตู้ขนมเค้ก
เหลืออีกคนนึง ยังทำหน้าล้อเลียนเราอยู่ตรงหน้าเนี่ย...

“มึงก็จริงจังเนอะ! ทีตอนพวกกูแกล้งเอาไลน์มึงไปส่งสติ๊กเกอร์บอกรักให้เด็กเอแบคคนนั้นไม่เห็นมึงงอนงี้เลย"


“อย่าใช้คำว่างอนได้ป่ะวะ ตุ๊ดไปมั้ย!”
 
“ก็มึงเท้าคางทำปากยื่นๆ แล้วหน้ามุ่ยเงี้ย กูไม่เรียกงอนจะเรียกอะไร มึงไม่ต้องเลย – ไม่ใช่คอยส่องเค้ามารายงานพวกกูจนชอบเค้าเข้าเองแล้วนะ"
 
“พอๆๆ เพ้อเจอละ นั่งรอกินขนมไปเลยมึงอ่ะ"
 
สักพักอีกคนก็กลับมาครับ
เรามองไอ้ตัวแสบสองคนที่สุมหัวกันนินทาเราแบบต่อหน้าต่อตาแล้วได้แต่ถอนหายใจ...
 
คราวนี้ก็ไม่สงสัยกันแล้วใช่มั้ย...
ว่าทำไมอยู่ดีๆชีทของเรามันถึงหล่นออกจากกระเป๋าไปอยู่บนรถ
จริงๆมันลงไปอยู่ใต้เบาะรถเลยต่างหากล่ะ...




[มีต่อนะคะ]
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 19-05-2015 21:46:36
- - -

 
อาทิตย์ที่แล้วเรายังต้องนั่งโต๊ะตัวเดียวกับคนตรงหน้านี้เพราะไม่มีทางเลือก
แต่ตอนนี้ -- เรานั่งอยู่ข้างๆเขา ด้วยความเต็มใจ

เทียบกับวันนั้น ความเป็นไปได้ที่คนตรงหน้าจะจีบเรามันมีแค่ประมาณ 20%
ผ่านไป 7 วัน แปลกมาก ที่ตอนนี้มันเพิ่มขึ้นเป็น 80% เรียบร้อยแล้ว
อีก 20% ที่เหลือ เราเว้นเผื่อเอาไว้ว่าเขาอาจจะเป็นพวกอัธยาศัยดี (ล่ะมั้ง?)
 
วันนี้เราเอางานที่ต้องพรีเซนต์มาเขียนสคริปต์เป็นภาษาอังกฤษ
แล้วคนข้างๆที่ก็ใจดีขัดกับหน้าตาเฉยเมยต่อโลกสุดๆ
 
เขาเอาสคริปต์งานเราไปช่วยแก้ให้มันดูดีมากขึ้น
ทั้งๆที่ตัวเองก็มีชีทที่เอามาอ่านเตรียมสอบอยู่เหมือนกัน...
เราก็เลยตอบแทนเขาด้วยการสรุป mind map ให้
 
ก่อนจะจบลงด้วยการที่เขาบ่นว่าหิว แล้วชวนเราไปกินข้าวเที่ยงต่อ
เราตอบตกลง – แล้วก็เดาเอาไว้เลยว่าถ้าพวกเพื่อนๆรู้เข้าว่าเราไปกินข้าวต่อกับเขา
พวกนั้นต้องทำเสียงแหลมใส่อีกแน่ๆ
 
สิ่งที่เราคิดทุกครั้งที่มีคนเข้ามาในลักษณะนี้คือ
ถ้าเขายังไม่รุกล้ำอาณาเขตของเรามากเกินไป จนกระทั่งเรารู้สึกไม่สะดวกใจ
เราก็จะเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายต่อไปเรื่อยๆ
 
จะว่าไปแล้วมันก็ไม่มีเกณฑ์ที่ชัดเจนในการกำหนดเรื่องประมาณนี้
สิ่งเดียวที่เป็นกฎของทั้งหมดก็คือ เรารู้สึกดีกับสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังทำอยู่รึเปล่า?
 
พฤติกรรมเดียวกัน แต่คนที่กระทำต่างกัน
มันก็เป็นไปได้อยู่แล้วนี่ ที่ผลลัพธ์จะออกมาแตกต่าง

 
 
พวกเราลุกจากโต๊ะที่นั่งอยู่ตอนบ่ายโมงกว่าเข้าไปแล้ว
คนตรงหน้าใช้มือข้างเดียวหนีบแก้วกาแฟของตัวเองกับของเราไปทิ้งลงถังขยะ
เขาปล่อยให้เราเก็บของ ก่อนจะเดินออกจากร้านมาพร้อมกัน

ระหว่างที่เดินอยู่ เราก็พยายามจัดการของที่มีอยู่ในมือให้เข้าที่เข้าทางไปด้วย
คือเรามีกระเป๋าใบนึง แม๊คบุ๊คแอร์อีกเครื่อง กระเป๋าดินสอ ซองใส่เอสี่ กับโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือ
ประเด็นคือ - ตอนนี้อยากเอาของอื่นๆที่ไม่ใช่แม๊คบุ๊คใส่ลงไปในกระเป๋าให้หมด

อันที่จริง – เราควรจะเก็บของพวกนี้ให้เสร็จตั้งแต่ในร้าน...
คิดแล้วก็เหลือบมองคนที่ใส่เสื้อยืดสีดำที่เดินอยู่ข้างๆแล้วได้แต่บ่นในใจ
จะรีบเดินลุกไปไหน? หิวมากใช่มั้ยเนี่ย?

ตอนนี้สิ่งที่เรากำลังทำอยู่คือพยายามใช้นิ้วมือข้างที่ถือแมคบุ๊คหนีบสายกระเป๋าเอาไว้
แล้วพยายามเปิดกระเป๋าด้วยนิ้วมืออีกข้างที่เหลือ
วุ่นวายชะมัดเลย...

ก้มหน้าก้มตายุ่งอยู่กับตัวเองสักพัก รู้ตัวอีกที ก็มีคนดึงแม๊คบุ๊คไปถือไว้ให้ แล้วยังยื่นมือมาเปิดกระเป๋าให้เราเสร็จสรรพ
เราหันไปมองเขา แล้วแอบคิดในใจ...
นี่มีมือ 2 ข้างเท่ากันจริงๆใช่มั้ยเนี่ย?
 
เขาก็ของเยอะอยู่นะ เจ้าตัวถือชีท ปากกา 2 แท่ง กระเป๋าตังค์ และโทรศัพท์มือถือ โดยไม่ได้หิ้วกระเป๋ามา
แต่พอเขาเอาโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์ยัดลงไปในกระเป๋ากางเกง มือก็ว่างขึ้นมาทันที...

เขามองท่าทางจัดการตัวเองไม่ค่อยได้ของเราแล้วหลุดขำออกมาเบาๆ
พอได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ เราก็เลยเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา
อืม – ยิ้มก็เป็นนี่...
 
ระหว่างที่กำลังใส่ทุกอย่างกลับลงไปในกระเป๋า
ฝ่ายนั้นก็ยื่นชีทกับปากกาที่ถืออยู่มาให้เรา แล้วพูดสั้น


“ฝากด้วยดิ"


“อืม” ^^

เรายิ้มให้ แล้วรับชีทจากมือเขามา ก่อนจะใส่ลงไปในแฟ้ม
เก็บของทุกอย่างเรียบร้อยก็หันมาแกล้งแซวเขาต่อ


“ก่อนกลับอย่าลืมเอาคืนนะ ถ้าลืมไว้อีก จะไม่เอาไปให้แล้ว"


“ไปเอาคืนเองก็ได้"

เขาตอบรับ ก่อนจะเดินต่อไป โดยที่มืออีกข้างนึงยังคงถือแม๊คบุ๊คเอาไว้


“เอาคอมเราคืนมาได้แล้ว"
 
เราพูดออกมา แล้วยื่นมือไปจะดึงแม๊คบุ๊คของเรากลับมาถือเอง
แต่อีกฝ่ายดันขยับตัวหลบอย่างไว พอมองมาเห็นเราที่ยืนยกมือขึ้นค้างกลางอากาศ ก็หัวเราะใส่กันซะอย่างนั้น
 
“ถือให้"


“มือว่างแล้ว ถือได้"
 
“ไม่เกี่ยวว่ะ อยากถือให้ก็เลยถือ"

เชื่อเค้าเลย...
 
เราเหลือบสายตามองคนที่กลับมาเก็กหน้านิ่งกลั้นยิ้มเดินอยู่ข้างกันไปเรื่อยๆ
เมื่อกี้ตอนอยู่ในร้านกาแฟเราคุยกันเรียบร้อยแล้ว ว่าเดี๋ยวจะไปกินอาหารญี่ปุ่น


ร้านที่อยากไปคือร้านที่เราชอบมากินกับพวกเพื่อนๆตอนเรียนมัธยมปลายบ่อยๆ
แต่พอขึ้นมหาลัยแล้วก็ไม่ค่อยได้มาเลย เขาเองก็บอกว่าเป็นเหมือนกันกับเรา...
เลยสรุปกันง่ายๆว่าวันนี้เราจะเดินไปกินอาหารญี่ปุ่นที่ร้านตรงฝั่งสยามร้อน


เดินออกมาได้ไม่เท่าไหร่ ก็เริ่มรู้สึกอยากเปลี่ยนชื่อสถานที่ให้แล้วอ่ะ
คือ ปกติเรากับเพื่อนๆจะเรียกสยามฝั่งตรงข้ามพารากอนที่ไม่มีแอร์ทั้งหมดว่า สยามร้อน
แต่วันนี้ต้องเปลี่ยนเป็น สยามโคตรร้อนเหอะ

เริ่มรู้สึกผิดที่เป็นคนต้นคิดชวนคนข้างๆเดินมาถึงนี่...
เราก็ร้อนนะ แต่ดันเป็นประเภทที่เหงื่อออกไม่เยอะสักเท่าไหร่
แต่พอหันมามองว่าที่คุณหมอที่เดินอยู่ข้างๆกันนี่ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมานิดๆด้วยความสงสาร
เจ้าตัวดูร้อนจนเหมือนจะเป็นลมอ่ะ พอเหงือออกปุ๊บผิวหน้าขาวๆก็แดงเรื่อขึ้นมาเหมือนเด็กเลย
 
อาจจะเป็นเพราะเขาใส่เสื้อยืดสีดำด้วยล่ะมั้ง มันเลยร้อนกว่าปกติ
เขาดูร้อนมากซะจนเราต้องยกมือขึ้นไปพัดๆให้หายร้อน
พอฝ่ายนั้นรู้ว่าเราพัดให้ก็หันมามอง ยิ้มให้นิดๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาพัดให้เรากลับ
ว่าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา


“เริ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดแล้วอ่ะที่อยากมากินถึงนี่"


ได้ยินเราพูดอย่างนั้นเขาก็ยิ้มมุมปาก แล้วก็ตอบกลับมา


“ไม่หรอกน่า ทนอีกนิดนึง จะถึงแล้ว”
 
“อืมๆ อย่าเป็มลมไปก่อนนะ เราอุ้มไม่ไหว"
 
ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ส่งสายตามาหาเรา ยิ้มมุมปากแล้วทำสีหน้าเจ้าเล่ห์แบบที่เราเดาความหมายไม่ถูก เห็นอย่างนั้นเราก็ไม่รู้จะทำอะไรนอกจากเอาหลังมือฟาดต้นแขนเข้าให้เต็มๆ
ก่อนจะต้องหยุดเดินเพราะกำลังจะข้ามถนน
 
คนที่มาด้วยกันรีบเปลี่ยนที่เดินแบบเนียนๆมาเป็นฝั่งที่รถวิ่งมาทันทีที่เราหยุดรอบนทางเท้า
ระหว่างที่เรากำลังเหลือบสายตาไปมองเขาแล้วคิดขึ้นมาว่า
หมอนี่ก็ดูใส่ใจคนอื่นมากอยู่เหมือนกันนะเนี่ย...

อยู่ดีๆก็มีฝ่ามืออุ่นๆมาแตะที่ข้อศอกของเราเบาๆ แล้วก็พาเราข้ามถนนไปพร้อมกัน
แมนโคตรอ่ะ
 
“คิดอะไรอยู่?”


เขาหันมามองหน้าเราแล้วถามกลับหน้านิ่งๆ
ได้ยินอย่างนั้นเราก็ได้แต่กลั้นยิ้มแล้วส่ายหน้าแทนคำตอบ
จะไม่บอกหรอกว่าเมื่อกี้เราแอบนึกชมเจ้าตัวอยู่ในใจ ^ ^

 
เดินต่ออีกนิดหน่อยเราก็มาถึงร้านอาหารญี่ปุ่นที่ว่า ได้ที่นั่งเรียบร้อยพนักงานก็เอาเมนูมาให้ ก่อนจะขอตัวไปบริการโต๊ะอื่นก่อน
 
ระหว่างที่เขากำลังเปิดอ่านเมนูอยู่นั้น เราก็เปิดกระเป๋าตัวเองออก หยิบซองหนาๆขนาดเท่าฝ่ามือขึ้นมา เปิดพลาสติกติดกาวเหนียวๆที่ใช้ปิดซองอยู่ออก แล้วก็ยืนไปให้คนตรงหน้า
 
“อ่ะ ทิชชู่เปียก"


“หื้อ?”
 
เขาเงยหน้าขึ้นมาจากเมนูเพื่อส่งเสียงถามเราแบบงง
จนเราต้องยื่นสิ่งที่อยู่ในมือให้เข้าใกล้เขาเข้าไปอีก
 
“ทิชชู่เปียกไง เช็ดหน้าป่ะ? เมื่อกี้เหงือออกเยอะเลย"
 
“อ๋อ...”
 
อีกฝ่ายรับคำ แล้วดึงผ้าบางๆไป 1 ชิ้น ก่อนจะเช็ดลงบนใบหน้าของตัวเอง
เรามองจนแน่ใจว่าเขาเอาผ้าผืนนั้นแนบลงไปบนใบหน้าของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ถึงได้พูดออกมา


“ปกติมันเอาไว้เช็ดก้น....”


ได้ผล – คนหน้านิ่งเหวอไปทันทีที่ได้ยินเราพูดออกมาแบบนั้น
เห็นหน้าตาตกใจแบบหลุดเก็กแล้วเราก็ห้ามตัวเองไม่ได้ จนต้องขำออกมายกใหญ่ ก่อนจะพูดต่อ


“ไว้เช็ดก้นเด็กไง โตแล้วก็เช็ดหน้าก็ได้ สดชื่นดี"
 
พูดจบเราก็ดึงทิชชู่มาเช็ดหน้าตัวเองบ้าง
แต่เอาจริงๆ สีหน้าของเขาเมื่อกี้ยังทำให้เราขำไม่หายอยู่ดี
 
มาหยุดขำได้ก็ตอนที่พนักงานมารับออเดอร์
เรากับเขาสั่งอะไรง่ายๆกินกันคนละชุด แล้วก็กินกันไปเรื่อยๆแบบไม่ได้คุยอะไรมากมาย

เราไม่ใช่คนเงียบๆ แต่ก็เป็นประเภทที่หาเรื่องคุยไม่เก่งเท่าไหร่
ปกติเวลาไลน์มา กลับเป็นคนเงียบๆตรงหน้านี้ที่ช่างหาประเด็นมาชวนเราคุยก่อนตลอด

แต่ถามว่าการนั่งกินมื้อเที่ยงในตอนบ่าย แบบเงียบๆอย่างตอนนี้
มันชวนให้รู้สึกไม่สะดวกใจมั้ย?


ความสงสัยนั้นทำให้เราเหลือบสายตาขึ้นมองคนที่กำลังคีบปลาดิบขึ้นมาจากจาน แต่ต้องชะงักเพราะรู้ว่าโดนมอง

เขาส่งยิ้มมุมปากแบบที่ชอบทำมาให้เรา และเราก็ส่งยิ้มกลับไโดยไม่พูดอะไรออกมา
คำตอบชัดเจนอยู่ตรงหน้าเราแล้วในตอนนี้


...เรารู้สึกสบายใจ


- - - -


 

 
 
*ตกลงนึกออกยังว่าทิ้งอะไรไว้?
 
 
เชื่อเค้าเลย...
เพราะไลน์สั้นๆที่ส่งมา แค่นั้นแหละ!
ทำให้ตอนนี้เราต้องมานั่งรื้อกระเป๋าตัวเองเพื่อดูของทั้งหมด
คิดแล้วคิดอีกก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรหายไปสักอย่าง
หลังจากค้นจนแน่ใจเป็นรอบที่ 3 เราก็ตัดสินใจตอบไลน์ไปอีกครั้ง
พร้อมรูปสารพัดข้าวของที่กองอยู่ตรงหน้าตอนนี้
 

*ค้นหมดแล้วนะ
*ไม่ได้ลืมอะไรไว้บนรถแน่นอน!!!*ดีใจ?



 
ฝ่ายนั้นอ่านแล้วเงียบไป จนเรารอไม่ไหวต้องพิมพ์ข้อความส่งไปอีก


*กวนตีนกันป่ะเนี่ยย
*ตกลงเราทิ้งอะไรไว้วะะ


 
แต่อีกฝ่ายก็ยังเงียบอ่ะ เงียบยิ่งกว่าเก่า
จนเราที่ตอนนี้ง่วงนอนจัด ต้องโยนมือถือให้ตกตุ้บลงไปเบาๆบนเตียง แล้วจ้องหน้าจอสว่างๆตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง
 
ถ้ายังเงียบอยู่อย่างนี้จะตามไปเอาเรื่องถึงบ้านจริงๆด้วย!
 
คิดพลางเก็บของทั้งหมดลงไปในกระเป๋าจนเสร็จเรียบร้อย
เหลือบสายตากลับมาก็เห็นว่าหน้าจอดับไปเรียบร้อยแล้ว
เราเลยหยิบมือถือติดมือ แล้วมุดเข้าไปใต้ผ้าห่มเป็นครั้งที่ 2
 
ไม่ทันไร แสงจากหน้าจอก็สว่างวาบขึ้นมา เตือนว่ามีข้อความใหม่

เรากดตัวเลข 4 ตัวเพื่อปลดล็อคหน้าจอ แล้วกดเข้าไปอ่านข้อความนั้น...


*ความสุขไง
*ทิ้งไว้เต็มรถเลย
*ไม่รู้ตัวอ่ะดิ?



มันเป็นวินาทีที่เรารู้สึกเหมือนจะวูบคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ...
รู้ตัวอีกทีเราก็หลุดยิ้มออกมา แล้วกลอกตากับคำตอบที่ได้
 
เรามองจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ยังคงสว่างอยู่ในความมืด
แล้วเดาเอาว่าอีกฝ่ายน่าจะรอคำตอบของเราอยู่อย่างร้อนรน...


แกล้งตอบช้าสักนิดคงไม่ผิดเท่าไหร่หรอกมั้ง?


เราพลิกตัว เปลี่ยนจากนอนหงายไปเป็นนอนตะแคง ก่อนจะพิมพ์ข้อความกลับไป


*มาละ
*ไปอ้วกมา



*-_-


*หมดเกลี้ยง
*ชอคโกแลตปั่นที่กินมาวันนี้อ้วกหมดอ่ะ
*^^


*-_-
*ไปนอนไป
*ถึงจะอ้วกก่อนนอน
*แต่ก็ต้องฝันดีนะเว่ยยย


*^^
*โอเคๆ


แล้วเราก็ส่งสติ๊กเกอร์กู๊ดไนท์ตามไปอีกอัน
พอเห็นว่าอีกฝ่ายอ่านข้อความเรียบร้อย เราก็ขยับตัวไปเสียบชาร์ตแบตโทรศัพท์ เช็คนาฬิกาปลุกอีกครั้ง ก่อนจะปิดโคมไฟแล้วเข้านอน

โอเค -- ฝันดีก็ฝันดี ^ ^


tbc


 
 
- - -


talk.
มีคนคิดว่าเราแต่งเร็ว
เปล่าเลยค่ะ เรามีเก็บสต็อคไว้ถึงตอนที่ 9  แล้วต่างหากล่าาาา อิ้อิ้
จะลงวันละตอนไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงตอนที่ 9 น้าา
ระหว่างนั้นเราจะแต่งตอนที่ 10 ไปด้วย มาดูกันว่าเราจะแต่งตอน 10 เสร็จก่อน
หรือลงนิยายจนครบตอนที่ 9 ก่อน
เรื่องของเรื่องคือ เราเขียนนิยายช้ามาก กีเดอะหอยทากค่ะบอกเลย


ขอบคุณที่รักเจ้าสองคนนี้มากมายค่ะ
ขอบคุณน้า  : )




หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [04] p.5 <18.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 19-05-2015 21:49:18
ได้อ่านฝั่งน้องอินแล้วสดชื่นอ่ะ
คิดบวกและน่ารักมากเลยคนดี
มันมีความสุขแบบยิ้มหวานไปเรื่อยๆจริงเรื่องนี้
สู้ๆน้ากีปู พี่เอาใจช่วย ชอบมากๆ ><
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-05-2015 22:07:37
นั้นแน่ๆๆๆ.  ชอบหมอเหมือนกันอะดิ คริคริ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Meimei ที่ 19-05-2015 22:11:25
ให้กำลังใจค่ะ สู้ๆ
 o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: My_yunho ที่ 19-05-2015 22:18:46
อ่านไปยิ้มไป >/////////////<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 19-05-2015 22:19:57
ยิ้มหวานของเรามาแล้วววววว อ่านซ้ำเป็นรอบที่ 2 อยากให้ถึงตอน 9 เร็วๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: letterdream ที่ 19-05-2015 22:25:40
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  กรี๊ดดดดด  พ่นไฟฟฟฟฟ    เขินนนนนนน  :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: brave ที่ 19-05-2015 22:30:11
เขิลลลลลมากกกกกกอะ น่าย๊ากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 19-05-2015 22:30:23
อิหมอ
ตอแหลจริงจริ๊งงงงง
อ่อยได้โล่ 55555
น่ารักกันจริงๆน้าทั้งสองคน
 :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 19-05-2015 22:33:41
เขินแทนเลยข่าาาาาาาา~
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 19-05-2015 22:34:31
เขินเฟ้ยยยยยยย :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: barbiehateken ที่ 19-05-2015 22:37:04
เราชอบตอนนี้มากๆๆๆๆๆๆเลยยยย This smile อะ
เรารู้สึกว่าอ่านความในใจหมอมา มองยิ้มหวานในมุมหมอตลอด ทั้งๆที้ไม่รู้เล้ยยย
ว่าจริงๆแล้วในใจหมอกับการแสดงออกมันโคตรตรงกันข้าม. 55555555
เพราะคิดๆดูมันก็จริงด้วยที่หมอถามคำตอบคำจริงๆ อ่านตอนนี้แล้วต้องกลับไปอ่านตอน 1
เพื่อความฟิน ความน่ารักของหมอคือมันเก็บอาการเก่งมากก 5555555 ตลกอะ
แล้วตอนทิชชู่เปียกนี่ขำออกเสียงเลย น่ารักมากกกกกกกมุกสมกับเป็นยิ้มหวานมากก
รอนะ.. สู้นะ
 :z10:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 19-05-2015 22:42:07
ยิ้มหวาน น่าร๊ากกกกกกกกกก
คิ้วท์บอยแห่งชาติเป็นของยิ้มหวานแล้วนาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 19-05-2015 22:45:00
น่ารักอ่ะ สมกันจริงๆๆคู่นี้ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: letterdream ที่ 19-05-2015 22:45:57
เขินง่ะะะะ   โอ้ยยยย น่ารักขนาดดดด     หลงเลยยยยย :กอด1: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoco-boom ที่ 19-05-2015 22:51:53
น่าร้ากอ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 19-05-2015 22:54:47
อุ๊ย ใจตรงกัน


คนอ่านเขินตัวม้วนแทน คริๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 19-05-2015 22:59:24
คือ ไม่รู้เลยนะ ว่าไอ้น้องหมอ มันมาดนิ่งขรึม
เล่าจากพาร์ทหมอนี่ รั่ว ฮามาก นึกว่าเป็นคนมาดทะเล้นเฮฮา ยิ่งอยู่กับฝูงเพื่อนยิ่งหนัก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Lovelyjess ที่ 19-05-2015 23:08:33
เอ่อ มีชื่อมั้ย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: icecreamii8_ ที่ 19-05-2015 23:08:47
โอ้ยยยคือน่ารักกกกกก เค้าใจตรงกันด้วยน้า คิกๆ -//-
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: April❤ ที่ 19-05-2015 23:27:38
อ่านละยิ้มตามทุกตอนเลอออ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 20-05-2015 00:34:46
ต่ะล๊าคคคคคคคคคค
ไม่คิดว่าหมอจะจีบยิ้มหวานด้วยมุกทิ้งความสุขเอาไว้เต็มรถ
บ้ามาก นี่เขินอ่ะ ถ้าเราเป็นยิ้มหวานเราต้องเขินจนปาโทรศัพท์ทิ้งแน่เลย ฮืออออ ;___;

:hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 20-05-2015 00:56:26
เรื่องน่ารักมากกก อ่านแล้วยิ้มทุกตอนเลยค่ะ
น้องยิ้มหวานน่ารักกกกกก :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 20-05-2015 01:09:30
มุมของยิ้มหวานทำให้เราเขินยิ่งกว่าเดิม
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 20-05-2015 01:46:44
เรียกหมอกับยิ้มหวานจนไม่รู้ว่าชื่อจริงชื่ออะไรกันบ้างแล้วอ่ะ   :laugh:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 20-05-2015 01:59:22
ยิ้มหวานกับหมอทำเรายิ้มไม่หุบจริงๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: pemiko2012 ที่ 20-05-2015 02:10:12
อ่านแล้วยิ้มตาม น่ารักกกกกกกก
ติดตามตอนต่อไปค่า

ปล. อ่านปุ๊บรู้เลยสองคนนี้เป็นใคร
กรี้ดมากกกกกก แอบจิ้นคู่นี้ 55555555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: mynamejnkf ที่ 20-05-2015 04:32:42
หม่อมแม่เจ้ตื่นมาด่าเลยจ้ะว่ากรี๊ดอะไร ไม่หลับไม่นอน มัวฟินค่ะ
โอ้ยยยย น้องยิ้มหวานของแม่ น่ารักมากเลยลูกสาว

คือที่หนูมองคือหน้าพี่หมอมันนิ่งมาก จริงๆในใจมันลิงโลดสุดๆเลยลูกเอ้ย

รักคนเขียนมากเลยนะเนี่ย โหย แต่งออกมาได้น่ารักสุดๆ เขินตาม ฟินแทน

 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 20-05-2015 05:47:22
มุมมองนี้ทำไมอิหมอมันหล่อเข้มแถมยังมาดแมนขนาดนี้อะ 5555
มุมมองของหมอเองนางรั่วสุด 555

ป.ล. เพื่อนๆนี่ตัวชงมาก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 20-05-2015 07:56:35
โอโห หมอ เราไม่คิดว่าหมอภายนอกจะนิ่งขนาดนี้นะ
นิ่งตรงข้ามกับความคิดสุดๆ 555 แต่ก็น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 20-05-2015 08:33:32
โอ้ยยยยย  ยิ้มจนปวดแก้ม  น่ารักอ่ะ   :-[
มาต่อไวๆนะฮะรอออออ   :')
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 20-05-2015 08:37:33
แอร๊ยยยยยยย. น่ารักกันจังเน๊อะ :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 20-05-2015 10:22:35
เหงือกบาน และ แก้มปริ
           :m1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 20-05-2015 11:36:33
ลืมความสุข
เออ
เขินไปแล้วนะฉัน
เขาคุยกันสองคน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: kutelittlepoly ที่ 20-05-2015 16:07:30
เพิ่งได้เข้ามาอ่านมันฟิลกู๊ดมากเลยค่า ละมุนจริงๆ มันหวานได้โดยไม่ต้องมีชื่อ
คาแรคเตอร์ของ2ตัวละครหลัก นี่มัน #พี่อินหมอแมน ชัดๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 20-05-2015 18:31:11
โอ๊ย ไม่ไหว เขิน555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 20-05-2015 18:57:55
ฟินอ่ะ น่ารักดี ชอบๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: KMprince ที่ 20-05-2015 19:41:51
อ่านแค่ตอนแรกก็ยิ้มแก้มแตก อย่างที่มีคนบอกสรรพคุณจริงๆค่ะ
น่ารักอะ ชอบมาก ลุ้นไปกับตาหมอด้วย ว้ายๆๆ

ตอนที่เหลือค่อยตามอ่านวันศุกร์กลางคืน อยากฟินที่เดียวหลายตอน หุหุ
วันทำงานเหนื่อยแล้ว ฟินทีเดียว กดบวกตอนแรกทันทีที่อ่านจบ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: 14th-friedegg ที่ 20-05-2015 20:21:31
อ่านไปยิ้มไปเลยตอนนี้
ยิ้มหวานน่ารักมากกก

รู้สึกเริ่มจะติดตัวละครที่แทนตัวเองว่าเราซะแล้ว
มันดูน่ารักดีอะ ช๊อบชอบบบบ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 20-05-2015 20:45:08
ยิ้มแก้มจะแตกแล้ว ทำไงดี XD
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 20-05-2015 21:51:09
อยากโดนจีบแบบนี้จังเลยค่ะ แอร๊ยยยยยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 20-05-2015 22:14:21
ยิ้มหวานของหมอน่ารักจัง
รอตอนต่อไปนะคะ
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 20-05-2015 22:37:44
ชอบเรื่องนี้ไปเห็นในเด็กดีคิอฟินมาก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 21-05-2015 00:28:13
ชอบอ่านที่นิยายที่มีบรรยายถึงมุมมองของแต่ละคนม๊ากกกก โคตรน่ารักเลย  :hao7:

ฮืออออออ ยิ้มหวานแทนตัวเองว่า เรา นี่มันมุ้งมิ้งสุดใจขาดดิ้น ชอบบบ ง๊ากก

อิหมอที่แสดงออกมานี่มันซึนได้อีก ในใจนี่ลิงโลดไปไกลละ โอ่ยยย 5555555555555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 21-05-2015 06:53:29
เ่านตอนแรกก็ฟินย้้มเพลินเลย น่ารักมากว่าแต่พระเอกนี่เป็นหมอหรือวิศวะคะคริคริ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: pedchara ที่ 21-05-2015 08:53:00
จิ้นว่าหมอเป็นหมอแมนนะเนี่ย ยิ้มหวานก็น่าเอ็นดูเชียว
หมอนิอ่อยแบบมืออาชีพมาเอง
 :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: BaZkon ที่ 21-05-2015 10:49:20
น่ารักโคตรรรรร ว่าแต่ทำไมถึงไม่เรียกชื่อกันล่ะคะ ไม่เห็นถามชื่อกันเลย เราสงสัย :confuse:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 21-05-2015 12:47:02
ตอนสองแล้ว ต่างคนต่างอ่อยรึเปล่านะอิอิอ่านไปยิ้มไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 21-05-2015 15:18:38
น่ารักเกินไปแล้วนะ
ทั้งคู่เลย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: baseballPB ที่ 21-05-2015 17:21:15
ตอนเดียวก็ฟินนนนนนนนนนนนนนนนน   :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: Mekaming ที่ 21-05-2015 19:19:57
โอ้ยหมอละมุนหน้านิ่ง :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 21-05-2015 21:57:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 21-05-2015 22:26:55
เรื่องน่ารักมากกกกก
อ่านไปยิ้มไป
 :mew3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 21-05-2015 23:21:13
อ่านไปก็รู้สึกเขินแรงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :laugh: :-[ :impress2: :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 22-05-2015 12:10:58
ตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าที่9 ยิ้มตลอด สุดยอดอ่าา มันละมุน ชอบมากๆเลย ขอบคุณคนเขียนนะคะ ยิ้มขำ ยิ้มอ่อน ยิ้มหวาน ยิ้มฟิน สุดยอดดด รักนะ จุ๊บ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหญิง ที่ 22-05-2015 12:32:17
ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เคยติดตามผลงานคุณกีปูตอนแต่งฟิคว่าชอบแล้วนะ แต่งนิยายธรรมดาชอบมากกว่าอีกอ่ะ
เรารู้สึกเขินตัวเองมาก อ่านไปเขินไป หยุดยิ้มไม่ได้เลย ฮือออ
ยิ่งเห็นอิมเมจในทวิตคุณกีปูยิ่งเขิน แบบแยกแยะไม่ออกแล้วว่าไหนนิยาย ไหนชีวิตจริง 5555555555

ป.ล.เรื่องนี้ขอยาวๆเลยนะคะ  ฮือ อ่านแล้วไม่อยากให้จบเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 22-05-2015 15:11:49
เขินนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 22-05-2015 19:51:24
(http://i1300.photobucket.com/albums/ag93/kipuu/6_zps7ej7o9pe.jpg)
❤ กรี้ดกร้าดในทวิตฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ นะคะ
❤ ใครเล่น ask fm ไปคุยกับยิ้มหวาน&หมอได้น้า ยูสนี้ค่ะ sweetysmileanddoctor






- 6 -


 
นาทีนี้ผมใกล้หลับเต็มที...
เมื่อบทเรียนยากๆถูกถ่ายทอดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเนิบนาบของอาจารย์ผู้จริงจังและเคร่งเครียดกับทุกๆเรื่อง
 
ตัวช่วยแรกที่จะช่วยให้ผมผ่านคาบนี้ไปโดยไม่หลับคาโต๊ะไปซะก่อนคือจูปาจุ๊บ
ซึ่งผมใช้ตัวช่วยที่ว่านั่นไปเรียบร้อยแล้ว
และพบว่ามันแทบจะไม่ช่วยอะไรเลย ถ้าอาจารย์ยังจะสอนด้วยสปีดหอยทากอยู่แบบนี้
 
งั้นก็ต้องพึ่งตัวช่วยถัดไป...
ผมหยิบโทรศัพท์มือถือที่ปิดเสียงเงียบขึ้นมาปลดล็อค
ก่อนจะเข้าไปในแอพพลิเคชั่นสีเขียว ที่ช่วงนี้ดูเหมือนจะมีผลต่อชีวิตของผมเหลือเกิน
 
กดเลือกรายชื่อของคนที่ผมคิดถึงอยู่ แล้วก็พิมพ์ข้อความลงไปสั้นๆ
 
*รถอะไรทับหมาร้อง?
 
ข้อความที่ว่านั่นขึ้นตัวหนังสือว่าถูกอ่านเรียบร้อยแล้วหลังจากที่ผมพิมพ์ไปไม่นาน
ก่อนจะมีข้อความตอบกลับปรากฎขึ้นมา
 
*ห้ะ??
*อะไรอ่ะ?
*ใครขับรถทับหมา?
*แล้วมันเป็นอะไรมากมั้ย พาไปหาหมอยัง?

 
มาเป็นชุดครับ -_-
 
ผมมองคนที่ตอบกลับข้อความของผมมาด้วยความตกใจ
ก่อนจะรู้สึกว่า ผมต้องรีบอธิบายทุกอย่างให้มันถูกต้อง
 
*ทายคำถามเหอะ
*ใจเย็นๆ อย่าตกใจดิ

 
*อ่าวว
*ตกใจไปแล้วเนี่ย
*นึกว่าขับรถทับหมา
*ยิ่งขับเร็วๆอยู่
 
*โอ๋ครับโอ๋
*ล้อเล่นเหอะ ใจเย็นๆ
*ทายคำถามก่อน
*รถอะไรทับหมาร้อง?

 
คราวนี้เขาเงียบไปเลยครับ อ่านแล้วเงียบไปพักใหญ่
ก่อนจะกลับมาตอบกันว่า
 
*ไม่รู้อ่ะ
*ยอม...

 
และตามมาด้วยสติ๊กเกอร์โคนี่ 1 ตัว
 
*รถเอ๋ง
* -_-

 
*เดี๋ยวนะ
*เล่นมุกแบบนี้เป็นด้วยเหรอ
 
*เออ ไอ้พวกนี้มันเล่นกันเมื่อเช้า
*ทั้งขำ ทั้งเพลีย

 
*โอ๊ย เราอยู่กับเพื่อนอ่ะ
*เลยถามเพื่อนด้วย
*พอเฉลย
*เพื่อนด่าเลยอ่ะ
*5555555
 
*มีต่ออีกๆ
*รถอะไรทับไก่ร้อง?

 
เขาอ่านข้อความของผม แล้วเงียบไปอีกสักพักเลย ก่อนจะมาตอบ
 
*รถกุ๊กกุ๊ก
*^ ^
*ถูกป่ะ?
 
*ถูก!
*เก่งว่ะ!

 
ผมพิมพ์ไปยิ้มไป
อย่าหมั่นไส้กันนะ ถ้าผมจะบอกว่าไอ้มุกแป้กพวกนี้มันดูน่าสนุกขึ้นมาทันทีที่อีกฝ่ายเป็นเขา
...ยิ้มหวานของผม
 
*แล้วนี่ไม่มีเรียนเหรอ?
 
*มี นั่งอยู่ในห้องเรียนเลย

 
ตอบเขาเสร็จผมก็ถ่ายรูปห้องเรียนส่งไปด้วย
กลัวไม่เชื่อ -_-
 
 
*แอบเล่นมือถือตอนเรียนอีกกกก
 
*ไม่เคยทำรึไง?
 
*เคยว่ะ
*^ ^
 
*แล้วนี่อยู่ไหน

 
 
ปล่อยให้ผมสุขสบายใจได้ไม่นาน
เสียงพูดเบาๆของไอ้เบอร์ 2 ก็ดังขึ้นมากวนประสาทผมอย่างที่เป็นอยู่ทุกวัน
 
 
เดี๋ยวนี้ติดมือถือนะมึง...”
 
 
ผมไม่ตอบ แต่ยักคิ้วให้มันไปทีนึง แล้วก้มหน้าลงอ่านข้อความที่กำลังเด้งขึ้นมาเรื่อยๆ
 
*พารากอน
*เพื่อนม.ปลายมาถ่ายงานอ่ะ
*เลยมาหาเพื่อน
*เพื่อนเรียนฟิล์มอยู่ม.กรุงเทพ
*เมื่อกี้ได้ช่วยถือไฟด้วยนะ

 
ผมอ่านข้อความที่ถูกส่งมา แล้วก็ต้องหลุดยิ้มออกมาอีก -- อวดกันเป็นเด็กๆ
จนกระทั่งมีเสียงไอ้ตัวมารดังขึ้นมาจากที่นั่งอีกฝั่งเป็นครั้งที่ 2 ครับ
 
“นักจิตวิทยากล่าวไว้ว่า – มนุษย์ที่ติดมือถือสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ประเภทที่ 1 คืออะไรครับคุณโคนันยอดนักเสือกแห่งเทือกเขาอัลไต”
 
ไอ้เบอร์ 1 มึงเล่นกูอีกแล้ว -_-
 
“ประเภทที่ติดมือถือจริงๆ"
 
“ส่วนอีกประเภทล่ะครับ"
 
“ประเภทที่ติดคนในมือถือสิครับมึง~~"
 
พูดจบแม่งก็หัวเราะถูกใจกันใหญ่
รู้ตัวอีกที อาจารย์ที่สอนอยู่ก็มองตรงมาที่พวกผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 
 
“ถ้าไม่มีสติพอที่จะเรียนก็ออกไปครับ รบกวนคนอื่นเปล่าๆ"[/i]
 
 
เงียบกริบทันตาเห็นครับคราวนี้...
 
ผมรีบหยิบจูปาจุ๊บที่อมอยู่ออกมาถือไว้
รอดูจนกระทั่งอาจารย์แกกลับไปสอนต่อถึงได้ยกขึ้นมากินอีกครั้ง
ว่าแล้วก็พิมพ์ไลน์บอกยิ้มหวานซะหน่อย
 
 
*โดนด่าว่ะ
*ไอ้พวกนี้มันคุยเสียงดัง

 
 
เขาอ่านสักพักก่อนจะส่งสติ๊กเกอร์บราวน์หันหน้าเข้าข้างฝามาให้ผม
แล้วพิมพ์ข้อความตามมา
 
 
*สมน้ำหน้า
*เลิกเล่นมือถือตอนเรียนได้แล้ว
*ห้ามตอบไลน์เรานะ เรียนเสร็จแล้วค่อยตอบ
*ถ้าตอบจะบล๊อคสองวัน!
*จริงๆนะ!!

 
 
มีขู่ด้วย -_-
ผมอ่านข้อความที่เขาพิมพ์มาแล้วหลุดยิ้ม
ก่อนจะยอมยัดมือถือใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเพ่งสมาธิกลับมาสนใจสิ่งที่อยู่หน้าห้อง
 
พอหยุดคุยกับยิ้มหวานก็กลับง่วงอีก เออ...
-_-
 
.
.
.
 
รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังชนะ ที่สุดท้ายแล้วผมก็นั่งเรียนไปจนหมดคาบได้โดยไม่หลับ
 
พวกผมรอจนอาจารย์ออกจากห้อง ถึงได้ก็เริ่มคุยกันครับ ว่าจะไปไหนต่อ
ไอ้พวกนี้มันจะไปกินหมูกระทะกัน
 
ส่วนผม?
จะไปไหนได้? นอกจากพารากอน
 
เห้ย -- ผมไม่ได้ตามยิ้มหวานไปนะ แต่นัดเทรนเนอร์ไว้เลยต้องไปเล่นฟิตเนสวันนี้พอดี
 
ไอ้พวกนี้ก็เหมือนจะรู้กันอยู่แล้ว ว่าวันพุธผมต้องไปฟิตเนสตลอด มันเลยไม่เซ้าซี้มาก
ผมรอพวกมันตกลงร้านที่จะไปกันให้เสร็จ ก่อนจะต้องแยกย้ายกันไปตามเรื่องตามราว
 
แต่ตอนแยกกันที่ลานจอดรถพวกมันยังไม่ยอมแพ้ ตะโกนขู่ผมทิ้งท้าย
 
“อย่าให้เห็นยิ้มหวานอัพไอจีแบบที่พวกกูเดาได้ว่าไปกับมึงนะไอ้สัดหมอ"
 
“ทำไม ถ้าเค้าอัพแล้วมึงจะทำไม?”
 
“พวกกูจะตามไปร่วมแชร์โต๊ะอาหารกับมึงถึงที่แม่งเลย"
 
“บอกก็ดี กูจะได้ให้เค้าอัพตอนออกจากร้านแล้ว"
 
ตอบพวกมันพร้อมยักคิ้วกวนตีนให้ไปสองที ได้ยินเสียงด่าตามหลังมาทั้งสวนสัตว์เลยครับ -_-
พอขึ้นรถปุ๊บ ผมก็หยิบมือถือขึ้นมาตอบไลน์
 
*เรียนเสร็จแล้วครับผม
 
พร้อมส่งสติ๊กเกอร์หมีบราวน์เอาเท้าเหยียบโขดหินไปตัวนึง
 
อย่าคิดว่าผมจะนั่งจ้องมือถือรอจนกว่าเขาจะอ่านแล้วตอบเหอะ
แบบนั้นก็ดูจะเซ้าซี้ไป
 
หลังจากพิมพ์ข้อความส่งไปเสร็จผมก็ออกจากลานจอดรถหน้าตึก แล้วตรงไปพารากอนทันที
แล้วค่อยหยิบมือถือมาดูในระหว่างที่รถกำลังติดไฟแดง
ไฟแดงแรกยังไม่ตอบครับ ยังไม่อ่านด้วย
จนถึงไฟแดงที่ 2ถึงจะเห็นว่าอีกฝ่ายตอบกลับมาเรียบร้อยแล้ว
 
*เก่งมาก!
* ^ ^
 
*เดี๋ยวไปฟิตเนสนะ

 
ผมพิมพ์ทิ้งไว้แล้วก็กลับมาขับรถต่อเหมือนเดิม
หลังจากนั้น กว่าจะได้หยิบมือถืออีกทีก็คือตอนที่มาถึงที่ห้างเรียบร้อยแล้ว
 
 
*ถ่ายงานเสร็จเราคงไปกินข้าวกับเพื่อนอ่ะ
* ^ ^

 
ผมอ่านแล้วส่งสติ๊กเกอร์ OK! ไปแค่นั้น
ก่อนจะเข้าไปในหน้าไลน์กรุ๊ปของครอบครัว
แล้วบอกว่าวันนี้ผมมาพารากอน พร้อมกับถามว่ามีใครที่บ้านจะฝากซื้ออะไรไหม?
จัดการธุระในไลน์เสร็จเรียบร้อยผมก็เก็บมือถือใส่ล็อคเกอร์ หยิบไอพอดออกมา
แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาออกกำลังกายไป
 
สำหรับผม เวลาแบบนี้จะผ่านไปเร็วมาก
...ถ้าเทียบกับ 3 ชั่วโมงอันยาวนานในห้องเรียน
 
อย่าคิดว่าพวกนักศึกษาแพทย์จะขยันเรียนทุกคนนะครับ
ผมคนนึงแหละ ที่มีมุมขี้เกียจ -_-
 
เล่นฟิตเนสเสร็จล้างตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย
พอมาเช็คมือถือดูก็พบว่า นอกจากไลน์กรุ๊ปของพวกเพื่อนเวรที่คุยกันแบบจะเป็นจะตาย ทั้งๆที่ได้ข่าวว่าพวกมึงอยู่ด้วยกัน ก็มีออเดอร์พวกนมขนมคอร์นเฟลคชุดใหญ่จากแม่ กับชูครีมและเค้กจากยัยน้องสาว
 
นอกจากนี้ยังมี 1 ข้อความใหม่มาจากเขา
 
ผมกดเข้าไปดู ก่อนจะเห็นสติ๊กเกอร์โคนี่ลั้ลลาถูกส่งมา
ผมเลยพิมพ์กลับไป
 
*กินข้าวอยู่ป่ะ?
 
*กินเสร็จแล้ว
*ตอนนี้อยู่นี่~~~

 
สักพักรูปฮันนี่โทสต์ก็ถูกส่งตามมา
เห็นรูปปั๊บผมก็เดาได้ไม่ยากเลย ว่าตอนนี้เขาน่าจะอยู่ที่ไหน
 
*อาฟเตอร์ยูอีกละ
*ไม่เบื่อ?

 
*เปลี่ยนเมนูที่กินตลอด
*จะเบื่อได้ไง?

 
ยอมแพ้ครับ – เถียงเค้าไม่ได้จริงๆ -_-
 
*ยอม
*ไม่เถียง

 
*5555555555
*เล่นฟิตเนสเสร็จแล้ว?
*กลับเลยป่ะ?
 
*ยังก่อนๆ
*แวะซื้อของให้แม่กับน้องสาวก่อน

 
*โอเคคค
 
*อือๆ



พอลองทบทวนของที่ต้องซื้อดูแล้ว ก็เอาเป็นว่า ไปที่ๆคุ้นเคยก่อนก็แล้วกัน
ผมเดินลงไปร้านเบเกอร์รี่ญี่ปุ่น และระหว่างที่กำลังเลือกเค้กกับขนมที่น้องสาวชอบอยู่
ในใจผมนี่ก็เริ่มคิดวางแผนครับ...
 
เอาเหอะ! อยากเจอเว้ย!
 
ปกติแล้ว เวลายิ้มหวานมาที่นี่ ที่ๆจะต้องไปตลอดเลยคือโซนที่ขายเครื่องเขียนครับ
คือถ้าถามไปว่าอยู่ไหน แล้วตอบพารากอนนี่ สุดท้ายจะต้องไปจบที่ตรงนั้นทุกที
 
วันนี้ก็น่าจะเหมือนเดิมมั้ง...
 
คิดแล้วก็รีบพิมพ์ไลน์หาเจ้าตัวทันที
 
*เดี๋ยวไปซื้อปากกาป่ะ?
 
*ไม่~~ ไม่ซื้อปากกา
*แต่จะไปซื้อสี ^ ^
*เพิ่งแยกกับเพื่อนเมื่อกี้
*กำลังเดินไปบีเทรนด์เลย
*รู้ได้ไงอ่ะ
 
*เก่งไง

 
พอผมพิมพ์ไปแบบนั้น เค้าก็ส่งสติ๊กเกอร์โคนี่ทำหน้าตกใจมา
 
*อยู่คนเดียวด้วยอ่ะดิ
 
*เห้ยยย
*ทำไมรู้อ่ะ
*อยู่แถวนี้ก็เดินมาทักเราดิ~~~~~

 
อ่านข้อความที่เขาส่งมาแล้วผมนึกออกเลย
ว่าเจ้าตัวต้องกำลังมองซ้ายมองขวาแล้วกลั้นยิ้มมองหาผมอยู่แน่ๆ
แค่นึกถึงท่าทางของเขาผมก็อารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว
 
*เปล่า
*มาซื้อเค้กให้น้อง
*ก็เมื่อกี้บอกว่าแยกกับเพื่อนแล้วก็ต้องอยู่คนเดียวดิ
*กำลังเดินผ่านฟู้ดคอร์ท
*เดี๋ยวขึ้นไปหา

 
*โอเคคค

 
เดินเข้ามาไม่นานผมก็หาเค้าเจอครับ บอกแล้วว่าคนๆนี้หาไม่ยาก
เขากำลังยืนจ้องสีอยู่อย่างจริงจังมาก
เห็นอย่างนั้นผมเลยเดินไปข้างๆ แล้วแกล้งเอาข้อศอกวางพาดไหล่เบาๆ
 
“อ้าว หวัดดี"
 
พอรู้ว่าผมมาถึง เขาก็หันมายิ้มให้ โบกมือทักกันนิดหน่อย จนผมต้องโบกมือกลับไป
 
โอ้ยย –น่ารักอีกแล้วว่ะ!
 
“ดูอะไรอยู่อ่ะ?”
 
“สีอะคริลิค กำลังคิดอยู่ว่าที่ห้องมีสีอะไรบ้าง แล้วงานที่จะทำต้องใช้สีอะไรอีก"
 
ผมเองก็ไม่รู้ว่า เวลาที่คนอื่นๆเค้าชอบใครเข้าสักคน เค้าจะมีรู้สึกแบบเดียวกับผมไหม?
ไอ้ความรู้สึกแบบ – ไม่ว่าคนที่เราชอบจะทำอะไรก็ตาม ท่าทางเหล่านั้นมันช่างน่าดูไปหมดทุกอย่าง
 
การเคลื่อนไหวธรรมดาๆที่เขาทำ
ไม่รู้ทำไม มันถึงได้ดูพิเศษไปหมด
 
ผมมองคนที่หันมายิ้มให้กันจนตาโค้งเป็นสระอิอีกครั้ง แล้วหันกลับไปยื่นมือหยิบสี -- สีอะไรวะ เขียวๆฟ้าๆอ่อนๆ
เออ! เรียกไม่ถูกเหมือนกัน -_-
 
แต่เขาก็หยิบสีขึ้นมาดู ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเพิ่มอีกหลอดนึงด้วยมือข้างเดียวกัน
 
เห็นอย่างนั้นผมก็เลยเอื้อมไปจับสมุดวาดภาพเล่มใหญ่ที่เขาอุ้มถือเอาไว้ด้วยมืออีกข้างนึง แล้วพูดเบาๆ
 
“ถือให้"
 
“ไม่เอา ถือได้!"
 
เขาพูดแล้วขยับตัวหนีนิดหน่อย แต่มือของผมก็ยังไม่หลุดออกจากสมุดเล่มนั้นอยู่ดี
 
“เหอะน่า"
 
“ไม่เอา เราไม่อยากกวน"
 
หน้ามุ่ยด้วย น่ารักว่ะ
หัวใจแม่งจะระเบิดแล้วเนี่ย!
 
“อะไรที่คนอื่นเค้าทำให้ด้วยความเต็มใจ เค้าเรียกว่ารบกวนได้เหรอ?"
 
ผมพูดแล้วขมวดคิ้วให้เขาไปทีนึง
แต่อีกฝ่ายดันเห็นหน้ายุ่งๆของผมแล้วยิ้มขำออกมา แถมยังไม่ยอมตอบอะไร
 
“ปล่อยเร็ว!"
 
ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้ มือที่ยึดสมุดเล่มใหญ่เอาไว้ยอมคลายออก ให้ผมดึงมันออกมาถือไว้เอง
ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงพู่กันอันเล็กๆสามสี่อันที่เขาหนีบเอาไว้ด้วยนิ้วมือมาถือไว้เองด้วย
 
“เห็นป่ะ พอว่าง 2 มือแล้วสบายขึ้นเยอะเหอะ”
 
“ยอมๆ ยังไงก็ ขอบคุณนะ" ^ ^
 
รอบที่สามแล้ว – หันมายิ้มให้กันเต็มๆแบบนี้สามรอบติดแล้ว
รู้ตัวมั้ยเนี่ย?
 
แล้วเขาหันกลับไปเลือกสีต่อครับ หยิบอันโน้นอันนี้มาเทียบกัน
สักพักก็หันมาทำหน้าเครียดใส่ผม แล้วพูดเหมือนจะบ่นกับตัวเอง
 
“ถ้าให้ช่วยเลือกต้องเลือกไม่ได้แน่ๆเลย"
 
ได้ยินอย่างนั้นผมก็หลุดขำอยู่ในคอ ก่อนจะพยักหน้าให้เขาแทนคำตอบ
 
“คิดถูกแล้ว”
 
สักพักเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้น พิมพ์ไลน์หาเพื่อนอยู่สักพัก ก่อนจะได้บทสรุป แล้วหยิบอันที่ตัดสินใจได้แล้วว่าจะซื้อขึ้นมา
ก่อนจะหันมาคุยกับผมอีกรอบ พร้อมๆกับเดินไปจ่ายเงินที่เค้าน์เตอร์
 
“จะซื้ออะไรเปล่า?”
 
“ไม่นะ"
 
“มาแล้วไม่ซื้ออะไร มาทำไมเนี่ย?”
 
เขาพูดพลางยิ้มออกมาเรื่อยๆครับ
ส่วนผมที่ได้ยินคำถามแบบนั้นของเขาก็ได้แต่ยิ้มมุมปาก
 
 
“ถามทำไม รู้คำตอบอยู่แล้วนี่”
 
 
ได้ยินอย่างนั้นเขาก็หันมามองหน้าผม ยู่ปากเข้านิดหน่อย
แล้วพูดออกมาเหมือนจะบ่นใส่กัน ก่อนจะหันหน้าหนีผมไปอีกทาง
 
“ยังจะทำหน้ากวนโอ๊ยอีก”
 
ผมมองท่าทางน่ารักๆของเขาแล้วก็ได้แต่ยิ้ม ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะยังไม่หันกลับมา
 
เขายืนหันหน้าหนีผมอยู่นิ่งๆแบบนั้น แล้วก็ไม่เปลี่ยนท่ายืนอีกแล้วครับ เหมือนจะมองๆอะไรสักอย่างอยู่
 
จนผมต้องยกมือขึ้นสะกิดต้นแขนเขาเบาๆ
 
"เห้ย—"
 
ยังไม่ทันได้พูดอะไร คนที่อยู่ตรงหน้าดันขยับตัวหลบ แล้วถามพร้อมกับขมวดคิ้วใส่ผมทีนึง
 
“อะไร?”
 
ยิ่งเห็นหน้าจริงจังของเขาผมก็ยิ่งขำ จนเจ้าตัวต้องหน้ายุ่งมากกว่าเดิม
 
“สะกิดกันแล้วไม่พูด อะไรอ่ะ?”
 
“ถึงคิวแล้ว จ่ายเงินเร็ว คนข้างหลังจะเอาหนังสือทุ่มแล้ว"
 
ได้ยินที่ผมพูดเขาก็ทำหน้าตกใจ หันไปส่งยิ้มขอโทษให้คิวถัดไป
ก่อนจะรีบก้าวไปประชิดเค้าน์เตอร์เพื่อ
จ่ายเงิน
 
จ่ายเสร็จเจ้าตัวเขาก็รีบคว้าถุงไปถือเลย หันมาขอโทษคนที่ต่อคิวอยู่ถัดไปอีกรอบ ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับกอดถุงก็อบแก็บใบใหญ่ที่ใส่เครื่องเขียนเอาไว้อย่างแน่น – สงสัยกลัวโดนแย่งถืออีก
 
“อายเค้าอ่ะ~~~~"
 
ออกมาปุ๊บเขาก็ร้องออกมาทันที...
หน้าเจื่อนๆของเขาทำเอาผมหลุดขำออกมาอีก
ขนาดเขาทำหน้างอผมยังรู้สึกถึงความสดใสของเจ้าตัวเลยอ่ะ
 
“ไม่เป็นไรหรอก ขอโทษแล้วนี่"
 
“นี่ก็ไม่เตือนกันเลย เงียบอยู่ได้"
 
คือตอนนี้ผมกำลังโดนบ่น แต่แทนที่จะเซ็ง ผมดันหัวเราะออกมามากกว่าเดิม
แถวนี้อาจจะมีคนป่วย -_-
 
“ขอโทษๆ ไม่เป็นไรหรอก คนข้างหลังเขาก็ดูไม่โกรธเท่าไหร่"
 
ผมพูดพลางยื่นมือออกไปแตะหน้าผากเขาเบาๆ แล้วขยี้ผมหน้าม้าสั้นๆสองสามที
ก่อนที่เขาจะตอบออกมา แล้วจัดผมยุ่งเหยิงให้เข้าที
 
“ช่างเหอะ ไม่ต้องขอโทษก็ได้ เราเหม่อเองแหละ นอนไม่พอแล้วเป็นอย่างงี้ประจำเลยอ่ะ"
 
“อืมๆ ส่งงานแล้วก็นอนพักเยอะๆ”
 
“อือฮึ"
 
แล้วเรา 2 คนก็เริ่มเดินต่อ ระหว่างที่ลงลิฟต์ไปชั้นล่าง ผมก็ถามเขาออกมา
 
“รีบกลับป่ะ?”
 
“ไม่อ่ะ"
 
“งั้น....ไปเป็นซุปเปอร์เป็นเพื่อนหน่อยดิ"
 
“ได้ๆ จะซื้ออะไรเดี๋ยวเราไปซื้อขนมด้วยก็ได้ จะได้ไม่ต้องแวะเซเว่น"
 
“ขนมอีกละ?”
 
“อืม!" ^ ^
 
ผมเคยบอกไปรึยังว่ายิ้มหวานติดขนมครับ
ด้วยคณะที่เขาเรียน เลยต้องนั่งทำงานข้ามวันข้ามคืนตลอด
แล้วพอดึกๆผมไลน์ไปหาทีไร คำตอบของเขาจะต้องมีเรื่องขนมติดมาด้วยทุกรอบ
 
ก็เข้าใจนะว่าทำงานดึกๆดื่นๆมันก็หิว
แต่ก็เป็นห่วงอยู่ดีว่ะ...
 
ผมหันไปมองคนที่ส่งยิ้มตรงมาทางผมอีกครั้ง
และรอยยิ้มนั้นทำให้คำพูดที่จะห้ามเขาเรื่องกินขนม เป็นอันต้องลอยหายไปไหนก็ไม่รู้
 
แบบนี้เค้าเรียกว่าแพ้ทางใช่ไหมวะ? -_-
 
“แล้วตกลงจะไปซื้ออะไรที่กูร์เม่ต์อ่ะ?”
 
“แม่ฝากซื้อของอ่ะดิ เยอะแยะเลย"
 
“อ๋อ...”
 
เขารับคำแค่นั้น ก่อนที่เราจะเดินด้วยกันไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต
ผมเดินนำไปหยิบตะกร้า ก่อนจะหาโทรศัพท์ เพราะว่ารายการของที่ต้องซื้อทั้งหมดอยู่ในนั้น
 
ว่าแต่ -- ตั้งแต่เจอคนตรงหน้านี่ ก็ยังไม่ได้หยิบโทรศัพท์ออกมาเลยนี่หว่า...
 
“อยู่ไหนวะ?”
 
ผมพูดพลางใช้มือข้างที่ว่างตบลงไปตรงกระเป๋ากางเกง
แต่ก็ไม่รู้สึกว่ามีโทรศัพท์อยู่ในนั้น อีกข้างก็เหมือนกัน
 
มองกลับมาอีกทีก็เห็นคนตรงหน้าส่งสายตามองมาที่ผม แล้วถามออกมา
 
“หาอะไร?”
 
"มือถือ ของที่จะซื้ออยู่ในไลน์"
 
คนตรงหน้ายืนมองผมหาของทั้งในกระเป๋ากางเกง กับกระเป๋าที่สะพายข้างอยู่สักพัก
ก่อนจะถามออกมาอีก
 
“ไม่เจอเหรอ?”
 
“ไม่เจอเลย ลืมไว้ไหนป่ะวะ?”
 
ผมพูดพลางทำหน้าครุ่นคิดเหมือนพยายามจะนึกให้ออกว่าโทรศัพท์มันไปอยู่ที่ไหน
ก่อนจะเห็นว่าคนตรงหน้าหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นเดียวกันกับของผมขึ้นมา แล้วปลดล็อค
 
“เอาเบอร์มา เดี๋ยวเราโทรเข้าให้"
 
ผมมองคนที่ปั้นหน้าจริงจังพูดกับผม ทั้งๆที่แก้มใสๆเรื่อสีชมพูขึ้นมานิดหน่อย
เขิน? เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะแกล้งต่อจริงๆ
“ขอเบอร์เหรอ?”
 
“ยังจะมีอารมณ์เล่น เร็วๆ เอาเบอร์มา ถ้าโดยขโมยไปนี่ โจรไปเปิดเบอร์ใหม่เสร็จไปแล้วมั้ง~"
 
ผมมองคนตรงหน้าที่กลั้นยิ้มแล้วพูดออกมายาวๆ ก่อนจะบอกเบอร์โทรศัพท์ตัวเองให้เขาไป
เขากดโทรออกแล้วเอาโทรศัพท์แนบข้างแก้มเอาไว้สักพัก
 
ก่อนที่เสียงสั่นครืดๆของโทรศัพท์ที่ผมปิดเสียงไว้ จะดังมาจากถุงขนมของยัยน้องสาวครับ
 
“เจอละๆ"
 
ผมพูดพลางหยิบโทรศัพท์ออกมา
 
“ดีนะไม่หาย - ถ้าหายล่ะยุ่งเลย”
 
สีหน้ายิ้มหวานของพูดคำนี้ออกมาดูโล่งใจมากจริงๆ
กังวลอย่างกับว่าเป็นโทรศัพท์ของเขาที่หายไป
น่ารักปะล่ะ?
 
ผมมองสบตาคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะโบกโทรศัพท์มือถือในมือไปมา แล้วพูดสั้นๆ
 
“เมมเบอร์นะ"
 
เขาฟังแล้วขมวดคิ้วนิดหน่อย ก่อนจะหรี่ตามองผม
สีหน้านั้นบอกว่า ตอนนี้คนที่โดนมองอยู่กำลังโดนคาดโทษว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์อยู่อย่างแน่นอน...
 
“อืม เมมดิ”
 
ผมหลุดหัวเราะเบาๆ ตอนที่ได้ยินคำตอบของเขา
ก่อนจะกดบันทึกเบอร์โทรเข้าล่าสุดลงไปในเครื่อง
 
“เราเมมด้วยนะ"
 
คำพูดของเขาทำให้ผมที่กำลังกดบันทึกเบอร์โทรศัพท์อยู่ต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง
 
และ -- ผมเห็นคนที่ได้แต่แอบมองมาตลอดระยะในเวลาหลายเดือนนี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้า
เขาไม่ได้มองกลับมา แต่กำลังก้มหน้าลง
เพื่อจะบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของผมลงไปในมือถือของเขา
 
ตอนนั้นเองที่นิ้วมือของผมกดเปิดกล้อง และถ่ายภาพตรงหน้าเอาไว้
พร้อมกับความรู้สึกอุ่นๆเคลือบหวานเบาๆที่เพิ่มขึ้นมาจนเต็มหัวใจ
 
อย่าคิดว่าผมจะเป็นพวกขี้อวดอัพรูปนี้ลงอินสตาแกรมให้ใครๆได้เห็นเหอะ
จะเก็บไว้ดูคนเดียว...
 
ผมหยิบตะกร้าที่วางลงไปบนพื้นข้างตัวขึ้นมา
ก่อนจะเดินกลับมายืนข้างๆคนที่ยังคงจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์มือถือ
เหมือนจะกำลังตอบไลน์อีกแล้ว
 
“เมมเบอร์ว่าอะไรอ่ะ?”
 
ผมถามขึ้นมา คำถามนั้นทำให้เขาหันมามองผม ก่อนจะพลิกโทรศัพท์ในมือให้คว่ำลงอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าที่ผมคุ้นเคยยกยิ้มส่งมาให้
 
“ไม่บอก – แล้วเบอร์เราอ่ะ เมมว่าไง?"
 
เขาตอบสั้นๆ และถามต่อระหว่างที่เราสองคนเริ่มเดินเข้าไปข้างใน
 
“ไม่บอก -- แลกกันดิ"
 
ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ทำหน้ามุ่ย แล้วก้มหน้าลงไปจดจ่อกับโทรศัพท์อีกครั้งระหว่างที่กำลังเดินไปด้วย
พอผมหันไปมอง เขาก็รีบหันจอมือถือหลบกันซะอย่างนั้น
 
“ไม่ได้จะดูเลย เดินดีๆ เดี๋ยวก็หัวทิ่มลงตู้หรอก"
 
ผมพูดพลางดึงแขนเสื้อให้เขาขยับเข้ามาใกล้ๆ
เมื่อกี้เกือบโดนเด็กวิ่งชนไปแล้วแต่ก็ยังไม่รู้ตัวเหอะ
 
“ไม่หรอกน่า ไปๆ ไปซื้อของเลย"
 
ผมมองคนที่ท่าทางมีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด
ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินไปหยิบนมพร่องมันเนยสองขวดใส่ในตะกร้าตามที่แม่สั่งมาในไลน์
 
ระหว่างนั้นก็แอบส่งสายตามองกลับมายังอีกคนเรื่อยๆครับ
หน้าตาเขามุ่งมั่นจนผมเริ่มจะตลก
 
พอเดินกลับมา เขาก็เงยหน้าขึ้นจากจอ แล้วบอกผมพร้อมรอยยิ้ม
 
“เอามาดูเลยว่าเมมชื่อเราไว้ว่าไง" ^^
 
ได้ยินแบบนั้นผมยิ่งเก็บรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่
ที่จริงจังอยู่เมื่อกี้คือเรื่องเมมชื่อเนี่ยนะ?
 
เขาพูดพลางกดเข้าไปในหน้าของรายการโทรออกล่าสุด แล้วเลือกโทรออกเบอร์ที่เขาเพิ่งโทรไปอีกครั้ง
ตอนนั้นเองที่หน้าจอโทรศัพท์ของเขาสว่างขึ้นมาเพื่อบอกว่า เจ้าของเครื่องกำลังโทรออกหาคนที่ชื่อ....
 
- เ จ้ า ข อ ง ชี ท -
 
ผมมองตัวหนังสือที่สว่างวาบอยู่ตรงหน้าแล้วได้แต่หัวเราะ
ก่อนโทรศัพท์มือถือในกางเกงของผมจะสั่นเตือนว่ามีคนโทรเข้า
ผมหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะชูให้คนตรงหน้าเห็น ว่าชื่อที่ผมจะใช้แทนตัวเขาตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปคือ
 
 
- ยิ้ ม ห ว า น -
 
 
แล้วผมก็ได้เห็น 'ยิ้มหวาน' อีกครั้ง หลังจากที่เจ้าตัวได้เห็นชื่อตัวเอง
คนตรงผมหน้ายิ้มเขินๆ ด้วยสีหน้าที่เหมือนจะคิดอะไรอยู่สักพัก ก่อนจะพูดออกมา
 
“นั่นชื่อเราเหรอ?”
 
อยู่ดีๆก็รู้สึกเขินจนทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาซะอย่างงั้นว่ะ
 
“ก็ใช่อ่ะดิ"
 
ผมตอบเขาสั้นๆก่อนจะเดินไปยังตู้แช่อีกครั้ง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมซื้อโยเกิร์ตอีกอย่าง
 
ระหว่างที่กำลังกวาดสายตาหาโยเกิร์ตแบบที่แม่ซื้ออยู่ประจำ
ผมก็รู้สึกได้ว่ามีคนเดินมาหยุดอยู่ข้างกัน
เขาหันมาส่งยิ้มให้ผมก่อน แต่รอยยิ้มนั้นดูไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่หรอก พูดตรงๆ
 
“นี่ -- เราถามจริง...”
 
“หือ?”
 
“ที่หามือถือไม่เจอเมื่อกี้นี่เนียนใช่มั้ย?”
 
พูดจบเจ้าตัวก็หรี่ตา ส่งสีหน้าจับผิดมาให้
ซึ่งผมดูๆไปแล้ว มันก็ไม่ได้จะร้ายกาจอะไรมากมายสักเท่าไหร่หรอก
 
“ไม่ได้เนียน หาไม่เจอจริงๆ"
 
ผมหันไปตอบเขา พร้อมกับยกมือขึ้นแล้วชูสามนิ้วยืนยัน
 
“ด้วยเกียรติของลูกเสือเลย ไม่ได้เนียนจริงๆครับผม"
 
“แน่ใจ?”
 
“มากๆ บอกว่าด้วยเกียรติของลูกเสือไง~"
 
“โอเค~ โอเค~"
 
พอเห็นว่าผมยืนยันถึงสองครั้งติดด้วยสีหน้าจริงจังเขาก็ไม่เซ้าซี้ต่อ
แต่รับคำด้วยคำพูดเฉื่อยๆ
 
“เราไปหยิบน้ำทับทิมแป้บนึงนะ"
 
พูดจบเจ้าตัวก็เดินผละจากผมไป แล้วไปหยุดอยู่หน้าตู้แช่อีกฝั่ง
 
ผมมองตามเขา และหยุดสายตาเอาไว้ที่แผ่นหลังใต้เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสีเข้มพับขึ้นมาเล็กน้อยเผยให้เห็นข้อเท้า และ รองเท้ารุ่นเดียวกับที่ผมมี
 
ก่อนจะต้องหลุดยิ้มออกมากับความคิดของตัวเอง
 
โรงเรียนอินเตอร์เค้าไม่เรียนลูกเสือกันนะยิ้มหวาน
ไม่รู้อ่ะดิ?
 
 
Tbc.
 
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 22-05-2015 19:52:05
(https://pbs.twimg.com/media/CARiUFyU0AAxVvR.jpg)


-7-
 

 
 
นานๆทีแก้งผมจะอยู่กับครบนอกห้องเรียนครับ (เอาจริงๆในห้องเรียนแม่งก็ไม่ค่อยครบหรอก -_- )
คือปกติแล้วมันจะต้องขาดสักคนล่ะวะ  ไม่คนใดก็คนนึง
แต่วันนี้มากันแบบครบทีม ผม ไอ้เบอร์1 ไอ้เบอร์ 2 และ ไอ้คุณโคนัน
 
พวกเรามาดูฟาสฯ7 กัน  และ กลับออกมาในสภาพที่ไอ้เบอร์ 2 มัน...ตาแดงเป็นเด็ก 5 ขวบ
มันร้องไห้เพราะจะได้ดูหนังของไอดอลของมันเป็นเรื่องสุดท้าย
ถามว่าผมเศร้ามั้ย ก็เศร้านะครับ ผมไปดูฟาสท์ฯ กับไอ้พวกนี้กี่ภาคแล้วก็ไม่รู้ แต่ก็ดูด้วยกันตลอด
แต่ความเศร้าของผมแม่งโดนได้เบอร์ 2 ปาดหน้าไป ตอนนี้ผมเลยต้องมาขำมันแทน
 
มันบอกว่ามันมาดูกับแฟนไปแล้วรอบนึงแต่ต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้
พอมาดูกับพวกผมเลยร้องออกมาจริงจังมากด้วยความอัดอั้นครับ
ร้องจนพวกผมเกือบไม่อินกับหนัง  แล้วมาอินกับการรุมหัวเราะเยาะมันแทน -_- 
 
ระหว่างที่กำลังหัวเราะไอ้เบอร์ 2 ที่เดินเบะปากออกมาจากโรงหนังในสภาพน่าสมเพชมาก
สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงกลุ่มนึง ผมมองอยู่สักพักก็แน่ใจว่านั่นแก้งเพื่อนยิ้มหวานนี่หว่า
 
ว่าแต่ -- เจ้าตัวหายไปไหน?
 
มองๆอยู่ไม่นาน ฝั่งโน้นเค้าก็เหมือนจะรู้ตัวเหมือนกัน เลยมองกลับมาครับ
ผมยิ้มมุมปากส่งไปให้แล้วยักคิ้วทัก พร้อมกับได้ยินเสียงไอ้เบอร์ 1 พูดออกมา
 
“เจ้าชู้นะไอ้สัด กูฟ้องยิ้มหวานแน่"
 
“เจ้าชู้เหี้ยไรล่ะ นั่นเพื่อนเค้า ทั้งแก้งเลย"
 
“อ่าว แล้วยิ้มหวานอ่ะ ไม่มาเหรอวะ?”
 
“ไม่รู้ดิ ตอนเย็นบอกกูว่าทำงานอยู่ที่ตึกคณะ"
 
“อ๋อ กูนึกออกละ กลุ่มที่เจอตอนไปกินเหล้าวันนั้นนี่หว่า"
 
“เออ ควายนะมึง แค่นี้ลืม”
 
พวกเราเริ่มคุ้นหน้ากันครับ เพราะวันก่อนผมกับเพื่อนๆเจอกลุ่มนี้ที่ร้านเหล้าพอดี ผมเลยได้คุยกับเพื่อนเขานิดหน่อยด้วย
เรื่องที่คุยก็ไม่มีอะไรนอกจากเรื่องของคนที่ไปเที่ยวกับครอบครัวเลยไม่ได้มากับเพื่อนๆเค้านี่แหละ
 
พอมองมาเห็นพวกผมปุ้บ เพื่อนคนเดียวกับที่ลากเขามาปล่อยทิ้งไว้ที่โต๊ะผมวันที่อ่านหนังสือก็เดินตรงมาเลยครับ
รองเท้าสูงมาก ท่าเดินก็โคตรจะดุ
 
“หวัดดีหมอ"
 
“อืม หวัดดี เพื่อนไปไหนอ่ะ?”
 
รีบถามเลยครับ -- ออกตัวว่าจะจีบเพื่อนเค้าแล้ว ไม่มีเก็บอาการแล้วนาทีนี้ -_-
 
“อ่าว มันไม่ได้ไปกับหมอเหรอ?” 
 
“ไม่ดิ เพิ่งดูหนังเพิ่งเสร็จเนี่ย"
 
“อ่าว!"
 
นาทีแรกผมงงครับ ว่าจะตกใจอะไร เห็นเขาขมวดคิ้วแล้วทำท่าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา ก้มหน้าก้มตาอ่านไลน์ เห็นอย่างนั้นผมเลยถาม
 
“มีอะไรเปล่า?”
 
“แป้บนึงๆ"
 
เขาตอบผมระหว่างที่กำลังพิมพ์ไลน์ไปด้วย สักพักก็เงยหน้าขึ้นมาตอบ
 
“ตอนแรกมันจะมากินข้าวกับพวกเรานี่แหละ เพิ่งออกจากตึกคณะกันเนี่ย แต่รถมันดันจอดอยู่อีกตึก เลยแยกไปเอารถ พวกเราจะไปเป็นเพื่อน มันก็บอกว่าไม่เป็นไร คือมันจอดที่นั่นประจำไง"
 
“แล้ว?”
 
“สักพักแม่งก็ไลน์มาบอกว่าไปไม่ได้แล้ว เราก็แซวดิ คิดว่าไปกินข้าวกับหมอ คือมันก็ตอบมาว่าใช่ แต่หมออยู่นี่ แล้วมันอ่ะ?"
 
อ่าว... อึ้งครับ
ไม่ใช่แค่ผม ทั้งเพื่อนผมเพื่อนเขานิ่งไปหมด
คือก่อนหน้าที่คุยกันผมก็ไม่ได้ถามอะไรมาก
เพราะเห็นว่าเขาอยู่กับเพื่อน แถมยังทำงานอยู่เลยไม่อยากกวน
 
“แป้บๆ เราโทรหามันแป้บ"
 
คือผมก็อยากจะไลน์ถามโทรหานะ แต่รู้สึกเหมือนนาทีนี้มันยังเป็นหน้าที่ของเพื่อนเขาอยู่
เลยได้แต่รอ
 
“ไม่รับว่ะ เมื่อกี้ไลน์มันบอกว่าไปกินข้าวกับหมอแถวสาธร"
 
“อ่าว...” ผมพูดเบาๆเหมือนกำลังคุยกับตัวเอง ก่อนจะพูดต่อ 
 
"คือ...ไลน์ถามบ้างได้มั้ยวะ? จะดูยุ่งเรื่องส่วนตัวมากไปป่ะ?”
 
อืม... – คือผมค่อนข้างแคร์เขานะ
ถึงจะบอกออกไปตรงๆแล้วว่าผมจีบเขา แต่ก็ยังไม่อยากจะกดดันจนเขารู้สึกอึดอัด
อยากให้ความสัมพันธ์ของเรามันเริ่มต้นขึ้นอย่างช้าๆแบบที่เราทั้งคู่รู้สึกสบายใจกับมันมากกว่า...
 
“เอาดิ ถามเลย"
 
“เออ กูว่าไลน์ถามเหอะ"
 
โดนยุจากทั้งสองฝั่งครับ
คือตอนนี้บรรยากาศแม่งดูอึดอัดกันมาก
 
ไม่รู้ดิ -- ในสายตาผม ยิ้มหวานดูไม่ใช่คนชอบโกหก
 
“เออ เป็นห่วงว่ะ"
 
ผมพูดออกมาเบาๆ ก่อนจะพิมพ์ข้อความไป
 
*ทำงานเสร็จยัง?
 
เขาตอบมาทันทีอ่ะครับ
เร็วมาก!
 
*เสร็จแล้ว
*กำลังกลับบ้านอ่ะ
 
*อือๆ

 
 
“บอกว่ากำลังกลับบ้าน"
 
ผมตอบออกไปตามข้อความที่อ่านมา
 ก่อนเพื่อนยิ้มหวานจะหน้าเครียดมากกว่าเดิม แล้วหันไปมองหน้ากันเองในกลุ่มแบบงงๆ
 
“แม่งแปลกๆ – คือปกติมันไม่ค่อยโกหกนะเว่ย แทบไม่โกหกเลย หมอแกใจเย็นนะ"
 
เขาพูดเหมือนพยายามจะปลอบให้ผมดูใจเย็นลง  ตอนนั้นเองครับที่เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังขมวดคิ้วมากขนาดนี้
 
คือตอนนี้ในใจกำลังมีความคิดสองอย่างที่ต่อสู้กันครับ
อันแรกดูแย่หน่อย – เขาอาจจะไปกับใครนอกจากผม ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็ไม่มีสิทธิ์โกรธหรอก
ทำได้แค่หึง หวง ห่วง เอออะไรประมาณนั้นแหละวะ -_-
อีกความคิดคือ เขาอาจจะกำลังอยู่ในอันตราย โดนลักพาตัวป่ะ? – อันนี้ก็นิยายเกิน
 
แต่โลกของยิ้มหวานก็ดูเหมือนจะมีแค่ เรียน ปั่นงาน นอน กินขนม เดินเล่น
ไม่น่าจะมีอะไรมากไปกว่านี้แล้ว
 
“คือไม่ได้โกรธ แต่เป็นห่วง ไปไหนวะเนี่ย?"
 
ผมพูดพลางรู้สึกว่ารอไม่ได้แล้วครับ เลื่อนมือถือไปจะกดโทรหาละ แต่เพื่อนเขาดันมาห้ามไว้ก่อน
 
“เอ้ยๆ เดี๋ยวโทรให้ เผื่อมันไปกับกิ๊กหมอจะได้ไม่เงิบ"
ยังจะหัวเราะร้ายใส่กันอีก -_-
 
ถ้าเขาไปกับคนอื่นจริง ผมก็คงเฟลอ่ะ แต่ที่รู้สึกไม่สบายใจอยู่ตอนนี้เพราะกลัวจะไปทำอะไรอันตรายมากกว่า
ไปไหนเนี่ย ดื้อเอ้ย!
 
เพื่อนเขาต้องโทรจิกอยู่ประมาณสามสี่รอบครับ กว่าอีกคนจะยอมรับสาย
พอรับปุ๊บ ผู้หญิงตรงหน้าผมก็ทำเสียงดุพูดลงไปทันที
 
“มึง – อยู่ - ไหน"
 
โหห -- ยิ่งกว่าแม่
 
“ไม่ต้องเลย ไม่ต้องมาโกหกกูเลย ไอ้หมออยู่ตรงหน้ากูเนี่ย"
 
“ว่าไง ตกลงมึงอยู่ไหน?”
 
“ไม่บอกความจริงกู ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องมามองหน้ากันเลยนะ เลิกคบ!”
 
หลังจากนั้นเขาก็เงียบไปสักพักครับ ทั้งผม เพื่อนผม เพื่อนเขาคนอื่นๆ กำลังยืนมองผู้หญิงคนนึง เอาโทรศัพท์แนบหู พร้อมกับปรับสีหน้าให้เครียดขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนดูลุ้นมากว่ะ
 
“ห้ะ?"
 
"แล้วทำไมไม่โทรบอกพวกกู?”
 
“ให้มันได้อย่างนี้สิ มึงห่วงพวกกูแล้วตัวมึงอ่ะ มึงอายุเท่าไหร่วะ มึงคิดได้แค่นี้ใช่มั้ย?"
 
ผมยืนมองเงียบๆครับ แต่เหมือนเพื่อนเขาจะโกรธขึ้นเรื่อยๆ
โหดชะมัด...
 
ปกติผมติดจะไม่ชอบพวกผู้หญิงบีบเสียงเล็กๆ แล้วร้องกรี้ดๆ
แต่คนตรงหน้านี่ไม่ใช่เลยครับ ยิ่งโกรธเสียงเสียงยิ่งเย็น เย็นชาขึ้นเรื่อยๆ
 
ลึกๆก็รู้สึกวางใจ เพราะยิ้มหวานใจดีอ่ะ ดีกับคนไปทั่ว
มีเพื่อนแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน....
 
“....ไม่! ทำไมกูต้องไม่โกรธมึง คุยกับไอ้หมอไป"
 
พูดจบก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผมซะดื้อๆ
 
"จัดการมันเลย แม่งรถเสียแล้วกลัวเพื่อนเป็นห่วง เลยนั่งรอช่างอยู่คนเดียวเนี่ย แล้วตรงนั้นก็โคตรมืด"
 
ได้ยินอย่างนั้นปั๊บผมก็ยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา สามทุ่มกว่าแล้ว
แล้วยังนั่งอยู่คนเดียวเนี่ยนะ?!
 
ผมรับโทรศัพท์มาแล้วรีบพูดลงไปอย่างรีบร้อน
แม่ง – น่าตีว่ะ!
 
“อยู่ไหน?”
 
“หมอ...เรา...”
 
“อยู่ไหน?” [/b]
 
เสียงพูดผมห้วนกว่าเดิม
เป็นห่วงนี่ โทษที
 
คือผมไม่ได้โกรธอะไรเขามากมายนะ แต่รู้สึกโมโหนิดๆเหมือนเวลาโดนยัยน้องสาวดื้อใส่ว่ะ
ประมาณนั้นมากกว่า....
 
“อาคารจอดรถอ่ะ"
 
“เดี๋ยวไปหา"
 
“ไม่เป็นไร ช่างจะมาแล้ว"
 
“จะให้โกรธจริงๆใช่มั้ย รออยู่ตรงนั้นเลย เดี๋ยวโทรหา แค่นี้นะ"
 
พูดจบผมก็วางสายแล้วคืนโทรศัพท์ให้เจ้าของไป เพื่อนเขารับโทรศัพท์คืนไป พร้อมกับถามสั้นๆ
 
“จะไปเอง?”
 
เพื่อนยิ้มหวานถามผมแบบนั้น ก่อนจะมองด้วยความไม่มั่นใจ
 
“อืม เห็นบอกว่าช่างจะมาแล้ว เดี๋ยวคงไปรอเป็นเพื่อนแหละ ผู้หญิงหลายๆคนอย่าไปเลย อันตรายว่ะ ตรงนั้นโคตรมืด"
 
“ไว้ใจแกได้ใช่ป่ะ?”
 
“มากโคตร สาบานเลย! เอาบัตรประชาชนไปเก็บไว้ก่อนเลยมั้ย?”
 
ผมพูดแล้วยิ้มมุมปากนิดนึงพร้อมยักคิ้ว แล้วทำท่าจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกางเกง พอเพื่อนเขาเห็นอย่างนั้นก็รีบยกมือขึ้นมาห้ามกัน
 
“พอๆ ตลกละหมอ รีบไปหามันเหอะไป" 
 
ผมรับคำ แล้วหันไปมองพวกเพื่อนๆที่มันแยกกันไปยืนรุมเยาะเย้ยไอ้เบอร์ 2 ต่อ ตอนที่ได้คำตอบแล้วว่าคนก่อเรื่องอยู่ที่ไหน
ผมบอกลาเพื่อนๆของเขา ก่อนจะแยกมาคุยกับพวกมันแบบที่เร็วที่สุด
 
เรื่องของเรื่องคือวันนี้ผมไม่เอารถมา โหนบีทีเอสแบบง่วงๆมาเรียนตั้งแต่เช้า
แล้วก็วางแผนไว้แล้วว่า จากที่นี่ไปคณะของคนที่รออยู่ นั่งวินมอ'ไซไปน่าจะเร็วที่สุด
เอารถยนต์ไปก็ติดเปล่าๆ  บอกลาพวกมันพร้อมขอบคุณสั้นๆเสร็จก็แทบจะวิ่งออกจากตรงนั้น
 
ผมเดินไปหน้าลิฟต์โดยเร็วที่สุด แต่ก็กดโทรศัพท์ต่อสายอีกคนไปด้วย รอไม่นานเขาก็รับ
เสียงหงอได้อีก
 
“ฮัลโหล...”
 
“อยู่คนเดียวใช่มั้ย?”
 
ผมกำลังลงลิฟต์แล้วครับ ไม่นานน่าจะถึง
 
“อืม...”
 
“แล้วรถเป็นอะไร"
 
“มันสตาร์ทไม่ติดอ่ะ เราก็ไม่รู้เหมือนกัน"
 
“อืม อย่าวางสายนะ กำลังรีบไป"
 
“อืม...”
 
ผมถือโทรศัพท์ที่ต่อสายเอาไว้ตลอด แล้วก็ถามเป็นระยะๆว่ายังอยู่ไหม
ก่อนจะวิ่งไปขึ้นมอ'ไซบอกว่าจะไปไหน แถมยังกำชับว่าขอแบบเร็วที่สุด
 
ขอบคุณพี่วินมอไซ – แทบพากูบินข้ามสี่แยกครับ
 
แป้บเดียวก็เข้ามาถึงที่ๆยิ้มหวานอยู่ แต่ยังต้องวิ่งจากประตูเข้าไปตรงที่จอดรถอีก
เหงื่อท่วมแล้วตอนนี้...
 
ยิ่งมาเห็นที่เขานั่งอยู่ก็ยิ่งโมโหครับ
ตรงนี้มืดมาก และรถเขาก็ไม่ได้เปิดไฟหน้าเอาไว้ด้วยซ้ำ
 
ฝ่ายนั้นเหมือนจะสังเกตเห็นผมก่อน เลยลงจากรถที่เปิดประตูทิ้งไว้แล้วยืนรอผมอยู่
พร้อมกับโบกมือให้มาแต่ไกลกับหน้าหงอยๆ
 
“เรา...เราขอโทษ"
 
คือผมก็อยากจะยิ้มแล้วก็บอกว่าไม่เป็นไรนะ
แต่อีกส่วนก็ยังรู้สึกแบบ – ถ้ามีปัญหาแล้วจะไม่บอกใคร ทิ้งให้ตัวเองอยู่คนเดียวแบบนี้
จะมีผมไว้ทำไมวะ?
 
“อืมๆ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว"
 
“อื้อ-- ไม่โกรธดิ”
 
“ไม่โกรธแล้วจริงๆ"
 
“แต่หน้ากับเสียงไม่ใช่เลย"
 
เหมือนเขายังจับน้ำเสียงได้ ว่าตอนนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ตรงนี้มืดมาก แต่ยังดีที่ไฟถนนที่ส่องเข้ามาก็ช่วยได้มาก
นึกขอบคุณที่มหาลัยอยู่กลางเมืองก็วันนี้...
 
“ขอโทษจริงๆ ทำให้วุ่นวายกันไปหมดเลย รู้สึกผิดว่ะ"
 
“ก็อย่าทำอีก"
 
“หายโกรธเราได้แล้วนะ -- นะะะ”
 
พูดจบเขาก็ขยับเข้ามาใกล้แล้วเลื่อนมือมาจับมือผมไปกุมเอาไว้แบบที่นิ้วทั้ง 5 ของเราประสานกัน
แล้วก็กระตุกแขนผมซ้ำๆ
 
ถามจริง เจอแบบนี้ใครจะยังโกรธต่อไหวอีกวะ?
 
“ใจเย็นๆ เราโอเคแล้ว เราไม่เป็นอะไร อย่าทำหน้างี้ดิ"
 
“ไม่ได้โกรธ – แค่ไม่ชอบที่ห่่วงคนอื่นจนไม่ห่วงตัวเองแบบนี้"
 
“อืม... ก็เพื่อนเราเป็นผู้หญิงหมดเลย ถ้าบอกพวกมัน มันก็ต้องมานั่งรอมืดๆแบบเรา อันตรายดิ"
 
“แต่ถ้าเพื่อนมา อย่างน้อยก็ยังเปิดไฟหน้ารถส่องให้ได้ อยู่หลายคนยังไงก็ปลอดภัยกว่าอยู่คนเดียวมั้ย?”
 
“...”
 
“แล้วเราอ่ะ? มีไว้ทำไม ทำไมไม่โทรบอก?”
 
เขาหน้ามุ่ยครับ คราวนี้เถียงไม่ออก...
ผมมองหน้าหงอยๆของเขาแล้วในที่สุดก็ใจอ่อน...ยกมืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ขึ้นไปขยี้ผมเขาเบาๆสองสามที ก่อนจะพูดต่อ
 
“โอเคๆ ไม่ดุละ ไปนั่งรอที่รถกัน"
 
ตอบรับผมเสร็จเขาก็ทำท่าจะปล่อยมือที่จับมือผมอยู่ -- แต่ใครจะยอมวะ?
 
แทนทีจะปล่อยให้นิ้วมือของเขาคลายออก ผมกลับจับมือแน่นเข้า
จนเจ้าของมือที่ผมกุมมือต้องหันมาหรี่ตาใส่ แต่ก็ยอมให้ผมจูงมือเดินไปหยุดพิงรถเขาเอาไว้
พอได้ที่ยืนเรียบร้อย เขาก็ยกมือถือขึ้นมาให้ผมดู
 
“ดูเพื่อนเราไลน์มาดิ"
 
*หมอมันฆ่าแกแน่
*ท่าทางมันโกรธมากว่ะ
*แผ่ออร่าดาร์คทำลายล้างสุดๆ
*เรียกรถพยาบาลเลยมึง
*ไม่ทันมีผัวก็จะโดนซ้อมซะละ
*เฮ้อออออ

 
ผมหลุดขำออกมานิดหน่อยกับสิ่งที่เพื่อนเขาส่งมา
ก่อนจะได้ยินเขาพูดขึ้น
 
“...ซะที"
 
“หื้อ?”
 
“ทำหน้าเหมือนเดิมสักที"
 
เอาจริงๆผมก็ไม่ค่อยรู้หรอกครับว่ากำลังทำหน้ายังไง
คือรู้สึกยังไงก็แสดงออกไปแบบนั้นป่ะวะ?
 
“แล้วเมื่อกี้หน้ายังไง?”
 
“หน้าแบดอ่ะ"
 
พูดถึงสีหน้าของผมแล้วขำนี่มันดีป่ะวะ?
 
“แบด? บี-เอ-ดี อ่ะนะ?”
 
“เปล่า -- หน้าเหมือนแบดแบดมารุอ่ะ ตัวสีดำๆที่บนหัวมีสามเหลี่ยมสามสี่อัน รู้จักป่ะ?"
 
ไอ้หัวแหลมๆที่ตาบนเป็นขีดตรงเนี่ยนะ?
คือผมก็มีน้องสาวที่ชอบซื้อของพวกนี้เป็นชีวิตจิตใจ โดนลากไปช่วยเลือกก็บ่อยอยู่เลยพอรู้จักบ้าง
จำได้ว่าไอ้ตัวนี้มันหน้าตากวนตีนผิดกับตัวอื่นๆอย่างเห็นได้ชัดครับ พอได้ยินชื่อก็นึกภาพขึ้นมาได้ทันที...
 
ระหว่างที่ผมกำลังขมวดคิ้วเข้ากับคำตอบที่ได้ยิน
เขาก็ส่งยิ้มมาให้ผมเจือเสียงหัวเราะ เห็นแค่นั้นผมก็ยอมแพ้
เอาวะ – ยอม...
 
“ปล่อยมือเราด้วย ไม่เนียน!”
 
พูดจบเขาก็ฉวยโอกาสดึงมือตัวเองออก ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มขำ
ทำไมน่ารักนักวะ?
 
เขาดึงชายเสื้อให้ผมขยับห่างออกมาจากรถ แล้วเปิดประตูออก
 
“เข้าไปนั่งดิ จะได้ไม่ต้องยืน เมื่อย~”
 
ได้ยินอย่างนั้นผมก็เข้าไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ แล้วก็รู้สึกว่าไอ้รถสวยๆยี่ห้อนี้แม่งเล็กชะมัด
เข่าจะชนอยู่แล้ว -_-
 
ก่อนอีกคนจะเดินอ้อมรถไปนั่งตรงที่นั่งอีกฝั่ง
 
“สักพักเดี๋ยวช่างก็มาแล้วมั้ง"
 
เขาพูดพลางยกมือถือขึ้นมา เหมือนจะไลน์บอกเพื่อนๆว่าผมถึงแล้ว
ก่อนจะหันมายิ้มให้กัน
 
“ร้อนอ่ะดิ เมื่อกี้วิ่งมาด้วย เหงื่อออกเต็มเลย"
 
พูดจบเขาก็ยกมือขึ้นมาพัดใส่ผม ก่อนจะขยับตัวไปหาอะไรก็ไม่รู้จากหลังเบาะ
แล้วหันกลับมากับน้ำขวดเล็กๆพร้อมทิชชู่เปียกที่เจ้าตัวเคยแนะนำให้ผมรู้จัก
 
“อ่ะ กินน้ำ เช็ดหน้า"
 
ถึงแม้เราจะเปิดประตูรถเอาไว้ทั้งสองฝั่ง แต่มันก็ยังร้อนอยู่ดีแหละครับ
ผมทั้งดื่มน้ำ เช็ดหน้าจนรู้สึกสดชื่นขึ้นนแล้วจริงๆ ก็หันมาหาคนข้างๆที่นั่งมองผมแล้วยิ้มขำๆ
 
เห็นหน้ายิ้มๆของคนที่ทำเอาคนอื่นเค้าห่วงกันไปหมด แล้วก็นึกอยากจะดุขึ้นมาอีก
 
“พูดจริงๆนะ แบบวันนี้ไม่เอาอีกแล้วนะ ยิ้มหวาน"
 
“อ...อื้อ รู้แล้ว ไม่ทำแล้วจริงๆ"
 
พูดจบก็ยิ้มอ้อนผมอีกยก
จะเล่นงานกันจนกว่าผมจะหมดทางสู้จริงๆสินะ
 
“วันที่ไปส่งกลับบ้านวันแรกบอกอะไรไว้จำได้ป่ะ?”
 
เขาเหมือนจะกำลังนึกอยู่นิดหน่อย แล้วก็หันมาพยักหน้าใส่ผม พร้อมเม้มปากเขินๆ
ผมบอกว่ากำลังจีบเค้าอยู่
 
“เวลาจีบคนอื่นอ่ะ ใครๆเค้าก็อยากโชว์แมนใช่มั้ย? -- เปิดโอกาสให้โชว์มั่งดิ"
 
“...”  ได้ยินอย่างนั้นเขาก็หันมามองผม ยิ้มให้ ก่อนจะหยักหน้ารับ
 
“ถ้าอย่างนั้น วันหลังมีอะไรต้องรีบบอกนะ บอกคนแรกได้ยิ่งดี โอเคปะ?”
 
“โอเคครับ" ^ ^
 
“...”
 
“เรื่องวันนี้ขอบคุณนะ"
 
“อืม – เต็มใจว่ะ"
 
“ก็รู้ว่าเต็มใจ อยากขอบคุณไม่ได้รึไง?”
 
“โอเค"
 
วันนี้จะไม่ยอมให้ผมชนะสักเรื่องเลยสินะ?
 
 
,
 
 
สักพักช่างก็มาถึงครับ  ดูๆเช็คๆไม่นานแล้วก็พบว่าปัญหาน่าจะเป็นที่แบตเตอร์รี่ เขาเลยจัดการให้มันใช้ได้ชั่วคราวไปก่อน แล้วพรุ่งนี้จะไปรับรถจากที่คอนโดมาเช็คดูอีกที
 
เอาจริงๆ เรื่องแบบนี้โคตรเกินความสามารถผมเลย
ถ้ารถผมเสียเหมือนกันก็คงต้องนั่งรอช่างแบบเขานี่แหละ -- สงสัยต้องไปหัดซ่อมรถบ้างแล้วว่ะ
 
ผมยืนดูพี่ช่าง 2 คน ช่วยกันทำโน่นทำนี่อยู่ไม่นาน ในที่สุดมินิคันจิ๋วของเขาก็กลับมามีชีวิตเหมือนเดิม
 
คนข้างๆผมขอบคุณพี่ช่างซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกระทั่งพี่เขาขับรถออกไป
ก่อนที่เขาจะได้หันกลับไปขึ้นรถ ผมก็ยื่นมือออกไปตรงหน้าเขาแล้วกระดิกนิ้วนิดหน่อย
 
เห็นอย่างนั้นเขาก็หันมามองหน้าผม แล้วขมวดคิ้วให้เหมือนจะถามว่า อะไร?
 
“เอากุญแจมา เดี๋ยวขับให้"
 
แว้บแรกที่เขาได้ยินผมพูดอย่างนั้น เจ้าตัวทำหน้าเหมือนไม่ค่อยแน่ใจ จนผมต้องพูดซ้ำ
 
“เหอะน่า นั่งรถที่เราขับกี่รอบแล้ว? เชื่อมือดิ!"
 
“ไม่ได้ไม่เชื่อ แต่รถเราเราขับเองก็ได้"
 
ได้ยินอย่างนั้นผมก็หันไปสบตากับเขา แล้วย้ำอีกครั้ง
 
“ก็อยากขับให้ -- อยากขับมินิสักครั้งในชีวิตมาตั้งแต่เด็กๆแล้วเนี่ย นะ...”
 
เขามองสีหน้าผม แล้วย่นจมูกใส่ ก่อนจะยอมยื่นกุญแจให้กันในที่สุด พร้อมกับบ่นออกมา
“ทำเป็นอ้อน"
 
ทนไม่ไหวว่ะ – ผมแอบทำท่าดีใจนิดนึง ก่อนจะเดินไปขึ้นรถบ้าง เพื่อจะพบว่า รู้สึกเหมือนเข่าจะชนพวงมาลัยยังไงไม่รู้
 
พอผมขึ้นมาเขาก็อธิบายคราวๆว่าอะไรอยู่ตรงไหน ก่อนที่ผมจะขับรถออกมาช้าๆ
พร้อมกับได้ยินเสียงคนข้างๆพูดขึ้นมาลอยๆ
 
“ถ้ารถดับกลางทางเราจะขึ้นแทกซี่กลับแล้วปล่อยให้คนขับเข็นรถต่อจนกว่าจะถึงคอนโดเรานะ"
 
ได้ยินที่เขาพูดแล้วผมก็หลุดขำออกมา ก่อนจะตอบกลับไป
 
“คนแถวนี้ไม่ใจร้ายหรอกน่า"
 
“ใครบอก? เราใจร้ายจะตาย"
 
ผมเหลือบมองเขานิดหน่อย ก่อนจะเห็นว่าเล่นโทรศัพท์อีกแล้ว จนต้องทัก
 
“ติดมือถือนะเราน่ะ"
 
“อือ แม่เราก็บ่น แต่เพื่อนเราไลน์กันทั้งวันอ่ะ บางทีก็แค่เข้าไปตามอ่านเฉยๆ ไม่ได้พิมพ์อะไรหรอก – คนแถวนี้ก็ติดพอกันเหอะ"
 
“ไม่เถียงครับ"
 
พอเขาพูดออกมาแบบนี้ผมถึงได้นึกออก
 
"เออใช่! ฝากตอบไลน์หน่อยดิ ไอ้พวกนั้นมันบอกว่าจัดการเรื่องรถเรียบร้อยแล้วให้รายงานด้วย มือถืออยู่ในกระเป๋ามั้ง"
 
จำได้ว่าหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วหย่อนลงไปในกระเป๋าถือนะ
 
“ได้ๆ งั้นเราขอเปิดกระเป๋านะ"
 
"เอาดิ รื้อก็ได้ ไม่หวง"
 
"ใครจะไปรื้อเล่า"
พูดจบเขาก็เปิดกระเป๋าผมแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะหันมาทำหน้ามุ่ยใส่
"มันล็อคอ่ะ"
 
“พาสเวิร์ด 2512ไลน์ก็เหมือนกัน”
 
“โอเค" 
 
แล้วเขาก็เงียบไปสักพัก ก่อนจะถามออกมาอีก
 
“เราต้องตอบกรุ๊ปไหนเนี่ย?”
 
คำถามของเขาทำให้ผมหลุดขำ ก่อนจะตอบชื่อกรุ๊ปออกไป อายปากเหี้ยๆครับบอกเลย
 
"กรุ๊ป หล่อสัดรัสเซีย"
 
“อันนี้อ่ะนะ...เจอละ"
 
“อืม ฝากบอกหน่อยว่าช่างมาทำรถเรียบร้อยแล้ว กำลังกลับละ"
 
“โอเค...”
 
เขาเงียบไปสักพักครับ ผมเองก็ไม่ได้มองเขาเลย
เพราะไม่คุ้นมือกับรถคันที่ขับอยู่เท่าไหร่ เลยต้องตั้งใจขับเป็นพิเศษ
 
“เพื่อนตอบมาละ ว่าอย่างนี้ – เออดีละ กลับบ้านดีๆนะมึง ดูแลยิ้มหวานของกูด้วย"
 
พอเขาอ่านมาถึงนี่ผมนี่หลุดปาก สัด! ออกมาเบาๆ จนเขายังขำตาม
 
“มีอีกๆอย่างนี้ – เดี๋ยวนี้คำพูดคำจามุ้งมิ้งนะไอ้เหี้ย อยู่กับคนน่ารักก็ต้องทำเป็นเปิดโหมดอ่อนโยน ตอแหลไอ้ห่า ผีเข้ามึงใช่มั้ยไอ้หล่อ"
 
เชื่อมั้ยครับ – สารพัดคำหยาบที่พวกผมพิมพ์กันในไลน์นี่
พอถูกคนข้างๆผมอ่านออกเสียง ทุกอย่างก็ดูเลวน้อยลงเกินครึ่ง
 
“หมดละ"
 
“ตอบดิ"
 
“ให้เราตอบว่าไงอ่ะ?”
 
“อะไรก็ได้ ตามใจ ตอบไปเลย"
 
“แน่ใจอ่ะ?”
 
“อืม...ตอบเลย!"
 
เขาเงียบไปอีกรอบครับ น่าจะตอบไลน์อยู่
จนผมต้องชวนคุยต่อ
 
“ยังไม่ได้กินข้าวเย็นอ่ะดิ?”
 
“เจอหน้าเราทีไรก็ชวนกินตลอดอ่ะ"
 
“ก็ไม่รู้จะถามอะไร วันหลังอยากให้ถามอะไรล่ะ?”
 
“นั่นดิ ก็ไม่รู้เหมือนกัน"
 
“หวัดดี วันนี้อุณหภูมิกี่องศาวะ โคตรร้อนเลย เปิดแอพดูให้หน่อย – พรุ่งนี้เอาแบบนี้ดีมั้ย?”
 
“บ้าดิ" เขาพูดพลางหัวเราะออกมา แล้วเลื่อนศอกมาจิ้มต้นแขนผม
 
"แต่ก็หิวจริงๆนั่นแหละ...”
 
เขาพูดออกมาสั้นๆ แล้วทำหน้ายู่ จนผมต้องหลุดขำก่อนจะถามต่อ
 
“อยากกินอะไรอ่ะ?”
 
“ไม่รู้ หิวนะ แต่ก็ดึกแล้ว"
 
“หิวก็กินดิ"
 
“ก็อยากกินอยู่ แต่วันก่อนใครแซวอ่ะ ว่าในรูปเราพุงป่อง"
 
ผมเองแหละครับ --  จะใครซะอีก -_-
ก็เขาไปออกงานมา แล้วใส่สูทแบบติดกระดุมคู่ แล้วเสื้อมันก็ป่องออกมานิดหน่อย
น่ารักดิ ผมเลยแซว จริงๆเพราะเห็นว่าเขาติดนิสัยกินขนมด้วยแหละ
 
ผมหัวเราะคำพูดของเขา ก่อนจะสรุปให้เสร็จสรรพ
 
“แยกหน้ามีโจ๊กร้านนึงอร่อยมาก เดี๋ยวแวะกินกัน"
 
“โอเค ถ้าได้ยินใครบ่นว่าเราอ้วนเราจะตี"
 
ได้ยินอย่างนั้นผมก็หลุดขำ แล้วปล่อยมือจากพวงมาลัยข้างนึง แล้วยื่นมาตรงหน้าเขา
 
“อ่ะ ตีเลย"
 
เขาตีมาจริงๆครับ หนึ่งทีเบาๆ
แปลกดีที่ผมโดนตีแต่กลับหัวเราะออกมาซะอย่างนั้น
 
,
 
 
ห้าทุ่มกว่าแล้วแต่ลูกค้าที่ร้านโจ๊กยังนั่งกันอยู่เยอะพอตัวเลยครับ ผมจอดรถเทียบฟุตบาทหน้าร้านแล้วเดินเข้าไปในร้านกับคนข้างๆ
 
สั่งโจ๊กเรียบร้อยเราก็เดินไปนั่งลงที่โต๊ะตัวนึงที่ว่างอยู่
ตอนนั้นเองที่คนตรงหน้าส่งโทรศัพท์คืนมาให้ พร้อมกับพูดออกมา
 
“ไม่หวงมือถือเลยเนอะ"
 
“หวงกับบางคน – ไม่หวงก็กับบางคน"
 
“แหวะ"
 
เขาพูดออกมาทันทีที่ได้ยิน พร้อมกับแลบลิ้นนิดหน่อย
น่ารักอยู่ดีนั่นแหละ
 
“แหวะอะไร เดี๋ยวเฮียแกก็เอากระบวยตักโจ๊กมาฟาดหรอก"
"เราไม่ได้แหวะโจ๊ก -- เราแหวะหมอนั่นแหละ ถ้าเฮียมองมา เราจะชี้หมอเลย"
"ครับๆ"
 
ผมไม่เถียงต่อ แล้วปลดล็อคมือถือ ตั้งใจจะเข้าไปดูในไลน์กรุ๊ปว่าคุยกันไปถึงไหน
เลื่อนย้อนขึ้นไปนิดหน่อย ผมก็เห็นสิ่งที่เขาพิมพ์ตอบที่เพื่อนๆผมพิมพ์มา
 
*เดี๋ยวนี้คำพูดคำจามุ้งมิ้งนะไอ้เหี้ย
*อยู่กับคนน่ารักก็ต้องทำเป็นเปิดโหมดอ่อนโยน
*ตอแหลไอ้ห่า
*ผีเข้ามึงใช่มั้ยไอ้หล่อ
 
*นี่ไม่ใช่หมอ
*นี่โจรขโมยไอโฟนหมอครับ
* ^ ^

 
*โอ๊ย  อิจฉาแม่ง
*ขนาดไลน์มึงยังไม่ตอบเองนะเดี๋ยวนี้

 
และคำด่าอื่นๆตามมาอีกมากมาย...
 
ผมมองคนที่นั่งยิ้มทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่ตรงหน้า
แล้วหรี่สายตามองคาดโทษ
 
แสบนักนะยิ้มหวาน
 


 
tbc.
 


 
❤ ❤ ❤


talk
พอบอกว่าจะลงให้ได้วันละตอนก็ไม่ได้ลงซะงั้น
ช่วงนีชีวิตเราตะกุกตะกักนิดหน่อยค่ะ คือน้องแมคบุ๊คเราป่วย
นางเปิดไม่ติดไปซะอย่างนั้น เธอไปไม่ลาสักคำ...ไม่ทันได้เตรียมใจ -_-
จริงๆดับหลายวันแล้ว ที่ร้านบอกคีย์บอร์ดตายค่ะ รอของมาส่งอยู่ โถ่ถัง
เราเลยต้องขโมยคอมน้องลง อาจจะหายแว้บๆ เป็นระยะน้า

อีกเรื่อง มีคนถามเรื่องชื่อตัวละครกันมาเยอะมากเลย : )
ตอนแรกว่าจะไม่บอก ให้เดากันไปเรื่อยๆว่าจะมีชื่อตัวละครมั้ย
เรื่องของเรื่องคืน เราเริ่มเขียนเรื่องนี้ ด้วยความตั้งใจจะเขียนเป็นเรื่องสั้นตอนเดียวจบค่ะ
เขียนไปเขียนมาติดใจ เลยเขียนต่อเรื่อยๆ (ตอนนี้สิบตอนแล้วค้าบบบ)
แต่เราก็ไม่อยากเปลี่ยน concept ที่เราคิดไว้ตอนแรก ว่าตัวละครจะไม่มีชื่อค่ะ
เรื่องมันเลยออกมาเป็นแบบนี้ ซึ่งเราว่ามันก็นา่รักดีนะ  : )
รึเปล่า?
แล้วก็ ในเนื้อเรื่องบอกเอาไว้แล้วด้วยค่ะ
ว่าทั้งสองคนได้ผ่านการ 'ส่อง' กันและกันมาก่อนหน้าที่จะเจอได้คุยกันแล้ว
แสดงว่าก็ต้องรู้จักชื่อกันอยู่แล้ว ใช่มั้ยล่ะะะ

ดังนั้น ด้วยเกียรติของเนตรนารีขอสัญญาว่า
เด็กสองคนนี้จะไม่มีชื่อไปจนจบเรื่องค่ะ : )


ขอบคุณที่รักเจ้าสองคนนี้มากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: pimBNY ที่ 22-05-2015 20:55:17
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 22-05-2015 21:12:23
ชื่อมีไม่มีไม่สำคัญอย่างนี้ก็น่ารักดีแล้ว หุบยิ้มไม่ลงอ่ะ :-[
ปล.เราจิ้นเป็นหมอแมนกับพี่อินไปละ  :laugh:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 22-05-2015 21:27:04
แอร๊ยยยยรออ่านทั้งในเด็กดีและในเล้าเป็ดนะคับ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 22-05-2015 21:36:23
อิหมอ อิตอแหล คนเจ้าเล่ห์
ยิ้มหวานน่าจะเมมว่า
คนเจ้าเล่ห์ เนาะ
น่าจะเหมาะกับอิหมอมันดี
 :m26:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: My_yunho ที่ 22-05-2015 21:37:20
คือยิ้มไม่หุบเลยอ่ะ

น่ารักกันมากๆๆๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: pajajahaha ที่ 22-05-2015 21:54:04
น่ารักกกก รักกันเบาๆ o13 :laugh:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 22-05-2015 22:05:54
โอ๊ยมันน่ารักมุ้งมิ้ง ไม่มีตอนไหนที่อ่านแล้วไม่ยิ้มอ่ะ
ไปหารูปน้องอินมาประกอบการจิ้นยิ้มหวาน ฟินสุด
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: saruwatari_guy ที่ 22-05-2015 22:08:23
โอ้ยน่ารัก ยิ้ทหวานน่ารักโคตรรรรร
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: brave ที่ 22-05-2015 22:13:52
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 22-05-2015 22:17:23
ไม่ต้องมีชื่อ
มีแค่'ยิ้มหวาน'กับ'หมอ'ก็พอแล้ว
        :impress2:
ยิ้มหวานเป็นโจรขโมยมือถือที่น่ารักที่สุดในโลก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 22-05-2015 22:18:39
โอ้ย! คือน่ารักมากอ่ะคู่นี้ งื้อ~ >o<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 22-05-2015 22:20:47
นับวัน "ยิ้มหวาน" ยิ่งน่ารักขึ้นทู้กวัน  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: mickymod ที่ 22-05-2015 22:34:46
 :-[ :-[ :-[ อ่านไปยิ้มไป ปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว

น่ารัก มุ้งมิ้งมากๆ ฟินไปแปดตลบ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 22-05-2015 22:41:22
ชื่อไม่ใช่ปัญหาละตอนนี้  น่ารักฟรุ้งฟริ้งขนาดนี้ น้ำตาลขึ้นสูงมาก อนาคตอาจจะเป็นเบาหวานได้   :laugh:   :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: ao16 ที่ 22-05-2015 22:53:44
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 22-05-2015 23:06:25
เลอค่านัก ฟิคที่ไม่มีชื่อตัวละครเลยสักตัว 5555  ชอบๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 22-05-2015 23:07:36
 :กอด1:
ไม่เคยฟินกะเรื่องไหนมากเท่าเรื่องนี้มาก่อนเลย :hao7:
แต่งเป็นเรื่องยาวอะดีแล้ว  เราตามอยู่ๆ
ชอบมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: mynamejnkf ที่ 22-05-2015 23:13:01
โอ้ย เขิน ทำไมยิ่งอ่านยิ่งเขิน จิกหมอน

พลังทำลายล้างด้วยรอยยิ้มของหนูสูงมากลูก

ทีหลังอย่าทำอีกนะคะยิ้มหวาน ถ้าทำจะให้พี่หมอจับทำภรรยา #โดนถีบ

มาต่อเร็วๆนะจ้ะ เรารออ่านนิยายเรื่องนี้ทุกวันเลย

กระวนกระวายอยากเจอยิ้มหวาน

 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 22-05-2015 23:34:35
อ่านแล้วยิ้มจนตาเป็นสระอิ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-05-2015 23:50:33
อร๊ายยย. น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 23-05-2015 00:09:57
ยิ้มหวานนนนน~น่ารักกกกมากกกกก... อิจฉาอีหมอเจ้าเล่ห์  :ruready
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 23-05-2015 00:16:10
โอ้ยเขินนนนนนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: .hnk ที่ 23-05-2015 00:18:29
Smile สมชื่อเรื่อง อ่านแล้วยิ้มตามเลยจริงๆ
น่ารักมาก -///-
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: rainbowbim ที่ 23-05-2015 00:27:28
มุ้งมิ้งน่ารักสุดดดด  :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 23-05-2015 00:54:09
ยิ้มหวานนนนนนน ฮักเจ้าจุงงงงงงง
น่ารักมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมวมากค่ะ
มันกร๊าวใจ เป็นนิยายที่ไม่น่ามีตอนจบ
แต่งไปเรื่อยๆจนกว่าจะแต่งงานกันเลย อิอิ
 :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 23-05-2015 01:06:40
พรุ่งนี้คงต้องไปรับยา "เบาหวาน" เสียแล้วเรา หวาน มุ้งมิ้ง กันเชียว ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 23-05-2015 01:40:17
อ่านทุกตอนกรี๊ดทุกตอน น่ารักมากๆๆๆๆ ฟินฟุดๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 23-05-2015 03:20:04
ยิ้มหวานมีหมอแล้วมีไรก็ต้องบอกนะอย่าใหัเป็นห่วง น่ารักๆ
หมอใกล้สมหวังแล้วนะเนี่ย เพื่อนๆ กลุ่มหมอนี่ฮาทุกคน

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: ☾❤Nyanpire❤☽ ที่ 23-05-2015 07:12:43
 ชอบเพื่อนหมอเวลาแซวตลกดี 5555
เรื่องน่ารักมากกกกกกกก อ่านไปยิ้มไป
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: BaZkon ที่ 23-05-2015 07:50:06
ไม่มีชื่อไม่เป็นไร แค่ไม่ม่าก็พอ เราโอเค :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 23-05-2015 08:55:15
น่ารักอ่าาาา เอาอีกๆๆๆ เฮ้อออ รอตอนต่อไป อยากเห็นยิ้มหวานโดนรุกหนักกว่านี้ เขินทำไรไม่ถูก อยากเห็นยิ้มหวานงอน5555 ข้าแพ้ทาง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 23-05-2015 08:57:40
ฮือวววว์ เขิลลลลน์ :ling1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: rp.ppch ที่ 23-05-2015 09:10:42
โอ้ยยยยยย ตามอ่านทันแล้วววว
คือ อิหมอ แก อ่อยมาก พูดเลย นี่ก็สงสัยตอนแกลุกออกจากร้านกาแฟไป
มันร้ายเว่ย เอ้อแต่ชอบ สิบแต้มให้หมอเลย555555555
เราเข้าใจฟีลแบบนี้อะ แบบทำบังเอิญไปเจอ เดินผ่าน
ไปในที่ๆเขาไปบ่อยๆ แอบมองเขา แอบยิ้ม โหย อ่านนี่แล้วคิดถึงเลย
อ่านแล้วยิ้มอีก นี่ก็เขินอีก นอนอ่านบนเตียงเขินจนนอนบิดผ้าห่ม-////- บ้าเอ้ย

น่ารักอะตอนบุกมาหาตอนรถเสีย ไม่เอาแบบวันนี้แล้วนะยิ้มหวาน...... โอโหย T.....T
 :o8: :o12: :o12: :man1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 23-05-2015 09:43:43
คุณkipuuu เรียนอินเตอร์ป่ะคะ ที่นั่นมะมีเนตรนารีนะ ;p
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 23-05-2015 09:52:54
อะไรกัน มุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง สุดดดดดดด
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-05-2015 10:30:18
 :impress2:


ได้(คบ)กันเร็วๆ น่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: duckduckk3 ที่ 23-05-2015 10:43:36
ไม่มีชื่อเรื่องก็น่ารักอยู่แล้วววววว ><

ขำอิหมอที่เนียนขอเบอร์อ่ะ แกนี่มันเนียนจริงๆนะ 55555555555
ยิ้มหวานทำให้อิหมออดโชว์แมนเลยยยยย
แต่ตอนแรกคิดว่าอิหมอจะไปซ่อมรถให้นะ โถ่วววววววว

ปล. พี่กีปูว์มาอัพไวๆนะค๊าาาาา
อยากอ่านยิ้มหวานกับเจ้าของชีททุกวันเลยยยยย ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 23-05-2015 10:56:50
ไม่มีชื่อแต่น่ารักกกกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 23-05-2015 11:56:54
ขโมยยิ้มหวานกลับบ้านได้มั้ย ฮือออออ
น่ารักเกินไปแล้ว
 :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: ykkshj ที่ 23-05-2015 12:02:07
 :katai1: :katai1: งื่ออออออออออ ฟินจนจิกหมอนขาดไปหลายใบแล้วค่ะ ㅠㅠㅠㅠㅠ หมอดีอะไรขนาดนี้ ยิ้มหวานก็น่ารักมาก><
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 23-05-2015 12:18:12
หวานอ่ะ :ling1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 23-05-2015 13:35:01
แอร้ยยย ฟินมากกกก น่ารักสุดๆ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: BoJuNg ที่ 23-05-2015 15:17:50
พี่คะะะะะะ

ใช่ที่แต่งฟิคยุนแจหรือเปล่าาาาาาา :z1: :z1:


คือพุ่งเข้ามาเพราะชื่อยูส  :katai5:

แล้วสำนวนประมาณนี้เลยยย

ถ้าใช้ขอจับมือหน่อยค่าาาา :heaven :heaven

หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 23-05-2015 15:42:55
สิบแต้มให้หมอ บอกตรงๆ ว่าไม่ทันหมอเช่นกัน นึกว่าหายจริง 55555555555555555

ความเขินสิบแต้ม ความฮาสิบแต้ม ความดุของหมอร้อยแต้ม อาไปโลยย ยิ้มหวานนี่อย่างจ๋อย  :m15:

*กอดปลอบ*  :man1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 23-05-2015 16:36:28
โอ๊ยยยย หมอดูแลยิ้มหวานดีเนอะ  แอบอิจ ฮ่าๆ  :hao6:
มาต่อไวๆนะฮะรอออ   :')
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 23-05-2015 16:44:16
 :heaven :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: barbiehateken ที่ 23-05-2015 16:57:44
กรี๊ด มาสองตอนเบิ้ลลลล แปลว่าตอนใหม่ใกล้จะคลอดแล้วอะสิ  :hao7:

ชอบตอนยิ้มหวานจับผิดอะ  :ruready ดูแบ่บ.. นี่พยายามจะตามให้ทันหมอแล้วนะ
แต่ยิ้มหวานมันคนซื่ออออ

ชอบหมอตอนจะทิ้งบัตรประชาชนไว้ที่เพื่อนยิ้มหวาน 555555555555
ดูแบบ เอาสิ เอาเลย จริงใจที่สุดละนะ

ขำตรงเข่าหมอจะชนพวงมาลัย ยิ้มหวานไม่ไล่ให้หมอไปนั่งขับจากเบาะหลังไปเลย 555555

อันนี้ก็ชอบ 55555555555555555555
“แหวะอะไร เดี๋ยวเฮียแกก็เอากระบวยตักโจ๊กมาฟาดหรอก"
"เราไม่ได้แหวะโจ๊ก -- เราแหวะหมอนั่นแหละ"

เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆ มาไวๆนะ สู้นะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 23-05-2015 19:50:22
ยิ้มหวาน ยิ้มหวานนนน  :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 23-05-2015 20:14:28
น่ารักเกิ้น
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: rayjikung ที่ 23-05-2015 21:51:35
ถึงไม่รู้ชื่อ แต่อิมเมจในหัวตอนนี้เป็นหมอแมนกับอินขาไปละอ่า  :z1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 23-05-2015 21:53:16
ชอบการนำเสนอของคนเขียนจัง
การที่ตัวละครแต่ละตัวไม่มีชื่อ ทำให้น่าสนใจดี
เวลาอ่านที่หมอหล่อไลน์คุยกับเพื่อนยิ่งตลก
อ่านแล้วมันใช่ฟิลเวลาคุยไลน์กับเพื่อนเลย
ชอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: idemonize ที่ 23-05-2015 21:54:28
มาต่อเร็วๆน้า   o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: ketekitty ที่ 23-05-2015 22:19:23
อ่านแล้วยิ้มแก้มแตกเลย น่ารักมาก :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 24-05-2015 01:00:25
โอ้ยยยยยไม่มีชื่อก็ดีไปอีกอย่าง ตอนอ่านไม่รู้สึกขาดๆหายๆเลย แบบมีแต่ฉากเขินๆให้ลืมเรื่องชื่อไปเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 24-05-2015 13:46:26
กรี๊ดดดด น่ารัก >///<
ทำไมเราเห็นภาพเป็นพี่อินกับพี่หมอแมนก็ไม่รู้ โอ๊ยยยย กำเดาจะไหล 5555
 :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: pimBNY ที่ 24-05-2015 13:51:50
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
รอๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 24-05-2015 13:53:55
 :jul3:โอ๊ยฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมวมากค่า
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: CheeRss ที่ 24-05-2015 17:37:06
 :katai5: อรั๊ยย รอนะคะ จุ๊บๆๆ  :-[ ฟินนน อมยิ้มทุกตอนเลย   :m3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 25-05-2015 01:31:28
 :o8:  มุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริง  ฉึกฉัก ฉึกฉัก ปู๊นๆ ดี๊ดี  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 25-05-2015 02:25:42
งื้อออ น่ารักอ่ะ
เขิลแทนยิ้มหวาน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: dekeepstar ที่ 25-05-2015 14:54:52
หลงรักเรื่องนี้แบบถอนตัวไม่ขึ้น
อ่านไปยิ้มไปอยู่คนเดียว
มันน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
น่ารักแบบธรรมชาติ
ขอบคุณนะคะ ที่แต่งเรื่องน่ารักๆอย่างนี้มาให้ได้อ่าน
: D
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 25-05-2015 16:55:40
หู้ยยยยยยยย
เขินแรงมากกกกกก
รู้สึกอยากโดนจีบบ้างอะไรบ้าง 55555555

 :-[

อ่านไปยิ้มไปทุกตอนเลยค่ะ ฮือออ มันน่ารักมาก
ยังยืนยันคำเดิมเหมือนกันว่าเราชอบที่นิยายเรื่องนี้ไม่มีชื่อตัวละครแหละ
เรารู้สึกว่ามันเป็นเสน่ห์ของเรื่องนี้เลยนะ :'))
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: Maps ที่ 25-05-2015 18:17:03
ตามยิ้มหวานมาถึงในเล้า
รักยิ้มหวานของหมอมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 25-05-2015 21:13:14
มาร๊ออออออออ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: GlassesgirL ที่ 26-05-2015 10:23:38
ตามอ่านทันแล้ว น่ารักมากๆ อ่านไปยิ้มไปตลอด
หมอแรกทำเป็นไม่สนใจแต่ในใจนี่นะ 5555
ยิ้มหวานน่ารัก ดูท่าทางจะเริ่มชอบหมอด้วยแล้วล่ะสิ
เขินตัวบิด ฟินตัวงอเลยค่ะ 5555 ชอบมากน่ารักมากค่ะ :impress2:
รอตอนต่อไปนะคะ

 :mew1: :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 26-05-2015 11:07:28
ตั่ลล๊าคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค
อยากมีแฟนเป็นเด็กถาปัตย์ หืดหาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: Gibbie Zuza ที่ 26-05-2015 11:12:13
 :o8:ฟินกันไป
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 26-05-2015 11:24:47
อิมเมจตัวละครที่แว้บมาในหัวคือหมอแมนกับอิน
 :-[
น้องสาวหมอชื่อมีน(ใช่มั้ย?)ด้วย เลยสมมติ(เอาเอง)ว่าหมอชื่อแมนละกัน :laugh:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 26-05-2015 12:55:39
(http://i1300.photobucket.com/albums/ag93/kipuu/8_zpsptcwzrtl.jpg)
❤ ก่อนอ่านนิยาย เรามีเพลงมาฝาก เป็นเพลง ฝันรึเปล่า เวอร์ชั่นไลฟ์ค่ะ
กดตรงหัวใจเลย  [❤] (https://www.youtube.com/watch?v=6II6aUFXJtw)




- 8 -

 


 
“เย็นนี้ว่างป่ะ"
 
คำถามของผมทำให้คนที่นั่งทำหน้าเครียดอยู่กับแม๊คบุ๊คแอร์ต้องเงยหน้าขึ้นมามอง
เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะส่ายหน้าให้ผมเป็นคำตอบ
 
วันนี้เป็นวันเสาร์ - และเรานั่งกันอยู่ที่ร้านกาแฟตรงมุมเดิม
 
“ต้องไปงานวันเกิดเพื่อนม.ปลายอ่ะ มีไรเปล่า?”
 
เขาถามผมกลับ พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบป็อกกี้คุ้กกี้แอนด์ครีมที่วางอยู่ใกล้ๆขึ้นมา
กินขนมอีกแล้วครับ -_-
 
“ไม่มีอะไรหรอก"
 
“อ่าว? ไม่มีอะไรแล้วถามทำไม?"
 
เขาถามพร้อมขมวดคิ้วใส่ผมนิดหน่อย
พอเห็นหน้าตาอย่างนั้นแล้วผมก็รู้สึกหมั่นเขี้ยวขึ้นมา เลยยื่นมือไปหยิบกล่องป๊อกกี้ของเขามาวางไว้ใกล้ๆตัวเอง แล้วยักคิ้วให้
 
“เย็นนี้ต้องไปซ้อมร้องเพลงอ่ะดิ นึกว่าว่างจะชวนไปด้วย"
 
“ร้องเพลง...อ๋อ!”
เขาพูดพลางทำหน้าเหมือนกำลังใช้ความคิด ก่อนจะยิ้มออกมานิดๆตอนที่นึกออก
 
“กับชมรมโฟล์คไง"
 
“อือๆ นึกออกละ"
 
คนตรงหน้าตอบออกมาสั้นๆ ก่อนจะพยายามหยิบป๊อกกี้ที่วางอยู่ข้างๆผมกลับไป
แต่พอเขายื่นมือออกมา ผมก็ดึงกล่องป๊อกกี้หนี แล้วมองสบตาพร้อมยักคิ้วให้คนที่นั่งทำหน้ามุ่ย
 
“เอามา -- จะกิน~”
 
“วันจันทร์ไปป่ะ?”
 
ผมถามพลางหยิบป๊อกกี้ออกมาอันนึง แล้วส่งไปให้ แต่พอเขายื่นมือออกมาจะรับ ผมก็ก่อนดึงมือหนี
นั่นทำให้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมต้องทำหน้ามุ่ยเข้าไปใหญ่
 
“ไม่ไปแล้ว! เอาขนมเรามา~~"
 
“ไม่ไป ไม่คืนอ่ะ"
 
ผมพูดพลางหัวเราะออกมาเบาๆ ทนไม่ไหวแล้วว่ะ – น่ารักมาก!
 
“ซื้อใหม่ก็ได้!”
 
“อ่ะๆๆ"
 
ผมพูดพลางยื่นป็อกกี้อันที่ยังอยู่ในมือไปให้เขาตรงหน้า แต่พออีกฝ่ายยื่นมือมาเพื่อจะหยิบมันไป ผมก็ดันดึงมือหลบ ก่อนจะหยุดมือเอาไว้ตอนที่ขนมเจ้าปัญหานี่อยู่ใกล้ๆริมฝีปากของเขา ผมแตะเนื้อครีมรสนมลงไปที่ริมฝีปากของเขาเบาๆ
 
นั่นทำให้เขาทำหน้าบึ้ง ก่อนจะอ้าปากรับขนมไปคาบไว้ พร้อมกับยกมือข้างนึงขึ้นมาจับข้อมือผมไว้แน่น
ส่วนมืออีกข้างของเขาก็ชูนิ้วชี้กับนิ้วกลางขึ้นมา แล้วฟาดลงบนแขนผมดังเพี๊ยะ
 
ถามว่าเจ็บมั้ย – ก็แค่มีรอยแดงๆ 2 รอยคู่ขนานกันขึ้นมาผมแขนผมเลยอ่ะ
คิดดูดิ...
 
“นี่แน่ะ!! -- สมน้ำหน้า"
 
เขาพูดพลางเอาป๊อกกี้ที่แหว่งไปแล้วชี้หน้าผม ก่อนจะยื่นมือมาหยิบกล่องขนมของตัวเองกลับไป
แล้วกอดมันเอาไว้แน่นราวกับสมบัติล้ำค่า พร้อมกับส่งสายตาหวาดระแวงมาให้
ซึ่ง...น่ารักโคตร
 
“ตกลงวันจันทร์ไปนะ"
 
“ไม่ไป...”
 
“โถ่ ใบหน้างามๆไม่น่าใจดำเลยแก้วตา"
 
ผมแค่พูดออกมานะ ยังไม่ถึงขั้นร้องเป็นเพลง
ซึ่งผมได้เพลงนี้มาจากไอ้เบอร์ 1 ครับ อยู่ดีๆมันก็เอามาโพสหน้าวอล แล้วแทคเพื่อนเป็นสิบ
ผมเองก็เผลอกดฟังไปด้วย ฟังแค่รอบเดียว เล่นเอาติดหูไปซะอย่างนั้น
 
แต่ได้ผลด้วยว่ะ ริมฝีปากสีส้มอ่อนๆที่กำลังคว่ำลงหลุดยิ้มมุมปากตอนนิดหน่อยตอนที่ผมพูดเนื้อเพลงลูกทุ่งรุ่นเก่าออกมาอย่างหน้าตาเฉย จนผมต้องพูดต่อ
 
“ไม่ไปจะให้ประธานชมรมโฟล์คอุ้มมาผูกไว้กับเวที"
 
ไอ้ประธานชมรมโฟล์คนี่เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนผมเองครับ แล้วก็เป็นรุ่นพี่คณะเขาด้วย
ความลับของทางราชการคือ – ไอ้รุ่นพี่คนนี้นี่แหละ ที่คอยตามสืบข่าวเรื่องของเขาให้ผมอยู่เรื่อยๆ
 
แล้วก็ไอ้ประธานคนนี้นี่แหละ ที่มันชวมผมไปช่วยร้องเพลงในคอนเสิร์ตของชมรม
 
ตอนแรกผมเหวอไปเลย กลัวจะเป็นงานใหญ่ แต่พอพี่มันบอกว่า เป็นแค่เวทีเล็กๆ ร้องกันตรงลานโล่งๆ จัดกันทุกปีอยู่แล้ว บรรยากาศแบบสบายๆ คล้ายๆที่ผมกับมันเคยร้องตอนม.ปลาย ผมก็เลยรับปากไป
 
แล้ว 1 อาทิตย์หลังจากนั้น รูปผมที่โดนเบลอหน้าก็ถูกโพสลงบนเพจของชมรม
พร้อมกับตัวหนังสือที่คาดผ่านกลางตัวเลยว่า...
เตรียมผมกับเซอร์ไพร์สแขกรับเชิญพิเศษ อะไรประมาณนี้แหละ...
 
ผมเห็นแล้วตกใจไปนิดหน่อย เพราะคอมเม้นท์ข้างล่างมีแต่คนรู้ว่าไอ้คนที่โดนเบลอนั่นคือผม
แล้วพอเอารูปมาถามคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันตอนนี้ เจ้าตัวก็บอกว่า
เราเห็นรูปตั้งแต่เที่ยงแล้ว แค่สีผมกับจิวที่หูคนเค้าก็รู้หมดแล้วว่าเป็นใคร
 
ขนาดนั้นเลย?
 
“ถึงขั้นลักพาตัวเลยเหรอ? – ไปดิไป เพื่อนเราไปเยอะแยะ"
 
ในที่สุดเขาก็ยอมรับปากพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผมจนตาหยี
โอย – ตาลาย...
 
นิสัยน่ารักแล้วยังใจดีอีก
แฟนในอนาคตใครวะเนี่ย?
 
ห้ามแย่งตอบนะเว้ย
ว่าที่แฟนผมเอง -_-
 
 
 
.
.
.
 
 
 
พอวันจริง ผมกลับรู้สึกเหมือนใครๆในม.ก็มารวมกันอยู่ตรงลานที่ใช้จัดคอนเสิร์ตหมดเลยครับ
ผมมาที่นี่ทันทีที่เลิกเรียน ก่อนจะไปเปลี่ยนชุดนิสิตเป็นเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์สีเข้มพอกัน
แล้วก็เดินมานั่งลงตรงโต๊ะม้าหินเยื้องๆกับเวทีพร้อมไอ้เบอร์ 2 กับ ไอ้โคนัน ส่วนไอ้เบอร์ 1 มันเอารถไปวนหาที่จอดอยู่ครับ
 
“มึงเจอเฮียยัง?”
 
ผมถามหาไอ้รุ่นพี่ประธานชมรมจากไอ้เบอร์ 2 ที่นั่งรออยู่ตรงนี้ตอนที่ผมไปเปลี่ยนชุด กับไอ้โคนัน
 
“เมื่อกี้แวะมาแล้ว ดูยุ่งๆว่ะ เฮียบอกให้มึงนั่งรอเฉยๆตรงนี้แหละ หิวก็ไปกินข้าวก่อน ข้าวส่วนกลางก็มี เฮียบอกหยิบได้"
 
“เออๆ"
 
ผมรับคำ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาแล้วไลน์หาใครบางคน
แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็นเขา - ยิ้มหวานของผม
 
 
*มาถึงงานแล้วบอกด้วยดิ
 
 
แล้วตามด้วยสติ๊กเกอร์บราวขี่จักรยานตัวนึงครับ
 
เอาจริงๆป่ะ – ปกติผมไม่เคยส่งไอ้สติ๊กเกอร์พวกนี้เลยเว่ย
แต่เวลาไลน์ไปหาเขา ผมก็แค่ไม่อยากให้มันห้วนไป สุดท้ายเลยต้องส่งไอ้หมีนี่ปิดท้ายตลอด
 
พิมพ์ไปแค่นั้นแล้วก็ไม่เซ้าซี้ต่อครับ
เจ้าตัวเขาอ่านเมื่อไหร่เดี๋ยวคงตอบเอง
ผมหันมานั่งคุยกับไอ้พวกนี้สักพัก ก่อนที่มือถือจะดังเตือนว่ามีคนไลน์มา...
 
*อยู่หน้างานละ
*เพิ่งได้ที่จอดรถเนี่ย
 
*ครับผม
 
*เราแวะไปกินข้าวก่อนนะ
*กินไรยัง?
*ฝากเราซื้อมั้ย?


 
“พวกมึงจะกินไรป่ะ – ยิ้มหวานถาม เค้าจะซื้อมาให้"
 
ไอ้สามคนตรงหน้านี่ (รวมไอ้เบอร์1ที่เพิ่งจะเดินมา) มองหน้าผมด้วยสายตาหมั่นไส้ถึงขีดสุด ท่าทางดัดจริตจนผมเห็นแล้วยังเพลีย ก่อนจะพูดขึ้นมาพร้อมกันเสียงดังโคตรๆ
 
“ชีวิตดี๊ดี!!!"
 
ถามจริง พวกมึงไปแอบซ้อมบทกันลับหลังกูใช่มั้ย? -_-
 
"ดี๊ดีเหี้ยไร จะแดกไม่แดก?”
 
“ไม่ต้องก็ได้มึง พวกเราแม่งแดกเยอะชิบหาย เกรงใจเค้า"
 
“เออกูก็ว่า"
 
พอไอ้โคนันกับเบอร์ 2 ตอบมาอย่างนั้น ผมเลยพิมพ์ตอบเขาไป

 
*พวกนี้มันเกรงใจว่ะ
*ถ้าหิวคงออกไปซื้อกันเองแหละ

 
*อืม
*^ ^


 
พวกผมนั่งคุยไร้สาระทักคนโน้นคนนี้ไปเรื่อย จนกระทั่งอยู่ดีๆก็มีใครคนนึงตรงเข้ามาพร้อมรอยยิ้มตาสระอิ ที่ทำเอาหัวใจผมรู้สึกยุบยิบเหมือนถูกจั๊กกะจี้ขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ - ก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ
 
“หวัดดี ^ ^”
 
ยิ้มทีนึงนี่ หลอดไฟในงานจะแตกเอาครับ
มันฆ่าตัวตายเพราะแพ้ความสว่างไสว
 
เออๆ – ปล่อยผมไปเหอะ -_-
 
ไอ้พวกเพื่อนๆผมนี่ก็ดูจะดี๊ด๊าโคตรที่เห็นเขาเดินตรงมาทางนี้ ยิ้มหวานมาคนเดียวด้วย เพื่อนไปไหนเนี่ย?
พอเขาเดินเข้ามาถึงที่โต๊ะ ผมเลยเห็นว่าเจ้าตัวถือของมาเต็ม 2 มือ
 
“เราซื้อของกินมาฝาก" ^ ^
 
พูดจบเขาก็วางสารพัดถุงก๊อบแก๊บในมือลงบนโต๊ะ
ไอ้พวกนี้ขอบคุณยิ้มหวานใหญ่เลยครับ ขอบคุณมากจนเกิดธรรมดาสามัญของมนุษย์โลกที่เค้าจะขอบคุณกัน
จนผมต้องส่งสายตาไปห้ามพวกมันคนละที คือแม่งก็หยุดนะ แต่ทำหน้ากวนตีนมาให้ผมแทน
ส่วนคนใจดีเขาก็ยิ้มรับเขินๆ
เอาของกินมาส่งเสร็จก็ทำท่าจะเดินไปไหนไม่รู้จนผมต้องเรียกเอาไว้
 
“นั่งกันอยู่ตรงไหนอ่ะ?"
 
“ไม่รู้ดิ"
 
“อ้าว? แล้วเพื่อน?”
 
“โดนลากเข้าห้องแต่งตัวพวกผู้หญิงไปแล้ว เราเลยจะไปนั่งรอแถวนั้นแหละมั้ง"
 
“งั้นก็นั่งนี่เหอะ ดีกว่าไปรออยู่คนเดียว"
 
ผมพูดพลางตบเก้าอี้ของผมอีกฝั่งนึงที่ยังว่างอยู่ เขาก็ว่าง่ายมากครับ
ผมบอกให้นั่งก็นั่งอ่ะ แถมยังหันไปทักเพื่อนผมแล้วชวนกินของกินที่ซื้อมา
 
“กินกันๆ ที่โรงอาหารคนเยอะอ่ะ ถ้าจะไปกินข้าวต้องรอคิวนานแน่ๆ กินพวกนี้รองท้องไปก่อนแล้วกัน"
 
ผมมองถุงก๊อบแก๊บที่วางอยู่ตรงหน้าสักสามสี่ถุงได้ ส่วนใหญ่เป็นพวกของกินเล่น มีผลไม้ด้วย แล้วก็น้ำเปล่า
 
“ทั้งหมดเท่าไหร่เนี่ย?”
 
“ไม่รู้ดิ เราลืมนับอ่ะ"
 
“คือ...ถ้าให้เงินก็จะไม่เอาใช่มั้ย?”
 
“ใช่แล้ว ^^ ก็ถือว่ามาช่วยงานรุ่นพี่คณะเราไง”
 
เจ้าตัวพูดพลางยิ้มกว้างให้ผมอีก
เห็นหน้ายิ้มๆนั่นแล้วผมโคตรจะก็รู้สึกอยากแกล้งเลยครับ
 
ใกล้ป่วยทางจิตแล้วครับ
รู้สึกแบบเห็นหน้ายิ้มๆแล้วอยากแกล้งให้หน้ามุ่ยเล่นตลอดเลย - สนุกดี
 
ผมนั่งมองคนที่แจกจ่ายสารพัดของที่ซื้อมาให้เพื่อนๆผม แล้วก็ค่อยๆคิดวางแผนอยู่ในใจ
จะแกล้งอะไรดีวะ?
 
เขาแบ่งของให้ทุกคนเสร็จเรียบร้อย แล้วก็ยื่นถ้วยโฟมที่มีลูกชิ้นทอดอยู่ข้างในมาให้ผม แล้วบอกสั้นๆ
 
“อ่ะ ลูกชิ้น"
 
“กินด้วยกันดิ"
 
“ไม่เอา เรากินข้าวมาแล้ว อิ่มจะแย่"
 
“เหรอ...? อย่าให้เห็นว่าหยิบขนมออกมากินนะ”
 
ผมพูดแบบลากเสียงนิดหน่อยครับ
คงจะกวนตีนน่าดูอ่ะ อีกคนเลยถลึงตากลับมาให้ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา
 
ผมเหลือบตาแอบดูแบบที่คิดเอาเองว่าโคตรเนียน ก่อนจะเห็นว่าเขาไลน์ไปบอกเพื่อนว่านั่งรออยู่กับผมแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง
 
“เมื่อกี้กินข้าวกับอะไร"
 
“ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่เหมือนเดิมแหละ"
 
ปากนี่ตอบผมครับ แต่มือยังเถียงกับเพื่อนในไลน์อยู่ โดนแซวเรื่องที่มาอยู่กับผมอีกแล้ว
 
“น้ำอ่ะ?”
 
“น้ำฝรั่ง – หมอเป็นนักโภชนาการเหรอ?”
 
เดี๋ยวเหอะ! -_-
 
“เปล่า เป็นนักศึกษาแพทย์"
 
ผมตอบพลางเอาไม้จิ้มลูกชิ้นขึ้นมาหักปลายแหลมๆออก เคยเห็นแม่ทำให้น้องตอนเด็กๆครับ
แม่บอกว่าเดี๋ยวปลายแหลมมันจะจิ้มปากแล้วน้องจะเจ็บ
 
หักเสร็จก็ยื่นมือไปจิ้มลูกชิ้นเอาไว้ 2 ลูก พร้อมกับถามคนข้างๆที่ถล่มส่งสติ๊กเกอร์สู้กันกับเพื่อนอยู่
 
ดูจากมุมนี้สยองมากครับ คือสติ๊กเกอร์เดี๋ยวนี้แม่งขยับได้
เลยทำให้ไอ้ตัวในจอมือถือเค้าก็ขยับพร้อมกันทีละสามสี่ตัว
ตัวเดียวมันก็น่ารักดีอยู่หรอก แต่พอมาเป็นแถวแล้วดูหลอนไปเลย
 
“วันนี้กินหนมป่ะ?”
 
“กิน กินโคลอน" เขาตอบสั้นๆ แล้วยอมพักสงครามสติ๊กเกอร์ไลน์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม "ถามมากเพราะเราเอาแต่เล่นมือถือใช่ป่ะ ไม่เล่นแล้วก็ดะ.....อื้ออ!”
 
ตอนนั้นเองที่ผมอาศัยจังหวะที่เขาหันมาพูด ใส่ลูกชิ้นเข้าไปในปากเขารวดเดียวทั้ง 2 อัน
แบบนี้ไม่เรียกว่าป้อนนะครับ – เรียกว่ายัดใส่ปาก -_-
 
เจ้าตัวเขาตกใจพอตัวเลยอ่ะ พอตั้งตัวได้ก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปากทันที
อาจจะเป็นเพราะว่าเขาหน้าเล็กนิดเดียวด้วยล่ะมั้ง พอยกมือขึ้นมาปิดปากแบบนี้ มันเลยทำให้หน้าเขาก็หายไปเลยครึ่งนึง เหลือแต่ตาโตๆที่มองมาทางผมแบบโคตรเคือง
 
“กินเข้าไป กินเยอะๆ จะได้โตไวๆ" -_-
 
ผมพูดแล้วทำหน้านิ่งๆเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิด พร้อมกับมองคนที่เคี้ยวลูกชิ้นแก้มตุ่ยกับหน้าบึ้งๆ
ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาอย่างมีความสุข – แกล้งแล้วสนุกจริงๆนั่นแหละ
 
ตอนนี้คนตรงหน้าผมดูเหมือนหนูแฮมสเตอร์ เวลาที่อมอะไรเอาไว้ในแก้มเยอะๆอะครับ
ประมาณนั้น...
 
พอมองกลับมาอีกทางนึง ผมกลับเห็นสายตาสามคู่ที่มองมาแบบหมั่นไส้ผมโคตรๆ
ถ้าไม่ใช่เพื่อนกัน ผมว่าพวกมันลุกขึ้นมาถีบยอดหน้าผมแล้วเนี่ย
 
ผมยิ้มไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำมาเปิด ใส่หลอดให้อันนึง
แล้วยื่นไปให้คนที่ยังคงนั่งทำหน้ามุ่ยเคี้ยวตุ้ยๆอยู่ไม่หาย
 
“อ่ะกินน้ำด้วย เดี๋ยวติดคอ"
 
เขารับน้ำที่ผมยื่นไปให้ ดูดเข้าไปอีกใหญ่ ก่อนจะกลืนทุกอย่างลงคอ
แล้วบอกผมด้วยเสียงเรียบๆ หน้าบึ้งๆ
 
“นิสััยดีจังเลย”
 
ผมหัวเราะรับไม่สะทกสะท้าน
ยิ้มหวานนี่น่ารักชะมัด
 
 
ระหว่างที่พวกผมนั่นกินของที่เขาซื้อมา เจ้าตัวเขาก็เล่มเกมในมือถือ พร้อมกับกินอะไรที่ผมส่งไปให้บ้าง รู้ตัวอีกที ตรงหน้าก็มีแต่ถุงเปล่าๆ หมดเกลี้ยงเหมือนเสกให้หายไปอ่ะครับ
 
พวกผมรวมขยะให้เหลือถุงเดียว ก่อนไอ้สามคนนั้นมันจะพากันเอาไปทิ้ง
คือมึงแห่ขยะรึไง? ถุงเดียวต้องไปกันตั้งสามคน
แล้วก็ทิ้งผมไว้ที่โต๊ะกับคนข้างๆ ก่อนจะเห็นว่าเขากำลังเล่นเกมทายชื่อหนังจากไอ้หน้ายิ้มๆ เค้าเรียกอะไรวะ? อิโมจิป่ะ?
เออนั่นแหละ... -_-
 
อันไหนที่คิดไม่ออก เค้าก็หันมาถามผม พอเพื่อนผมกลับมาก็ถามเพื่อนผมต่อ
ถามไปถามมาเลยกลายเป็นว่าช่วยกันเล่นไปซะอย่างนั้น
เล่นเกมบ้าง คุยกันบ้าง สักพักก็มีกลุ่มเด็กผู้หญิงเดินตรงมาทางพวกผมครับ มาขอถ่ายรูปเหมือนเดิมนั่นแหละ
พอกลุ่่มนึงมาขอถ่ายรูปผม อีกกลุ่มก็มาขอถ่ายยิ้มหวาน ไอ้แกงค์เพื่อนผมสามคนก็เลยโดนไปด้วย
ถ่ายรูปไปพลางคุยกับพวกน้องๆไปพลางก็สนุกดีนะผมว่า
 
คุยเล่นกันไปสักพัก พอพวกน้องๆเค้าไม่ค่อยเขิน ก็โดนเลยครับ
เพราะอยู่ดีๆก็มีคนขอถ่ายรูปผมกับยิ้มหวานคู่กันซะอย่างนั้น
ผมหันไปถามเขาเหมือนจะถามว่าได้รึเปล่า?
พอเจ้าตัวส่งยิ้มแล้วพยักหน้ากลับมาก็เป็นอันเข้าใจ...
 
ผมเดินเข้าไปใกล้ๆเขาก่อนจะยืนข้างๆกันให้พวกเด็กๆถ่ายรูปไป
ท่าทางดูสนุกกันมากอ่ะครับ ถ่ายกันรัวๆเหมือนพวกนักข่าวเลย
เล่นไปเล่นมาไอ้สามคนนั้นมันก็ขอตัวแยกจะไปหาอะไรกิน
เลยเหลือผมกับยิ้มหวานอยู่สองคน พอพวกเด็กๆไปกันหมด พวกผมก็กลับมานั่งลงตรงที่เดิม
แล้วก็เห็นว่ามีน้องคนนึงเดินตรงเข้ามา มาถึงปุ๊บก็ยื่นถุงขนมให้ยิ้มหวานทันทีเลย
...บอกแล้วคนนี้เค้าดังจริงๆ
 
“หนูซื้อขนมมาฝากค่ะ"
 
คนข้างๆผมที่ตอนนี้ ไปนั่งที่เก้าอี้อีกตัวนึงแล้วชี้ตัวเองเหมือนจะถามว่า ให้เราเหรอ?
พอน้องเค้าพยักหน้ารับ เขาก็ยื่นมือไปรับถุงขนมมา
 
“ขอบคุณมากเลย กินด้วยกันมั้ย แกะแล้วกินด้วยกันเลยมะ?"
 
ใจดีปะล่ะ?
ผมว่าน้องเขาก็ตกใจไม่แพ้ผมอ่ะ ได้ยินที่เขาพูดปุ๊บน้องก็รีบยกมือขึ้นมาโบกปฏิเสธทันที
ก่อนจะยิ้มเขินๆแล้วถามต่อ
 
“ว่าแต่ -- พี่สองคนสนิทกันเหรอคะ?”
 
เปลี่ยนฝ่ายแล้วครับ คราวนี้คนที่ตกใจคือคนข้างๆผมแทน
เขายิ้มรับคำถามแล้วขมวดคิ้วนิดหน่อยเหมือนกำลังใช้ความคิด ก่อนจะตอบออกมา
 
“ก็...สนิทนิดนึงมั้ง"
 
“สนิทก็สนิทสิคะ มีสนิทนิดนึงด้วยเหรอ?”
 
ดีมาก – ไอ้น้องพูดดี!
ผมหลุดหัวเราะออกไป แล้วก็โดนคนข้างๆหันมามองด้วยหน้ามุ่ยๆ
เห็นอย่างนั้นผมก็เลยหันไปสรุปให้ หวังดีเลยนะเนี่ย
 
“สนิทนิดนึงก็คือสนิทแหละเนอะ"
 
“ใช่ค่ะพี่หมอ!”
 
พอได้ยินที่ผมพูด น้องเค้าดูกระตือรือร้นขึ้นมาเลย
เหมือนในตามีลูกไฟอะไรประมาณนั้น...
 
“ถ้าอย่างนั้นหนูไปแล้วนะคะ ต้องไปเดินเล่นกับเพื่อนต่อ"
 
พอได้ยินแบบนั้นผมกับยิ้มหวานก็หันไปส่งยิ้มแล้วโบกมือให้น้องเขา
 
ก่อนจะเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆในกระโปรงสีน้ำเงินกึ่งวิ่งกึ่งกระโดดออกไปได้สักสองสามก้าว แล้วหยุด พร้อมกับหันมามองหน้าพวกผมอีกที
 
“ขนมก็แบ่งกันกินนะคะ หนูซื้อมาชิ้นเดียวแบ่งกันนะค้าาาา"
 
ปล่อยให้ผมกับคนข้างๆหันมามองหน้ากันแบบงงๆ
เด็กพวกนี้นี่นะ...
 
 
ความสงบมาเยือนเราไม่นานหรอกครับ...
นั่งนิ่งๆได้ไม่เกิน 5 นาที อยู่ดีๆ เฮียแม่งก็โผล่มาพร้อมไอ้ 3 คนที่มันแอบไปกินข้าวมา
อิ่มแล้วสิพวกมึง -_-
 
พอมองผ่านพวกมันสามคนไป ผมก็เห็นผู้หญิงสวยจัดคนนึงในมุมที่ผมไม่คุ้นตา
เขาคือรุ่นพี่ที่โรงเรียนผมเองครับ วันนี้แต่งหน้าทำผมเรียบร้อยพร้อมใส่ชุดครุยเดินมาข้างๆเฮียแกด้วย
 
ได้ยินมาเหมือนกันว่าพี่เค้ากำลังจะรับปริญญาปีนี้ สงสัยจะมาถ่ายรูปล่ะมั้ง
จากมุมที่ผมมองอยู่ตรงนี้ เฮียแกเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆอย่างช้าๆ แต่ยิ่งใกล้ ผมก็ยิ่งรู้สึกได้เลยว่าลางไม่ดีว่ะ
 
ดูสีหน้าเฮียแม่งดิ เดินทำหน้าเหี้ยมแต่ไม่มีม.ม้ามาแต่ไกลเลยแม่ง -_-
 
รีบสารภาพก่อนจะโดนแฉก็ได้ครับ
พี่เค้าคือคนที่ผมแอบชอบสมัยเด็กๆ
 
“มานี่เลยมึง มาถ่ายรูปกับรักครั้งแรกของมึงซะ!"
 
นั่นไง – กูว่าแล้ว...
สิ่งแรกที่ผมทำคือหันไปมองคนข้างๆก่อนเลย เขาเองก็หันหน้ามามองผมแล้วก็หลุดขำนิดๆ ก่อนจะหันกลับไปยกมือไหว้เฮียกับว่าที่บัณฑิตที่ยืนอยู่ข้างๆ ไหว้ปุ๊บเฮียแกก็แนะนำให้รู้จักกันปั๊บ บอกชื่อคณะอะไรกันเสร็จ
เฮียแกก็ทิ้งท้ายเอาไว้อย่างงดงามว่า....
 
“และเหนือสิ่งอื่นใด พี่เค้าเป็นรักครั้งแรกของไอ้หมอมัน"
 
พูดจบไอ้สามคนข้างหลังก็หัวเราะชั่วปิดท้าย
สะใจมากสินะพวกมึง...
 
ยิ้มหวานยังคงยิ้มขำๆอยู่ครับ ส่วนผมนี่โดนลากให้ลุกขึ้นไปยืนถ่ายรูปเรียบร้อยแล้ว
ถ้าถามว่าเขินไหม – ก็นิดนึงอ่ะครับ
ต่อให้ตอนนี้ผมไม่ชอบพี่เค้าแล้วก็เหอะ ยังไงแม่งก็เขินนิดๆอยู่ดีล่ะวะ
 
และไอ้ความเขินนิดนึงของผมนี่ดูเหมือนจะยังไม่สาสมใจไอ้พวกเหี้ยสามตัวและ 1 ท่านที่ยืนมองอยู่
เพราะอยู่ดีๆ ไอ้เบอร์ 1 แม่งก็พูดออกมา
 
“สัดหมอมึงเขินไปมั้ย หูแดงหมดแล้วไอ้ห่า"
 
ได้ยินอย่างนั้นผมแม่งก็ยกมือขึ้นจับหูทันที
แม่ง จิตอ่อนเกินไปนะกู – อยากฟาดกบาลตัวเองชิบ -_-
 
“ถ้ามึงจะเขินขนาดนั้นมึงก็สารภาพไปเลยไป ว่าตอนอายุ 14 มึงแม่งหัดร้องเพลงเล่นกีต้าร์เพราะพี่เค้า แต่พอร้องได้เล่นได้ก็เสือกอกหักเพราะพี่เค้าดันมีแฟนไปซะแล้ว"
 
เชี่ย – ผมว่าผมโดนแกล้งว่ะ
แม่งเหมือนรวมหัวกันสร้างความร้าวฉานให้ผมกับยิ้มหวานอ่ะสัดเอ้ย!
ถ่ายไปสองสามรูปมั้งครับ ก่อนที่พี่เค้าจะเรียกยิ้มหวานให้ลุกขึ้นไปถ่ายด้วยกัน
แล้วสักพักพี่เค้าก็เรียกทุกคนมารวมกัน แล้วก็ถ่ายรูปรวมอีก
หมุนซ้ายหมุนขวาถ่ายไปถ่ายมา พอไม่รู้ว่าจะโพสท่าอะไรแล้วก็แยกย้ายกันครับ
 
เฮียสั่งผมทิ้งท้ายว่าเดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงให้ไปสแตนบายหลังเวที
พอหันมาอีกด้านนึง ยิ้มหวานก็ยืนมองหน้าผมอยู่แล้ว พร้อมกับพูดออกมา
 
“เพื่อนเราออกมาจากห้องแต่งตัวแล้วอ่ะ เราไปหาเพื่อนก่อนนะ"
 
“โอเคๆ – ไปหาเพื่อนเหอะ อย่าลืมมาดูด้วยล่ะ"
 
“อือฮึ"
 
เขารับคำพร้อมกับยิ้มน่ารักๆมาให้ผม โบกมือลาทุกคนแล้วเจ้าตัวก็เดินผละไปอีกทางนึง
ลับหลังยิ้มหวานปุ๊บ เสียงไอ้พวกเวรสามตัวนี่ก็ดังขึ้นมาทันทีครับ
 
“งอนนน"
 
“งอนมึงแน่"
 
“งอนแน่นอน วะฮะฮ่าาา!!"
 
พูดจบแม่งก็หันไปแทคมือกันอย่างมีความสุข พร้อมตบมือรัวๆ
พ่องเป็นแมวน้ำซาฟารีเวิร์ลเหรอ ตบมือแม่งอยู่ได้
 
“กวนตีนไอ้เหี้ย"
 
อย่าคิดว่าพวกมันจะสะทกสะท้านกับคำด่าของผมครับ
เดินทำหน้าแรดไปนั่งกันอยู่โน่น...
 
ผมเดินไปหยิบของที่วางอยู่ ก่อนจะชวนพวกมันเข้าไปหลังเวทีด้วยกัน
เฮียบอกอีกครึ่งชั่วโมง แต่ไปก่อนเวลาก็ไม่แปลกป่ะวะ
เผื่ออีกคนจะไปอยู่หลังเวทีเหมือนกัน
 
 
.
.
.
 
 
ยิ้มหวานไม่อยู่ครับ...
พอหาเขาไม่เจอที่หลังเวที ผมเลยแอบโผล่หน้าออกมาส่องด้านนอก
แล้วก็เห็นว่าตอนนี้นั่งอยู่ตรงหน้าเวทีบนโต๊ะม้าหินอีกฝั่งนึงกับพวกเพื่อนๆ ก็คุยเล่นกันตามปกตินั่นแหละ
 
เขาอ่ะปกติ แต่ผมนี่โคตรจะไม่ครับบอกเลย
กลัวเขางอน ทั้งๆที่รู้ว่าเจ้าตัวก็ดูไม่น่าจะเป็นคนไม่มีเหตุผลขนาดนั้น
แต่ยังไงในใจผมแม่งก็อยากอธิบายให้เขาฟังอยู่ดีอ่ะ
 
แต่ตอนนี้ต้องร้องเพลงก่อน
 
ผมเพิ่งรู้ว่าคอนเสิร์ตมันจริงจังกันขนาดนี้ครับ คือแต่งตัวสบายๆกันจริงๆ
แต่เพลงที่ร้องนี่หลากหลายโคตร นอกจากเพลงไทยแล้วพวกเพลงฝรั่ง เกาหลี ญี่ปุ่น ก็ถูกเอามาร้องด้วย คนดูกรี้ดกร้าดกันน่าดู
 
ผมนั่งรออยู่ข้างเวที แล้วอยู่ดีๆ เฮียแกก็เดินมานั่งลงข้างๆกันแล้วยื่นน้ำดื่มให้ขวดนึง
ผมรับน้ำมา พร้อมกับขอบคุณ ก่อนจะบ่นเรื่องวันนี้ออกมา
 
“เฮียแม่ง – เล่นกันเองเฉย!”
 
“อะไรวะ?”
 
“เรื่องวันนี้ไง"
 
“อ๋อ! เรื่องรถไฟไทยชนชินคันเซ็นของมึงอ่ะนะ?”
 
“เออ"
 
ผมตอบสั้นๆ ยิ่งเห็นหน้าตาสะใจของเฮียแล้วก็ยิ่งอยากทำหน้านิ่งครับ กวนตีนชิบ พี่ใครวะ!
 
“ก็มึงทำให้กูหมั่นไส้ก่อน ทำมาเป็นถามโน่นถามนี่แล้วบอกว่าไม่กล้าจีบ แค่มองเฉยๆ มองเหี้ยไร กูเห็นอีกทีป้อนลูกชิ้นกันละแม่ง! วันเสาร์เจอกันก็ไม่บอกกูสักคำ"
 
พูดจบพี่แกก็ยกมือขึ้นมาตบหัวผมด้วยครับ เจ็บเลยแหละ
แต่สิ่งที่ผมทำคือมองเฮียแกกลับไปแล้วยักคิ้วให้สองสามที
 
“ตอนแรกจะชวนเค้าไปด้วยอ่ะ ดันไม่ว่างว่ะ – แต่ยังไม่ได้คบกันนะเว่ยบอกก่อน ก็คุยๆกันอยู่เฉยๆ"
 
“หือ น่าถีบว่ะ แต่เลิกป๊อดก็ดีละ – ตอนมึงปอดแหกแม่งน่าสมเพชชิบ นี่กูชมนะ"
 
สาบานว่านั่นชม...
 
แล้วก็อดไม่ได้ที่จะนึกไปถึงตอนที่ผมชอบยิ้มหวานใหม่ๆครับ ผมถามเฮียว่ารู้จักคนนี้มั้ย
ถามออกไปแค่นั้น เฮียมันดันตอบกลับมาเป็นคำถามทันทีเลยว่า
 
ทำไม – มึงชอบเค้าเหรอ?
 
อะไรจะขนาดนั้น?
ตอนแรกผมไม่ยอมรับหรอกครับว่าชอบ แต่พอถามมากๆเข้า ในที่สุดมันก็ต้องยอมสารภาพออกไปจนได้
ว่าผมชอบคนที่เฮียอธิบายให้ผมฟังแบบง่ายๆว่า...
 
มีคนชอบเยอะ แต่คนกล้าเข้ามาจีบน้อย (ส่วนใหญ่ก็ปอดแหกเหมือนมึงนั่นแหละ -_- )
ใจเย็น เลยเป็นคนคอยเคลียร์ตลอดเวลาเพื่อนมีปัญหา
ใจดี เคยขับรถไปส่งเพื่อนถึงบ้านแถมอัมพวาตอนดึกๆดื่นๆ กว่าจะถึงบ้านตัวเองก็เกือบเช้า
และ ตอนนี้ดูเหมือนจะยังไม่ได้คบกับใคร

 
“เฮียว่าผมจะจีบติดป่ะ?”
 
“ไม่!!”
 
“เฮ้ย!”
 
“กูล้อเล่น – ไม่น่าจะแห้วว่ะ"
 
“ถามจริง?”
 
“เออ ก็กูรู้จักมึง กูรู้จักมัน เด็กนั่นน่ะ ถึงจะดูเหมือนจะเปิดรับใครก็ได้ แต่มันก็มีเส้นของมัน ดูเหมือนมันจะให้ความสำคัญกับทุกคน แต่มันก็ให้ทุกคนเท่าๆกันนั่นแหละวะ เพราะคนเข้าหามันแบบหวังผลประโยชน์เยอะ น้องมันดัง หน้าตาแม่งก็ดี บ้านยังเสือกรวยอีก มันก็เลยแก้ปัญหาด้วยการใจดีกับทุกคน แต่ไม่ค่อยเปิดรับใครเข้ามาในโลกส่วนตัวของมัน"
 
“...”
 
“แต่มึงมันไม่ใช่พวกขี้เอาใจนี่ กูเห็นเวลามึงห่วงใคร เดี๋ยวมึงก็บ่นเดี๋ยวมึงก็ด่า – เด็กที่ใครๆก็คอยเอาใจเพื่อหวังผลประโยชน์อย่างมันน่ะ ได้เจอกับมึงกูก็ว่าดี"
 
“เหี้ย – เฮียแม่ง เล่นซะเขินเลย"
 
“ไอ้สัด หูแดงหมดแล้ว ทุเรศตาว่ะ"
 
ผมเขินจริงๆนะ เหมือนจังหวะหัวใจแม่งตกร่องไปแล้วว่ะ
พอหันไปมองหน้าเฮียก็โดนแกฟาดลงมากลางหน้าผากเต็มๆ
ไม่ทันที่ผมจะได้โวยวายกลับ เสียงเตือนจากโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นมา
ผมหยิบมือถือในกางเกงขึ้นมาเปิดดู ก่อนจะเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ไกลออกไป แต่ก็ยังพอมองเห็นกันได้ ส่งข้อความมาหาผม
 
 
*นินทาอะไรเราอ่ะ?
 
*รู้ได้ไง?

 
ผมพิมพ์ตอบ ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ไปให้เฮียดูว่าอีกคนพิมพ์อะไรมาครับ
 
*ก็เฮียมองหน้าเราแล้วยิ้มแปลกๆตลอดเลย
*บอกมาเลยนะว่านินทาอะไรเ?
 
*ไม่ได้นินทา
*แค่พูดถึง
* -_-

 
*พูดถึงว่าไงอ่ะ?
*ในแง่ดีเหรอไม่ดี?
 
*เฮียบอกว่า
*เด็กถาปัตย์ต้องมีแฟนเป็นหมอ


 
เนียนกว่าบีบีครีมก็กูนี่แหละ
เห้ย – ผมไม่ได้โกหกนะ แค่เปลี่ยนคำพูดนิดเดียวเอง
 
ส่งกดข้อความไปเสร็จผมก็เงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่ไกลออกไป
พอเห็นว่าใบหน้าน่ารักๆของเขาพยายามจะเบะริมฝีปากให้คว่ำลง ทั้งๆที่เจ้าตัวกำลังจะยิ้ม
ผมก็ได้แต่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะแลบลิ้นไปให้เขาทีนึง
สุดท้ายเขาก็หลุดยิ้มออกมาจนได้
 
“กูไปละ เบื่อเด็กจีบกันว่ะ"
 
เฮียแกคงนั่งดูอยู่สักพักแล้วอ่ะครับ ก่อนจะลุกขึ้นปัดกางเกงสองสามที แล้วพูดต่อ
 
“ฟังคิวด้วย จำได้ใช่มั้ยว่ามึงต้องขึ้นตอนไหน อย่ามัวแต่จีบน้องกูอยู่"
 
“ผมก็น้องเฮียนะเว่ยยย"
 
“มึงอยากเป็นน้อง? -- เลือกเอา มึงจะเป็นแค่น้องกู หรือจะเป็นน้องเขย?”
 
ผมนี่ปิดปากสนิทเลยครับ ไม่เถียงแล้ว
ต้องยอมแพ้เฮียแกจริงๆ ก่อนจะตอบออกไปเบาๆ
 
“ยอมแพ้"






[ต่อ]
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 26-05-2015 12:56:03


พูดจบเฮียแกก็เดินไป พร้อมกับพิธีกรกำลังพูดแนะนำว่าตอนนี้กำลังจะเข้าสู่ช่วงอำลาตำแหน่งของประธานชมรมรุ่นก่อน ซึ่งก็คือเฮียผมครับ
 
เท่าที่เฮียเล่าให้ฟัง ส่วนใหญ่เวลาอำลาตำแหน่งนี่พวกประธานเขาก็จะขึ้นมาร้องเพลงกันสี่ห้าหกเพลงตามความถนัดครับ
แล้วก็จะมีเซอร์ไพร์สเล็กน้อย
อย่างปีที่แล้วที่ผมมาดู ประธานรุ่นก่อนเฮียแม่ง แต่งตัวเป็นคนร้องกังนัมสไตล์ เพลงที่ร้องนี่มั่วเนื้อชิบหายครับ แต่ได้ใจคนดูโคตรๆ
 
ตอนนี้ผมนั่งอยู่ข้างเวที มองจากมุมนี้ ผมเห็นรุ่นพี่ที่ผมรู้จักมาตั้งแต่เด็กขึ้นไปร้องเพลงพร้อมกีต้าร์ตัวเก่ง
ว่าแล้วก็รู้สึกปลื้มไม่เบา เฮียแม่งเจ๋ง
ในสายตาของผม พี่ชายคนนี้เท่ประมาณพี่สแตมป์ อภิวัฒน์
ถึงแม้เพลงแรกที่แกร้องจะเป็นเพลง จักรวาล ของวง SixtyMiles ก็เหอะ
 
สักพักเพลงแรกก็จบลง พร้อมกับที่เฮียพูดทักทายทุกคน
เป็นสคริปต์ที่ผมได้แต่นั่งฟังแล้วขำออกมาพร้อมกับส่ายหน้าเพลียๆ
 
“ตั้งแต่เรียนมัธยมจนถึงตอนนี้ ผมก็มีรุ่นน้องที่สนิทกันอยู่หลายคนนะ บางคนแม่งก็เอาแต่ยืมตังค์ผมแล้วยังต้องให้ผมเลี้ยงข้าวตลอดเช่นไอ้ประธานชมรมคนต่อไป – แต่บางคนมันก็ได้ดิบได้ดี ตอนเด็กๆยังเต้นบีบอยกะโหลกกะลาอยู่ด้วยกัน รู้อีกทีมันก็ดังจนมีแฟนคลับเป็นเรื่องเป็นราวไปละ"
 
พอเฮียแกพูดถึงตอนนี้เสียงกรี้ดก็เริ่มมาครับ มือผมนี่แฉะไปหมด เหงื่อแตกครับบอกเลย
แล้วอยู่ๆไลน์ผมก็ดึงเตือนอีกครั้ง
 
 
*สู้ๆนะ
 
คนเดิมครับ มาพร้อมสติ๊กเกอร์ไฟท์ติ้ง น่ารักโคตร

*ตื่นเต้นว่ะ คนเยอะโคตร
 
*พยายามคิดว่าคนดูเป็นฝักข้าวโพดกับผักกาดขาวดิ อย่าคิดว่าเป็นคน
*เราว่าช่วยได้นะ
*สู้ๆ เป็นกำลังใจให้ ^ ^

 ผมเองก็ไม่รู้ว่าไอ้วิธีฝักข้าวโพดผักกาดขาวนี่มันจะช่วยได้จริงรึเปล่า
แต่ตอนนี้กำลังใจมาเต็มแล้วครับ!
อ่านจบผมก็เอามือถือไปฝากคนที่คอยดูแลข้างเวที แล้วพยายามตั้งสมาธิ มองข้ามเสียงโม้เรื่อยเปื่อยของเฮีย
ที่ตอนนี้ยังคงพูดถึงคนโน้นคนนี้ไปทั่วอย่างเมามัน
 
"และทุกครั้งที่มีรุ่นน้องหรือรุ่นพี่ได้ดีมีหน้าตาในสังคม สิ่งที่ผมทำตลอดคือการแสดงความยินดีกับมัน ทำไปงั้นๆอ่ะครับ เพราะเป้าหมายที่แท้จริงคือการเกาะพวกมันดัง – วันนี้ก็เช่นกัน...”
 
แล้วดนตรีที่ค่อนข้้างคุ้นหูทุกคนก็ดังขึ้นครับ
ผมยกไมค์ขึ้นมาทั้งๆที่ยังไม่ได้ก้าวขาขึ้นไปบนเวที
ทันทีที่ร้องคำแรก เสียงกรี้ดก็ดังตามมา...
 
“สวัสดีครับ เราเคยรู้จักกันหรือเปล่า
ท่าทางคุ้นๆ แค่ผมมองคุณยังไม่ค่อยชัด
เงยหน้าสักนิดให้ผมมีสิทธิ์ได้รู้จัก
อยากมองยิ่งนัก สักวินาทีอยากเห็นหน้า"

 
ผมยืนร้องเพลงอยู่ข้างเวที พอมองขึ้นไปก็เห็นว่าเฮียแกกำลังท่าท่าลิปซิงค์แบบโคตรจะไม่เนียน
ซึ่งโคตรจะกวนตีนอ่ะผมว่า
 
จนถึงท่อนต่อไป ผมก็ร้องเพลง พร้อมๆกับเดินขึ้นไปบนเวทีอย่างช้าๆ
เสียงกรี้ดโคตรดังเลยว่ะ -_- ตาลายหมดแล้วแม่ง
 
 
"แต่แล้วเธอก็ไม่มอง แล้วเธอก็ไม่มา
ก้มหน้าก้มตาละเลงนิ้วมือลงบนเครื่องนั้น
ยิ้มหัวเราะคนเดียว ไม่เหลียวข้างหน้าข้างหลัง
ต้องจบลงที่ฉัน พนมนิ้วมือท่องคาถา"

 
ดีที่ผมยืนร้องเพลงอยู่ข้างล่างสักพักแล้วครับ พอขึ้นมาบนนี้มันเลยประหม่าน้อยลงนิดนึง
...ก็แค่นิดนึงล่ะวะ ผมร้องเพลงไปเรื่อยๆครับ จนมาถึงประโยคสุดท้ายของท่อนฮุค
 

"รักจะเกิดขึ้นมันต้องมองตา ไม่ใช่มองจอ"
 
 
แล้วท่อนแรพก็เป็นหน้าที่ของเฮียทั้งหมด
เฮียแกร้องด้วยเล่นกีต้าร์ไปด้วย สนุกว่ะ
 
และพอมาถึงท่อนที่แรพว่า 'ไอ้เรื่องทะเล้น ทะลึ่ง อ่ะคิดไม่ถึงจริงๆ ผมขี้อาย แค่คุยกันแบบพี่ชาย...' จบลงปุ๊บ
เฮียแกก็ยืนมือมาทางผมครับ เป็นอันรู้กันว่าผมต้องร้องต่อ
 
“น่ารักอย่างคุณ ใครเป็นแฟนเค้าคงกลุ้มตาย"
 
เสียงกรี้ดแม่งดังกระหึ่มอ่ะ
ไอ้ตอนซ้อมกันแล้วปิ๊งไอเดียเรื่องท่อนนี้ขึ้นมามันก็สนุกดีอ่ะครับ
พอขึ้นมาร้องจริงๆ แม่งเขินโคตรอ่ะ
 
ระหว่างที่ปล่อยให้เฮียแกก็แรพต่อไป ผมเหยียดแขนขึ้นสูงแล้วตบมือ จนคนที่หน้าเวทีเริ่มทำตาม
ส่วนสายตาก็มองไปยังคงที่กำลังกลั้นยิ้มอยู่ที่มุมหนึ่ง
 
ในตอนที่สายตาของเราบังเอิญมองสบกัน ผมเห็นเขาย่นจมูกอย่างน่ารักแล้วก็ส่ายหน้าเบาๆมาให้ผม
อะไรวะ – เขินก็ยอมรับว่าเขินดิ
มาทำเป็นหน้ามุ่ยเดี๋ยวเหอะ...
 
ร้องเพลงจบเฮียแกก็ชวนคนดูคุยไปเรื่อย พร้อมกับที่ทีมงานยกเก้าอี้ขึ้นมาบนเวที
รอจนสถานที่ถูกเซ็ทเรียบร้อย เฮียแกก็พูดทิ้งท้ายเอาไว้
 
“เหนื่อยว่ะ ร้อนด้วย ไหนๆคนส่วนใหญ่ก็ซื้อบัตรเข้างานมาเพราะจะดูไอ้หมอนี่ ผมลงไปนั่งพัก แล้วทิ้งมันไว้บนเวทีคนเดียวก็แล้วกัน"
 
แล้วก็ทิ้งกันซะดื้อๆเลยครับ
ผมหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่ม แล้วก็กระแอมเขินๆ ก่อนจะหยิบกีต้าร์โปร่งที่เฮียทิ้งไว้มาสะพาย แล้วนั่งลงบนเก้าอี้
ก่อนจะพูดใส่ไมค์ไปสั้นๆว่า
 
“เขินว่ะ"
 
ฮาครืนครับ...
 
“ไม่ได้ร้องเพลงบนเวทีนานโคตรเลยอ่ะ ร้องผิดเล่นผิดอย่าโห่นะ"
 
พูดจบเสียงเฮียแม่งก็ดังลอยมาจากหลังเวทีครับ
 
“มันเก็ก อย่าไปเชื่อ"
 
เฮียแม่ง....เดี๋ยวกูก็เติมไม้เอกให้แม่งนี่
 
“จริงๆผมไม่อยากพูดแนะนำเพลงเลยว่ะ รู้สึกว่ามันเชยๆ แต่แบบ ยังไงแม่งก็ต้องพูดอ่ะ ขอพูดแล้วกัน"
 
“หมอมึงเป็นกันเองกับคนดูไปละ"
เสียงเฮียลอยมาอีกแล้วครับ..
 
คือผมเขินไง แล้วเวลาเขินแม่งก็ชอบสบถขึ้นมาเองตามความเคยชินว่ะ
ไม่รู้ตัวด้วย
 
“สนิทกันเว่ยเฮีย – ทุกคน เราเป็นเพื่อนสนิทกันแล้วนะวันนี้ เออๆ มาพูดถึงเพลง"
 
“...”
 
“ฟังผมพูดแล้วเขินได้ แต่ห้ามแซวนะ จะกรี้ดก็ค่อยกรี้ดจนพูดจบโอเคป่ะ แซวแล้วเดี๋ยวจะสบถอีก จะโดนเชิญลงจากเวทีทั้งที่้ยังไม่ได้ร้องเพลงละคราวนี้"
 
“...”
 
“ก็ ก่อนหน้านี้ผมแอบมองคนๆนึงอยู่ - เฮ่ย อย่าเพิ่งกรี้ด ฟังให้จบก่อน"
 
ผมพูดพลางยกมือขึ้นมาห้ามด้วย
ซึ่งมันทำให้คนดูที่กำลังจะกรี้ดออกมาเงียบลงไปทันที
 
"คือก็มองมาสักพัก แต่ไม่กล้าทักไม่กล้าเข้าไปคุย ผมแม่งก็ปอดแหกไง แล้ววันนึงเว่ยอยู่ดีๆเดินมานั่งลงตรงหน้าผม – เกือบตายว่ะบอกเลย แทบร้องหาเครื่องปั๊มหัวใจ แล้วเพลงนี้แม่งก็ดังขึ้นมาในมือถือพอดี มันคือเพลง ฝันรึเปล่า ของ อาร์มแชร์ ซึ่งเดี๋ยวจะร้องให้ฟังนี่แหละ จบ."
 
โดนแซวไปตามระเบียบครับ
นอกจากคนดูที่กรี้ดแล้ว พวกไอ้เบอร์ 1 เบอร์2 โคนัน ที่อยู่ดีมึงๆเนียนไปนั่งใกล้ๆกลุ่มยิ้มหวานได้ไงก็ไม่รู้ แม่งก็ผิวปากดังมาก ดังแบบเหี้ยๆ -- กูขอให้มึงคอแตก
 
“โอเค จะร้องแล้วนะ ใครร้องได้ก็ช่วยร้อง ร้องไม่ได้ก็ปรบมือ และถ้าเอาแต่เล่นมือถือไปด้วยกินขนมไปด้วยจนมือไม่ว่างปากไม่ว่างแล้วล่ะก็....”
 
"...”
 
"แค่ส่งยิ้มหวานๆมาให้กันก็พอ"
 
 
นาทีนั้นผมเหลือบไปมองทางเจ้าตัวและพบว่าเขากำลังเอาขนมเข้าปากพอดี และชะงักไปเลยตอนที่ได้ยินผมพูด
ยิ้มหวานทำหน้ายี้มาให้ผม ก่อนจะก้มลงไปกินขนมเล่นมือถือต่อ
 
ผมกัดปากยิ้ม ก่อนจะก้มหน้าลงเกลากีต้าร์ช้าๆ
 
"มองเธอทีไรสวยจนหัวใจ ของฉันแทบจะหยุด
จนแทบจะละลาย
ฝืนใจตัวเองไม่มองเธอไม่ได้ เหมือนไม่รู้ตัว
มันดีเกินจริงแต่ก็ยังไม่ชัวร์
อะไรก็เป็นใจ จนตอนนี้ตัวฉันก็แอบกลัว
 
นี่มันคือความฝันหรือเปล่า
ไม่อยากเชื่อเลยว่าเรากำลังตกหลุมรัก
จนหัวใจคล้ายจะคิดมาก
จนไม่อยากจะตื่นเลยหรือไง
 
อยากอยู่ในฝันนานๆ อีกสักหน่อย
ใจตอนนี้คงลอยไปอยู่ที่เธอแล้วใช่ไหม
ให้ฝืนเท่าไรก็คงไม่ได้
และไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร
...นอกจากรักเธอ"

 
 
เขินโคตรครับ ผมพยายามมองคนที่เบียดกันอยู่หน้าเวทีให้เป็นฝักข้าวโพดกับผักกาดขาวตามที่อีกคนบอกมา
ซึ่งมันก็พอช่วยได้นะ...
 
ขอโทษจริงว่ะ แต่นาทีนี้ทุกคนเป็นข้าวโพดกับผัดกาดขาวไปหมดแล้ว
ยกเว้นคนนึงที่มองมาทางผมพร้อมรอยยิ้มบางๆ
คนที่ทำให้ผมร้องเพลงนี้...
.
.
.
 
 
ผมคืนเวทีให้เฮียหลังจากร้องเพลงจบ แล้วก็นั่งดูเฮียร้องเพลงอยู่ข้างเวทีจนหมดช่วงของแก ก่อนจะขอตัวออกมา แล้วเดินตรงมาหาพวกเพื่อนๆของผมที่นั่งอยู่กับกลุ่มของยิ้มหวานครับ
 
ระหว่างทางก็โดนขอถ่ายรูปมาเรื่อยๆ พอมาถึงพวกเพื่อนๆปุ๊บ ผมก็ถอนหายใจออกมา แล้วพูดสั้นๆ
 
“หิว!”
 
“หิวก็แดก! ไม่แดกก็อดตายไปซะ”
 
ไอ้เบอร์ 1 พูดสิครับ จะเป็นใครไปได้อีก
 
“กำลังจะไปเนี่ย ใครจะไปกินข้าวด้วยกันป่ะ?”
 
ผมถามเพื่อนผม เพื่อนยิ้มหวาน และเจ้าตัวที่มองมาทางผมเป็นระยะๆ ก่อนจะกลับไปเล่นไอ้เกมทายชื่อหนังเหมือนตัวเองไม่มีตัวตน แต่แก้มแดงเป็นมะเชือเทศเลยว่ะ – เขินอ่ะดิ?
 
“พวกกูกินกันอิ่มแล้วเว่ย"
 
“เราก็กินแล้วว่ะหมอ"
 
เหลือคนเดียวที่ยังไม่ตอบครับ...
ผมมองคนที่เป็นเป้าสายตาของทุกคนตอนนี้ ก่อนจะยื่นมือไปสะกิดเขาเบาๆ จนเจ้าตัวต้องเงยหน้าขึ้นมามองผม
เคี้ยวตุ้ยๆเลย กินอะไรอีกแล้ววะน่ะ?
 
“พาไปกินข้าวหน่อยดิ"
 
“เรา?”
 
“เออ ถ้ามึงไม่พาไอ้หมอไป กูว่ามันต้องเป็นลมซบตักมึงอยู่ตรงนี้แหละ ไปๆ พามันไปหน่อย"
เพื่อนยิ้มหวานครับ ช่วยชีวิตผมตลอด
 
“เสือก!”
โห ยิ้มหวานด่าเพื่อนครับ
เพื่อนนี่ก็เถียงกลับแล้วผลักหัวยิ้มหวานด้วยอ่ะ
 
“ด่ากู? เดี๋ยวตีปากเลย!”
 
 
“ตีดิ กูฟ้องเฮีย ให้เฮียตีมึงกลับ!”
 
เถียงกันเป็นเด็กเลยครับ เป็นการด่ากันกูๆมึงๆที่ง้องแง้งน่าดู
ก่อนที่ยิ้มหวานจะต้องลุกขึ้น ด้วยแรงผลักของเพื่อนคนเดิม จนมายืนอยู่ข้างผม
 
“หมอเอามันไปเลย"
 
"ได้เลย” ผมรับคำ แล้วคุยกับเพื่อนตัวเองต่อ "กูไปกินข้าวนะมึง กินเสร็จแล้วไลน์หา"
 
พูดจบก็เอื้อมมือไปจับข้อมือยิ้มหวานเอาไว้ พร้อมกับลากให้เดินตาม
พอผ่านช่วงที่คนเยอะๆไป ผมก็ปล่อยข้อมือของเขา แล้วเปลี่ยนมาเป็นเดินช้าๆอยู่ข้างกันแทน
 
เราเดินกันไปโดยไม่พูดอะไรออกมา ก่อนที่ผมจะเป็นคนทำลายความเงียบนั้นซะเอง
 
“ไง – ได้ข่าวว่าโดนร้องเพลงจีบกลางเวที?”
 
เขาได้ยินแล้วหันมาทำปากยื่นใส่ ก่อนจะเอาข้อศอกจิ้มมาที่ตัวผมที่นึง แล้วพูดต่อ
 
“ไง – ได้ข่าวร้องเพลงจีบพี่บัณฑิตกลางเวทีเหรอ?”
 
นั่นไง – ว่าแล้ว!
 
“เฮ้ย คุยกันก่อน ไม่ได้ร้องให้พี่เค้าดิ ร้องให้คนแถวนี้เนี่ย"
 
“ไหน? แถวนี้มีใครอยู่ที่ไหน"
 
ยังจะต่อปากต่อคำ แล้วทำเป็นหันหน้ามองไปรอบๆด้วยครับ
หมั่นเขี้ยวเว้ย!
 
ผมเห็นท่าทางของเขาแล้วทนไม่ไหว จนยื่นแขนไปกอดคอให้เขาหยุดเดิน ก่อนจะออกแรงดึงให้ไหล่ของเขามาเกยอยู่กับช่วงอกของผม แล้วใช้มือที่ว่างอยู่จิ้มปลายนิ้วลงไปบนแก้มนิ่มซ้ำๆเป็นจังหวะตามคำพูด
 
“ร้องให้คนนี้เนี่ย คนเนี้ยย อย่าหน้ามึนใส่กันดิวะ"
 
พอเขาดิ้นนิดนึงผมก็ปล่อยแล้วครับ
หันมาอีกทีก็เห็นเด็กเอามือลูบแก้มตัวเองแล้วทำหน้ายุ่ง พร้อมกับบ่น
 
“เจ็บ...”
 
“ดีแล้ว จะได้เลิกทำตัวหน้ามึนสักที...”
 
“...”
 
“เรื่องพี่เค้าอ่ะ เราก็เคยชอบเขาจริงๆนั่นแหละ ช่วงอายุสิบสี่สิบห้ามั้ง แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้สึกอะไรแล้วนะเว่ย"
 
“....”
 
“มีคนที่ชอบแล้ว – เดินอยู่ข้างๆเนี่ย"
 
ผมพูดพลางยกมือขึ้นแล้ววางแปะลงไปบนหัวของ คนที่เดินอยู่ข้างๆ เพื่อย้ำว่าที่พูดเนี่ย หมายถึงใคร
ก่อนจะก้มหน้าลงไปส่งยิ้มให้เขาอีกที
 
แล้วหัวใจของผมมันก็ต้องกระโดดผิดจังหวะอีกครั้ง เมื่อเจ้าของใบหน้าที่อยู่ในสายตาของผมค่อยๆยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเขินๆ ก่อนจะดึงมือผมที่วางแปะอยู่ออก
 
ตอนนั้นเองที่ผมกุมมือเขากลับแบบหลวมๆ แล้วถามออกมา
 
“เดินจูงมือได้ป่ะ?”
 
“จับไปแล้ว – ยังจะถามอีก?”
 
“จับไปแล้ว ยังจะถามอีก...” ผมทวนคำพูดของเขา ก่อนจะขมวดคิ้วเหมือนกำลังใช้ความคิด แล้วพูดต่อเสร็จสรรพ
 
"แปลความหมายละ หมายถึง ได้"
 
เขาถอนหายใจรับคำพูดของผม มันดูเหมือนจะแย่
แต่เมื่อผมมองใบที่ใบหน้าของเขาแล้วพบว่ารอยยิ้มเอกลักษณ์ของเจ้าตัวยังคงมีให้เห็นอยู่
ความคิดของผมก็เปลี่ยนไป
 
มันดีเกินจริง ต่างหากล่ะ
 
 
 
tbc
 


- - - -


ขอบคุณค่ะ ^ ^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 26-05-2015 13:15:42
ละลายยยยยย

แต่ว่านะ อดีตคืออดีต ตอนนี้อย่าไปใจเต้นก็พอแล้ว :)

หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 26-05-2015 13:21:20
เขิลลลลลล

มันดีเกินจริงจริงๆ ด้วย
 :hao5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 26-05-2015 13:29:05
อะไรๆก็ดี เขินนนนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 26-05-2015 13:29:09
อ๊าคคคคคคคคคคค หมอกับยิ้มหวานน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 26-05-2015 13:40:23
ฟินตายแล้วอ่ะ :heaven
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: ben~ya ที่ 26-05-2015 14:06:09
น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: ☾❤Nyanpire❤☽ ที่ 26-05-2015 14:15:25
ร้องเพลงจีบน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
 :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 26-05-2015 14:19:25
อ้างถึง
“โอเค จะร้องแล้วนะ ใครร้องได้ก็ช่วยร้อง ร้องไม่ได้ก็ปรบมือ และถ้าเอาแต่เล่นมือถือไปด้วยกินขนมไปด้วยจนมือไม่ว่างปากไม่ว่างแล้วล่ะก็....”
 
"...”
 
"แค่ส่งยิ้มหวานๆมาให้กันก็พอ"



เขินแรงมากกกกกกกกก ฮือออออออออออออววววววววฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

 :hao5:

ไม่รู้ว่ายิ้มหวานกับหมอนี่ใครน่ามึนกว่ากัน แต่ด้วยความหมั่น เราว่าหมอหน้ามึนมาก ก๊ากกกกกก
โอ้ยยย เขินแทนยิ้มหวานจะตายล่ะ ฮืออออออออออออ เดอะแก๊งค์นี่ก็สนับสนุนกันดีเหลือเกิ้ลลลล
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 26-05-2015 14:50:03
คือฟิน คือดีงาม
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 26-05-2015 15:10:33
อ้างถึง
“ไม่ไป...”
 
“โถ่ ใบหน้างามๆไม่น่าใจดำเลยแก้วตา"
 
ผมแค่พูดออกมานะ ยังไม่ถึงขั้นร้องเป็นเพลง

ถึงขั้นไปหาเพลงมาฟังเลยค่าา (ฮา)
 :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: mynamejnkf ที่ 26-05-2015 15:23:48
ฟินจัดทำอะไรไม่ได้กรี๊ดแม่มเลยค่ะ5555

โอ้ย เขินนนน ชอบอ่ะ โดนอ่ะ น่ารักอ่ะ อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ เจ้พยายามตัดใจไม่เข้ามาอ่านคิดว่าให้ผ่านไปสัก4-5ตอน แต่นิ้วมันกดเข้ามา โอ้ย คำว่า tbc ทำร้ายใจ  ขอต่อเลยได้มั้ย


ยิ้มหวานของหมอ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 26-05-2015 15:33:03
สมหวังจริงๆเล้ยยยยย55555555555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 26-05-2015 15:33:03
 :-[  :impress2:  :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 26-05-2015 15:43:31
ยิ่งอ่านยิ่งเขิน เขาจีบกันน่ารัก
เพื่อนๆนี้ร่วมด้วยช่วยอวย
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 26-05-2015 15:51:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-05-2015 15:53:56
เรื่องน่ารักมากค่ะ อ่านไปยิ้มไป เขินอย่างแรง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: GlassesgirL ที่ 26-05-2015 16:10:27
เขิน  :-[ มีร้องเพลงจีบกันด้วย
หมอเริ่มรุกจีบหนักแล้วนะเนี่ย
ยิ้มหวานก็น่ารัก เขินนะแต่ทำเหมือนไม่เขิน

 :mew1: :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 26-05-2015 16:38:29
ไอ้บ้าาาาาา น่ารักสุดๆไปเลยยยยย
โอ๊ยยย หมอเถื่อนมุกไม่ฝืดนะเว้ยยย
น่ารักกกกกกกกกกกกกก
 :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 26-05-2015 16:52:55
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: OJSG7 ที่ 26-05-2015 17:18:54
หมอรุกหนักมาก อรั้ย เขิล >\\\<
ไอ่ที่บอกว่าป็อดนี่หลอกใช่ไหม ? 55555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 26-05-2015 17:21:13
โอ้ยยยย เค้าจีบกันอะ หวานมากกกกกก
ยิ้มหวานน่าร้ากกกฟุดดๆ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 26-05-2015 17:26:02
 :-[ :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 26-05-2015 17:30:08
โอ๊ยน่ารักไปอะะะะะน่ารักกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 26-05-2015 17:39:54
โอ๊ย น่ารักเกินไปแล้วจ้าาาาาา อิฉันถึงกับอิจฉาตาร้อนเลยจริงๆ 55555
(((((☆∀☆)ノ  (((((☆∀☆)ノ  (((((☆∀☆)ノ  (((((☆∀☆)ノ 
 :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-05-2015 18:15:02
บอกตรงๆเกือบพลาด ข้ามเรื่องนี้ได้อย่างไร!!!! เห็นตั้งแต่เริ่มอัพจนผ่านไปแปดตอนแล้วเพิ่งเข้ามาอ่าน มันสนุกมากกกกก...ฟินแบบยิ้มไม่หุบเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 26-05-2015 18:17:30
บร้าจริง เค้าเขิลลล์  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 26-05-2015 18:20:31
ฟินนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: iamtoon ที่ 26-05-2015 18:35:12
สามคำสั้นๆให้หมอ... หมอ แม่ม เนียน!!!  :hao7: :hao3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 26-05-2015 18:59:47
กลั้นยิ้มจนร่องแก้มลึกแล้ววววววววว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 26-05-2015 19:01:30
อ๋อยยยยย เขินแทนยิ้มหวานอ่ะ  :-[
มาต่อไวๆนะฮะ รอออ  :')
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Panehove ที่ 26-05-2015 19:02:41
เค้าหวานกันเนอะ อิจฉายิ้มหวานจังเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 26-05-2015 19:38:26
โง่ววววววววววว น่ารักมากเลยยย เราชอบมากค่าทำไมน่ารักกันงี้ ฟิลกู๊ดสุดๆค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: icecreamii8_ ที่ 26-05-2015 20:26:43
อร๊ากกกกกกก เขินแทนนน -///-
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 26-05-2015 20:27:49
 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 26-05-2015 20:56:04
น่ารักที่สุดเลย หมอกับยิ้มหวาน ตกลงคบกันแล้วใช่มั๊ยนี่  :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: ploysure ที่ 26-05-2015 21:09:26
เขินนนนนนน :ling1:
ยิ้มตลอดเรื่องเลยยย
หมอขี้อ่อยจังงง ชอบทำให้เราเขินอ้า #ผิดๆ ต้องเป็นนุ้งยิ้มหวานตะหาก อิอิ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-05-2015 21:15:02
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 26-05-2015 21:16:26
น่ารักมากเลยย ทุกครั้งที่อ่านก็มีความสุขค่ะ ยิ้มหวานของหมอและคนอ่านด้วย
หมอเขาก็จีบน่าร๊ากกก เอิกเกริกนิดนึง คนดังทั้งคู่ ขำเฮียและเพื่อนๆ เนอะ มีแต่คนอยากให้ได้กัน

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 26-05-2015 21:31:35
 :hao6:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: yang ที่ 26-05-2015 21:32:10
คนเขียนซื้อหมอนให้อิชั้นด้วยยย
ฟินจิกหมอนขาดไปหลายใบแล้วเจ้าค่ะ  :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: ao16 ที่ 26-05-2015 21:56:49
 :o8: :-[ :L1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 26-05-2015 22:13:30
มุ้งมิ้งที่สุดอ่ะ น้ำเชื่อมหกอะบอกเลย  :heaven ฟิน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 26-05-2015 22:23:52
หมออออ ช่วยด้วยยย ต้องมีคนไข้เบาหวานอีกเพียบเเน่เลย ข้าไม่ได้เป็นเบาหวานเพราะเรื่องนี้ใช่ม๊ายยย ย โอ้ยยย งานเขินดี งานน่ารักดี งานอ้อร้อดี ตูชอบบบบ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 26-05-2015 22:43:17
ลาก่อยยยยยยย

อ่านไปดีดดิ้นไป. กรี๊ดดดดด
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 26-05-2015 23:13:49
นั่งเขินหนักมากกกกก  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 27-05-2015 00:22:11
น่ารักอ่ะ ละลายเลย
ชอบมากกก >////<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Ba_wh99 ที่ 27-05-2015 01:49:36
คืออ่านตั้งแต่ต้นจนตอนนี้
พบว่ากรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง เอาหมอนอุดปากแล้วกลิ้งตัวไปมาบนเตียงอยู่ตลอดทุกตอน
มันจะน่ารักน่าอิจฉาไปไหนวะครับ
ไม่ไหวนะะะะะ โอ๊ยๆๆๆๆ แก้มจะแตกเพราะรอยยิ้ม
ฟินมากกกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 27-05-2015 01:56:50
โอยยยย อมยิ้ม แก้มแทบแตก น่ารักมากกกก อยากมีโมเม้นต์นี้อ่าาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Rabity ที่ 27-05-2015 02:02:17
ฟินจุงงงงง มาต่อเร็วๆน้าาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-05-2015 02:42:00
แอร้ยยยยยยๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 27-05-2015 10:16:05
จะมุ้งมิ้งเกินไปแล้วววอิจฉาาาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 27-05-2015 13:29:28
น่ารักกกกกกกกกก :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 27-05-2015 13:33:04
บิดเป็นเกลียวเขินแทน "ยิ้มหวาน"  :impress3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: DoubleBass ที่ 27-05-2015 22:18:08
เขินนนนนนนนนนนนนนนนน บ้าๆๆๆๆๆ บ้าที่สุ๊ด หมอนขาดไปเป็นสิบ กรี๊ด งานดี เลิศค่ะ
ขอบคุณนักเขียนมากๆ เลยจ้า  :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 28-05-2015 03:01:37
ชอบๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: NY_JK ที่ 28-05-2015 11:42:54
เขิน ยิ้มแก้มแทบแตก  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: gessuriyong ที่ 28-05-2015 13:56:59
ฆ่าคนอ่านชัดๆ  :o12: :m25: :jul1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 28-05-2015 17:29:28
อ่านไป ยิ้มไป ^____^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 29-05-2015 22:11:21
ถ้ายิ้มหวานไม่มีใจก็คงไม่ประชดประชันหรอกหมอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: ฝัullล้วlv ที่ 30-05-2015 00:22:43
อ่านเรื่องนี้แล้วอายุยืน ยิ้มตลอด  o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 30-05-2015 01:07:39
กรีสสสสส  ชั้นชอบเรื่องนี้ ๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 30-05-2015 11:32:54
น่ารักอ่ะ จีบได้เนียนๆๆมากกกก ฮ่าๆๆๆๆ ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 30-05-2015 17:10:51
อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่าตัวเองเป็นเบาหวาน

 :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 30-05-2015 18:39:04
เขินว่ะ!!
อ่านเรื่องนี้โดยไม่ยิ้มต้องทำยังไงอะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Past-Zeit ที่ 30-05-2015 21:23:54
ตามทันเเล้วววว
อ่านเเล้วยิ้มเเก้มเเตกอ่ะ  น่ารักมุ้งมิ้ง ฟุ้งฟิ้ง กระดิ่งเเมวมาก555 :o8: :-[
มีเรื่องนึงที่คาใจมาตั้งเเต่เเรก ที่จริงเขารู้ชื่อกันเเต่ไม่ยอมเรียก  หรือไม่ยอมเรียกให้คนอ่านรู้ หรืิอ ไม่รู้กันจริงๆ จนจบเรื่องเราอาจไม่รู้ชื่อใครเลยก็เป็นได้~
ปล.ชอบชื่อกลุ่ม 'หล่อสัสรัสเซีย' มาก อ่านเเล้วขำ55
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 30-05-2015 21:24:56
น่ารักอะ
่อ่านไปยิ้มไป
เขินเหมือนคนบ้า
 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 31-05-2015 00:38:58
ตั้งแต่ต้นเรื่องอ่านไปบิดไปตลอด
ชอบบบบบบบบบบบบมากกกกกกกกกกกก!
เขินนนนนนนนนนนนนนนด้วยยยยยยยยย!
อยากโดนหมอจีบบ้าง
[แต่พอหันมาเช็คเบ้าหน้าแล้วก็ต้องถอนหายใจ-_-]


แต่ก็ต้องระเบิดตัวเองทิ้งเพราะตอนที่8
เขินโหมดเซียน
เขินมากๆ
เขินขั้นสุดยอด
เขินยันตับไตไส้พุง

ยิ้มหวาน...หนูทนไปได้ไง?


อยากจับคนเขียนมาหอมแก้มซักหลายๆที
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 31-05-2015 01:01:34
พี่หมอร้ายกาจ อิชั้นเขินนนนแทนยิ้มหวานจริงๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: coolmaoil ที่ 31-05-2015 13:31:57
 :hao7: :hao7: ยิ้มจนแก้มปริแล้ว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 31-05-2015 23:55:47
อ่านแล้วยิ้มหวานนนนทุกตอนเลย ทำไมถึงนาารักขนาดนี้นะ โดยเฉพาะน้องยิ้มหวานที่แสนจะเสน่ห์แรง อิอิ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: pimBNY ที่ 01-06-2015 00:02:29
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
มายังคะๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 01-06-2015 00:18:21
เป็นแฟนกันเลยเหอะแบบนี้ เขินแทนเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 01-06-2015 22:59:52
อ่านทันละ..รอตอนต่อไปอยู่นะคะ..อ่านไปเขินไปเหมือนคนบ้าเลย.. :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 01-06-2015 23:01:03
มายังง่ะ :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 02-06-2015 10:08:11
อ่านจนยิ้มตามละ แต่คงไม่สู้ยิ้มหวานของคุณหมอแน่ :o8:
 
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 02-06-2015 10:47:36
อร๊ายยยยยยย ไม่ไหวแล้ว น่ารักกันเกินไปแล้วนะครับเนี่ย ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 03-06-2015 00:45:10
อร๊ากกกกกก เปนแฟนกันเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Akazeaz ที่ 04-06-2015 07:56:18
โหยยยยย  น่ารักมากกก  อ่านแล้วเขินแทนเลยอ่ะ  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Raccoooon ที่ 05-06-2015 18:15:08
เพิ่งเห็นว่ายิ้มหวานมีที่เล้าด้วยย กี้สสส
 ><
 o13 o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: mickymod ที่ 05-06-2015 22:39:35
 :-[ :-[ :-[ คิดถึงแล้วนะ ยิ้มหวาน
มาต่อให้ที ตอนนี้ร่างกายขาดน้ำตาล  :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 06-06-2015 13:39:26
แปะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 06-06-2015 17:43:21
รอ ร้อ รอ  เข้ามารอทุกวันเลยค่าาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: letterdream ที่ 07-06-2015 00:21:18
เราเข้ามารอทุกวันเลยนะะ   พร้อมเขินแล้วนะ   :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 07-06-2015 22:53:39
รอมาต่อนะคะ <3 ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกก จริงๆเลย
อ่านไปยิ้มไปเขินไปเลยค่ะ ชอบยิ้มหวานมากอะไรมาก หลงเคะแบบนี้ที่สุดเลยฮือ ; //////// ;
ชอบพี่หมอด้วยค่ะ! จะรอติดตามน้า ~~
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 07-06-2015 23:07:14
ร๊อออออ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [08] <26.05.15> page 11
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 07-06-2015 23:59:11
(https://pbs.twimg.com/media/CARiLkwUwAAHqMn.jpg)


[ 9 ]





แล้ววันนี้มันก็จบลงแบบที่ผมเดาเอาไว้ไม่มีผิด....
 
 
แค่เห็นหน้าเฮีย ผมก็แทบไม่ต้องเดาให้เสียเวลาเลยครับ ว่าหลังจากคอนเสิร์ตของชมรมโฟล์คซองจบลงเรียบร้อยแล้ว ทุกคนจะ 'ไปต่อ' กันที่ไหน
 
 
 
...และตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ในร้านเหล้าบรรยากาศสบายๆใกล้กับมหาลัย เพื่อร่วมยินดีกับประธานชมรมโฟล์คซองคนใหม่ที่ผมเองก็เพิ่งรู้จัก และเลี้ยงอำลาพี่ชายคนสนิทของผม จากตำแหน่งประธานคนก่อนอีกด้วย
 
 
 
คือ... พวกรุ่นพี่รุ่นน้องชมรมโฟล์คซองที่เขามากันเต็มร้านนี่ ผมวุ่ไม่แปลกเท่าไหร่ แต่ผมกับเพื่อนอีกสองคน รวมไปถึงยิ้มหวานกับเพื่อนซี้ของเขาที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมที่ดันนั่งอยู่จนจบคอนเสิร์ตนี่สิ อยู่ดีๆก็โดนเขาลากมาด้วยซะอย่างนั้น
ตอนแรกผมเองก็ประหม่าอยู่หรอกครับ
 
แต่มิตรภาพมันพัฒนาได้รวดเร็วเสมอ
เมื่อมีแอลกอฮอล์เป็นตัวเร่งปฏิกริยา
เชื่อหมอดิ!
 
 
 
ดังนั้น พอเหล้าเข้าปากไปสักแก้วสองแก้ว ประกอบกับโดนแซวเรื่องที่ร้องเพลงจีบสาว(?)บนเวทีบ่อยๆเข้า เท่านั้นแหละครับ ผมก็สนิทกับคนทั้งชมรมไปโดยไม่รู้ตัว

ตอนนี้ผมนั่งคุยอยู่กับพี่ประธานชมรมคนใหม่ที่เดินเข้ามาตบไหล่ผมแรงๆสองสามทีหลังจากโดนเหล้ากรอกปากไปเกือบชุดใหญ่ ท่าทางน่าจะยังไม่เมาหรอกครับ คงจะแค่มึนๆ  พี่แกพูดกับผมห้วนๆ ก่อนจะยกแก้วขึ้นมาชน


"มึงแม่งของจริงว่ะ"


"อะไรวะพี่?” ผมถามต่อ

"ตอนแรกกูได้ยินคนพูดถึงมึงเยอะโคตรว่ะ ว่ามึงอย่างนั้น มึงอย่างนี้พวกเด็กปี 1 คณะกูนี่ก็เอาแต่พูดเรื่องมึง พูดตรงๆเลย ตอนแรกกูคิดว่ามึงก็แม่งขี้เก็กคนนึง แต่พอกูมาเจอตัวจริงมึงนะ -- มึงแม่งก็ขี้เก็กอย่าที่กูคิดเอาไว้จริงๆ"

"อ่าว...."

"แต่มึงแม่งเจ๋งงงง กูว่ามึงแม่งไม่ธรรมดา ต่อไปนี้ มึงกับกูเพื่อนกัน อ่ะ ชนๆๆ หมดแก้วนะมึง!"

ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้รุ่นพี่คนนี้คิดว่าผมไม่ธรรมดา แต่ผมก็ชนแก้วกับเขาแล้วดื่มจนหมด


พอหันมาอีกทางนึงผมก็เห็นว่ายิ้มหวานกำลังมองมาทางนี้พอดี แล้วก็หลุดยิ้มขำๆออกมา เห็นอย่างนั้นผมเลยต้องขยับปากถามแบบไม่มีเสียงว่า 'ขำอะไร?' ทั้งๆที่เรานั่งอยู่ตรงข้ามกันโดยมีโต๊ะตัวไม่ใหญ่มากคั่นกลาง

เขาไม่ตอบผม แต่กลับยักไหล่กลับมาแล้วหันไปชวนเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆกันคุยแทน ผมยังคงส่งยิ้มให้คนที่มองไปทางอื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะกลับมาคุยกับรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ข้างๆตัวอีกครั้ง เรื่องกีต้าร์ตัวที่เขาใช้เล่นตอนขึ้นไปร้องเพลงบนเวที

พี่เขามีกีต้าร์รุ่นที่ผมชอบเลยครับ ถามดูแล้วเลยรู้ว่าพี่แกประมูลลูกชายสุดที่รักมาจากญี่ปุ่น พ่อให้เก็บเงินซื้อเองจนทำเอาพี่แกต้องกินขนมปังจิ้มนมแทนข้าวไปเป็นเดือน

"ถ้าอยากเล่นมึงก็แวะมาห้องชมรมดิ เดี๋ยวกูให้ลองเล่น ไปละ กูไปเตรียมตัวก่อนว่ะ เดี๋ยวแม่งต้องขึ้นเล่นดนตรีอีก "

ผมมองตามหลังพี่แกที่กำลังเดินเข้าไปทางหลังร้านแล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า

สถานที่แบบนี้มันไม่ได้มีแต่โทษหรอก  มันอยู่ที่เราเลือกเรียนรู้สิ่งดีๆจากมันบ้างรึเปล่า
ปรัชญาวงเหล้าว่ะ!

คิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อน พอหันกลับมาผมก็เห็นเขา... คนที่ดึงดูดสายตาของผมอยู่เสมอ
เขาคนที่กำลังคุยอยู่กับเพื่อนสนิทคนเดิม และรุ่นพี่ผู้หญิงจากคณะเดียวกัน

สักพักรุ่นพี่คนนั้นก็ขอตัว แล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปที่หลังเวทีอีกคน เพราะต้องไปเตรียมตัวขึ้นร้องเพลง พร้อมกับที่เพื่อนของยิ้มหวานก็ลุกขึ้นแล้วชวนเขาไปห้องน้ำ

ได้ยินที่เพื่อนพูดปุ้บ เจ้าตัวทำหน้ามุ่ยแล้วรีบตอบทันที

"ไอ้บ้า กูเข้าไปกับมึงได้ที่ไหนล่ะ!"

คนฟังหัวเราะรับ ดูๆแล้วก็น่าจะจงใจแกล้งนั่นแหละครับ ก่อนที่เพื่อนเขาจะลุกขึ้นแล้วเดินไปยังมุมหนึ่งของร้าน

สายตาของผมไม่ได้ติดตามเพื่อนของเขาไปเหมือนเจ้าตัว แต่ยังคงถูกล็อคเอาไว้กับคนตรงหน้า พอเห็นว่าที่นั่งข้างๆเขาว่างทั้ง 2 ฝั่ง ผมก็ยิ้มออกมาเพราะความคิดในใจ
อย่าพยายามเดาว่าผมจะทำอะไรครับ เพราะมันจะถูก....

หลังจากเพื่อนของยิ้มหวานลุกไปเรียบร้อยแล้ว เขาก็หยิบมือถือขึ้นมาแล้วเปิดเช็คตามความเคยชิน นั่นทำให้เขาตัดขาดจากสิ่งรอบตัวเป็นที่เรียบร้อย

ผมมองเขาจนรู้ตัว และทำให้ดวงตาสดใสคู่นั้นเงยขึ้นมามองผม แล้วเลิกคิ้วเหมือนจะถามว่า
มีอะไร?

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะจับแก้วของตัวเองเอาไว้แล้วลุกขึ้นเดินอ้อมโซฟาที่ไอ้เบอร์ 2 นั่งก้มหน้าก้มตาตอนไลน์แฟนมันอยู่  ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆยิ้มหวาน พร้อมกับถามขึ้นมาเบาๆ

"เมื่อกี้ขำอะไร?"

เขาหันมามองหน้าผมแล้วขมวดคิ้วใส่ แถมยังไม่ยอมตอบคำถามกันอีก
สายตาของเขากลับไปอยู่ที่โทรศัพท์อีกครั้งพร้อมกับที่ผมชะโงกหน้าไปดูหน้าจอของเขาอีกคน แล้วเห็นว่ายิ้มหวานกำลังเช็คว่ามีใครแทครูปอะไรมาบ้าง
 
เห็นเป็นคนสบายๆอย่างนี้แต่เจ้าตัวเขาหวงลุคโคตรๆนะบอกเลย
จะอัพรูปทีนี่เลือกแล้วเลือกอีก เล็งแล้วเล็งอีก แถมยังตั้งใจแต่งสีรูปสุดๆ
 
"ไอจีอ่ะ -- มาไงเนี่ย?"

"เดินอ้อมโซฟามา"

ผมตอบ คือไม่ได้จะกวนตีนเลยนะ ก็ผมเดินอ้อมโซฟามาจริงๆ เขาก็เห็นอยู่

"เหรอ เรานึกว่าหมอบินข้ามโต๊ะมา"

เขาพูดพลางย่นจมูกเซี้ยวๆ ดูน่ารักกว่าทุกวันเพราะแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปทำให้แก้มเขาจับสีแดงระเรื่อ
เห็นแล้วอยากหยิกแก้มโคตรว่ะ

"บินได้ไง นี่คน ไม่ใช่ม้าโพนี่"

ไอ้ม้าโพนี่ นี่ไอเท็มล่าสุดน้องสาวผมเลยนะ เป็นม้าอะไรไม่รู้ รู้แค่สีสันแม่งสดใสโคตรครับ ผมเห็นยัยตัวแสบเอามาห้อยกระเป๋าเป้เป็นฝูง -_-

ยิ้มหวานได้ยินอย่างนั้นเข้าก็หลุดขำทันที จนผมต้องถามต่อ

"ยิ้มอะไร ชอบม้าโพนี่อ่ะดิ"

"บ้า! ชอบเองแล้วยังมาว่าคนอื่นอีก"

ผมได้ยินเขาพูดแล้วต้องยิ้มมุมปาก ก่อนจะยกเครื่องดื่มในมือขึ้นแล้วขอชนแก้วกับเขา
ยิ้มหวานทำตาโตใส่ผมนิดๆ ก่อนจะยกแก้วขึ้นเมื่อเข้าใจในท่าทีของผม

เราชนแก้วกันเบาๆ แต่เสียงกิ๊ง~เบาบางนั้นก็สะเทือนไปถึงหัวใจของผมอยู่ดี

เราต่างดื่มเครื่องดื่มในแก้วของตัวเอง ก่อนที่ผมจะลดแก้วลง แล้วพูดออกมาให้เขาได้ยินแค่คนเดียว

"ถ้าเธอเป็นม้าโพนี่ เราก็คงชอบม้าโพนี่นั่นแหละ"

ผมพูดพลางยักคิ้วข้างเดียวให้เขาทีนึง ก่อนจะเห็นว่ายิ้มหวานกำลังทำปากคว่ำแล้วกลอกตาใส่ผม

ก่อนที่มือของเขาจะวางโทรศัพท์ที่ถืออยู่ลงบนตัก แล้วเอาหลังมือฟาดลงมาบนต้นแขนผมแรงๆ พร้อมกับที่ริมฝีปากคู่นั้นขยับบ่นกับหน้าบึ้งๆ

"มาธงมาเธออะไรล่ะ..."

ผมยิ้มรับไม่สะทกสะท้าน
ก่อนจะยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาดื่มต่อแบบไม่ใส่ใจ

พอหันมาอีกทางนึงถึงได้เห็นว่า เจ้าของที่นั่งที่ผมนั่งอยู่ตอนนี้เดินกลับมาที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว และนั่งลงไปบนนั่งเดิมของผมที่อยู่ข้างๆไอ้โคนัน

พอผมสบตากับเพื่อนของยิ้มหวานเข้า มือที่ประดับด้วยปลายเล็บสีอ่อนก็ยกแก้วขึ้น แล้วยื่นมาทางผม เราชนแก้วกันก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงของเขาพูดออกมา

"ลูกค้าก็เยอะ ทำไมเขาไม่ฉีดยาไล่มดก็ไม่รู้ว่ะหมอ"

ผมยิ้มมุมปากรับคำ ก่อนจะเห็นว่าไอ้เบอร์1ก็ยกแก้วขึ้นดื่มบ้าง ก่อนจะพูดกับผม พร้อมทำสีหน้ากวนตีนหนักๆตามสไตล์มัน

"อ๋อที่คันส้นตีนอยากถีบเพื่อนนี่ไม่ใช่เพราะกูหมั่นไส้มึงสินะ -- มดกัดส้นตีนกูนี่เอง"

เข้าขากันโคตร -_-

ผมมองเพื่อนสนิทของยิ้มหวานที่หันไปแทคมือกับไอ้เบอร์1ข้ามหน้าไอ้โคนัน แล้วได้แต่ทำหน้า
นิ่งรอรับการโจมตีจากทุกคนต่อไป

พอหันมามองคนข้างๆ ก็เห็นว่าเขาเองก็หันมาทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ผม เหมือนกับว่าเรื่องที่สองคนตรงหน้ากำลังพูดถึงอยู่นี่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลยสักนิด

"ทำหน้ามึนใส่กันทำไม?"

ผมถามพลางยกมือขึ้นแล้วหยิกแก้มเขา จนเจ้าตัวร้องโวยวายออกมา พร้อมหน้ายุ่งๆ
ทนไม่ไหวจนได้ -_-
 


- - -
 

สักพักก็เริ่มมีเสียงซาวด์เช็คของเครื่องดนตรีดังขึ้นมาท่ามกลางเสียงจากเครื่องเสียงที่ร้านกำลังเปิดอยู่ และทันทีที่เพลงๆนั้นจบลง เสียงทักทายจากคนที่เพิ่งนั่งคุยกับผมอยู่เมื่อครู่ก็ดังขึ้นครับ
 

ประธานคนใหม่ของชมรมโฟล์คซองรับหน้าที่เป็นนักร้องนำในเพลงแรก...
 
 
ทำนองสนุกๆที่เป็นเอกลักษณ์ของเพลงดังขึ้นมาท่ามกลางเสียงพูดคุยที่ดังอยู่อย่างสม่ำเสมอในร้าน ได้ยินทำนองแค่นั้นผมก็รู้ทันทีว่า เพลงแรกที่ผมจะได้ฟังในคืนนี้คือ  อยู่ต่อเลยได้ไหม ของ สิงโต นำโชค
 
 

ท่อนฮุคแรกยังไม่ทันจบ ผมก็รู้สึกว่ากำลังโดนสะกิดที่แขนเบาๆ จนต้องละสายตาจากเวที เพื่อจะเห็นว่าไอ้เบอร์ 1 มันยื่นมือมาทางผม และระหว่างข้อนิ้วของมันนั้นมีบุหรี่สีขาวทั้งมวนที่ยังไม่ได้จุดอยู่

อย่ามองผมอย่างนั้นนะ -_-
ปกติผมไม่สูบบุหรี่เหอะ จะสูบเฉพาะเวลาที่ออกมาดื่มกับเพื่อนๆ แล้วก็สูบแค่มวนสองมวนเท่านั้น

พอไอ้เบอร์ 1 ขยับมือเหมือนจะเร่งให้ผมรับบุหรี่สักที ผมก็เลยยื่นมือไปรับบุหรี่มาถือเอาไว้ ก่อนจะสะกิดคนข้างๆ ที่นั่งดูวงดนตรีบนเวทีโดยไม่ได้หันมาทางผม

ยิ้มหวานหันมา ก่อนจะเลิกคิ้วให้ผม เหมือนกำลังรอให้ผมบอกสาเหตุที่เรียกเขา ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะเหลือบไปมองบุหรี่ที่ผมคีบเอาไว้ด้วยปลายนิ้ว
เขายิ้มให้ ก่อนตอบสั้นๆ

"ไม่ๆ เราไม่สูบ"

โถ่เอ้ย.... -_-

"ใช่ที่ไหนเล่า -- ที่เรียกนี่ จะถามว่าสูบได้ไหม?"

เขาหัวเราะรับตอนที่ได้ยินผมพูดแบบนั้น ก่อนจะพยักหน้ารับทันที

"อ๋อ เอาดิ เราโอเค"  ^ ^

ผมพยักหน้าพร้อมกับยิ้มมุมปากให้เขา ก่อนจะยื่นมือไปรับไฟแช็คจากไอ้เบอร์1 มาจุดแล้วสูดกลิ่นมิ้นต์กับความรู้สึกเย็นๆเข้าไปในร่างกาย ก่อนจะหันหน้าไปอีกทางเพื่อพ่นควันออกมา

และเมื่อผมมองกลับมาทางเดิมอีกครั้ง ก็เห็นว่ายิ้มหวานมองผมมาทางนี้อยู่ก่อนแล้ว
ผมเลิกคิ้วแล้วส่งเสียง หืม... ในลำคอเพื่อจะถามเขาว่ามองกันทำไม?

"เปล่า"

"หื้ม? แน่ใจว่าเปล่า?"

"อืม ตอนแรกจะบอกว่าอย่าสูบเยอะนะ บุหรี่มันไม่ดีต่อสุขภาพ"

เขาพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มที่ยังไม่หายไปจากใบหน้า  ส่วนผมก็ต้องก้มหน้าเข้าไปใกล้ๆเขา เพื่อจะฟังให้ชัด เพราะเสียงเพลงจากวงดนตรีที่เล่นอยู่ดังจนแทบจะกลบเสียงยิ้มหวานอยู่แล้ว

"แต่บางคนเค้าก็เรียนหมออยู่ เรื่องพื้นฐานแบบนี้ ก็น่าจะรู้อยู่แล้วมั้ง"

คนตรงหน้าผมพูดยิ้มๆ พลางหันหน้าหนีไปอีกทาง แล้วทิ้งให้ผมนั่งยิ้มค้างอยู่อย่างนั้น
พร้อมกับที่เพลงๆใหม่ดังขึ้น....

เพลงคลั่ง ของวง 7thScene
 
ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะดีใจ
หรือจะมองมันในแง่ร้าย
ที่คนอย่างเธอเดินเข้ามาพูดคุยสบตา ทำดีจนใจหาย
ไม่รู้ว่าฉันเข้าข้างตัวเอง
ที่จริงเธอทำอย่างนี้กับคนทั่วไป
หรือฉันนั้นโชคดี ก็อดคิดอย่างนี้ไม่ไหว

 
เพลงโปรดของผมอีกแล้ว...
 
"ชอบเพลงนี้"
ผมกระซิบบอกคนที่นั่งอยู่ใกล้กันเบาๆพร้อมกับที่ท่อนฮุคมาถึงพอดี...
 
 
 
 
รู้บ้างไหมว่าเธอนั้นทำอะไรลงไป
รู้ไหมว่า ฉันคิดมากขนาดไหน
 
 
 
ได้โปรดเถอะ เธออย่าทำให้ฉันคลั่งไคล้
ถ้าฉันเป็นคนธรรมดาที่เธอไม่คิดอะไร
ในใจฉันตอนนี้นั้นคิดไกลไปถึงไหน
กลัวตัวเองไม่ห้ามใจ หยุดได้ไหม
ไม่อยากต้องมาเสียใจ
ถ้าเธอไม่คิดอะไรเลย ...

 
 
 
ผมมองคนที่ยังคงเอาแต่มองขึ้นไปบนเวทีแล้วก็ขยับริมฝีปากร้องตามเพลงไปเรื่อยๆ

ถ้าผมเป็นคนร้องเพลงๆนี้
คนที่ผมจะร้องบอกเนื้อร้องและท่วงทำนองเหล่านี้ให้ ก็ต้องเป็นเขา...
 
 
คิดได้อย่างนั้นผมก็ขยี้บุหรี่ลงกับถาดเซรามิคตรงหน้าเพื่อให้มันดับ แล้วปล่อยบุหรี่ที่เพิ่งทำหน้าที่ของมันมาได้ไม่ถึงครึ่งทางเอาไว้อย่างนั้นแบบไม่เสียดายสักนิด ก่อนดึงสายตากลับมามองคนข้างๆ พร้อมกับยกยิ้ม

ผมค่อยๆทาบมือลงไปบนหลังมือของเขาที่วางอยู่บนเบาะท่ามกลางความมืดอย่างแผ่วเบา ในตอนแรกเขายังไม่รู้ตัว จนกระทั่งนิ้วมือของผมสอดประสานกับนิ้วมือของเขาทั้งหมด คนที่ตั้งใจฟังเพลงอยู่ถึงได้หันมามอง พร้อมกับเสียงเพลงที่ยังคงดังคลออยู่ตลอด
 

ถ้าจะคิดอะไรมากมาย อย่างที่ฉันเป็น
ก็ช่วยทำอะไรลงไปให้มันชัดเจน
อย่าให้คิดไปเองอยู่อย่างนี้


 
ตอนนั่นเองที่ผมมองจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา แล้วขยับริมฝีปากตามเนื้อร้องในท่อนที่ช้าลงกว่าท่อนอื่นๆในเพลง...
 
"รู้บ้างไหมว่าเธอนั้นทำอะไรลงไป
รู้ไหมว่า ฉันคิดมากขนาดไหน"

 
ได้โปรดเถอะ เธออย่าทำให้ฉันคลั่งไคล้
ถ้าฉันเป็นคนธรรมดาที่เธอไม่คิดอะไร
ในใจฉันตอนนี้นั้นคิดไกลไปถึงไหน
กลัวตัวเองไม่ห้ามใจ หยุดได้ไหม
ไม่อยากต้องมาเสียใจ
ถ้าเธอไม่คิดอะไรเลย...


 
 
คนที่โดนจีบซึ่งๆหน้าอมยิ้มมาให้ผม ก่อนจะขยับฝ่ามือยุกยิกจนกระทั่งผมยอมปล่อยมือของเขาออก
ยิ้มหวานดึงมือตัวเองกลับไปกุมเอาไว้กับมืออีกข้างที่ยังว่าง ก่อนจะส่งสายตามาทางผม แล้วพูดด้วยสีหน้าดุๆไม่จริงจัง เหมือนจะคาดโทษกันหน่อยๆ
 
 
 
"จีบเราอีกแล้วนะ!"
 
 
 
เขาพูดเหมือนขู่
แต่สิ่งที่ผมรู้สึกอยู่ตอนนี้กลับตรงข้ามกับความกลัวอย่างเห็นได้ชัด

มันคงเป็นความรัก...

คนละเพลงแล้วเว่ย!
 
.
.



หลังจากวงโฟล์คซองขึ้นมาได้ไม่นาน ตอนนี้เวทีที่ยกสูงขึ้นมาเล็กน้อยของที่ร้านก็โดนพวกผมยึดครองเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ เพราะต่างคนก็ต่างสลับกันขึ้นไปร้องเพลงบนนั้นเหมือนอยู่ในห้องชมรม

เฮียบอกผมว่าเจ้าของร้านนี้ก็เป็นอดีตสมาชิกชมรมโฟล์คซอง ปกติเวลาจะฉลองอะไรกันก็จะมาที่นี่ตลอดอยู่แล้ว

"หมอ กูอยากฟังมึงร้องเพลงของสครับ"

เสียงพูดที่ดังผ่านไมค์มา ทำเอาผมที่นั่งพิงเก้าอี้ไขว้ห้างเอาข้อศอกพาดพนักพิงโซฟาอยู่ถึงกับตกใจ
ผมมองเฮียก่อนจะชี้นิ้วมาที่ตัวเอง
พอเห็นว่าเฮียพยักหน้ารับ แล้วพูดออกไมค์ว่า

"เออ มึงนั่นแหละ ลุกไอ้สัด"
โดนบังคับด้วยว่ะ -_-
ผมลุกขึ้นเดินขึ้นไปบนเวที
ส่วนเฮียก็ขยับตำแหน่งไปนั่งตีคาฮอง

พอนั่งลงตรงที่นั่งกลางเวทีปุ้บ ผมก็หันไปคุยกับวงว่าจะร้องเพลงอะไรดี ก่อนจะสรุปได้ว่า ผมจะร้องเพลงเข้ากันดี ของ scrubb

บรรยากาศมืดๆของร้านเหล้ากับแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปช่วยลดความประหม่าของผมได้ไม่น้อยเลย นั่นทำให้ตอนนี้ผมร้องเพลงออกมาด้วยความรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าตอนเย็นอย่างเห็นได้ชัด

ในสายตาผมแทบจะมองแทบจะไม่เห็นคนดูที่นั่งกันอยู่เต็มร้าน
แต่เนื้อร้องทุกๆท่อนที่ผมร้องออกมา มันทำให้ผมเห็นภาพคนๆนึงในความคิดได้อย่างชัดเจน

ผมร้องเพลงพร้อมๆกับมองลงไปที่นั่งด้านล่างแล้วเห็นเขายิ้มบางๆมาให้ท่ามกลางความมืด แค่นั้นหัวใจมันก็ดันสะดุดผิดจังหวะขึ้นมาทันที

ร้องเพลงจบผมก็กลับมานั่งลงข้างยิ้มหวานเหมือนเดิม  ก่อนจะเห็นว่าเขาหน้าแดงขึ้นมากกว่าเดิม
แสดงว่าเป็นพวกกินเหล้าแล้วแก้มแดงสินะ

ผมคงมองเขานานไปล่ะมั้ง คนโดนมองเลยหันมาหาผม แล้วขยับปากถามกันแบบไม่มีเสียงว่า มองอีกแล้ว!

ผมไม่ตอบ แต่ขยับเข้าไปใกล้พร้อมกับใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือเช็ดลงไปบนแก้มแดงๆ ที่ร้อนกว่าปกติขอบเขา ก่อนจะถาม

"เมารึยังเนี่ย?"

"หึ ไม่นะ"

"โอเคใช่ป่ะ?"

"โอเคมาก เป็นอะไรกับแก้มเราเนี่ย เมื่อกี้ก็ดึง"

"มันแดงกว่าปกติอ่ะดิ"

"ก็เหล้ากินเหล้าเข้าไปนี่" ^ ^

เขาตอบผมพลางหันมายิ้มให้กันเพื่อย้ำให้ผมมั่นใจ จนผมต้องตอบรับคำสั้นๆ แล้วยกมือขึ้นไปจัดทรงผมด้านหน้าของเขาที่ยุ่งขึ้นเพราะเจ้าตัวเอามือไปเสย ให้มันเข้าที่ พร้อมกับตอบรับคำเขาสั้น

"ครับๆ"

ไม่ทันไร เสียงจากที่นั่งตรงข้ามกันก็เรียกให้ผมหันไปมอง

"หมอ..."

ผู้หญิงสวยๆตรงหน้านี่ น่าจะเรียกเตือนเพราะผมแตะตัวเพื่อนเขามากไปแล้วมั้ง
อันนี้เดาเอาแบบร้อนตัวนิดหน่อย -_-
 
ก่อนที่ผมจะตอบรับเพื่อนสนิทของยิ้มหวานไปด้วยคำถามสั้นๆ

"มีอะไร?"

"ขยันจีบเพื่อนเราไปป่ะ?"

ยิ้มหวานได้ยินอย่างนั้นก็รีบส่งสายตาไปทางเพื่อนตัวเอง แล้วทำหน้าดุใส่ทันทีครับ
ส่วนผมไม่ตอบอะไร ได้แต่ยักคิ้วกลับไปพร้อมยกยิ้มมุมปากนิดนึง
 
"ขยันจีบขนาดเนี้ย - ฉันว่าแกซิ่วไปเรียนนาฏศิลป์เลยดีกว่าไป"

ได้ยินครั้งแรกผมหลุดขำเลยครับ ส่วนเพื่อนยิ้มหวานนี่หันไปยกแก้วเหล้าชนกับพวกเพื่อนๆของผมด้วยสีหน้าสนุกสุดๆ

ผมครุ่นคิดอยู่ไม่เกินห้าวิ ก่อนจะเหลือบมองคนข้างๆที่ตอนนี้หน้ามุ่ยไปใหญ่ แล้วตอบออกมา

"ซิ่วได้นะเว่ย แต่สงสัยต้องให้คนนี้ซิ่วไปด้วยกันว่ะ"

ผมพูดพลางยกมือขึ้น แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือชี้ไปที่คนข้างตัว ก่อนจะได้ยินคำตอบดังตามมาทันที

"อะไร?  เราไม่ไป หมอจะซิ่วก็ซิ่วไปคนเดียวเลย"

"ไม่ได้ดิ -- ถ้าไม่ซิ่วไปด้วยกัน เราก็ไม่ได้เจอคนที่ทำให้รู้สึกอยากจีบ"

"..."
ยิ้มหวานหันมาทำหน้ายุ่งใส่ผม...

"ให้ไปจีบคนอื่น...จีบไม่เป็นว่ะ"

โดนโห่ดังมากเลยว่ะ -_-
แถมไอ้เบอร์2 ยังเอื้อมมือมาตบหัวผมอีก
อะไรวะ?
 
เอาล่ะครับ
ผมจะปล่อยให้ไปพักอ้วก 15 นาที

- - - -

พวกผมออกจากร้าน และแยกย้ายกันตอนประมาณตีหนึ่งกว่าๆเพราะร้านจะปิดตอนตีสอง

เฮียกับเพื่อนๆ กลับกันไปแบบรถใครรถมัน
ไอ้โคนัน กับ ไอ้เบอร์2 ตัดสินใจไปนอนกองรวมกันที่บ้านไอ้เบอร์ 1
เพื่อนสนิทของยิ้มหวาน โทรเรียกแฟนให้มารับตั้งแต่ตี 1 แล้วแฟนก็มาจอดรถรออยู่สักพักแล้ว

ส่วนผมนี่ รีบอาสารับหน้าที่ขับรถพายิ้มหวานไปส่งที่คอนโด ก่อนจะขึ้นแทกซี่กลับบ้านตัวเอง

ร่ำลากันนิดๆหน่อยๆ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับ
วันนี้เมากันแบบซอฟต์ๆครับ อาจจะเพราะอยู่กันที่ร้านนั่งชิลด้วยล่ะมั้ง
ผมว่าร้านแบบนี้จะเมายากกว่าไปผับนะ ในผับนี่ทั้งเมาเหล้าเมาเสียงเมาแสง
รู้ตัวอีกทีก็เมาเป็นหมาไปแล้ว -_-
 
ระหว่างที่ผมกับยิ้มหวานกำลังเดินข้างๆกันไปยังมินิคูเปอร์ของเขาที่จอดอยู่ไม่ไกล ผมก็ยกมือขึ้นมายื่นไปขวางหน้าเขา แล้วพูดสั้นๆ

"กุญแจรถล่ะครับคุณหนู"

เขาหันมาย่นจมูกใส่ผม ก่อนที่ผมจะเห็นว่าผิวแก้มของเขาที่เคยแดงระเรื่อมากกว่านี้เริ่มกลับสู่สภาพปกติเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ

"อยากขับมินิอีกแล้วเหรอ?"

ยิ้มหวานถามผมกลับแบบยิ้มๆ ก่อนจะหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วส่งมาให้ผม

พอถึงรถ เราต่างคนก็ต่างขึ้นไปนั่งประจำที่
ผมสตาร์ทรถ แล้วหันมามองคนที่กำลังเก็บของที่วางอยู่ไปไว้ตรงเบาะหลัง
ก่อนที่ผมจะเอ่ยถามขึ้นมา

"ไม่เมาใช่ไหม?"

คนฟังได้ยินอย่างนั้นก็หันมามองผม ก่อนจะยิ้มให้แล้วพยักหน้าแทนคำตอบ

"แค่กึ่มๆน่า ยังไม่เมาเลย หมอเหอะ ขับรถได้นะ?"

"อืม แค่นี้สบายมากครับ"

"แน่นะ นี่กี่นิ้ว?"
เขาพูดพลางชู 2 นิ้วขึ้นมาตรงหน้าผม

"2 นิ้ว"

"ผิด 3 นิ้วว่ะ!"

"ฮึ?"

"เราหมายถึงนิ้วที่พับอยู่ต่างหากล่ะ?" ^ ^

ยิ้มหวานพูดพลางยักคิ้วมาให้ผมสองที
ดูภูมิใจมากที่กวนผมได้

"กวนนักนะ!"

ผมพูดพลางยื่นมือไปขยี้ผมเขาเล่น ก่อนจะออกรถ

เพราะตอนนี้ดึกมากแล้ว เราสองคนเลยใช้เวลาไม่นาน ที่จะมาถึงคอนโดของเขา
หลังจากถอยรถเข้าตรงช่องจอดรถเรียบร้อยแล้ว ผมก็พูดขึ้นมาเบาๆ

"เรา...มีอะไรจะถามว่ะ"

คำพูดนั้นทำให้คนที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถต้องหยุดชะงัก แล้วหันมาตอบผม

"ถาม?"

"..."

"ทำไมทำหน้าตาจริงจังงั้นอ่ะ?"

"รู้สึก...โอเคกับสิ่งที่เราทำวันนี้ใช่ไหม?"

ยิ้มหวานดูจะงงกับสิ่งที่ผมถามออกมา
เขาทำตาโต แล้วทำหน้าเหมือนจะขอฟังคำถามอีกครั้ง

"หมายความว่าไง? หรือว่ามีคนมาพูดอะไรไม่ดีใส่เหรอ?"

ผมยิ้มรับความห่วงใยในน้ำเสียงของเขา
ก่อนจะถามคำถามใหม่อีกครั้งให้ชัดเจน

"ที่เราร้องเพลงให้ ที่เราเดินจูงมือ ที่เราแสดงออกกับทุกคนว่าจีบ -- ประมาณนั้นแหละ โอเคไม่มั้ย ไม่อึดอัดใช่มั้ย?"

เขามองผมด้วยสายตาเหมือนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังถามอยู่
ก่อนจะตอบกลับมาด้วยคำถามเช่นเดียวกัน
 
"ดราม่าเหรอ?"

เขาถามแล้วขำออกมานิดหน่อย
ก่อนที่ผมจะหันไปตอบด้วยรอยยิ้มมุมปาก

"มั้ง อาจจะเพราะเรากินเหล้าไป แถมยังอยู่กับเพื่อนเยอะๆ เราเลยไม่ค่อยระวังตัวแล้วก็สนุกมากไปหน่อย -- ตกลงว่าอึดอัดกับสิ่งที่เราทำมั่งป่ะ?"

"ถ้าเราบอกว่าอึดอัดล่ะ?"

"ก็จะถอยออกมา -- นิดนึง"

"แล้วถ้าไม่อึดอัดล่ะ?"

"ลุยต่อดิ"

ผมพูดแล้วยักคิ้วให้เขา
คนตรงหน้าผมขมวดคิ้วเหมือนกำลังใช้ความคิด ก่อนจะตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม

"ถ้า...อึดอัดเมื่อไหร่เราจะบอกแล้วกัน"

คำตอบของเขาทำให้ผมนั่งยิ้มอยู่กับพวงมาลัยรถเหมือนคนบ้า...

รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ยิ้มหวานลงจากรถไปแล้ว และกำลังยืนเอาแขนคำประตูรถพร้อมกับเรียกผมอยู่
 
"หมออออ!"

".....หื้อ?"

"จะนั่งยิ้มให้พวงมาลัยรถเราไปจนเช้าเลยมั้ย? เราไปก่อนนะ"

"เฮ้ยย!"

ผมรีบลงจากรถ ล็อครถให้เรียบร้อย ก่อนจะวิ่งไปหาคนที่ยืนส่งยิ้มให้ผมมาแต่ไกล
พอไปถึงตัวเขา ผมก็ยกมือขึ้นพาดไหล่ แล้วแกล้งทิ้งน้ำหนักตัวลงไป
 
"หนัก~~"

ผมหัวเราะรับ แต่ก็ไม่ได้เถียงอะไร แถมยังไม่ยอมเอาแขนออก จนไปถึงหน้าประตูทางเข้าคอนโด


ผมหยุดอยู่ตรงนั้น ยกมือขึ้นขยี้เส้นผมสั้นๆแต่นุ่มมือของเขา ก่อนจะพูดออกมา

"ดึกแล้ว รีบขึ้นไปอาบน้ำนอนได้แล้วไป -- อ้อ อย่าฝันถึงคนอื่นล่ะ คืนนี้เราจอง"

คนที่เอาตัวออกจากแขนผมไปได้หันมามองกันด้วยหน้ามุ่ยๆ แล้วบ่นสั้นๆ

"หมอนี่น่าจะซิ่วไปเรียนนาฏศิลป์อย่างที่เพื่อนเราบอกจริงๆนั่นแหละ"

ผมยิ้มให้เขาอยู่พักนึง ก่อนตอบ
"ก็บอกไปแล้วว่าต้องซิ่วไปด้วยกันไง"

เขาได้ยินคำพูดของผมแล้ว... หาวออกมา

ผมมองใบหน้าอันสมบูรณ์แบบของเขา ที่ดูจะง่วงๆเลยปรือตาลงกว่าปกติหลังจากการหาวแล้วพบว่าเขาช่างน่ารักซะจริงๆ จนผมต้องยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าด้านข้างของเขา พร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือไล้สัมผัสผิวแก้มนุ่ม แล้วก้มหน้าลงไปพูดเบาๆ

"ขึ้นห้องอาบน้ำนอนได้แล้ว ถ้ายังอยู่ตรงนี้ต่ออีกแค่นาทีเดียวจะโดนขโมยหอมแก้มแล้วนะ"

คำพูดของผมทำให้เขาตาสว่างขึ้นมากะทันหัน
ยิ้มหวานยกมือขึ้น ตีที่ไหล่ผมทีนึง ก่อนจะถอยออกไป 1 ก้าว

"งั้นเรารีบไปดีกว่า - หมอก็กลับได้แล้ว ถึงบ้านแล้วรายงานด้วย อย่าไปนอนอยู่ตามพงหญ้าล่ะ" ^ ^

"ครับๆ"

ผมโบกมือลาส่งเขาจนเจ้าตัวเขาไปในลิฟต์ แล้วก็หลุดขำเมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาพูดออกมาเมื่อครู่

อย่าไปนอนอยู่ตามพงหญ้า?
นี่เห็นผมเป็นตัวอะไรเนี่ย? -___-
 
 
 
tbc.


- - - -


มีการดองตอน 10 อ่อน... ; - ;
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 08-06-2015 00:15:19
รุกจีบเข้าไปหมอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: Pawaree ที่ 08-06-2015 00:23:14
อย่าหายไปนานนะ มาต่อเร็วๆ


เขินแทนยิ้มหวาน โดนหมอจีบต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ :ruready
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: PaTtO ที่ 08-06-2015 00:23:23
อยากเป็นเมียหมอ มาหยอดพี่เถอะ :hao6:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-06-2015 00:25:32
 :katai3:



ฮิ้ววววววว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 08-06-2015 00:44:46
 :-[ :o8:  เรื่องนี้พูดได้คำเดียวว่า อะมุ้งอะมิ้ง มว๊ากๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: mynamejnkf ที่ 08-06-2015 01:31:28
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ฟหพดเืีัีาสาิดดอิทมม

ฟินมว๊าก จนพิมไม่ถูกเลยค่ะ ณ จุดจุดนี้

อิหมอออออ กรี๊ดดดดด แกนี่มัน หล่อ ใจหล่อ หน้าหล่อ การกระทำหล่อสุดๆ น้องยิ้มหวานยอมพี่หมอเถอะลูกโอ้ยยยยย :hao7: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 08-06-2015 01:32:18
ลงไปนอนเขินกับพื้นเตียง :z3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 08-06-2015 01:51:09
ยิ้มหวานนนน น่ารักอ่ะ
อ่านแล้วเขิลมาก *จิกหมอน*
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-06-2015 02:09:33
เมื่อไรจะเซย์เยสสักที
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: Rabity ที่ 08-06-2015 02:18:59
น่ารักมากคู่นี้ ชอบบรรยากาศของเรื่องมาก ค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรีบ
อยากบอกว่าเรื่องนี้ดีทุกอย่าง แต่ถ้าอัพเร็วกว่านี้นี่คือเลิศเลยอ่ะ 555
ตอนหน้ามาไวๆน้าาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 08-06-2015 05:43:18
วู๊ยยยยยยยยยย หมอเสี่ยวแดก เขินไปดิ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 08-06-2015 06:49:06
โอ้น่ารักเกินนนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 08-06-2015 08:08:33
ดาเมจหมอแรงแล้วนะ แต่พอเจอยิ้มหวานกลับมา....


ละลายกองอยู่แถวพงหญ้าแล้วนี่
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 08-06-2015 08:14:57
อ่านแล้วยิ้ม อ่านแล้วเขิน อ่านแล้วขำ โอ๊ยยยยยย อาการหนัก
หมอไม่ทนหยิกแก้มยิ้มหวานจนได้ แต่ตอนนี้แม่งอยากหยิกแก้มหมอว่ะ หมอน่ารักน่า(โดนหมอ)จีบมากกกก
อร๊ายยยยยยยย!!!! เอาหน้ามุดหมอน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 08-06-2015 08:21:18
 :heaven ฟินแบบเบา ๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 08-06-2015 08:34:06
หมอหล่อมั่กกกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: GlassesgirL ที่ 08-06-2015 08:38:48
ยิ้มหวานน่ารัก เมาแล้วแก้มแดง :o8:
แต่หมอเสี่ยวพอตัวเลยนะ 5555

 :mew1: :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 08-06-2015 08:43:31
หวานได้เรื่อยๆ หวานได้อีก
#อิจฉา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 08-06-2015 09:00:12
หมอน่าฟัดให้หายหมั่นเขี้ยว!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 08-06-2015 09:14:03
ชอบมากกกกก ต่ออีก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: ☾❤Nyanpire❤☽ ที่ 08-06-2015 09:16:21
ตอนนี้จีบหนักมากกกกกกกก

ยิ้มหวานไม่ว่าอะไรลุยเต็มทีเลย
สู้ๆ  :katai5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: BaZkon ที่ 08-06-2015 09:45:47
โง้ยยยยย หมอแม่ง เขินกว่ายิ้มหวานก็นี่แล้วล่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 08-06-2015 11:05:33
เขินแทน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 08-06-2015 11:14:49
เบาหวานขึ้นมาก ณ จุดนี้ :o8:
น่าร้ากกกกก ยิ้มหวานน่ารัก หมอก็น่ารัก  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 08-06-2015 12:23:03
เขาจีบกันน่ารัก  น่ารักดีคู่นี้
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: yearrayoeng ที่ 08-06-2015 14:23:16
เขิน อ่านไป เขินไปทุกตอน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 08-06-2015 15:27:15
เขินหนักมากจะบ้าตายหัวใจจะวายก่อนยิ้มหวานแล้วเนี่ย  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: aiLime13 ที่ 08-06-2015 15:54:38
ถ้าอึดอัดเมื่อไหร่แล้วจะบอก

โอยยยยยยยยยย ยิ้มหวานน่ารักแก้มแตกกกก /หยิกแก้ม

เราชอบเดอะแก๊งค์ของยิ้มหวานกับของหมอมากเลยค่ะ
แต่ละคนนี่ตัวชงแล้วเทราดสาดสองคนนี้มาก ตัวฮามากเลยด้วย ปลื้ม 55555555

หมอนี่ดูแคร์ยิ้มหวานดีเนอะ
ฮือออออออ ทำแบบนี้ใครจะไปอึดอัดล่ะหมอออออออ  :-[

รุกจีบไปเถอะ สู้ๆ นะแกกก >_<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 08-06-2015 16:35:51
น่ารักเกินไปแล้วนะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 08-06-2015 16:43:26
นิยายเรื่องนี้ให้อะไรหลายๆ อย่าแก่เรา
บอกตรงๆ ว่าไม่เคยเจอฉากชนแก้วที่ไหนมันน่ารักสุดๆ ขนาดนี้มาก่อน
แถมยังมีบทสนทนาที่โคตรฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมว
จีบเราอีกแล้วนะ
โอ้ย จะบร้าตายย น่ารักงี้ฆ่าเราเหอะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 08-06-2015 17:03:44
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: letterdream ที่ 08-06-2015 18:24:29
เขินไม่ไหวแล้ววววว  โอ้ยยยย  จะน่ารักไปไหนนนน   :-[ :-[ :-[ :-[ :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 08-06-2015 19:18:01
อย่ารีบเป็นแฟนกัน
  จีบกันนาน ๆ
    เราชอบ
   :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: KMprince ที่ 08-06-2015 21:08:13
หมอจีบหนักๆ จีบเยอะๆเลย
เดี๋ยวยิ้มหวานก็ใจอ่อน ยอมตกลงคบเอง เพราะว่าหมอมั่นคง หุหุ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 08-06-2015 21:37:36
น่ารักมาก เขินแทนยิ้มหวาน หมอรุกหนักมาก  :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 08-06-2015 21:52:43
น่ารัก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 08-06-2015 22:15:08
ยาค่ะยาาาา ชั้นต้องไปรับยาด่วนเลยยย  ใช้งานกล้ามเนื้อตรงแก้มหนักกะทันหัน และเบาหวานขึ้นตาด้วยเนี่ยะะะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: New_Tai ที่ 08-06-2015 23:08:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 08-06-2015 23:17:32
ละลายเจ้าคร่าาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: ฝัullล้วlv ที่ 08-06-2015 23:31:50
หมอแคร์ยิ้มหวานมากอ่ะ

มีถามด้วยว่าอึดอัดไหม  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 09-06-2015 01:17:09
มดเต็มกระทู้เบยยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 09-06-2015 01:24:59
เรื่องนี้น่ารักมั่กๆอะ..ชอบตอนพี่หมอกับผองเพื่อนช่วยกันจีบยิ้มหวาน
อ่านแล้วฮาหลุดโลกกกก...นี่คือหมอกันหรอเนี่ย..55+
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: duckduckk3 ที่ 09-06-2015 01:31:54
หมอออออออออ จีบแรงมากกกกกก 55555555
ยิ้มหวานตอนที่หน้าแดงนี่ไม่ใช่เพราะเหล้าใช่มั้ยยย
เขินอะดิ๊ เรายังเขินแทนเลยยยยยย ><

พี่กีปูขาาา อย่าดองอ่อนสิค่ะะะะ หนูอยากอ่าน> <
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 09-06-2015 01:35:59
หมอจีบได้น่ารักอ่า ยิ้มหวานไม่เขิลให้รู้ไป คนอ่านยังเขิลแทนเลยอ่า  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_ever ที่ 09-06-2015 06:40:10
คิดถึงยิ้มหวานแล้ว รีบมาต่อเร็วๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: gessuriyong ที่ 09-06-2015 08:27:28
นึกหน้าแล้วฟินอ่าแกรรร   :jul1: :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 09-06-2015 22:16:42
โฮ้ยยย ยิ้มหวานน่ารักว่ะ รำคาญจะบอก วิ้ววววๆๆๆ กับตอนอย่าไปนอนตายพงหญ้า
หมอแบบชีวิตดี๊ดี โคตรฟินอ่ะ ขยันจีบจริงจัง เปลี่ยนเป็นเงินได้คือรวยละ 5555
ตอนเป็นแฟนกันจะน่ารักขนาดไหนเนี่ย

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 10-06-2015 20:33:26
แม่จ๋า เค้าจีบกันน่ารักจังเลยค่ะ หนูละอิจฉาเลย 55555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 11-06-2015 00:59:35
กรีสสสสสสสสสสสสสสสส   รอค่าาาาา  อย่างงงง  นาน น้าาาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 11-06-2015 21:40:43
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วต้องยิ้มเขินตาม
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 12-06-2015 00:11:08
ฟินไป :heaven
อ่านแล้วหุบยิ้มไม่ลงจริงๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: ziqh.leo ที่ 12-06-2015 00:24:22
คือ ฟินโคตรรรรรร น่าร๊ากกกกกก  :hao7:
รอตอนที่ 10 อยู่นะคะ

รักหมอ..อิน ละละเลิ๊บบบบบ  :katai5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: icecreamii8_ ที่ 12-06-2015 16:45:35
งื้อออออออ ฟินนนนนนน
รอตอนต่อไปค่า -///-
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 12-06-2015 17:08:28
น่ารักสุดๆ ไปเลยค่าา.. :m3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 15-06-2015 22:30:16
เพิ่งจะเข้ามาตามอ่าน
น่ารักมากๆ อ่านไปยิ้มไป ฟินไปอีก
ชอบตอนนศพ. เพ้ออ่ะ อะไรก็ยิ้มหวาน ดีแบบนั้น น่ารักแบบนี้
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 17-06-2015 09:50:54
โอ๊ยมันเขิน มันฟิน อ่านแต่ละตอนแล้วยิ้มแก้มปริ ประทับใจมากกกกกกกก ก เป็นอนันต์
ยิ้มหวานก็มุ้งมิ้งน่ารัก หมอก็นิ่งๆแต่ขยันจีบจริงๆ อย่างไรก็ดีสองคนี้อย่าลืมไปขอบคุณพนักงานร้านกาแฟนะที่จัดโต๊ะให้นั่งด้วยกัน


หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: duckduckk3 ที่ 17-06-2015 11:59:49
คิดถึงยิ้มหวานกับเจ้าของชีทแล้วน๊าาาาาาาาาา  :ling1:
พี่ปูจ๋าาาาาา หายไปไหนนนนนนนน  :sad4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 17-06-2015 13:53:07
หายไปไหนน้าาคิดถึงยิ้มหวาน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: ploetkrai ที่ 18-06-2015 02:54:21
คิดถึงยิ้มหวานจังเยยย 
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: jungjiyoo ที่ 19-06-2015 13:54:43
นี่มัน นศพ.เจตนันท์ชัดช๊าดดดดดดด แอร๊ยยยยยยยยยยย ทั้งจิวทั้งเสื้อดำทั้งร้านกาแฟ หล่อละมุนมากกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: smilepengy ที่ 19-06-2015 16:52:02
โคตรของโคตรน่ารักอะ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: whynotme ที่ 19-06-2015 21:27:52
น่ารักมาก ๆ ๆ   :o8:   :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: TATO ที่ 21-06-2015 01:14:44
อยากิ่านต่อแล้วอ่ะ น่ารักที่สุด  :- :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 21-06-2015 05:49:00
ยิ้มหวานหายยยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 21-06-2015 09:38:16
 :mew3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: Faiia ที่ 22-06-2015 08:17:11
น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

มาต่อไวๆนะคะ รออยู่ๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: Noeinoey ที่ 24-06-2015 02:02:57
โอ๊ยยยย น่ารักที่สุดในโลกกก :heaven
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 24-06-2015 04:34:52
ละลายไปกับคู่นี้ มันดูละมุนฟีลกู้ดมากมายอ่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 26-06-2015 23:45:42
ครายเอายิ้มหวานไปซ่อนนนนน บอกม๊าาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 27-06-2015 17:34:21
หมอขยันจีบมาก โอ้ยเขินอะ
หื้อ แล้วเวลาหมอจีบมันดูอบอุ่นแปลกๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [09] <08.06.15> page 14
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 28-06-2015 20:36:44
รอนานมากกกกกกกกกกกก

มาเถ๊อะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ


 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 29-06-2015 01:14:52
(https://pbs.twimg.com/media/CARiUFyU0AAxVvR.jpg)
❤ กรี้ดกร้าดในทวิตฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ นะคะ
❤ แอบมีเพลงอ่ะ  : )  minute of love - Super Baker (https://www.youtube.com/watch?v=ePtaWWiNtlI)



[10]




ตอนนี้เวลาหกโมงครึ่ง....
ผมเพิ่งเลิกเรียน และกำลังเดินลากขาเหมือนหุ่นยนต์ที่แบตกำลังจะหมดออกมาจากตึก

ทันทีที่รู้สึกถึงอากาศปลอดโปร่งนอกอาคาร ผมก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เพิ่งจะรู้ว่าห้องเรียนมันอุดอู้แค่ไหนก็ตอนที่ได้กลิ่นฝนที่เพิ่งซาไปแบบนี้นี่แหละ

ก่อนที่ไอ้เบอร์1มันจะเดินตามมา แล้วฟาดไหล่ผมดังปั่ก!
"หิวชิบ! หาไรแดกกัน"
มึงหิว แล้วจำเป็นมั้ยที่ต้องมาฟาดกูเต็มแรง?

สักพักเสียงบ่นยาวๆก็ดังมาจากไอ้เบอร์2ที่ยืนถัดไป
"เหนื่อยชิบหาย! แขนขากูนี่แทบหลุดออกจากตัว หัวสมองแตกโพล๊ะเป็นโกโก้ครั้นช์!"

“มุกควาย บึ้มเป็นโกโก้ครั้นอะไรนี่เลิกเล่นเหอะสัด ฝืด"
ไอ้เบอร์ 1 บ่นต่อพลางหาวออกมายกใหญ่ แล้วทรุดตัวลงนั่งยองๆลงกับพื้น

ทั้งหมดนี้มีสาเหตุมาจากการที่พวกผมต้องเรียนหนังสือกันตั้งแต่แปดโมงเช้า ได้พักเที่ยงแค่ครึ่งชั่วโมง ก่อนจะเรียนต่อจนมาถึงตอนนี้

 "มึงอ่ะ นัดยิ้มไว้ป่ะ?"

ยิ้มพ่อง -_-
จากที่แรกๆพวกมันเรียกเขาตามผมว่ายิ้มหวาน ตอนนี้มีชื่อเล่นให้แล้วครับ
'ยิ้ม' คำเดียว สั้นๆ จบ
 เพื่อนเล่นมึงรึไง?

"ว่าจะแวะไปว่ะ พวกมึงแดกไรกันอ่ะ?"

"สเต็กกก กูอยากกินสเต็ก!"
ไอ้โคนันที่เพิ่งเดินตามออกมายืนเอาหัวพิงเสา แล้วตอบกลับมาด้วยความเหม่อลอย
ไอ้นี่อาการหนักสุดครับ เพราะมันตั้งใจเรียนอย่างจดจ่อทั้งวันเลยจริงๆ พวกผมนี่ถ้าขี้เกียจก็หลับบ้าง เหม่อบ้าง  แอบเล่นมือถือบ้าง แต่ไอ้โคนันไม่มีเลยครับ

ดีขนาดนี้ แต่ยังโสดนะครับ
ใครสนใจฝากเบอร์ไว้ดิ - _ -

ผมมองพวกเพื่อนๆอีกรอบ แล้วถอนหายใจกับพวกว่าที่นายแพทย์ในอนาคต

"พวกมึงไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูตามไป แวะไปหายิ้มหวานที่คณะก่อนแป้บนึง"

พูดจบผมก็เดินแยกจากพวกมันมา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ แล้วตัดสินใจโทรหาเขาแทนที่จะไลน์ไปอย่างทุกที เผื่อตอนนี้เจ้าตัวไม่อยู่ที่คณะแล้ว ผมจะได้ไปที่ร้านสเต็กพร้อมไอ้พวกสามคนนั้นเลย
รอสายอยู่ไม่นาน เขาก็รับ...

"ไงหมอ~"
มาแค่เสียงยังน่ารักเลยเว้ย

"หวัดดี เพิ่งเรียนเสร็จว่ะ"

"ฮึ? โทรมาบอกกันเนี่ยนะ?"
เออนั่นดิ จะบอกเขาทำไมวะ?

"ไม่มีอะไร จะถามว่าอยู่ไหน ถามได้ปะล่ะ?"

เขาหัวเราะรับนิดๆ ก่อนจะตอบผมกลับมา
"ได้ดิ เราอยู่ตึกคณะ ยังนั่งทำงานอยู่ที่เดิมเลย...."

พูดจบเขาก็หาวใส่โทรศัพท์มาทีนึง แทนคำตอบ ง่วงมากสินะ
ไหวมั้ยเนี่ย?

"ง่วงอ่ะดิ กินข้าวยัง กาแฟมั้ย?"

"ถามเยอะจัง ง่วง เราหลับอยู่ เพิ่งตื่น ยังไม่กินข้าว อยากกินกาแฟนิดนึง"

น้ำเสียงสดใสของเขาไล่่ตอบผมทีละคำถามอย่างน่ารัก จนผมยังหลุดยิ้ม แล้วเอาเท้าเตะต้นไม้แถวนั้นเล่นแก้เขิน

"อืม งั้นเดี๋ยวไปหา"

"ฮึ? มาหาเรา?"

"ใช่อะดิ จะให้ไปหาใคร?"

พูดจบผมก็ยิ้มออกมา ยิ่งเขาเงียบ ผมก็ยิ่งยิ้ม  จนกระทั่งได้ยินเสียงเจ้าตัวตอบกลับมาแบบลากเสียงนิดหน่อย

"อื้อ~~"

"จะกินอะไรก็ไลน์มาบอกนะ ถามเพื่อนด้วยจะได้ซื้อไปทีเดียว"

"โอเค เก็บตังเราด้วย ห้ามเลี้ยงล่ะ"

พูดจบเขาก็รีบตัดสายไป หลังจากนั้นไม่นานไลน์ผมก็เด้งพร้อมกับรายการของกินยาวเหยียดที่เขาส่งมา พร้อมคำสั่งปิดท้าย

*อย่าลืม!!!
*ห้ามเลี้ยงนะ เก็บใบเสร็จมาให้เราด้วย
 *^ ^


ผมส่งสติ๊กเกอร์โอเคกลับไป ก่อนจะเดินไปเซเว่นสาขาที่ใกล้ที่สุด แล้วซื้อของเยอะแยะมากมายตามที่เขาสั่ง และกลับมาเอารถเพื่อขับไปที่คณะของเขา

เพราะวันนี้ต้องเข้าเรียนเช้ากว่าปกติ แถมยังต้องเรียนหนักทั้งวัน ผมเลยตัดสินใจขับรถมา
รู้เลยว่า กว่าจะเรียนเสร็จก็คงไม่มีแรงจะไปเบียดกับใครในรถไฟ้าอีก

มาถึงหน้าคณะเขา ผมก็จอดรถ ก่อนจะไลน์หากันอีกครั้ง

*ถึงแล้ว
*เดี๋ยวไปนั่งรอที่โต๊ะม้าหินหน้าคณะแล้วกัน


พิมพ์เสร็จผมก็หิ้วถุงก๊อบแก๊บสี่ห้าใบที่อัดแน่นไปด้วยขนมและข้าวกล่องแล้วลงไปจากรถ

พอเดินเข้าไปใกล้บริเวณที่นัดกันไว้ ผมก็เห็นว่าเขามานั่งรออยู่ก่อนแล้ว และคงจะได้ยินเสียงผมที่เดินเข้าใกล้เข้ามา เลยหันมาโบกมือให้กันพร้อมรอยยิ้ม

หัวใจผมแม่ง สะดุดผิดจังหวะอีกครั้งอย่างไม่รู้จักเบื่อ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เขา วางถุงทั้งหมดลงบนโต๊ะ
แล้วนั่งลงข้างๆคนที่หันหลังพิงขอบโต๊ะอยู่

"ไง...งานอีกเยอะป่ะ?"

เขาหันมายิ้มให้ผมนิดๆ ตอนนั้นเองที่ผมเห็นว่าผมเส้นเล็กๆของเขาดูยุ่งเหยิงกว่าทุกวัน แถมใบหน้าที่ดูสดใสก็ติดจะง่วงงุนเกินปกติ

"ไม่เยอะนะ แต่เราอยากรีบทำให้เสร็จวันนี้เลย เสาร์อาทิตย์นี้ไม่ได้อยู่ช่วยเพื่อนด้วยอ่ะ"

"อ่าว ไปไหน?"

"ไปเขาใหญ่ ไปกับที่บ้าน – เอ้อ! เสาร์นี้ผมเบี้ยวนัดด้วยนะครับคุณหมอ"

เขาบอกผม พร้อมกับส่งยิ้มตาสระอิมาให้

การไปนั่งร้านกาแฟด้วยกันทุกวันเสาร์กลายเป็นนัดประจำตัวของเขาไปแล้ว...

ผมยิ้มออกมากับความคิดนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ นอกจากพยักหน้ารับรู้

อาจจะเป็นเพราะเรายังไม่มีอะไรอยากจะเล่าให้อีกฝ่ายฟัง ผมกับเขาเลยนั่งข้างกันไปเงียบๆ เขาเหยียดแขนบิดขี้เกียจ ส่วนผมก็นั่งรับลมเย็นๆ
หันมาอีกที คนข้างๆตัวผมก็เริ่มหันไปรื้อถุงก็อบแก็บที่วางอยู่ แล้วถามออกมาทั้งๆที่ไม่หันมามองกัน

"ซื้ออะไรมามั่งเนี่ย? เยอะแยะเลย"

"ก็ตามที่บอกอ่ะ"

"แล้วหมอกินไรยัง?"'

ผมหันไปมองคนถาม ยิ้มมุมปากไปให้ แล้วส่ายหน้าตอบ ก่อนจะเพิ่งสังเกตเห็นว่าผมทางด้านหลังของเขา มีส่วนนึงที่กระดกขึ้นมานิดหน่อย

เห็นอย่างนั้นผมก็ยื่นมือไป แล้วลูบให้มันกลับเข้าที่ พร้อมกับที่เขาถามออกมา

"หัวยุ่งเหรอ?"

"อือ นิดนึง"

"เมื่อกี้เราแอบหลับไง คนแถวนี้โทรมาปลุกว่ะ"

ผมเห็นคนข้างตัวพูดพลางหัวเราะออกมานิดหน่อย ก่อนจะหยิบขนมจีบกุ้งออกจากถุง แล้วยื่นมาตรงหน้าผม

"กินมั้ย?"

ระหว่างที่ผมกำลังงง และไม่รู้ว่าจะรับมือกับการที่มีเขามายื่นของกินให้อยู่ตรงหน้าแบบนี้ได้ยังไง
เค้ายื่นมาให้ผมรับไปกิน หรือว่ากำลังป้อน -- นั่นแหละประเด็น
มือของเขาก็ยังคงขยับเข้ามาใกล้และยืนยันจะให้ผมกินขนมจีบตรงหน้านี้ให้ได้

ผมเลื่อนสายตาจากขนมจีบไปสบตากับเขา ก่อนจะเห็นว่าคนข้างๆกำลังยักคิ้วมาให้กันอย่างน่าตี
ได้... กวนกันใช่ไหม?

"ป้อนขนมจีบให้แบบนี้นี่ -- จีบกันรึไง?"

ผมพูดจบปุ๊บ คนข้างๆก็ทำสีหน้าตกใจ ก่อนจะดึงมือกลับไป แล้วงับขนมจีบอันแรกเข้าปากไปทันที

ผมมองเขาแล้วหลุดขำ ก่อนจะจับข้อมือของเขาไว้ ดึงให้ขนมจีบที่เสียบไม้อยู่นั้นกลับมาอยู่ตรงหน้าผมอีกครั้งแล้วกัดมันเข้าไปในปาก

อดไม่ได้ที่จะยักคิ้วให้เขาสองที ระหว่างที่กำลังเคี้ยวขนมจีบอุ่นๆไปด้วย

หลังจากผมปล่อยข้อมือของเขาเป็นอิสระ ใบหน้าอันสมบูรณ์แบบของเขามุ่ยเข้า ก่อนจะจ้องหน้าผมกับสายตาเอาเรื่ิอง

"ที่เหลือเราไม่แบ่งแล้ว ไม่ต้องมามองหน้าเลย"

"ตามใจ~"

คำตอบของผมทำให้ ริมฝีปากเล็กๆยื่นออกมาอย่างน่าเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยถามคำถามไปอีกเรื่องหนึ่ง

"มัวแต่แกล้งคนอื่น ถามก็ไม่ตอบ กินอะไรมายัง?"

คำถามของเขาทำให้ผมหลุดยิ้ม เพราะความห่วงใยที่เจืออยู่ในนั้น ก่อนจะตอบกลับไป

"ยััง"

"แล้วทำไมไม่ซื้ออะไรมากินอ่ะ"

"เดี๋ยวต้องไปกินข้าวกับไอ้พวกนั้นอ่ะดิ"

"อ้าว! แล้วทำไมไม่รีบไป เพื่อนรอแล้วมั้ง"

"ดูคนกินขนมจีบอยู่เนี่ย"

"บ้าดิ มานั่งดูเรากินทำไม ไปหาเพื่อนได้แล้ว"

พูดจบเขาก็หันมา แล้วยกมือขึ้นตีต้นแขนผมทีนึง แล้วออกแรงดันที่ไหล่ผม เหมือนจะเร่งให้ลุกขึ้นยืน

"โอเคๆ ไปก็ได้"

พูดจบผมก็ยอมลุกขึ้นยืน ดึงเสื้อนักศึกษาที่ยับยู่ยี่ให้เข้าที่ ก่อนจะเห็นคนข้างๆตัวลุกขึ้นเหมือนกัน

ผมมองยิ้มหวานที่กำลังทำหน้าจริงจัง พยายามรวบถือถุงใส่ของเอาไว้ให้หมด ก่อนจะยื่นมือไปขยี้เส้นผมสั้นๆของเขาให้ยุ่งเหยิงไม่ต่างจากตอนแรก

ผมมองคนที่หน้ามุ่ย ผมยุ่ง แถมยังถือถุงก๊อบแก๊บเต็ม2มือแล้วยิ้มออก
สิ่งที่ผมคิดอยู่ในใจตอนนี้ก็คือ -- ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไง อยู่ในสภาพแบบไหน ทำไมเขาถึงได้ดูน่ารักอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้นะ? ผมเองก็ไม่เข้าใจ...

"ไปแล้ว ตั้งใจทำงานนะ เอารถมาปะ? ให้มารับมั้ย?"

"ถามเยอะอีกละ ไม่ต้องหรอก เรากลับเองได้" ^ ^

"อืม เดี๋ยวถึงบ้านแล้วไลน์หา ตั้งใจทำงาน สู้ๆ"

ผมได้รับรอยยิ้มจากเขาแทนคำพูดรับปากว่าจะตั้งใจทำงาน ก่อนจะเดินผละออกมา

เดินออกมาได้สองสามก้าว อยู่ดีๆผมก็หยุดฝีเท้าลง ก่อนจะมองกลับไป เพื่อที่จะเห็นว่า ใครอีกคนที่กำลังจะเดินเข้าไปในตึกคณะก็บังเอิญหยุดเดินและมองกลับมาที่ผมพอดี

ผมยกมือขึ้น โบกมือให้เขา ก่อนที่เขาจะย้ายของที่ถืออยู่ด้วยมือ2ข้างไปไว้ที่มือซ้ายแล้วโบกมือกลับมา ก่อนจะหันหลังเดินเข้าตึกไป

ผมมองแผ่นหลังได้รูปที่ห่างออกไปแล้วหลุดยิ้มกับเรื่องที่เพิ่งนึกขึ้นมาได้...

ครั้งแรกที่ผมเห็นเขาก็คือตอนที่เขายืนอยู่ตรงนั้น

จริงๆต้องใช้คำว่า 'ครั้งแรกที่ในหัวสมองของผมบันทึกภาพของเขาเอาไว้' ถึงจะใช่มากกว่า

นักแต่งเพลงคนหนึ่งเคยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องวินาทีหนึ่งที่ทำให้คนแปลกหน้า 2 คนจดจำกันได้...
ผมก็จำคำพูดของเขาไม่ได้หรอกว่า เค้าพูดว่าอะไร แต่ใจความรวมๆก็มันประมาณว่า

คุณเคยสงสัยไหมว่า วินาทีไหนที่คน2คนไม่ได้เป็นคนที่เดินผ่านกันอีกต่อไป
แต่กลายเป็นคนที่เห็นกันและกันในสายตา

ความสงสัยนั้นทำให้เขาเขียนเพลงที่ชื่อว่า minute of love ขึ้นมา

และ วินาทีนั้นของผมเกิดขึ้นที่หน้าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ในบ่ายวันหนึ่ง
วันที่ผมเห็นยิ้มหวานในสายตาเป็นครั้งแรก...

ตลอดระยะเวลาปีกว่าในมหาวิทยาลัย ผมอาจจะเคยเดินสวนกับเขาเป็นสิบครั้ง ยี่สิบครั้ง สามสิบครั้งหรือมากกว่านั้น ผมไม่เคยรู้ เพราะสายตาผมก็แค่มอง -- แต่ไม่ได้เห็น

ผมไม่เคยบันทึกภาพของเขาเอาไว้ในหัวสมอง แค่ยอมให้เขาผ่านตาเข้ามา แล้วก็ปล่อยให้ผ่านออกไปเหมือนใครอีกหลายคนที่บังเอิญเดินสวนกับผมเช่นกัน

ใครจะไปรู้...ในครั้งที่หนึ่งร้อย หรืออาจจะมากกว่านั้น...
อยู่ดีๆสมองของผมก็บันทึกภาพของเขาคนนี้เอาไว้ แล้วส่งตรงไปที่หัวใจในทันที

วันนั้นผมโดนเพื่อนที่คณะลากมาโปรโมทกิจกรรมตรงพื้นที่ว่างหน้าคณะของเขา
เพียงเพราะว่าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์อยู่ติดประตูใหญ่จึงมีคนผ่านไปผ่านมาเป็นจำนวนมาก

ตอนนั้นผมกำลังนั่งอู้อยู่กับไอ้เพื่อนเวรสามคนนี้แหละ
ไอ้เบอร์1มันกำลังทายคำถามเรื่อง

'สัตว์อะไรไม่ได้ดอกไม้วันวาเลนไทน์'

ผมฟังคำถามของมันผ่านๆ แล้วถอนหายใจกับคำตอบที่ว่า 'สัดเอ้ย กูนี่แหละ'
ก่อนจะตัดสินใจเบนสายตามองบรรยากาศร่มรื่นรอบตัว เพียงเพราะอยากจะหนีจากมลพิษทางบุคคลที่ยังคงถามคำถามแนว 'สัตว์อะไร...' ของมันต่อไป
ตอนนั้นเองที่สายตาของผมไปสะดุดเข้ากับใครคนหนึ่งเข้าเต็มๆ

ถ้าการ 'สะดุดตา' มันแสดงออกได้เหมือนเวลาเราเดินสะดุดก้อนหิน
วันนั้นผมคงสะดุดแรงมากจนหัวทิ่มไม่มีชิ้นดี...

ภาพในตอนนั้นที่ผมเห็นคือ มีนักศึกษาคนนึงกำลังหอบข้าวของมาเต็มสองมือแบบทุลักทุเล
 
เขาเดินมาจากอีกฝั่งนึง ข้ามถนนแคบๆ แล้วเดินใกล้เข้ามายังจุดที่พวกผมนั่งกันอยู่

ใบหน้าของเขาดูบึ้งตึง แต่แปลกดีที่สีหน้านั้นยังคงไม่ทิ้งความสดใส
เขาเข้ามาใกล้พวกผมมากขึ้นอีกนิด ก่อนจะวางของทั้งหมดลงบนโต๊ะม้าหินที่อยู่ถัดไปสักสามสี่ตัว

พอได้วางของทั้งหมดลง เขาก็ถอนหายใจ ใช้หลังมือปาดเหงื่อ และทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้
พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมา ผมเดาเอาว่าเขาน่าจะกำลังโทรตามใครสักคน
 ริมฝีปากเรื่อสีตามธรรมชาตินั้นขยับบ่นไม่หยุดจนผมที่นั่งมองอยู่ยังต้องกลั้นขำ

 "มึง..."

 "...."

"คุณมึงครับ!!!!!"

และตอนนั้นเองที่เสียงเรียกดังๆพร้อมกับแรงตบหนักๆจะฟาดลงมาบนหัวของผมเต็มๆโดยฝีมือไอ้เบอร์ 1 คนเดิม เพิ่มเติมเดี๋ยวบอก
ผมหันไปมองไอ้เพื่อนสามคนที่มองมาที่ผมเป็นตาเดียว ก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่า พวกมันมีธุระอะไร?

"ไม่ต้องมาหน้าเหวอไอ้สัด!"

"อ่าว เหี้ยนี่! ก็อยู่ดีๆมึงมาฟาดหัวกู กูจะไม่เหวอได้ไงวะ"

"กูเรียกมึงหลายครั้งแล้วมั้ยล่ะ"

"อ่าวเหรอ โทษๆ กูไม่ได้ยินจริงๆ"

ผมไม่ได้เว่อนะเว้ย
ไม่ได้ยินมันเรียกจริงๆเหอะ -_-

"เออกูเชื่อ – มึงเป็นเหี้ยไร นั่งยิ้มลำพังหัวเราะลำพังสดชื่นกว่าทักครั้งที่ผ่านมา..."

"..."
ตลกมากมั้ยสัด?

"เมาเห็ดเหรอ?"

เห็ดหน้ามึงสิ -_-

"นั่นสิ..."

พูดออกมาแค่นั้น...ก่อนไอ้โคนันก็ดึงสายตากลับไปยังที่ๆเขาเคยยืนอยู่ ผมเองก็มองตามมัน ก่อนจะเห็นแค่แผ่นหลังของเขา ท่ามกลางเพื่อนๆอีกสองสามคนกำลังช่วยกันถือของเดินเข้าตึกไป

ริมฝีปากผมกดยิ้มโดยอัตโนมัติ ตอนที่เขาหันไปพูดกับเพื่อนด้วยสีหน้ามุ่ยๆอีกครั้ง เหมือนกำลังบ่นเรื่องลมฟ้าอากาศ

"เมาเห็ดพ่อง กูง่วงเลยเหม่อๆ"

"อ๋อเหรอ -- เห็นมึงเหม่อชิบ ก็นึกว่าแอบมองใคร"

ไอ้สัดโคนัน แว่นมึงนี่ซ่อนสมองกลไว้ใช่มั้ย ถึงได้รู้ทุกเรื่อง

"ไม่ได้มองใครเว่ย แค่กูเห็นเด็กถาปัตย์ตรงนั้นท่าทางวุ่นวายชิบ กูก็ดูเฉยๆ"

"คร้าบ...แถได้แถไป อย่าให้กูรู้นะ จะด่าให้มึงกลายเป็นตัวเหี้ยเลย"

ผมไม่ต่อปากต่อคำกับพวกมันอีก แต่ตอบกลับไปด้วยการยักคิ้วทีนึงพร้อมกับยิ้มมุมปาก
การกระทำนั้นทำให้ผมโดนพวกมันโบกกบาลไปอีกคนละที

หลังจากนั้นไม่นานช่วงเวลาแห่งการอู้งานก็จบลง พวกผมโดนประธานรุ่นลากออกไปยืนที่บูธโปรโมท เพราะมีกลุ่มเด็กม.ต้นมาถามหา

ผมโดนเด็กๆรุมล้อมรอบตัวเหมือนที่โดนอยู่บ่อยครั้ง แต่รอบนี้แปลกไป เพราะอยู่ดีๆก็มีสมุดโน้ตเล่มเล็กๆยื่นมาตรงหน้าพร้อมกับปากกาเมจิกสีดำ

ผมเลิกคิ้วมองสมุดเล่มนั้น ก่อนจะมองเลยไปยังเจ้าของมือเล็กๆที่ถือสมุดอยู่ แล้วพูดออกมาเมื่อสบตากับผมเข้า

"ขอลายเซ็นพี่หมอหน่อยค่ะ"

".....?"

"คือ...หนูขอลายเซ็นพี่หน่อย ได้ไหมคะ"

เขาดูประหม่ามากครับ แต่ผมเองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก -_-

"ไม่มีลายเซ็นอ่ะดิ"

ผมตอบไปตามตรง ไม่ได้กวนตีนนะ แต่ผมไม่มีสายเซ็นจริงๆ พูดจบก็ได้ยินเสียงร้อง 'โหยย' แฝงความรู้สึกเสียดายดังขึ้นมาจากกลุ่มตรงหน้า จนผมต้องย้ำอีกครั้ง

"เห้ย ไม่มีลายเซ็นจริงๆ ไม่ได้แกล้งด้วย"

แต่น้องเค้าก็ยังไม่หมดหวัง...

"งั้นพี่เขียนชื่อให้หนูเฉยๆก็ได้ค่ะ"

"เอางั้นเลย?"

"ค่ะ!"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็เขียนชื่อตัวเองลงไปบนกระดาษแล้วพบว่า
...มันช่างไม่มีอะไรสิ้นดี

ถ้าน้องเอากระดาษที่ผมเขียนชื่อไว้วางทิ้งเอาไว้ที่บ้าน ผมว่ามันอาจจะโดนใครหยิบไปเช็ดขี้หมาเอาง่ายๆ  เพราะแบบนั้นผมก็เลยเขียนต่อท้ายไปให้น้องเค้าสั้นๆว่า 'ตั้งใจเรียนด้วย'

เขียนเสร็จปุ๊บ เสียงฮือฮาของพวกเด็กๆที่ดังขึ้นมาข้างตัวก็เรียกให้ผมหันไปมอง ก่อนจะเห็นว่าพวกน้องๆบางคนที่เคยยืนอยู่ใกล้ๆผมกำลังวิ่งไปหาใครบางคน

และเมื่อผมมองไป...ก็เห็นว่าเขาอยู่ตรงนั้น
คนที่เพิ่งเดินเข้าไปในตึกเมื่อครู่เดินกลับออกมาอีกรอบ ถ้าไม่ลืมของก็คงจะออกมาซื้ออะไรสักอย่าง แต่การที่เขาเดินกลับออกมานั้นสร้างความฮือฮาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

เด็กผมเปียตรงหน้าผมพูดชื่อของเขาออกมา ตามด้วยคณะที่เรียนอย่างตื่นเต้น ดูท่าทางแล้วก็พร้อมจะทิ้งผมไปหาเขาอีกคนนึงเหมือนกัน

ผมมองใบหน้าสดใสของคนที่คุยหัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติกับกลุ่มเด็กนักเรียนที่พุ่งตรงมารุมล้อมแล้วก็เผลอยิ้มตาม ก่อนจะรีบดึงความสนใจกลับมายังสมุดเล่มเล็กในมือตัวเอง

ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับเด็กสาวผมเปียที่มองสิ่งที่ผมกำลังเขียนอยู่อย่างมีความหวัง

ก่อนนิ้วมือที่กำลังควงปากกาอยู่จะหยุดลง ผมจับปากกาให้ถนัดมือ แล้วจุดจุดเล็กๆลงไป 2 จุด ตามด้วยการวาดเส้นโค้งอีก1เส้นต่อท้าย

ทักษะการวาดภาพของผมย่ำแย่เต็มทน แต่รูปที่วาดลงไปก็ยังพอดูออกอยู่ว่าเป็นสัญลักษณ์หน้ายิ้ม : )

"มึงๆ เดี๋ยวไปถ่ายรูปกับอาจารย์หน่อย"

เสียงเรียกจากเพื่อนร่วมรุ่นทำให้ผมต้องหันไปมองก่อนจะพยักหน้ารับ
ได้ยินอย่างนั้น ผมก็รีบคืนสมุดโน้ตเล่มนั้นไปให้เด็กผู้หญิงตรงหน้า เขาขอบคุณผมยกใหญ่ทั้งๆที่สิ่งที่ผมทำให้เขามันเล็กน้อยเต็มที ซึ่งนั่นก็ทำให้รีบตอบเจ้าตัวกลับไปว่าไม่เป็นไร ก่อนที่น้องเขาจะเดินผละไปจากผม
พอมองตามทิศทางที่เด็กผู้หญิงตรงหน้าผมกำลังเดินไป ก็เห็นว่ามีใครอีกคนยังคงโดนเด็กๆรุมล้อมอยู่อย่างเดิม

"มึงเร็ว อาจารย์รอ"

เสียงเรียกที่ดังตามมาอีกครั้งทำให้ผมต้องจำใจละสายตาออกมา ก่อนจะตอบรับไปสั้นๆโดยไม่หันไปมองหน้ามัน

"กูผูกเชือกรองเท้าแป้บนึง"

พูดจบผมก็ก้มลง ดึงเชือกรองเท้าที่คลายออกมาแค่นิดเดียวเท่านั้นให้แน่นเข้า โดยที่ในสายตายังคงเห็นภาพของเขาพร้อมรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าอย่างชัดเจน

แล้วอยู่ดีๆเขาหัวเราะออกมาอย่างสดใส รอยยิ้มเจือเสียงหัวเราะของเขาทำให้ผมเผลอตั้งชื่อให้เขาไปแล้วในใจ

...ยิ้มหวาน



 - - - - - - 



[มีต่อนะคะ ^^]
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 29-06-2015 01:15:27
ผมฉวยโอกาสนอนตื่นสายในวันเสาร์ที่ไม่ต้องออกไปเจอยิ้มหวานเหมือนทุกที แล้วขอให้พ่อช่วยไปส่งน้องสาวผมแทน

หลังจากหลับๆตื่นๆอยู่หลายครั้ง ในที่สุดผมก็ลุกขึ้นจากที่นอนตอน 11 โมงกว่า และตัดสินใจเริ่มวันหยุดด้วยการคว้ามือถือที่หัวเตียงใส่กระเป๋าหลังกางเกงบาสตัวเก่าที่ใส่อยู่ แล้วลงไปหาอะไรกินเป็นอย่างแรก

สภาพลูกชายที่ยังคงอยู่ในชุดนอนตอนใกล้เที่ยง ทำเอาแม่ผมละสายตาจากโทรทัศน์ตรงหน้าแล้วหันมามอง ก่อนจะส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม

"กำลังคิดอยู่เชียว ว่าถ้าน้องกลับมาแล้วลูกชายแม่ยังไม่ลงมาให้เห็นหน้า แม่จะให้พ่อเค้าลากขึ้นรถไปฉีดยาเล่นสักเข็มสองเข็ม"

"โถ่แม่ แค่นอนเฉยๆ ยังไม่ตาย"

ผมพูดเจือเสียงหัวเราะก่อนจะเดินเลยเข้ามาในห้องครัว แล้วพบว่าแม่แบ่งข้าวต้มที่เป็นมื้อเช้าไว้ให้ผม 1 ถ้วยใหญ่ๆ

"แม่ -- ข้าวต้มตรงนี้กินมั้ยครับ"

ก่อนอื่นต้องตะโกนถามคุณนายเธอก่อน...

"ของเรานั่นแหละ แม่แบ่งไว้ให้ รู้ว่าตื่นมาต้องร้องหาของกินก่อนเป็นอย่างแรกอยู่แล้ว"'

ผมยิ้มรับคำตอบพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ออก นั่งลงปุ๊บก็ตักข้าวต้มเข้าปากทันที ก่อนจะเห็นว่าแม่ของผมลุกขึ้นแล้วเดินตรงมาทางนี้ มาถึงก็ฟาดฝ่ามือลงบนไหล่ผมด้วยแรงไม่เบาเลย

 "ลูกคนนี้นี่! ทำไมกินแบบเย็นๆชืดๆแบบนี้ล่ะฮึ?"

"โถ่ ก็กินได้อยู่นะแม่"

ปากของผมเถียง แต่มือยกช้อนขึ้นมาคาบเอาไว้ ปล่อยให้มือนุ่มๆของแม่หยิบข้าวต้มถ้วยใหญ่ตรงหน้าไปอุ่นในไมโครเวฟ ผมได้แต่มองตามภาพนั้นก่อนจะยิ้มออกมา

"รอจนไม่โครเวฟมันร้องเตือนแล้วค่อยหยิบถ้วยออกมานะสุดหล่อ อย่าลืมใส่ถุงมือด้วยล่ะ มันร้อน"

"ครับ~ สุดสวย"

คำตอบของผมได้รับแววตาค้อนจากแม่กลับมาก่อนที่ผมจะหยิบโทรศัพท์
ที่หย่อนไว้ในกระเป๋ากางเกงมาปลดล็อคหน้าจอ

เด็กหนีเที่ยวเป็นไงบ้างเนี่ย?

มุมปากที่ไม่ค่อยชอบขยับของผมยกยิ้มขึ้นมาโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นข้อความสั้นๆที่เขาพิมพ์ทิ้งเอาไว้ในไลน์ ตอนตีห้ากว่าๆ

*ง่วงว่ะ

เมื่อคืนเจ้าตัวก็บ่นอยู่ครับ ว่าต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้า เพราะคุณพ่อของเขามีประชุมที่นั้นตอน 9 โมงตรง

*เพิ่งตื่นเนี่ย
*กินข้าวแป้บ


พิมพ์เสร็จผมก็วางมือถือลง เพราะได้ยินเสียงเตือนดังจากไมโครเวฟพอดี

นั่งกินข้าวต้มเงียบๆไปได้สักพัก เสียงเตือนข้อความเข้าของผมก็ดังรัวๆ พอกดเข้าไปดูผมก็เห็นรูปถ่ายของกินชุดใหญ่ถูกส่งมา ก่อนจะปิดท้ายด้วยสติ๊กเกอร์บราวน์กำลังทำกับข้าว

 น่าจะเป็นอาหารเช้าในโรงแรมที่เขาพักล่ะมั้ง
 
*ต้องอิจฉาใช่มั้ย ?

*นิดนึงก็ดีนะ
*คนเค้าอุตส่าห์อวด

* อิจฉานะเนี่ย
* -_-


*โหยยย หมอ!
*อิจฉาแบบนี้ไม่ต้องก็ได้เหอะ
*ทำไมเพิ่งตื่นอ่ะ
*ไม่ไปไหนเหรอ

*จะให้ไปไหน?

 *ก็ที่ๆไปอยู่ประจำดิ

*คนที่ไปรอเจอเค้าไม่อยู่
*ไปก็ไม่มีใครให้แอบดู
*ไม่ไปดีกว่า



ผมใช้โอกาสนี้สารภาพความจริงไปในตัว
ว่าแอบมองเขามาตั้งนานแล้ว


พิมพ์ข้อความส่งไปเรียบร้อย ก็ได้แต่ยิ้มถูกใจ ก่อนจะวางมือถือคว่ำลง แล้วตั้งใจกินข้าวต้มตรงหน้า ด้วยความที่รู้ว่า ถ้าแม่มาเห็นผมกินข้าวไปด้วยเล่นมือถือไปด้วยนี่ต้องโดนบ่นแน่ๆ ยังดีที่อีกยิ้มหวานยังไม่ตอบอะไรกลับมาตอนนี้

ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ผมก็จัดการมือเช้าตอนใกล้ๆเที่ยงเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะเดินกลับขึ้นห้อง ด้วยความตั้งใจว่าจะขึ้นมาอาบน้ำ

แต่พอเข้ามาในห้องนอนปุ๊บ เสียงเตือนว่ามีข้อความตอบกลับจากเขาก็ทำให้ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงแล้วเปิดอ่าน

*จีบกันอีกแล้วนะ

คำตอบของเขาเรียกรอยยิ้มจากผมได้ไม่ยาก ระหว่างนั้นสมองก็ใช้ความคิด
ว่าควรจะตอบเขาไปว่าอย่างไรดี

*ไม่อยากโดนจีบ
*ก็จีบก่อนมั่งดิ


พิมพ์ไปปุ๊บ ก็มีข้อความเด้งกลับมาปั๊บ

*บ้าา
*เดี๋ยวบล๊อกไลน์เลย

*55555555555
*ตอบเร็วว่ะ
*ไม่ไปเที่ยวเหรอ?


*อือ นอนง่วงอยู่ที่โรงแรมเนี่ย โดนแม่กับพี่ทิ้งไว้แล้วหนีไปสปา
*รอพ่อคุยงานเสร็จ เย็นๆคงได้ไปมั้ง
*ไม่เหมือนมาเที่ยวเลย เหมือนมาเป็นเพื่อนพ่อทำงานมากกว่า


เจ้าตัวบ่นมาซะยาวเหยียดแสดงว่าคงเบื่อน่าดู แต่ก็ไม่อยากขัดใจที่บ้าน

*เหอะน่า
*คิดว่าออกจากกรุงเทพไปสูดอาการบริสุทธิ์บ้างไง


*ก็คิดแบบนั้นอยู่นะ
*มาสูดอากาศบริสุทธิ์บ้างก็ดีจริงๆนั่นแหละ
* ^ ^

*โทรหานะ


ผมพิมพ์ไปแค่นั้น ก่อนจะรอจนกระทั่งตัวหนังสือขึ้นเตือนว่าเขาได้อ่านข้อความเรียบร้อยแล้วปรากฎขึ้นมา ผมถึงโทรหาเขา

 น้ำเสียงเอื่อยๆที่รับโทรศัพท์ทำเอาผมหลุดยิ้ม

"ฮื้อ?"

"จะหลับแล้วป่ะเนี่ย?"

"ยัง แต่ก็นอนอยู่อ่ะ"

"อะฮะ ไม่รู้จะคุยอะไรว่ะ"

"แต่ก็โทรมาเนี่ยนะ?"

"อืม..."

ผมรับคำ แล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนที่เราจะเงียบกันไปทั้งคู่

ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรจากปลายสาย แต่รอยยิ้มก็ยังปรากฎขึ้นมาบนใบหน้าอย่างช้าๆ
เพียงเพราะตอนนี้ผมรู้สึกได้ว่าเขาเองก็กำลังนอนฟังความเงียบนี้อยู่เหมือนกัน

สักพักเขาก็พูดออกมา

"หมอ..."

"หืม?"

"ที่พูดเมื่อกี้ พูดจริงดิ?"

"เรื่องไหน?"

"เรื่องที่บอกว่า...ไปร้านกาแฟเพราะเราอ่ะ"

"อืม...พูดจริง"

"ไม่ได้ขี้โม้ เนียนจีบเราแน่นะ?"

"จีบโจ่งแจ้งขนาดนี้ คงไม่ต้องเนียนแล้วมั้ง"

เขาหัวเราะรับคำตอบของผม ก่อนจะเงียบไปสักพัก แล้วถามต่ออีกครั้ง

“...ถามหน่อยดิ"

น้ำเสียงของเจ้าตัวดูจริงจังมากจนผมแอบขมวดคิ้วเข้าตามไปด้วย ก่อนจะตอบเขากลับไป

"ถามมาเลย"

"อืม...ทำไมถึงมาชอบเราอ่ะ"

นั่นสิ-- คำถามของเขาทำให้ผมต้องครุ่นคิด
ทำไมผมถึงชอบเขานะ?

ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมสะดุดตากับเขาเข้าเต็มๆ
หลังจากนั้นเป็นต้นมา...เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาผ่านเข้ามาในระยะการมองเห็นของผม
ผมก็จะเอาแต่จับตามองเขาอยู่อย่างนั้น

จนกระทั่งวันหนึ่ง ความรู้สึกหวั่นไหวเล็กๆมันก็ถูกหยดลงมาที่หัวใจของผมเหมือนสีน้ำที่หยดลงในน้ำเปล่า ความรู้สึกนั้นก็ลุกลามไปทั่วอย่างรวดเร็วไม่ต่างกับการกระจายตัวของสีในน้ำใสๆ
รู้อีกที -- ผมก็ชอบเขาเข้าไปแล้วเต็มๆ

“ตอบยากว่ะ"

“ก็....เพื่อนเราบอกว่า แต่ก่อนหมอก็เป็นแฟนกับผู้หญิงอยู่ไม่ใช่เหรอ ไม่แปลกๆเหรอ ทำไมอยู่ดีๆมาจีบผู้ชายอ่ะ?”

“อืม ก็ใช่นะ แต่ก่อนเราก็คบผู้หญิงอยู่ แต่แปลกใจไหมที่อยู่ดีๆมาชอบผู้ชาย --  ก็ไม่ว่ะ คือ...ความคิดเรามันไม่ได้ปิดกั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าผู้หญิงเท่านั้นที่จะดู 'น่ารัก' หรือ 'น่าเอ็นดู' ได้ อืม...ประมาณนั้นแหละ ตอบไม่ค่อยถูกเหมือนกัน”

“....”

"...กับเธอ... ตอนแรก เราก็แค่มอง มองเพราะเป็นคนที่ให้ความรู้สึกที่ดี พูดยังไงดี อืม...ประมาณว่า...บรรยากาศรอบตัวมันดี อยู่คนเดียวก็ยิ้มเก่ง ไปอยู่ใกล้ใคร ใครๆก็ยิ้มตาม เวลามองเลยเพลินดี มองไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็ชอบไปแล้วว่ะ อธิบายให้ชัดเจนก็ยากเหมือนกัน"

ผมพูดพลางยกมือขึ้นมาถูปลายจมูกตัวเอง รู้สึกว่านี่ขนาดไม่มีเขามาอยู่ตรงหน้า ผมยังรู้สึกเขินมากขนาดนี้
ถ้าผมพูดประโยคพวกนั้นออกไปโดยที่มีสายตาของเขาจับจ้องอยู่ ผมคงขาดใจตายอยู่ตรงนั้น

“หมอ....ทำเราเขินว่ะ"

คำพูดของเขาทำให้ผมหัวเราะรับ
ความรู้สึกขลาดเขินที่มีอยู่ลดลงไปบ้างแล้วเพราะมีคนมาร่วมแชร์มันไปครึ่งนึง
ก่อนที่ผมจะตอบกลับ

“เขินบ้างก็ดี คนที่ตามจีบอยู่เค้าจะได้มีกำลังใจ"

ผมได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของเขาดังกลับมา แต่กลับไม่ได้รับคำตอบ
ผมเลยเป็นฝ่ายเริ่มถามขึ้นมาบ้าง

“ถามทำไมอ่ะ?”

“สงสัยดิเลยถาม ไม่สงสัยเราจะถามทำไม"

“กวนนะ เดี๋ยวเหอะ!"

เสียงหัวเราะของเขายังคงดังมาให้ผมได้ยินอยู่ไม่ขาด ระหว่างที่เราคุยกัน

“แล้ว...ยิ้มหวานรู้ตัวว่าเราชอบตอนไหน?”

“ตอนไหนเหรอ........?”
คำตอบของเขาลากเสียงยาวฟังดูไม่แน่ใจ จนผมต้องช่วยนึก

“ที่ร้านกาแฟ ตอนเราซื้อชอคโกแลตปั่นไปให้ป่ะ?”

“ไม่ใช่....” เขาตอบพลางหลุดขำ แล้วร้อง อ๋อ... เบาๆเหมือนจะนึกออกจนได้ "เรานึกออกละ"

“อะฮะ"

“ตอนที่หมอมากินข้าวที่โรงอาหารคณะเรา!"

“ฮะ? ตอนนั้นเลยเหรอ?”

“อืม... ตอนนั้นเลย"

“รู้ได้ไงวะ? เพิ่งรู้จักกันได้วันเดียวเองนะ”

"ก็... เพื่อนหมออะ อยู่ดีๆก็เดินมาหาเรา แล้วก็มาบอกกันว่า 'เธอๆ เพื่อนชอบอ่ะ' พูดแล้วก็ชี้ไปที่ใครก็ไม่รู้แหละ ที่ตอนนั้นกำลังนั่งทำหน้าเครียดๆเหมือนคนขาเป็นตะคริวอยู่ที่โต๊ะกินข้าวเลย"

พูดจบเจ้าตัวก็ขำเข้าไปใหญ่ ส่วนผมนี่ได้แต่นึกโทษไอ้ตัวต้นเรื่องอยู่ในใจ
กูว่าแล้วเชียวว่ามึงต้องไปทำอะไรเหี้ยๆเอาไว้อีก
แม่ง....

“แล้วก็เชื่อเลย นึกว่าโดนเพื่อนเราแกล้งมั่งป่ะ?”​

“อืม...จริงๆเราก็ไม่เชื่อนะ ติดจะงงๆมากกว่า มาเชื่อเต็มๆก็ตอนที่โดนถามบนรถ ตอนนั้นแหละ"

“อะฮะ...”

ผมรับคำเขาเบาๆ ก่อนจะนึกไปถึงวันที่ผมพูดออกไปกับเจ้าตัวอย่างชัดเขน ให้เขารู้ว่าผมกำลังจีบอยู่
คิดแล้วก็ต้องสบถในใจกับการกระทำของตัวเอง – แม่งทำอะไรลงไปวะ

"คุยอะไรกันเนี่ย เขินว่ะ"

เขายังคงไม่ทำอะไรมากไปกว่าหัวเราะรับคำพูดของผม ก่อนที่บทสนทนาของเราจะเปลี่ยนไปเป็นประเด็นอื่น
วันนั้นผมนั่งคุยเรื่อยเปื่อยกับเขาอยู่จนเกือบสองชั่วโมงก่อนจะวางสายไป
ซึ่งนั่นคือสถิติที่ดีที่สุดในการคุยโทรศัพท์ของผม...เท่าที่จำได้

หลังจากนั้นผมกับเขาก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา
วันต่อมาเราเพียงแค่ไลน์คุยกันนิดๆหน่อยๆเท่านั้น เพราะต่างคนก็มีเรื่องต้องทำทั้งคู่ เขาได้เที่ยวอย่างที่คิดเอาไว้ในวันนี้เอง

ส่วนผมก็โดนพวกเพื่อนชั่วลากไปอ่านหนังสือด้วยกันที่บ้านไอ้โคนัน ซึ่งผมรีบตอบตกลงในทันทีที่รู้ว่าไอ้เบอร์ 1 ก็ไป เพราะนั่นเป็นโอกาสที่ผมจะไปคิดบัญชีกับมันโดยเร็วที่สุด สำหรับความเหี้ยที่แม่งทำเอาไว้ตั้งนานแล้ว แต่ผมดันเพิ่งรู้

คืนนั้นพวกผมติวกันทั้งวัน กินๆ นอนๆ กลิ้งๆ กันอยู่ที่โซฟาหน้าทีวีบ้านไอ้โคนัน แล้วก็นอนกันที่นั่นทั้ง 4 คน

ช่วงกลางวันนี่ก็ติวหนังสือกันดีอยู่หรอก พอดึกเข้าหน่อยก็เริ่มมีแอลกอฮอล์อย่างเบามาเป็นตัวช่วยเพิ่มความลื่นไหลของสมองกันคนละขวดสองขวด

นาฬิกาเลยเลข 12 ช่วงกลางคืนไปได้ไม่นาน ฤทธิ์ของเบียร์เยอรมันที่คุณพ่อผู้มีอุปการะคุณของไอ้เบอร์ 2 ท่านหิ้วมาฝากลูกรักกับเพื่อนๆก็ตีกันกับหลักอนาโตมี่จนทำเอาพวกผมแทบจะหัวทิ่มคาชีทกันเรียงตัว

สภาพดูย่ำแย่มากจนไอ้เจ้าของบ้านต้องลุกขึ้นมาสรุปให้ว่าวันนี้พอแค่นี้
ได้ยินอย่างนั้นผมก็รวบของทั้งหมดให้พอเป็นระเบียบ แต่ยังคงวางทิ้งเอาไว้ที่เดิม ก่อนจะขอตัวมาเข้าห้องน้ำในห้องนอนของไอ้เจ้าของบ้าน

ปลีกตัวมาได้แล้ว ผมก็เลยอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไปในทีเดียว เพราะว่าผมเดินเข้านอกออกในบ้านนี้ได้เหมือนที่นี่เป็นบ้านของตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นการเปิดตู้หยิบผ้าเช็ดผืนใหม่ของเจ้าของบ้าน ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป เลยไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่

พอโดนน้ำเย็นๆเข้าไปหน่อย อาการมึนๆที่มีอยู่ก็เหมือนจะดีขึ้น...

อาบน้ำเสร็จก็มาทิ้งตัวนอนลงบนเตียงของไอ้เจ้าของห้องที่น่าจะลำบากกับการเก็บซากไอ้เบอร์ 1 กับ2 อยู่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่เพิ่งดึงออกมาจากกระเป๋ากางเกงเมื่อครู่มาเช็คไลน์ดู

แล้วก็เห็นรูปยิ้มหวานกับแกะหน้าตาไม่เข้าใจโลกถูกส่งมา พร้อมกับข้อความน่ารักๆของเจ้าตัว

*ชอบอ่ะ
*อยากเอากลับไปเลี้ยงที่บ้าน

*อืมๆ
*น่ารักดี


รู้ใช่ไหมครับ...ว่าผมหมายถึงคน

*เออ น่ารักมาก
*แต่มันเหม็นมากเลยเว่ย
*ยังติวหนังสืออยู่ป่ะเนี่ย?

*ไม่ละ
*เมาแยกวงกันหมดละ


พิมพ์ตอบกลับไปปุ๊บ ประตูห้องนอนก็เปิดออก พร้อมกับเจ้าของบ้านในสภาพตัวแดงๆส้มๆ แถมยงหัวยุ่งพอตัว
ดูสภาพก็รู้ว่าคงไปลากคอไอ้คู่ซี้สองคนนั่นขึ้นมาชั้นบนด้วยตัวคนเดียวแน่ๆ

“ลากไอ้สองคนนั้นเข้าห้องเรียบร้อยแล้วเหรอวะ?”

ปกติเวลามานอนบ้านไอ้โคนันกัน ผมกับมันจะนอนห้องเดียวกันครับ
ส่วนไอ้เบอร์ 1 กับ เบอร์ 2 จะโดนลากไปนอนห้องสำหรับแขก

“เออ มึงก็เนียนนะไอ้สัด กูหันมาอีกที แม่งหายไปละ"

“ก็กูปวดฉี่ บอกแล้วว่าให้ทิ้งแม่งไว้ตรงนั้นแหละ ตื่นเมื่อไหร่แม่งก็ลากกันขึ้นมาเอง ไม่เชื่อกู"

“เออ กูมันคนดี"

ระหว่างที่คุยกันนี่ ไอ้โคนันมันด่าผมไปพลาง เปิดตู้เสื้อผ้าเหมือนจะหาอะไรบางอย่างอยู่ไปพลาง ก่อนจะโยนผ้าห่มทั้งผืนเข้ามาที่หน้าผมเต็มๆ ตอนพูดประโยคสุดท้าย...

ผมหัวเราะท่าทางหัวเสียของมัน –ไอ้นี่มันคนดีครับ เวลาพวกผมเมาหมดสภาพนี่ ปกติจะต่างคนต่างดูแลตัวเองอยู่แล้ว แต่ถ้าวันไหนมีไอ้โคนันไปด้วย ไอ้นี่มันจะคอยดูแลพวกผมทุกคน แถมยังคอยโทรเช็คเรียงตัวว่าถึงบ้านกันเรียบร้อยดีรึยัง

ผมสะบัดผ้าห่มที่ได้มาขึ้นคลุมตัว พร้อมกับที่เจ้าของห้องแยกเข้าห้องน้ำไป 
ก่อนจะกลับมาอ่านไลน์ที่ยิ้มหวานส่งมา

*อ่านหนังสือกันไม่ใช่เหรอ
*ทำไมกินเหล้าด้วยอ่ะ
*นี่เรียนหมอกันจริงป่ะเนี่ย

*งี้แหละ
*ง่วงยัง?


*ยังเลย
*นอนเล่นอยู่

*วันจันทร์ไปกินข้าวด้วยนะ
*เดี๋ยวไปหาที่โรงอาหารตอนพักเที่ยง


*อยากกินก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่เจ้าโปรดเราอะดิ
* ^ ^

*เปล่า
*ค.ถ.


จริงๆนะเว่ย!
ก็ปกติมันได้เจอกันทุกวันเสาร์ พออาทิตย์นี้ไม่ได้เจอแล้วมันแปลกๆ
มัน ค.ถ. เออ...นั่นแหละ!

เขาอ่านแล้วไม่ตอบกลับมาในทันทีครับ ผมนับถอยหลังอยู่ จนได้สิบวิพอดีเป๊ะ ตอนที่ข้อความตอบกลับจากเขาจะปรากฎขึ้นมา

*คถ?
*ย่อมาจากอะไร??
*คนถ่อย?
*คนเถื่อน?

* -_-

*555555555

*เที่ยวมาทั้งวัน
*ไปนอนได้แล้ว
*ฝันดีนะ
*วันจันทร์เจอกัน


*อือฮึ
*บายยยย
*ฝันดี ^^

*อืม ฝันดีเหมือนกัน
*คนถ่อยโคตรๆเลยด้วย




tbc.



❤ ❤ ❤


กกกกกกกกกกกกกี กกกี หายไปไหนมา 55555+ ไปมาเยอะมากค่ะ ไปคอน ไปซ่อมคอม ไปหายิ้ม ไปหาหมอ ฯลฯ
เอาเป็นว่าเราจะข้ามๆประเด็นเรื่องที่เราดองฟิคไปแล้วกันนะ : )
มีอะไรมาชวนเล่นแหละ  -- เราอยากรู้ว่า ตอนที่ทุกคนอ่านถึงท่อน

เปล่า // ค.ถ.

แว้บแรกในใจคิดว่า ค.ถ. ย่อมาจากอะไร จะคิดว่าเป็นคนถ่อยแบบยิ้มหวานป่ะ?
ตอบไว้ในคอมเม้นท์น้าา

ปล. มุกคถ.นี่เราเอามาจาก #นพจทปก ล่ะ ไปส่องดูกันน้า

ขอบคุณที่เอ็นดูเจ้าเด็กน้อยสองคนนี้ค่ะ ^ ^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 29-06-2015 01:16:52
จะจองอีกมั้ยยยย มารอออ
อ่านรีพลายแรกจบแล้ว แบบน่ารักอ่ะเจอกันแบบไม่ทันตั้งตัวเลยนะหมอ
ยิ้มหวานน่ารักกก อยากได้กลับบ้านมากเลยยย
รอต่อฮะะะ

.....

เข้าใจนะปูวว่าชอบดอง แต่คนรอจะตายเลี้ยววว รอมุกจีบเกรียนๆไม่ไหว
สารภาพว่า ค.ถ ก็คิดถึงนี่แหละ แต่อีกแว้บคือ คันไถ อ่ะ
ไปไถนาดีกว่า กากชิบ 55555555
ได้อ่านยิ้มหวานของหมอก็ไปนอนได้สักที หลังจากค้างมานาน 
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 29-06-2015 01:22:13
รอจ้า....แต่ตาเก๊าจะปิดแล้วอะสิ แงงงTT

.........................

แหมๆๆ สองคนนี้ จีบซะเล่นเอาเราเขินไปหมด อ่านไปมือไม้พันกันยุ่งเลย5555555 น่ารักมากค่ะ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 29-06-2015 01:46:29
รอต่อจ้าาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: Autonomyz ที่ 29-06-2015 02:41:05
2.45 AM

ยังนอนไม่ได้ รออ่านยิ้มหวานให้ครบตอนนน
เครียดดดดดดดด
 :katai5:

------------
2.48 อ่านจบ กรี๊ดสลบอยู่บนที่นอน
ยิ้มหวานน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
งื้อเค้าอยากได้มาไว้ที่บ้านจุง
ไปเที่ยวเขาใหญ่(กะครอบครัว)ทำไมไม่ชวนหมอไปด้วยละจ๊ะ
จะได้(เปิดตัว)สวีทกันไปเลยไง
กิ้วๆๆๆ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: ploetkrai ที่ 29-06-2015 03:43:03
ยิ้มหวานมาแล้ววววว หายไปนานมากกกกก
คนถ่อยเหมือนกันนะ 55555555555

ชอบประโยค “จีบกันอีกแล้วนะ” ของยิ้มหวาน
ชอบมากอย่างไม่ถูก 5555555
เมื่อไหร่หมอจะจีบติดน้าาาา ติดตามกันต่อไป
อย่าหายไปนานๆ อีกนะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-06-2015 04:15:31
แว๊ปแรก  คถ ก็คิดถึงแระ. นึกอย่างอื่นไม่ออก. คถ คนเขียนมากๆ. มาต่อไวๆอีกเลยนะ. อิอิ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 29-06-2015 04:28:17
น่ารักอ่ะ คบกันได้แล้ว 55555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 29-06-2015 04:51:15
ก็ช่างสรรหาคำแปลเนอะ แปลซะหมดอารมณ์ซึ้งเลย ฮ่าาาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 29-06-2015 05:22:39
เราเคยใช้นะ ค ถ เนี่ย เพราะไม่กล้าบอกตรงๆ คนรับก็รู้แต่ก็กวนเหมือนยิ้มหวานเลย
ปล.087-0000000 ฝากเบอร์ให้โคนัน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 29-06-2015 05:26:28
คถ. มากเหมือนกันค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 29-06-2015 05:48:25
คถ. สุดๆไปเลยยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 29-06-2015 06:03:03
คถ.นี่ดิฉันคิดหยาบกว่านั้นมากค่ะ.. กรี๊ดด

แต่สองคนนี้มุ้งมิ้งเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 29-06-2015 06:32:59
ยิ้มหวานน่ารักมาก รับมือกับมุกจีบของหมอได้ดีขึ้นนะ

ค.ถ. จากคิดถึงแถไปเป็นคนถ่อยได้นี่สุดยอด ตอบไปยิ้มไปชัวร์ อิอิ

เราแปลเป็น 'คิดถึง' อย่างเดียวเลยอ้ะ

หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 29-06-2015 06:36:03
สองคนนี้จะได้เป็นแฟนกันรึป่าวเนี่ยยย เป็นแฟนกันเห๊อะ อยากเห็นโมเม้นของการเป็นแฟนสักที  :ling1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 29-06-2015 06:56:53
ตายตอนประโยคสุดท้ายค่ะ  :ling1:
เราอยากบอกประโยคนั้นกันคนเขียนเช่นกันค่ะ5555555555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: ☾❤Nyanpire❤☽ ที่ 29-06-2015 07:05:06
"จีบโจ่งแจ้งขนาดนี้ คงไม่ต้องเนียนแล้วมั้ง"
 :o8:
ชอบประโยคนี้
เขาจีบกันโจ่งแจ้ง เขินหนักมากกกกกกกก

>/////<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 29-06-2015 07:14:26
มุ้งมิ้งๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 29-06-2015 07:15:05
งื้อออ~ ยิ้มหวานน่าร๊ากกกกก :m3: ถึงจะแปลคถ.ที่คนทั่วไปเขาแปลได้ว่า 'คิดถึง' ไปเป็น 'คนถ่อย' ก็ยังน่าเอ็นดูเหมือนเดิมเลยจ้าา ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 29-06-2015 07:36:13
คงความน่ารักไว้ไม่เปลี่ยนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 29-06-2015 07:37:02
 :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 29-06-2015 07:55:56
ค.ถ. ก็คิดถึงนั่นแหละ แล้วเราก็คิดว่ายิ้มหวานก็คิดเหมือนกันนะ
เพราะน้องเงียบ ตั้งหลักแป๊บบบ
ยิ้มหวานมามุกนี้ตลอด เวลาโดนจีบ

ชอบให้หมอจีบน้อง น่ารัก จีบไปอีกสักพักเหอะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: icecreamii8_ ที่ 29-06-2015 07:58:49
คนถ่อยโครตๆเลยด้วย 555555
ยิ้มหวานน่ารักกกก ><
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: GlassesgirL ที่ 29-06-2015 08:00:54
น่ารัก หมอก็ค่อยๆเริ่มจีบหนักขึ้น
ยิ้มหวานก็น่ารัก ไม่ตีตัวออกห่างแม้จะรู้ว่าเขาจีบ

*เห็นครั้งแรกก็คิดว่า คิดถึง อะค่ะ

 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: khunkun91 ที่ 29-06-2015 08:37:13
 :o8:
อ่านไปก็ยิ้มตามไป
ค.าถ.าคนเขียนนะ รอทุกวันเลย 55555555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: fangiily ที่ 29-06-2015 08:52:39
เอาน่ะ~! จะคิดถึง หรือจะคนถ่อยแต่ถ้าคนบอกมีความหมายในตัวมันก็ไม่ต่างกันหร้อกกกก~~

น่ารักจริงจังคู่นี้แม่ยิ้มหวาน~~~~~

รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: Junekid ที่ 29-06-2015 08:58:36
ยังน่ารักเหมือนเดิม ขอยิ้มหวานได้ไหมมมมมมม :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: mickymod ที่ 29-06-2015 09:09:50
คถ มากๆๆๆๆๆ
อ่านไป ยิ้มไป สมกับการรอคอย
คืออ่านเรื่องนี้ทีไร ยิ้มปากกว้างทุกที
มีความสุขมาก  :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 29-06-2015 09:16:54
คนถ่อยยยยยยเรื่องนี้มากกกกก หายไปนานนนนนนนน

ปล.....เป็น #นพจทปก เหมือนกันเลยยยยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: ziqh.leo ที่ 29-06-2015 09:47:15
มารออ่านตั้งแต่เปลี่ยนหัวข้อเมื่อคืนแล้วอ่า
แต่รอไม่ไหว หลับก่อน 555555

ตอนนี้ก็มุ้งมิ้งเช่นเคยยย
เขินเวอร์ๆ คุยอะไรกันแบบนั้น ชั้นเขินแทนยิ้มหวานนนน  :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 29-06-2015 10:11:56
จีบกันได้น่ารักมากกกก :m3: :m3: :m3: :m3:
คถ.เราแปลได้ว่าคิดถึง นึกคำอื่นไม่ออก 555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 29-06-2015 10:31:04
ไปเรื่อย ๆ แต่ได้ใจอ่ะ o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: duckduckk3 ที่ 29-06-2015 10:40:44
ดีใจที่ยิ้มหวานมาแล้ววววววววว
ยิ้มหวานก็ยังน่ารักเหมือนเดิม
ส่วนน้องหมอก็ยังขยันจีบเหมือนเดิมมม
เมื่อไหร่ยิ้มหวานจะใจอ่อนนะะเอ้ะ หรือว่าใจอ่อนไปแล้ว555555555

พี่กีปูไปตาม/เพ้อถึงยิ้มหวานจนเราชอบยิ้มหวานตามละอะะะะ
น่าร้ากกกกกกกกกก

ปล. ค.ถ.ที่เรานึกถึงคือ คิดถึง :)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 29-06-2015 11:20:19
เพิ่งเข้ามาอ่าน น่ารักดี หวานๆ ใสๆ มุ้งมิ้งฟรุ๊งฟริ๊ง :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: now43 ที่ 29-06-2015 11:43:28
 :mew1: :กอด1: :-[ :o8: ่นารักอ่า รอๆๆๆๆ อ่านไปยิ้มไป
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 29-06-2015 12:07:37
น้องหมอหยอดตลอด ยิ้มหวานก็ชอบใช่ม่ะ
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 29-06-2015 12:15:04
พอดีว่าเป็นคนใช้คำย่อค่อยข้างบ่อย เลยเก็จมุกของพี่หมอไวมาก
คถ.สำหรับเราคือคิดถึง แต่คนถ่อยคนเถื่อนของยิ้มหวานนี่น่ารักมากเลยยยย


ยิ้มหวานทำไมน่ารัก
พี่หมอทำไมหล่อแมนแบบนี้

ชอบมากกกก
เราว่านอกจากจะเป็นยิ้มหวานของหมอแล้ว
...ยังเป็นยิ้มหวานของคนอ่านด้วยค่ะ
อ่านไปยิ้มไปตลอด มีประโยคไหนที่ไม่ยิ้มบ้างมั้ย....ไม่มี!
แก้มจะแตกจริงจังงงงง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: Rabity ที่ 29-06-2015 12:21:12
อย่ามาแอ๊บเนียนน่ายิ้มหวาน
รู้หรอกน่าว่ารู้ 5555
คนเขียนกลับมาแล้วเราโคตร ค.ถ. เลยอ่ะ
อย่าหายไปไหนอีกนะ หายไปทีนี่นานมากกกกกกกกกก
ปล.คิดถึงนะจ๊ะ+รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 29-06-2015 12:24:14
แว๊บแรก ก็ คิดถึง เลยอะนะ
ในหัวไม่ค่อยมีแปลกๆฝังอยู่เท่าไหร่
ยิ้มหวาน เปิดโอกาสให้หมอเยอะจัง
ความชอบส่วนตัวป่ะเนี้ย
น่ารัก
 :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: napatty ที่ 29-06-2015 12:53:38
เขินแรง เขินทะลุมิติ  :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 29-06-2015 12:58:05
น่ารักนะตัวเธอ!!!!
ดูเค้าจีบกับ มุ๊งมิ้ง ฟรุ้งฟริ๊ง บลิ๊งบลิ๊ง
แล้วแบ่บว้าจุ๊บจิ๊บ หัวใจ !!!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 29-06-2015 13:55:27
ยิมหวาน หมอ...คถ จริงๆนะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-06-2015 15:53:35
น่ารักว่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 29-06-2015 16:44:13
แอร๊ยยยย คนถ่อยเรื่องนี้เหมือนกันนนน
ค.ถ.็คิดถึงคำว่าคิดถึงนะ ตอนที่ยิ้มหวานเล่นมุกก็ฮาแล้ว หมอเล่นกลับนี่เขิลลลมากเลยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 29-06-2015 17:38:11
คนถ่อยมาก  หายไปนาน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: finn~luv ที่ 29-06-2015 17:53:46
ชอบมากเลยค่าาาา น่ารักมากกกกก
อ่านไปเขินแบบ ฮื้ออออออ เขินจะตายเลย :-[ :-[
ช่วงแรกที่หมอยังเป็นเก๊ก หน้านิ่ง ไม่กล้าจีบเนี่ย มันเขินมาก 555555

ปล. ขอสารภาพว่าอ่านไปนี่ภาพพี่ยุนลอยมาตลอดเลยอ่ะ งื้อออออ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 29-06-2015 22:03:19
ขอเหอะยิ้มหวานเนี่ยยย คนอะไรน่ารักชิบหาย :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 29-06-2015 22:35:02
ค.ถ.เรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ด้วย ชอบมากอ่านแล้วยิ้มฟินม้วนต้วนเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-06-2015 23:04:05
คถ  ย ว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 30-06-2015 00:21:40
วร้ายยยยยยยยยย ตายแล้วเขินมากกกก
ประหนึ่งไปแอบดูเค้าจีบกันอยู่ใต้เตียง ซอกหลืบคณะงื้อออออ ชุ่มชื่นหัวใจจจจ
สุดท้านเราจะคนถ่อยยยยย ไปด้วยกันนนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 30-06-2015 08:56:40
แก้มแตกแล้วววว :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: manowdino ที่ 30-06-2015 10:37:13
คิด!!!!ถึงง!!!! 555555 คิดถึงคิดถึง คิดถึง คิดถึงยิ้มหวานของหมอ :3
555555 อ่านแล้ว เขินน เหมือนโดนจีบเองเลยเฮะ
นัลลาคคคคคคคค ฟินงะ
อ่านบรรเทาคถได้ฮวบเลยเฮะ ^_^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_ever ที่ 30-06-2015 16:58:24
โอยยยยยยยยยย คถ คถ คถ สุดๆ อ่ะ

ยิ้มหวานหนูจะซึนไปไหนค้าาาาาา
อ่านไปก็แก้มแตกไป

รีบๆ มาจีบกันต่อนะเด็กๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: ordinary_girl ที่ 30-06-2015 17:05:21
งื้ออออออออออ เขินอิหมอ
รักยิ้มหวาน ยิ้มหวานตัลล๊าคคคคคคคคค
อยากได้ไปไว้บ้าน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 30-06-2015 17:44:10
คถยว. คถม. อย่างแรงกล้าาาาาา  :hao5:

ชอบเวลายิ้มหวานพูดประโยค จีบเราอีกแล้วนะ จุงงงง มันน่ารักมุ้งมิ้ง เห็นภาพเป็นฉาก ๆ เลยข่าา

มโนไปอีกว่าตอนยิ้มหวานทำเสียง ฮึ ? นี่มันต้องน่ารักมากแน่ ๆ  :-[

ส่วนแก๊งเพื่อนหมอนี่ตลกแด๊กตลอด 5555555555555555 แต่ยังไงเราก็ #FCเบอร์1 นะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 30-06-2015 20:55:12
ได้อ่านแล้วเย้ดีใจมากก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 30-06-2015 21:02:43
คถ. ก็คิดถึง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 30-06-2015 23:47:21
ขอบคุณคนเขียนค่า ดีใจๆที่เห็นว่ากลับมาต่อแล้วววว  :pig4:
เรารักเรื่องนี้มากๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 01-07-2015 00:50:25
คนถ่อยยิ้มหวานนน
อยากได้ไปเลี้ยงที่บ้าน คงดุ๊กดิ๊กๆน่าดู :katai5: (เดี๋ยวๆ)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 01-07-2015 02:27:24
ค.ถ ~~~ แหม หมอก็หยอดยิ่งกว่าขายขนมครกโนะ ยิ้มหวานเค้าก็เขินแต่ดูภูมิต้านทานจะดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะจีบตลอด ฮาาาา
ชอบตอนหันมามองกันตอนซื้อของไปให้ที่คณะ ฮิ้วๆ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: kangteuk1995 ที่ 01-07-2015 04:19:03
 :m25: เขิน :heaven ฟินเวอร์
น่าร๊ากกกก :-[
ครบทุกอารมณ์ :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 01-07-2015 08:08:00
คิดถึง มั้ยยิ้มหวานพี่คิดได้คำเดียวถ้วนค่ะ 55555 ยังคงความน่ารักทั้งคู่เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 01-07-2015 13:39:26
เพื่อนหาว่าเราบ้าอ่ะ ยิ้มอยู่คนเดียว แต่เห้ย ต้องมาอ่านอ่ะ ยงกะถูกหมอจีบ เขิลแทนยิ้มหวานตลอด 55555 พูดเลอว่าชอบมาก!!!!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 01-07-2015 14:00:58
คถ.มากๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 01-07-2015 14:16:02
ฟินสิจ้ะ พี่หมอน่ารัก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: KMprince ที่ 01-07-2015 19:14:10
ไม่ได้เจอหน้าดวงใจ ค.ถ.ล้านคำยังน้อยไปใช่ไหมหมอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: biibbmnt ที่ 01-07-2015 19:46:54
อ่านรอบที่สองแล้วอ่ะ ก็ยังเขินคงเส้นคงวา
เหมือนโดนหมอจีบซะเอง ฮอลลล
ชอบที่หมอเรียกยิ้มหวานว่า "เธอ" ดูเรียลมาก
เอาจริงในชีวิตแฟนกันก็เรียกว่าเธออ่ะเนอะ
อินไปอีกกกก มาต่อเร็วๆ น้าาา
จุ๊บๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: ฝัullล้วlv ที่ 02-07-2015 16:06:05
มะโนตัวเองเป็นยิ้มหวานแปป >///<

อร๊ายยย~ คนถ่อยนะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: mini_saiparn ที่ 05-07-2015 23:16:13
คิดถึงยิ้มหวานของหมอจัง

 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: biibbmnt ที่ 07-07-2015 11:33:55
แงงงง
รอน้องยิ้มหวานกะหมอน้าาาา
คิดถึงงง
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 08-07-2015 11:23:58
น่ารัก 
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 08-07-2015 16:00:24
มึ้งมิ้งตลอดดดดดด แม่ยกฟืนกระจัดกระจายยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 08-07-2015 20:58:31
ตามอ่านมาจนจบรู้สึกนะยังไม่รู้ชื่อพระนายเลยอ่ะ

แบบว่าเพื่อนก็เรียกหมอ อีกคนก็ถูกเรียกว่ายิ้มหวาน

ตกลงมีใครสงสัยชื่อตัวละครกันมั้งป่ะเนี่ยยยยยย

หรือมีแค่เราที่สงสัยอ่ะ?

แต่ว่าก็หวานมากกก แต่มะไรจะได้เป็นแฟนล่ะเนี่ยจีบกันจนลูกจะเต็มบ้านและ 555 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: continued ที่ 08-07-2015 22:39:38
เรื่องนี้พระเอกเหมือนจะชื่อ เต้ย ป่ะคะ
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนเพื่อนเรียก ถ้าพลาดไปก็ขออภัยด้วยค่ะ
แต่ยิ้มหวานของเรานี่สิ ยังไม่รู้ชื่อเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 08-07-2015 22:41:01
 เข้ามารอยิ้มหวานกับหมอ :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <29.06.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 10-07-2015 12:26:41
(https://pbs.twimg.com/media/CJgWlsBUAAAP-lL.jpg)
❤ ถ้ากรี้ดกร้าดในทวิต ฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ ด้วยน้า จะเข้าไปส่อง : )
❤ ใครเล่น ask fm ไปคุยกับยิ้มหวาน&หมอได้น้า ยูสนี้ค่ะ sweetysmileanddoctor





- 11 -



รู้จัก dream catcher ไหมครับ?

ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟในพารากอน ตรงหน้ามีพลางติกเป็นห่วงรูปวงกลม เชือกหนัง ขนนก ลูกปัด ไหมพรม คนที่เพิ่งหันไปคุยกับเพื่อนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะบอกกับผมว่า ของพวกนี้สามารถนำมาประกอบกัน ได้เป็น dream catcher

ยิ้มหวานบอกผมตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อน หลังจากเจ้าตัวกลับมาจากเขาใหญ่แล้วครับ ว่าวันพรุ่งนี้กับมะรืนนี้ ที่หน้าคณะของเขาจะมีตลาดนัดขายของแฮนเมด ซึ่งเป็นงานที่จัดร่วมกันระหว่างเด็กสถาปัตย์กับศิลปกรรม

พอรู้ข่าวว่าจะมีงาน พวกเพื่อนๆของเขาก็เกิดนึกอยากทำของขายกันขึ้นมา เลยไปจองบู้ทเอาไว้ แล้วก็ตกลงกันได้ว่าจะทำ Dream Catcher มาขายกัน ยิ้มหวานบอกกับผมว่า dream catcher ที่จะเอาไปวางขายที่งานนั้น มีทั้งแบบที่ประดิษฐ์เป็นชิ้นออกมาให้เรียบร้อยแล้ว กับแบบที่คนซื้อจะได้อุปกรณ์ไปเป็นชิ้นๆเพื่อจะเอาไปทำด้วยตัวเองที่บ้าน

วันนี้พวกเขาก็เลยพากันมานั่งเตรียมอุปกรณ์ที่พอจะเตรียมได้กันไว้ก่อน  ส่วนผมที่เพิ่งออกจากฟิตเนสพอดีก็เลยถือโอกาสแวะมาหากัน แล้วก็ต้องมาทำความรู้จักกันตั้งแต่เริ่ม ว่าไอ้เจ้า dream catcher ที่พอจะเคยเห็นผ่านตามาบ้างแล้วนั้น มันคืออะไร เอาไว้ทำอะไรกันแน่

“มึงอ่ะอธิบายให้หมอมันฟังเลย" 

เสียงของเพื่อนยิ้มหวานดังข้ามโต๊ะมา ทำเอาคนที่นั่งอยู่ข้างๆผมต้องทำหน้ามุ่ย เขาสบตาผมเงียบๆ แต่หรี่ตาย่นจมูกใส่กัน ดูน่าเอ็นดูไม่เบา ก่อนจะเริ่มอธิบายให้ผมฟังตามที่โดนสั่งมา 

“ก็ Dream Catcher เนี่ย มันเป็นเครืี่องรางของเผ่าอินเดียแดง หน้าตาแบบนี้" พูดจบเค้าก็หยิบไอ้ห่วงกลมๆที่มีของห้อยลงมาเยอะแยะเต็มไปหมด แล้วชูขึ้นมาให้ผมดู

"ความเชื่อก็คือ ถ้าเอาเครื่องรางอันนี้ไปแขวนเอาไว้บนที่นอน จะทำให้ฝันดีอยู่กับตัว และฝันร้ายจะหายไป"

“อ๋อ...” ผมฟังความรู้ใหม่แล้วพยักหน้ารับช้าๆ ก่อนที่เขาจะอธิบายต่อ

“ลายของเชือกที่ถักอยู่ตรงกลางอ่ะ เค้าเอามาจากลายของใยแมงมุม ที่คอยดักจับแมลงเอามาเป็นอาหาร เชื่อกันว่าเจ้าเส้นใยที่ถักกันอยู่ตรงนี้นี่แหละ เป็นสิ่งที่คอยดักจับฝันร้ายของเราเอาไว้"

ผมพยักหน้ารับคำพูดของเขาไปด้วย พร้อมกับความคิดที่ปรากฎขึ้นมาในใจ
...หน้าตาเวลาเจ้าตัวตั้งใจอธิบายอะไรให้คนอื่นฟังนี่ น่ามองชะมัด

ดวงตากลมๆของเขาจะโตขึ้นนิดหน่อย...
ส่วนริมฝีปากที่ดูนุ่มนิ่มก็ขยับบอกเล่าเรื่องราวไปพร้อมๆกับรอยยิ้ม

พูดจบหนึ่งเรื่อง เขาก็จะหยุด มองสบตากับผมแล้วถามทางสายตาว่า เข้าใจใช่ไหม? นึกออกรึเปล่า? พอผมพยักหน้ารับเบาๆ เขาก็เริ่มอธิบายต่อ

“ซึ่งในความเป็นจริงอ่ะ เจ้าเครื่องรางอันเนี้ยเป็นเครื่องรางสำหรับเด็ก ต่อให้เราเอามาแขวนที่เตียงผู้ใหญ่ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอก เหตุผลเพราะว่า จิตใจของผู้ใหญ่ไม่บริสุทธิ์เหมือนของเด็ก แต่คนก็ยังนิยมเอามาใช้เป็นเครื่องประดับกันอยู่ดี เพื่อนเราบอกว่าที่ฮิตกันมากๆก็เพราะมันอยู่ในซีรี่ย์เกาหลีมั้ง คือเราก็ไม่เคยดูเหมือนกัน ประมาณนี้แหละ"

พูดจบเขาก็ยกยิ้มให้ผมจนตาเป็นขีดสระอิ ก่อนจะพูดต่อสั้นๆ

“ฟังจบแล้วซื้อด้วย!”

อันนี้ไม่เรียกขายแล้วครับ เรียกยัดใส่มือแล้วบังคับให้จ่ายตังค์มากกว่า
แต่ผมก็ยังตอบรับไปด้วยความเต็มใจ

“เอาดิ"

ได้ยินอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยิ้มถูกใจ ก่อนจะหันไปบอกเพื่อน

“มึงๆ หมอซื้อแล้วอันนึง เอามาเร็ว  -- หมอเอาสีอะไร?”

“สีอะไรก็ได้ -- แต่จะเอาอันที่พ่อค้าคนนี้เป็นคนทำให้"

พูดจบผมส่งสายตาไปให้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าแล้วยักคิ้ว พร้อมกับได้ยินเสียงโห่แซวดังมาจากเพื่อนๆของเขา
ก่อนที่กล่องพลาสติกขนาดไม่ใหญ่มากจะถูกส่งต่อเรื่อยๆมาตรงหน้าเราสองคน

“อ่ะ...เอากล่องอุปกรณ์ไป เดี๋ยวกูให้สิบบาทแล้วมึงไปนั่งจีบกันตรงโน้นนะ"

เพื่อนผู้ชายคนนึงในกลุ่มของเขาพูดติดตลก แต่ก็ทำให้ยิ้มหวานหันไปค้อนเข้าวงโต พร้อมด่าเบาๆผ่านริมฝีปากว่า 'เสือก' ก่อนที่เขาจะหันกลับมา แล้วหยิบมัดเชือกหนังขึ้นมาโยนใส่ผมเต็มๆ

ผมโยกหัวหลบมัดเชือกอันนั้น ก่อนจะยกมือขึ้นมารับไว้ได้อย่างหวุดหวิด แล้วตอบสั้นๆ

“ทำร้ายลูกค้าว่ะ"

“สม!” เขาตอบผมแล้วยักไหล่ ก่อนจะถามต่อ "เอาแบบไหน สีอะไร? เลือกมาเร็ว”

เจ้าตัวพูดพลางยื่นกระดาษแข็งที่มีรูป dream catcher แปะอยู่หลายแบบมาให้ผมเลือก

“ไงก็ได้ ตามใจเลย"

“ดี -- เราจะได้ใส่พร็อพเยอะๆ จะได้แพงๆ"

เขาพูดพลางยิ้มกริ่ม ก่อนจะเริ่มเอาเชือกพันรอบวงกลมพลาสติกขนาดประมาณฝ่ามืออย่างช้าๆ
ผมมองฝ่ามือที่ดูนุ่มนิ่มกับนิ้วมือเรียวขนาดกะทัดรัดของเขาแล้วลอบยิ้มออกมา
มือน่ารักว่ะ...

รออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง เครื่องรางดักฝันที่ยิ้มหวานทำอยู่ก็เสร็จเรียบร้อย เขายื่นมันมาให้ผมดู แล้วบอกกันว่า

“หมอถ่ายรูปแล้วอัพไอจีโปรโมทร้านให้เราด้วย วันจริงคนจะได้มาซื้อเยอะๆ"

ผมมองคนที่มีแววว่าจะเห่อเล่นขายของอย่างหนัก ก่อนจะวางของที่เพิ่งได้มาลงไปบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่วางหงายอยู่ แล้วส่งไปให้เขาทั้งคู่

“อ่ะ ถ่ายเองอัพเองเลย"

“โอเค"

เขารับคำสั้นๆ หยิบโทรศัพม์มือถือของผมไปปลดล็อค และกำลังจะถ่ายรูป

ในตอนที่ยิ้มหวานเงยหน้าขึ้นมาหามุมที่วิวสวยๆเพื่อจัดมุมถ่ายรูป เขาก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าเพื่อนๆทุกคนกำลังจับตาดูตัวเองอยู่เป็นตาเดียว

ผมสัมผัสความรู้สึกนี้ได้ตอนที่ยื่นมือถือไปให้
แต่เขาก็ดูจะความรู้สึกช้าซะเหลือเกิน...

“มองไร?”

ใบหน้าน่ารักของเขาส่งสายตามองไปทางเพื่อนๆ ก่อนจะทำปากยื่นอย่างเอาเรื่อง ในขณะเดียวกัน ผิวแก้มขาวๆก็เรื่อสีชมพูขึ้นมาให้เห็น

ผมว่าเขาคงพอจะเดาได้ว่าที่โดนจับตามองอยู่นั้น ก็เพราะเจ้าตัวเอาโทรศัพท์มือถือของผมไปเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ

“สนิทกันดีเนอะ"

ยังคงเป็นเพื่อนสาวตัวแสบคนเดิมที่พูดออกมา ริมฝีเคลือบลิปสติกสีส้มเบะคว่ำลงนิดหน่อย ก่อนที่เจ้าตัวจะกลับไปทำงานต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ยิ้มหวานดึงสายตากลับมาจากทุกคน ก่อนจะมองตรงมายังผมที่นั่งอยู่ตรงข้าม

ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ นอกจากยิ้มมุมปากไปให้นิดหน่อย แล้วยักไหล่เหมือนคนไม่ได้ทำอะไรผิด

พอเห็นท่าทางของผม คนตรงหน้าก็ทำท่าจะโยนไอโฟนในมือเขามาใส่กัน จนผมต้องรีบยกมือขึ้นห้ามอย่างรวดเร็ว

พอเห็นอย่างนั้นเจ้าตัวก็หลุดขำ แล้วก็กลับไปถ่ายรูปของเขาไปเงียบๆ ก่อนจะอัพรูปโปรโมทให้ตัวเองเรียบร้อย

เย็นวันนั้นผมกลับบ้านไปโดยทีี่มี Dream Catcher อยู่ในมือ 1 อัน
จำได้ว่าตอนที่ยิ้มหวานเล่าเรื่องของเจ้าเครื่องรางอันนี้ให้ฟัง
เขาบอกผมว่า -- ในความเป็นจริงแล้วมันจะช่วยดักจับฝันร้ายได้เฉพาะในเด็กทารก

ผมยกห่วงกลมๆที่มีเชือกถักล้อมรอบและประดับด้วยขนนกขึ้นมาดูตอนที่ยืนอยู่กลางรถไฟฟ้าบีทีเอส แล้วยิ้มออกมา

ถึงแม้ตอนนี้ผมจะอายุเลยวัยของการเป็นเด็กทารกมาหลายปีแล้ว
แต่เครื่องรางอันนี้มันก็น่าจะยังช่วยสร้างฝันดีให้กับผมได้อยู่แหละ
เพราะคนที่ทำมันขึ้นมา ....เป็นยิ่งกว่าฝันดีของผมซะอีก


-   -   -


วันต่อมา หลังจากเรียนเสร็จตอนเกือบๆ 5 โมง ผมกับเพื่อนๆรวมแล้วประมาณสิบกว่าคนก็พากันมาที่หน้าคณะสถาปัตกรรมศาสตร์

มาถึงปุ๊บผมก็ไปเดินเล่นรอบงานกับพวกมันก่อนรอบนึงครับ เพราะผมเห็นแล้วว่าร้านของยิ้มหวานคนรุมเยอะสุดๆ จะเบียดเข้าไปก็คงจะยุ่งวุ่นวายน่าดู

พอเดินกลับมาอีกรอบแล้วพบว่าคนไม่แน่นหน้าร้านเขาเท่ากับตอนที่เพิ่งมาถึง ผมก็เลยขอแยกตัวจากทุกคนมา พร้อมกับฝ่ามือของเพื่อนๆที่รุมโบกกบาลผมตามหลังมาเต็มๆ

มาถึงโต๊ะรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดปานกลางdream catcher วางขายอยู่เต็มไปหมด ผมก็ยกมือขึ้นโบกทักทายทุกคน แล้วถามออกไปแบบไม่เจาะจง

“ขายดีป่ะ?”

“ดีดิ พ่อค้าแซ่บขนาดนี้"

เพื่อนสาวตัวแสบตอบกลับมา  ก่อนจะชี้นิ้วหัวแม่มือไปทางคนที่กำลังเอาของใส่ถุงให้ลูกค้าอยู่

วันนี้เขาใส่หมวกแก็บสีอ่อนแบบที่หันปีกหมวกไปด้านหลัง นั่นทำให้ใบหน้าได้รูปและเครื่องหน้าอันลงตัวของเขาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนมากกกว่าเดิม ยิ้มทีนึงนี่ โน่นครับ – สว่างไปถึงประตูทางออก

เขาคงหันมาแล้วเห็นว่าผมกำลังยกยิ้มอยู่พอดี เจ้าตัวถึงได้ขมวดคิ้วเข้า แล้วถามผมสั้นๆ

“ขำอะไรหมอ?”

“หัวเหม่ง!”

ผมพูดสั้นๆแล้วยื่นมือไปดีดหน้าผากเขาเบาๆ ก่อนจะโดนแก๊งเพื่อนเขาโห่แซวมาอีกยก
ผมยิ้มแล้วยักคิ้วไม่สะทกสะท้านกับคำแซว ก่อนจะเดินหน้าถามยิ้มหวานต่อไป

“จะกินไรมั้ย? เดี๋ยวไปซื้อให้"

“ยังไม่หิวเลย"

คนที่นั่งขายของอยู่เงยหน้ามาสบตาผม ก่อนจะส่ายหน้าให้พร้อมรอยยิ้มแล้วตอบ
พอดีกับที่มีคนเดินเข้ามาซื้อของ เขาก็เลยผละไปคุยกับลูกค้า

ผมมองเลยมายังกลุ่มเพื่อนๆของยิ้มหวานที่คุ้นเคยกันมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะเห็น 1 ในนั้น ชี้ไปที่ถุงกระดาษมากมายที่วางอยู่ด้านหลัง

ผมมองแล้วขมวดคิ้ว ก่อนจะถามออกมา
“อะไรวะ?”

“ของที่คนเค้าซื้อมาให้ไอ้นี่อ่ะดิ" 

ผู้หญิงตัวเล็กๆตาชั้นเดียวบอกเชื้อชาติ พูดพลางส่งสายตาไปให้คนที่กำลังขายของอย่างจริงจังจนไม่สนใจว่าจะมีใครนินทา

ผมมองไปยังถุงกระดาษของคาเฟ่เจ้าดังหลายร้าน รวมไปถึงคอฟฟี่ช็อปและร้านอาหาร ที่วางอยู่ข้างหลังแล้วอดไม่ได้ที่จะสอบถอนหายใจ...

นึกถึงประโยคที่ไอ้เบอร์ 1 ชอบพูดเวลาที่มันเห็นสาวน่ารักถูกสเป็คเดินมาคู่กันกับแฟนขึ้นมาทันที

จีบคนโสด คู่แข่งเป็นแสน
จีบคนมีแฟน คู่แข่งแค่คนเดียเองนะเว้ย!


เข้าถึงคำว่า 'คู่แข่งเป็นแสน' ในวาทะเด็ดของไอ้เพื่อนเวรแม่งก็วันนี้

ผมส่งสายตาไปยังถุงกระดาษที่วางเรียงอยู่อย่างมากมาย อย่างน้อยก็มากกว่า 10 ใบแน่ๆอ่ะ ถ้ามาจากพวกแฟนคลับเด็กๆของเขานี่ผมไม่มีปัญหาหรอกครับ

แต่พวกที่มาเนียนจีบนี่สิ... เห็นถุงแต่ละใบแล้วรู้สึกหมั่นไส้อยากหอบมาเผาทิ้งแม่งให้หมด 
คิดไปคิดมาผมก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะสุดท้ายตัวเองก็ยังอยู่ในสถานะเดียวกันกับคนเหล่านั้นอยู่ดี

ที่มากันเยอะขนาดนี้เพราะเจ้าตัวอัพเดทลงอินสตาแกรมไปเมื่อคืนด้วยล่ะครับ ว่าวันนี้จะมาขายของที่นี่ และน่าจะอยู่ที่งานทั้งวัน พอเห็นแบบนั้น คนที่แอบปลื้มเขาอยู่คงตั้งใจจะมาเจอเจ้าตัวจริงๆ

สักพักผมก็ได้ยินเพื่อนของเขาพูดออกมา หลังจากที่ยิ้มหวานขายส่งของให้ลูกค้าคนล่าสุดเสร็จเรียบร้อย

“มึงไปพักก่อนมั้ย พ่อมารับแล้วเนี่ย"

“พ่อบ้านมึงสิ! เดี๋ยวรอไอ้สองคนนั้นกลับมาก่อน"

ผมฟังบทสนทนาของเขากับเพื่อนแล้วแอบขำอยู่ในใจ

ตอนอยู่กับเพื่อนเขาก็พูดจาไม่ต่างจากกลุ่มผมเวลาอยู่ด้วยกันเท่าไหร่หรอก
แต่นิสัยที่ชอบหันไปทำหน้าดุแยกเขี้ยวใส่เพื่อนเวลาโดนแซวเรื่องผมนี่สิ - น่ารักดี

เพราะยืนอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังบังหน้าร้านเค้าอีก ผมเลยบอกเขาว่าจะไปรออยู่ตรงด้านข้างของตึกที่อยู่เยื้องกับมุมที่เขาขายของอยู่ไปทางด้านหลังแล้วก็แยกจากเขามา เพราะบังเอิญมองไปแล้วเจอคนรู้จักยืนอยู่ตรงมุมสำหรับสูบบุหรี่พอดี

ผมเดินไปหาเพื่อนต่างคณะที่รู้จักกันช่วงแข่งบาสมหาลัย ทักมัน แล้วก็นั่งยองๆคุยกับไอ้คนที่กำลังอัดนิโคตินเข้าปอดอย่างไม่กลัวตาย แถมยังหันมาเสนอตัวแบ่งเชื้อมะเร็งให้ผมอย่างใจดี ก่อนจะเก็บกลับไป เมื่อผมเอ่ยปฏิเสธ

ผมคุยกับมันไปเรื่อยเปื่อยเรื่องการซ้อมบาสที่ส่วนใหญ่จะชอบนัดกันช่วงปิดเทอม เพราะเปิดเทอมได้ไม่นานการแข่งบาสของมหาลัยก็จะเริ่มต้นขึ้น

ผมฟังไอ้คนข้างๆบ่นเรื่องการหาสปอนเซอร์ให้ทีม โดยที่สายตายังคงมองคนที่เชียร์ให้ลูกค้าซื้อของพร้อมกับยกยิ้มสดใสอย่างไม่รู้จักเหนื่อย

ก่อนจะสะดุดตาเข้ากับผู้ชายคนนึงที่เดินผ่านผมไปพร้อมกับดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ ทั้งคนที่เดินมาและดอกกุหลาบที่เจ้าตัวถืออยู่นั้นเด่นสะดุดตามาก จนคนที่เดินอยู่รอบๆยังต้องหยุดแล้วมองเจ้าตัวเป็นตาเดียว

ไม่ทันได้ถามอะไรออกมา ไอ้คนที่อยู่ข้างๆกันก็บ่นออกมาเบาๆ พร้อมปล่อยควันบุหรี่ออกมาทางลมหายใจ

“เล่นใหญ่ว่ะเฮ้ย"

“ใครวะ?”

“คุณชายคณะกูเอง เด็กปีหนึ่งว่ะ"

เด็กวิดวะนี่เอง...
ผมคิดพลางมองตามไอ้คนตัวสูงๆกับดอกกุหลาบของมันไปเรื่อยๆ ก่อนจะเริ่มรู้สึกตงิดๆขึ้นมาตอนที่ไอ้หมอนั่นไปหยุดอยู่หน้าร้านที่ผมเพิ่งเดินผละออกมา

ก่อนที่ผมจะได้คาดเดาอะไร ไอ้เด็กนั่นก็ยื่นดอกกุหลาบช่อใหญ่ตรงไปให้คนที่ผมตามจีบอยู่เช่นกัน ภาพตรงหน้าทำเอาผมตัวเกร็งขึ้นมาทันทีทันใด ก่อนจะจิ๊ปากออกมาด้วยความขัดใจ
แม่งเอ้ย! กูว่าแล้วไง!

ผมมองสถานการณ์ตรงหน้าแล้วได้แต่ขมวดคิ้ว รู้สึกอยากแย่งบุหรี่ที่ปล่อยควันสีขุ่นอยู่ระหว่างข้อนิ้วไอ้คนข้างๆมาอัดเข้าปอดขึ้นมาทันที

แว้บนึงผมเห็นว่ายิ้มหวานเหลือบมองมาทางนี้ ก่อนจะดึงสายตากลับไป

จากมุมที่ผมมองอยู่ คนที่มีสีหน้าหลากหลายอยู่เสมอกำลังปั้นหน้านิ่ง ใบหน้าที่มักจะประดับไปด้วยรอยยิ้มสดใส ยกยิ้มบางๆที่มุมปาก ก่อนจะฟังในสิ่งที่คนตรงหน้าพูดนิ่งๆ

พอมองเลยมาก็เห็นว่าคนที่อยู่รอบๆกำลังหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายทั้งรูปทั้งคลิปจากทุกมุม

ส่วนผม – ยอมรับเลยว่าความรู้สึกที่มีในใจตอนนี้คือ 'หวง'

ผมหวงคนที่นั่งห่างออกไปมากจนกระทั่งอยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
แต่ที่ยังนิ่งอยู่ในตอนนี้ก็เพราะผมรู้สถานะตัวเองดี --  มันยังไม่ถึงเวลา

ก็เคยคิดอยู่หรอกครับว่าเขาน่าจะมีเข้าหาไม่น้อยอยู่แล้ว
แต่พอได้มาเห็นกับตาแบบนี้ พูดตรงๆเลยว่าภาพตรงหน้ามันสั่นคลอนความรู้สึกผมได้จริงๆ

ยิ้มหวานยังคงนิ่งฟังใครคนนั้นพูดอะไรก็ไม่รู้ ผมเองก็อยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินเสียง
ในขณะเดียวกัน คนก็เริ่มเข้ามามุงมากขึ้นเรื่อยๆจนผมต้องยืนขึ้น

“เสือกว่ะหมอ"

คำพูดของคนที่ยังเอาแต่สูบบุหรี่ไม่สนใจโลกทำเอาผมต้องยิ้มรับด้วยมุมปากแทนคำตอบ

ผมอาศัยความสูงที่มากกว่า แถมยังยืนอยู่บนพื้นที่ยกขึ้นมาเล็กน้อย มองฝ่าผู้คนเข้าไป ก่อนจะทันเห็นยิ้มหวานส่ายหน้าน้อยๆ แล้วดันช่อดอกไม้ที่ยื่นเข้ามา ให้ห่างออกจากตัวไป

พอเขาทำท่าทีอย่างนั้น คนที่มาด้วยความหวังเต็มเปี่ยมก็แสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
เด็กชะมัด...

ดูจากท่าทางแล้ว เดาว่าไอ้คนที่มาพร้อมช่อดอกไม้แดงๆนั่นกำลังคะยั้นคะยอให้ยิ้มหวานรับดอกไม้ในมือตัวเองไปให้ได้
ในขณะที่คนรับก็ยังคงยืนยันที่จะปฏิเสธ

ผมเดาเอาว่าน่าจะต้องมีอะไรมากกว่าดอกไม้แน่ๆ สถานการณ์มันถึงได้น่าอึดอัดขนาดนี้ ปกติยิ้มหวานใจดีมากเหอะ เวลาคนมาขอถ่ายรูปนี่ จะขอกอดขอจับมืออะไรเจ้าตัวก็ไม่มีปัญหา ไปโอบไหล่เขาก่อนยังมีเลย

ยื้อกันอยู่สักพัก  ในที่สุดเรื่องมันก็จบลงที่ดอกไม้ช่อใหญ่นั่นถูกเขวี้ยงลงที่พื้นหน้าโต๊ะขายของ

และทันทีที่กุหลาบแดงช่อใหญ่กระแทกลงกับพื้น เพื่อนสาวตัวแสบที่สุดของยิ้มหวานก็กระโดดเข้ามาร่วมวง แล้วเรียกไอ้หมอนั่นให้มาเก็บดอกไม้กลับไป เดาไม่ยากเลยว่าเขาต้องยอมแพ้ เดินกลับมาเก็บกุหลาบเยินๆช่อนั้นแล้วเดินคอตกกลับไป 

ผมมองความวุ่นวายที่ไม่ต่างกับฉากหนึ่งในละครตรงหน้าแล้วถอนหายใจ
ขนาดมาจีบผู้ชายแม่งยังมีผู้ชายมาเป็นคู่แข่งอีกเหรอวะเนี่ย?
แล้วแม่งก็ออกตัวแรงมากไง....

ตอนนี้สายตาของผมเอาแต่จับจ้องไปยังคนที่มีสีหน้าอึดอัดอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน หลังจากความวุ่นวายจบลง เขาหันไปขอโทษเพื่อนๆทุกคน ก่อนที่เพื่อนๆของเขาจะมารุมปลอบเขาแทน

เห็นอย่่างนั้นผมก็ย่อตัวนั่งลงข้างๆไอ้คนที่ยังคงเอาแต่สูบบุหรี่ไม่สนใจโลก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความไปหาเขาสั้นๆ

*โอเคมั้ย? [/i]

เหมือนเพื่อนๆของยิ้มหวานจะบอกให้เขาออกมาพักหาอะไรกิน เจ้าตัวเลยลุกขึ้น พร้อมกับที่เพิ่งรู้ตัวว่ามีข้อความเข้าใหม่ เขากดอ่าน ก่อนจะหันมายังทิศที่ผมนั่งอยู่ เห็นผมปุ๊บเขาก็เดินตรงมาทางนี้และหยุดลงตรงหน้า

“กินข้าวกัน หิวว่ะ"

ระหว่างนั้นผมรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาจากคนข้างๆ
ผมเองก็มองกลับ ก่อนจะเห็นรอยยิ้มกวนตีนปรากฎขึ้นใบหน้าของมัน

“กูไปดีกว่า ปิดเทอมเล่นบาสกันเว้ย!"

พูดจบมันก็ลุกขึ้น ยื่นมือมาตบไหล่ผมหนักๆ ก่อนจะโบกมือลา พร้อมกับที่ผมโบกกลับไป

ยิ้มหวานยังคงยืนอยู่ตรงหน้า ดูจากสีหน้าแล้วเขากำลังสงสัยว่าทำไมผมไม่ยอมลุกขึ้นสักที
ในขณะเดียวกัน ปมขมวดยุ่งๆตรงหัวคิ้วก็เหมือนเป็นสัญญานเตือนว่าผมยังไม่ควรถามถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นในตอนนี้

“หมอ ลุกดิ~”

“เมื่อยว่ะ"

“ขาชาเหรอ?”

“เปล่า...” ผมตอบพลางยื่นมือไปให้เขา แล้วพูดต่อสั้น "ขอจับมือได้ไหม?”

เราเคยเดินจูงมือกันไปแล้ว แต่ไม่ใช่ในสถานการณ์ที่มีคนเดินผ่านไปมาพลุกพล่านอย่างในตอนนี้
วันนั้นมันมืดมาก และตรงทางที่เราเดินกันไปนั้น ก็มีแค่ผมกับเขาอยู่ด้วยกันสองคน

“ฮี?”

“จับมือกัน จะได้ไม่หลงไง"

เหตุผลของผมทำให้เขาหลุดยิ้มออกมาจนได้

“หลงบ้าอะไรล่ะ นี่คณะเราเว่ย!”

“งั้นจูงมือเรา แล้วพาเดินเที่ยวงานหน่อยดิ นศพ.ไม่รู้ทางครับ"

“มันก็แค่เดินตรงไปตามทางเท้าไม่ใช่รึไง?”

เจ้าตัวยังคงกลั้นขำ แล้วต่อล้อต่อเถียงกับผมต่อ

ยอมรับว่าที่ถ่วงเวลาอยู่อย่างนี้เพราะอยากให้คนตรงหน้าปรับความรู้สึกด้วยส่วนนึง
อารมณ์ขุ่นๆมาแล้วไปเดินเบียดกับคนในงานอีกนี่ไม่สนุกแน่ๆ 

“เหอะน่า...”

“...”

คนตรงหน้ายังคงนิ่ง แต่แววสดใสเริ่มกลับมาสู่นัยน์ตาของเจ้าตัวทีละนิด เพราะเห็นผมนั่งยองๆเงยหน้าขึ้นมองเขา ใช้สายตาแทนคำขอร้องเหมือนคนไม่มีที่ไปอยู่ตรงนี้

“นะ...”

“....”

“นะครับ...”

ผมเห็นเขาถอนหายใจออกมานิดๆ ก่อนจะยกมือขึ้น แล้วยื่นนิ้วชี้ออกมาให้ผมเพียงเท่านั้น

“ให้นิ้วนึง"

"....”

"เร็วๆหิวจะแย่แล้วเนี่ย! นับหนึ่งถึงสามไม่ลุกขึ้นมาเราไม่รอแล้วนะ!"

เขาพูดจบปุ๊บ ผมก็ยื่นมือออกมาแล้วเกี่ยวนิ้วมือเข้ากับปลายนิ้วเขาในทันที ก่อนจะลุกขึ้น แล้วเดินไปข้างๆกัน
ไหล่ของเรากระทบกัน ตอนที่ผมกระซิบบอกกับเขาแผ่วเบา

“ขอบคุณครับ"




,

[มีต่อข้างล่างนะคะ]
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 10-07-2015 12:28:30
-


ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าที่ยิ้มหวานกำลังทำอยู่คือการช็อปกระจาย หรือการลงทุนโฆษณาร้าน

คนที่ปลายนิ้วมือเกี่ยวกันอยู่แบบหลวมๆกำลังลากผมไปแวะทางโน้นทีทางนี้ที
พอถูกใจอะไรก็ซื้อ ถ้าไม่ถูกใจก็หันมาถามผมว่า หมอซื้่อมั้ย? แล้วก็สั่งกำชับกับทุกคนก่อนเดินออกมาจากหน้าร้านว่า
'อย่าลืมไปซื้อดรีมแคชเชอร์ที่ร้านกูนะ! เดี๋ยวลดให้!'

ผมได้แต่มองพ่อค้ามือใหม่ที่แอบไปโฆษณาร้านตัวเองไว้กับทุกคนแล้วก็กลั้นขำมาตลอดทาง

“หมอไม่ซื้ออะไรเหรอ? เดี๋ยวจะถึงโซนของกินแล้วนะ"

“ยังไม่เจออะไรที่ถูกใจเลย"
ผมพูดพลางมองไปรอบๆอีกครั้ง  ก่อนจะรู้สึกว่ามือที่เกาะเกี่ยวกันอยู่นั้นกระตุกเบาๆ ก่อนที่ยิ้มหวานจะพูดออกมา

“อ๋อ! เพื่อนเราขายจิวด้วยนะ ป่ะ! ไปดูกัน”

พูดจบปุ๊บเจ้าตัวก็ลากผมให้เดินตามไป จนกระทั่งถึงร้านนึงที่มีคนเลือกของอยู่ก่อนแล้งสองสามคน พอเห็นว่าใครเป็นคนขายผมก็เอ่ยทักทันที

“อ้าว! หวัดดี"

คนที่ผมทักคือผู้หญิงผมยาวตรงสีดำสนิทที่เก็บผมข้างซ้ายขึ้นไปด้วยเปียแน่นๆ เพื่อโชวว์ต่างหูที่เจาะเรียงกันเป็นแนวยาว

ผมก็จำไม่ได้หรอกครับว่าเขาชื่ออะไร รู้แค่ว่าเรียนอยู่ศิลปกรรมศาสตร์ แล้วก็เคยเจอกันตอนไปกินเหล้า เพราะเขานั่งอยู่วงเดียวกับเฮีย

“รู้จักกันด้วยเหรอ?”

ยิ้มหวานดูงงๆที่ผมกับเขาทักทายกันอย่างนั้น แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ถามอะไรออกมา ปล่อยให้ผมดูทั้งจิวหูแล้วก็ต่างหูแบบแปลกๆที่วางอยู่เรียงราย

ดูไปเรื่อยๆผมก็ไปสะดุดตาเข้ากับอันนึง เป็นแบบห่วงเรียบๆธรรมดาแต่เป็นสีดำด้าน คือผมหาแบบนี้มาสักพักแล้วครับ แต่ขนาดมันไม่ค่อยพอดีเลยยังไม่ถูกใจ แล้วอันนี้ก็ดูเหมือนจะใกล้เคียงแบบที่ผมหาไว้ซะด้วย

หลังจากจับมันพลิกไปพลิกมาเพื่อสำรวจอยู่สักพัก ผมก็ตัดสินใจซื้อในที่สุด

“เอาอันนี้ เท่าไหร่วะ?”

“เอาข้างเดียวใช่ป่ะ? 350”

“ลดหน่อยดิ!”

ผมยังไม่ทันหยิบเงินเลยครับ แค่กำลังคลายนิ้วมือที่เกี่ยวกันอยู่ออก เพื่อจะหยิบกระเป๋าตังค์ พ่อค้ามือใหม่ข้างๆผมที่ตอนนี้อยู่ในช่วงกำลังเห่อการเล่นขายของก็รีบต่อราคาขึ้นมาทันที
ปฏิกริยาของเขาทำเอาผมแทบจะหลุดขำออกมาอีกครั้ง

“ลดหน่อยดิ"

“มึงซื้อรึไง? จะไปต่อให้คนอื่นทำไม?”

“ก็เพื่อนกูอ่ะ กูต่อให้เพื่อนไม่ได้ไง?”

พอฝั่งโน้นทำเสียงกวนตีนมา
ฝั่งนี้ก็ดูพยายามจะกวนกลับซะด้วย

ผมว่ายิ้มหวานเป็นคนน่าแกล้งนะ
ผมเจอเพื่อนเขากี่คนๆ ก็ดูเหมือนจะมีงานอดิเรกคือการแกล้งแซวให้เขาหน้ามุ่ยซะเป็นส่วนใหญ่

“แค่เพื่อนกูลด 5 บาท แต่ถ้าเป็นแฟนกูลด 50“

พอดีกับที่ผมหยิบแบงค์ห้าร้อยมาถือเอาไว้ในมือ และเก็บกระเป๋าตังค์ลงกางเกงไปเรียบร้อยแล้ว
ผมเงยหน้าขึ้นมา...พร้อมกับเลื่อนปลายนิ้วกลับไปเกี่ยวเกาะอยู่กับนิ้วมือของคนข้างๆเหมือนเดิม ก่อนจะยกมือขึ้นทันที

“แบบนี้ลดเท่าไหร่?”

ทันทีที่มือของผมกับเขาที่ยึดติดกันอยู่แบบหลวมๆถูกยกขึ้นมาอวดให้คนตรงหน้าเห็น ยิ้มหวานก็ทำเป็นขยับมือยุกยิกพยายามจะดึงนิ้วออกทันที

เขาหนีจากมือของผมได้สำเร็จพอดี ตอนที่คนตรงหน้าตอบกลับมา

“โห! หมั่นไส้ 300 ก็ได้วะ"​

ได้ยินอย่างนั้นยิ้มหวานก็หน้ามุ่ยกว่าเก่า ผมยื่นแบงค์ 500 ให้คนตรงหน้าไป
ก่อนจะรู้สึกได้ว่าคนข้างๆยกเท้าขึ้นมาเตะที่หน้าขาผมเบาๆ

“ล้อเล่น จริงๆคือกูตามจีบอยู่ว่ะ ยังไม่ติดเลยเนี่ย คิด 330 พอ เดี๋ยวเป็นแฟนกันเมื่อไหร่ค่อยตามไปซื้อในไอจีอีกอัน ตอนนั้นค่อยลด 50 บาทแล้วกัน"

คนที่กำลังจะทอนเงินให้ผมได้ยินเข้าก็หลุดขำ ก่อนจะยื่นธนบัตรสีแดงให้ผมมา 2 ใบ ก่อนจะหันไปพูดกับยิ้มหวาน

“อ่าว นึกว่าคบกันแล้วซะอีก – อะไรวะ คิ้วท์แล้วกั๊กเหรอ?”

ได้ยินอย่างนั้นปุ๊บ เจ้าตัวเถียงกลับไปทันทีครับ
“กั๊กบ้านมึงดิ!"
แต่คนฟังกลับไม่สนใจ เขาโบกมือใส่ยิ้มหวาน ก่อนจะหันมาคุยกับผมต่อ

“300 นั่นแหละ ถ้าจีบไม่ติดก็เอาตังค์มาคืน 20 ส่วนอีกสิบบาทสมทบค่าน้ำแข็งเผื่อหมอไปเมาย้อมใจ”

“ตั้ง10 บาท สงสัยต้องจีบให้ติดแล้วว่ะ"

ผมพูดพลางเหลือบไปมองคนข้างๆที่ยังคงตีหน้ายุ่ง แล้วยักคิ้วให้

“เราก็ว่างั้นแหละ – ดูหน้ามันดิหมอ งอแงแล้วว่ะ สงสัยน้ำตาลเกิน รีบลากมันออกไปเร็วๆ เดี๋ยวมันยกโต๊ะทุ่ม”

ผมหลุดขำ พอเห็นว่าคนพูดยกมือขึ้นแล้วหันฝ่ามือมาทางนี้ ผมก็แทคมือกลับไปเบาๆ

ก่อนจะรู้สึกสงสารปนเอ็นดูคนข้างๆที่ยังคงทำหน้าเอาเรื่องพร้อมจะแยกเขี้ยวงับเพื่อนที่นั่งไขว่ห้างสบายใจอยู่ตรงหน้า ถึงแม้ว่าผิวหน้าของเขาจะจับสีแดงระเรื่อ แบบที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศหรือเพราะโดนแซวเข้าไปเต็มๆกันแน่

ผมเอื้อมมือไปหยิบนามบัตรที่วางอยู่มาใส่กระเป๋า เกี่ยวนิ้วมือเข้าด้วยกันกับยิ้มหวานแบบเดิม แล้วจูงมือเขาเดินออกมา ก่อนจะบอกทิ้งท้าย

“ไปละ ขอบคุณมาก เดี่ยวใส่ละถ่ายรูปแทกให้"

เดินออกมาได้สองสามก้าว คนที่กลับมาหน้าตาสดใสแบบที่ลืมไปแล้วว่าเมื่อกี้โดนเพื่อนแกล้งก็หันมาหาผมแล้วเอ่ยถามทันที

“รู้จักกันด้วยเหรอ?”

“เคยเจอตอนไปกินเหล้ากับเฮีย"

“เมาตลอด~” เขาบ่นออกมาไม่จริงจังนัก

“มีแฟนเมื่อไหร่จะลดละเลิกเลยครับ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆจะโทรรายงานตัวทุกชั่วโมงแทนดีมั้ย?"

ผมพูดพลางก้มตัวลงให้ใบหน้าของเราเสมอกัน แล้วมองสบตากับเขาตรงๆ ก่อนจะรีบผละออกมา ตอนที่ผ่ามือของเขายกขึ้น แล้วตีลงมาบนไหล่ผมแรงๆ
ถ้ายังยืนท่าเมื่อกี้อยู่แล้วมือเขาเลยมาฟาดลงบนหน้าผมนี่จะไม่แปลกใจเลย -_-

“บอกทำไม?”

คนที่ไม่ยอมมองสบตากันทำเป็นถามขึ้นมาลอยๆแล้วเดินนำหน้าไป ส่วนผมก็ตอบกลับไปแบบไม่มีความหมายอะไร พร้อมกับใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ขยี้เส้นผมนุ่มมือของเขาเบาๆ

“นั่นสินะ...”


- - -



หนึ่งในนิสัยเสียน่าตีของยิ้มหวานคือการที่เขาไม่ชอบกินข้าวครับ -_-
คือเจ้าตัวไม่ชอบกินอาหารหลักเป็นมื้่อๆไป เป็นแต่กลับรักการกินขนมของว่างจุกจิกวันเป็นชีวิตจิตใจ

อย่างในตอนนี้ที่เขามีทาโกยากิ เฟรนช์ฟรายด์ ไอศกรีม และน้ำปั่น วางอยู่ตรงหน้าเต็มไปหมด
ผมก็ได้แต่มองแล้วขมวดคิ้วเข้า เพราะยังไม่เห็นอะไรที่ดูเหมือนจะเป็น 'มื้อเย็น' ได้สักอย่าง
นี่มันของกินเล่นทั้งนั้นเลยไม่ใช่รึไง? -_-

“กินแต่ขนม..."

ผมพูดออกมาพร้อมกับเท้าคางมองคนที่ยังคงตักไอศกรีมใส่ปากอย่างมีความสุข

“ไม่อยากกินข้าวนี่"

เขาตอบแล้วคาบช้อนไอติมเอาไว้ ส่วนผมได้แต่ขมวดคิ้วส่งไปให้ จนคนโดนมองต้องรีบแก้ตัว
 
“เดี๋ยวขายของเสร็จเราอาจจะโดนลากไปกินอะไรกับพวกนั้นอีกรอบก็ได้ ตอนนี้กินรองท้องไปก่อนไง"

ได้ยินคำว่า 'อาจจะ' เหมือนกันใช่ไหมครับ? -_-

สุดท้ายแล้วผมก็ได้แต่สายหน้าเบาๆ มองคนที่ดื้อตาใสแจ๋วใส่กันแล้วก็ยอมแพ้
หันกลับมากินข้าวหน้าหมูทอดของตัวเองไปเงียบๆ

สักพักผมก็กินข้าวหมด เลยนั่งมองคนข้างๆจิ้มทาโกยากิใส่ปาก พร้อมกับนั่งดูอะไรไม่รู้อยู่ในอินสตาแกรมจนผมต้องขยับเข้าไปดูด้วยแล้วเอ่ยถาม

 “ดูอะไรอ่ะ?”

เขาหันหน้ามามองผมแล้วตอบยิ้มๆ

“เช็คเรทติ้งร้าน" พูดจบก็ดันถาดทาโกยากิมาให้ตรงหน้า แล้วส่งสายตามาบอกกันว่า กินดิๆ

“เป็นไงมั่ง?”

“ดูสิ - ถ่ายรูปสวยกันมากเลยเนอะ"     

เขาพูดพลางเปิดรูปที่แทกมาในอินสตาแกรมของร้านให้ผมดูไปเรื่อยๆ
เจ้าตัวน่ะนั่งดูรูปอยู่ครับ แต่ผมเนี่ยเอาแต่จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าด้านข้างของเขา แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตามเจ้าตัวไปด้วย

“เมื่อกี้เราคุยกับเพื่อนเล่นๆด้วยอ่ะ ว่าจะลองขายของต่อในไอจีดีไหม ไหนๆก็เปิดแอคเค้าน์ไว้แล้ว มีคนถามมาในข้อความเยอะด้วยแหละว่าจะเปิดขายไหม หมอว่าดีป่ะ?”

เขาถามออกมาทั้งๆที่ยังไม่เงยหน้ามามองผม

“อืม...ก็น่าสนนะ แต่จะมีเวลาทำไหม จะสอบไฟนอลแล้วด้วย”

“นั่นสินะ"
เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะหันมามองกันแล้วทำหน้ามุ่ยลงไป จนผมต้องพูดต่อ

“เฮ้ย! ที่พูดนี่ไม่ได้ห้ามนะ แต่ให้ลองคิดดู ก็ถ้าจะทำต่อแต่ไฟนอลก็ใกล้เข้ามาเหมือนกัน คงไม่มีเวลามานั่งทำของขายอยู่แน่ๆ ก็คิดดูดิว่าจะแก้ปัญหายังไง จะขายแต่แบบที่ให้คนซื้อต้องเอาไปทำเองก่อนไหม หรือจะหยุดขายไปก่อน แล้วก็โฆษณาว่าจะมีของอีกเมื่อไหร่..."

“อะฮะ" เขารับคำแค่นั้นแล้วก็เงียบไป โดยที่ดวงตากลมๆของเขายังคงมองตรงมาที่ผม "พูดต่อดิ"

ผมงงไปนิดหน่อย ก่อนจะลองนึกต่อไปว่าถ้ายิ้มหวานเปิดร้านขายย dream catcher ขึ้นมาจริงๆจะต้องทำอะไรอีกบ้าง

“อ๋อ แล้วก็เรื่องเพื่อน รอบนี้ทำกันหลายคนใช่มั้ย ก็ลองไปคุยกันก่อนว่าจะทำต่อทุกคนไหม แล้วก็เรื่องเงินของงานนี้เคลียร์ให้จบไปก่อน แล้วค่อยขึ้นเรื่องอินสตาแกรม -ประมาณนี้แหละมั้ง"

“จริงๆเรียนบริหาร แล้วมาโม้ว่่าเรียนหมอป่ะเนี่ย"

ได้ยินเขาพูดแล้วผมก็หัวเราะรับ ก่อนตอบ
“โดนจับได้ซะงั้น"
 
“บ้าดิ ถ้าเราโดนหลอก follower แสนกว่าคนในไอจีหมอก็โดนหลอกไปพร้อมกับเรานั่นแหละ"

“ฮึ? แอบมาดูไอจีคนอื่นเค้าอีก"

“ไม่ใช่ เราไปเช็คคอมเม้นต์รูปที่เราลงไว้เหอะ หมอนั่นแหละ แอบส่องเราแน่ๆ เรารู้!"

“ก็ต้องส่องดิ จีบอยู่ก็ต้องคอยจับตาดูเผื่อจะมีคู่แข่งเป็นเรื่องธรรมดา ขนาดวันนี้อยู่ดีๆยังโผล่มาจากไหนไม่รู้ ตัวเบอเริ่มเลย"

ยิ้มหวานหันมาย่นจมูกใส่ผม แต่ไม่ช่วยเถียงแก้ตัวอะไรแสดงว่าคงไม่ถูกชะตาไอ้หมอนั่นอยู่พอตัวล่ะมั้ง
ผมเองก็เงียบไปเช่นกัน แล้วปล่อยให้ความเงียบบางเบาก็เกิดขึ้นระหว่างเราสองคน 

เสียงที่ดังผ่านเรายังคงเป็นเสียงพูดคุยของคนรอบตัวประกอบกับเสียงตะโกนโหวกเหวกขายของของเหล่าพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่

ก่อนที่ผมจะเป็นคนทำลายความเงียบนั้น

“นี่...”

คำพูดของผมทำให้คนที่คนที่มองไปยังร้านค้ามากมายต้องดึงสายตากลับมามามองกัน เขาเลิกคิ้วเหมือนจะถามว่ามีอะไร?

“มีอะไรจะพูดอีกนิดนึง ช่วยฟังกันหน่อยได้ปะ"

“โอเค”

เขาตอบรับแล้วหันมามองผมเต็มตา สีหน้าเจือความสงสัย แล้วก็ดูตื่นเต้นนิดหน่อยอยู่ในที

“เมื่อกี้อ่ะ โคตรหวงเลยรู้มั้ย?"

“...” คนฟังได้ยินอย่างนั้นก็ทำตาโตใส่กัน จนผมต้องพูดต่อ

“ตกใจอะไร? -- คือเราก็รู้นะเว่ยว่าไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะหวงได้ แต่ก็หวงไปแล้วไง ไม่ชอบให้ใครมาจีบเลย"

“....”

“แค่มาแอบชอบยังเคืองว่ะบอกเลย"

คำพูดของผมทำให้เขาหลุดยิ้มขำๆออกมานิดหน่อย และถ้าไม่ได้คิดไปเอง ผมว่าผมเห็นท่าทีเขินๆของเขาซ่อนอยู่ในรอยยิ้มนั้น

คนตรงหน้าผมเงียบไปสักพักเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะยกร้อยยิ้มบาง แล้วพูดออกมาสั้นๆ

“ช่วยไม่ได้ว่ะ แล้วก็....”

“...”

“ขอบคุณนะหมอ – ขอบคุณที่ช่วยคิดเรื่องของเราแบบโคตรจะจริงจัง แล้วก็ขอบคุณมากๆเลยที่ไม่พุ่งเข้ามาอีกคนตอนที่อะไรๆมันกำลังวุ่นวาย"

ในตอนแรกผมยังงงๆอยู่ แต่ก็มาเข้าใจในคำขอบคุณของเขาทันทีที่เจ้าตัวพูดต่อเพื่อขยายความ ระหว่างที่เขายกแก้วน้ำขึ้นมาแล้วดูดน้ำปั่นในเข้าไปเพื่อจะช่วยลดอาการประหม่า ผมก็เป็นฝ่ายพูดต่อ

“อืม ที่ไม่ไปยุ่งเพราะคิดๆดูแล้วว่า ถ้าผู้ชายสองคนจะมาทะเลาะกันเรื่องผู้ชายเนี่ย เราว่าคนกลางคงไม่สนุกเท่าไหร่หรอกมั้ง – เลยไม่ได้โชว์แมนเลยว่ะ"

นั่นคือสิ่งที่ผมคิดอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังห้ามตัวเองไม่ให้ออกไปยุ่งกับเหตุการณ์วุ่นวายที่อยู่ตรงหน้า

ผมคิดถึงความรู้สึกของเขา – ผมรู้ว่าถ้าตัวเองเดินเข้าไปร่วมวงอีกคน คนกลางอย่างยิ้มหวานจะต้องรู้สึกไม่ดี และนั่นทำให้ผมตัดสินใจรับบทผู้ชมต่อไปจนจบ

“ขอบคุณมากเลย"

เขาตอบผมกลับมาด้วยคำพูดเดิมอีกครั้ง แต่ทว่าในคราวนี้ ใบหน้าของเขาประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้าง
...ท่าไม้ตายที่ยังคงเล่นงานผมให้กลายเป็นฝ่ายน็อคเอ้าท์ได้เหมือนทุกที

“เล่าให้ฟังหน่อยได้ปะ ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้น"

คนที่ยังคงเอาหลอดจิ้มลงไปในซ้ำๆในแก้วน้ำแข็งทำสีหน้าเหมือนกำลังเรียบเรียงเหตุการณ์ ก่อนจะค่อยๆเล่าออกมาอย่างช้าๆ

“ก็คนๆนั้นอ่ะ เค้าเอาดอกไม้มาให้เรา บอกว่ามันแทนความรู้สึกของเขา ให้เรารับเอาไว้ -- ซึ่งเรายังรับไว้ไม่ได้ไง ต่อให้เขาอยากให้เราเฉยๆ นาทีนั้นเราก็รับไว้ไม่ได้อยู่ดี เพราะคนมุงเยอะมากอ่ะ ถ้าเรารับไว้อาจจะมีข่าวลือแปลกๆก็ได้"

“รู้จักกันมาก่อนเหรอ?”

คนฟังส่ายหน้า ก่อนจะอธิบายต่อ

“ไม่อ่ะ แต่ก่อนหน้านี้มีถุงของแบรนด์เนมมาวางอยู่ที่หน้ารถเรา เราก็คิดว่าคนอื่นน่าจะลืมไว้มั้ง เลยเอาไปฝากพี่ยาม พออีกอาทิตย์นึงได้มั้ง ก็มีมาวางอีก เราก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ แต่ก็เอาไปฝากพี่ยามไว้เหมือนเดิม บอกว่าน่าจะมีคนลืมเอาไว้แล้วก็ลืมๆไป"

"....”

"เราคิดน้อยไปด้วยมั้ง เพราะชอบไปเจอช่วงก่อนกลับบ้าน คือเราเหนื่อยๆง่วงๆด้วยไง เลยไม่ค่อยอยากใส่ใจ กลับบ้านปุ๊บเราก็รีบเข้านอน บางวันไลน์หมอเรายังไม่ได้ตอบเลยใช่มั้ยล่ะ พอวันต่อมาเราก็เลิกใส่ใจไปละ เพิ่งรู้เมื่อกี้ตอนเจ้าตัวพูดออกมานี่แหละ ว่าเป็นของเขา"

“ก็คิดน้อยไปจริงๆนั่นแหละ ไม่ระวังตัวเลยว่ะ"

“หมอ...อย่าว่าดิ ก็เราเพลียไง อยากกลับบ้านเร็วๆจะแย่ ใครจะไปคิดว่าจะเป็นของที่คนตั้งใจเอามาวางไว้เล่า"

ผมมองคนที่เถียงผมหน้ายุ่งแล้วหลุดยิ้มกับความคิดของตัวเอง
จะว่าไปยิ้มหวานก็เป็นอย่างที่เจ้าตัวว่าไว้จริงๆนั่นแหละ ขนาดตอนที่ผมแกล้งลืมชีทไว้ เขายังไม่คิดอะไรมากมายไปมากกว่าการจะเอาชีทมาคืนเจ้าของเลย...

คิดได้อย่างนั้นผมก็หันไปเอาปลายนิ้วจิ้มแก้มเขาเบาๆแล้วพูดต่อ

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร"

“ลองว่าดิ นี่ถิ่นเรานะเว้ย"

“ครับผม – แค่กำลังคิดอยู่ว่าคู่แข่งเยอะว่ะ จีบเปิดเผยขนาดนี้ยังกล้า สงสัยต้องเฝ้าแบบเช้าถึงเย็นถึงทุกวันแล้วมั้ง มากางเต็นท์นอนหน้าตึกถาปัตย์เลยดีป่ะวะ"

พูดจบผมก็เหลือบสายตาไปมองเขา พอเราสบตากันเข้า เขาก็แกล้งทำเป็นเมินไปทางอื่น

ความจริงแล้ว คนก็เริ่มรู้มากขึ้นแล้วนะ ว่าผมตามจีบเขาอยู่ อย่างน้อยในคณะเขานี่ก็น่าจะรู้กันเยอะพอตัว เพราะผมก็มานั่งอ่านหนังสือเป็นเพื่อนเขาที่ใต้ตึกคณะบ่อย บางทีก็แวะเอาโน่นเอานี่มาส่งให้ประจำ

“เว่อร์! มามหาลัยเนี่ยมาเรียนหนังสือนะ ไม่ได้มาเป็นพี่ยาม"

“ล้อเล่นน่า แต่ต้องระวังตัวมากขึ้นรู้มั้ย เวลาใครเอาอะไรมาให้ก็อย่าไปรับ ถ้าเอามาวางไว้มั่วๆก็ทิ้งไว้ที่เดิมเลยก็ได้"

ผมฉวยโอกาสสั่งเขาไปในตัว ก่อนจะต้องขมวดคิ้วเข้าเพราะคำตอบที่ได้ยิน

“โอเคครับ – เวลามีนักศึกษาแพทย์เอาเสบียงมาหย่อนหน้าตึกผมก็จะไม่รับเลยสักอัน พอใจยังครับคุณหมอ?"

“ยิ้มหวาน..."

ผมพยายามกดเสียงให้ต่ำ ก่อนจะเรียกเขาเบาๆเหมือนจะขู่
แต่คนโดนขู่กลับหันมามอง แล้วแลบลิ้นใส่ผมซะงั้น   

สุดท้ายผมก็ได้แต่ถอนหายใจ ดึงถาดกระดาษแข็งที่เคยมีสารพัดขนมที่เจ้าตัวกินเข้าไปหมดแล้วมารวมกับส่วนของผม ก่อนจะลุกขึ้น

“รู้สึกดีขึ้นรึยัง? อยากกลับไปขายของมั้ย?"

“อืม กลับกันเหอะ"

เขารับคำ ก่อนจะรวบหยิบโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าสตางค์ของผมมาถือไว้ให้ แล้วลุกขึ้นยืน พอผมเดินกลับมา เจ้าตัวก็ยื่นของของผมที่ถือไว้กลับมาให้ พร้อมกับเอามืออีกข้างที่ซ่อนไว้ทางด้านหลังออกมา

“นี่! ทิ้งแล้วใช่มั้ย?”

มันคือจิวอันที่ผมเพิ่งซื้อมาเมื่อกี้แล้วใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง ซึ่งน่าจะหล่นออกมาจากกระเป๋าตอนผมนั่งอยู่แล้วก็ลุกขึ้นเมื่อกี้ล่ะมั้ง

“อ้าว หล่นเมื่อไหร่เนี่ย?"

“ไม่รู้อ่ะ ดีนะเราเห็นก่อนว่ามันตกอยู่"

เขายื่นของที่อยู่ในมือคืนมาให้ผม จิวหูสีดำอันเล็กๆยังคงอยู่ในถุงซิปล็อคขนาดเท่าฝ่ามือเหมือนกับตอนที่ผมได้รับมันมา ผมยกมือขึ้นจับติ่งหูตัวเอง ก่อนจะพบว่ายังมีรอยที่ผมเจาะเอาไว้ แต่ยังไม่ได้ใส่อะไรลงไปเหลืออยู่พอดี รู้อย่างนั้นผมก็พูดออกมาสั้นๆ

“ใส่ให้หน่อยดิ"

พูดจบผมก็ก้าวไปประชิดเข้ามากขึ้น ก่อนจะยืนกางขาให้ตัวเตี้ยลงนิดหน่อย แล้วแบมือยื่นของที่อยู่ในนั้นไปให้คนที่ยังคงทำหน้ายุ่งๆ


ผมมองสบตาเขา แล้วก็เห็นว่ายิ้มหวานหรี่ตามองมาที่ผมอย่างไม่ไว้ใจ จนต้องพูดย้ำ

“มองไม่เห็น ช่วยหน่อยดิ ใส่กระเป๋าไว้เดี๋ยวก็ตกหายอีก ใส่ไว้ที่หูปลอดภัยกว่าน่า"

“...”

“อุตส่าห์ต่อราคาให้เราจนโดนแซวซะขนาดนั้น ถ้าหายไปไม่เสียดายเหรอ?”

เขาฟังคำพูดของผมแล้วถอนหายใจออกมายาวๆ พร้อมกับเปิดถุงซิปล็อคออก เทของที่อยู่ข้างในออกมา พร้อมกับบ่น 

“เจ้าเล่ห์ขึ้นเรื่อยๆแล้วนะนศพ.”

พูดจบเขาก็ขยับเข้ามาใกล้ผมอีกหน่อยแล้วยกมือขึ้นมาใส่จิวให้ผมอย่างเบามือ
ระยะห่างระหว่างเรามันชวนให้ใจเต้น ถึงแม้ว่ายิ้มหวานจะพยายามเอนตัวหนีผมไปข้างหลัง แถมยังเหยียดสุดแขนตอนที่ใส่จิวให้กัน

แต่อย่างไรก็ตามสัมผัสเบาๆจากปลายนิ้วของเขาก็ทำเอาผมแทบลืมหายใจอยู่ดี
สายตาของผมมองใบหน้าคนที่เม้มปากเข้าจนเป็นเส้นตรงแล้วได้แต่กลั้นยิ้ม จนกระทั่งเขาผละออกไป ผมก็เอ่ยขอบคุณเบาๆ

“ขอบคุณครับ"

“เราก็ขอบคุณหมอสำหรับวันนี้เหมือนกัน"

“รอบที่สามแล้ว เหรอว่าสี่?”

“จะไปรู้เหรอ เราไม่ได้นับ แต่ยังไงก็ขอบคุณอยู่ดีแหละ"

ผมพยักหน้ารับคำพูดของเขา ก่อนจะเลื่อนมือเข้าไปใกล้ แล้วเกี่ยวปลายนิ้วของเราเอาไว้ด้วยกันไม่ต่างจากตอนที่เดินมา ก่อนจะใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่บีบปลายจมูกของเขาแล้วบิดไปมาอย่างมันเขี้ยวจนเจ้าตัวร้องออกมา ผมถึงยอมปล่อยก่อนจะพูดต่อ

“ไม่ต้องขอบคุณเรามากขนาดนี้ก็ได้"

“....”

“เพราะทุกอย่างที่เราทำลงไปอะ เราหวังผลทั้งนั้นแหละ"



tbc. 


- - - - -


รู้ว่าคนจีบเยอะก็รีบๆขอเป็นแฟนไหมล่ะนังหมอ
ว่าไงฮึ?

อย่างที่เราเคยบอกไปแล้วว่า
ตอนแรกเราตั้งใจจะเขียนเรื่องนี้แป็นเรื่องสั้นตอนเดียวจบค่ะ
เขียนไปเขียนมาก็แอบรุ้สึกว่าคนอ่านจะเบื่อเหมือนกันนะเนี่ย
นอกจากเจ้าสองคนนี้จีบกันไปจีบกันมา ก็ไม่มีอะไรเลยค่ะ *แหะๆๆ*
เราอยากให้เขาใกล้กันมากขึ้นทีละนิดทีละหน่อย
อย่าเพิ่งเบื่อกันน้า หมอยังไม่เบื่อที่จะหยอดยัยนิ้มเลย

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: littlegift ที่ 10-07-2015 12:39:38
 :katai2-1: :katai5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: pungpondppp ที่ 10-07-2015 12:45:32
โอ้ยหมอออออ  :katai1: ยิ้มหวานก็น่ารักกกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 10-07-2015 13:14:11
โอ้ยยยยยยยยย เป็นเรื่องที่แบบจีบกันไปมาแต่ไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อเลยยยยย
น่ารักมาก อ่านไปยิ้มไป  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 10-07-2015 13:14:45
หวานละมุน กลมกล่อม  :o8:  ฟีลลิ่งนี้เลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 10-07-2015 13:20:50
บ้าๆๆๆ กรี๊ดๆๆๆ หมอขี้หวงเล่นซะเขินตามยิ้มหวานเลยเนี่ย
ก็เขาน่ารัก คนตามจีบก็ต้องเยอะเป็นธรรมดานะคุณหมอ กิกิ
รอๆๆๆๆๆ อยากอ่านตอนที่เขาเป็นแฟนกันแล้วเนี่ยกีปู
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 10-07-2015 13:21:52
งื่ออออ น่ารักที่สุดเลยๆๆๆๆ

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ ไม่เบื่อค้าาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: fangiily ที่ 10-07-2015 13:23:59
โอ๊ยยย ดีนะกินข้าวเสร็จไปแล้ว ไม่อย่างนั้นคงกินอะไรไม่ลงเพราะความหวานของคู่นี้ค้ำคอจนกลืนไม่ลง (แปลกๆ เนอะว่าไหม)

สงสัยหมอต้องประกาศมากกว่านี้แล้วละ อัพรูปบอกรักลงไอจีแท็กหายิ้มหวานเลอ เปิดตัวๆๆๆ 555555555

รอตอนต่อไปนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 10-07-2015 13:31:05
ยิ่งอ่านยิ่งหลงพี่หมอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: PAnppyJunJii ที่ 10-07-2015 13:33:21
ไม่เบื่อเลยค่ะพี่กีปูว์  ยิ่งอ่านยิ่งชอบ  นศพ. ขี้อ่อย  :hao3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 10-07-2015 13:51:39
ชีวิตจริงก็แบบเนี้ยแหละเนอะ แบบว่าค่อยๆจีบ ค่อยๆดูกันไป มันน่ารักมากกกกก :o8:
รอให้มั่นใจในกันและกันอีกหน่อย คนเชียร์อย่างเราไม่รีบ อยากให้ยิ้มหวานโดนหมอจีบนานๆ อิอิ :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 10-07-2015 13:52:26
ขยันหยอดนะหมอ จีบกันมุ้งมิ้งน่าร๊ากกอ่ะ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 10-07-2015 13:55:58
หลงยิ้มหวาน
หลงหมอ

หลงรัก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 10-07-2015 14:01:32
หมอเป็นผู้ใหญ่มากเลยนะคะ ^^ ขนาดว่าหวงมากขนาดนั้นยังยอมดูอยู่เฉยๆ เพราะไม่อยากให้ยิ้มหวานลำบากใจไปมากกว่านี้เลย~ :-[ เป็นผู้เข้าแข่งขันที่คะแนนนำโด่งมากๆ เลยค่าาา ^________^ สงสัยว่าคราวหน้าคงจะได้เดินจับมือยิ้มหวานเพิ่มเป็นสองนิ้วแน่ๆ เลยนะคะหมอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: icecreamii8_ ที่ 10-07-2015 14:04:26
งื้อออออ ยิ้มหวานน่ารักกกก >//////<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: OJSG7 ที่ 10-07-2015 14:11:16
ชอบอ่ะ แบบเรื่อยๆ ฟินๆตอดไปเรื่อยๆ จะละลายแล้ว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 10-07-2015 14:20:41
ฉันนั่งยิ้มลำพัง หัวเราะลำพัง 555555
อ่านตอนนี้แล้วยิ้มเป็นบ้าอยู่คนเดียว โมเม้นท์ตอนจีบกันเป็นอะไรที่เลอค่ามากที่สุดแล้วววว ชอบช่วงเวลานี้มากที่สุดดด 55555555555

  :laugh: หมอดูเป็นคนที่มีบุคลิกในการเป็นผู้นำสูงมาก
ประทับใจเหตุผลตอนที่ไม่เข้าไปหายิ้มหวานตอนกำลังมีเรื่อง เพราะไม่อยากให้ลำบากใจ
มันเรียลมากกกก หลายๆเรื่องที่เคยอ่าน คือถ้าพระเอกมีคู่แข่งก็พุ่นชน แสดงความเป็นเจ้าของไปแล้วอะไรงี้
แต่หมอเท่มากกก หมอจะพุ่งชน กางปีกปกป้องยิ้มหวานก็ได้ แต่ก็ไม่ทำ เพราะกลัวยิ้มหวานลำบากใจ  :hao5:
ยิ้มหวานดูเป็นเด็กน้อยน่าเอ็นดูไปเลยเวลาหมอสอนหมอเตือน น่ารักมาก ๆๆๆๆ  :-[
เป็นความสัมพันธ์แบบที่ดู ๆ แล้วเกินเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน เหมือนเรียนรู้กันและกันไปเรื่อย ๆ

ต่อจากนี้ก็ลุ้นอีกว่าจะมีคู่แข่งโผล่มาอีกไหม อันนี้เหมือนมาจีบยิ้มหวานแบบอ่อนหัด ไม่มีชั้นเชิงเลย
ซื้อแบรนด์เนม ดอกกุหลาบให้ทำไมยะ ยิ้มหวานบ้านรวยอยู่แล้ว ซื้อเองได้  :z6:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: patchamai28 ที่ 10-07-2015 14:23:35
หมอขยันหยอดจริงๆ เขินแทน :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 10-07-2015 14:29:17
ชอบอ่านเรื่องนี้มากกกกกเพราะอยากดูเค้าจีบกันไปเรื่อยๆเนี่ยแหละจ้ะคนเขียน
มันกร๊าวใจจจ  :hao7:
ตอนนี้สองจิตสองใจมาก ทั้งอยากให้เค้าเป็นแฟนกันเร็วๆ ทั้งอย่างให้จีบกันไปอีกนานๆ
 :laugh:
คนเขียนมาต่อเรื่อยๆนะ รออยู่ตลอดจ้า เป็นกำลังใจให้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: khunkun91 ที่ 10-07-2015 14:30:05
เอาตามความรู้สึกนะ หมอโคตรแมนเลย
แบบรู้สถานะตัวเองว่ายังไม่มีสิทธิ์มากขนาดนั้น ถ้าเข้าไปยุ่งละอาจหมดสิทธิ์ก็ได้
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: tt-yyoonngg ที่ 10-07-2015 14:54:03
 :o8: :o8: :o8: ไม่เบื่อเลยไรท์ กลับชอบซะอีก
จีบกันไปมา ค่อยๆใกล้กันไปทีละนิดๆ
แบบนี้ล่ะใช่เลย

 :mew3: อ่านไปยิ้มไปจนจะเป็นบ้าอยู่แล้วววววว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-07-2015 15:01:53
เมืรอไรจะตอบตกลงสักทีน่ารัก ปล่อยให้ นศพ.รอนานแล้วน่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: ziqh.leo ที่ 10-07-2015 15:04:10
งานหวงก็มานะคะ นศพ.  :katai2-1:
ยิ้มหวานก็น้า... ทำตัวน่ารักแต่กับ หมอ คนเดียวเลย
ฟินป่ะให้ทายยยยยย

หมอควรรุกรีบขอยิ้มหวานเป็นแฟนได้แล้วน้า
แค่นี้ยิ้มหวานก็โดนคนจีบไปทั่วแล้ววว  :hao5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 10-07-2015 15:09:34
มุ้งมิ้งอีกแล้ววววว คู่แข่งหมอเป็นแสนจริงๆ :ruready
เพราะงั้น พยายามเข้านะหมอ!!!!!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 10-07-2015 15:24:57
หวายๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-07-2015 15:26:52
ฉี ชม ปู. !!!!!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 10-07-2015 15:44:35
ดีใจแทนหมอที่ยิ้มหวานไม่รับช่อดอกไม้ อ่านไปลุ้นไป กลัวยิ้มหวานเกรงใจแล้วรับมา
หมออะ แพรวพราวมากเลยนะเราว่า เนียนๆ เหมือนเสือหลอกล่อกระต่ายให้ค่อยๆมาติดกับ ถึงจะเปิดเผยว่าตัวเองเป็นเสือ แต่ก็เป็นเสือหนุ่มใจดี เก็บเขี้ยวเก็บเล็บเรียบร้อย
แอร้ยยยยยยยย คันหัวใจแทนยิ้มหวาน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 10-07-2015 15:58:59
อ้างถึง
จีบคนโสด คู่แข่งเป็นแสน
จีบคนมีแฟน คู่แข่งแค่คนเดียวเองนะเว้ย!

คำพูดนี้ของเบอร์ 1 เด็ดจริง!

เราชอบโมเม้นตอนที่ขอให้ยิ้มหวานฉุดลุกขึ้น
น่ารัก

รีบๆ หน่อยดิหมอ!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 10-07-2015 16:03:02
ไม่เบื่ออออออออ
จีบกันไปสะก 100ตอนยังได้ 55555555
อ่านยิ้มหวานละเขินจริงงง มันละมุนใจเหลือเกิยน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 10-07-2015 16:31:08
ยิ้มหวานน่ารักที่สุด หมอจีบไปเรื่อยๆนะ คนอ่านจะได้ลุ้นตาม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 10-07-2015 16:32:59
ถ้าเป็นยิ้มหวานนี่เราใจอ่อนไปนานละนะ   :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 10-07-2015 16:51:43
มันดูอบอุ่นมาก ๆ เลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 10-07-2015 16:57:02
แล้วเมื่อไหร่หมอจะสมหวังล่ะคะ
แหะๆ ที่จริงแล้วก็ชอบให้จีบกันไปเรื่อยๆ ก่อนนะ น่ารักดี
นศพ. นี่ก็ประกาศตัวเหลือเกิน เดินจับนิ้วกันไปทั่วงาน รู้กันทั้งม. แล้วมั้ง
ควรจะมีคนแอบถ่ายตอนใส่จิวนะ มุมกล้องดีๆ จะกรี๊ดไป 3 วัน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 10-07-2015 17:40:24
กรี๊ดในใจดังๆ กูอยากมีโมเมนต์แบบนี้
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 10-07-2015 17:47:21
อ่านเท่าไรก็ไม่เบื่อ น่ารักมากก จีบกันไปหยอดกันมา อ่านแล้วยิ้มตามได้ตลอด :o8:
ค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้จะได้อ่านนานๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 10-07-2015 17:51:53
 :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 10-07-2015 17:58:07
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: BaGgYsOdA ที่ 10-07-2015 18:04:50
อ่านล่ะเขิลแทนน ละมุนมากกก :hao5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: FUCXXIC ที่ 10-07-2015 18:17:40
งือออ เขินๆๆๆๆๆๆ เวลาสองคนนี้เค้าจีบกันแล้วโครจน่ารักเลยอะ ฮือออ ชอบหมิกับยิ้มหวานมากเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 10-07-2015 18:38:56
ชอบค่า จีบกันนานๆเลย ไม่เบื่อๆ
ไม่รู้เป็นไง พอเขารักกันได้กันแล้ว เราไม่ฟินจิกหมอนเท่าตอนจีบตอนหยอด

ปล. กิน'จุบจิบ'
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 10-07-2015 19:16:26
น้องหมอสู้ๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_ever ที่ 10-07-2015 19:22:26
นศพ. คนบ้าาาาา บ้าๆๆๆๆๆ  :o8:
หยอดไปอีกนานๆ เลย ขอให้ยิ้มหวานใจแข็งอีกนานๆ จะรอดูฝีปากนศพ. ต่อไป
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 10-07-2015 20:03:00
สงสัยยิ้มหวานชอบคนเนียน ไม่ชอบโจ่งแจ้ง
อิหมอ จะหล่อแล้วนะ ถ้าไม่มีคำนี้
อ้างถึง
“เพราะทุกอย่างที่เราทำลงไปอะ เราหวังผลทั้งนั้นแหละ"

 o18
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: dekeepstar ที่ 10-07-2015 20:19:11
ถ้าหมอจะรุกยิ้มหวานขนาดนี้ ก็ขอเป็นแฟนไปเถอะค่ะ
โอยยยยย คนอ่านนี่เขินบิดเป็นเลขแปดหมดแล้ว

เมื่อไหร่พระนายเค้าจะตกลงปลงใจกันซักที > <
ยิ้มหวานคนไรไม่รู้น่ารักน่าเอ็นดู #ทีมยิ้มหวาน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 10-07-2015 20:23:54
มันมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งจริงๆเลย

หมอก็หยอดตลอดเมื่อไหร่ยิ้มหวานจะใจอ่อนน่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: ao16 ที่ 10-07-2015 21:20:44
 :mew1: :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: Raccoooon ที่ 10-07-2015 21:27:56
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เขินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
ไม่เบื่อค่ะไม่เบื่ออออ
เขินหนักมากกกกกกกกกกกกกกกก  :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 10-07-2015 21:32:31
จะผิดมั้ยถ้าจะถามว่าตัวละครเรื่องนี้ตกลงชื่ออะไรกัน 55
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 10-07-2015 23:02:21
น่ารักจะตายอ่านแล้วยิ้ม ชอบแบบค่อยเป็นค่อยไปจะได้รักกันนานๆ
ปล.ไม่เบื่อที่จะอ่านเลยนะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 10-07-2015 23:05:51
ไม่เบื่อเลยค่ะ เพราะมันโคตรน่ารักมาก อะไรที่ได้มายากๆ ด้วยความพยายามนี่ผลลัพธ์น่าชื่นใจเสมอ เนอะ นศพ. เนอะ
น่ารชักหลายตอนมากค่ะพาร์ทนี้ หมอเค้าก็เทียวมาจีบๆๆๆ จริงจั๊งงง ยิ้มหวานก็คือน่ารักออร่ามากกกกกก
ชอบเหมือนกันตอนที่หมอไม่เข้าไปวีน คือวางตัวดี ได้ใจยิ้มหวานไปเลย ตอนใส่จิวให้น่ารักง่ะ
เพื่อนยิ้มหวานก็น่ารัก เป็นแฟนลด 50 บาท 5555 แหม จูงกันมาตลอดทางไม่แฟนก็เหมือนแฟนแหละว้า
และประโยคสุดท้ายคุณหมอ กีสสสสส เอาใจไปค่ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 10-07-2015 23:18:17
ไม่เบื่อเลยจริงๆค่ะ หวานๆ อ่านแล้วสบายใจดีนะ หมอก็เท๊เท่ห์ ฉลาดรู้กาลเทศะ ส่วนตาหวานก็โคตรจะน่ารัก นิสัยดีด้วย มีแต่คยรักคนหลงก็งี้แหละ อิอิ

ขอบคุณค่ะ เป็นกำลังใจให้เสมอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 10-07-2015 23:39:29
น่ารักมากๆเลยค่า  ทั้งหมอทั้งยิ้มหวานวางตัวดีมากและมีความคิดที่ดีมากๆอีกด้วย 


รอตอนต่อไปนะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 10-07-2015 23:45:58
หมอคงมียาคุมน้ำตาลในเลือดใช่มั้ยน๊า
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 11-07-2015 00:23:44
จีบไปนานๆเลยก็ได้ค่ะ... แต่บางคู่นี่ถึงจะคบกันเป็นแฟนแล้ว ก็ยังมีจีบกันไม่มีเสื่อมคลายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ไม่ทราบพอจะมีตัวเลือกนี้อยู่ในใจของคุณ Kipuuu มั่งไหมคะ?...

แบบว่าเป็นแม่ยกของหมอน่ะค่ะ (กลัวพ่อพระเอกจะไม่ได้ไม่โดน ฮ่า ฮ่า ฮ่า)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 11-07-2015 00:49:35
จีบกันน่ารักขนาดนี้ไม่เบื่อหรอก ให้หมอจีบยิ้มหวานจนหมดทุกไปเลยละกัน :-[
ค่อยๆรักกันเบาๆนะคะคู่นี้
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 11-07-2015 00:54:42
โอ้ยยยยยยย  ละมุน อีกแล้ว  จีบกัน เบาๆ ทุกตอน

คนอ่าน ฟิน จิบ้า   :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 11-07-2015 01:21:00
เอาอีกๆๆๆ มันแบบว่า...น่ารักมากกกก อ่านไปก็เขิลไป  :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 11-07-2015 02:14:45
คนเขียนอย่าเบื่อเลยยย เพราะเรายังฟินขึ้นเรื่อยๆทุกตอนน 55555
ไม่เบื่อเลยยยย ชอบมากกกก ><
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: Rabity ที่ 11-07-2015 06:08:36
ชอบมากอ่ะ จีบกันไปมาโคตรน่ารักเลย
อย่างที่บอก เรื่องนี้ดีทุกอย่างยกเว้นแต่อัพช้าไปสักหน่อย
ปล.จะรอตอนต่อไปนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 11-07-2015 07:08:52
มดขึ้นแล้วเจ้าค้าาาาาา หวานหยดจริงเชียว  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 11-07-2015 08:43:29
รอคอยยิ้มหวานของหมอมานานแสนนาน มาทีก็คุ้มละหวานหยดย้อยยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 11-07-2015 08:46:13
หยอดวันละนิดจิตแจ่มใส 5555555
น่ารักอ่ะ ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 11-07-2015 12:08:34
ไม่เบื่อเลย รอเลยแระ อิอิ
ชอบๆๆๆๆๆ
หมออ่ะหวังผลใช่เลยยิ่มหวานไหง คิกๆๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 11-07-2015 14:33:43
อ่านไปยิ้มไป...เรื่องนี้น่ารัก ชอบบบ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 11-07-2015 16:21:44
ไม่เบื่อเลยค่ะ อ่านได้เรื่อยๆ สองคนเค้าจีบกันน่าร๊ากกกก อ่านแล้วมีความสุข :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 11-07-2015 17:23:17
ความฟินบังเกิดดด!!! :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 11-07-2015 21:02:54
น่ารักจริงไรจริง หมอรีบๆขอยิ้มหวานเป็นแฟนได้แล้ว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 11-07-2015 23:02:13
จีบอีกนิดแล้วขอเป็นแฟนซะเลยนะ นศพ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: Arancia ที่ 12-07-2015 02:43:57
โอยยยยยยยยยยยยยยยยย
ดีงามมากกกกกกกกกกกกกกกก
น่ารัก อ่านแล้วฟิน ยิ้มแก้มปริ เอามือเคาะโต๊ะ ตลอด เขินเฟร่อ
ชอบโมเมนต์สองคนนี้มาก จะหวานไปไหน
หมอรุกแล้วรุกอีก 5555 ยิ้มหวานน่ารักอะ เชียร์

รออ่านตอนต่อไป ชอบใสกบ่องตง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 12-07-2015 19:01:51
โอ่ยหมออออ เขินแทนยิ้มหวาน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 12-07-2015 20:07:11
อ่านแล้วเขินแทนยิ้มหวานเลยอ่ะ  :-[  นี่อ่านทุกตอนยิ้มทุกตอนอ่ะ #งืออออออออออ -///-
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 12-07-2015 21:16:53
หมอขาาาาาาา  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: GlassesgirL ที่ 12-07-2015 22:21:40
หมอน่ารักห่วงความรู้สึกยิ้มหวาน ทำให้ยิ้มหวานยิ้มหัวเราะหลังจากเครียดๆได้
เห็นคู่แข่งที่มาชอบยิ้มหวานเยอะมากมายขนาดนี้แล้วเมื่อไรจะขอเป็นแฟนนะ รีบจีบให้ติดไวไวนะหมอ

 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: mini_saiparn ที่ 12-07-2015 23:16:05
ไม่เบื่อเลยยยยยย อ่านได้ต่อไปอีกนาวนานนนนนนน

หมอรีบขอยิ้มหวานเป็นแฟนสักที คึคึ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: โรสมาลี ที่ 13-07-2015 15:06:17
เพิ่งจะมีเวลามาอ่านตอนแรกก็ไม่เป็นอันทำงานแล้วค่ะ  :hao7:

จะเอา ยิ้มหวานนนนนนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 13-07-2015 16:39:53
อิจมากเลยค่ะ ถ้าจะจีบกัน รักกันน่ารักขนาดนี้ เป็นแฟนกันเลยเหอะ
 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 13-07-2015 18:22:43
 :impress2:

 ยิ้มตามทุกตอน

 อยากอ่านทุกวันเลย

  o13

รออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: biibbmnt ที่ 13-07-2015 18:49:30
อ่านรอบที่สี่ละมั้ง ก็ยังเขินอยู่ดี5555
จีบกันอีก จีบๆๆๆ จนกว่าจะติดนะ
อย่าตกลงเป็นแฟนหมอง่ายๆ นะยิ้มหวาน
หมอเดี๋ยวนี้ไว้ใจไม่ได้ ฮิฮิ
ง่อออ น่ารักไม่ไหวแล้วเขินไปหมด ><
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 13-07-2015 22:30:23
ขอบอกว่าห้ามสองคนนี้เป็นแฟนกันนะ อยากให้จีบกันนานๆ น่ารักดี
ชอบอ่านนิยายตอนจีบกัน มันฟินดีเวลาเห็นมุกเล่เหลี่ยมแพรวพราวของแต่ละคน สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
เป้นกำลังใจให้จ้า
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: letterdream ที่ 14-07-2015 00:22:16
เบื่อไม่ลงหรอกหรอก เจองี้   มีแต่เขินกับเขินนนนน  น่ารักว่ะ ชอบอะ   :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 16-07-2015 23:45:11
อ่านเรื่องนี้คุณจะสุขภาพจิตดี สุขภาพกายดีได้บริหารปาก ยิ้มจะฉีกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 17-07-2015 15:35:12
หมอแม่งงงงงงงงง เขินนนนนนน
รุกหนักมากกกค่ะ ยิ้มหวานนี่เขินรายชมเลยทีเดียว
น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆ ฟินน
อ่านแล้วติด อ่านแล้วหลงรักหมอ รักยิ้มหวานด้วย
รอค่ะ (:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: momokaii ที่ 17-07-2015 17:07:17
โอ้ยยยยยน่ารักกกกก จิกหมอนขาดอ่ะคะ พูดเลย
อ่านไปก้ยิ้มไปเหมือนคนบ้าแน่ะ ก็มันเขินอ่ะ อย่างกับโดนจีบซะเอง555555 :m3:

อ่อๆ ดรีม แคชเชอร์ก็มาจากหนังเรื่องแวมไพร์ทไวไลท์จ้าาา
หลังจากดูเรื่องนี้ก็ไป ปรากฏว่าในห้องนอนนี้มี3อันล่ะ 555
เด๋วไปอุดหนุนของยิ้มหวานบ้างดีกว่า ฮี่ฮี่  :m19: :haun5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: mickymod ที่ 18-07-2015 22:32:34
คิดถึงง่า มายังๆๆ

อยากนอนฝันดี ยิ้มแก้มแตกก่อนนอน :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 18-07-2015 22:48:15
รอ  อยู่น้าาาาา

เข้ามารอ ทุกวันเลยยยยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 18-07-2015 23:47:53
อ่านไปฟินไปค่ะ ยิ้มแก้มจิแตก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 21-07-2015 21:27:44
อยากมีคนมาจีบแบบยิ้มหวานบ้าง น่ารักละมุนสุดๆเลย รอคนมาจีบและรอนิยายตอนต่อไปค่าาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 24-07-2015 17:26:06
เมื่อไหร่จะมาต่อน๊าาา เขินค้างมาหลายวันแล้วนะๆๆๆ :hao5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 24-07-2015 21:45:22
แหมมมม่ จีบกันซะหวานหยดเลยยย   :impress2:
คนเขียนกลับมาต่อไวๆน้าาาาาา อย่าหายนานกว่านี้เลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 24-07-2015 23:12:14
คิดถึงยิ้มหวานๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 25-07-2015 08:05:07
คันไถนิ้มหวานแลัววว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 26-07-2015 07:30:41
คนงามมม ไม่เห็นรอยยิ้มเจ้านานแล้วน้าา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 26-07-2015 22:02:41
น่ารักกกกก อยากมีโมเมนต์แบบนี้

โปรดส่งใครมาร๊ากกกก ฉันที~~~
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: isana2784 ที่ 30-07-2015 10:40:27
น่าร้ากกกก แบบจิกหมอนขาดกระจุยเลยง่า ยิ้มหวาน กับ หมอ จะทำเราเขิลไปไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 30-07-2015 11:07:57
อยากอ่านต่อแว้ว :ling1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: BIRD ที่ 31-07-2015 00:23:49
อ่านละเขินมาก ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 31-07-2015 21:02:32
 :z13:

คิดถึงหมอ กับ ยิ้มหวาน

นานแล้วนะคะ มาต่อค่ะมาต่อไวไว อิอิ

  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 01-08-2015 11:40:30
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-08-2015 19:18:28
หลงรักยิ้มหวานกับหมอเลยอ่ะ~
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 02-08-2015 04:33:06
น๊อคๆ อิหมออ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยยิ้มหวานออกมาพบเจอพวกข้าบ้าง ข้าคิดถึงงงงง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 05-08-2015 22:42:18
คิดถึงจัง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: pollapat ที่ 06-08-2015 18:01:53
คิดถึงยิ้มหวานจุง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 06-08-2015 22:59:55
น่ารักกกกกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 09-08-2015 23:47:13
ทนไม่ไหวแล้วววววว  ฟินมาก  กลั้นยิ้มจนปวดแก้ม  โอยยยยยยชอบแรง :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 10-08-2015 00:08:35
TT  หายไปเลยยยยยยยย ย ยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 10-08-2015 09:22:32
โอ้ยยยย น๊อออ คิดฮอดน๊อออ  มาถ๊ออ ออ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 10-08-2015 12:29:22
หมอกับยิ้มหวานหายไปไหนค้าา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: dewspecial ที่ 10-08-2015 12:59:08
ไม่เบื่อเลยค่ะ
ชอบฟีลเรื่องนี้ อ่านแล้วละมุนมาก 55555
ทั้งหมอ ทั้งยิ้มหวานน่ารักกันทั้งคู่กัน
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 10-08-2015 13:11:26
ครบเดือนแล้ว สงสัย หมอ กับ ยิ้มหวานจะเรียนหนัก ถึงได้หายไปเลย!!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: biibbmnt ที่ 10-08-2015 14:46:15
คิดถึงหมอกับยิ้มหวานน้าาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 10-08-2015 14:56:42
มารอ~
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 12-08-2015 13:53:03
มาต่อเหอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :ling1: :katai1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 14-08-2015 23:41:31
(https://pbs.twimg.com/media/CMYiSelUAAA-TfT.jpg)
❤ ถ้ากรี้ดกร้าดในทวิต ฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ ด้วยน้า จะเข้าไปส่อง : )
❤ ใครเล่น ask fm ไปคุยกับยิ้มหวาน&หมอได้น้า ยูสนี้ค่ะ sweetysmileanddoctor




- 12 -




เช้าวันอาทิตย์...
ผมตื่นนอนตั้งแต่หกโมงด้วยสภาพไม่ต่างจากซอมบี้
ยังไม่ทันลืมตาก็ใช้มือตบสะเปะสะปะไปบนเตียง ก่อนจะเจอสิ่งที่ตามหาอยู่ ... โทรศัพท์มือถือ

ผมคลำไปกดปุ่มให้จอมันสว่างวาบขึ้นมา ก่อนจะพบว่ามันเป็นการทำร้ายตัวเองอย่างรุนแรง แสงสว่างจากหน้าจอทำเอาผมต้องหลับตาลงอีกครั้ง รอจนม่านตาปรับสภาพถึงได้ลืมตาขึ้นมา ปลดล็อคแล้วกดหาเบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่ง เพื่อจะกดโทรออก ก่อนจะกดเปิดลำโพง โดยที่ยังคงฟุบหน้าอยู่กับหมอนหนุน

ผมนอนฟังเสียงเรียกโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ พอสายนั้นตัดไป ก็ต้องกดโทรออกซ้ำอีกครั้ง ทำอย่างนี้อยู่สามครั้ง ในที่สุดก็มีคนรับสาย

“อืม....”

“ซอมบี้นศพ. เรียกซอมบี้สถาปนิกครับ"

“อืออ~~ ตื่นแล้วๆ ขอบคุณนะหมอ"

“ครับผม"

การสนทนาด้วยเสียงงัวเงียที่ฟังไม่ค่อยจะได้ใจความจบลง...
เมื่อฝ่ายนั้นกดตัดสายเรียบร้อย ส่วนผมก็หลับต่อไปอย่างรวดเร็ว

นี่แหละครับ สาเหตุที่ผมต้องขุดตัวเองขึ้นมาในเวลาหกโมงเช้าของวันหยุด
....เมื่อคืนยิ้มหวานบอกว่าให้ผมช่วยโทรปลุก

ก่อนหน้านี้เจ้าตัวบ่นกับผมว่า งานที่ต้องส่งวันจันทร์ถูกเลื่อนให้มาส่งวันอาทิตย์
อ่านไลน์ที่เขาส่งมาจบปุ๊บ ผมก็ซึ้งขึ้นมาทันทีเลยว่า สถาปัตย์ไม่ใช่เรื่องตลก
วันอาทิตย์ทั้งที คนปกติที่ไหนเค้าตื่นมาพรีเซนต์งานกันวะ?

เพราะทั้งเขาและเพื่อนต่างก็อยู่ในสภาพซอมบี้เดินได้ไม่ต่างกัน
เขาเลยขอร้องให้ผมช่วยโทรปลุกอีกแรง เพราะกลัวว่าจะหลับเป็นตายกันหมดทั้งแก๊งค์จนลืมตื่นมาส่งงาน

เอาจริงๆป่ะ - มันเป็นคำของ่ายที่ทำให้ผมโคตรจะรู้สึกดีเลย

,


ผมตื่นนอนอีกครั้งตอน 8 โมงตรง เพราะนัดกับไอ้เบอร์ 1 ไว้ว่าจะไปฟิตเนสกัน หลังจากที่เมื่อคืนมันไลน์มาบ่นเรื่องขี้เกียจอ่านหนังสือ แล้วก็จบลงตรงประเด็นที่ว่าเดือนนี้ทั้งผมและมันเข้าใช้ฟิตเนสได้ไม่คุ้มค่ารายเดือนที่จ่ายไปได้ยังไงก็ไม่รู้

ผมกับมันมาถึงพารากอนตอน 9 โมงกว่า ขึ้นไปชั้นฟิตเนสแล้วก็แยกกันไปออกกำลังกายแบบไม่สนใจกัน ผ่านไปได้ 2 ชั่วโมง ก็หยุดครับ ไอ้เบอร์ 1 กลับบ้านไปอ่านหนังสือของมันต่อ ส่วนผมกะว่าจะลงไปซื้อของที่กูร์เม่ต์มาร์เก็ตด้านล่างแล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะกลับบ้านหรือไปหาที่นั่งอ่านหนังสือสบายๆดี

ในความคิดของผม พารากอนช่วงที่เพิ่งเปิดใหม่ๆน่าเดินกว่าช่วงเย็นๆไปจนถึงหัวค่ำอย่างเห็นได้ชัด ทางเดินที่ปกติมีคนเดินสวนกันไปมาตลอด ตอนนี้กลับโล่งจนรู้สึกเหมือนกับห้างสรรพสินค้าแห่งนี้กว้างขึ้นกว่าทุกวัน

ระหว่างที่กำลังมองบรรยากาศโดยรอบแบบไม่คิดอะไร อยู่ดีๆสายตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับคนกลุ่มหนึ่งในเสื้อนักศึกษาสีขาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้าไปในซุปเปอร์ฯ

...มองจากมุมที่ผมยืนอยู่ มีความเป็นไปได้สูงเลยว่านั่นจะเป็นกลุ่มของยิ้มหวานกับเพื่อนๆของเขา
ผมเดินเข้าไปใกล้จนแน่ใจว่าสิ่งที่ผมคิดเอาไว้ไม่ผิด - ยิ้มหวานจริงๆด้วย...

เท่าที่ฟังเขาเล่าผมคิดเอาเองว่าน่าจะพรีเซนต์งานเสร็จกันตอนเที่ยงไปจนถึงเกือบบ่ายโมงครับ ระหว่างนั้นเลยไม่ได้ทักไปเพราะรู้ว่าเขาวุ่นวายเรื่องเรียนอยู่ ผมก็ไม่อยากไลน์ไปกวนเหมือนกัน แต่นี่มันเพิ่ง 11 โมงกว่าเอง...

ก่อนจะได้ทักทาย เพื่อนคนนึงในกลุ่มก็สังเกตเห็นผมเข้าพอดี ถึงได้ยกมือขึ้นโบกแล้วก็เรียกกัน ผมยกมือขึ้นโบกกลับ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหากลุ่มตรงหน้า พอไปถึงก็เอ่ยทักแล้วถามออกมาสั้นๆ

“หวัดดี...มาทำไรอะไรกัน?”

คำถามที่ถามนี่ จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้เจาะจงเลยนะ ว่ากำลังถามใคร แต่ก็ต้องหลุดขำ ตอนที่เพื่อนยิ้มหวานยกแขนขึ้น ก่อนจะเอาข้อศอกจิ้มที่ตัวเขาแรงๆแล้วพูดขึ้นมา

“หมอถามมึงอ่ะ"

คนที่ยืนตาปรือแวะทำหน้ามุ่ยใส่เพื่อนก่อนนิดนึง ถึงจะหันมามองผมแล้วตอบ

“ซื้อของ จะต้มมาม่ากิน"
พูดจบก็หาววอดเลยครับ ใกล้กำหนดส่งงานเมื่อไหร่ ยิ้มหวานในโหมดนี้ก็จะแวะมาทักทายกันตลอด
น่ารักดี...

“อ๋อ...”

ผมรับคำเบาๆ พร้อมกับนึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อคืนเขาก็เล่าเรื่องที่เพื่อนๆอยากกินมาม่าตอนตี 2 มาทางไลน์
ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรออกไป เพื่อนอีกคนนึงช่วยอธิบายเพิ่มมาอีก

“หมอรู้จักมาม่าเจ๊โอวมั้ย? ที่ใส่เครื่องเยอะๆอ่ะ"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็พยักหน้ารับถึงแม้จะไม่ได้รู้จักร้านที่เค้าบอกมาสักเท่าไหร่ แต่ฟังๆดูแล้วก็พอเดาได้อยู่ว่าร้านที่ว่านั่นจะเป็นเจ้าที่ขายมาม่าที่ใส่หมูหมึกกุ้งมาเยอะๆกับไข่สองสามฟอง เพราะเคยได้ยินเพื่อนในคณะพูดถึงอยู่บ้าง

"เมื่อวานนั่งทำงานใช่มั้ย ละเราแบบโคตรอยากกินอ่ะ แต่จะทิ้งงานไปกินก็ไม่ได้ไง ไฟลนตูด วันนี้พรีเซนต์เสร็จเลยจะทำกินกันเองที่คอนโดของคุณหนูเค้าแหละ ร้านมันขายตั้งห้าทุ่ม ขี้เกียจรอ"

ผมฟังเพื่อนเขาพูดพร้อมกับกลั้นขำไปด้วย เพราะมีคนกำลังทำหน้ายุ่งแล้วส่งสายตามองตรงมาเหมือนจะขู่ให้ผมรูดซิบปากให้สนิทเอาไว้เลย!

สีหน้าของเขาตอนทำเป็นดุน่ารักพอจะทำให้ผมไม่พูดออกมา ว่ามีคนเล่าเรื่องพวกนี้ให้ผมฟังไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อคืน
สงสารคนขี้เซา ถ้าพูดออกไปก็คงจะโดนล้ออีกตามเคย

วันหยุดที่ผ่านมา ยิ้มหวานกับเพื่อนอีกห้าคนหมกตัวอยู่ที่คอนโดของเขาตั้งแต่คืนวันศุกร์ เพื่อปั่นงาน
นั่นทำให้เมื่อวานนี้เราสองคนไม่ได้มานั่งด้วยกันที่ร้านกาแฟเหมือนทุกที...

ผมยังคงออกมาส่งน้องสาวไปเรียนพิเศษไม่ต่างไปจากทุกๆเสาร์ที่ผ่านมา ในมือยังคงถือหนังสือติดมาด้วย 1 เล่มเพื่ออ่านฆ่าเวลา
ทั้งๆที่โดยปกติแล้วผมเป็นประเภทที่สามารถไปไหนมาไหนคนเดียวได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ก็ต้องยอมรับว่าการนั่งอ่านหนังสือคนเดียวในที่ๆปกติแล้วจะมีเขานั่งอยู่ตรงข้ามมันก็ทำให้รู้สึกเหงาขึ้นมาได้นิดหน่อยอยู่เหมือนกัน

“หมอไปกินด้วยกันป่ะละ?”

ผมยิ้มมุมปากรับคำถามจากเพื่อนสาวตัวแสบ ก่อนจะมองตรงไปยังเจ้าของห้อง แล้วเอ่ยถามขึ้นมาแบบไม่เจาะจง ถึงแม้สายตาที่มองอยู่จะล๊อคเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการให้ใครตอบ

“ก็อยู่ที่ว่าเจ้าของห้องเค้าจะโอเครึเปล่า"

คำพูดของผมทำให้ทุกคนหลุดยิ้ม... ยกเว้นคนที่ถูกพาดพิง

ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ใครสักคนก็พูดออกมาลอยๆว่าจะไปเอารถเข็น ก่อนที่เพื่อนๆทุกคนจะสามัคคีกันแยกตัวออกไป และทิ้งผมกับยิ้มหวานเอาไว้ที่เดิมแค่ 2 คน

"เมื่อเช้า....ขอบคุณนะ"

ผมยิ้มรับคำพูดของเขา ก่อนจะตอบกลับไปด้วยคำถามสั้นๆ

“พรีเซนต์งานเป็นไงบ้าง?”

แทนที่จะพูดเรื่องไปกินมาม่าอะไรนั่น ผมกลับถามเรื่องงานของเขาขึ้นมาก่อน เพราะเมื่อวานเจ้าตัวเอาแต่บ่นซ้ำๆด้วยความกังวลว่างานจะออกมาไม่ดี แถมวันนี้หน้าตาก็บึ้งตึงซะจนน่าเป็นห่วง

สามวันที่ผ่านมาได้นอนมั่งมั้ยเนี่ย?

“ก็ดีมั้ง...”
เขาตอบผมแค่นั้น ก่อนจะเดินตามเพื่อนๆที่เข็นรถเข็นนำหน้าไปไม่ไกล แล้วปล่อยให้ผมเดินตาม

ก็ดี  แล้วทำไมหน้างอแบบนี้?”
คนฟังถอนหายใจยาวๆ แล้วตอบกลับมาด้วยคำตอบที่เกินความคาดเดาของผม

“ไอ้พวกนั้นมันกวนตีนเรา"

เห็นหน้ายุ่งๆเลยเป็นห่วง ที่ไหนได้  -- งอนเพื่อน

“กวนตีนอะไร?”

“กวนตีนก็คือกวนตีนไง~"

ผมได้ยินคำตอบแล้วหลุดขำ ก่อนจะยกมือขึ้นวางลงไปบนเส้นผมนุ่มๆของเขา ขยี้เบาๆ แล้วผละมือออกมา พร้อมกับดึงประเด็นกลับมาที่เรื่องเดิม
 
“ตกลงเราไปด้วยได้ใช่มั้ย?”

ได้ยินที่ผมพูดปุ๊บ คนที่เดินดูโน่นดูนี่ไปเรื่อยก็หันมามองกันแล้วหรี่ตานิดๆ
ทำไม – ผมเปลี่ยนเรื่องเร็วไปเหรอ?

“แล้วเราบอกตอนไหนว่าไม่ได้?”

เขาถามกลับ แล้วขมวดคิ้วเข้าจนยุ่ง
ผมมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาตรงหน้าแล้วก็คิดขึ้นมาว่า...วันนี้อารมณ์ไม่ดีจริงๆนั่นแหละ
ก่อนจะตอบกลับไป

“ต่อให้บอกว่าไม่ให้ไป เราก็คงบังเอิญหลงทางไปแถวนั้นอยู่ดีนั่นแหละ"

เคยเล่นกับเด็กๆแล้วต้องแกล้งแพ้เพื่อให้เขาดีใจไหมครับ?
ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำอย่างนั้นอยู่

ได้ยินปุ๊บ ยิ้มหวานก็หันมาทำหน้าเหมือนอยากจะจับผมทุ่มเต็มที ก่อนจะหันหน้าหนีแล้วรีบเดินก้าวยาวๆไปให้ทันเพื่อนที่เลี้ยวรถเข็นเข้าไปตรงส่วนของชั้นวางอาหารแห้งเรียบร้อยแล้ว

เดินวนไปวนมาอยู่ในนั้นเกือบชั่วโมง พอหันมามองอีกทีในรถเข็นก็แทบจะไม่มีที่วางเหลือ
ผมก้มหน้าลงไปมองสารพัดสิ่งของที่กองรวมกันอยู่ระหว่างรอให้พนักงานคิดเงินแล้วนึกถึงตอนที่โดนชวนให้มากับแก๊งนี้ ยิ้มหวานบอกว่าจะต้มมาม่ากินกัน...

ถึงอย่างนั้นก็เหอะ - แค่ต้มมาม่านี่มันต้องซื้อเยอะขนาดนี้เลยเหรอวะ?

ตอนนี้ในรถเข็นตรงหน้าผมนี่แทบขนมาทั้งมหาสมุทรและปศุสัตว์ครับ กว่าจะเดินมาถึงเค้าน์เตอร์จ่ายเงินได้นี่เถียงกันไปแล้วรอบนึงเพราะเพื่อนเขาอยากซื้อแซลม่อนมาใส่ในมาม่าด้วย

“มึงซื้อเยอะขนาดนี้ ทิ้งรถเข็นไว้แล้วเดินไปเอ็มเคมั้ย อยู่ตรงนี้เอง"

เป็นยิ้มหวานที่ยืนมองของในรถเข็นด้วยสีหน้าเพลียๆอยู่สักพักแล้วถามออกมา
ได้ยินอย่างนั้นผมก็หลุดยิ้ม...ตัวแสบเอ้ย

“คุณหนูยิ้มคะ มึงพูดอีกคำเดียว กูเดินกลับไปหยิบแซลม่อนแน่"
ต้องยอมเขาไหมล่ะครับ...

ระหว่างที่กำลังเดินไปที่ลานจอดรถ ผมก็ยกมือขึ้นมาสะกิดแขนคนข้างๆแล้วยื่นมือไปตรงหน้าเขาพร้อมกระดิกนิ้วเหมือนกำลังขออะไรสักอย่าง จนกระทั่งเห็นว่าเขาดูเหมือนจะไม่เข้าใจในภาษามือของผมง่ายๆถึงได้พูดออกไป

“กุญแจรถ"

คนฟังทำหน้ามุ่ยนิดหน่อย แต่ก็หยิบกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงมาวางให้ผมบนฝ่ามือ โดยที่ไม่ตอบอะไรกลับมา

ตอนแรกผมก็สงสัยอยู่หรอกว่าผู้ชาย 3 คน ผู้หญิง 4 คนพร้อมของเต็มรถเข็นอีก 1 คันจะยัดเข้าไปในมินิคันจิ๋ว ได้ยังไง แต่ก็เข้าใจได้ทันทีที่ ตอนที่เห็นว่าเพื่อนผู้ชายอีกคนนึงเดินแยกไปยังโตโยต้าแคมรี่สีขาวที่จอดอยู่ไม่ไกล

สรุปว่า ผม ยิ้มหวาน กับเพื่อนของเขาอีก 2 คนเป็นทีมมินิคูเปอร์
ส่วนอีก 3 คนพร้อมของที่ซื้่อมาทั้งหมดอยู่ทีมแคมรี่ครับ
หลังจากช่วยกันจัดของลงหลังรถเรียบร้อย ทั้ง2 ทีมก็แยกย้ายกันไปแบบรถใครรถมัน

,

ผมแกล้งทำเป็นไม่รับรู้ท่าทีที่เพื่อนของยิ้มหวานแสดงออกมาตอนที่เห็นว่าผมกดปลดล็อคประตูรถมินิคันเก่งด้วยรีโมทที่อยู่ในมือ ก่อนจะขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งฝั่งคนขับราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอเห็นว่าเล่นงานผมไม่สำเร็จ ผลกรรมทั้งหมดก็เลยไปตกอยู่ที่ผู้ร่วมก่อคดีของผม

ท่าทีล้อๆกับแววตาที่ส่งมาทำเอาคนที่เพิ่งได้นั่งลงตรงที่นั่งข้างๆผมต้องหันไปมอง ก่อนจะโวยวายออกมาเสียงดัง

“ก็กูง่วงนอนอ่ะ!"

ท่าทางแบบนั้นทำเอาผมกลั้นยิ้มไม่อยู่
...เพราะน่ารักแบบนี้ไงเพื่อนก็เลยอยากแกล้ง

ที่เจ้าตัวบอกว่าง่วงนอนนี่ท่าทางจะไม่ใช่ข้ออ้าง เพราะหลังจากที่ผมขับรถออกไปสู่ถนนใหญ่ได้ไม่นาน คนที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างคนขับก็หลับสนิทไปจริงๆ

ผมหันไปมองเขาตอนรถติด ก่อนจะลอบยิ้มเพราะเห็นว่าเจ้าตัวถอดคาดิแกนที่พาดไหล่อยู่ในตอนแรกมาสวมเข้าไปแค่ส่วนแขนแบบกลับหน้ากลับหลัง แล้วพิงเบาะหลับไปทั้งอย่างนั้น – จะเมื่อยคอมั้ยเนี่ย?

ดูเหมือนจะมีแค่ยิ้มหวานที่หลับครับ เพราะเมื่อมองผ่านกระจกมองหลังไป ผมก็เห็นว่าอีกสองคนกำลังนั่งดูอะไรบางอย่างในจอโทรศัพท์มือถือกันอยู่ และเหมือนว่า 2 สาวเค้าจะรู้ด้วยว่าโดนมอง เพราะทันทีที่ผมละสายตาจากพวกเขามามองสัญญานไฟจราจรที่ยังคงเป็นสีแดง คำถามที่ 1 ก็ถูกส่งตรงมาทันที

“เออเราว่าจะถามอยู่ ตอนแรกหมอจะไปไหนอ่ะ ไม่มีนัดเหรอ อยู่ดีๆก็โดนพวกเราลากมาเฉย"

“เรามาเล่นฟิตเนสที่ชั้นบนตั้งแต่เช้า พอเล่นเสร็จก็กะว่าจะลงมาซื้อของ แล้วก็หาที่นั่งอ่านหนังสือ"

“...ชีวิตหมอดูว่างเนอะ เรานึกว่าเรียนแพทย์เค้าจะเรียนหนักกันกว่านี้ซะอีก"

ผมยิ้มรับ เพราะคำถามแนวนี้เป็นอะไรที่ผมโดนถามบ่อยมาก
“จริงๆมันก็หนักแหละ แต่เวลาอ่านหนังสือเราก็เงียบๆไปไง ไม่ค่อยมีใครเห็น อีกอย่างเราแกล้งชิวเก่งมั้ง"

“อะฮะ แล้ว...จีบเพื่อนเราใกล้ติดยัง?"

คำถามทำเอาผมหลุดขำ ก่อนจะส่งสายตามองไปยังคนข้างๆที่ยังคงหลับสนิท
...ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า แต่ผมว่ายิ้มหวานน่าจะตื่นตั้งแต่ตอนที่ที่พวกผมเริ่มคุยกันแล้ว

“ไม่รู้เหมือนกัน ว่างๆก็สืบให้หน่อยดิ"

แล้วบทสนทนาก็เงียบไปเพราะสัญญานไฟจราจรที่เปลี่ยนมาเป็นสีเขียวอีกครั้ง
ก่อนออกรถผมแอบแวะสายตาไปมองคนที่ยังคงนอนหลับ แล้วก็ได้เห็นว่าดวงตากลมๆคู่นั้นกำลังมองตรงมาทางนี้ เขาหรี่ตาทำสีหน้าเอาเรื่องใส่ผมตอนที่เราสบตากัน

เห็นไหม -  ตื่นแล้วจริงๆด้วย


- - - -
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 14-08-2015 23:42:16
ความรู้สึกตื่นเต้นจู่โจมผมทันทีที่ก้าวเท้าไปตามทางเดินยาวๆของคอนโด ที่ได้ขับรถมาอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยจะได้เดินผ่านประตูด้านหน้าเข้ามาสักที 

จากวันที่ผมขับรถมาส่งยิ้มหวานที่นี่เป็นครั้งแรกหลังอ่านหนังสือที่ร้านกาแฟเสร็จ เวลาก็ผ่านไปประมาณสี่เดือนกว่าๆแล้วครับ - เพิ่งจะได้เดินเข้ามาเห็นบรรยากาศข้างในนี้เป็นครั้งแรก ก็วันนี้นี่แหละ

ผมหันไปมองคนที่พยายามจะหยิบคีย์การ์ดออกจากกระเป๋าผ้าที่สะพายอยู่บนไหล่ ท่าทางลำบากน่าดูจนต้องยื่นมือไปช่วยดึงถุงก๊อบแก๊บที่เขาถืออยู่มาถือเอาไว้เอง เขาดึงสายตาขึ้นมามองผม ส่งยิ้มให้กันนิดๆก่อนตอบ

“ขอบใจ"

ผมพยักหน้ารับ ไม่ตอบอะไรกลับไป แล้วก็ปล่อยให้เจ้าของห้องเดินผ่านทุกคนไปรูดคีย์การ์ดปลดล็อคประตู

คอนโดยิ้มหวานเป็นห้องกว้าง เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งส่วนใหญ่เป็นโทนสีขาวดำเทา เข้ามาข้างในแล้วจะเจอห้องนั่งเล่นก่อนเป็นอันดับแรก ทุกอย่างดูเป็นระเบียบและถูกจัดเอาไว้อย่างเรียบร้อย ยกเว้นมุมหน้าโทรทัศน์

นอกจากโซฟากับโทรทัศน์เครื่องใหญ่ที่ห้องทั่วๆไปมีกัน ที่พรมหน้าทีวียังมีสิ่งของกองอยู่อย่างระเกะระกะ เดาได้ไม่ยากว่าตรงนั้นน่าจะเป็นมุมที่ทุกคนรวมตัวกันทำงาน

ผมเดินตามเพื่อนๆของเขา เลี้ยวไปยังโซนของห้องครัว ก่อนจะวางของที่ซื้อมาไว้บนโต๊ะกลางห้อง พอหมดหน้าที่แล้ว ผู้ชายสามคนก็ถูกไล่ให้ออกมานั่งรอที่ห้องนั่งเล่น

ตอนที่ผมกำลังจะนั่งลงไปบนโซฟา สายตาก็เพิ่งสังเกตว่าตอนนี้เจ้าของห้องกำลังเดินเลยไปยังอีกมุมหนึ่ง ยิ้มหวานเปิดประตูสีดำแล้วเข้าไปในห้องที่ผมเดาเอาว่าน่าจะเป็นห้องนอน

หันมาหาคนที่นั่งอยู่ข้างกันอีกทีก็เห็นว่าฝ่ายนั้นยื่นรีโมทมาให้ผมแล้วบอกกันสั้นๆ

“อยากดูทีวีก็เปิดนะหมอ กูนอนแป้บ"

ทันทีที่ผมรับรีโมทมา ฝ่ายนั้นก็ไม่รอฟังคำตอบ แต่ฟุบตัวลงไปบนพนักโซฟาแล้วก็ดูเหมือนจะตัดตัวเองออกจากทุกอย่าง ก่อนจะหลับไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งผมไว้กับห้องโล่งๆและความเงียบ

จริงๆมันก็ไม่ได้เงียบอะไรขนาดนั้นหรอกครับ เพราะเสียงพูดของสี่สาวในห้องครัวก็ดังลอดมาถึงตรงนี้แบบเบาๆ แต่ในความรู้สึกของผม ยังไงมันก็เงียบจริงๆ

จะเปิดทีวีดูแก้เก้อก็ดันเกรงใจไอ้คนที่หลับไปอย่างกับถูกปิดสวิตซ์....
รู้ตัวอีกทีผมก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งหลังตรงอยู่บนโซฟา มือทั้ง 2 ข้างวางอยู่บนหัวเขาที่หุบชิดกัน ส่วนเท้าก็วางราบไปกับพื้นจนน่าขำ มาประกวดมารยาทเหรอกูเนี่ย?

พอรู้สึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในท่าไหน ผมถึงกับตกใจตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ แล้วเปลี่ยนไปเอนตัวพิงเบาะด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น ถึงแม้ว่าในหัวใจจะยังคงไม่สงบเป็นปกติ

จะหาว่าผมป็อดก็ยอมแล้วครับนาทีนี้ - ใครจะไม่ประหม่ามั่งวะ? ถ้าได้เข้ามาในบ้านคนที่ตัวเองชอบเป็นครั้งแรก

นี่ขนาดมากันหลายคนผมยังตื่นเต้นโคตรๆ ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าไม่มีคนอื่นมาด้วยผมจะทำตัวไม่ถูกขนาดไหน เริ่มเข้าใจพวกฉากเดินชนประตูชนหน้าต่างในละครขึ้นมาก็ตอนนี้แหละวะ

“อ้าวหมอ! ดูทีวีดิ เสียบปลั๊กยัง"

เสียงพูดของเพื่อนยิ้มหวานที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัวทำเอาผมหลุดจากห้วงความคิดของตัวเอง ก่อนจะรีบเอ่ยปากห้ามตอนที่ฝ่ายนั้นจะกดเปิดโทรทัศน์ให้

“ไม่เป็นไร เราไม่ดู"

“ไม่ดูเหรอ? ไม่ต้องเกรงใจ ดูได้นะ เสียงดังยังไงเราก็หลับได้อยู่แล้ว"
พูดจบเขาก็หาวออกมา 1 ชุดใหญ่ ระหว่างที่ผมเอ่ยคำถามออกไป

“แล้วในครัวเป็นไงบ้าง"

“ปล่อยพวกมันไปเหอะ กู๊ดเดย์กู๊ดไนท์นะหมอ อีกชั่วโมงเจอกัน"

คนตรงหน้าผมหาวยาวๆก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนเบาะที่วางอยู่ที่พื้ นก่อนจะคว้าหมอนอิงที่วางอยู่ใกล้ๆกันมาใช้แทนหมอนหนุน แล้วทิ้งตัวนอนลงไปอย่างรวดเร็ว – แล้วก็เหมือนเดิมครับ หลับเหมือนโดนกดสวิตซ์ไปอีกคน

ระหว่างที่ผมกำลังพยายามทำความเข้าในวิถีชีวิตของชาวถาปัตย์อยู่นั้น อยู่ๆก็รู้สึกขึ้นมาได้ว่าโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงกำลังสั่น พอหยิบขึ้นมาดูเลยเห็นว่ามีคนส่งข้อความเข้ามาในไลน์กรุ๊ป 'หล่อสัดรัสเซีย' 

พวกมันจะนัดกันออกไปนั่งอ่านหนังสือโต้รุ่งกันที่ร้านกาแฟอีกแล้วครับ
เห็นอย่างนั้นผมก็ตอบตกลงไป ก่อนจะบอกไอ้โคนันว่าวันนี้คงไม่ได้ไปแวะรับมันเหมือนทุกทีเพราะไม่มีรถ

เล่นมือถืออยู่ไม่นาน เจ้าของห้องที่หายไปก็กลับออกมาในชุดอยู่บ้าน ยิ้มหวานใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นประมาณเข่า เดินออกมาจากห้องพร้อมหมอน 1 ใบ ก่อนจะมาหยุดลงตรงหน้าบีนแบ๊กอันใหญ่ที่วางอยู่เยื้องๆกับโซฟา แล้วทิ้งตัวนอนลงบนนั้น

ผมละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือแล้วมองไปที่ยิ้มหวาน ก่อนที่เจ้าตัวเขาจะก็มองกลับมาแล้วบอกกันเบาๆ

“นอนนะ"

นอนอีกแล้ว....
ผมพยักหน้ารับสองสามที ก่อนที่เขาจะพลิกตัวหันหลังให้ และคงนอนหลับไปหลังจากนั้นไม่นาน

ว้าเหว่โคตรเลยครับนาทีนี้ แถมยังรู้สึกแปลกๆที่กำลังนั่งตาสว่างอยู่กลางห้องโดยมีคนนอนหลับล้อมรอบจากสามมุม

ก่อนผมจะพบทางรอด เมื่ออยู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ว่านอกจากชีทที่ผมหยิบติดมาแล้วนั้น ในกระเป๋าของผมยังมีการ์ตูนที่ซื้อมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วยังไม่ได้อ่านอยู่

คิดได้อย่างนั้นผมก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบโคนันเล่มล่าสุดออกมา ก่อนจะกลับมาทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นข้างๆบีนแบ๊กที่ยิ้มหวานนอนหลับอยู่

พอได้มองคนที่หลับเป็นเด็กๆแล้วผมก็หลุดยิ้ม อยากแกล้งเอามือไปเขี่ยแก้มเล่ม แต่ติดที่ว่ามันจะทำให้คนที่กำลังหลับสบายตื่นขึ้นมาซะก่อน นั่งมองอยู่ไม่นานก็ได้ยินเสียงเพื่อนของเขาลอยมาจากโซฟา

“อย่าแอบจูบเพื่อนกูนะ"

เสียงที่ดังขึ้นมาทำลายความเงียบทำให้ผมต้องเงยหน้าไปมองคนบนโซฟาที่ตื่นยังไม่เต็มที่ และกำลังพยายามลืมตามองมาทางนี้ ท่าทางจะเพิ่งตื่นแล้วดันมาเห็นผมนั่งมองหน้ายิ้มหวานเพลินๆอยู่พอดี

ถ้าคิดว่าแซวนิดแซวหน่อยแล้วจะทำให้ผมมีอาการได้เหมือนอีกคนแล้วล่ะก็
ไม่ใช่แน่นอน....

“กูไม่ทำหรอก คนเยอะ"
ผมยิ้มมุมปากแล้วเงยหน้าขึ้นไปตอบ พร้อมกับที่ฝ่ายนั้นยังคงถามกลับมา

“ถ้าคนน้อย...”

ผมยกไหล่แทนคำตอบ ก่อนจะเอนหลังพิงพื้นที่ว่างที่เหลือของบีนแบ๊กอันใหญ่ แล้วยกหนังสือการ์ตูนขึ้นมาเตรียมจะอ่าน...ถ้าไม่ได้ยินคำพูดเจือเสียงหัวเราะที่ดังตามมา

“พวกสาวๆแม่งบอกว่ามึงไว้ใจได้ -- ได้ตรงไหนวะ"

ผมยิ้มนิดๆรับคำพูดของอีกคน โดยใช้ความเงียบเป็นคำตอบอยู่เหมือนเดิม แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่หยุด

“เออ วันนี้มันไปฟ้องอะไรปะ?”

ถามจบเขาก็หาวออกมาเต็มที่ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะหลับต่อง่ายๆ
เหมือนกำลังตั้งหลักจะคุยกับผมแบบจริงจังทั้งที่ยังตาปรือ

การได้มาอยู่กับยิ้มหวานแหละเพื่อนๆทำเอาผมรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกอีกใบ โลกที่ใครๆก็ง่วงนอนกันทั้งนั้น
ที่นี่เค้าสะลืมสะลือกันจนเป็นแฟชั่น...

ผมนิ่งไปสักพัก ก่อนจะนึกถึงตอนที่ยิ้มหวานบอกผมว่า 'โดนกวนตีน' ขึ้นมาได้ แล้วตอบกลับไป

“อืมๆ มาฟ้องอยู่ว่าโดนกวนตีน ใครทำอะไรวะ?”

“กูนี่แหละกวนตีนมัน ก็วันงานขายของที่หน้าคณะ กูเห็นว่าหมอกับมันเดินจับมือกัน กูเลยถามว่าเป็นแฟนกันแล้วเหรอ ถึงได้เดินจูงมือกันเดินแบบนั้น แต่มันบอกว่าเปล่า ไม่ได้จับ...”

"อ๋อ...”

"แต่กูเห็นจริงๆไง เลยแกล้งเถียงต่อปากต่อคำกับมันเล่นแก้ง่วงตอนรอกลุ่มอื่นพรีเซนต์งาน"

“...” พอเห็นว่าผมยังไม่ตอบอะไรกลับไป เขาเลยถามต่อ

“เออ ไหนๆมึงก็นั่งอยู่นี่ละ ตกลงจับไม่จับ กูจะเอาคำพูดจากเจ้าตัวนี่แหละไปเถียงมัน"

“ไม่ได้จับว่ะ"

พอผมตอบไปปุ๊บอีกฝ่ายก็เถียงกลับมาทันที
“ไม่จับเหี้ยไร กูเห็นกับตา"

“ไม่ได้จับจริงๆ...กูสาบานก็ได้อ่ะ!"
พูดแล้วยกสามนิ้วขึ้นมาสาบานด้วยครับ

“แล้วที่กูเห็นคืออะไร ?"

“ไม่บอกว่ะ – บางเรื่องอ่ะ รู้กันแค่สองคนก็พอ"
 
พูดจบปุ๊บผมรู้สึกว่ามีอะไรลอยข้ามหัวไป ก่อนจะเห็นว่าคนที่นอนอยู่ลุกขึ้นมาด้วยท่าทางงัวเงีย เขาเพิ่งคว้าหมอนอีกใบที่วางอยู่ไม่ไกลมาเขวี้ยงใส่เพื่อนไปเต็มๆ แล้วบ่นออกมา

“พูดมาก! กูจะนอน!"

เพื่อนเขาไม่ตอบอะไร แต่หยิบหมอนใบเดิมเขวี้ยงกลับมา แต่ผมที่นั่งอยู่ระหว่าง 2 คนนั้นดันเอื้อมมือไปคว้าเอาไว้ได้ ก่อนจะวางหมอนลงข้างๆตัว

พอหันกลับไปทางด้านหลังก็เห็นว่าเขากำลังมองมา...

ยิ้มหวานหรี่ตามองหน้าผมด้วยสายตาแบบที่ไม่รู้ว่าเป็นอย่างนั้นเพราะเพิ่งตื่นหรือว่ากำลังหาเรื่องผมอยู่กันแน่ เห็นอย่างนั้นผมก็ยิ้มมุมปาก ยักคิ้วให้เขาไป 2 ที ก่อนที่เจ้าตัวจะทิ้งตัวลงบนบีนแบ๊คนุ่มๆ แล้วก็หลับไปอีกรอบ

ผมอ่านโคนันจบได้ไม่นาน สามสาวในครัวเขาก็ออกมาเรียกทุกคนแล้วบอกว่ามาม่าเสร็จแล้ว

มาม่าเจ๊โอวที่เพื่อนยิ้มหวานโฆษณาไว้อลังการสมคำร่ำลือจริงๆครับ  กุ้งหอยปูปลาที่ใส่มาในหม้อนี่ยิ่งกว่าต้มยำน้ำข้นบางร้านซะอีก พอเอาเครื่องปรุงมาม่าไปใส่กับเครื่องเทศต้มยำ แล้วเติมนมข้นจืดเข้าไปก็อร่อยเข้มข้นดีไปอีกแบบ

1 นักศึกษาแพทย์กับอีก 6 เด็กถาปัตย์นั่งล้อมวงกันกินมาม่าไฮโซอยู่ไม่นาน ก่อนที่ทุกคนจะต้องรีบแยกย้ายกลับบ้านตัวเอง ตอนที่มองออกไปนอกหน้าต่างแล้วเห็นก้อนเมฆที่รวมตัวกันจนครึ้ม  เดาได้ไม่ยากเลยว่าหลังจากนี้ไม่นานฝนคงจะตกหนักแน่ๆ

ฝนตก รถติด ต้องนั่งกร่อยอยู่บนถนนเป็นชั่วโมงแทนที่จะได้เอาเวลาไปปั่นงาน งานไม่เสร็จ ไม่ได้นอน นั่งทำงานโต้รุ่ง นรกอยู่ตรงหน้าจริงๆ -- ทันทีที่มีคนพูดเรื่องนี้ขึ้นมา มาม่าทะเลเดือดตรงหน้าก็ไม่น่าอร่อยอีกต่อไป...

ผมสะพายกระเป๋าฟิตเนสใบใหญ่ไว้บนบ่าก่อนจะลงมาพร้อมกับทุกคนที่คิดขึ้นมาได้ว่าต้องรีบกลับบ้าน
รอจนเพื่อนๆของเขาแยกย้ายกลับบ้านกันไปตามทางของตัวเอง พอหันมาหายิ้มหวาน ก็เห็นว่าอีกฝ่ายยืนจ้องหน้าอยู่ก่อนแล้ว

เขาเลิกคิ้วมองหน้าผมเหมือนจะถามว่า รออะไรอยู่?
เห็นอย่างนั้นผมยกยิ้มมุมปากมองสบตากลับไป ...​ก่อนจะร้องเพลงออกมา

“มองไปก็มีแต่ฝนโปรยปราย ในหัวใจก็มีแต่ความเหน็บหนาว"

วินาทีแรกคนฟังขมวดคิ้ว ทำหน้าเหมือนเห็นตัวประหลาดมายืนแปลงร่างให้ดู
แต่พอเข้าใจทุกอย่าง เขาก็พูดออกมาช้าๆ

“อยู่ต่อเลยได้ไหม?”

“อือฮึ - เธอก็รู้ทั้งหัวใจฉันอยู่ที่เธอหมดแล้วตอนนี้"

ได้ยินปุ๊บ คนตรงหน้าผมก็กลอกตา ก่อนจะถอนหายใจออกมา ผมเลยพูดต่อ

“จานยังไม่ได้ล้างเลย มีคนช่วยล้างจานไม่ดีรึไง?”

เหตุผลคงฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่ เขาถึงได้ทำหน้าเพลียอยู่ไม่เลิก จนผมต้องอธิบายเพิ่ม

“เดี๋ยวเราต้องออกไปอ่านหนังสือกับพวกนั้นตอนค่ำๆ ไม่อยากนั่งรถไปๆมาๆ นะ... นะครับ...

ยิ้มหวานมองหน้าผม สีหน้าของเขายังคงเป็นเหมือนเดิม แต่แววตาคู่นั้นมีสัญญาณบอกว่าผมกำลังจะได้ยินอะไรดีๆ

“'งั้นก็ เดี๋ยวเดินไปซื้อกาแฟเป็นเพื่อนเราก่อนดิ"

ผมรู้ว่านัยนะของคำพูดนั้นคือการตอบตกลง ถึงได้ยิ้มรับ แล้วก็เดินไปข้างๆเขา แล้วก็หลุดหัวเราะเพราะคำพูดต่อมา

“แล้วหมอจะมาทำเป็นหิ้วกระเป๋าลงมาด้วยทำไมเนี่ย? ใบเบ้อเริ่ม"

“ก็เผื่อเจ้าของห้องเค้าไม่ให้อยู่ เราจะได้เดินคอตกไปขึ้นแทกซี่กลับบ้าน"

“เชื่อเลย...”

เขาทำหน้าอึ้งรับคำตอบที่ได้รับ ก่อนจะพูดต่อ...

“ตอนแรกเราคิดว่าหมอจะเล่นมุกลืมของ แต่พอเห็นว่าหยิบของลงมาครบทุกอย่างเลยนึกว่าจะรอดแล้วเชียว"

“เล่นมุกเดิมซ้ำๆมันไม่เท่...”

“เราว่าร้องเพลงแบบเมื่อกี้มันก็ไม่ได้เท่เลยนะ"

เขาเงยหน้าขึ้นมามองผม น้ำเสียงที่พูดเจือเสียงหัวเราะจนผมต้องขำตามไปด้วย

“ไม่เท่ แต่ก็สำเร็จ เราถือว่าโอเค"

“ถามเรายังว่าโอเคปะ?”

“แล้วโอเคมั้ย?”

“ไม่ค่อยอ่ะ – ห่วงคนไข้ในอนาคต กลัวหมอเอาไอดีไลน์ไปทิ้งไว้ในกระเพาะเค้า"

ผมหัวเราะรับ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะเดินเข้ามาในร้านกาแฟพอดี

หลังจากได้อเมริกาโน่เย็นติดมือกันมาคนละแก้ว ผมกับเขาก็เดินกลับมาที่คอนโด แล้วขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุด

ผมเดินตามยิ้มหวานเข้าไปในห้อง ก่อนจะต้องไปยืนหมุนซ้ายหมุนขวาทำตัวไม่ถูกอยู่ในห้องครัวเพราะอยากช่วยเขาล้างจาน แต่ซิงค์ที่มีดันเป็นซิงค์เดี่ยว แน่นอนว่ายิ้มหวานยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียวก็ไม่มีที่ให้ผมแล้ว

พอรู้ว่าอยู่ตรงนั้นผมก็ไม่มีประโยชน์อะไร คนที่ใส่ถุงมือยางสองข้างเตรียมพร้อมจะล้างจานเต็มที่เลยหันมาบอกให้ผมไปนั่งรอที่โซฟา

ได้ยินอย่างนั้นผมก็พยักหน้ารับอย่างไม่มีทางเลือก ก่อนเดินไปรื้อชีทในกระเป๋าขึ้นมาอ่านไปพลาง

นั่งอยู่ไม่นานยิ้มหวานก็เดินออกมาจากห้องครัว เขามาหยุดลงตรงหน้าผม ยืนจ้องกันแบบไม่พูดไม่จา ก่อนจะยกมือขึ้นแล้วสะบัดน้ำที่เปียกอยู่บนฝ่ามือให้กระเด็นมาใส่ผมเป็นละออง

โดนเข้าไปอย่างนั้นผมเลยเงยหน้าจากชีทที่อ่านอยู่ ยกมือขึ้นชี้นิ้วขู่ ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายหัวเราะคิกไม่ใส่ใจ แล้วผละเดินไปยังอีกมุมหนึ่งของห้อง

 ยิ้มหวานหายไปไม่นานแล้วกลับออกมาพร้อมกับแมคแอร์เครื่องเก่งพร้อมอแดปเตอร์ เขาวางมันเอาไว้บนโต๊ะเตี้ยๆกลางห้อง แล้วเดินหายไปอีกครั้งที่มุมเดิม คราวนี้กลับออกมากับโมเดลบ้านที่เพิ่งทำไปได้เพียงเล็กน้อย ผมมองเขาเดินเข้าเดินออกอยู่อย่างนั้นสี่ห้ารอบ ก่อนเจ้าตัวจะนั่งลงบนเบาะนุ่มที่วางอยู่บนพื้นในที่สุด

“ทำงานเหรอ?”
ผมเอ่ยปากถามเบาๆ ก่อนจะได้ยินฝ่ายนั้นตอบกลับมา

“อืม..."

แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ ผมอ่านหนังสือของผมไปเรื่อยๆ และพยายามไม่เงยหน้าขึ้นไปสนใจคนที่นั่งทำงานอยู่เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรที่ทำให้สมาธิของผมไขว้เขวเอาง่ายๆ  จนกระทั่งเนื้อหาในส่วนที่ผมกำลังอ่านอยู่จบลง เมื่อเงยหน้าขึ้นไปอีกครั้ง ภาพที่เห็นก็ทำให้ผมรู้สึกแปลกตา พร้อมกับความคิดที่ปรากฎขึ้นมาในชั่ววินาที

ยิ้มหวานหล่อ...

โดยปกติแล้วเขาจะเป็นคนที่ชอบแสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้า....
ถ้าไม่ยิ้มหวานๆจนตาโค้งเป็นสระอิ ก็เลิกคิ้วทำตาโต พอโดนแกล้งหรือว่าบ่นเรื่องที่ไม่ชอบใจเข้าหน่อย เขาก็จะย่นจมูกทำหน้ามุ่ยอย่างน่ารัก

แต่ในช่วงเวลาที่เขาไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา และกำลังจดจ่อสมาธิอยู่กับการทำงานอย่างตอนนี้ จุดเด่นบนใบหน้าของเขามันเปลี่ยนจากริมฝีปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอยู่เสมอ ไปเป็นคิ้วเข้มๆที่พาดอยู่เหนือดวงตา นั่นทำให้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสดใสของเจ้าตัวดูหล่อแบบขรึมๆขึ้นมาในทันที

ผมมองเขาอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเจ้าตัวเขาละสายตาออกมาจากหน้าจอที่ส่องสว่าง ปลายจมูกโด่งที่โค้งมนได้รูปยกขึ้นเป็นรอยย่นน้อยๆพร้อมกับส่งสายตามาทางผม

“มองหน้าเราขนาดนี้เดินเข้ามาต่อยกันเลยไหมล่ะ?”

ผมหัวเราะรับ แล้วลุกขึ้นเดินตรงเข้าไปหา ใช้นิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือบีบปลายจมูกของเขาแล้วโยกไปมา จนเจ้าตัวต้องยกมือขึ้นมาตีกลับเข้าให้ที่แขน ผมถึงยอมปล่อย

“เจ็บ...”
เขาบ่นเบาๆ พร้อมยกนิ้วขึ้นมาถูที่ปลายจมูก ท่าทางแบบนั้นทำเอาผมหลุดยิ้ม

“หมั่นเขี้ยว ชอบทำหน้าดื้อๆใส่กันดีนัก"

“ก็มองหน้าเราอยู่ได้อ่ะ"

“หล่อไง เลยมอง"

ได้ยินผมพูดปุ๊บเจ้าตัวก็ตกใจ ทำหน้างงๆตาโตๆแล้วถามกลับมาทันที

“ไม่สบายป่ะเนี่ย? แพ้กุ้งเหรอ?”

เขาพูดอย่างนั้นแล้วยื่นมือมาเหมือนจะแตะหน้าผากผม แต่ก็ยังเว้นระยะเอาไว้ กลายเป็นผมเองที่ก้มหน้าลงไปเอาหน้าผากแตะกับหลังมือของเขา ก่อนเจ้าตัวจะเก็บมือกลับไป

“หล่อก็ชมอ่ะ ชมไม่ได้เหรอ?”

“ชมก็ดี เราหล่ออยู่แล้ว หมอเพิ่งรู้รึไง"

เขาพูดออกมาทั้งๆที่ยังมีท่าทีเขินๆอยู่นิดหน่อย แล้วหันกลับไปสนใจหน้าจอแม๊คบุ๊คของเขาต่อ บุคลิกความสดใสของที่เจ้าตัวแสดงออกกลบท่าทีเคร่งขรึมเมื่อครู่ไปจนหมด ยิ้มหวานคนหล่อหายไปแล้ว...

ผมปล่อยให้ความเงียบโรยตัวอยู่สักพัก ก่อนจะถามออกมาเบาๆ

“หล่อแล้วทำไมถึงยังไม่มีใครสักที?”

คนที่เพิ่งดึงสายตากลับไปยังหน้าจอมองกลับมาที่ผม สีหน้าเขามีแววความสงสัยเจืออยู่นิดหน่อย แล้วถามออกมา

“นี่ถามจริงจังหรือแค่กวนเราเล่นๆ"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็ยกแขนขึ้นวางข้อศอกลงกับโต๊ะตัวเตี้ยที่เขาใช้วางของ แล้วใช้มือเท้าคางก่อนตอบ

“จริงๆ"

"อืม...." เขารับคำถามของผมไปด้วยท่าที่ครุ่นคิด แล้วก็ค่อยๆตอบออกมา "ที่ยังไม่อยากคบใครเพราะยังไม่รู้สึกว่าจำเป็นด้วยมั้ง เราอยู่กับเพื่อนก็สนุกดี ยังไม่เหงา แล้วก็ยังไม่เจอใครที่ชอบมากจนรู้สึกอยากจะเริ่มด้วย"

ผมพยักหน้ารับระหว่างที่ฟังเขาพูด แล้วถามต่อ

"ตอนนี้ก็ยังรู้สึกอย่างนั้นอยู่?"

"อะฮะ"

"เห็นแววอกหักมาแต่ไกลเลยว่ะ"

ได้ยินอย่างนั้นยิ้มหวานก็หัวเราะรับ แต่ไม่ตอบอะไร จนผมต้องพูดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียว

"ก็ยังดี ที่ตอนนี้ยังไม่มีแววว่าจะอยากไปคบใครที่ไม่ใช่เรา"

"หมอรู้ได้ไง?"

"หา? ยังมีคนอื่นอีกเหรอ"

คนฟังยิ้มรับ เลียนแบบท่าทางที่ผมชอบทำ ยิ้มมุมปากยักคิ้วแต่ไม่ตอบ

"ตอบกันก่อนเลย นอกจากเราแล้วยังคุยกับใครแบบนี้อีกมั้ย"

"คุยดิ!"

เหมือนหัวใจของผมหล่นวูบ แล้วหายไปในหลุมมืดๆเลยครับ....
ผมหันไปมองคนที่ยังคงส่งสายตามาที่ผม ริมฝีปากของเขายกยิ้มขึ้นบางๆ เหมือนกับตัวเองไม่ได้ทำอะไรลงไป

ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว...ที่พูดเรื่องทำร้ายจิตใจผมออกมาด้วยสีหน้ายิ้มๆสบายๆ – ใจร้ายโคตร

"โห.... หน้าจ๋อยไปเลยอ่ะ"

ยิ้มหวานพูดพลางทำตาโตแล้วขยับตัวมามองผมใกล้ๆ แววความสนุกสนานยังมีอยู่บนใบหน้าของเขา
ส่วนผมนี่เซไปแล้วอ่ะ ถ้ายืนอยู่คงแทบทรุด

มันไม่ได้ทรุดเพราะรู้ว่าเขาคุยกับคนอื่น แต่มันก็เจ็บหนึบๆอยู่ในใจ เพราะเขาพูดเรื่องที่ทำร้ายจิตใจผมได้ด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน
เอาเหอะ – อย่างน้อยก็ยังดีที่เค้าพูดออกมาตรงๆ

เอาจริงๆผมไม่สามารถรู้ได้เลยครับว่าวันนึงยิ้มหวานคุยกับใครบ้าง เราอาจจะดูเหมือนคุยกันบ่อย แต่มันไม่ใช่ตลอดเวลา เขาอาจจะตอบไลน์คนอื่นจนครบแล้วค่อยมาตอบผม หรือจะตอบผมก่อนแล้วค่อยไปตอบคนอื่นก็ได้

... มันไม่ผิด ในเมื่อระหว่างเรายังไม่มีสถานะที่จะหึงหวงกัน

ใครๆก็ต้องเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดให้ตัวเองทั้งนั้น
จะซื้อรถยังมีให้ทดลองขับเลย จะคบใครยังไงก็ต้องทดลองคุยจริงมั้ย?

ระหว่างที่ความคิดของผมกำลังฟุ้งซ่านไปถึงไหนต่อไหนอยู่นั้น เสียงหัวเราะเบาๆที่ดังมาจากคนข้างตัวก็ทำเอาผมต้องดึงความคิดตัวเองให้กลับมา

ยิ้มหวานมองหน้าผมแล้วก็ยิ้มอยู่อย่างนั้น ยิ่งเห็นผมทำหน้างงเขาก็ยิ่งอารมณ์ดี

“หมั่นไส้หมอว่ะ"  คนใจร้ายพูดออกมาแล้วหลุดหัวเราะ เว้นวรรคไปนิดหน่อย แล้วก็พูดต่อ

"เลยแกล้งเล่น...”

“หา? แกล้งอะไร?” 
เอาจริงๆ ผมอึนจนตามไม่ทันแล้วตอนนี้ อะไรวะ งง...

“เราไม่คุยกับใครทีละหลายๆคนหรอก – ขี้เกียจ"

คำตอบของเขาทำเอาผมหลุดอุทานในใจ พร้อมกับการผ่อนลมหายใจออกมายาวๆอย่างโล่งใจ

ผมไม่ได้คิดไปเอง... ตอนนี้รู้สึกเหมือนที่หน้ามันตึงๆครับ ต้องแก้ด้วยการยิ้มออกมากว้างๆ แต่ยิ้มเท่าไหร่ก็ไม่พอ ในใจมันยังอยากยิ้มมากกว่านี้ จนต้องยื่นมือทั้ง 2 ข้างไปจับแก้มคนตรงหน้าแล้วดึงให้อีกฝ่ายช่วยกันยิ้ม

โดนดึงแก้มปุ้บเขาก็โวยวาย ยกมือขึ้นมาตีแขนผมแรงๆ จนต้องยอมปล่อยมือ

“เนี่ย! ก็หมอชอบจีบกันหน้าตาเฉย แถมยังรุกเราแบบไม่ทันตั้งตัวอีก เราก็หมั่นไส้ดิ!"

เขาพูดออกมาเหมือนกับบ่นคนเดียว จนผมได้ยินแล้วขำไม่หยุด

พอเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังหันกลับไปทำงานของตัวเองต่อ ผมก็ยื่นมือไปคว้าต้นแขนของเขาไว้ แล้วดึงให้อีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้จนไหล่ของเขามาพิงอยู่กับช่วงอกของผม ก่อนจะก้มหน้าลงไปใกล้จนปลายจมูกเฉียดผ่านผิวแก้มนุ่มๆ แล้วกระซิบเบาๆ


“เราไม่เห็นรู้ตัวเลย ว่าเคยทำอย่างนั้น”



TBC.



 - - - - - - - -




ยังคงจีบกันต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ~

อยากจะบอกว่าขอโทษ เราไม่อยากดองนิยายเลยค่ะ
แต่ก่อนหน้านี้ยุ่งๆ พอจะเริ่มเขียนก็ตัน

พอได้ดองเท่านั้นแหละ ก็ดองเลย ถถถถถถถถถ.

มีของมาฝากด้วย เรียกว่าอะไรดีอ่ะ?
ตอนพิเศษเล็กๆมั้งคะ : ) เราดูเทรลเลอร์ "ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ" แล้วอินไปหน่อย
เลยทำออกมาเล่นๆ แทนคำขอโทษละกันเนอะ

ดูตัวอย่าง ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ (Official Trailer)ก่อนนะคะ อันนี้คือลิ้งที่เค้าแชร์ให้กัน
จิ้ม <❤> (https://www.youtube.com/watch?v=J1F9hMWnTHs)

(https://pbs.twimg.com/media/CMYkuofUwAAFVwn.png)
ถ้ารูปเล็กไป จิ้มอีก >> <❤> (https://pbs.twimg.com/media/CMYkuofUwAAFVwn.png)

: 3
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
เริ่มหัวข้อโดย: โรสมาลี ที่ 15-08-2015 00:03:16
 ยิ้มหวานนนน
ยิ้มหวานนนนนนนนนนนนนนนน

กรีดร้องด้วยความคิดถึง
และช่วยลุ้นกับเน็ตของคุณกีและมูมู 555

หมอเอาอีกกก เนียนอีก เนียนเข้าไปอีกใกล้ๆ
เผื่อยิ้มหวานจะเนียนกลับคืนมาไวๆ
ต้องรีบช่วงชิงความได้เปรียบช่วงกำลังมึนๆนะ ถถถถถ

คอถอ คนถ่อยมากๆค่าาา
อยากกลับไทยไปหาคนยิ้มหวานแล้วว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 15-08-2015 00:31:23
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: qilarsy39 ที่ 15-08-2015 00:45:50
หมอไม่รุกค่ะ ไม่รุกเลยยย
ยิ้มหวานนนน คถ ยิ้มหวานนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 15-08-2015 00:50:29
หมอได้มาห้องยิ้มหวานแล้ว
จีบกันแบบกวนๆ  น่ารักดี
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 15-08-2015 01:11:17
โอ่ยยย...หมอสู้นะ ยิ้มอ่ะแกล้งหมอแบบนี้ไม
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 15-08-2015 01:27:10
อ่านแล้วก็เขิลแทน หมอเนียนมากกกก แต่เราก็เข้าใจหมอนะ ยิ้มหวานน่ารักมากกกขนาดนี้
หมอคงอดใจไม่ไหว ก็ไม่ต้องอดนะ จัดการเลยยย หอมแก้มๆๆๆ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 15-08-2015 01:30:00
โอ๊ยนึกว่าตาฝาดคิดถึงยิ้มหวานกับหมอมากกกกกดด
ยิ่งตอนพิเศษยิ่งน่ารัก ไม่อยากโสดแล้ว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: fancat ที่ 15-08-2015 01:32:50
รอคอยมานาน ในที่สุดก็มาแล้ว คิดถึงยิ้มหวานนนนนนนน ตอนนี้ก็ยังหยอดไม่หยุด แต่เริ่มมีการพัฒนาไปอีกขึ้น จากพูดหยอด กลายเป็นสัมผัสหยอดแล้ว 555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 15-08-2015 01:37:10
แกล้งหมอได้ลงคอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-08-2015 01:45:12
หมอกับยิ้มหวานมาแล้ววววว

มาอัพต่อบ่อยๆนะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 15-08-2015 01:53:12
โอ๊ยยยยยยยยย :-[ :-[ :-[มุขเพลงอยู่ต่อเลยได้ไหมนี่ขอซื้อออออออ   น่ารักมากกกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: khunkun91 ที่ 15-08-2015 02:50:08
ยิ้มหวานแกล้งหมอได้เกือบเซเลยนย
น่ารักกกกกกกกกกกกก  จีบกันไปเรื่อยๆนะ
ช่วงอารมณ์จีบกันมันเป็นอะไรที่ดีมากๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 15-08-2015 03:13:17
งื้ออออ ยิ้มหวาน
คิดถึงแบบสุดๆ
ยิ้มหวานขี้แกล้งเนอะ
ปล่อยให้หมอใจแป้วเลย

ชอบไลน์ๆ หมอว่ามีได้แล้วว่ะ
5555555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 15-08-2015 03:19:09
จีบกันน่ารักอีกแล้ว มุขอยู่ต่อเลยได้ไหมนี่หมอคิดได้ไงเนี่ย  o13

ยิ้มหวานนี่แกล้งซะหมอใจแป้วเลย

ปล. ชอบไลน์ที่คุยกันมาก :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 15-08-2015 07:08:47
ยิ้มหวานอะะะะะะ แกล้งหมอได้ลงคอ หงอยไปเลย
ดีใจทีกลับมาต่อ รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-08-2015 09:22:54
ยิ้มหวานแกล้งหมออ่ะ น่ารักดี ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 15-08-2015 09:43:27
ปกติเรากรี๊ดยิ้มหวานนะ ยิ้มหวานน่ารัก
แต่ตอนนี้ให้หมอไปเหอะนะ ร้องเพลงขออยู่ต่องี้ ใจเสียหน้าง่อยงี้
ยิ้มหวานใจแข็งล่ะเกิน หรือใจอ่อนแล้วแต่ปากแข็ง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: duckduckk3 ที่ 15-08-2015 10:12:06
ตอนที่ยิ้มหวานบอกยังไม่อยากคบใครนี่ใจแป้วแทนหมอเลยอ่ะ
ยิ้มหวานใจร้ายยยยย
หมอคนถ่อยรุกให้ยิ้มหวานเขินจนตัวแตกเป็นการแก้แค้นเลยนะ อิอิ

ปล.คิดถึงยิ้มหวานกับหมอคนถ่อยมากเหลยยยย <3
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 15-08-2015 10:14:50
อรัียยยย อรั๊ยยยย
เขินแรง
เค้าจีบกันได้ใจจริงจริ๊งงงงงง
ใจนึงก็อยากให้ยิ้มหวานเป็นแฟนหมอเร็วๆ
อีกใจนึกก็อยากดูเค้าจีบกันต่ออ่าาาาาาาาาา
 :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 15-08-2015 11:08:09
น่ารักมาก อิจฉา อยากมีโมเมนต์แบบนี้บ้าง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-08-2015 11:09:08
ยิ้มหวานแกล้งซะหมอใจเสียเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 15-08-2015 11:15:58
ยิ้มหวานน่ารักขนาดนี้ ไม่แปลกใจที่หมอจะหลง :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 15-08-2015 11:20:22
นี่ถ้าเกิดว่ายิ้มหวานเฉลยความจริงช้าไปกว่านี้อีกสักนิด มีหวังเราคงได้เห็นว่าที่คุณหมอเป่าปี่แน่ๆ เลยนะคะเนี่ย :laugh: เพราะแค่นี้ก็ใจเสียไปไม่น้อยแล้วเน้อ >< โอ๋ๆ นะคะหมอ~ :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 15-08-2015 11:21:30
ไม่ว่าจะอ่านกี่รอบยิ้่มหวานก็ยังน่ารักสำหรับคนอ่านเสมอ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 15-08-2015 11:25:02
หมอท่องไว้ "เนียนๆ ไปแล้วจะได้เมีย" 555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 15-08-2015 11:39:13
ยิ้มหวานหล่อ5555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 15-08-2015 11:46:43
ฉันหลงหมอออออ ไม่ไหวแล้วววว
หมอขาาาาาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: eliza ที่ 15-08-2015 11:48:58
อ่านไปเขิลไป มุ้งมิ้งมากกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 15-08-2015 11:53:41
โหยยยย ยิ้มหวานน่ารักมากอะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 15-08-2015 12:02:01
โหใจหายแทนหมอเลยตอนที่ยิ้มหวานบอกว่าคุยหลายคน ยิ้มหวานอย่าแกล้งอย่างนี้น้าหัวใจจะวาย 5555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 15-08-2015 12:14:50
เรื่องนี้ทำให้รู้สึกดีจริง  :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 15-08-2015 12:26:36
หวานเว่อร์วังอ่ะหมอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 15-08-2015 12:48:33
แหมมมมม.. ยิ้มหวานแกล้งหมอนะ




ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 15-08-2015 13:34:58
น่ารักน่าฮักที่สุดดดดด
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-08-2015 14:17:44
โล่งอก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 15-08-2015 14:30:28
เหยย กรี๊ดดดด ชอบ นั่ลล๊าคค :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: pollapat ที่ 15-08-2015 14:59:11
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด มาแล้ววววววววววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 15-08-2015 15:06:27
ขอบบบบบบบบบ
อร๊ายยยย
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 15-08-2015 15:27:20
ยิ้มหวานตอนนี้หล่อจริงอะไรจริงค่ะ กรี๊ด
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-08-2015 16:23:01
 :hao6:


น้ำตาล 1 คัน รถ สิบล้อ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 15-08-2015 16:37:52
 :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 15-08-2015 17:18:04
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 15-08-2015 17:33:07
โอ้ยไม่ไหวแล้วว ฟินตัวแตกมากบอกเลย
เพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรกค่า
อ่านไป บิดตัวไป ก็มันเขินอ่าา
หมอก็ช่างหยอดช่างจีบ
ยิ้มหวานก็น่ารักน่าจีบเกิน
เมื่อไรจะตอบรับเป็นแฟนกับหมอซักทีอ่าา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_ever ที่ 15-08-2015 18:07:11
ยิ้มหวานมาแล้ววววววววว

ตอนแรกก็ว่ายิ้มหวานเอาคืนหมอสำเร็จ
ที่ไหนได้ หมอขนะน๊อคเอาที่ประโยคสุดท้ายนี่แหละ

จิกหมอน ยิ้มแก้มปริเลยยยยยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: Rabity ที่ 15-08-2015 18:12:34
แหม่...นานๆมาทีแต่น่ารักมุ้งมิ้งกระดิ่งแมวเชียวนะ
คู่นี้เนิบนาบมากๆ แต่อบอุ่นใจมากกกกกเหมือนกัน
อย่าดองนานซิจ๊ะ คนอ่านคิดถึงนะ (ถ้ารอไม่ไหวเดี๋ยวเอาขวานไปจามไหดองไม่รู้ด้วยนะ!)
ปล.รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: Raccoooon ที่ 15-08-2015 18:56:22
แงงงงงงงงงงงงงงงงง เขินจนกัดปากตัวเองเลือดไหลซิบๆ ฮื้อออออออออออออ5555555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 15-08-2015 19:29:45
 :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 15-08-2015 20:44:24
ยิ้มหวานของหมอออ คิดถึงที่สุดดดดด
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 15-08-2015 22:35:39
ยิ้มหวานน่ารักไม่มีพัก คนอ่านล่ะเหนื่อยจะปลื้ม หมอก็เหนื่อยตะหลงไปหมดละ
แต่วันนี้มีมุมหล่อออกมาแพ้พ 5555 ฮาอ่ะ กลับไปน่ารักเถอะค่ะ คนอะไรจะทำหน้าตาน่ารักทั้งวี่ทั้งวัน
ขำเพื่อนหมออ่ะ อย่ามาแอบจูบเพื่อนนะ กรี๊ดดดด คนเยอะแยะหมอไม่ทำ แต่ถ้าอนุญาติคงอยากทำแบบไม่หยุด
เพราะอัดอั้นมานาน ชอบหมอตรงแบบเค้าเป็นคนหล่อคนมั่น แต่พอเป็นเรื่องของยิ้มหวาน เกร็งจ้า
ตัวแข็งทื่อ ยิ้มหวานแกล้งหลับบ่อยนะเดี๋ยวปั๊ดลักหลับเลย ตอนท้ายน่ารักค่ะ หมอจ๋อยถูกแกล้ง

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 16-08-2015 00:14:54
เขินจนตัวบิดเป็นเกลียวแล้วววว

หมอมันร้ายยยยย

ยิ้มหวานน่ารักโฮกกกกกกกก
หลงเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 16-08-2015 08:26:04
หมอจีบยิ้มหวานได้น่ารักมากกก
ชอบตอนร้องเพลง ขอซื้อนะมุกนี้  o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 16-08-2015 10:33:02
น่าร๊ากๆๆๆๆๆ ชอบยิ้มหวาน...
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: GlassesgirL ที่ 16-08-2015 11:23:56
ยิ้มหวานมาแล้ว
หมอโดนแกล้งกลับทำเอาเครียดไปเลย 5555 ชอบรุกจีบแบบไม่ให้ตั้งตัวยิ้มหวานเลยแกล้งกลับบ้างซะ
ยิ้มหวานน่ารัก ชอบตอนที่หมอทำอะไรไม่ถูกไปพักตอนอยู่ท่ามกลางยิ้มหวานกับเพื่อนที่นอนหลับกันง่ายดาย หมอน่าเอ็นดู

 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 16-08-2015 12:30:00
หมอออออ รุกให้มากกว่านี้หน่อยดิ  เขินโคตร :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: icecreamii8_ ที่ 17-08-2015 11:32:57
ยิ้มหวานนนนน  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: scottoppa ที่ 17-08-2015 15:57:24
ยิ้มหวานน่าร้ากกกกกกกกกกก
หมอนี่น่าหมั่นไส้มากจริงๆ
เอะอะจีบตลอดเลย
แต่เพราะยิ้มหวานน่ารักน่าฟัดเกินไปจริงๆนั่นแหละ แงววววว
ยิ้มหวานเล่นตัวอีกๆๆ ให้หมอทุรนทุราย 555555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 17-08-2015 18:29:20
โอ๊ยยย ยิ้มหวานทำเราใจเสียไปด้วยเลยย  :a5:
มาต่อไวๆนะฮะรออออ   :')
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 18-08-2015 19:54:05
เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ อ่านยาวเลยค่ะ จีบกันน่ารักมากๆ
คนอ่านก็ยิ้มหวานหน้าบานไม่แพ้กันค่ะ ^__________^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 19-08-2015 14:10:01
ยิ้มหวานก็นะ...ทำเอาใจพี่หมอหล่นวูบ
พี่หมอจับจูบเก็บค่าทำขวัญเลยค่ะ แม่ป้าอนุมัติ!!

จูบเลย จูบเลย จูบเลย!
(กร๊ากกกกก! อีป้านี่หื่นมาก ฮ่า ฮ่า ฮ่า)
รออ่านตอนต่อไปค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 19-08-2015 14:51:30
แงงงงงงงง ยิ่งอ่านเรื่องนี้ยิ่งอยากมีแฟนถาปัตย์สุดๆเลยค่ะ ฮือ T /////////// T
จริงๆหมอกับถาปัตย์เนี่ย เข้ากันสุดๆเลยน้า ~ ฝั่งนึงก็อ่านหนังสือโต้รุ่ง อีกฝั่งก็ทำโมเดลโต้รุ่ง
ฝั่งนึงพอสอบเสร็จก็นอนตาย อีกฝั่งพอพรีเซนต์ส่งงานเรียบร้อยก็นอนตายเหมือนกัน 55555555
ไม่มีเวลาพอกันทั้งคู่เลย แต่เหมือนเติมเต็มกันได้อ่ะ โรแมนติกจะตาย ; /// ;

คิดถึงยิ้มหวานของหมอแล้วน้าาา มาให้อ่านไวๆจิ ' ' /
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 19-08-2015 15:36:53
หมอกล้าพูดนะว่าไม่ได้รุกจีบ ยิ้มหวานเขาตั้งตัวไม่ทันตลอดๆ :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 22-08-2015 15:50:27
นี่ไม่ได้อ่อยเล๊ยยยยย55
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 25-08-2015 09:33:48
(https://pbs.twimg.com/media/CNMobVwUsAEW8wu.jpg)
❤ กรี้ดกร้าดในทวิตฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ นะคะ

❤ ตอนนี้ยิ้มหวานเป็นคนเล่าเรื่องนะคะพลพรรครักยิ้ม ❤



- 13 -
THIS MOMENT




ย้ำอีกครั้ง -- สถาปัตย์ไม่ใช่เรื่องตลก

เราตื่นนอนตอน 11 โมงเช้า และพบว่าตัวเองนั่งฟุบอยู่ตรงโต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ยท่ามกลางกองงานหน้าทีวี สิ่งแรกที่รับรู้ได้คือความปวดเมื่อยที่เล่นงานเราไปทั้งตัว

นาทีนี้เริ่มรู้สึกไม่มั่นใจแล้วว่าจะมีชีวิตรอดไปใช้ชีวิตวันหยุดรึเปล่า
คือเรากับเพื่อนมีแผนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นกันตอนปิดเทอม จองตั๋วล่วงหน้ากันนานมาก นานจนเราลืมไปแล้วถ้าไม่มีคนสรุปแพลนสถานที่ที่จะไปมาในไลน์กรุ๊ป
พอคิดเรื่องเที่ยวขึ้นมาก็อยากหยุดเวลาไว้สักสองสามวันแล้วก็หนีไปเที่ยว ก่อนจะกลับมาลุยงานต่อจริงๆ

หลังจากนั่งนิ่งๆเพื่อกู้สติคืนมาได้ประมาณนึงเราก็ลุกขึ้นและเดินตรงไปยังห้องครัวโดยที่ในสมองสั่งการแค่ หิว หิว และ หิว

เปิดตู้เย็นปุ๊บ สิ่งแรกที่เราเห็นคือ M150 สามขวดวางเรียงกัน ภาพที่เห็นทำเอาเราลอบถอนหายใจ
และแล้วก็มาถึงจุดนี้กันจนได้ จุดที่ต้องดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเพื่อจะนั่งปั่นงานข้ามวันข้ามคืนได้แบบที่ไม่น็อคไปซะก่อน

โอเค!
เราตัดสินใจจะไม่ยุ่งกับเครื่องดื่มบ้าพลังตั้งแต่เช้า แล้วเอื้อมมือไปหยิบอาหารแช่แข็งที่วางซ้อนกันอยู่ในช่องฟรีซมาอุ่นด้วยไม่โครเวฟ ปล่อยให้ระบบอันโนมัติทำงานตามที่ตั้งเวลาไว้ ส่วนคนก็แยกตัวไปอาบน้ำ

เรียกความสดชื่นของตัวเองกลับมาเรียบร้อย เราก็ถือข้าวผัดกุ้งร้อนๆมานั่งลงตรงหน้าแม๊คบุ๊คลูกรัก ฝั่งขวาเป็นแมคบุ๊คโปร ส่วนฝั่งซ้ายเป็นแม๊คบุ๊คแอร์

เจ้าเครื่องใหญ่เราใช้จะทำงานออกแบบโดยเฉพาะ ส่วนเครื่องเล็กที่เรารับต่อมาจากพี่สาวจะเอาไว้ใช้ดูหนังฟังเพลงทั่วไปกับหิ้วออกไปข้างนอกเพราะมันเบากว่า

เราดึงสายตามองสลับไปสลับมาและหายใจเข้าลึกๆเหมือนให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบผิวสัมผัสสีเงินด้านๆของเจ้าเครื่องมืออัจฉริยะตรงหน้า แล้วพูดออกมาเหมือนกันว่ามันมีชีวิต ตอนที่เปิดหน้าจอแม็คบุ๊คโปรที่พับอยู่ขึ้น

“สู้เค้านะลูกพ่อ...”

มื้อเช้าของเราถูกจัดการไปพร้อมๆกับการที่จดจ่อสายตาอยู่กับหน้าจอสว่างๆ พอเจอส่วนไหนที่คิดว่าน่าจะต้องแก้ไขเราก็วางช้อนแล้วทำงาน แล้วจะกลับมากินข้าวได้ก็ต่อเมื่อพบว่าผลงานตรงหน้าเป็นที่น่าพอใจแล้วเท่านั้น

ไม่ทันไรเสียงเตือนจากโทรศัพท์ที่ดังขึ้นก็บังคับให้เราต้องละสายตาอย่างช่วยไม่ได้ ที่หน้าจอทัชสกรีนแจ้งเตือนว่ามีคนไลน์เข้ามา เห็นอย่างนั้นเรากดรหัสปลดล็อค และเข้าไปอ่านข้อความ

*ตื่นยังครับคุณ

ตัวหนังสือตรงหน้าทำเอาเราต้องแอบขมวดคิ้ว กับคำถามในใจ
ถ้ายังไม่ตื่นแล้วจะมานั่งอ่านไลน์อยู่นี่ได้ไงวะคุณหมอ?

*ยังไม่ตื่นมั้ง
*นี่ยิ้มหวานตัวปลอมพิมพ์

*- _ -
*งั้นคุยกับยิ้มหวานตัวปลอมก็ได้
*ยิ้มหวานตัวจริงสบายดีมั้ย
*เมื่อคืนได้นอนเปล่า


*ตัวจริงได้นอนตอนเกือบเช้าละ

*อืม พักผ่อนด้วย
*เราไม่กวนละ
*ฝากบอกตัวจริงอีกอย่าง
*อย่าน่ารักเกินไปได้ปะ?


อ่านข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาแล้วเราก็แอบทำสีหน้าไม่ถูกอยู่เหมือนกัน
ว่าแต่....ควรตอบไปยังไงดี?

*ตัวจริงกลับมาแล้ว
* ^ ^

*- _ -
*หวัดดี
*โอเคมั้ย
*ทำไรอยู่


*กินข้าว นั่งเช็คงานด้วย

*เมื่อกี้ตัวปลอมบอกยังไม่ตื่น

*เพราะยิ้มหวานตัวปลอมเป็นจอมโกหกยังไงล่ะ
*555

*- _ -
*ทำไมกินข้าวไปพลางทำงานไปพลาง?


*ก็ทำอย่างเดียวมันเสียเวลาอ่ะ


เราพิมพ์ตอบไปอย่างที่คิด ทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายอ่านแล้วจะต้องเปิดโหมดนศพ.มาบ่นเราแน่ๆ

*ว่างคุยใช่มั้ย
*ง่วงว่ะ ตาลายโคตร ขี้เกียจพิมพ์
*แป้บนึง เดี๋ยวโทรไป


อ่านเสร็จเราก็ได้แต่ทำหน้างง แล้ววางมือถือเอาไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าแป้บนึงของอีกคนนี่กี่นาทีกันแน่ ก่อนจะเตรียมตัวดึงความสนใจกลับไปยังงานที่ทำอยู่อีกครั้ง

แต่ไม่ทันได้ทำอะไร เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นก็ทำเอาเราต้องละสายตา หน้าจอโทรศัพท์ซึ่งถูกวางอยู่ไม่ไกลมือปรากฎตัวหนังสือสั้นๆ บอกชื่อของคนที่โทรเข้ามา

- เจ้าของชีท -

เห็นแล้วก็ต้องแอบขำ เราเคยคิดนะว่าจะเปลี่ยนชื่อที่บันทึกเอาไว้เป็นชื่ออื่น แต่ก็ยังนึกไม่ออก
จะใช้ชื่อของเจ้าตัวเลยก็ดูจะธรรมดาไป ทีฝ่ายโน้นเค้ายังไม่เซฟด้วยชื่อเราเลย

สุดท้ายชื่อ 'เจ้าของชีท' นี่ก็เลยไม่ได้เปลี่ยนสักที

เราปล่อยให้โทรศัพท์ดังอยู่สักพักโดยไม่รับสายเพราะกำลังกดเซฟงานในโปรแกรม
แน่ใจว่าส่วนที่เราเพิ่งแก้ไขไปก่อนหน้านี่ถูกบันทึกการเปลี่ยนแปลงเอาไว้เรียบร้อยแล้วก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาแล้วรับสาย

“ว่าไงคุณหมอ โทรมามีธุระอะไร?”

“โทรมาคุยดิ จะให้เราโทรมาแล้วเงียบเหรอ?"
ฝ่ายนั้นตอบแล้วหลุดขำหึๆ

“กวนตีนนะครับ!”

ฝ่ายที่โดนเราว่าหัวเราะรับ ก่อนจะถามกลับมาอีก
“แล้วนี่กินข้าวเสร็จยัง?”

“ยังอ่ะ กินไปพลางทำงานไปพลางอยู่เนี่ย ตอนนี้คุยโทรศัพท์เพิ่มอีกอย่าง"

“กินให้เสร็จก่อนเลย ทำทีละอย่างดิ"

“ก็มันช้าอ่ะ"

“เชื่อดิ! กินให้เสร็จแล้วค่อยมาทำงานมันเร็วกว่าจริงๆ กินไปด้วยทำงานไปด้วยแบบนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพ เดี๋ยวปวดท้อง"

ว่าแล้วว่าต้องโทรมาบ่นเรื่องนี้ ...
ถึงจะชอบทำตัวเถื่อนๆ แบดบอย เจาะหูเยอะแยะ แต่จริงๆแล้วหมอเป็นคนมีระเบียบขัดกับลุคสุดๆ

รู้จักกันมาสักพักเราถึงได้รู้ว่าหมอจะทบทวนบทเรียนที่เรียนมาทุกวัน วันไหนโดด หลับ หรือแอบเล่นไลน์ พอกลับบ้านไปปุ๊บหมอจะอ่านทวนเนื้อหาที่เรียนในคาบนั้นทันทีแบบไม่ทิ้งเอาไว้ข้ามวัน รู้แรกๆเราก็อึ้งไปเหมือนกัน กับโหมดเด็กเรียนของเขา

ตอนที่เห็นเราทำหน้าอึ้งเพราะรู้เรื่องนี้ หมอบอกว่ามันไม่ได้น่าตกใจอะไรขนาดนั้น เขาก็แค่แบ่งเวลา 2-3 ชั่วโมงต่อวันเพื่อใช้ทบทวนบทเรียน ส่วนเวลาที่เหลือจะเล่นจะเที่ยวยังไงก็ทำได้เท่าที่ใจอยากไปเลย
ฟังดูง่าย แต่เรารู้ว่ามันทำได้ยากกว่าที่คิดอยู่แล้วในชีวิตจริง
แหละนี่คือโหมดเนิร์ดของนศพ.

เราฟังเสียงทุ้มๆที่กดน้ำเสียงลงต่ำเหมือนจะดุเราอยู่นิดหน่อยแล้วผ่อนลงในช่วงท้าย แล้วยอมตกลงทำตามที่เขาบอกไปง่ายๆ พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ

แต่ถึงอย่างเราก็ยังอยากเถียงเขาอยู่ ถึงได้ตอบกลับไป

“ครับคุณหมอ ขนาดเรียนยังไม่จบยังดุขนาดนี้ ถ้าเป็นหมอขึ้นมาจริงๆจะดุขนาดไหนเนี่ย”

"อยากรู้ก็อยู่ด้วยกันจนถึงตอนนั้นแล้วรอดูดิ"

ไอ้หมอบ้านี่!

“ไม่ต้องมาจีบเลย เราวางสายแล้วนะ จะกินข้าว!"

พูดจบเราก็เป็นฝ่ายกดตัดสายก่อน แล้วลุกขึ้นจากเบาะที่นั่งอยู่ เพื่อที่จะเดินไปนั่งกินข้าวดีๆบนโต๊ะ และสรุปได้ว่าการนั่งกินข้าวแบบตั้งหน้าตั้งตากินโดยไม่ทำอย่างอื่นเลยก็ไม่ได้ใช้เวลานานอย่างที่คิด ดีไม่ดีอาจจะเร็วกว่ากินไปทำงานไปด้วยซ้ำ

น้ำผลไม้แบบกล่องในตู้เย็นถูกหยิบติดมือไปกับแก้วน้ำ ก่อนที่เราจะเดินกลับไปลงตรงมุมเดิมกับความรู้สึกพร้อมลุยงานต่อที่มากยิ่งขึ้น

เรานั่งวุ่นอยู่กับการตัดกระกาษเพื่อมาต่อเป็นโมเดลตามสัดส่วนไปได้สักพัก ก่อนที่เสียงเตือนจากไลน์จะดังขึ้นมาอีกครั้ง เรากดเปิดดู แล้วก็เห็นรูปร้านก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่เจ้าโปรดของเราถูกส่งมาพร้อมคำถาม

*อยากกินมั้ย?

ดูรูปแล้วเดาไม่ยากว่าอีกหมอกับเพื่อนๆน่าจะพากันไปกินข้าวที่โรงอาหารคณะเราอีกแล้วล่ะมั้ง

*มากโคตร

*งั้นเดี๋ยวลงมารับด้วย


ห๊ะ?
อ่านข้อความจากหน้าจอจบแล้วเราก็ได้แต่ขมวดคิ้วเหมือนมีเจ้าตัวมาอยู่ตรงหน้า
ก่อนจะนึกในใจ  ....เนียนอีกละ

*ถ้าเราไม่ลงไปอ่ะ?

*ปีน -_-
*ล้อเล่น
*ลงมาเอาของกินเฉยๆก็ได้
*ถึงแล้วเดี๋ยวบอก


*จะไม่ร้องเพลงอีกใช่ปะ?
*มองไปก็มีแต่ฝนโปรยปราย~~


พิมพ์เสร็จเราก็ส่งสติ๊กเกอร์หมีบราวน์หลบฝนใต้ใบไม้ไปให้ รู้สึกสนุกขึ้นมาเพราะได้ล้ออีกคน

*อย่าล้อดิ
*ขับรถก่อน


*ok


เวลาผ่านไปสักพัก ก่อนที่เราจะรู้ว่ามีคนส่งข้อความมาทางไลน์
... ไม่ต้องเปิดดูก็รู้เลยว่าใคร

เราหยิบโทรศัพท์มาถือไว้แล้วลุกขึ้นไปหยิบคีย์การ์ดกับกระเป๋าตังค์ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปพลางเช็คมือถือไปพลาง แล้วก็เห็นข้อความบอกกันว่าอีกฝ่ายมาถึงแล้วแบบที่เดาเอาไว้ไม่มีผิด

พอลงไปถึงชั้น 1 ก็ได้เห็นว่าวันนี้คุณหมอเค้าเอาเมอร์ซิเดสคันเก่งมาซะด้วย

ปกติหมอไม่ขับรถนะ บอกว่าขี้เกียจ แถมนั่งบีทีเอสสะดวกกว่า ถ้าวันไหนขับรถคันหรูที่เจ้าตัวบอกว่าที่จริงแล้วเป็นรถของคุณแม่ มาอย่างวันนี้ แสดงว่าเจ้าตัวต้องเหนื่อยมากจนไม่อยากเบียดกับใคร ไม่ก็รู้ตัวว่าจะกลับดึก

เรามองคนที่อยู่ตรงหน้าจากมุมไกลๆแล้วก็รู้สึกขัดใจปนอิจฉา
ทำไมขายาวจังวะ?

เขายืนพิงรถ ขาข้างนึงเหยียดตรงส่วนอีกข้างงอเข่าหน่อยๆ ท่าทางไม่ต่างอะไรจากพระเอกการ์ตูนเท่ๆ

พอเราเดินเข้าไปใกล้ อีกฝ่ายก็ยกมือขึ้นมาทักทาย ฝ่ามือของเขาไม่ใหญ่มากแต่นิ้วเรียวยาว ปลายนิ้วนางกับนิ้วก้อยจะงอๆนิดหน่อยแบบไม่ตั้งใจตอนที่โบกมือมาทางนี้

หมั่นไส้อ่ะ! เก็กไปป่ะ!

ขนาดเราเป็นผู้ชายด้วยกันเรายังรู้สึกเลยว่าคนตรงหน้าเท่แถมยังขี้เก็กเอามากๆ
เขาตัวสูงอยู่แล้ว พอมาบวกกับบุคลิกท่าทางนิ่งๆเฉื่อยๆดูไม่ค่อยแคร์โลกก็ยิ่งดูคูลเข้าไปใหญ่

แต่คิดๆดูแล้วท่าทางเวลามาดหลุดนิดๆตอนเขินนั่นก็ดูน่ารักดีเหมือนกัน...

เราเดินไปหยุดตรงหน้าเขา มองหน้าแบบไม่ทักไม่ทายอะไร ก่อนจะยื่นมือไปหาแล้วถามถึงสิ่งที่รออยู่

“ไหนอ่ะก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่เรา"

ได้ยินอย่างนั้นอีกฝ่ายก็มองกลับมา ยิ้มมุมปากนิดๆแล้วตอบ

“ก๋วยเตี๋ยวอะไร คุยกับตัวปลอมเปล่า?”

กวนตีนชะมัด!

เห็นท่าทางกวนโอ๊ยของหมอแล้วเราทนไม่ไหว จนต้องยกขาขึ้น เอารองเท้าแตะเตะลงไปตรงปลายรองเท้าหนังตรงหน้าเต็มๆ

โดนเราเตะปุ๊บอีกฝ่ายก็ยอมขยับออกมาจากรถที่พิงอยู่แล้วยืนตัวตรง หันไปเปิดเมอร์ซิเดสสีดำ ก่อนจะมุดเข้าไปในรถเพื่อจะหยิบถุงก็อบแก็บที่วางอยู่บนที่นั่งข้างคนขับมาให้

“อ่ะ กินซะจะได้โตไวๆ"

คำพูดที่ได้ยินทำเอาเราอดไม่ได้ที่จะตีหน้ายุ่ง แต่ก็ยังยื่นมือไปรับสิ่งที่เขายื่นมาให้ แล้วตอบกลับไปกับรอยยิ้ม

“ขอบคุณครับ"

“อืม...”

หมอรับคำแล้วก็ยืนมองหน้าเรานิ่งๆอยู่อย่างนั้น ท่าทางเหมือนกำลังคิดวางแผนอะไรอยู่ จนเราอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นแล้วมองสบตากลับไป

หลังจากนั้นก็มีสถานการณ์เหมือนว่าเรากับหมอกำลังยืนยิงพลังทางสายตาใส่กันอยู่ตรงหน้าคอนโด
พอฝ่ายนั้นขยับปากเหมือนจะพูดอะไรออกมา เราก็รีบขัดพร้อมยกมือขึ้นไปชี้

“ห้ามร้องเพลงนะ!”

เขาฟังเราแล้วชะงักไป หมอหลุดขำพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบท้ายทอยตัวเองแล้ววางมือพักเอาไว้ตรงนั้นก่อนจะตอบกลับมา

“ง่วงนอนว่ะ เราจอดรถทิ้งไว้ตรงนี้แล้วขอเข้าไปนอนในรถแป้บนึงได้มั้ย ยามจะไล่ปะ? เดี๋ยวทุ่มนึงต้องไปอ่านหนังสือกับพวกนั้นต่ออีก"

“น่าสงสารเนอะ"

เราตอบกลับไปแบบนั้น
ทั้งๆที่ความรู้สึกตอนนี้คืออยากเอาก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ฟาดคนชะมัด!

พอเราไม่ยอมพูดอะไรต่อ อีกฝ่ายก็ยกมือขึ้นทั้ง 2 ข้างแล้วพูดออกมาอย่างยอมแพ้

“โอเคๆ หมดมุกแล้ว อยากขึ้นไปบนห้องอ่ะ"

“ก็แค่เนี้ย!...”

เราพูดออกมาพร้อมกับกลั้นขำไปด้วย ก่อนจะเดินอ้อมไปยังประตูที่นั่งข้างคนขับ แล้วส่งสายตาบอกให้อีกฝ่ายปลดล็อคประตูให้หน่อย

"ที่จอดรถของห้องเราอยู่ชั้น 5 จะขึ้นอาคารจอดรถต้องขับอ้อมไปด้านหลัง"

คนฟังยิ้มถูกใจก่อนจะกดรีโมทปลดล็อคประตูรถให้กันทันที

เราไม่รู้ว่าถ้าเป็นคนอื่นจะคิดยังไงกับเรื่องนี้...
แต่สำหรับเรา การที่เรายอมให้เขาขึ้นไปบนห้องเราง่ายๆมันเป็นผลจากความดีที่เจ้าตัวสะสมมาตลอด

หมอทำอะไรโดยนึกถึงความรู้สึกของเราก่อนเสมอ และไม่เคยทำตัวไม่น่าไว้ใจ
นั่นทำให้ระดับกำแพงของเราที่มีต่อคนตรงหน้าลดลงเรื่อยๆ
ส่วนจะลดลงไปได้ถึงไหน และความรู้สึกนี้จะพัฒนาไปเป็นอะไรนั้น
...ตอนนี้เราก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

รู้ก็แต่...ถ้ามันมีวันนึงที่เรากับเขาไม่ได้คุยเล่นกันแบบตอนนี้
ถ้าความสนิทสนมที่มีอยู่นี้มันหายไป ก็คงไม่ได้มีแต่เขาหรอก...ที่จะรู้สึกเสียใจ



หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 25-08-2015 09:34:19


ถึงแม้จะออกจากห้องไปคนเดียว แต่เราก็กลับเข้ามาโดยมีอีกคนมาเป็นเพื่อน

เข้ามาปุ๊บเราก็เอาก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ที่เย็นชืดเพราะแอร์รถมาเทใส่จาน แล้วใส่เข้าไมโครเวฟไปอุ่น หันมาอีกทีแขกของห้องเค้าก็หาที่อยู่ให้ตัวเองได้เรียบร้อย

หมอทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง ยกขาข้างนึงมา พาดข้อเท้าไว้บนขาอีกข้าง
เท่าที่เราสังเกตดูนะ เขานั่งท่านี้บ่อยมาก

พอรู้ว่าเรามองไป ฝ่ายนั้นก็มองกลับมาแล้วชวนเราคุย

“ก็อยากเดินเข้าไปช่วยนะ แต่รู้ว่าทำอะไรไม่ได้แน่ๆ เลยนั่งรอตรงนี้ดีกว่า"

ได้ยินอย่างนั้นเราก็พยักหน้ารับ พร้อมคำตอบ
“ดีแล้ว เป็นแขกก็นั่งรอไปนั่นแหละ"

หมอก็เป็นอย่างนี้แหละ...
นอกจากนิสัยเสียที่ชอบเล่นมุกน่าขายหน้าแล้ว เขาก็เป็นคนตรงๆ
ถึงจะตามจีบเราอยู่แต่ก็ไม่เคยทำเป็นเอาใจเราจนเกินพอดี แล้วก็ไม่เคยทำเหมือนเราเป็นผู้หญิงด้วย

รออยู่ไม่นานก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ที่อุ่นไว้ก็เสร็จ เราหยิบช้อนส้อม 2 คู่พร้อมกับถือจานอุ่นๆมานั่งลงบนเบาะหน้าโต๊ะตัวเดิม ก่อนจะหันไปกวักมือเรียกคนที่นั่งเช็คมือถืออยู่บนโซฟา เขาทำหน้างงนิดหน่อย ตอนได้ยินที่เราพูด

“มานี่ดิ มีอะไรจะบอก"

คนฟังยกมือขึ้นขี้หน้าตัวเอง จนเรานึกสงสัย
... นั่งกันอยู่ 2 คน จะให้เรียกใครวะ? 

พอเห็นว่าเราพยักหน้ารับ อีกคนก็เดินมานั่งลงข้างๆกัน ก่อนที่เราจะดันจานให้ขยับไปใกล้เขามากขึ้น

“กินด้วยกัน"

"เฮ้ย ไม่เอา"

ได้ยินปุ๊บเขาก็ส่ายหน้าแทนคำตอบ
เราเหลือบมอง พอเห็นว่าอีกคนหูแดงจัดก็ได้แต่กลั้นขำ ก่อนจะพูดต่อ 

“เรากินข้าวแล้วนะ กินหมดนี่ไม่ไหวหรอก"
พอเห็นว่าคนที่ควรจะตอบยังคงส่ายหน้ามาให้กันลูกเดียว เราก็ยกส้อมในมือขึ้นชี้หน้าขู่แล้วพูดซ้ำ

"กินเดี๋ยวนี้เลย ถ้าไม่ช่วยกินวันหลังก็ไม่ต้องซื้อมาให้เราเลยนะ"

"ขู่นี่หว่า"

"ขู่อะไร เราพูดจริง!"

"น่ากลัวมาก โอเคๆ กินก็กิน"

คนฟังยิ้มมุมปากตอบรับคำพูดของเรา พร้อมกับส่ายหน้าเหนื่อยใจ แล้วหันไปจิ้มเส้นใหญ่เข้าปาก กินหมดไปคำนึงเขาก็ถามเราสั้นๆ

“พอใจยัง"

“เก่งมาก หมอแสนรู้แสนเชื่อฟัง พันธุ์อะไรครับ”

เราตอบกลับไปอย่างนั้น ก่อนจะโดนอีกฝ่ายเอาข้อนิ้วเขกหัวเข้าให้ตอนที่ตักก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ขึ้นมากินบ้าง

หลังจากนั้นไม่นาน จานตรงหน้าก็ว่างเปล่า
คนข้างๆอาสาลุกขึ้นเอาจานไปล้างให้ ก่อนจะส่งเสียงมาจากในครัวถามเราว่าแก้วน้ำอยู่ไหน
สักพักเขาก็เดินกลับออกมานั่งลงข้างๆเรา เหมือนจะตั้งใจมาดูงานที่เราทำอยู่

“แม็คบุ๊ค 2 เครื่องเลยเหรอ ขโมยได้ปะ”

เราหันไปมองสบตา ก่อนจะยักคิ้วให้ ก่อนจะรู้สึกตัวว่าช่วงนี้เราชอบทำท่าทางแบบนี้บ่อยๆ เวลาตั้งใจจะกวนใครสักคน -- ติดคนตรงหน้ามาแน่ๆ

“ขโมยดิ! เราจับหมอทุ่มออกไปทางระเบียงแน่"

เขาเลิกคิ้วรับคำพูดของเรา ก่อนจะตอบกลับมาแค่
"เหรอ~”

“ล้อเล่นน่า เครื่องใหญ่ของเรา ส่วนเครื่องเล็กก็อันเดียวกับที่เราชอบหิ้วไปร้านกาแฟไง มรดกจากพี่สาวแหละ"

คนฟังรับคำในลำคอเหมือนไม่ค่อยสนใจ เพราะสายตากำลังจดจ่ออยู่กับโมเดลงานของเราที่กองอยู่ท่ามกลางเศษกระดาษเกลื่อนกลาด กับอุปกรณ์พวกกาวและคัตเตอร์ ก่อนจะพูดออกมา

"งานใหญ่นะเนี่ย เหลืออีกเยอะปะ"

"ตอนนี้มันก็เหมือนจะไม่เยอะอ่ะ แต่เราว่าสักพักมันต้องเยอะ แบบไม่เสร็จง่ายๆ"

หมอพยักหน้ารับคำพูดของเรา นั่งมองโมเดลที่ยังไม่เสร็จดีอยู่สักพัก ก่อนจะหันมาถาม

"ขี้เกียจอ่านหนังสือว่ะ มีอะไรให้ช่วยมั้ย?"

พูดจริงๆ เราโคตรไม่ไว้ใจหมอเลย
หน้าตาท่าทางไม่เหมือนคนที่จะทำอะไรละเอียดๆได้เลยสักนิด เพื่อความมั่นใจเราเลยถามอีกครั้ง

"หมอ... ตอนเรียนศิลปะได้เกรดอะไร?"

"A ดิ"
ฝ่ายนั้นตอบแล้วยิ้มมุมปากมาให้เหมือนจะอวดกัน เราเกือบเชื่อแล้ว ถ้าเขาไม่พูดต่อ

"จ้างเพื่อนทำการบ้านทุกชิ้นเลย"

"ว่าแล้วเชียว!”

พูดจบทั้งเราและหมอก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ก่อนที่เราจะพูดต่อ

"ขอบใจที่อยากช่วย แต่หมอไปอ่านหนังสือเหอะ สอบติดๆกันเลยนี่"

"อืมม" 

เขารับคำ ยักไหล่เหมือนชิวเต็มที่ ทั้งๆที่หน้าตาดูอ่อนเพลียสุดๆ

"ไปละ! โซฟานอนได้ปะ?" 

พอเราหันไปพยักหน้าให้ หมอก็ลุกขึ้น เดินกลับไปนั่งบนโซฟา เปิดกระเป๋าสะพายข้างสีดำซึ่งใบใหญ่กว่าที่เขาใช้ในวันปกติ ก่อนจะหยิบหนังสือเล่มหนาออกมา แล้วเอนตัวลงนอนบนโซฟาอย่างที่ถามเอาไว้ พร้อมกับยกหนังสือขึ้นอ่าน

พูดจริงๆ แค่เห็นความหนาของหนังสือเราก็กลัวแล้ว
สถาปัตย์ไม่ใช่เรื่องตลกก็จริง
...แต่แพทย์ก็คงขำไม่ออกพอๆกัน

“ถ้าหลับจะให้เราปลุกมั้ย?”

ที่เราถามออกไปอย่างนั้นเพราะเห็นท่าทางง่วงจัดของเจ้าตัว
เดาเอาว่าไม่เกินครึ่งชั่วโมงนศพ.ต้องหลับคาที่แน่นอน

“ไม่ต้องอ่ะ ถ้าเราหลับก็ปล่อยให้นอนไปเลย"

เรารับคำเบาๆ ระหว่างนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก
จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก เราก็รับรู้ได้ว่าห้องเงียบลง
...เดาไม่ยากว่าอีกคนน่าจะหลับไปเรียบร้อยแล้ว

ได้หันไปสนใจเขาอีกทีก็ตอนที่เราลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว แล้วกลับออกมาพร้อมน้ำดื่มขวดใหญ่ในมือ
แต่แทนที่จะกลับไปนั่งลงบนเบาะเหมือนเดิม เรากลับไปแวะดูคนที่กำลังนอนหมดสภาพโดยมีหนังสือทั้งเล่มวางทับอยู่บนใบหน้า...เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้

ถ้าเกิดฝันขึ้นมา จะฝันว่ากำลังอ่านหนังสือไหมเนี่ย?

โซฟาตัวใหญ่ในห้องเราเป็นแบบสามที่นั่ง แต่คนที่หลับสนิทอยู่ก็ตัวยาวจนเท้าเลยเบาะออกมา
หมอนอนกอดอกนิ่งๆไม่ขยับตัว เราเห็นท่าทางเก็กๆของคนที่ยังคงไม่หลุดมาด ถึงแม้ว่าจะมีหนังสือทั้งเล่มทับหน้าอยู่ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหมั่นไส้

หันซ้ายหันขวาไปเห็นไอโฟนหมอวางอยู่ไม่ไกลเลยเอื้อมมือไปหยิบมา

เรากดปลดล็อคหน้าจอด้วยตัวเลข 4 หลัก ก่อนจะเปิดกล้องแล้วแอบถ่ายคนที่นอนหลับอยู่ไปหลายช็อต
ถ่ายเสร็จก็ต้องมานึกว่าจะเอารูปที่ได้ไปทำอะไรดี ก่อนสิ่งที่คิดขึ้นมาได้จะทำให้เราหลุดยิ้ม

เราเปิดไลน์ พึมพำบอกคนที่นอนอยู่ว่า ยืมมือถือหน่อยนะ ด้วยเสียงที่เบาจนแทบจะกระซิบ เป็นอันเข้าใจได้ว่าเราขอยืมแล้ว ก่อนเลื่อนหาไลน์กรุ๊ปหล่อสัดรัสเซียที่หมอเคยให้เราช่วยตอบให้

เจอปุ๊บก็ส่งรูปคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องลงไป แล้วก็ได้แต่แอบขำ รอดูปฏิกริยาอยู่สักพักก็มีคนพิมพ์ตอบกลับมา

*มึงอยู่ไหนเนี่ย
*ห้องไม่คุ้นนะไอ้สัด
[/b]

งานเข้า!! ลบก็ไม่ได้ด้วยอ่ะ!!
รู้งี้โพสลงไอจีดีกว่า....

พอไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง เราก็ได้แต่กดล็อคหน้าจอ ปล่อยให้ไลน์หมอเด้งเตือนไม่หยุดอยู่อย่างนั้น ก่อนจะวางมือถือไว้ตรงที่เดิมราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น  – แกล้งตายดีกว่า....

เรากลับไปสนใจคนที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่องอีกครั้ง พอเห็นว่าเขานอนกอดอกอยู่แบบนั้นก็อดสงสัยไม่ได้ ว่าจะหนาวรึเปล่า

เพราะเวลาพวกเพื่อนๆของเรามานอนที่นี่ ไอ้พวกนั้นชอบล้อว่าห้องเราเย็นเป็นขั้วโลกเหนืออยู่ประจำ

ยืนมองอยู่สักพักเราก็เอาขวดน้ำไปวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินเลยไปหยิบผ้าห่มผืนบางออกมาจากในห้องนอน เพราะคอนโดเราเป็นที่รวมตัวของทุกคนอยู่แล้ว แม่เราเลยเอาพวกหมอนกับผ้าห่มมาเตรียมเอาไว้ให้เยอะแยะ

เราถือผ้าห่มอยู่ในมือ มองคนที่ยังคงหลับสนิทแล้วไม่ไว้ใจความเจ้าเล่ห์ของเขาสักนิด
คิดไปคิดมาก็ตัดสินใจพูดออกมาคนเดียว

“ถ้าแกล้งหลับอยู่ก็รีบตื่นขึ้นมาเลยนะ"

ไม่รู้ดิ -- ก็เรากลัวโดนแกล้งไง

พูดจบปุ๊บเราก็ยืนหรี่ตาสังเกตท่าทางของคนที่นอนหลับอยู่สักพัก พอเห็นว่าคนตรงหน้ายังคงนิ่ง ถึงได้คลี่ผ้าห่มออก แล้วห่มลงไปให้บนร่างกายคนที่ยังคงนอนหลับอยู่ ก่อนจะค่อยๆหยิบหนังสือเล่มหนาที่ปิดหน้าเขาอยู่ออกแล้ววางไว้ให้บนกระเป๋า

พอเอาหนังสือออก ท่าทางการนอนของคนตรงหน้าก็ดูสบายขึ้นทันที
...ดีนะไม่ตายคาหนังสือไปซะก่อน
เราเดินผละมาจากตรงนั้น ก่อนจะกลับมานั่งทำงานอยู่ตรงมุมเดิม

กว่าจะได้ละสายตาจากงานตรงหน้าอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปเกือบ 3 ชั่วโมง ตอนที่โทรศัพท์เครื่องเดียวที่เราเคยเอามาเล่นอยู่เมื่อกี้ส่งเสียงร้องเตือนว่ามีคนโทรเข้ามา

พอหันไปทางโซฟาก็พบว่าคนที่ควรจะตื่นมารับสายยังคงหลับสนิทไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย เราก็เลยลุกขึ้น ปลายเท้าไปหยุดอยู่ใกล้ๆคนที่กำลังนอนหลับลึกสองมือยังคงกอดอกนิ่ง เอียงคอหน่อยๆ

พอเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงนิ่งสนิท เราก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือเอานิ้วไปอังปลายจมูก แล้วหลุดขำกับความคิดของตัวเอง
ไม่ใช่ว่าหยุดหายใจไปแล้วนะ!

พอนิ้วมือเราสัมผัสได้ถึงลมหายใจเบาๆ ก็เป็นอันวางใจได้
อืม... ยังอยู่ๆ

ก่อนที่เราจะได้เขย่าตัวเขาแล้วเรียกให้ตื่นเพราะโทรศัพท์ดัง ฝ่ามือของคนที่นอนอยู่ก็ขยับแล้วก็ยกขึ้นมากุมข้อมือเราเอาไว้อย่างรวดเร็ว ดวงตาที่ปิดสนิทอยู่ค่อยๆลืมขึ้นเพียงครึ่งนึง
 มันก็เลยเหมือนกับว่าเราโดนหมอหรี่ตามอง ก่อนที่เขาจะถามออกมาสั้นๆ

“เล่นอะไรอ่ะ?”​

ยอมรับเลยว่าการที่เจ้าตัวยกมือขึ้นมาคว้ากันไว้กะทันหันแบบนี้ทำให้เราตกใจจนต้องรีบดึงข้อมือที่่ถูกจับเอาไว้ออก แล้วตีลงไปบนไหล่คนตรงหน้าแรงๆ

“ตกใจหมดเลย! มีคนโทรมา มันดังจนตัดไปแล้ว!”

ได้ยินแบบนั้นเขาก็ตื่นขึ้นเต็มตา ลุกขึ้นนั่งช้าๆก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากหาว แล้วบ่นงึมงำได้ใจความว่า

"จริงๆรับไปเลยให้ก็ได้นะ"

ไว้ใจกันไปปะ?
เรามองคนที่กำลังเช็คมือถือดูว่าใครโทรมา พอเห็นว่าเป็นเพื่อนในกลุ่มหมอก็เข้าไลน์ไปพิมพ์ถามว่ามีอะไร พร้อมคุยกับเราไปด้วย

“คิดว่าเราตายรึไง"

เราไม่ตอบ แต่พออีกฝ่ายมองมาเห็นสีหน้าเราก็คงสรุปเอาเองได้ว่าเราก็แค่เล่นสนุก

“เด็กน้อย~ กี่ขวบแล้วเนี่ยฮึ?”

“21 ขวบ เท่าหมอแหละ!"
เราตอบ ยักคิ้วไปให้คนตรงหน้า 2 ที

“หมอยัง 20 อยู่เลย"
ทำไมต้องพูดแล้วทำหน้าภูมิใจด้วยเนี่ย?

“อายุน้อยกว่าเราก็เรียกพี่เลย!”

คนตรงหน้าเลิกคิ้วมองหน้าเราแบบที่เดาความหมายไม่ได้ ก่อนที่จะตอบกลับมา

“เรียกแล้วมีรางวัลให้ป่ะ? ไม่มีไม่เรียกนะ"

ได้ยินอย่างนั้นเราหันไปแยกเขี้ยวใส่คนที่ยังคงนั่งหน้าง่วงอยู่ที่เดิม ก่อนจะเดินผละมาทำงานต่อ ปลายสายตาของเราเห็นว่าเขาลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำแล้วออกมากับหน้าเปียกๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาเต็มแรง

“ในตู้เย็นมี M150 นะ กินมั้ย?”

เราถามล้อๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะส่ายหน้าแทนคำตอบ

“ยัง... นี่ยังวันแรกอยู่ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก"​

“เออใช่เราลืมบอกเลย สอบเสร็จเราไปญี่ปุ่นอาทิตย์นึงนะ อยากได้อะไรป่ะ?”
 
“ไม่อ่ะ"

“นึกก่อนก็ได้ ถ้านึกออกบอกนะ”

“อยากให้ตัวปลอมไปแทน ไม่ได้เจอกันอาทิตย์นึงเลยดิ คิดถึงชัวร์"

“เวอร์ละ!”

เราคุยไปด้วยทำงานไปด้วยแบบที่ไม่ทันได้สังเกตว่าอีกฝ่ายทำอะไรอยู่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีคนนั่งลงข้างๆ พอเราหันไปก็เห็นว่าหมอกำลังยกโทรศัพท์ขึ้นมาจอหน้าเราแล้วกดถ่ายรูปซะงั้น

เรายกมือขึ้นไปบังเลนส์กล้องมือถือ แต่ก็รู้อยู่หรอกว่าไม่ทันแล้ว

“อะไรอ่ะ?”

“ไอ้พวกนั้นมันถามว่าอยู่ที่ไหน เราบอกไปว่าอยู่คอนโดยิ้มก็ไม่เชื่อ ต้องถ่ายรูปส่งไปเป็นหลักฐาน"

'ยิ้ม' ? – เราชื่อยิ้มตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?
คิดแล้วก็งงอยู่พักนึง แสดงว่าหมอก็รู้แล้วอ่ะดิว่าเราส่งรูปตัวเองตอนหลับลงไปในไลน์กรุ๊ป
คนตรงหน้าไม่โวยวายอะไรออกมาเหมือนเวลาที่พวกเพื่อนๆโดนเราแกล้ง
แต่ยิ่งทำเป็นเฉย เราว่ามันยิ่งดูอันตราย...

หันไปมองอีกที เราก็เห็นนศพ.ยิ้มมุมปากก้มหน้ากดมือถือยิกๆ
ว่าแต่....เมื่อกี้หมอบอกว่าจะส่งรูปเราไปให้เพื่อนนี่หว่า!!
ซวยแล้ว!!

คิดได้อย่างนั้นปุ๊บเราก็รีบเอื้อมมือไปพยายามจะคว้าโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของคนตรงหน้ามาให้ได้
แต่อีกฝ่ายดันเร็วกว่า ยกมือหลบเราเสร็จก็หันมาทำหน้าเยาะเย้ยกันทันที นาทีนั้นเรารู้ตัวเลยว่าโวยวายอะไรไปก็ไม่ทัน รูปถูกส่งไปแล้วแน่ๆ

ไม่ทันที่เราจะได้พูดอะไรออกมา คนที่ยังคงยกมือที่ถือโทรศัพท์อยู่ขึ้นสูงสุดแขนก็โน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วกระซิบบอกเราต่อหน้าอย่างอารมณ์ดี

“ช่วงสั้นนะเราน่ะ”

ยิ่งได้ยินอย่างนั้นเรายิ่งฉุนขาด! อยากจะจับตัวสูงๆเหวี่ยงออกทางระเบียงห้องให้รู้แล้วรู้รอดอย่างที่เคยขู่เอาไว้

เวลาเล่นมุกหยอดกันยังไม่น่าฟาดให้ตายเท่าพูดอ้อมๆว่าเราแขนขาสั้นแบบนี้เลยจริงเหอะๆ!

เราเหลือบสายตาไปมองคนที่นั่งขำกับหน้าบึ้งๆของเราแล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมานอกจากถอนหายใจหนักๆ
ทำไมเก่งนักวะ? จะทำอะไรก็ชนะเราไปหมดเลยอ่ะ!

แล้วฝ่ายนั้นก็ลดมือลง ขยับตัวหันหลังให้เราที่ตั้งท่ากลับมาทำงานต่อเรียบร้อยแล้ว
เนี่ย มัวแต่เล่นเสียเวลาชะมัด!

สักพักเราก็รู้สึกว่ามีคนเอนหลังมาพิงที่ไหล่ พอเอียงคอไปมองแล้วเห็นปกคอเสื้อนักศึกษากับลำคอด้านหลังอยู่ใกล้ปลายจมูกเราแค่นิดเดียวก็ต้องรีบหันกลับมา แล้วบ่นงึมงำ

“หนัก...กลับที่ไปเลยไป"

คนฟังหัวเราะรับ ก่อนจะยกมือขึ้นวาดแขนยาวๆมาทางนี้แล้ววางมือแหมะลงบนหัวเราเต็มๆ ฝ่ามืออุ่นลูบผมเราเล่นแบบที่ชอบทำอยู่บ่อยๆ

ก่อนเจ้าตัวจะหันหน้ามาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
หมอกระซิบบอกว่า ไม่งอนนะครับ แล้วเรียกชื่อเราปิดท้ายแถมยังเติมคำว่า 'พี่' นำหน้าให้อีกด้วย

ไอ้บ้า!
เขินเลย...




tbc.
talk.
เคลียร์เรื่องอายุก่อน :​ )
น้องหมอเค้าเรียนเร็วค่ะ จบอินเตอร์ด้วยเลยเด็กกว่า
แต่เค้าเรียนปีเดียวกันน้า~

จริงๆยังมีรายละเอียดยิบย่อยของเจ้า2คนนี้ที่เราร่างไว้เพียบเลย
บางอันก็ยังไม่ได้ใส่ไปในเนื้อเรื่อง แต่ก็แว้บบอกไปแล้วบ้างใน ask.fm
ยังไงก็ค่อยๆทำความรู้จักกันไปเรื่อยๆนะคะ

เอ้อ! มีเรื่องชื่อตัวละครด้วย
ตอนแรกเราว่าจะไม่ตอบเรื่องนี้ ปล่อยให้เดากันสนุกๆ
แต่สองคนนี้จะไม่มีชื่อไปจนถึงตอนจบนะคะ จะอยู่กันแบบงงๆไปอย่างนี้จนถึงตอนสุดท้ายเลย
โอเคเนอะ~


ขอบคุณน้า
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-08-2015 09:51:15
หมอเนียนหาข้ออ้างจะขึ้นห้องยิ้มหวาน
แหม๋ๆ ทำเป็นง่วงนอนจะนอนในรถยามจะไล่ไหม
น่ารักเกินไปแล้วนะหมอ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 25-08-2015 10:25:52
คู่นี้ น่ารักมุ้งมิ้งตลอด ชอบๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 25-08-2015 10:38:53
อยากเห็นรูปในไลน์กลุ่มหล่อสัสรัสเซียเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 25-08-2015 10:55:21
น่ารักเกินไปแล้ววว อ้ากกก ทุรนทุรายยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 25-08-2015 10:57:44
แม่ะ เขาหวานกันอีกแล้วอ่ะ  :-[
มาต่อไวๆนะฮะรอออออ   :')
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 25-08-2015 11:01:17
มุ้งมิ้งกันสองคนน่ารักอ่ะ :m1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 25-08-2015 11:26:55
 o9 o9 o9 o9 น่ารัก ไม่ทน อิอิ น้องหมอตามพี่ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยเลยเป็นไง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: biibbmnt ที่ 25-08-2015 11:47:56
นี่ไม่เรียกจีบแล้วววววว
ชอบเค้าแล้วอะเด่ยิ้มหวาน
กิ้วๆๆๆๆ ><
หมออย่างเนียน ชอบบบบ เอาอีก รุกแรงๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 25-08-2015 12:08:46
น่ารักมุ้งมิ้งกิงก่องแก้วจริงๆเลยคู่นี้    :amen: :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: GlassesgirL ที่ 25-08-2015 12:32:11
หมอเนียนขอขึ้นมาบนห้องยิ้มหวานได้อีกแล้ว
ตอนสุดท้ายเขินตามยิ้มหวานเลย :-[
ยิ้มหวานน่ารัก ^^

 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 25-08-2015 12:35:47
เค้ามุ้งมิ้งกันจังเลยค่ะ ฮือออออออออออออ  :mew4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 25-08-2015 12:48:37
น่ารักกกกกกกกกกกก
เขินตาม ฮิๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 25-08-2015 12:49:04
หมอหาเรื่องเนียนตลอดเลย แต่ยิ้มหวานก็ยอมให้เนียนด้วยนะ

ไม่เหมือนคนจีบกันแล้วเหมือนแฟนกันแล้วเลย :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 25-08-2015 12:54:11
ยิ้มหวาน~
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 25-08-2015 13:04:38
คู่นี้ก็น่ารักกันตลอดด ขึ้นห้องบ่อยๆจะดีหรอคุณหมอ อิอิ
ยิ้มไปญี่ปุ่น หมอก็เหงาแย่ดิ กิ้ว ๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-08-2015 13:12:53
เมื่อไรจะขยับขั้นเรียกแฟน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 25-08-2015 13:39:43
เบาหวานขึ้นตาเลยเนี่ย :m1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 25-08-2015 14:56:08
โฮ้ยยยยย จีบกันแบบใสกิ๊งมากเลย อ่านไปอมยิ้มไป เขิลแทนพี่ยิ้มเลยเนี่ย  :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 25-08-2015 15:13:27
คนอ่านเขินตัวบิดเลยค่า
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 25-08-2015 15:36:08
 :ling1:

อยากได้อย่างยิ้มหวานมาแกล้งเล่นอ้ะ!

อิจฉาหมอ!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 25-08-2015 15:52:13
หมอร้ายว่ะ เนียนขึ้นห้องยิ้มเนี่ย 55555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 25-08-2015 16:11:03
ฟินไปไหนเนี่ย นี่ตัวจะแตกแล้ววว :pigha2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 25-08-2015 17:04:35
โอ้ย จะน่ารักกันไปถึงไหน T////T
หมอน่ารักขึ้นทุกวันทุกวัน เราว่ายิ้มหวานไม่รอดง่ายๆแน่ T////T
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: gessuriyong ที่ 25-08-2015 17:30:07
หู้ยยย มุ้งมิ้งมากกก   คือหมอดี ยิ้มก็ดี

ชอบตรงที่ยิ้มบอกว่า ไม่ใช่แค่หมอคนเดียวหรอกที่จะเสียใจ

คือมันดีอะคุณณณรณ

ขอบคุณคนเขียนที่ทำให้เวลาอ่านแล้วเขินได้ขนาดนี้ 
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 25-08-2015 17:48:21
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 25-08-2015 17:53:03
มาเร็วมากคิดถึงงงงงงยิ้มหวานน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 25-08-2015 17:57:41
ละมุนโค่ดดดดดด
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 25-08-2015 18:22:33
ยิ้มหวานน่ารักอ่าาาา
หมอก็ชอบแกล้งจริง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 25-08-2015 19:06:29
 :mew3:

อ่านตอนนี้แบบว่า น่ารักเกินไปแล้ว

ช่วงนี้เข้าห้องยิ้มหวานบ่อยนะคะคุณหมอ

รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 25-08-2015 19:37:35
ยิ้มหวานได้แกล้งคุณหมอเขานิดๆ หน่อยๆ ก็อมยิ้มภูมิใจเลยเชียวน้าา >< เอ็นดู~~ :m3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 25-08-2015 20:12:06
จะจีบกันอย่างนี้ไปตลอดจนจบก็ไม่ว่านะคะ เพราะว่าน่ารักมากกกกกก :o8:
ยิ้มหวานไปเที่ยวจะสนุกไหมนะ ต้องคิดถึงหมอบ้างแหละเนอะ อิอิ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-08-2015 20:26:28
 :-[ :กอด1: :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 25-08-2015 20:47:44
ทำไมมุ้งมิ้งอย่างนี้นะ :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 25-08-2015 21:07:34
โอเคเลยอ่ะ
เหมือนจะรู้ใจกันแล้วอ่ะ ฟิน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 25-08-2015 21:37:40
พระเอกกะนายเอกชื่ออะไรจำไม่ได้แระ อิอิ ยิ้มหวานน่ารักเวอร์ๆๆๆ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 25-08-2015 21:40:40
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 25-08-2015 21:42:00
มุกขอขึ้นห้องนี่คิดนานไหมหมอ ดูน่าสงสารจะนอนในรถ แหมๆ
ชอบตอนเขินหน้าแดงตอนยิ่มหวานชวนทานข้าว ละมุนละไมมากค่ะคู่นี้

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-08-2015 22:17:19
เขินเลยอ่ะดิยิ้มหวาน~ น่าร๊ากกกก >¤<"
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 25-08-2015 22:34:24
หมอเนียนๆ อิอิๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 25-08-2015 22:37:59
นึกว่าชื่อยิ้มหวานจริงๆซะแล้ว
แต่น่ารักจริงๆทั้งหมอทั้งยิ้มหวาน เมื่อไหร่จะเป็นแฟนกันน้า
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_ever ที่ 25-08-2015 22:46:54
นศพ ร้ายไม่เบา ทำเป็นเอาของกินมาเนียนขอขึ้นห้องเค้านะ

ชอบฉากสุดท้าย หลังพิงกัน มันดูฟุ้งๆ อุ่นๆ มากกกกำกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 26-08-2015 00:54:34
มันแบบว่าน่ารักมากกกกกกกตลอดทุกตัวอักษร อ่านไปเขินไปฟินไป
หมอเนียนมากกกก เอาของกินมาล่อหนูยิ้มเชียวนะ
ส่วนหนูยิ้ม อายุกี่ขวบเนี่ย เล่นอะไรเป็นเด็กๆ เล่นเสร็จมีแกล้งตาย 555
หมออย่าปล่อยไปคนเดียวนะ ตามไปเฝ้าเลย ตั้งอาทิตย์หนึ่ง ถ้าไม่ตามหมอลงแดงแน่ๆ
 :pig4:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 26-08-2015 02:04:05
เป็นเรื่องืี่อ่านแล้วอมยิ้มตลอด หมอก็รุกหนักขึเนเรื่อยๆนะเนี่ย

อนึ่งบางอย่างที่เล่นในask.fnถ้าเป็นไปได้ รวมคำถามคำตอบ มาลงในเล้าได้ไหมอ่า พอดีเล่นask
ไม่เป็นแต่อยากรู้ด้วย แค่เสนอเฉยๆจิา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 26-08-2015 02:41:53
หมอหมดมุข แต่ก็ยังได้ขึ้นห้องอะ o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Rabity ที่ 26-08-2015 03:42:39
คราวนี้มาเร็วมากกกก อึ้งเลย
แต่..คู่นี้น่ารักมากค่ะ กรี๊ดดดดด
มาอัพต่อเลยน้าาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 26-08-2015 06:37:11
น่าร้ากกกก หมอเนียนตลอด
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 26-08-2015 07:34:21
อยากให้เป็นแฟนกันซักที
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: duckduckk3 ที่ 26-08-2015 07:47:07
หมอเนียนตล๊อดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 26-08-2015 08:09:56
หมออะะะ เค้าเขิน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 26-08-2015 08:31:17
อยากมีหมอเป็นของตัวเอง  :ling1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: loveyous ที่ 26-08-2015 08:33:13
น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 26-08-2015 09:04:43
หวานตลอด หวานนนนนน โอ๊ยยยยย ยิ้มหวานน่ารักกกกกกกกกกก :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 26-08-2015 09:55:21
เอร้ยยย น่ารักมากมาย
ยิ้มหวานตามพี่ของหมอเลยค่ะ ^_____^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 26-08-2015 14:28:07
เขินแทนเรยอ่าา :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 26-08-2015 14:35:35
งุ้ยยยยย เขินนนนนน -///-

เป็นเรื่องที่อ่านแล้วบิดไปบิดมา

เขินตัวแตก  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 26-08-2015 14:40:17
หมอเนียนขึ้นเรื่อยๆ ส่วนยิ้มหวานก็...เขินหมอจนได้ ฮ่าาา~
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 26-08-2015 19:23:52
น่ารักได้อีก อิอิ หวานเบาๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 26-08-2015 20:34:31
 :-[ เขินด้วยคน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: ao16 ที่ 26-08-2015 20:50:22
 :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 26-08-2015 21:18:02
หมอนี่เนียนจริงๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 27-08-2015 08:35:41
เจอแบบนี้ใจอ่อนไปตั้งนานแล้ว

เห็นใจหมอ...มาก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: ม่อนแจ่ม ที่ 27-08-2015 09:05:57
อ่านแล้วอยากมีแฟนเป็นหมอ #Engineer เหงาๆ 55555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 27-08-2015 15:31:33
รักหนูยิ้มกับหมอนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 27-08-2015 20:50:39
 :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: smilepengy ที่ 28-08-2015 08:21:10
น้องหมอแอบกวนนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: icecreamii8_ ที่ 28-08-2015 10:42:50
หมอนี่เนียนได้ตลอดด  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: mini_saiparn ที่ 30-08-2015 15:48:06
คิดถึงยิ้มหวาน คิดถึงหมอ  :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: pollapat ที่ 30-08-2015 19:17:41
อ่านนิยายเรื่องนี้แล้วยิ้มหวานตลอด :)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 31-08-2015 10:52:54
อ่านไปด้วย :-[ :-[ :-[เขินตัวบิดไปด้วย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 01-09-2015 06:43:30
ฉันอยากอ่านบทขยี้พรหมจรรย์ยิ้มหวาน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 01-09-2015 06:56:54
 :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: ordinary_girl ที่ 01-09-2015 17:34:30
ยัยนิ้มน่ารักน่าเอ็นดูเป็นที่ซู้ดดดดดดดด
หมอนี่ก็จีบซะเขินแรง ฮืออออ  ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 01-09-2015 18:12:08
 :กอด1:

 เดือนใหม่แล้ว มาต่อหน่อยค่า

อิอิ

  :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: BIRD ที่ 10-09-2015 19:54:36
มารอยิ้มหวานนนนนนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 15-09-2015 00:44:33
หลงหมอแล้วอ่ะดิ้
ชอบหมอแล้วอ่ะดิ้  :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: gessuriyong ที่ 21-09-2015 08:55:07
คิดถึงหมอกับยิ้มหวานแล้วสิ   เง่อออออออออ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: ที่เดิมในหัวใจสาววาย ที่ 22-09-2015 00:22:53
คิดถึงหมอกับยิ้มหวาน  :m1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: letterdream ที่ 28-09-2015 22:31:34
คิดถึงนะ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 28-09-2015 22:55:19
คิดถึงจุง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 29-09-2015 23:06:04
(http://i1300.photobucket.com/albums/ag93/kipuu/14_zpsqufkr7t6.jpg)
❤กรี้ดกร้าดในทวิตฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ นะคะ




14




เจ็ดโมงกว่า...กลางบีทีเอส ผมยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เบียดเสียด พร้อมกับถือโทรศัพท์แล้วเปิดดูข้อความที่ถูกส่งมาทางไลน์ ก่อนจะเห็นว่าตอนตีสี่ปลายๆ  ยิ้มหวานมาพิมพ์ข้อความทิ้งไว้นิดหน่อย


*สอบใช่ปะ? สู้ๆ
*เรานอนละ


ผมอ่านตัวหนังสือเล็กๆตรงหน้าแล้วได้แต่ขมวดคิ้ว ตีสี่แล้วยังไม่นอนเนี่ยนะ?
ได้ข่าวว่างานที่อีกฝ่ายทำอยู่ก็ต้องส่งบ่ายวันนี้เหมือนกัน จะไม่แปลกใจเลยถ้าส่งงานเสร็จแล้วจะมีคนนอนสลบแบบลืมวันลืมคืน

*ตื่นแล้วอย่าลืมหาอะไรกิน
*นอนเช้าทุกวัน จะป่วยมั้ย?



พิมพ์ตอบกลับไปโดยที่รู้ว่า กว่าอีกฝ่ายจะได้อ่านก็คงจะเกือบๆ 11 โมง

ผมเข้าห้องสอบตอนแปดโมงครึ่งแล้วก็เวียนหัวอยู่ในนั้นจนเที่ยง
ออกมาปุ๊บ พวกผมก็เดินตรงไปยังโรงอาหารด้วยสภาพเหมือนไปวิ่งฝ่ากับระเบิดกันมา

ผมอาสาเฝ้าโต๊ะ  แล้วฝากให้ไอ้โคนันซื้ออะไรก็ได้จากร้านเดียวกับมันมาให้ผมอีกจานนึง
ก่อนจะก็ใช้เวลาว่างระหว่างที่นั่งรอหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ามาเปิดดู และเห็นว่ายิ้มหวานตอบกลับมาตั้งแต่สิบโมงครึ่ง

*กินแล้ว ^^

คำตอบของเขาตามมาด้วยรูปอาหารแช่แข็งที่อุ่นเรียบร้อยพร้อมทาน
กินของแบบนี้อีกแล้ว...

*อยู่ม.แล้วใช่มั้ย?
*เรื่องงาน
*ตั้งใจทำขนาดนั้น
*ยังไงมันก็ต้องออกมาดีอยู่แล้ว
*ไม่ต้องอวยพรละมั้ง


พอดีกับที่ไอ้พวกนั้นเดินกลับมา
ผมยื่นมือไปรับข้าวหมูกรอบจากไอ้โคนัน ก่อนจะนั่งกินข้าวกันไปเงียบๆเหมือนคนที่ยังคงหาสติไม่เจอ
สักพักโทรศัพท์ผมก็ดังแจ้งเตือน

*ไม่เอาอ่ะ
*อวยพรกันหน่อยดิ


ผมหลุดขำ รู้สึกได้ถึงความงอแงเล็กๆที่มากกว่าปกติ ที่เดาได้ไม่ยากว่าน่าจะเป็นเพราะกำลังอยู่ในโหมดเพลียจัด

* A อยู่แล้ว

ตอบกลับไปปุ๊บก็ต้องแปลกใจเพราะอีกฝ่ายตอบกลับมาเร็วกว่าที่คิด

*ขอบคุณนะ

*ส่งงานบ่ายโมงไม่ใช่เหรอ
*ทำไมยังเล่นมือถืออยู่อีก?


*ดุอีกละ!
*ห้องยังไม่เปิดเลย
*หมอทำข้อสอบได้ป่ะ


*ไม่รู้ดิ
*ตอนนี้งงไปหมด
*เดี๋ยวไปหานะ


*ไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องที่คุยมาก่อนหน้าเลย!

*ไม่เกี่ยวก็หลุดดิ

*ด่าได้ไหม?

*อย่าด่าเลย
*ส่งงานเสร็จรีบลงมานะ
*อยากเจอ


*เกลียด

*เกลียดเยอะๆ
*อีกสักพักเดี๋ยวก็ไม่ได้เกลียดแล้ว


*ไม่คุยแล้ว!

*อือ สู้ๆ
*อ่านหนังสือรอนะ


*ok


“ข้าวน่ะจะแดกมั้ย ถ้าไม่แดกกูจะเอาไปเทให้หมาอ้วนกิน"

คำพูดจากไอ้เบอร์ 1 ที่นั่งอยู่ตรงหน้าทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองมัน ทำหน้านิ่งใส่ แล้วด่าเบาๆ

“เสือก!"

“คุยกับใครวะ คุยไปยิ้มไปหน้าตาตอแหลเหมือนไม่ใช่มึง"

ชัดเจนเลยว่าไอ้คนตรงหน้ากำลังหลอกด่ากันแบบโจ่งแจ้ง ได้ยินแล้วผมก็ตอบกลับไปสั้นๆ

“ยิ้มหวานไง"

ได้ยินคำตอบของผมปุ๊บไอ้เบอร์ 2 ก็รับช่วงต่อทันที

“โว้วๆๆๆ พัฒนานะครับ แสดงว่าพวกกูใกล้จะได้มีเพื่อนสะใภ้เป็นคิ้วท์บอยแล้วใช่มะ?"

“ใภ้หน้ามึงดิ"

พูดจบผมก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าไอ้เบอร์ 1 มันเอื้อมมือไปหยิบหลอดน้ำเก็กฮวยของไอ้โคนันขึ้นมาจากแก้วพร้อมกับอุดปลายหลอดเอาไว้ให้น้ำหวานๆค้างอยู่ในนั้น ก่อนจะมาหยดน้ำเก็กฮวยลงบนข้าวหมูกรอบของผมจนทั่ว
...เล่นเหี้ยอะไรของมึง

“เติมความหวานว่ะ"

ไอ้แว่นที่นั่งดูทุกอย่างเกิดขึ้นโดยไม่ยอมห้าม กำลังหัวเราะหึๆๆ แล้วพูดออกมาอย่างถูกใจ

“หวานๆ จะได้จีบคิวท์บอยติดเร็วๆ"

ไอ้พวกเหี้ยบก....
ผมส่ายหน้าแล้วลองเขี่ยๆข้าวหมูกรอบที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ก่อนจะตัดสินใจลองตักขึ้นมาชิม รสชาติแปลกๆแต่ก็ไม่ได้แย่เกินจะกิน หรือไม่ก็เป็นเพราะสติผมยังคงไม่เป็นปกติดี

พอเห็นว่าผมตั้งท่าจะกินต่อ ไอ้เบอร์ 1 ต้นเรื่องก็รีบพูดออกมาทันที

“อร่อยอะดิ สูตรเยาวราชนะมึง อาหารฟิวชั่นตำรับจีน"

“จีนเตี๊ยะตรงปากมึงอ่ะ"

“ว้าวๆ ขอตีนเธอแลกเบอร์โทรครับหมออ"

“ฆวย!"

ผมปิดบทสนทนาใน 1 คำ พร้อมกับยกมือขึ้นชูนิ้วกลางไปให้ไอ้ตัวกวนตีน ก่อนจะกลับมากินข้าวต่อ

จัดการมื้อเที่ยงเสร็จเรียบร้อย พวกผมก็ไปรวมตัวกันอยู่ในห้องสมุด จองห้องอ่านหนังสือกันอยู่ในนั้นแบบไม่ได้สนใจเวลา
ฟุบหลับบ้าง ออกไปกินขนมบ้าง 

จนกระทั่งห้าโมงกว่าถึงได้ตัดสินใจแยกย้ายกันแบบบ้านใครบ้านมัน

ผมขึ้นรถโดยสารของมหาลัยมาลงที่ตึกคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และนั่งอยู่ตรงโต๊ะม้าหิน ก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมาแล้วอ่านต่อไปเรื่อยๆโดยที่ใส่หูฟังเอาไว้ทั้ง  2ข้าง

ผมเคยคิดว่าการเตรียมสอบเข้ามาเรียนคณะนี้ คือการอ่านหนังสือที่หนักหนาที่สุด
ที่ไหนได้ -- มาเจอของจริงเข้าก็ตอนเข้ามาเรียนแล้วนี่แหละวะ

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่กว่าจะได้ละความสนใจจากตัวหนังสือภาษาอังกฤษยาวติดกันเป็นแพที่อยู่ตรงหน้าก็ตอนที่รู้สึกได้ว่าโคมไฟตามเสาที่อยู่ห่างกันเป็นระยะค่อยๆสว่างขึ้นมา เพราะท้องฟ้าที่ค่อยๆมืดลง

ผมเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือแล้วเอามือนวดขมับคลายความรู้สึกเวียนหัว ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดู นอกจากไลน์กรุ๊ปของรุ่นที่คุยกันเรื่องสอบแล้ว ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆอีก

เพราะผมกำลังใส่หูฟังอยู่ เลยไม่รู้ว่ามีฝีเท้ากำลังเดินเข้ามาใกล้ รู้ตัวอีกทีก็เหมือนจะโดนตีเบาๆที่ไหล่ด้วยม้วนกระดาษ หันไปปุ๊บก็เห็นพวกเพื่อนๆของยิ้มหวานยืนอยู่ตรงนั้น

“มาอ่านหนังสือไกลเนอะหมอ"

ผมยิ้มมุมปากแทนการตอบรับ ยักคิ้วทีนึง แล้วถามต่อสั้นๆ

“งานเสร็จแล้วเหรอ?”

“ของพวกเราเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ไอ้ยิ้มอ่ะยัง"

“อ้าว?" 

“ของมันอาจารย์เรียกไปคุยต่อ เห็นเกริ่นๆในห้องว่าอยากให้มันลองเอาแบบไปส่งประกวด ไม่รู้ว่าไงเหมือนกันว่ะ แต่ท่าทางจะนานอยู่"

นอกจากรับคำสั้นๆแล้วผมก็ไม่รู้จะทำอะไรอีก เลยปล่อยให้อีกฝ่ายพูดต่อไปเรื่อยๆ

“ตอนแรกเราจะรอมัน แต่มันไม่ให้รอ แถมยังฝากเรามาบอกแกว่าให้กลับไปก่อนก็ได้ แต่เราว่าแกไม่กลับชัวร์ แล้วเราก็ไม่อยากให้เพื่อนกลับบ้านคนเดียวด้วย แกก็...หาข้อแก้ตัวเองนะ"

พูดจบคนตรงหน้าก็ยกมือขึ้นมาตบไหล่ผมซ้ำๆสองสามที ก่อนจะยกมือขึ้นมาโบกเบาๆ

“ไปละ ไอ้ยิ้มยังไม่ได้กินข้าวเย็นนะ บังคับมันกินข้าวด้วยด้วย"

“อือได้"

ผมเก็บหนังสือลงกระเป๋า ก่อนจะหยิบไอแพดขึ้นมาอ่านชีทสรุปที่ส่งต่อกันในไลน์เพราะบรรยากาศรอบๆมืดเกินกว่าจะอ่านหนังสือได้

เวลาผ่านไปสักพัก สายตาของผมก็สะดุดเข้ากับคนที่กำลังเดินหอบของพะรุงพะรังเดินออกมาจากตึกคณะ เขาใส่เสื้อเชิ้ตปล่อยชาย กับกางเกงที่พับปลายขาขึ้นมาเล็กน้อยจนเห็นข้อเท้าเหนือสนีคเกอร์คู่เก่ง  ถึงแม้จะไม่เห็นหน้าตากันอย่างชัดเจน ผมก็รู้ว่าเขาคนคนนั้นนคือใคร

ทันทีที่อีกฝ่ายเห็นว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้ เขาก็เดินตรงเข้ามาใกล้ ก่อนจะทำหน้ามุ่ยส่งมาให้กัน

ยิ้มหวานขมวดคิ้วเหมือนจะงงนิดๆว่าทำไมผมถึงยังอยู่ตรงนี้
สีหน้าอย่างนั้นเหมือนจะช่วยผ่อนคลายความรู้สึกเหนื่อยล้าของผมได้อย่างไม่มีเหตุผล

ผมรีบเก็บของลงกระเป๋า ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยุดลงตรงหน้าเขา พร้อมกับพยายามแย่งของในมือคนตรงหน้ามาถือ แต่อีกฝ่ายกลับก้าวถอยหลังไปนิดหน่อย บอกกันด้วยท่าทางว่าจะไม่ยอมให้ผมช่วย

“บอกให้กลับไปก่อนก็ไม่เชื่อกันนะ"

“ติดโรคดื้อมาจากคนแถวนี้มั้ง"

ปลายจมูกเล็กๆย่นเข้าทันทีที่ได้ยินคำตอบของผม ก่อนจะเถียงกลับมาทันที

“ไม่เคยเหอะ"

เขาพูดพลางยกเท้าขึ้นมาเตะหน้าขาผมเบาๆ พร้อมกับแยกเขี้ยวใส่กัน

“หมอมารอตั้งแต่กี่โมง?"

“เย็นๆ"

“เย็นๆ นี่เย็นกี่โมง?"

“ถ้า 11 โมงแล้วยังอยู่ในห้องแอร์มันก็เย็น"

แล้วมันก็มีความเงียบที่ไม่มีความหมายเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน ยิ้มหวานกระพริบตาปริบๆเหมือนกำลังหาคำพูดไม่เจอ
ก่อนจะโวยออกมาเพราะผมยกมือขึ้นข้างนึงแล้วก็บีบแก้มเขาทั้งสองด้านซ้ำๆ ก่อนจะยอมปล่อยมือ

“ไอ้หมอนี่!!”

ผมหัวเราะทันทีที่เขาทำท่าเหมือนอยากจะกระโดดกัดผมให้ตาย ก่อนผมจะยกแขนขึ้นกอดคอคนข้างๆไว้แล้วเดินต่อไป พร้อมกับเอ่ยถามออกมาด้วย

“เป็นอะไรทำไมซึมๆ” 

เสียงถอนหายใจคือคำตอบที่ผมได้รับเป็นอันดับแรก ก่อนคำพูดของเขาจะตามมา

“ก็เรื่องเรียนแหละ"

ผมหันไปมองหน้าเขานิ่งๆ เพื่อรอให้เจ้าตัวพูดต่อ ก่อนอีกฝ่ายจะยกมือขึ้นมาบังสายตาผมเอาไว้แล้วบ่นออกมาตามนิสัย

“จ้องหน้าทำไม~~”

ได้ยินอย่างนั้น ผมก็ยกมือข้างที่เหลือไปจับข้อมือของเขา แล้วดึงให้ออกจากระดับสายตาก่อนตอบ

“รอฟังอยู่ว่าจะพูดอะไร"

“ก็หน้ามันใกล้ หมอขยับออกไปหน่อยดิ!”

เขาพูดแล้วพยายามเอาตัวออกจากแขนของผมที่วางพาดอยู่ กับหน้ามุ่ยๆ
ผมมองท่าทางคนตรงหน้าแล้วได้แต่หัวเราะขำ แกล้งล็อคตัวเขาอยู่สักพักก่อนจะยอมปล่อย แล้วถามซ้ำ

“ว่าไง ตกลงเครียดเรื่องอะไร"

“ค่อยเล่าบนรถได้ไหม ร้อนอ่ะ อยากโดนแอร์"

“ตามบัญชาครับเจ้าชาย"

ผมพูดพลางก้มหัวลงนิดๆแล้วผายมือ  ก่อนจะเดินข้างกันไปเงียบๆจนถึงรถ
น่ารักดีที่อีกฝ่ายยื่นกุญแจรถมาให้ทันทีแบบไม่ต้องขอ

ผมสตาร์ทรถ รอให้แอร์เย็น ก่อนจะส่งสายตามาให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆกัน รอให้เค้าพูดเรื่องที่ผมรอฟังอยู่ออกมา พร้อมกับที่ผมถอยรถออกจากช่องที่จอดอยู่ไปด้วย

“ทำไมชอบจ้องหน้ากดดันจังเนี่ย~ ก็.... ที่เราลงมาช้าอ่ะ เพราะอาจารย์เรียกไปคุย ประมาณว่า งานของเราอ่ะมันดันออกมาตรงกับคอนเซ็ปของที่บริษัทนึงเค้าเปิดรับผลงานเข้าประกวดอยู่พอดี อาจารย์เลยถามเราว่าสนใจจะลองส่งไปดูไหม"

ผมพยักหน้ารับให้เขารู้ว่ากำลังฟังอยู่ ก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายพูดต่อไป

“คือเราก็เห็นมันแปะประกาศอยู่ใต้คณะแล้วนะ แต่ก็ได้แค่อ่านผ่านๆไง เพราะส่วนใหญ่จะพวกเป็นรุ่นพี่มากกว่าที่ส่งกันไป จนกระทั่งตอนคุยกับอาจารย์ เราถึงได้อ่านรายละเอียดจริงๆ แล้วก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจอ่ะ"

“.....”

“เราอยากลองส่งไป....แต่งานมันต้องปรับบางส่วน แล้วก็มีที่เราต้องเรียนรู้แล้วก็ทำเพิ่มด้วย ถ้าจะส่งเราก็คงไม่ได้ไปญี่ปุ่น"

"อ๋อ..."

“จริงๆเแค่การไปเที่ยวเนี่ย เราก็ไม่ได้จริงจังอะไรมากหรอก แต่ที่รู้สึกไม่สบายใจอยู่...คือเรื่องเพื่อนๆอ่ะ"

"อ้าว...ทำไม?"

"ก็เรากับเพื่อน ตั้งใจจะไปกันทั้งกลุ่มไง เตรียมตัวกันจริงจังมาก เงินที่ได้จากตอนขายดรีมแคชเชอร์ก็ยังเก็บรวมกันไว้ กะว่าจะเอาไปใช้ด้วยกันตอนไปเที่ยวนี่แหละ แล้วถ้าเราไม่ได้ไปเพราะจะทำงานไปแข่งมันแบบ... เหมือนเราไม่ค่อยแคร์เพื่อนปะ? ประมาณว่า อยากได้รางวัลจนทิ้งเพื่อน ไม่รู้ดิ....บอกไม่ถูกอ่ะ”

ดีที่กรุงเทพของเรารถติดยิ่งกว่าอะไรดี ออกจากรั้วมหาลัยได้ไม่นาน มินิคันจิ๋วก็ต้องมาหยุดนิ่งอยู่กลางถนนเพราะสัญญาณไฟจราจร ผมหันไปมองคนที่ยังคงมีสีหน้ากังวลและส่งสายตามารอคำตอบจากทางนี้

สิ่งที่ผมทำคือส่ายหน้านิดๆ แล้วตอบกลับไป

“ไม่หรอก เราว่าพวกนั้นต้องเข้าใจ"

“นี่ไม่ได้แกล้งพูดให้ดีใจใช่ไหม?”

“เราดูเป็นคนอย่างนั้นเหรอ?”

ยิ้มหวานหลุดยิ้มตอนที่ได้ยินคำถามของผม ก่อนจะตอบกลับมาอย่างชัดเจน

“ไม่เลย ตรงกว่าไม้บรรทัดก็นิสัยหมอนี่แหละ"

"นั่นชม?"

“คิดเองดิ..." รอยยิ้มอันมีเสน่ห์ของเขาค่อยๆเปลี่ยนไปเป็ยเสียงหัวเราะ ก่อนที่เจ้าตัวจะดึงประเด็นเดิมกลับมาอีกครั้ง

"กลับมาเรื่องเดิมเลย คือ เราก็ไม่คิดว่าพวกนั้นจะโกรธนะ ก็คงตอบกลับมาว่าไม่เป็นไรอยู่แล้ว แต่จะเสียใจกันมั้ยอ่ะดิ เราไปโม้ไว้แล้วด้วยอ่ะ ว่าญี่ปุ่นนี่ถิ่นเราเลย เดี๋ยวพาเที่ยวเอง ไม่หลงแน่นอน คิดดู ไปอวดว่าสำหรับเรานี่ญี่ปุ่นเดินง่ายกว่าเซ็นทรัลเวิร์ลอีก สุดท้ายดันมาผิดคำพูดซะเอง เฮ้อ...”

ผมเห็นท่าทางกังวลของเขาแล้วก็ไม่รู้จะปลอบใจยังไง
แต่เท่าที่สังเกตเห็นคือ พอเจ้าตัวได้พูดออกมาแบบนี้ ท่าทีไม่สบายใจก็ดูเหมือนจะลดน้่อยลงไปพอตัว

“อย่าคิดมากดิ ถามในมุมของเรานะ เลือกโอกาสที่เข้ามาไว้ก่อนเราว่าก็ดีแล้ว ญี่ปุ่นมันลอยน้ำรอให้เราไปหาอยู่ตรงนั้นตลอดทั้งปี แต่โอกาสมันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป"

"คือ...ปีหน้าเดี๋ยวมันก็มีอะไรแบบนี้อีกนะ แต่รอบนี้เราก็อยากลองส่งไปจริงๆ โอ๊ย! สับสนอ่ะ"

เขาพูดพลางดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนเบาะนั่งของตัวเอง แล้วสุดท้ายก็กลับไปนั่งนิ่งๆเหมือนเดินก่อนจะถอนหายใจ

"มันก็จริงที่ปีหน้าเดี๋ยวเค้าก็จัดประกวดอีก หรือไม่เดี๋ยวบริษัทอื่นก็คงเปิดรับผลงานอีก แต่เราว่าครั้งนี้มันต่างตรงที่โอกาสมันวิ่งเข้ามาเอง ถ้าอาจารย์เรียกไปคุยขนาดนั้นเขาก็น่าจะเห็นอะไรดีๆในงานรึเปล่า...นี่เราก็พูดไปตามที่คิด เพราะก็ไม่รูเหมือนกันว่าสถาปัตย์เค้าเรียนกันยังไง"

 ยิ้มหวานฟังที่ผมพูดแล้วก็เหมือนจะกำลังคิดตามไปด้วยในทุกประโยค แต่สัญญาณไฟจราจรที่เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียวก็บังคับให้ผมต้องจำใจละสายตามาจากเขาแล้วขับรถต่อไป ระหว่างที่ผมกำลังบังคับพวงมาลัยให้รถเลี้ยวไปทางขวา น้ำเสียงน่าฟังของเขาก็พูดออกมาเบาๆ

“ขอบคุณนะ"

ผมเหลือบสายตาไปมอง ก่อนจะเห็นรอยยิ้มที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง
ทั้งความรู้สึกของผม และความสัมพันธ์ของเราที่กำลังพัฒนาขึ้นอย่างช้าๆ
ก่อนจะตอบกลับไป

“ขอบคุณทำไม อย่าลืมดิ เรา...."

“เราทำอะไรหวังผลทั้งนั้น ใช่มั้ย? ไม่ลืมหรอกน่า~” 

คำพูดของผมโดนขัดโดยคนที่นั่งอยู่ข้างๆ พอได้ยินเขาตอบกลับมาแบบนั้น ผมก็ได้แต่ยิ้มตามแล้วพยักหน้ารับ

“ตามนั้นเลย"


- - -


สองวันถัดมาเป็นวันที่ผมมีสอบ และเป็นช่วงเวลาสองวันที่ผมไม่ได้เจอหน้ายิ้มหวาน เพราะเจ้าตัวกลับไปนอนที่บ้าน

นอกจากจะไลน์ไปหาตามปกติอย่างที่ทำอยู่แล้ว ช่วงนี้ผมโทรหาเขาบ่อยขึ้นเพราะรู้ว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกไม่สบายใจ     

ทุกครั้งที่ถาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพื่อน หรือเรื่องงาน เขาก็บอกมาตลอดว่าไม่เป็นไร ทุกอย่างโอเคแล้ว

แต่พอถามว่า 'โอเคแล้ว' ที่บอกนี่หมายความว่ายังไง เจ้าตัวก็อ้างว่าขอติดไว้ก่อน เจอหน้ากันวันไหนจะมาเล่าให้ฟังทีเดียว
นั่นทำให้ผมตัดสินใจไม่เซ้าซี้ถามเขาอีก

จนกระทั่งตอนที่ผมออกจากห้องสอบแล้วเห็นว่าอยู่ดีๆเพื่อนของยิ้มหวานก็ทักไลน์มาทั้งๆที่ไม่เคยคุยกันมาก่อน

*หมอแกว่างปะ
*ไปดูไอ้ยิ้มให้หน่อยดิ
*แม่งดื้อว่ะ
*พวกเราจะไปช่วยมันทำงาน มันก็ไม่ให้ไป
*บอกว่าให้อยู่บ้านเก็บของไปเที่ยวเหอะ
*น่าจะกลับมาคอนโดวันนี้แหละมั้ง


ผมอ่านข้อความแล้วก็รู้สึกไม่แปลกใจเท่าไหร่ จำตอนที่ยิ้มหวานรถเสียแล้วไม่บอกใครได้ไหมครับ
...นั่นแหละ

ผมตอบตกลงกับเพื่อนเขาไป พร้อมกับรับปากว่าเดี๋ยวจะแวะไปหาอีกคนด้วยตัวเอง หลังจากวันนี้ผมยังมีวันหยุดอีกสามวันก่อนจะถึงวันสอบวันสุดท้าย ก็เลยพอจะมีเวลาไปเถลไถลได้นิดหน่อย

ผมขึ้นบีทีเอสแล้วต่อแทกซี่ไปลงหน้าคอนโดของเขา ระหว่างทางก็นั่งคิดไปว่าจะจัดการกับมนุษย์ดื้อยังไงดี 
ลงรถปุ๊บ ผมก็ปลดล็อคมือถือ ถ่ายรูปตัวเองตรงหน้าทางเข้า ก่อนจะส่งไปให้ยิ้มหวานทางไลน์ แล้วพิมพ์ข้อความปิดท้าย

*หลับบนแทกซี่
*ตื่นมาอีกทีก็อยู่ตรงนี้แล้ว
*ทำไงดีวะ 


รออยู่สักพักก่อนที่ีอีกฝ่ายจะอ่านไลน์ แต่ไม่ตอบกลับมา ปล่อยให้ผมรออยู่ตรงนั้นเกือบๆ 5 นาที จนรู้สึกได้ว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้ๆ พอหันไปมอง ก็เห็นว่าคนที่ผมรออยู่กำลังเดินตรงมาทางนี้แล้ว

เขาใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น แต่ที่สะดุดตาผมมากกว่านั้นคือเส้นผมด้านหน้าที่ถูกมัดขึ้นเป็นจุก กับท่าทางงัวเงีย คนตรงหน้าเดินเข้ามาใกล้ผมแล้วยักคิ้วแต่ไม่ยอมพูดอะไร จนผมต้องยื่นมือไปดึงผมเขาเล่น
 
“ไงไอ้เด็กจุก ได้ข่าวดื้อ"

ได้ยินที่ผมพูดปุ๊บเขาก็ทำหน้าตกใจ เหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองรวบเก็บผมด้านหน้าเอาไว้ ก่อนจะยกมือขึ้นแกะยางรัดผมออกอย่างรวดเร็ว แล้วขยับปากพูดงึมงำๆเหมือนจะบ่นกับตัวเองเรื่องที่มัดผมเดินลงมาถึงนี่แต่ดันไม่รู้ตัว

ดวงตาคู่นั้นมองมาที่ผม ริมฝีปากสีสดยื่นนิดๆ ก่อนตอบ

“ไอ้พวกนั้นฟ้องอ่ะดิ"

ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะก้าวเท้าตามยิ้มหวานที่เดินออกไปข้างนอกโดยไม่บอกกันว่าจะไปไหน พอเห็นว่าอีกฝ่ายเลี้ยวไปทางซุปเปอร์มาร์เก็ตก็คิดได้ว่าน่าจะไม่ต้องถามอีก ผมกับเขาเดินเลือกซื้อของอยู่ในนั้นสักพัก ก่อนจะขึ้นไปบนคอนโด

วันนี้ห้องของยิ้มหวานเรียบร้อยกว่าทุกครั้งที่ผมมา บนโต๊ะที่เขาใช้ทำงานอยู่เสมอยังคงมีของวางระเกะระกะ แต่ดูจากสภาพแล้วเหมือนจะเพิ่งโดนยกมาไว้ตรงนี้ ผมหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ ก่อนถาม

“เพิ่งกลับมาจากบ้านเหรอ?”

“อื้อ สะอาดใช่ปะล่ะ”

“ปกติก็ไม่ได้รกหรอกนะ แต่วันนี้เรียบร้อยกว่าทุกครั้ง "

“แน่อยู่ละ แม่บ้านเพิ่งแวะมาทำความสะอาดอ่ะ"

ผมนั่งอยู่บนโซฟาหน้าทีวี แต่ได้ยินเสียงเจ้าของห้องทำอะไรสักอย่างก๊อกแก๊กๆอยู่ในครัวจนผมต้องเดินตามไปดู ก่อนจะเห็นกล่องใส่อาหารวางเรียงกันอยู่สี่ห้าอัน พอเข้าไปใกล้ๆถึงเห็นว่าในกล่องนั้นเต็มไปด้วยปลาหมึก กุ้ง แล้วก็พวกเนื้อสัตว์ต้มจนสุก ข้างๆกันเป็นขวดน้ำผลไม้ กับขนมอื่นๆอีกเต็มไปหมด

“ในกล่องคืออะไรเนี่ย?”

“เสบียงอ่ะ แม่เราต้มกุ้ง ปลาหมึกแล้วก็หมูสับมาให้จากที่บ้าน เผื่อเราไม่อยากออกจากห้องไปหาอะไรกินก็เอาพวกนี้มาปรุงนิดๆหน่อยๆก็กินได้แล้ว"

แค่นี้ก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าคนตรงหน้าเป็นที่รักของคนรอบตัวมากขนาดไหน

 "แล้วเรื่องญี่ปุ่นเป็นไง?”

“ก็โอเคแล้วแหละ"

คำตอบนี้อีกแล้ว...
คนที่กำลังพับถุงผ้าแล้วเอาไปเก็บไว้ในตู้ตอบกลับ แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มอีก
ตอนคุยโทรศัพท์กันก็ตอบงี้แหละครับ แต่ไม่ยอมบอกกันว่าโอเคนี่คือยังไง

“รู้แล้วว่าโอเค ที่ถามนี่คืออยากรู้ว่าจัดการยังไง ตั๋วต้องทิ้งเลยใช่ไหม?”

คนฟังหันมามองผม ทำตาโตใส่ แล้วพยักหน้ารับสองสามที

"อืม ทิ้งเลย"

“แล้วเพื่อนๆว่าไงบ้าง?”

“หมอถามเยอะอีกแล้ว"

เขาพูดแล้วเดินมานั่งลงตรงข้ามกันพร้อมกับเท้าคางจ้องหน้าผม พอเห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้ายุ่งผมก็ยื่นมือไปบิดปลายจมูกได้รูปเบาๆ

“นี่ไม่ได้เสือกนะคุณหนู คนเค้าใส่ใจโอเคไหมครับ"

“รู้แล้ว เราก็ไม่ได้ว่าซะหน่อย"

“รู้ว่าเป็นห่วงก็เล่าให้ฟังหน่อย ว่าไปดื้อเอาไว้ยังไงบ้าง เพื่อนถึงต้องมาฟ้องเราแบบนี้"

คนตรงหน้าได้ยินผมพูดแล้วก็เอาแต่ทำหน้ามุ่ย ก่อนจะตอบกลับมา

“ก็พวกนั้นบอกว่าจะมาช่วยเราทำงาน แต่เราไม่อยากให้มา ก็มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรขนาดนั้น อาทิตย์นึงเราทำทันอยู่แล้ว แถมตอนนี้ก็ปิดเทอมแล้วด้วย เพื่อนๆเรากำลังจะไปเที่ยวกัน เราก็ไม่อยากให้มาเหนื่อยเพราะเรา แค่นี้เอง เข้าใจเราใช่มั้ย?"

“เข้าใจ..ก็ได้"

ผมก็เข้าใจเขานะ แต่ก็พอจะนึกออกว่าเพื่อนๆเขาที่อยากมาช่วยก็เพราะรู้สึกเป็นห่วงด้วยเหมือนกัน

“แล้วทำไมต้องก็ได้ด้วยอ่ะ"

“ก็เข้าใจนั่นแหละ บอกว่าเข้าใจก็คือเข้าใจครับผม ไม่กล้าขัดใจหรอกน่า"

เขาทำหน้าตัวแสบใส่ ตอนที่ผมบอกว่าไม่กล้าขัดใจ ก่อนจะพูดต่อ

“....แล้วนี่หมอไม่อ่านหนังสือรึไง"

”อ่านดิ เอาหนังสือมาด้วยเนี่ย"

“อ๋อ... มาเนียนใช้แอร์ห้องเราสินะ"

ผมยักคิ้วรับคำ แต่ไม่ตอบ จนเขาต้องพูดต่อ

"หมอจะกินอะไรก็หยิบได้นะ หาอะไรไม่เจอก็ถาม เราไปทำงานต่อละ"

“งั้นเดี๋ยวเราเอาหนังสือมานั่งอ่านตรงนี้แล้วกัน"

“ในครัวเนี่ยนะ?”

“อือ อยู่ห่างๆกันไว้ เดี๋ยวไม่มีสมาธิ"

คำตอบที่ได้รับคือการที่คนตรงหน้าแลบลิ้นแผล่บมาให้กัน ก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไป


- - -
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 29-09-2015 23:07:47


ผมละสายตาจากหนังสืออีกครั้งตอนหกโมงเย็น...

พอหันไปมองอีกมุมนึงของห้องแล้วเห็นว่ามีใครอีกคนนั่งอยู่ ในใจผมก็รู้สึกดีขึ้นมาอย่างที่อธิบายไม่ถูก
ไม่อยากกวนเขาตอนทำงานสักเท่าไหร่ แต่ก็อยากคุยด้วยสักนิดให้บรรยากาศไม่เงียบเกินไป

คิดได้อย่างนั้นผมก็ส่งเสียงเรียกเขาจากอีกฝั่งหนึ่ง

“ยิ้ม~~~”

ปกติเวลาผมแกล้งเรียกกันแบบนี้ อีกฝ่ายจะเถียงกลับมาตลอดว่าเจ้าตัวไม่ได้ชื่อยิ้มหรือไม่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ถามผมว่ากำลังเรียกใคร แต่วันนี้กลับแตกต่างออกไป

“หื้อ?”

น่าแปลกดีที่คำสั้นๆคำเดียวมันส่งผลกระทบไปถึงความรู้สึกในจิตใจของผม
เสียงตอบรับง่วงๆของเขาดูน่ารักดี จนผมเอาแต่นั่งยิ้มกับเท็กซ์บุ๊กเหมือนคนเมายากันยุง ไม่ทันจะได้ตอบอะไรกลับไป อีกฝ่ายก็ถามตามมาอีก

“ทำไมเรียกแล้วเงียบไปอ่ะ"

ผมหันไปมองและพบว่าเขาถามกลับมาโดยที่สายตายังไม่ได้ละจากงานที่ทำอยู่
เห็นอย่างนั้น ผมก็ตอบเขากลับไป

“...จะได้รู้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียว"

หลังจากที่ผมพูดประโยคนี้จบเขาก็เงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่น้ำเสียงคุ้นหูจะลอยตอบกลับมาจากอีกฝั่งหนึ่ง

“รู้แล้ว...”

2 ชั่วโมงผ่านไป ผมยังคงนั่งอยู่ที่คอนโดของยิ้มหวานและรู้สึกว่าตัวเองควรจะพักสายตาสักครู่  ถึงได้ส่งเสียงเรียกใครอีกคน

“ยิ้ม~~”

“ไม่ได้ชื่อยิ้ม"

“อ้าว ก็เมื่อกี้ตอบ"

“ตัวปลอมแล้ว"

กวนกันใช่มั้ยเนี่ย?

“สองทุ่มแล้ว หาอะไรกินกัน"

โกหกคำโตเลยครับ -- ความจริงก็คือผมยังไม่หิวเลยสักนิด
แต่รู้สึกว่าอีกคนควรจะหาอะไรกินได้แล้ว ก็เลยแกล้งทำเป็นหิวไปงั้น
 
ผมหันไปมองยิ้มหวานและพบว่าเขายังคงนั่งอยู่ที่เดิม ไม่มีท่าทีว่าจะลุกขึ้นเร็วๆนี้ จนต้องเรียกซ้ำ

"ลุกขึ้นเร็ว"

พอโดนเร่งเขาก็หันมามองผม ก่อนจะส่งยิ้มตาหยีมาให้

“แป้บน้า5 นาที"

“จับเวลาแล้วกัน"

“หมอโหด!”

“เพิ่งรู้เหรอ?”

“แป้บดิ อย่าชวนคุย"

กลายเป็นว่าผมผิดไปซะงั้น -_- 

ผมกดตั้งเวลาในโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะฟุบหน้าลงงีบหลังกับโต๊ะ รอจนเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์บอกผมว่าเวลา 5 นาทีผ่านไปแล้ว ถึงได้ส่งเสียงเรียกยิ้มหวานอีกครั้ง และสิ่งที่ได้รับกลับมาคือ

“ยิ้มครับ"

“อื้อ แป้บนึง"

 “วางมือ ลุก~”

“เดี๋ยวดิ...”

“ถ้ายังไม่ลุกจะอุ้มแล้วนะ"

พูดจบผมก็แกล้งเลื่อนเก้าอี้ให้มีเสียงครืดเบาๆแล้วลุกขึ้น 
แต่ยิ้มหวานก็ยังคงนิ่งแล้วก็วุ่นอยู่กับแม็คบุ๊คของเขาอยู่อย่างเดิม พร้อมกับกลับส่งเสียงมาต่อรอง

“แป้บนึง แป้บนึง~~”

“....”

“หมออ ไม่เอา ถ้าอุ้มเราถีบนะ!” 

ผมเดินมาหยุดข้างหลังเขา ก่อนจะมองคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ได้คล่องแคล่วเหมือนกับว่ามันเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย
พอเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงไม่ยอมวางมือลงง่ายๆ สุดท้ายผมก็ย่อตัวลง ใช้มือทั้ง 2 ข้างปิดตาเขาเอาไว้แล้วกดเสียงต่ำลง ก่อนจะพูดออกมา

“หยุดจ้องมันสัก 5 นาทีก่อนได้มั้ย"

ได้ผล... มือทั้ง 2 ข้างของเขาที่เคยขยับทำงานอย่างรวดเร็วหยุดลงทันที พร้อมกับที่เจ้าตัวร้องโวยวายออกมา

“อย่าปิดตาดิ!"

“ปล่อยแล้วจะยอมหยุดทำงานมั้ย?”

“หยุดก็ได้"

คนตรงหน้าผมรับคำงึมงำ แล้วยกมือขึ้นจับข้อมือผมเอาไว้ ก่อนพยายามจะแกะออกจนสำเร็จ
 ยิ้มหวานกลับมามองเห็นทุกอย่างอีกครั้ง หลังจากผมยอมปล่อยมือให้ขยับไปตามแรงดึงของเขาอย่างง่ายดาย

“กินอะไรที่มีในห้องแหละเนอะ ขี้เกียจลง”

ตลกดีที่พูดจบปุ๊บเขาก็หาวออกมาปั๊บ ก่อนผมที่กำลังพยักหน้าตอบรับคำพูดของเขาจะหาวออกมาเหมือนกัน

ในคลาสนึงที่เรียน อาจารย์ยกประเด็นเรื่องการหาวเป็นโรคติดต่อขึ้นมาพูด
โชคดีที่วันนั้นผมไม่หลับ ไม่โดด ไม่แชทไลน์ ไม่ลงไปนั่งกินขนมกับพื้น ก็เลยได้รู้ว่าการหาวเป็นโรคติดต่อ

จริงๆจะพูดว่าโรคติดต่อก็ไม่ถูกนัก... แต่ผลการศึกษาบอกว่า การหาวจะส่งต่อถึงกันได้มากกว่าในบุคคลที่มีความผูกพันหรือใกล้ชิดกัน

ผมมองคนที่กำลังหลุดขำออกมาเพราะผมหาวตามเขา ทั้งๆที่ตัวเองก็ยังน้ำตาคลอ แล้วก็รู้สึกทนไม่ไหวจนต้องยกมือขึ้นไปขยี้เส้นผมเขาเล่น ใบหน้ามุ่ยๆของคนที่โดนแกล้งทำเอาผมรู้สึกเอ็นดู แล้วก็หัวเราะออกมาบ้างอย่างง่ายดาย

ในความเป็นจริง...
สำหรับคนที่มีความรู้สึกผูกพันธ์กัน มันก็ไม่ได้มีแค่การหาวหรอกมั้งที่เป็นโรคติดต่อ
ทั้งความเครียด ความกังวล ความสุข หรือ ความทุกข์ ทุกๆความรู้สึกไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ตามมันก็สามารถส่งจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งได้อยู่แล้ว

...ถ้าอีกฝ่าย เป็นคนที่เราเอาหัวใจเข้าไปผูกด้วยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



tbc.


- - - - -


ถามว่าหายไปไหนมา งานเยอะค่ะ ไปสอบธีสิสมาด้วย / ทรุด
เดี๋ยวตอนหน้ามาเร็วแน่นอน
สัญญา~
ขอบคุณที่เอ็นดูเจ้าเด็กสองคนนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 29-09-2015 23:26:43
กีปูวววว รอนานมากกก 555
หมอน่ารักอ่ะ ให้กำลังใจยิ้มหวานตลอดเลย
สู้ๆนะยิ้มหวาน ไม่ได้เที่ยวไม่เป็นไร
เมื่อไหร่เขาจะหวานๆใส่กันบ้างง่ะ ?
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: ที่เดิมในหัวใจสาววาย ที่ 30-09-2015 00:59:50
หวานขึ้นทุกวันๆเลยนะคู่เนี่ย เมื่อไหร่หมอจะขอยิ้มหวานเป็นแฟนซะทีน้าา  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: duckduckk3 ที่ 30-09-2015 01:36:05
หมอออออออออออออออออ
มาอ่านยิ้มหวานแล้วหายเครียดเลย
ยิ้มน่าร้ากกกก <3
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 30-09-2015 01:40:48
 :-[ มาต่อแล้วววว เค้าจีบกันมุ้งมิ้งน่ารัก
ขอบคุณนะคะ รอยิ้มทุกวันเลย ระหว่างที่ยังไม่มาต่อก็อ่านตอนเดิมคอยไปก่อน ตอนนี้จะจำได้ทุกฉากล่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 30-09-2015 01:42:39
ไม่มีครั้งไหนเลยที่หมอจะไม่ทำตัวน่ารักแบบนี้
หื้ออออ หมอโคตรดีอะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 30-09-2015 01:43:28
คุณหมอกับยิ้มหวานเค้าน่ารักอ่ะตอนนี้
หมอดูแลเอาใจใส่ยิ้มหวานมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 30-09-2015 02:20:43
โอ้ยยยยยถ้าเจอแบบนี้บอกเลยยิ้มหวานนี่แบบไม่หวั่นไหวเลยหรออออ ทำแต่งานนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-09-2015 02:28:33
เห็นแต่ละคนตั้งใจกับการอ่านหนังสือและสอบ แล้วหันมามองตัวเอง   :mew5: ชาตินี้คงจะจบให้อยู่หรอกอ่านแต่นิยายเนี่ย
โทษทีที่มาบ่น อยากจะบอกว่าคิดถึงยิ้มหวานน่ะ เมื่อไรจะตกลงปลงใจเป็นแฟนกับหมอสักที
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 30-09-2015 04:01:01
โอยหมอออ หวานมาก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-09-2015 05:09:27
 o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 30-09-2015 06:35:26
ง่ววววววว เมื่อไหร่หมอกับยิ้มหวานจะเป็นแฟนกันนะ  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: ao16 ที่ 30-09-2015 07:12:52
 :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 30-09-2015 07:23:11
เริ่มคลืบคลานความรู้สึกไปทีละนิด
รู้ตัวอีกทีคงถอนตัวไม่ขึ้นล้วรึเปล่านะ
เรื่อยๆ แต่ก็น่ารัก นี่มันเป็นคำนิยามของเรื่องนี้เลยนะเนี้ย
รอตอนต่อไปค่ะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 30-09-2015 07:24:34
น่ารักมากกกกกกกกกกกก :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 30-09-2015 07:55:31
หมอออกจะหวานขนาดนี้มะไรยิ้มหวานจะใจอ่อนให้หมอสักที
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 30-09-2015 08:56:43
อ่านแล้วยิ้มหวานทุกตอนเลย อิ่มอกอิ่มใจ^_^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 30-09-2015 09:57:32
โลกสดใสสสสสสสส แต่ทำไมหมั่นไส่หมอเนี่ยยยย :laugh:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-09-2015 11:11:16
เหมือนไปแอบดูเขาสวีทกันเลย

ปล.ผูกพัน จ้ะ ไม่ใช่ ผูกพันธ์
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 30-09-2015 13:36:19
กว่าจะอ่านจบตอนนี่ยิ้มจนเมื่อยปาก น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 30-09-2015 13:39:21
จ้าๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 30-09-2015 14:00:36
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 30-09-2015 14:04:31
กรีสสสสสส  กรีดร้องงงงงงงง   มาแล้ววววว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 30-09-2015 15:06:59
น่ารักจัง แม้นานๆทีจะมา แต่ความฟินนี่ไม่เคยลดลงเลยยยยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 30-09-2015 16:18:10
หมอน่ารัก ยิ้มน่ารัก 5555
สู้ๆนะยิ้ม
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 30-09-2015 17:01:09
หวานเกิน หมอก็ช่างดุแล ยิ้มก็ดื้อจัง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-09-2015 17:09:24
ดูแล ห่วงใยกันขนาดนี้เป็นแฟนกันเลยเถอะ!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 30-09-2015 17:41:45
งื้อออออออออออออออออออออออ~
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 30-09-2015 19:03:23
เป็นกำลังใจที่ดี
ต่อกันจริง ๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 30-09-2015 20:05:14
หมอรุกหนักมากอ่ะ เมืีอไรยิ้มจะใจอ่อนกับหมอเราซะที  :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 30-09-2015 21:04:00
อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกเหมือนเบาหวานจะขึ้น 555  เลี่ยนได้อีก โอ้ยยยย...หมั่นไส้แกมอิจฉาคนเค้าจีบกัน น่ารักอ่ะ  ยิ้มหวานเก่งอ่ะทนหมอได้นานขนาดนี้  เป็นเราน่ะขอหมอเป็นแฟนตั้งแต่หมอบอกว่าจีบแระ  5555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 30-09-2015 21:09:10
เค้าจีบกันน่ารักดี  มีหยอดๆให้ฟินด้วย
และมีพื้นที่มีเวลาของตัวเอง ไม่ก้าวก่ายมากเกินไป
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 30-09-2015 21:24:56
น่ารักตลอดเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-09-2015 21:26:50
ยิ้มหวานน่ะเป็นของหมอ
แต่อ่านแล้วยิ้มค้างเนี่ยเป็นของเรา อ่านไปยิ้มไป :mew3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 30-09-2015 21:36:08
อ่านไปยิ้มตาเยิ้มไปเหมือนลูกหมาเมายากันยุง.....
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 30-09-2015 23:05:22
ชอบเวลาหมอเรียกชื่อ ยิ้มอ่ะ โอ๊ย เขินแทน อ่อนระทวยไปหมดเเล้วเนี่ย
ยิ้มก็น่ารักอ่ะ อยากหยิกแก้ม หมอฝากหยิกแก้มยิ้มเผื่อด้วยนะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 30-09-2015 23:21:03
ทำไมยิ้มหวานน่ารักแบบนี้ ฮืออออออ
รักกกกกกกกกกกกกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 30-09-2015 23:31:20
หมอน่ารักมากกกกแบบยอมใจ
ถ้ายิ้มไม่เอาก็ส่งมาทางนี้นะ  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 01-10-2015 05:56:39
หมอเป็นเอามากซะแล้ว :hao3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 01-10-2015 09:02:48
หมอน่ารักมากก ยิ้มหวานก็น่ารักก
อิจฉายิ้มหวาน
เมื่อไหร่สองคนนี้จะได้เป็นแฟนกันน้าาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 01-10-2015 12:54:34
ทำไมเพลินขนาดนี้ยิ้มหวานแสนดื้อส่วนหมอนี่ช่างเอาใจใส่  น่ารักมากกกดกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: kaireaw ที่ 01-10-2015 19:10:18
โง้ยยน่ารักก มันละมุนแบบอ่านไปยิ้มไป ความสัมพันธ์ที่ไม่ต้องอธิบายอะ
แค่นี้เรายังรู้สึกว่าหวานแล้วนะ ถ้าคบกันอย่างเป็นทางการไม่ยิ่งกว่านี้เหรอ *ฟินรอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 01-10-2015 21:06:42
ค่อยๆ รักกันเบาๆ ยิ้มหวานนี่ขี้อ้อนนิดๆ ตอนผูกจุกต้องน่ารักมากแน่คนดื้อของหมอ
หมอก็แบบน่ารักอ่ะ เจอหน้าว่าที่แฟนก็มีแรงละ เป็นผู้ให้คำปรึกษาที่ดี เยี่ยมเลย

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 01-10-2015 21:10:58
อ่านแล้วรู้สึกว่า "ยิ้มหวาน" เป็นผู้ชายน่ารัก เชียร์หมอจีบติดไวไว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 02-10-2015 12:54:09
หมอน่ารักจัง :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 02-10-2015 13:15:03
หลงยิ้มมมม  :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 02-10-2015 15:10:11
ยิ้มหวานรอไปเที่ยวกับหมอแทนนะ :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: smilepengy ที่ 03-10-2015 23:40:52
หมอดูแลยิ้มหวานดีมาก ๆ เลย  o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-10-2015 10:18:11
คิดถึงยิ้มหวานกับหมอ :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: GlassesgirL ที่ 04-10-2015 16:14:03
ยิ้มหวานน่ารักแต่ชอบดื้อไม่ค่อยกินข้าวเลย งี้ต้องให้หมอโหดบ่อยๆแล้ว คึคึ

 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 04-10-2015 20:16:49
ยิ้มมมม~~~~ น่ารักไปอีกกก  :-[
รอออออออ   :katai5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 04-10-2015 20:32:10
ตอนนี้ดูทั้งคู่แคร์กัน เอาใจใส่กันดีจัง
เป็นกำลังใจให้ยิ้มหวานกะหมอ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วย
ขอบคุณนะคะ
 :mew1: :mew1:

หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: 1andonly ที่ 04-10-2015 20:33:16
So cute!! I love your story line and your wording. Impressive! Good job ka. :)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 05-10-2015 00:47:59
 :call:
 :katai5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: gessuriyong ที่ 05-10-2015 02:49:57
เย้ๆๆ กลับมาแล้วววววว
โมเม้นมุ้งมิ้ง ชวนจิกหมอนน
ยิ้มกับหมอน่ารักแบบนี้ไปนานๆน้าาา :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณไรท์ด้วยน้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 05-10-2015 17:02:29
ยิ้มหวานของหมอ ยิ้มฟินของคนอ่าน >__<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 05-10-2015 22:46:00
ชอบอารมณ์ของเรื่องมากเลยค่ะ  :o8:
น่ารัก มีสเน่ห์ดี
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวพฤหัส ที่ 06-10-2015 01:03:52
รออออออออออคะ
สนุกมากกกกกกกกกก  o13
เป็นเรื่องแรกที่อ่านแล้วฟินจัดขนาดนี้  :impress2:
อ่านแล้วเขิน อ่านแล้วยิ้มตลอดเลยยย  o22
ชอบบบ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 06-10-2015 14:01:47
น่ารักกกกกกกก อยากได้แบบเน้อ่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: Toei-Toei ที่ 07-10-2015 20:50:13
อ่านแล้วเขิล :-[ :-[
มาต่อเร็วๆนะค่ะ รอ~ร้อ~รอ~ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 08-10-2015 21:29:59
ยิ้มหวานนน จะน่ารักไปไหนอะ หมอทนได้ไงอะได้อยู่ใกล้ๆคนน่ารักๆแบบนี้ เขินแทนนนนนนน
เราชอบนิสัยของหมอมากเลยนะ ไม่เร่งรัดคนที่ชอบ ค่อยๆจีบไปเรื่อย คือดีอะ #อยากมีแฟนเป็นหมอ

รอตอนต่อนะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 08-10-2015 21:31:03
ยิ้มหวานนน จะน่ารักไปไหนอะ หมอทนได้ไงอะได้อยู่ใกล้ๆคนน่ารักๆแบบนี้ เขินแทนนนนนนน
เราชอบนิสัยของหมอมากเลยนะ ไม่เร่งรัดคนที่ชอบ ค่อยๆจีบไปเรื่อย คือดีอะ #อยากมีแฟนเป็นหมอ

รอตอนต่อนะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: BIRD ที่ 10-10-2015 17:34:04
คิดถึงยิ้มหวาน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 10-10-2015 21:35:28
น่ารักจังเลยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 12-10-2015 12:24:13
:m1: :m3: :m1: :m3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 13-10-2015 10:14:42
แล้วความรักเป็นโรคติดต่อได้ไหม เวลารักใครก็อยากส่งความรักให้เขา.  :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 13-10-2015 14:49:25
(http://i1300.photobucket.com/albums/ag93/kipuu/15_zps0z5qgkdd.jpg)
กรี้ดกร้าดในทวิตฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ นะคะ


[15]



ยังครับ...
เทศกาลสอบมหาโหดโคตรมหาประลัยมันยังไม่จบลง ถึงแม้ตอนนี้มหาลัยที่ผมเรียนอยู่จะแปรสภาพไปเป็นมหาลัยร้างเรียบร้อยแล้ว เพราะคณะอื่นๆเค้าสอบเสร็จกลับบ้านนอน หนีเที่ยวออกนอกประเทศกันหมด

ยกเว้นพวกผม นักศึกษาแพทย์ผู้อดทน สิบช้อชนสิบล้อตาย -_-
และคณะอื่นๆในสายเดียวกันอีกนิดหน่อย 

สองวันสุดท้ายของการสอบ เป็น 2 วันที่ผมมีสอบติดกัน

พวกผมสอบเสร็จตอนเที่ยงของวันแรก และพุ่งตัวไปอ่านหนังสือกันอยู่ที่หอสมุดจนเย็น พอตอนเย็นก็ย้ายกันไปที่ร้านกาแฟต่อ

ผมหยิบมือถือขึ้นเล่นดูตอนสี่ทุ่มกว่าๆ ก่อนจะเห็นยิ้มหวานอัพรูปลงอินสตาแกรม ว่าเจ้าตัวไปส่งเพื่อนที่สนามบินผมกดไลค์รูปภาพ ไม่ได้คอมเม้นอะไร แต่กลับเปิดไลน์แล้วทักเขาไปแทน


*อยากไปเที่ยวมั้ย?


กลับไปอ่านหนังสือได้สักพักเขาก็ตอบกลับมา


*รู้ทันอีก
*มากโคตร
*ตอนเห็นเพื่อนเดินเข้าเกท
*งงเลยว่าทำไมเราถึงไม่ได้ไปกับพวกนั้นด้วย

*ว่าแล้ว
*อยู่ไหนเนี่ย


*สนามบิน
*กำลังจะกลับละ

*มาหามั้ย?

*หมอเปลี่ยนเรื่องเร็วอีกละ



อ่านข้อความที่เขาส่งมาปุ๊บผมก็หลุดยิ้ม
รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเจ้าตัวลอยมาเลยครับ

*มาเหอะ
*เดี๋ยวเลี้ยงหนม


*น่าสนเลย
*ถ้าจะออกไปเดี๋ยวบอกแล้วกัน
* ^ ^

*โอเค
*ถ้ามานั่งแท็กซี่มานะ


*ทำไมอ่ะ?

*เราเอารถมา
*ตอนกลับเดี๋ยวขับไปส่ง


*อือ ยังไม่ชัวร์นะว่าจะไปมั้ย
*เดี๋ยวบอกอีกที



ผมส่งสติ๊กเกอร์โอเคกลับไป แล้วเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง ก่อนจะก็ลุกขึ้นไปซื้อน้ำเปล่าที่เค้าน์เตอร์

ผม ไอ้เบอร์ 1 กับไอ้โคนันนั่งคุยเรื่องสอบกันไปเรื่อยเปื่อย ส่วนไอ้เบอร์ 2 ที่พอเห็นว่าพวกผมเริ่มเข้าสู่โหมดพักเบรคปุ๊บ มันก็ขอตัวออกไปโทรหาแฟนมันทันที

พอเริ่มรู้สึกหายเหนื่อยขึ้นมานิดหน่อยก็ติวกันต่อ บทนี้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของผมที่ต้องติวให้เพื่อนๆพอดี มากันครบ 4 คน ผมก็เริ่มอธิบายไปเรื่อยโดยไม่ได้สนใจบรรยากาศโดยรอบอีก เวลาผ่านไปนานเหมือนกัน ก่อนที่ผมจะรู้สึกว่ามีคนมาสะกิดเข้าที่ไหล่

ผมหยุดพูด พอมองไปยังไอ้สองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน ก็เห็นว่ามันทำหน้าอึ้งแล้วส่งสายตาข้ามหัวผมไป เห็นอย่างนั้นผมเลยหันไปด้านหลัง...แล้วหน้าตาตอนตกใจของไอ้สองคนนั้นก็เป็นเรื่องเล็กไปเลย

เพราะยิ้มหวานยืนอยู่ตรงนี้

รอยยิ้มน่ามองของเขาปรากฎเด่นชัดอยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะตามมาด้วยน้ำเสียงที่ผมคุ้นเคย

“หวัดดี นั่งด้วยดิ"

ตอนนั้นเองที่ผมเพิ่งเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่าง และพบว่ามันยากมากที่ต้องพยายามเก็กหน้านิ่งในเหตุการณ์แบบนี้

แอบมาเงียบๆ โคตรน่ารักเลยเว้ย!

ไอ้โคนันที่นั่งอยู่ข้างผมดีดตัวลุกขึ้นทันทีเหมือนโดนใครถีบตูด แล้วบอกให้ยิ้มหวานนั่งที่ของมันแทน
ก่อนที่จะเดินไปขอเก้าอี้ที่เหลือจากโต๊ะข้างๆมานั่งลงตรงหัวโต๊ะที่ยังว่าง

เขานั่งลง ท่าทางอารมณ์ดีอยู่ไม่น้อย ตอนที่ส่งยิ้มทักทายเพื่อนๆของผมทุกคน
...ซึ่งทำให้ไอ้พวกเพื่อนชั่วมันทำเป็นยิ้มตาลอยกันใหญ่ เดี๋ยวกุตีปากแตกเลย!

“ตกใจปะ?”

“โคตรมาก มาไม่บอก"

“ถ้าบอกก็ไม่ตกใจดิ"

เขาพูดแล้วหลุดขำ  ก่อนจะละสายตาจากผมแล้วไปหันหน้าเขากำแพงเพื่อมองหาปลั๊กไฟ ปล่อยให้ผมชวนคุยทั้งๆที่อีกฝ่ายยังก้มหน้าอยู่อย่างนั้น

"หาแท็กซี่ยากป่ะ"

"ไม่นะ"

เขาพูดพลางก้มลงไปเสียบปลั๊ก ก่อนจะหันกลับมามองหน้าผมพร้อมยิ้มให้กันนิดหน่อย แล้วหยิบกระเป๋าตังค์เตรียมจะลุกขึ้น แต่ผมกลับรู้ทัน เอากระเป๋าตัวเองยื่นไปให้เขาก่อน

"บอกแล้วไงว่าจะเลี้ยง"

คำพูดของผมทำให้เขาหยุดชะงัก ก่อนจะส่ายหน้ามาให้แทนคำตอบ ในขณะที่ผมก็ขมวดคิ้วมองหน้าเหมือนจะบังคับให้เขารับกระเป๋าไปให้ได้

"ไม่เอา~"

“เอาไป"

ผมพูดพร้อมกับยัดกระเป๋าตังค์ใส่มือเขา ก่อนจะทำเป็นกลับมาติวให้ไอ้พวกนี้ต่อ โดยที่ปลายสายตาเห็นอยู่ว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้ามุ่ย

แทนที่จะเดินตรงไปสั่งเครื่องดื่ม เขาดันมาหยุดอยู่ตรงไอ้โคนันที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ แล้วยื่นกระเป๋าผมให้มันหน้าตาเฉย

"อ่ะ เราฝากคืนเพื่อนหน่อยดิ"

แสบมั้ยล่ะคนเรา -_-

ผมมองตามคนที่เดินไปหยุดสั่งเครื่องดื่นที่บาร์แล้วได้แต่นึกคาดโทษในใจ  พร้อมกับที่ ไอ้โคนันโยนกระเป๋าสตางค์ลอยมาเพื่อให้ผมยกมือขึ้นไปรับ แล้วเอามาวางไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม

สักพักยิ้มหวานก็กลับมาพร้อมกับชาร้อนและน้ำเปล่า พออีกฝ่ายเห็นว่ากระเป๋าสตางค์ผมวางอยู่ใกล้ๆก็แอบขำนิดหน่อย ก่อนจะเปิดแม็คบุ๊กที่ดูเหมือนวันนี้จะต้องใช้เจ้าเครื่องใหญ่ในการทำงาน

"ฝากตัววันนึงนะ เราโดนเพื่อนทิ้งอ่ะ"

เขาพูดพลางหันมาส่งยิ่มให้เพื่อนๆของผม พอเห็นว่าพวกนั้นพยักหน้ารับและส่งยิ้มกลับไปเขาก็หยิบหูฟังขึ้นมาใส่แล้วนั่งทำงานต่อไปเงียบๆ โดยไม่สนใจพวกผมอีก

เวลาผ่านไปสักพัก ก่อนที่พวกผมจะพักกันอีกรอบตอนเที่ยงคืนกว่าๆ ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปตามสบาย ไอ้เบอร์ 1ลุกไปสูบบุหรี่จนได้ หลังจากบ่นว่าอยากอยู่พักใหญ่ ไอ้เบอร์2ไปโทรหาแฟนมันเหมือนเดิม ไอ้โคนันไปสั่งอะไรมากินเพิ่ม แล้วเดินเลยไปเข้าห้องน้ำ ส่วนยังคงผมนั่งอยู่ที่โต๊ะ...เพราะว่ายิ้มหวานของผมอยู่ที่นี่ทั้งคน

พอหันมามองคนข้างๆที่ยังคงนั่งทำงานอยู่เงียบๆแล้วก็นึกอยากจะหาเรื่องกวนเขาขึ้นมาเล่นๆซะอย่างนั้น

ผมฟุบตัวลงกับโต๊ะโดยหันหน้าไปทางเขา และมองคนที่มีสีหน้าจริงจังอย่างไม่รู้จักเบื่อ จนเจ้าตัวต้องส่งสายตากลับมาจนได้ แววตาคู่นั้นเหมือนจะถามผมว่า 'มองอะไร?' ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้น แล้วผลักหน้าผากผมเบาๆ พร้อมกับบ่น แล้วดึงหูฟังออกข้างนึง

“จ้องหน้ากันทำไมเนี่ย"

ผมไม่ตอบไม่สิ่งที่เขาถาม แต่กลับพูดในสิ่งที่กำลังคิดอยู่ออกไป
นั่นทำให้ยิ้มหวานขมวดคิ้วเข้าด้วยความสงสัย

"ยืมมือหน่อย"

ผมยื่นไปเอื้อมมือไปจับข้อมือข้างซ้ายที่ว่างอยู่ของเขา แล้วดึงมาตรงหน้าตัวเอง ระหว่างนั้น ยิ้มหวานก็ตอบกลับมา

"มือถืออ่ะนะ?"

“มือที่จับอยู่เนี่ย"

ผมพูดพร้อมกับสังเกตท่าทีของอีกฝ่ายไปด้วย และเห็นว่าเจ้าตัวไม่ได้มีท่าที่ปฏิเสธตอนที่ผมจับมือ เขาทำเพียงแค่ส่งสายตามองมายังฝ่ามือที่โดนขโมยไป แล้วทำหน้าเหมือนเพิ่งจะเข้าใจในคำพูดของผมก็ตอนนั้น
 พอรู้ว่าผมจะจับมือ เจ้าตัวก็ส่งสายตามองไปรอบๆ พอเห็นว่าไม่มีใครสนใจเราอยู่ เขาก็ปล่อยให้ผมทำตามใจ

“แปลกนะเนี่ย ยอมให้จับด้วย"

คำพูดของผมทำให้ริมฝีปากคู่นั้นเชิดขึ้น จนดูเป็นคุณหนูหยิ่งๆขึ้นมาทันตาเห็น พร้อมกับตอบกลับ

“ก็เห็นท่าทางเหนื่อยๆอ่ะ เราไม่อยากรังแกคนที่อ่อนแอกว่า

ถามจริง – ทำมาจากอะไรทำไมโคตรน่ารัก?

"5นาที เดี๋ยวคืน"

ผมพูดพร้อมกับกับก้มหน้าลง แล้วใช้มือของเขารองใบหน้าเอาไว้ก่อนจะนอนฟุบอยู่บนนั้น
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหนื่อยมาทั้งวันหรือว่าฝ่ามือที่ขโมยเจ้าของเค้ามามันนุ่มชวนเคลิ้มกันแน่ ผมถึงได้หลับไปอย่างรวดเร็ว

แต่ในช่วงที่กำลังจะหลับสนิท อีกฝ่ายก็ดันแกล้งขยับมือยุกยิก จนต้องฝืนลืมตาแล้วลุกขึ้นมามอง เห็นสีหน้าซนๆของคนตรงหน้าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งขู่เขาเล่นพร้อมกับแยกเขี้ยวใส่

“เดี๋ยวกัดมือเลย"

ได้ผล ได้ยินผมพูดปุ๊บเขาก็ทำหน้าตกใจ แล้วรีบเถียงกลับ

“กล้าเหรอ?”

“ลองมั้ยล่ะ?”

ผมพูดพลางทำท่าจะก้มลงไปกัดมือของเขาที่ยังคงถูกล็อคเอาไว้ตรงที่เดิม แต่แทนที่จะใช้ฟันงับลงไปบนเนื้อนุ่มๆ ผมกลับแตะริมฝีปากลงไปบนฝ่ามือของเขา ก่อนจะกลับไปฟุบหน้าอยู่ในท่าเดิมอีกครั้ง

“หมอ! เนียนไปแล้วนะ! รีบนอนเลย!"

“โอเคครับ 5 นาทีปลุกด้วยนะ"

“อืม"

ผมไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมองว่าอีกฝ่ายมีปฏิกริยาตอบกลับมาแบบไหน เพราะแค่รับมือกับตัวเองที่กำลังรู้สึกดีจนแทบบ้าผมก็ยังแย่ ปล่อยให้เวลาผ่านไปสักพักผมก็หันไปมองยิ้มหวาน ก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ด้วยมืออีกข้างที่ยังว่าง

พอเขาเห็นว่าผมหันมามองกัน เท้าที่อยู่ใต้โต๊ะก็ยกขึ้นมาเตะเข้าที่ขาผมเต็มๆ ริมฝีปากน่ารักของเขาคว่ำลงแถมยังปั้นหน้าดุใส่กัน ทั้งๆที่แก้มกำลังแดงจัด

วินาทีนั้น เมโลดี้อันเป็นเอกลักษณ์ของเพลงๆนึงก็ดังขึ้นมาในใจผม พร้อมเนื้อร้องท่อนแรก

ไม่แน่ใจกับท่าที แต่รู้ว่ามีความหมาย...


- - -


พวกผมแยกย้ายกันกลับบ้านตอนตีสาม ระหว่างที่กำลังเดินกลับไปที่รถ อยู่ดีๆยิ้มหวานก็แบมือแล้วยื่นมาขวางกันซะอย่างนั้น ผมหันไปทำหน้าง่วงใส่คนที่ยังคงตาสว่างถึงแม้ว่าตอนนี้จะดึกมากแล้ว พร้อมกับเอ่ยถาม

“อะไร?”

“เราอยากขับเบ็นซ์อ่ะ"

ผมยิ้มรับก่อนจะยกมือไปขยี้หัวเขาเล่นด้วยความเคยชิน แล้วจะยื่นกุญแจให้

“ขับไปแค่คอนโดนะ เดี๋ยวเราขับกลับบ้านเอง"
 
คนฟังรับกุญแจรถไป ระหว่างที่กดรีโมทปลดล็อคแล้วขึ้นมานั่งบนรถ เขาก็ชวนผมคุยไปด้วย

“อ้าว! ตอนหมอขับรถเรายังไปส่งเราถึงที่เลย ทำไมเราขับรถหมอแล้วเราไม่ได้ไปส่งบ้างอ่ะ"

ผมขึ้นมานั่งที่ว่างข้างคนขับ รู้สึกไม่ค่อยคุ้นกับการนั่งรถให้คนอื่นขับให้สักเท่าไหร่
แต่ในใจก็รู้สึกดีอยู่ไม่น้อยเลยเหมือนกัน

ก่อนจะส่งสายตาไปมองคนที่เอาของไปวางไว้ที่เบาะหลังรถ แล้วถามออกมา

“จีบเราเหรอ?”

ปฏิกริยาของเขาน่ารักดีครับ ยิ้มหวานหันมาทำตาโตใส่ผมพร้อมกับแก้มที่แดงขึ้นมานิดหน่อย พอตั้งตัวได้เขาก็โวยวายออกมาทันที

“จีบอีกแล้วนะ!”

“อ้าว เล่นทำเหมือนตอนเรามาตามจีบใหม่ๆทุกอย่าง ก็เลยนึกว่ากำลังจีบกันอยู่อ่ะดิ"

“ลืมตายังไม่ขึ้นอยู่แล้วยังจะมากวนประสาทกันอีก"

เขาเลิกสนใจผม แล้วพูดออกมาเหมือนกำลังบ่นกับตัวเอง ก่อนจะถอยรถออกจากที่จอด ส่วนผมที่นั่งมองท่าทางน่ารักๆตรงหน้าอยู่ก็ได้แต่ยิ้มออกมา

ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกันไหม...
แต่ผมว่า พรุ่งนี้ผมทำข้อสอบได้ชัวร์ๆ


- - -


ในเช้าวันสอบ...พวกผมทั้ง 4 คนก็เลยเดินเรียงกันไปในสภาพของซอมบี้ที่ใฝ่เรียนรู้คู่คุณธรรมนำสังคมหลุดพ้นจากยาเสพติด และนั่งทำข้อสอบเหมือนสมองโดนกินไปเรียบร้อยแล้ว

พอหลุดพ้นจากขุมนรกที่คนทั่วไปเรียกกันว่าห้องสอบ พวกผมก็มายืนมองหน้ากัน ส่งสัญญานเป็นอันเข้าใจว่าลา! แล้วก็แยกย้ายกันทันทีโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ตอนแรกผมตั้งใจจะกลับบ้าน แต่พอเปิดไลน์เข้าไปดูก็เห็นว่ามีข้อความมาพิมพ์ทิ้งเอาไว้ในกรุ๊ปครอบครัวจากแม่ของผม

เหมือนวันนี้คุณนายเค้าจะมีนัดทานข้าวพูดคุยกับเพื่อนสมัยเรียน แล้วก็รู้ว่าผมน่าจะสอบเสร็จช่วงเที่ยงเลยมาแวะบอกกันว่าให้ผมหาข้าวกินเองให้เรียบร้อยจากนอกบ้าน

นาทีนี้สถานการณ์เข้าทางโจรเต็มๆครับบอกเลย อ่านไลน์ของแม่จบปุ๊บ ผมก็แสดงบทบาทลูกที่ดีด้วยการพิมพ์บอกแม่ไปว่าปาร์ตี้ให้สนุกนะครับ ไม่ต้องห่วงผม ก่อนจะรีบถามยิ้มหวานต่อทันทีว่าวันนี้อยู่ห้องไหม จะออกไป

พออีกฝ่ายตอบกลับมาว่าคงอยู่ห้องทั้งวัน ผมก็เลยบอกไปว่าเดี๋ยวจะแวะเข้าไปหา เพราะโดนแม่ทิ้ง ไม่มีที่ไป
ไหน...รางวัลลูกดีเด่นประจำปีอยู่ไหน รีบเอามาให้ผมเหอะ -_-

ไปถึงปุ๊บก็โทรเรียกเจ้าของห้องให้ลงมารับ ก่อนที่สภาพของผมจะทำให้เขาหลุดหัวเราะออกมา แล้วถามต่อ

“หมอ...ไปโดนใครยิงถล่มมาเหรอ?”

ผมยักคิ้ว แต่ไม่ตอบ ก่อนจะรู้สึกได้ว่ามีมืออุ่นวางลงบนหัวของตัวเองแล้วขยี้เบาๆ พร้อมกับเสียงพูดของคนตรงหน้าที่ขยับเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม

“เมื่อวานก็ว่าแย่แล้วนะ วันนี้หนักกว่าอีกอ่ะ น่าสงสารคุณหมอจังเลย~"

เจ้าตัวบอกว่าน่าสงสาร แต่ผมกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นสักนิด จังหวะการหัวเราะที่แฝงอยู่ในคำพูดก็บอกอยู่ชัดๆว่าเขากำลังขำที่ผมมีสภาพย่ำแย่ขนาดนี้

ก่อนที่ผมจะจับมือที่ขยี้หัวผมเล่นไม่ต่างกับเวลาลูบขนหมา แล้วถือโอกาสจูงมือเขาเอาไว้พร้อมกับลากให้เดินไปหน้าลิฟต์ด้วยกัน สภาพง่วงจัดทำให้ผมต้องคอยบิดคอบิดตัวเพื่อคลายความรู้สึกเมื่อยๆหนักๆอยู่หลายครั้ง

ระหว่างที่ลิฟต์กำลังขึ้นสูงไปเรื่อยๆ ผมก็รู้สึกได้ถึงแรงบีบเบาๆที่เกิดขึ้นบนไหล่ทั้งสองข้าง พอสังเกตดูถึงได้เห็นว่าคนที่เคยยืนข้างๆกันตอนนี้ขยับไปยืนอยู่ทางด้านหลัง และกำลังใช้มือทั้ง 2 ข้างจับไหล่ของผมไว้ แล้วออกแรงบีบนวดลงมา

“รู้สึกดีขึ้นมั้ย?”

ถึงแม้ร่ายกายจะย่ำแย่จนแทบร่วง
แต่ความห่วงใยเล็กๆของเขาก็ทำให้หัวใจมันแข็งแรงขึ้นมาทันตาเห็น

“ดีโคตร"

“จริงเหรอ? เรานวดมั่วๆอ่ะ" 

“ก็ไม่ได้ดีเพราะนวด"

“...”

“ดีเพราะมีคนมาเป็นห่วง"

แค่นั้น...แรงบีบเบาๆที่ชวนสบายก็ได้เปลี่ยนเป็นแรงฟาดจากฝ่ามือแบบเต็มแรง พร้อมกับที่ประตูลิฟต์เปิดออก คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผมก้าวขึ้นมาแซงกัน ก่อนจะหันมาทำหน้ายู่ใส่ผม แล้วเดินนำออกไป

ก้าวเข้ามาในห้องยิ้มหวานปุ๊บ สิ่งแรกที่สายตาของผมจับจ้องไปคือโซฟาตัวใหญ่...​

หลังจากถอดรองเท้าเสร็จเรียบร้อยผมก็เดินตรงไปยังเบาะหนังนุ่มๆกลางห้องแล้วทิ้งตัวนอนลงทันที พร้อมกับส่งเสียงบอกเจ้าของห้องที่เดินตามมา

“นอนก่อนนะ"

หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ผมได้ยินเสียงยิ้มหวานทำอะไรสักอย่างอยู่ที่อีกฝั่งนึงของห้อง แต่ก็ไม่ได้ลืมตาดู จนกระทั่งรู้สึกได้ว่ามีแรงเขย่าเบาๆพร้อมกับเสียงที่ดังอยู่ใกล้ๆเรียกกันเอาไว้ก่อนที่จะหลับไป

“หมอ~~”

“ฮึ?”

"อย่าเพิ่งนอนดิ! ตั้งแต่เช้ากินอะไรรึยัง"

“ยัง ไอ้หมอบอกยังไม่หิว"

“นี่~ กวนตีนอีกทีเราโยนลงระเบียงเลยนะ คุยกันก่อน!"

“ยังไม่กินครับ ยังไม่กิน"

“งั้นก็กินซะ"

ทันทีที่เขาพูดจบ กลิ่นหอมหวานของน้ำตาลก็ลอยใกล้เข้ามา...
ก่อนผมจะรู้สึกได้ถึงสัมผัสนุ่มๆเหมือนขนมปัง กับรสชาติหวานๆของเกล็ดน้ำตาลที่ถูกจิ้มลงมาบนริมฝีปากซ้ำๆ
การรบกวนเล็กๆทำให้ผมลืมตาขึ้นมาครึ่งนึง เพื่อหรี่ตามอง

โดนัท... สีชมพูหวานแหววสิ้นดี - _ -

"ต้องกินเหรอ?”

ผมถามงัวเงีย ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจดึงกลับมา

"โดนัทมันใช้หยอดตาได้มั้ยล่ะ ของกินก็ต้องเอาไว้กินดิ!”

“ชิ้นใหญ่ กินไม่ได้"

“หมอก็กัดดิวะ ฟันน้ำนมยังไม่ขึ้นเหรอ?”

ได้ยินอย่างนั้นผมก็ส่งสายตาไปมองคนที่นั่งดูอาการผมอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเพลียๆ ก่อนจะยื่นมือไปจับต้นแขนเขา ดึงเบาๆสองสามทีแล้วพูดต่อ

“ป้อนหน่อยดิ"

ได้ยินปุ๊บ ยิ้มหวานก็ตอบกลับมาแบบไม่ต้องคิดเลยครับ

“กินเองไม่ได้ก็อดตายไปเลย"

เขาพูดพลางทำท่าจะลุกขึ้นจริงๆ จนผมต้องรั้งไว้

“เหอะน่า ป้อนหน่อยดิ ขยับแขนไม่ไหวแล้ว"

คนฟังเหมือนจะชั่งใจอยู่นิดหน่อย ก่อนเสียงถอนหายใจหนักๆจะดังตามมา พร้อมกับที่เขาทรุดตัวนั่งลงที่เดิมแล้วบ่น

“เพลียขนาดนี้ทำไมไม่กลับบ้านเนี่ย"

เขาพูดพลางดึงโดนัทไปจากมือผมแล้วฉีกออกเป็นชิ้นเล็กๆ ระหว่างนั้นผมก็ตอบกลับไป

“ที่บ้านไม่มีใครเลย พ่อทำงาน แม่ไม่อยู่ น้องไปเข้าค่าย วันนี้แม่บ้านไม่มา..."

ยังไม่ทันได้บรรยายความน่าสงสารของชีวิตนักศึกษาแพทย์คนหนึ่งจนครบ โดนัทชิ้นเล็กๆก็ถูกยัดเข้าปากผมในทันที...เป็นอันจบบทสนทนา

“บางทีเราก็สงสัยว่านี่หมอเหนื่อยจริงๆ หรือหมอกำลังหาเรื่องให้เราป้อนขนมอยู่กันแน่ว่ะ"

“อันหลังอยู่แล้ว"

ผมนอนเคี้ยวโดนัทรสชาติหวานจัดแล้วยักคิ้วให้เขาด้วยสภาพร่อแร่ ก่อนจะบ่นออกมาเบาๆ

“หวานโคตร"

หมายถึงเขาอ่ะ...

“ทนๆกินไปเถอะน่า กินน้ำตาลเยอะๆจะได้สดชื่น"

“ครับผม"

ผมนอนกินโดนัทหวานจ๋อยที่อีกคนป้อนให้จนหมด รู้สึกว่าน้ำตาลที่หวานบาดคอในตอนแรกก็ให้พลังงานดีเหมือนกัน พอยิ้มหวานลุกกลับไปทำงานสักพัก ผมก็หลับไปจริงๆ

[มีต่อค่ะ]
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 13-10-2015 14:50:04
[❤]

อาจจะเป็นเพราะว่าห้องนี้เงียบมาก...นอกจากเพลงสากลทำนองช้าๆเฉื่อยๆที่เจ้าของห้องเปิดทิ้งเอาไว้จากมุมทำงานแล้วก็ไม่มีเสียงอะไรอีก ผมเลยหลับสนิทแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลย และตื่นนอนขึ้นมาอีกทีตอนฟ้ามืด

พอหยิบมือถือขึ้นมากดดูเวลาก็พบว่าตอนนี้มันห้าทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว - _ -

สิ่งต่อมาที่ผมรับรู้คือเสียงพูดคุยที่ดังมาจากที่ไกลๆ ใช้เวลาตั้งใจฟังอยู่สักพัก ถึงได้รู้ว่าเสียงที่ว่านั่นคือการที่ของเจ้าของห้องที่กำลังคุยกับแก๊งเพื่อนสนิทที่อยู่อีกประเทศหนึ่ง

ผมนอนฟังบทสนทนาของพวกเขา แล้วก็รู้เลยว่าที่อีกฝ่ายบอกว่าตัวเองเก่งเรื่องเที่ยวญี่ปุ่นมากๆนี่ เจ้าตัวไม่ได้พูดเกินจริง เพราะตอนนี้เขากำลังวางโปรแกรมเที่ยวของวันถัดไปให้เพื่อน พร้อมแนะนำร้านที่น่าสนใจในย่านต่างๆได้เหมือนเป็นไกด์นำเที่ยว

แอบฟังเขาได้ไม่นาน ผมก็ตัดสินใจลุกขึ้น  พร้อมกับที่ได้ยินคำถามดังตามมาติดๆ

“เมื่อกี้เงาอะไรแว้บๆอ่ะมึง"

พออีกฝ่ายได้ยินอย่างนั้นก็หันมามองผม แล้วกลับไปตอบอย่างรวดเร็ว

“ไม่มีนี่"

“มีจริงๆเว่ย กูเห็น"

“ผีหลอกแล้ว!"

คำตอบของยิ้มหวานชวนให้ขำ แต่ผมก็ไม่ได้อยากจะไปแสดงตัวอะไรอยู่แล้ว เลยแวะเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ ก่อนจะเดินต่อไปยังระเบียงเพื่อสูดอากาศยามค่ำคืน นี่ถ้าอยู่กับไอ้พวกนั้นก็คงสูบบุหรี่กันคนละมวน นั่งจิบเบียร์แล้วคุยไร้สาระเรื่อยเปื่อยหาที่เที่ยวกันจนดึกดื่น

ได้ยืนรับลมพร้อมกับดูวิวกรุงเทพฯตอนกลางคืนจนรู้สึกสดชื่นขึ้นมาหน่อยผมก็กลับเข้ามาข้างใน  พร้อมกับรับรู้ว่าตัวเองกำลังเป็นหัวข้อสนทนาของกลุ่มเด็กสถาปัตย์อยู่พอดี

“พวกมึงหยุดพูดถึงหมอก่อนได้ไหม นี่เป็นเพื่อนกูหรือเป็นเพื่อนหมอกันแน่วะ"

“ก็พูดถึงมึงอยู่เนี่ย ว่ามึงดื้อแล้วหมอจัดการมึงได้"

“ไม่จริงอ่ะ ทำไมหมอต้องจัดการกูได้ พวกมึงอ่ะคิดไปเอง"

ริมฝีปากของผมยกยิ้มขึ้นโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น ก่อนจะนึกอยากแกล้งคนขึ้นมา

ผมเดินไปนั่งลงบนโซฟาแล้วหยิบหมอนอิงขึ้นมาถือไว้  รอจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังพูดเพลินๆก่อนจะโยนหมอนุ่มๆไปกระแทกแผ่นหลังเขาเข้าเต็มๆ

คนที่นั่งคุยกับเพื่อนอยู่ หน้าทิ่มไปนิดหน่อย ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงของเพื่อนเขาพูดตามมา

“ผีห้องมึงนี่แข็งแรงดีนะ"

“เหี้ย หุยปาก!”

“หมออ~”

พอได้ยินคนเรียก ผมก็มองสบตากับเจ้าของห้องที่หันมาหากัน พร้อมกับยักไหล่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วเดินไปนั่งลงใกล้ๆยิ้มหวานก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปในจอ แล้วทักเบาๆ

“ไง...”

ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ผมก็โดนฝ่ามือของอีกคนผลักหน้าให้หลุดออกจากกรอบไป ก่อนที่ยิ้มหวานจะเอามือไปปิดกล้องทางฝั่งตัวเองเอาไว้ จนเพื่อนของเขาเห็นทุกอย่างเป็นสีดำสนิท

“ขอบคุณนะที่คอยดูแลมันอะ"

“อือ เต็มใจว่ะ"

ผมตอบไปแค่นั้น ก่อนที่เพื่อนอีกคนจะพูดแทรกขึ้นมา

“ยิ้ม!! มึงเอามือออกจากกล้องได้มั้ย ยิ่งมึงปิดแบบนี้ยิ่งดูผิดปกตินะเว่ย!”

ได้ยินอย่างนั้นยิ้มหวานก็เอามือออก ทำให้ใบหน้าของเขาปรากฎให้เพื่อนๆเห็นอีกครั้ง พร้อมกับไหล่ของผมที่ติดเข้าไปบางส่วน

“เออ หันจอไปทางไอ้หมอด้วย กูจะคุยกับหมอ"

“นี่คอมกูนะ"

“มึงอย่างอแง เดี๋ยวกูให้หมอตี เร็วๆ"

คนโดนดุส่งสายตามาให้ผมแล้วทำหน้ายุ่ง ก่อนจะหันหน้าจอมาหากัน

“ไง เที่ยวสนุกปะ?”

ผมเอ่ยทักไปอย่างนั้น ดูเหมือนเพื่อนๆของเขาน่าจะกลับมาที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว และกำลังนอนเบียดกันอยู่บนเตียงเพื่อคุยกับอีกคนที่อยู่ทางนี้ พอผมถามไปแบบนั้นก็ได้ยินเสียงตอบรับกลับมา

“สนุกดี -- แกสอบเสร็จยัง"

“แล้ว วันนี้เลย"

“ดีอ่ะ สอบเสร็จปุ๊บมาหาเพื่อนเราปั๊บ ดีขนาดนี้ ถ้าจีบไม่ติดเดี๋ยวเราด่าไอ้ยิ้มให้"

ผมหัวเราะรับ พร้อมกับที่ยิ้มหวานหมุนหน้าจอกลับไป แล้วพูดออกมาพร้อมกับกดตัดสาย

“กวนตีน! กูวางละ"

ผมมองคนตรงหน้าแล้วได้แต่ขำ  ก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงเข้าไปในห้องครัว แล้วไปหยิบน้ำดื่มออกมาเทใส่แก้ว พร้อมกับสังเกตเห็นที่วางอยู่บนโต๊ะกินข้าวไปด้วย

บนนั้นมีกล่องโดนัทที่เขาเอามาบังคับให้ผมกินเมื่อตอนเที่ยง กล่องสีขาวประดับด้วยลายโลโก้ของร้าน แถมยังมีกระดาษโพสอิทใบเล็กแปะอยู่ กับลายมือหวัดๆ


- สู้เค้านะครับเด็กน้อย -


เด็กน้อยอะไรวะ?
แอ๊บแบ๊วสัด ใครเค้าเรียกผู้ชายอายุ 20 ว่าเด็กน้อย?  -_-

ผมมองกระดาษสีบาดตาแผ่นนั้นด้วยสีหน้าอธิบายไม่ถูก ก่อนจะรู้สึกว่ามีคนเดินมาลากเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงข้างๆกัน  มาถึงปุ๊บยิ้มหวานก็เปิดกล่องโดนัทแล้วหยิบขนมเคลือบน้ำตาลขึ้นมาทำท่าจะกิน ถ้าไม่โดนผมถามเอาไว้ก่อน

“วันนี้ออกไปไหนมาเนี่ย?”

ถามอ้อมโลกโคตรเลยครับ
ถ้าอยู่ๆจะไปถามว่า ใครให้โดนัทมา? ก็ฟังดูแปลกๆ แถมยังดูเสือกๆอีกด้วย
ทำเป็นถามเรื่องอื่นก่อนอย่างนี้นี่แหละดีแล้ว

คนฟังเลิกคิ้ว ทำตาโตมองหน้าผม ก่อนตอบ

"ไม่ได้ไปไหนนี่"

“อ้าว แล้วโดนัทนี่มาไงอ่ะ?”

นั่นแหละ! เข้าประเด็น!

“ลูกเพื่อนสนิทแม่อ่ะซื้อมาให้อ่ะ บังเอิญเจอกันตอนเรากลับบ้าน พี่เค้าคงเห็นเราเหนื่อยๆ แล้วบังเอิญผ่านมาแถวนี้พอดีมั้ง เลยซื้อขนมมาฝาก"

“เออดีอ่ะ  มีพี่ทำงานใกล้ๆคอยส่งขนม"

ที่ผมอยากถามคือจริงๆอะไร?
'ไอ้พี่นั่นมันทำงานแถวนี้รึไงถึงได้แวะมา?'
กูโคตรเกลียดตัวเองเลยนาทีนี้

“เปล่า ออฟฟิศพี่เค้าอยู่สาธร"

สาธรกับคอนโดยิ้มหวานนี่คนละทิศกันเลยนะเว่ย!
ผมมองคนที่กำลังจะอ้าปากงับโดนัทในมือแล้วทนไม่ไหวจนต้องก็ยื่นมือไปแย่งขนมในมือเขามาคาบเอาไว้เอง

ก่อนจะกัดเนื้อแป้งกับรสหวานจัดของน้ำตาลละลายที่เคลือบอยู่เข้าปาก กินไปเป็นชิ้นที่ 2 แล้ว แต่ผมก็ยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมคนถึงได้ชอบไอ้ขนมนี่นักหนา

ยิ้มหวานมองผมอยู่สักพักโดยไม่พูดอะไร พอเห็นว่าผมทำหน้าแหยๆเพราะรสชาติของสิ่งที่กินเข้าไป เขาก็หัวเราะออกมา พร้อมกับยกแขนขึ้นมาเท้าคางจ้องหน้าผม ก่อนจะถาม

“นี่คือหึงเราเหรอ?”

เชี่ย...โหมดนี้โคตรขยี้ใจ!

ลมหายใจผมสะดุดไปจังหวะนึง ก่อนจะพบว่าทางเลือกเดียวที่มีคือการยอมรับซึ่งๆหน้าครับ
ทำไปขนาดนี้แล้วจะแถไปทางไหนได้อีกวะ ถามจริง... ผมเลยยักคิ้วรับ 2 ทีแทนคำตอบ

“คิดเยอะไปแล้ว พี่เค้าไม่ได้จีบเราหรอก เป็นแค่พี่น้องกันจริงๆ..."

"..."

"หมอแม่งตลกว่ะ"

“ถึงกับต้องแม่ง?”

“ทำไม แม่งไม่ได้ไง?”

ผมหรี่ตามองคนที่หยิบโดนัทอีกชิ้นขึ้นมากินทั้งๆที่ยังยิ้มขำผมอยู่ไม่หาย
ก่อนจะทนไม่ไหวยื่นมือมาบิดปลายจมูกเขาเล่น พร้อมถาม

“เถียงเก่งไปปะวะ?”

“เพิ่งรู้เหรอ?”

เขาตอบแล้วทำตาโต  ดูสนุกที่จะแกล้งกันมากจนผมเห็นแล้วไม่รู้จะจัดการ
เลยเปลี่ยนไปถามเรื่องงานเขาแทน

“แล้วงานใกล้เสร็จยัง?”

“ใกล้...แต่ก็ไม่ใกล้อ่ะ"

“ห๊ะ? ต้องนั่งทำถึงเช้าเลยปะเนี่ย?”

“ไม่หรอก เดี๋ยวตีสามตีสี่ก็นอนแล้วมั้ง"

“เดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อน...”

ได้ยินผมพูดออกมาอย่างนั้น ยิ้มหวานก็ทำตาโตมองหน้าผมเหมือนจะงงๆ แล้วพูดต่อ

“บ้าดิ หมอจะมานั่งข้ามวันข้ามคืนกับเราทำไม เพิ่งสอบเสร็จไม่ใช่เหรอ? ไม่ไปเมากับเพื่อนอ่ะ?”

มีการไล่ไปกินเหล้าด้วยเว้ย -_-

“ไม่ไปว่ะ อยู่นี่แหละ สั่งสอนเด็กดื้อ"

ทำไม?
ไอ้เด็กส่งโดนัทนั่นยังเรียกเค้าว่า 'เด็กน้อย' ได้เลย
ทำไมผมจะเรียกเขาว่า 'เด็กดื้อ' มั่งไม่ได้
กูก็แบ๊วเป็นนะครับ...

“ดื้ออีกละ เราไม่ดื้อเว่ย ไม่เด็กแล้วด้วย"

“เออ...จริงๆก็ไม่ดื้อเท่าไหร่หรอก...”

“...”

เขาส่งยิ้มมาให้ทันทีที่ผมพูดจบ ก่อนจะหุบยิ้มแล้วทำหน้ามุ่ยทันทีที่ได้ยินประโยคถัดมา

“แต่ชอบทำตัวเหมือนอยู่คนเดียวในโลก ไม่ยอมพึ่งใคร ไม่ยอมให้ใครช่วย"

เพราะผมพูดโดยไม่มีท่าทีเหมือนกำลังล้อเล่น  คนฟังเลยหลบสายตาไปนิดนึง ไม่แน่ใจว่ากำลังรู้สึกผิด หรือน้อยใจที่โดนผมดุเข้านิดๆกันแน่...

ก่อนที่ผมจะพูดประโยคถัดไปพร้อมกับยกมือขึ้นดีดหน้าผากเขาเบาๆ  1 ที
และมันทำให้เขามองกลับมาที่ผม

“ลืมไปแล้วมั้ง ว่าเราตามจีบอยู่"

“บ้าดิ ลืมได้ไง หมอจีบหนักขนาดนี้"

“จริงปะ ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย"

ผมพูดพลางทำหน้าทะเล้น แล้วสีหน้านั้นก็ทำให้รอยยิ้มของเขากลับมาอีกครั้ง

“ยิ้มละ...ดุนิดเดียว หงอยเลย"

“ก็อย่าดุมากดิ"

เขาพูดพลางลุกขึ้น เอาโดนัทบนโต๊ะเข้าไปเก็บในตู้เย็น ก่อนจะหันมาพูดกับผมด้วยท่าทีเหมือนกับกำลังพูดเรื่องทั่วๆไป

“อยากนั่งเฝ้าเราก็ตามใจ เบื่อจนทนไม่ไหวเราไม่ลุกมาเล่นด้วยหรอกนะ"

น่ารักไปปะวะคนเรา?

คนที่บอกผมเอาไว้ดิบดีว่าจะไม่สนใจหรอกถ้าผมเบื่อขึ้นมา นั่งทำงานอยู่สักพัก ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องนอนแล้วกลับมากับกล่องพลาสติกใบใหญ่ พอเขาเข้ามาใกล้ผมถึงได้เห็นว่ามันคือกล่องใส่แผ่นดีวีดี เขาวางมันลงบนโต๊ะตัวเล็กหน้าโซฟาแล้วหันมาบอกกัน

“ ไม่มีอะไรทำก็ดูหนังได้นะ รื้อตามสบายเลย"

ผมละความสนใจจากการ์ตูนที่อ่านอยู่ในไอแพดแล้วขยับตัวไปหยิบดีวีดีในกล่องขึ้นมาดู มีตั้งแต่ภาพยนตร์ไปจนถึงซีรี่ย์ฝรั่งเรื่องดัง

“ขอบคุณนะ"

“อืม...เราไปทำงานต่อละ"

ผมนั่งอ่านการ์ตูนไปเรื่อยๆ เปลี่ยนไปตอบไลน์บ้างเล่นเกมบ้าง รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เจ้าของห้องเขาก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องนอนอีกครั้งตอนตี 3 คราวนี้เขาหายไปพักใหญ่ แล้วกลับออกมากับข้าวของเต็ม 2 มือ ก่อนจะเดินมาหยุดลงตรงหน้าผม พร้อมกับยื่นอะไรบางอย่างให้

“หมอ...อาบน้ำปะ?”

ผมเงยหน้ามอง แล้วเดาเอาจากกลิ่นหอมอ่อนๆกับเสื้อผ้าที่เปลี่ยนไป ว่าอีกฝ่ายก็คงไปอาบน้ำมาเหมือนกัน พอมองลงมายังของที่เขายื่นมาให้ ก็ต้องเดาต่อไปอีกว่าน่าจะเป็นเสื้อผ้าที่จะให้ผมเปลี่ยน

“เราเอาชุดมาให้ เผื่ออยากอาบน้ำ"

ผมยื่นมือไปรับของจากเขา แล้วหยิบขึ้นมาดูทันทีว่าอีกฝ่ายเอาอะไรมาให้ใส่ พอเห็นว่าเป็นเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงวอร์มสีเทาที่ผมน่าจะใส่ได้สบายๆก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

“ข้อดีของการมีแฟนเป็นผู้ชายนะเนี่ย"

ผมแค่พูดเล่นๆ แต่อีกฝ่ายกลับอายขึ้นมาซะอย่างนั้น...
ยิ้มหวานซ่อนท่าทีเขินๆของตัวเองด้วยการย่นจมูกเข้า ก่อนจะยกเท้าขึ้นมาเตะหน้าขาผมอีกแล้ว

ทำอะไรไม่ได้ก็เตะกันตลอด  -_-

“พูดงี้ แสดงหมอซักแห้งเวลาไปนอนบ้านสาวๆบ่อยอ่ะดิ"

“ไม่ใช่ละ"

พอเห็นว่าผมตอบกลับด้วยหน้านิ่งๆ อีกฝ่ายก็หลุดขำ ยกมือขึ้นมาโบกให้ผมแล้วบอกกันสั้นๆว่า 'ไปละ' ก่อนจะกลับไปทำงานต่อ

ผมนั่งอ่านการ์ตูนเรื่องนี้จนถึงตอนล่าสุด ก่อนจะรู้สึกว่าควรจะลุกขึ้นไปอาบน้ำเหมือนกัน เพราะอยู่กับชุดนักศึกษามาทั้งวันแล้ว

หลังจากที่ลุกขึ้นยืนแล้วหยิบเสื้อกับกางเกงที่ยิ้มหวานเอามาให้ขึ้นมาถือไว้
ผมก็...ไม่รู้ว่าต้องไปอาบน้ำที่ไหน -_-
เพราะเท่าที่จำได้ ห้องน้ำข้างนอกมันน่าจะไม่มีโซนสำหรับอาบน้ำ

ทางเดียวที่มีก็คือต้องถามเจ้าของห้อง...

“ยิ้ม...เราอาบน้ำที่ไหนได้อ่ะ"

"อ๋อ..." คนที่นั่งทำงานอยู่รับคำ ก่อนจะเงียบไปนิดหน่อยเพื่อใช้ความคิด แล้วตอบกลับมา "อาบในห้องเราก็ได้"

พูดจบเขาก็ลุกขึ้น หันมามองผม ก่อนจะกวักมือเรียกกันแล้วเดินนำไปยังห้องนอน ในระหว่างนั้นผมยังคงยืนอยู่ที่เดิมพร้อมกับคำถามในใจ เอางั้นเลยเหรอวะ?

ผมคิดไปคิดมาเหมือนกำลังเถียงกับตัวเอง และพบว่า...
ทั้งผมและเขา เราก็เป็นผู้ชายกันทั้งคู่ ถ้าไม่คิดอะไรให้มันมากเกินความจำเป็น
มันก็คงไม่ต่างจากการที่ผมไปนอนเล่นในห้องนอนไอ้พวกเวรสามตัวนั่น

ผมว่าเขาก็คงพยายามอยู่ที่จะไม่แสดงท่าทีอะไรให้มันเกิดสถานการณ์ชวนอึดอัด
ในเมื่ออีกฝ่ายไว้ใจกันมากขนาดนี้ ผมเองก็ควรจะทำตัวดีๆให้สมกับที่เขาเชื่อใจ ถูกไหม?

ท่องไว้ไอ้หมอ...
พูดจาปกติ ทำตัวตามธรรมชาติ อย่าทำให้เขาไม่สบายใจ
ตกลงกับตัวเองเรียบร้อบ ผมก็เดินตามเขาเข้าไป

ห้องนอนยิ้มหวานตกแต่งด้วยโทนสีเดียวกับด้านนอก ในห้องมีเตียง ตู้เสื้อผ้า โทรทัศน์ และสิ่งอื่นๆที่ไม่ต่างจากห้องนอนทั่วไปมี ทุกอย่างถูกจัดเอาไว้อย่างเรียบร้อย แต่สิ่งที่ผมชอบคือกลิ่นหอมอ่อนๆที่รู้สึกได้ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องนี้

มันเป็นกลิ่นที่ไม่ต่างจากห้องรับแขกด้านนอก แต่หอมมากกว่าเพราะมีกลิ่นอายความเป็นส่วนตัวของเขาแฝงอยู่

อีกรอบนะมึง...
 พูดจาปกติ ทำตัวตามธรรมชาติ อย่าทำให้เขาไม่สบายใจ

เจ้าของห้องหันมามองผมที่ยังไม่รู้จะเอาตัวเองไปวางไว้ตรงไหนดี  ก่อนจะพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม

“เรียบร้อยอ่ะดิ"

“อืม...มากอ่ะ"

“ไม่ค่อยได้นอนไง ส่วนใหญ่หลับคาคอมอยู่ข้างนอกมากกว่า"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็พยักหน้ารับ แล้วตอบกลับไป

“ก็ว่าอยู่..."

“เออใช่! เรายังไม่ได้หยิบผ้าเช็ดตัวให้หมอ"

อยู่ดีๆเขาก็พูดออกมาพร้อมกับทำตาโต ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ผมพร้อมกับเปิดตู้เสื้อผ้าที่อยู่ทางขวามือออก และหยิบผ้าเช็ดตัวมาถือเอาไว้ ไม่ทันได้ยื่นผ้าผืนนั้นให้ เจ้าตัวก็พูดออกมาอีก แล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ

“แปรงสีฟันด้วย!"

ผมมองคนที่เดินไปเดินมา แบบที่เห็นได้ชัดเลยว่าดูลนลานกว่าทุกครั้งแล้วก็เดาได้ไม่ยากหรอกว่าอีกฝ่ายก็คงจะเขินไม่แพ้กัน

สักพัก...ผ้าขนหนูเนื้อนุ่มสีน้ำเงินเข้มก็ถูกยื่นมาให้ตรงหน้า โดยที่มีแปรงสีฟันที่ยังอยู่ในกล่องวางอยู่ข้างบน กับถุงพลาสติกใสๆ

“นี่ถุงซิปล็อค เอาไว้ใส่เสื้อผ้าของวันนี้นะ"

“อ...อืม"

ผมรับคำแบบที่สมองยังคงประมวลอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่
งงอยู่ว่า แค่มนุษย์คนนึงจะอาบน้ำที่บ้านคนอื่นนี่มันต้องใช้อุปกรณ์เยอะขนาดนี้เลยเหรอ?

“กางเกงในด้วยปะ? เรามีแบบที่ยังไม่ได้แกะอ่ะ คือ...เพื่อนๆเรา....ซื้อทิ้งไว้.."

นี่มันคอนโดส่วนตัวจริงเหรอวะ?
-_-

ผมรับผ้าขนหนูผืนนั้นเอาไว้ แล้วก็ยืนนิ่งๆอยู่ตรงหน้าเขา ก่อนที่ยิ้มหวานจะเริ่มเดินไปทั่วห้องอีกครั้ง

...มันชักจะ พูดจาปกติ ทำตัวตามธรรมชาติ อย่าทำให้เขาไม่สบายใจ ไม่ไหวขึ้นมาเพราะท่าทีของคนตรงหน้านี่แหละ

สักพักกระเป๋าพลาสติกใสๆที่ใส่กางเกงในสามตัวอัดแน่นกันอยู่ในนั้นก็ถูกยื่นมาตรงหน้า

โอเค...กูมาถึงจุดที่กำลังยืมกางเกงในจากคนที่ตัวเองชอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เปิดประสบการณ์ใหม่เหี้ยๆ -_-

คนที่อยู่ตรงหน้าผมมองกองข้าวของเยอะแยะที่อยู่ตรงหน้า แล้วยิ้มออกมาด้วยท่าทีเขินๆ

“แหะ...ของเต็มเลย..."

“มากอ่ะ"

“ห้องน้ำอยู่มุมขวาในสุดของห้อง ของในนั้นใช้ได้ตามสบายเลยนะ ครีมล้างหน้าอยู่ตรงอ่างอาบน้ำ แล้วก็ สบู่กับยาสระผมอ่านชื่อเอาที่ขวดนะ ไดร์เป่าผมอยู่ในตู้หลังกระจก สับสวิตซ์ก่อนเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย.....นะ"

คำพูดของเขาสะดุดไปเพราะผมรวบถือของทั้งหมดไว้ด้วยมือข้างเดียว และใช้อีกข้างที่ว่างอยู่นั่นจับต้นแขนเขาเบาๆ แล้วพูดออกมา

“ยิ้ม...”

อีกฝ่ายขมวดคิ้วเข้าจนยุ่งเหมือนคนกำลังทำอะไรไม่ถูก เขาสบตาผมครู่หนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนไปตรึงสายตามองค้างอยู่ตรงห่อผ้าขนหนูในอ้อมกอดของผม โดยไม่ยอมสบตากันตอนที่ตอบกลับมา

“อ....อะไร?”

“ใจดีขนาดนี้ เราจะมีความหวังแล้วนะ"

คำพูดของผมเหมือนจะไปกระเทาะเปลือกบางๆที่เขาสร้างขึ้น...
นั่นทำให้เจ้าคนฟังตกอยู่ในสภาวะคุมสถานการณ์ไม่อยู่ยิ่งกว่าเดิม

ยิ้มหวานดูเขิน...เขาเขินมากกว่าครั้งไหนๆที่ได้ยินคำพูดหยอดๆของผม น่ารักดีที่ตอนนี้นิ้วมือของเขากำลังจิกปลายเสื้อของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย

ไม่ทันไรเขาก็จัดการทุกอย่างได้ คนตรงหน้าผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหายใจออกจนสุด แล้วเงยขึ้นมามองสบตากับผมเหมือนเดิม โดยที่ความรู้สึกขัดเขินก็ยังคงมีให้เห็น...

“ก็...ตามใจหมอดิ"

กลายเป็นว่าผมกลับมาเป็นฝ่ายที่ถูกเขาจู่โจม...
คำตอบที่ได้ยินเรียกให้ผมก้าวเท้าเข้าไปใกล้เขามากขึ้น

ผ้าขนหนูนุ่มๆในมือที่ผมถืออยู่มันแทบจะโดนแขนอีกข้างที่เขาทิ้งไว้ข้างลำตัว ตอนที่ผมก้มหน้าลงไปแล้วพูดเบาๆ

“ถ้าตามใจเรา....”

ไหล่ของเขาเกร็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตอนที่ผมขยับเข้าไปใกล้
อีกฝ่ายเหมือนจะพยายามก้าวเท้าหนี แต่ร่างกายก็ไม่ยอมขยับไปไหนเพราะฝ่ามือของผมที่สัมผัสต้นแขนเขาอยู่มันจับกระชับแน่นเข้า
ระหว่างที่ผมก้มหน้าลง แล้วประทับริมฝีปากลงไปบนผิวแก้มนุ่มที่มุมปากอย่างแผ่วเบา


“...ก็จะเป็นอย่างนี้นะ”



tbc.


- - - -




ไอ้น้องหมอลูกแม่...
ไหนวะ "พูดจาปกติ ทำตัวตามธรรมชาติ อย่าทำให้เขาไม่สบายใจ" ของแก.... -*-
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: แพรวฐา ที่ 13-10-2015 15:23:15
 :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 13-10-2015 15:25:00
ดีใจกับหมอด้วยยยย ก้าวไปอีกขั้นแล้ววว  :impress2:
ทั้งคู่ดูเขินนะตอนอยู่วในห้องนอน ยิ้มหวานน่ารักมากกก  :-[ :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: Nongying2012 ที่ 13-10-2015 15:25:30
แค่เขาหอมแก้มกันก็ฟินยิ่งกว่า NC โอ๊ยเขิน :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-10-2015 15:28:57
หมอยืมกางเกงในยิ้มหวาน :mew3:

หวังว่าอีกไม่นานหมอจะไม่ต้องยืม

เพราะของใช้ส่วนตัวและตัวหมอเองจะมาอยู่ที่ห้องยิ้มหวาน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: lonesomeness ที่ 13-10-2015 15:29:25
เขินจนต้องจิกเท้า
เง้อ เขินง่าาาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 13-10-2015 15:40:13
เขาหอมแก้มกันแล้ววววววว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 13-10-2015 16:02:26
 :hao7:  ยิ้มน่ารักหมอก็น่ารัก  :katai4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 13-10-2015 16:02:40
ไอ้ที่ทำตัวปกติไม่ได้สุดๆ ก็คนอ่านนี่แหละ

เขินจนกัดหมอนกระจุยไปแล้ว

โอย....ใจละลาย

หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 13-10-2015 16:04:39
เขินหมออ่ะ >_<



ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-10-2015 16:10:03
เขินเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 13-10-2015 16:15:53
เมื่อไหร่ยิ้มจะยอมใจอ่อนซะที หมอสู้ สู้  :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 13-10-2015 16:16:28
นี่แหละคือ "พูดจาปกติ ทำตัวตามธรรมชาติ อย่าทำให้เขาไม่สบายใจ"
พูดจาปกติ คือ พูดหยอดเป็นปกติ
ทำตัวตามธรรมชาติ คือ จีบเนียนๆ แต๊ะอั๋งตามธรรมชาติ
อย่าทำให้เขาไม่สบายใจ คือ จุ๊บแก้มเบาๆ ขั้นเริ่มต้น ไม่จู่โจมมาก แค่นี้ ยิ้มหวานก็ไม่ตกใจ สบายใจหายห่วง

กรี๊ดดดดดดดดดดดดมาก ขอบอก ตอนแรกคิดว่าหมอมันไม่มีน้ำยา ที่ไหนได้ น้ำยาของหมอมันมาแบบกระปิ้ด กระปิ้ด แต่ฟินมากเลยอะ
 :-[  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 13-10-2015 16:36:43
แอร๊ยยยยยยยยย
้เขินอย่างบ้าคลั่ง
จีบไม่ติดให้มันรู้ไปสิ
อ่อย แถมให้ท่าขนาดนี้แล้ว
เขินมาก บอกเลย อ่านไปร้องไปอะ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: silverrain ที่ 13-10-2015 17:04:53
งื้อ น่ารักอ่ะ
เค้าหอมแก้มกันแล้ว เขินヾ(*´∀`*)ノ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 13-10-2015 17:10:57
จุ๊บแก้มก็ยังดีเนาะหมอเนาะ!!!!!!!
อย่างฟิน อร๊ายยยย เขินอะดิๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 13-10-2015 17:32:19
จิ่กหมอนนนนาน><
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 13-10-2015 17:46:32
อ่านไปยิ้มไป T///////////T
โอ้ยยย หมอน่ารักอะะะะะะะะะะ
ยิ้มหวานก็น่ารัก T//////T
อ่านแล้วอยากฟัดทั้งหมอทั้งยิ้ม  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 13-10-2015 17:53:20
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 13-10-2015 17:54:42
เขินนนนนนนนนนนน   :-[ :o8:
น่ารักมากอ่ะหมอออออออออ :z3: :hao7:
ก้าวไปอีกขึ้นแล้วน๊าาาา ฮึ๊บบบบ :katai4: :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: Jeyibee ที่ 13-10-2015 18:02:27
คือเราฮาประโยคนี้มากอ่ะ...-->โอเค...กูมาถึงจุดที่กำลังยืมกางเกงในจากคนที่ตัวเองชอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เปิดประสบการณ์ใหม่เหี้ยๆ -_-
จี้สุดๆเลยค่ะ55555+
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: 1andonly ที่ 13-10-2015 18:08:10
This story always makes me smile. Thanks a lot for the lovely story.
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 13-10-2015 18:30:30
เหยยย เราเขินนะเว้ยหมอ
โท่ดๆ #แมวพิมพ์
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 13-10-2015 18:30:36
นี่เขาแค่หอมแก้มกัน อิคนอ่านก็เขินจนตัวแทบแตกแล้ว  :-[
ถ้ามากกว่านี้ สลบค่ะ :jul1:
น่าร้ากกกกกก เป็นแฟนกันหรือยังไม่เป็น ไม่มีความหมายเลยตอนนี้ ฟินมากกกก :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 13-10-2015 18:38:47
 :-[

หอมแก้มแล้ววศ

มุ้งมิ้งมากอ่ะ

 รอตอนต่อไป อย่างใจจดจ่อ

  :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 13-10-2015 18:58:40
จุดนี้มันฟินมาก อ่านมาตั้งนาน ได้หอมแก้มยิ้มซะที  :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-10-2015 19:03:37
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 13-10-2015 19:05:33
หวายย หวายยยยยย  :hao7: :hao7: :hao7:
เขินแทนยิ้ม  อ๊ากกกกกกกกกก  :-[ :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 13-10-2015 19:15:05
กรัสสสสสสสสส  น่าร๊าคคคค  สาสๆ  เลย หมอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 13-10-2015 19:35:41
เขินอ่าาาาาาา  สอบเสร็จละหมอจัดหนักเชียวน๊าาาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: Toei-Toei ที่ 13-10-2015 19:40:30
เขิลแรงงงงงง  :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 13-10-2015 19:54:08
หมอออออออออออ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 13-10-2015 20:06:53
ความสัมพันธ์พัฒนาอย่างก้าวกระโดดไปแล้วนะ  อิอิ  ชอบมากจ้า
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: that girl ที่ 13-10-2015 20:08:03
แค่เขาคุยกันเราก็เขินแล้ว นี่เขาหอมแก้มกัน โหยย หมอนแทบขาด

ไม่ต้องมี NC ก็ฟินสุด
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 13-10-2015 20:34:32
กรี๊ด!!!!~!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 13-10-2015 21:07:00
น่ารักมากกกกกกกกก
นี่ขนาดแค่หอมแก้มนะ ยังเขินขนาดนี้ โอ๊ยยยยยย  :katai4:  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 13-10-2015 21:09:02
หมอทำตามใจมากกว่าทำตามธรรมชาติแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 13-10-2015 21:20:56
หมอก็อดทนมาเยอะแล้วแหละ
ยิ้มน่ารักขนาดนี้ อดใจไม่ฟัดอยู่ได้ยังไงมาตั้งนาน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: ao16 ที่ 13-10-2015 21:23:30
 :o8: :-[ :impress2: :L1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 13-10-2015 21:30:36
งื้อออออออออ เขินมากก ฟินมากกก ทั้งมือทั้งเท้า บิดไปหมดแล้ววววว :-[ :o8: :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: DZiik ที่ 13-10-2015 21:37:25
ยิ้มน่ารักกกก  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 13-10-2015 21:38:25
อ๊ายยยยยยย แค่หอมแก้มยังทำให้เขิน(แทน)ได้ขนาดนี้
แล้วถ้ามีจุ๊บจะ(ยิ่ง)เขิน(แทน)ขนาดเนี่ยเนี่ยยยยยยย

 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-10-2015 21:43:08
ฮิ้ ฮิ้ว วววววว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-10-2015 21:48:15
เขินหนักมาก(จิกหมอนขาด) >///<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 13-10-2015 21:54:16
อ๊ากกกกกกกกกกกก!!!!!!

ตามใจหมอ~~~~~!!!!!!

จิกผ้าห่ม นอนกัดหมอน อุแว๊กกกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: แป้งข้าวหมาก ที่ 13-10-2015 22:13:54
น่ารักเกินไปแล้วววว.  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: dekeepstar ที่ 13-10-2015 22:28:14
บอกได้คำเดียวว่า
เขินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
 :hao5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 13-10-2015 22:28:52
ฟินจร้า
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 13-10-2015 23:06:28
หมอออ โอ้ยเขินตัวจะแตกแล้ว
ยิ้มยังไหวไหมลูก จิตหลุดหรือยัง 5555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: Panehove ที่ 13-10-2015 23:50:39
เขินแทนยิ้มอ่ะ อ่านตอนนี้ฟินอ่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 14-10-2015 00:11:06
อ๊าย ทำตัวปรกติ :hao6:  :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 14-10-2015 05:40:23
 :hao7: กรี๊ดดดดดดดดดดดดดหมออ่า
รุกแรงขึ้นเรื่อยๆเลยนะ เดี๋ยวยิ้มหวานก็เป็นลมหรอก
โอ๊ยเขินแรงมาก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 14-10-2015 06:14:22
เพิ่มเข้ามาอ่านจร้าาาาาา
ตอนสุดท้ายนี่คือฟินมากอ่ะ หอมแก้มเบาๆ  -//////-
จีบกันแบบตัลลั๊กกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 14-10-2015 10:06:49
กรี๊ดดดดดดดดดด ฟินตัวแตกเลยจร้าาาา  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 14-10-2015 10:13:34
ตอนนี้หมอพูดคำว่าน่ารักหลายรอบมาก แต่ยิ้มหวานก็น่ารักมากจริงๆแหละ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 14-10-2015 12:09:35
อีกรอบนะ
 พูดจาปกติ ทำตัวตามธรรมชาติ อย่าทำให้เขาไม่สบายใจ

55555 เขินมากกกกกจูบแก้มยังเขิน ชอบในที่สุดยิ้มหวานก็ออกอาการ เย่ เริ่มใกล้สำเร็จแล้ว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 14-10-2015 12:57:47
โอ้ยยยยยยยยบบบบ~~~ โคตรเขิน...นี่ขนาดแค่หอมแก้ม  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: biibbmnt ที่ 14-10-2015 13:31:18
ถ้าเค้าจูบกันคนอ่านจะเป็นตายร้ายดียังไง555555555555
แค่หอมแก้มตัวก็จะแตกละ  :katai2-1: :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: maminto ที่ 14-10-2015 13:57:56
นี่นี่ เขาสองคนเขินกันเองแล้วคนนอกจออย่างฉันไปเขินอะไรกับเค้าค๊าาา
อ่านไปบิดไป อ่านตอนนึงใช้เวลาเขินทีละบรรทัดนานมากกกก

จีบกันได้ก๊าวสุดๆ เขินง่ะหมอง่ะยิ้มง่ะง่ะง่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 14-10-2015 14:22:10
โอ๊ยยยยย มันฟินมาก น่ารักมาก เขิลลลลมากค่ะคุณ
แค่หอมแก้มแต่คนอ่านตายไปแล้วค่ะ :-[
อิจฉาพี่หมออออ  :ling1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 14-10-2015 15:20:30
 :give2: :give2: :give2: :give2:

น่ารักไปแล้ว เขินสุดๆ หมอได้เข้าห้องนอนยิ้มไม่พอยังได้จุ๊บยิ้มอีก  :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: khunkun91 ที่ 14-10-2015 16:16:01
ปกติได้ที่ไหนเล่า อ่านไปก็จิกมือตัวเองไป
 :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: ที่เดิมในหัวใจสาววาย ที่ 14-10-2015 18:56:53
อ่านไปก็หยุดไป อ่านต่อยาวๆไม่ได้ ใจจะขาดตาย :hao7: เขินจนคิดว่าตัวเองเป็นยิ้มหวาน5555 ตอนนี้ยิ้มปากแทบฉีก  :o8: :o8:
ขอแสดงความยินดีกับหมอด้วย ได้หอมแก้มยิ้มหวานแล้ววว  :mc3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 14-10-2015 20:05:06
จิกหมอนกะนไปเลย นี้แค่หอมน่ะ ย้ำแค่หอมแก้มมุมปากอีกด้วย
ทำตัวปกติมากหมอ ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: Arancia ที่ 14-10-2015 23:20:16
โอยยยยยน่ารักมาก
ยิ้มจ๋าหมอจ๋า หวานกันเกินไปแล้วววว
ชอบมาก อ่านแล้วฟีลกู้ดมีความสุขฟินยิ้มแก้มปริตลอด คนแต่งเก่งจุง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: duckduckk3 ที่ 15-10-2015 09:46:46
ยิ้มมมมม อย่าเขินดิ 555555555555
หมอเอ้ยยยยยยย หยอดตลอดดดดดดด
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 15-10-2015 10:00:46
กรี๊ด เค้าหอมแก้มกันแล้วววว
หมอเท่โคตรอ่ะ ยิ้มก็น่ารัก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 15-10-2015 16:11:28
อยากขับเบนซ์บ้างอ่ะหมอออออ >__<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 15-10-2015 16:41:56
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน ทั้งสองคนน่ารักมากเลย  :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 15-10-2015 19:48:07
อ๋อยยยย บอกเลย ฟินสุดๆ ฮ่าๆๆๆๆ   :-[
รอออออออ   :katai5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 15-10-2015 23:52:30
ขอแปะ  :L1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: FaiiFay_Elle ที่ 16-10-2015 09:51:20
 :haun4: :pighaun: :pighaun: ตายยย เลือดกำเดาหมดตัว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 17-10-2015 22:39:06
น้องยิ้มทำไมน่ารักเง้ น่าฟัดมาก หมอคืออดทนขั้นแมกซ์มาก เราเห็นใจหมอมาก
เล่นน่าระชักแอทแทคๆๆๆ แบบนี้ อยากได้เป็นแฟนจริงวุ้ย ไม่ต้องจ่งจีบ มัดมือชกเล้ย

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: ketekitty ที่ 17-10-2015 23:12:04
ยิ้มกว้่างๆ ตามยิ้มหวานเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: GlassesgirL ที่ 18-10-2015 10:29:40
เขิน ยิ้มหวานน่ารักมากอะ ก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้วนะหมอ :-[

 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 18-10-2015 13:44:59
หมอรุกแรงมากกกกกก
ขอบค่าาา 55555555
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-10-2015 15:34:47
แอร๊ยยยยย เขินหนัก หมายถึงคนอ่านนะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: gessuriyong ที่ 18-10-2015 17:20:59
คนอ่านตายคาที่จิมๆ  :-[ :-[

หมอแบบเนียนมาก แล้วแบบ...... อร๊ายยยยยยยยยยยยยย

ขอบคุณคนเขียนมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 20-10-2015 00:41:47

ตาย ตาย ตาย...
อ่านแล้วตายไปเลย
มันดีงาม มันจิกหมอน มันนอนกลิ้งไปมาตอนที่เขาอรั๊ยใส่กัน!!

รออ่านเลยว่ายิ้มหวานจะทำยังไงที่หมอทำตามใจตัวเองแบบนี้
(จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย!... เฮ่ย!! ไม่ใช่งานแต่ง!!!)

เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^
   
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 20-10-2015 01:34:36
หวานระเบิดไปเลยตอนนี้
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 20-10-2015 01:44:56
คือเค้าพากันเดินมาถึงจุดนี้แล้ว โอ๊ยฟินร่างระเบิด
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: 123shark ที่ 20-10-2015 15:38:29
แอร๊ยยยยยยยย นี่มันนิยายอะไร !!!!!!!!!
ฟินตั้งแต่ตอนแรกที่อ่านจนต้องรีบมาเม้น คืออ่านไปยิ้มไป นึกภาพออกเป็นฉากๆ
เขินนนนน :impress2: :-[ :o8:

อิหมออ้อยมากกก นี่น้องยิ้มหวานไม่รู้เลยสิว่าแกอ้อยอ่ะ แหม่
คนบ้าไรเขียนไอดีไลน์ตัวเองไว้ที่ชีทฟะะ น้องยิ้มหวานรู้แล้วว่าจีบชัวร์ๆ :laugh:

ปล. สะดุดตาเรื่องนี้หลายรอบและ แต่ไม่ได้กดเข้ามาอ่าน คิดว่าจะเป้นเรื่องหมอๆ คนไข้ไรงี๊ ไม่ค่อยชอบ
แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ ลองอ่านละแบบ ว๊ายยยตายแล้ววววว :o8: นั่งทำหน้ากลั้นฟินเหมือนอิหมออ้อยเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวพฤหัส ที่ 20-10-2015 15:54:50
ตายคาที่  :jul1:
น่ารักมากกกกกกกกกก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: 123shark ที่ 20-10-2015 16:19:37
 อ่านตอนสองจบแล้ว แอ๊!!!!!!!! :ling1: เอาอิชั้นไปแอดมิทกับอิหมอจอมอ้อยด่วนเลยข่าาาา
เราว่าไม่ต้องบอกชื่อละครหรอกค่ะ อ่านแบบนี้รู้สึกมันมีเสน่ห์ดี โอ๊ยชอบอ่ะะะ ปกติเราไม่ค่อยได้อ่านนิยายนะ
หาเรื่องถูกใจค่อนข้างยาก แต่เรื่องนี้น่ารักจริงๆ ละมุนละไมมุ้งมิ้ง ไว้ปั่นนิยายตัวเองเสร็จจะมาอ่านต่อ :katai4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
เริ่มหัวข้อโดย: smilepengy ที่ 21-10-2015 19:15:45
ตอนนี้โคตรน่ารักอะ ถือป้ายไฟเชียร์น้องหมอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 21-10-2015 22:05:03
 :กอด1:

รอเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 21-10-2015 22:14:30
รอค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: DZiik ที่ 21-10-2015 22:18:40
รอด้วยคน  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: mickymod ที่ 21-10-2015 22:21:40
กด refresh รัวๆ  :hao6:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 21-10-2015 22:25:53
มารอค่ะะะะ  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 21-10-2015 22:33:35
(http://i1300.photobucket.com/albums/ag93/kipuu/16_zpsqx7cc10l.jpg)
กรี้ดกร้าดในทวิตฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ นะคะ


- 16 -




วันต่อมา ผมออกจากคอนโดยิ้มหวานตั้งแต่เช้าเพื่อหนีรถติด
ก่อนจะออกจากห้องมา เจ้าของห้องเขาก็บอกลากันได้น่าประทับโคตรๆ

“บ๊ายบาย เราว่าหมอเดินเข้าบ้านไปต้องโดนแม่ถามว่ามาหาใคร แน่ๆ"
-_-

ผมนั่งอยู่บนแทกซี่ที่กำลังเคลื่อนตัวไปตามถนน ระหว่างนั้นในใจก็นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา
แล้วพบว่าตัวเองกำลังนั่งยิ้มเป็นบ้า เหมือนลูกหมาเมายากันยุง

เมื่อวานนี้ หลังจากที่ขโมยหอมแก้มเขาไปเรียบร้อยแล้ว พอผลผละออกมา สิ่งแรกเห็นคือยิ้มหวานกำลังทำหน้าบึ้ง
มันไม่ใช่หน้ามุ่ยแบบขัดใจเล็กๆ แต่เป็นท่าทางเอาเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาได้ทันที

เห็นอย่างนั้นผมเองก็เริ่มไม่แน่ใจขึ้นมาแล้วว่า ตอนขากลับผมจะได้ลงลิฟต์กลับไป
... หรือจะโดนเขาจับทุ่มทิ้งดิ่งลงมาจากระเบียงคอนโดกันแน่

รถพยาบาลของที่ไหนขับเร็วที่สุด?
ผมควรโทรเรียกไว้ก่อนเลยไหม?

ให้มันรู้ไปสิวะ ว่าจะคนเรามันจะโดนซัดตายเพราะดันไปขโมยหอมแก้มคนที่ชอบ -_-

ผมมองหน้าเขาแล้วไม่สามารถเดาได้ ว่าสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายมีสีหน้าขัดใจอยู่นั้นคืออะไร
สุดท้ายก็ต้องตัดสินใจถามออกไปอยู่ดี

“โกรธเหรอ?”

“ไม่อ่ะ"

“อ้าว?! แล้วทำไมหน้าบึ้ง"

“เพราะเราไม่ได้โกรธหมอ...พอรู้ตัวว่าไม่โกรธ เราก็เลยรู้สึกหมั่นไส้แบบสุดๆขึ้นมาแทน ขอต่อยหน้าทีนึงได้ปะ?"

ในระหว่างที่กำลังฟังเขาพูดอยู่นั้น ไอ้'หน้ากลั้นฟิน' ของผมมันก็กลับมาอีกครั้ง 

พอยิ้มหวานพูดจบปุ๊บผมก็หลุดยิ้ม แล้วก้มตัวลงไปยื่นแก้มให้เขาใกล้ๆ พร้อมกับพูดออกมาเบาๆ

"อ่ะ ต่อยเลย"

อย่าคิดว่าเขาไม่กล้าทำนะ
เพราะไม่ทันไร ฝ่ามือของเขาก็ตีลงมาบนแก้มผมเต็มๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะพูดต่อ

“ไม่ต่อยหรอก เจ็บมือเปล่าๆ"

เจ็บนิดเดียวเองครับ...
เพราะนาทีนี้ ต่อให้โดนรถถังทับนิ้วโป้งส้นตีน ผมก็คงรู้สึกแค่เหมือนโดนมดคันไฟกัดเบาๆ

เขาตีแก้มผม ส่วนผมก็ยกมือขึ้นกลับไปหยิกแก้มเขาเล่นเบาๆ แล้วพูดออกมา

“น่ารักว่ะ"

“ตรงไหนวะ?”

ผมยิ้ม แต่ไม่ตอบเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายก็แค่ทำเป็นถามย้อนกลับมาเพื่อแก้เขิน

ยิ่งผมเงียบเขาก็ยิ่งเขินจัดจนต้องยกมือขึ้นมาผลักอกไล่ให้ผมหลีกทาง แล้วเดินออกจากห้องไป
ทิ้งผมให้ยืนมองแล้วหลุดขำออกมาอย่างอดไม่ได้

หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ไปวุ่นวายอะไรกับเขาอีก แถมยังเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้

แต่พอตื่นนอนขึ้นมาอีกทีก็เห็นว่าเจ้าของห้องเขาเลิกทำงาน ปิดคอมเรียบร้อย แล้วก็มานอนอยู่ตรงบีนแบ๊กที่วางอยู่ไม่ไกลจากโซฟา

เขานอนหลับสนิทโดยที่มีผ้านวมผืนใหญ่ห่มตัวเอาไว้
พอเห็นอย่างนั้น ... ผมก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองก็มีผ้าอีกผืนนึงห่มตัวอยู่เหมือนกัน
กลิ่นหอมเหมือนแป้งเด็กที่ติดมากับผ้าทำให้ผมต้องยกยิ้ม พร้อมกับนึกของคุณอีกฝ่ายในใจ และหลับลงไปอีกครั้ง



- - - -



วันนี้เป็นวันแรกที่ผมได้สัมผัสกับบรรยากาศของการปิดเทอม...

กิจกรรมสำหรับการปิดเทอมอันน้อยนิดของนึกศึกษาแพทย์จะมีอะไรนอกจากการก็กินๆนอนๆ ฆ่าเวลาด้วยการกดรีโมทเปลี่ยนช่องหาอะไรดูไปเรื่อยๆ แล้วก็หลับไปในตอนบ่าย

ก่อนที่ผมจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งโดนเพราะไอ้โคนันมันโทรมาชวนไปเล่นบาส และนั่นก็ทำให้ผมต้องออกมาที่มหาลัยที่แทบจะเป็นบ้านหลังที่ 2 ไปแล้วอย่างไม่มีทางเลือก

มาถึงก็เห็นว่ามีคนใช้สนามอยู่ก่อนแล้วครับ ผมเข้าไปแจมในทีมเดียวกับไอ้โคนันแล้วก็เล่นกันอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งห้าโมงกว่า เพราะพี่ยามเดินมาบอกว่า ช่วงปิดเทอมสนามจะปิดตอนหกโมงตรง

หลังจากเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างเรียบร้อย พวกผมก็พากันออกมานั่งพักอยู่ตรงเก้าอี้ด้านนอก ก่อนจะนั่งคุยเล่นกันตามปกติ

ก่อนที่ความสนใจของผมจะถูกดึงออกไปจากบทสนทนาตรงหน้าเพราะสายตาดันไปสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง
และไอ้อะไรบางอย่างที่ว่านั่นก็คือมินิคูเปอร์สีดำที่กำลังเลี้ยวเข้าประตูมา ก่อนจะขับผ่านหน้าพวกผมไปอย่างรวดเร็ว

พวกเพื่อนๆที่กำลังนั่งคุยกันเรื่องฟุตบอลแมชเมื่อคืนถึงกับหันมามองแล้วทำหน้างงใส่
เพราะอยู่ดีๆผมก็ลุกขึ้นยืนแล้วมองตามรถคันที่ว่านั่นไปจนสุดสายตา

...เชี่ย รถยิ้มหวาน!

เห็นอย่างนั้นผมก็รวบของทั้งหมดมาถือไว้แล้วยัดลงไปในกระเป๋าสะพายข้างใบใหญ่อย่างรวดเร็ว
ในกลุ่มนั้นมีหลายคนดูเหมือนจะไม่เข้าใจว่าผมเป็นอะไร...แต่ไม่ใช่ไอ้โคนันแน่ๆ

เพราะตอนนี้มันกำลังมองตรงมาทางนี้ด้วยแววตาไม่น่าไว้ใจ พร้อมกับยกมือขึ้นมาดันกรอบแว่นขึ้น
แต่เสือกไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักที
...กูต้องพากษ์เสียงให้มึงล่ะ ว่าความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว

“กูไปละ ไว้เจอกัน"

ผมยกมือขึ้นไปตบหัวไอ้แว่นทีนึง ก่อนจะบอกลาคนอื่น แล้วเริ่มต้นวิ่งทันที...

ถึงแม้จะยังไม่เข้าใจว่าทำไมกูต้องวิ่งวะ? แต่ขามันก็ถีบตัวออกไปเองแล้วครับ
ที่สำคัญคือ สนามบาสกับคณะเขานี่ก็ไม่ใช่ว่าจะอยู่ใกล้กันเลย

กว่าจะมาถึง...ไอ้หมาเมายากันยุงตัวเมื่อเช้า มันก็กลายเป็นหมาหอบแดดไปแล้วในตอนเย็น
เพื่อจะพบว่า... ยิ้มหวานหายไปไหนก็ไม่รู้

ตรงหน้าคณะสถาปัตย์มีแค่มินิคูเปอร์สีเข้มที่จอดเทียบทางเท้าทาสีขาวแดงอย่างกล้าหาญ -_-
ผมมองรถเค้าอยู่สักพัก ก่อนจะตัดสินใจยืนหันหลังพิงมันซะ แล้วหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าเพื่อพิมพ์ข้อความส่งไปให้อีกคน


*อยู่คณะใช่ปะ?


พิมพ์เสร็จก็รอครับ รอจนพบว่าอีกฝ่าย...ไม่อ่านและไม่ตอบ -_-

ระหว่างนั้นในใจผมก็คิดขึ้นมาได้ว่า หรือจะเป็นรถคนอื่นวะ?
ทั้งมหาลัยก็ใช่ว่าจะมีมินิแค่คันเดียว แถมสีดำนี่ก็ยังเห็นคนขับอยู่เยอะเหมือนกัน
คิดได้อย่างนั้นผมก็เดินไปดูทะเบียนรถ แล้วก็โล่งใจขึ้นมาทันทีเพราะนี่คือรถของเขาไม่ผิดแน่ๆ

เห็นอย่างนั้นผมก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดกล้อง แล้วรูปหน้ารถของเขาเอาไว้ ก่อนจะส่งไปให้อีกฝ่ายทางไลน์ แล้วพิมพ์ข้อความตามไป


*จะขโมยรถแล้วนะ


ส่งไปปุ๊บก็ได้คำตอบทันทีว่าทำไมอีกฝ่ายไม่อ่านและไม่ตอบข้อความ

แสงสว่างจากหน้าจอที่ส่องออกมาจากในรถบอกชัดเลยว่า ...เขาทิ้งโทรศัพท์เอาไว้ในนั้น
แสดงว่า นอกจากรอต่อไปเงียบๆ ผมก็คงทำอะไรไม่ได้อีก

ผมยืนพิงรถเขาแล้วเล่นมือถือไปเรื่อยๆอยู่เกือบ 15 นาที ก่อนที่จะได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆ
พอเงยหน้าขึ้นไป ก็เห็นว่าคนที่รออยู่กำลังเดินตรงมาทางนี้ พร้อมรอยยิ้มสดใส ถึงแม้หน้าตาจะยังดูอ่อนเพลียอยู่ไม่น้อยก็ตาม

“มาล็อคล้อเหรอครับ?”

ดูทักกันดิ...
ผมยักคิ้วแทนคำตอบ ก่อนจะพูดไปอีกเรื่องนึง

“เราเล่นบาสเสร็จพอดี แล้วเห็นมินิหน้าตาคุ้นๆขับผ่านสนามไปเลยเดินมาดูให้ เผื่อโดนขโมย"

ผมพูดแล้วพยายามยิ้มจริงใจสุดๆ
อะไรวะ? เชื่อไม่ได้เหรอ? 

“ต้องเชื่อปะเนี่ย?”

“เชื่อเหอะ...”

อีกฝ่ายไม่ตอบรับ แต่ทำปากคว่ำกลับมาให้แทน จนผมต้องถามต่อ

“แล้วทำไมยังไม่กลับ? นึกว่านอนอยู่ห้องแล้วซะอีก อุตส่าห์ปล่อยให้นอนเงียบๆไม่กวน"

“ก็...เราเอางานมาส่ง แล้วรถอาจารย์ดันมีปัญหานิดหน่อย คนขับรถเค้าขับไปชนระหว่างทางอ่ะ เลยมารับไม่ได้ เราก็เลยขับรถเอางานไปส่งที่บริษัทกับอาจารย์มา ส่งงานเสร็จอาจารย์ก็เลี้ยงข้าวอีก เลยเพิ่งกลับมาเนี่ย"

เท่าที่ฟังดู ผมว่าวันนี้คงเป็นอีกวันที่วุ่นวายสุดๆสำหรับเขา...

“แล้วงานเสร็จยัง?”

“เรียบร้อยแล้ว"

“งั้นก็ปิดเทอมแล้วอ่ะดิ?”

ผมถาม ระหว่างที่อีกฝ่ายก็ขยับมายืนพิงรถอยู่ข้างๆกัน แล้วหันมายิ้มให้จนความสดใสนั้นกระแทกอัดหน้าผมเต็มๆ
ตาพร่าแล้วครับ ปั๊มหัวใจด่วน...

“ใช่แล้ว!”

“ถ้าไม่อยู่ในสภาพนี้ก็อยากพาไปเลี้ยงข้าวอยู่นะเนี่ย"

เพราะตอนนี้ผมอยู่ในชุดเล่นบาสตั้งแต่หัวจรดเท้า แถมเหงื่อยังเปียกไปทั้งตัวอีก
ทางเลือกเดียวที่มีก็น่าจะเป็นการกลับบ้านไปอาบน้ำนอน

“ไม่ทันแล้ว เรายังอิ่มอยู่เลย"

“งั้นไอ้จู๋หอยเม่นที่บ่นอยากกินอยู่นี่ ก็ไม่อยากกินแล้วดิ"

“อีกละ...”

“หื้ม?”

“หมอเลิกเรียกอูนิว่าจู๋หอยเม่นได้แล้ว น่าเกลียดว่ะ!"

“ก็มันเรื่องจริง"   

“ก็เรียกภาษาญี่ปุ่นดิ ทะลึ่งว่ะ~"

เคยเห็นคนโวยวายไปพลางขำไปพลางไหมครับ?
ข้างๆผมมีอยู่คนนึง

“จู๋ก็คือจู๋ป่ะวะ? จู๋แพงโคตร"

“หยุดเลย! เราจะเลิกกินเพราะหมอพูดนี่แหละ”

เขาพูดขึ้นมาพร้อมกับฟาดมือลงบนต้นแขนผมเต็มแรง เป็นอันว่าจบบทสนทนาครับ

สาระอัพเดพ...
หลังจากยืมกางเกงใน -- ตอนนี้ผมพัฒนาไปสู่การเป็นคนที่พูดเรื่องจู๋กับคนที่ชอบแล้วนะครับ
ถึงจะเป็นจู๋หอยเมนก็เหอะ -_-

เรื่องมันต่อเนื่องมาจากวันก่อนที่ยิ้มหวานขับรถผมกลับบ้าน
เพราะไม่มีอะไรจะคุยกัน ระหว่างทางผมเลยถามขึ้นมาว่า ปกติเวลาเขาไปเที่ยวญี่ปุ่น จะชอบไปที่ไหน ไปทำอะไรบ้าง แล้วพอเล่ามาถึงเรื่องของกินปุ๊บ ไอ้จู๋หอยเม่นนี่ก็เลยกลายมาเป็นหัวข้อหลักในทันที

เจ้าตัวเขาบอกว่ามันอร่อยมาก ชอบกินมาก อยากกินสุดๆ ก่อนจะทำหน้ามุ่ยทันทีที่ผมถามกลับไปว่า  มันคือรังไข่ของหอยแม่นไม่ใช่เหรอ? เถียงกันไปเถียงกันมาเรื่องหอยเม่นได้สักพัก บทสนทนาทั้งหมดก็จบลงที่ ผมกับเขาเราจะไปกินซูชิกันทันทีที่ยิ้มหวานส่งงานเสร็จเรียบร้อย


“งั้น...จะฉลองปิดเทอมกันยังไงดี?”

ได้ยินคำถามปุ๊บ คนข้างตัวผมก็ยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจ แล้วเงียบไปสักพัก ก่อนจะบ่นออกมาลอยๆเหมือนกำลังพูดอยู่กับตัวเอง

“อยากไปทะเล...”

พูดจบเจ้าตัวก็หันมาและสบตากับผมเข้าเต็มๆ เขาปั้นหน้ามุ่ยนิดๆก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดต่อ

“....แต่ใครเค้าจะไปทะเลกันตอน  6 โมงเย็น จริงปะ?"

“...”

“รู้ละ! รอพวกนั้นกลับมาจากญี่ปุ่นแล้วค่อยไปด้วยกันดีกว่า...ไปหัวหินมั้ยใกล้ดี? ชวนเพื่อนหมอไปด้วย ไปกันเยอะๆ จะได้สนุก”

“ไปดิ"

“อือ จะไปวันไหนเดี๋ยวเราบอกแล้วกัน”

“...ไปกันวันนี้นี่แหละ"

ได้ยินอย่างนั้นเขาก็หันมาทำตาโตใส่ผมเหมือนกำลังไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะรีบตอบกลับมา

“ตลกละ! นี่มันหกโมงกว่าแล้วนะ"

ผมยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาทันทีที่ได้ยินเขาพูด ก่อนจะเริ่มคิดวางแผนคร่าวๆในใจ และปล่อยให้อีกฝ่ายยืนมองกันอยู่เงียบๆ

“ถ้าเรารีบกลับบ้านไปเก็บของ แล้วออกจากที่นี่ประมาณ 2 ทุ่ม ก็อาจจะถึงประมาณสี่ห้าทุ่ม ดีไม่ดีไปเดินตลาดโต้รุ่งทันด้วยซ้ำ"

“หมอ...”

“เห้ยนี่พูดจริง เรายังเคยขับรถไปพัทยากับไอ้พวกนั้นตอนสี่ทุ่มเลย ไปถึงก็กินเหล้าจนเช้า เปิดโรงแรมนอนแล้วบ่ายๆเย็นๆก็กลับ"

“บ้าพลังไปปะ?”

“แล้วอยากไปมั้ยล่ะ?”

พอผมถามอีกครั้ง และเขาก็ตอบกลับมาด้วยสีหน้าครุ่นคิด
จนผมต้องพูดซ้ำพร้อมกับยื่นมือไปให่้เขาตรงหน้า

“หัวหินอยู่ตรงหน้าแล้วเนี่ย ไปไม่ไป?”

คราวนี้จากหน้ายู่ๆก็เริ่มยกระดับไปเป็นการกัดปากแล้วขมวดคิ้วเข้าจนยุ่งครับ
ผมปล่อยให้อีกฝ่ายใช้ความคิดอยู่สักพัก จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้แล้วพูดออกมา

“โอ้ย ทำไมเป็นคนแบบนี้เนี่ย?"

คำพูดของเขาทำให้ผมต้องมองด้วยสายตาไม่เข้าใจ
เพราะไม่รู้ว่าที่บ่นออกมานั้น เขาหมายถึงผมหรือกำลังพูดกับตัวเอง

ก่อนสีหน้าที่เคยเต็มไปด้วยความกังวลจะค่อยๆคลายลงแล้วเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้ม
แถมยังเป็นรอยยิ้มของพวกตัวแสบซะด้วย...

“ไป! ไปหัวหินกัน!”

น้ำเสียงสดใสของเขาตอบกลับมา ก่อนที่เจ้าตัวจะยกมือขึ้นมาตรงหน้า รอให้ผมเป็นฝ่ายแทคฝ่ามือของตัวเองกลับไป แล้วพูดต่อ

“ก็แค่เนี้ย~ งั้นก็รีบแยกย้าย เดี๋ยว 2 ทุ่มเจอกัน"

“โอเค!”
 
พูดจบเขาเลิกพิงรถ พร้อมกดปลดล็อคแล้วเปิดประตู ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนขับอย่างรวดเร็ว
เห็นอย่างนั้นผมก็เดินอ้อมรถไปตรงที่ว่างอีกฝั่งนึง ก่อนที่อีกฝ่ายถามขึ้นมา พร้อมกับออกรถไปด้วย

“หมอจะให้เราไปส่งที่ไหน เอารถมาหรือขึ้นบีทีเอสกลับ"

“เอารถมา วนกลับไปส่งที่สนามบาสก็ได้"

“ได้เลยครับท่าน”

เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงทะเล้น ก่อนที่ผมจะถามต่อ

“แล้วจะให้เราเอารถไป หรือจะขับมินิไป?”

“รถเราก็ได้"

“งั้นเจอกัน 2 ทุ่ม เดี๋ยวไปหาที่คอนโด โอเคนะครับ?”

“โอเคมากๆเลยครับคุณหมอ"

ท่าทางของคนตรงหน้าทำเอาผมต้องแอบจดโน้ตเอาไว้ในใจ
ว่ายิ้มหวานที่กำลังจะได้ไปเที่ยว คือยิ้มหวานที่แจกความสดใสถึงขั้นสุด


- - -


2 ทุ่มตรง พวกผมก็อยู่กันบนรถเรียบร้อยแล้วครับ

หลังจากเถียงกันอยู่พักนึงว่าใครจะขับรถ สุดท้ายวิธีตัดสินที่ยุติธรรมที่สุดในโลกอย่างเป่ายิงฉุบก็ถูกยกขึ้นมาใช้
และผลออกมาว่า ผมชนะ...

ขับรถออกไปได้สักพัก คนที่นั่งอยู่ข้างๆกันก็เริ่มชวนผมคุย เหมือนเขาจะคุยเก่งขึ้นเรื่อยๆนะ หรือไม่ก็คงเป็นเพราะเราสนิทกันมากขึ้นด้วยล่ะมั้ง

"เออใช่ แล้วคืนนี้จะนอนที่ไหนอ่ะ?”

ผมหลุดยิ้มทันทีที่ได้ยินคำถาม ก่อนจะตอบกลับไป

“ริมทะเลไง"

“ฮะ?”

“ริมทะเล...”

พอเหลือบสายตาไปมองแล้วเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้างง ผมก็ยิ่งรู้สึกอยากแกล้ง
ที่เค้าพูดกันว่า 'เด็กผู้ชายมักจะแกล้งคนที่ชอบ' ผมว่าโคตรจริง...

“มัน...นอนได้จริงๆเหรอ?”

“ได้ดิ มันเป็นชายหาดสาธารณะ"

"แล้วยุงจะไม่กัดเหรอ?”

“กัดดิ กินอิ่มเมื่อไหร่เดี๋ยวมันก็ไป"

อีกฝ่ายเงียบไปแล้วครับ...
พอแอบเหลือบสายตาไปอีกทีก็เห็นว่าเขากำลังหรี่ตามองมาทางนี้ด้วยสายตาจับผิด
รู้แล้วแน่ๆว่าโดนแกล้ง...

ทันทีที่เห็นว่าผมยิ้มออกมาอย่างถูกใจ ยิ้มหวานก็หันกลับไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะก้มหน้ากดมือพร้อมกับบ่นลอยๆ

“เราว่าเราหาที่พักดีกว่า หมอจะนอนริมทะเลก็นอนไปคนเดียวเหอะ"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็ละมือข้างนึงจากพวงมาลัยรถ แล้วยื่นไปวางแหมะเอาไว้บนหัวของเขาก่อนจะโยกเล่นไปมาสองสามทีพร้อมกับพูดไปด้วย

“หันไปเปิดช่องเล็กหน้าเป้ แล้วหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาให้หน่อยดิ"

“ทำเราเวียนหัวแล้วยังใช้กันเนี่ยนะ?"

เขาหันมามองหน้าผมแล้วบ่นใส่กัน แต่ก็หันไปหยิบของให้ตามที่ผมบอกอยู่ดี

จนถึงตอนนี้ผมก็ยังใช้กระเป๋าใบเดียวกันกับวันที่กระเป๋าตังค์เราสลับกัน ส่วนอีกคนน่าจะเปลี่ยนไปสองสามใบแล้วมั้ง
สักพักเขาก็หันกลับมาพร้อมกระเป๋าสีดำที่อยู่ในมือ แล้วถามต่อ

“หมอจะเอาอะไรอ่ะ"

“ในนั้นมีกระดาษสีฟ้าพับครึ่งอยู่ หยิบออกมาดูดิ แม่เราให้มา"

เขาทำตามที่บอก ก่อนจะนั่งอ่านกระดาษแผ่นนั้นไปเงียบๆ
มันคือบัตรของขวัญที่พักฟรีของรีสอร์ทของเพื่อนแม่ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปีครับ อ่านจบเขาก็หันมาพูดกับผมพร้อมรอยยิ้มกว้างๆ

“งั้นหมอก็ไปนอนชายหาดนะ เราจะนอนที่นี่คนเดียว"

บอกเลย....ว่านี่คือการกวนตีนที่น่ารักที่สุดที่ผมเคยเจอมาในชีวิตนี้ -_- 

“เดี๋ยวจะโดน"

“ทำไม? โดนอะไร?”

โหมดเถียงเก่งกลับมาอีกแล้วเว้ย!

ผมใช้ความเงียบสู้กับเขา พร้อมยกมุมปากขึ้นแล้วหรี่ตามองกันด้วยสีหน้าไม่น่าไว้ใจเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องหน้ากันอยู่ และไอ้รอยยิ้มนั่นก็ทำให้ฝ่ามือหนักๆของเขาฟาดลงมาบนต้นแขนผมเต็มๆ

“ไม่คุยแล้ว!"

“เฮ้ย คุยต่อดิ กำลังสนุกเลย"

“เงียบแล้วตั้งใจขับรถไปเลย ไม่งั้นเราไล่ลงกลางทางให้เดินกลับเองแน่"

เขาบ่นออกมาในแบบที่ดูยังไงก็ยังรู้สึกว่ามันค่อนข้างน่าเอ็นดูมากกว่าที่จะเอาเรื่องกันจริงจัง

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาน่ารักมากไป
...ก็อาจจะเป็นประสาทการรับรู้ของผมที่เป็นปัญหา






[มีต่อนะคะ]

หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 21-10-2015 22:35:04



ก่อนหน้านี้คนข้างๆผมเขายังนั่งกดเครื่องเสียงรถยนต์เล่นไปเรื่อยๆเหมือนคนพยายามหาอะไรทำอยู่เลย
แต่พอหันไปมองอีกที อีกฝ่ายก็หลับไปซะอย่างนั้น

ผมแอบมองเขาอยู่สักพัก พอเห็นว่าไม่มีท่าทีที่จะตื่นขึ้นมาง่ายๆ ก็อาศัยจังหวะช่วงที่รถติดนานๆปล่อยมือจากพวงมาลัย แล้วเอื้อมมือไปปรับเบาะให้มันเอนลงไปจนสุด

พอเก้าอี้ที่นั่งอยู่ขยับ คนที่นอนอยู่เลยตื่นขึ้นมา
เขาลืมตาขึ้นแล้วกระพริบตาซ้ำๆสองสามที ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะมองสบเข้ากับผม

วินาทีนั้นเองที่ผมเพิ่งจะรู้ว่าระยะห่างระหว่างเรา 2 คนมันโคตรจะอันตรายเลย เพราะการหันหน้าไปหาเขาแค่เพียงนิดเดียวมันก็ทำให้ปลายจมูกของผมเฉียดผ่านไฝเม็ดเล็กๆที่ข้างแก้มของคนตรงหน้าแบบที่ชวนให้หยุดหายใจ

เพิ่งรู้ว่าการปรับเบาะรถมันทำให้คนใจสั่นได้ก็วันนี้นี่แหละวะ

แล้วปัญหามันก็เกิดขึ้นตอนที่เราสองคนเอาแต่มองสบตากันอยู่อย่างนั้นเหมือนเวลาโดนหยุด 

ผมรู้สึกเหมือนโดนสะกดให้นิ่งค้างอยู่ตรงนั้น อยู่ในช่วงเวลาที่สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของคนตรงหน้ามากกว่าแอร์เย็นๆที่เป่าอัดสีข้างกันอยู่ตอนนี้

ยิ้มหวานตาสวยมาก มันกลมโตแล้วก็เป็นสีดำแต่กลับให้ความรู้สึกสดใสเพราะถูกล้อมรอบไว้ด้วยขนตาที่ยาวเรียงตัวเป็นแพ
...ไม่ว่าเจ้าตัวจะกำลังรู้สึกอะไรอยู่ ทั้งหมดนั้นจะถูกแสดงออกมาที่ดวงตาคู่นี้

โชคดีที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะรวบรวมสติกลับมาได้ก่อนผม เขาขยับปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่มีเสียงใดๆหลุดออกมา

และนั่นก็ทำให้ทุกอย่างตกอยู่ในวิกฤตอย่างแท้จริง

...ผมอยากจูบเขา

มันเป็นห้วงเวลาสั้นๆที่เหมือนจะมีอะไรบางอย่างต่อสู้กันอยู่ในใจ

สติบอกกับร่างกายว่าผมต้องผละออกมา การจูบเขาตอนนี้ไม่ใช่ความคิดที่ดี
แต่แววตาคู่นั้นที่มองมาก็รั้งเอาไว้ไม่ให้ผมออกห่างไปไหนได้เลย

และทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึง 1 นาทีด้วยซ้ำ

....ก่อนที่เสียงเตือนจากโทรศัพท์จะดังขึ้นมาหยุดทุกอย่างไว้

แม่ง...ไม่เคยซึ้งใจในเน็ตสี่จีกากๆของไทยมาก่อนเลยจนกระทั่งวันนี้

เสียงที่ดังขึ้นมาเหมือนเป็นแรงกระชากหนักๆที่คอเสื้อดึงให้ผมกลับไปนั่งตัวตรงเหมือนเดิม โดยที่สายตาก็เอาแต่มองจ้องไปยังสัญญาณไฟจราจรที่นับถอยหลังจากสิบไปเป็นเก้า

ผมนับตามตัวเลขสีแดงที่อยู่ไกลออกไปเพื่อรวมสติ  ก่อนจะได้ยินเสียงคนข้างๆกดรับสายโทรศัพท์ พร้อมๆกับที่ไฟจราจรเปลี่ยนไปเป็นสีเขียว

“ง....ไงมึง?”

ปลายสายตาของผมเห็นว่าเขายกมือขึ้นมาโบกนิดหน่อย   
เลยเดาเอาว่าน่าจะเป็นเพื่อนที่ญี่ปุ่นวีดีโอคอลมาอีกแล้ว

“เป็นไรวะ ท่าทางแปลกๆ

“แปลกอะไร? เปล่า...กูนอนอยู่ เพิ่งตื่น"

“นอนตั้งแต่สามทุ่มเนี่ยนะ? เดี๋ยวก่อน...นั่นไม่ใช่ห้องมึงนี่ อยู่ไหนวะ?”

“อืม...อยู่บนรถ"

“เดี๋ยวนะคะ สามทุ่มกว่าแล้วคุณหนูยังอยู่บนรถ? ไปไหนมาเนี่ย? ไม่ขับรถเองด้วย? ไหนๆกูขอดูหน้าคนขับรถหน่อย มุมนี้เห็นแต่แขนอ่ะ ไม่ชัดด้วยมันมืด"

“เสือก...”

“เห็นแค่แขนกูยังรู้เลยว่าเป็นไอ้หมอชัวร์"

ได้ยินเสียงเพื่อนเขาพูดมาแบบนั้นผมก็หลุดยิ้ม

บางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเพื่อนยิ้มหวานเป็นแม่มดรึเปล่า?
ดูแต่ละอย่างที่ถามดิ ยังไม่รวมเรื่องเวลาที่โทรมาได้โคตรจะถูกจังหวะอย่างน่ากลัว

“อืม ทำไม? มีปัญหา?”

“เปล๊า! ใครเค้าจะกล้ายุ่งกับคุณหมอของมึงคะ"

"บ้านมึงดิ มีใครมาเป็นของกูตั้งแต่เมื่อไหร่?"

"สักพักอ่ะ ตัวติดกันขนาดนี้ กูว่าไม่นานเดี๋ยวก็ของมึงละ ไหนๆความสัมพันธ์พัฒนาไปถึงไหนแล้ว อัพเดทให้พี่ฟังหน่อยซิหนูยิ้ม"

“เชี่ย!”

เชี่ยจริงครับ...
ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกร้อนๆหนาวๆเหมือนเด็กทำผิดแล้วโดนแม่จับได้

“เชี่ยคืออะไร กูไม่เข้าใจ"

“เชี่ยคือ...ไม่มีอะไรเว่ย! อัพเดทอะไรมึงอ่ะ เปลี่ยนเรื่องเลย ถ้ายังพูดเรื่องนี้อยู่กูวางแล้วปิดเครื่องหนีแน่"

"โอโห้ โคตรโหด! โอเคๆ เปลี่ยนเรื่อง วันนี้มึงส่งงานไม่ใช่เหรอ เสร็จงานแล้วทำไมไม่กลับบ้านนอน ไปไหนกับไอ้หมอมา?"

“ไม่บอกเว้ย!"

บทสนทนาที่ดังอยู่ข้างๆทำเอาผมต้องส่ายหน้าเหนื่อยใจ
เพราะเท่าที่ฟังดูมันไม่เห็นจะเปลี่ยนเรื่องไปไหนอย่างที่คนปลายสายพูดอยู่เลยสักนิด

“เออ...ไม่บอกกูสืบเองก็ได้ แล้วเรื่องงานเป็นไงวะ?”

“ก็โอเคมั้งมึง กูส่งไปแล้วอ่ะ ที่เหลือก็แค่รอฟังผล"

“ดีแล้วๆ ไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย?”

“ไม่มีหรอก พวกมึงเที่ยวให้สนุกเหอะ กูโอเค"

“อืมๆ งั้นไม่ห่วงมึงละ ไหนๆกูคุยกับหมอหน่อยดิ๊"

“อยากคุยกับหมอมึงก็โทรหาหมอดิ โทรหากูทำไม?"

“นี่คือกวนตีนเหรอหวงฮะ?"

“กวนตีน!"

พูดจบเขาก็กดสลับมาเป็นกล้องหลักแล้วหันโทรศัพท์มาทางผม พร้อมกับเสียงทักทายจากหลายๆคนที่ดังมาให้ได้ยิน
ตอนแรกก็คิดว่าคุยอยู่คนเดียวครับ

ที่ไหนได้ นั่งกันครบแก๊งแต่ให้หัวหน้าใหญ่เป็นตัวแทนสอบปากคำคนหนีเที่ยวนี่เอง

“หวัดดีหมอ"

“อือๆ หวัดดี"

ผมตอบกลับไปโดยที่หันไปมองเขานิดหน่อยก่อนจะกลับมาขับรถต่อ

“ขอสืบอะไรหน่อยดิ"

"สืบอะไร?"

"พาเพื่อนเราไปไหนมา ทำไมป่านนี้ยังไม่ถึงบ้าน?”

ได้ยินคำถามปุ๊บผมก็ยกยิ้มมุมปาก แล้วตอบกลับไป

“ขอใช้สิทธิ์ไม่ตอบได้มั้ย”

“อีกคนละ ความลับเยอะไปปะ!”

“ไม่ใช่ความลับ เราไม่ตอบก็เพราะเจ้าของรถเค้าไม่อยากให้บอกว่ะ"
 
“มันไม่ยอมบอก แกก็บอกมาดิ ถ้าตอบตั้งแต่แรกก็จบแล้วเนี่ย"

“ไม่เอา...ไม่อยากขัดใจ"

พูดจบผมก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกดังมาจากอีกฝ่ายครับ เดาเอาจากเสียงที่ขาดหายเป็นช่วงๆว่าน่าจะกำลังโดนแซว
ก่อนที่เพื่อนๆของเขาจะกลับไปคุยกับยิ้มหวานเหมือนเดิม

“โอ๊ย อิจฉา กูอยู่ญี่ปุ่นแต่ชีวิตดี๊ดีไม่ถึงครึ่งของมึงอ่ะ"

“ดีบ้าอะไรอ่ะ กูเพิ่งได้ปิดเทอมเนี่ย"

"ก็มึงมีคนคอยดูแลอ่ะ"

"เพ้อเจ้อละ วางไปเลยไป เปลืองไวไฟโรงแรมโคตร"

"ค่ะๆๆ บาย~" 

"อือๆ บายนะพวกมึง หลงทางอะไรเรียกกูได้ตลอดแหละ จะรีบตอบ"

ถึงแม้จะเถียงกันไปเถียงกันมาตลอดเวลา
แต่ยิ้มหวานก็คือยิ้มหวานครับ...เขายังคงเป็นคนที่เอาใจใส่แล้วก็เป็นห่วงเพื่อนๆที่สุดอยู่เหมือนเดิม
น่ารักโคตร!

หลังจากวางสายเรียบร้อยแล้ว เขาก็หันไปหยิบหมอนกับเสื้อกันหนาวของตัวเองที่วางอยู่ตรงเบาะหลัง แล้วเอาหมอนใบนั้นมาหนุนนอนพร้อมกับใช้เสื้อแทนผ้าห่ม แถมยังเอาฮู้ดขึ้นมาปิดหน้าตัดขาดการติดต่อกับโลกภายนอกไปเรียบร้อยแล้ว 

ผมเหลือบสายตาไปมอง ก่อนจะเห็นว่าเขานอนหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง
พูดให้เจ็บกว่าเดิมก็คือเขาหันหลังให้ผม -_-

วินาทีแรกที่เห็น ใจผมแม่งหล่นวูบลงไปอยู่ใต้ท้องรถเป็นที่เรียบร้อย และมันคงจะโดนล้อหลังมินิคูเปอร์ทับจนเละไม่มีชิ้นดี ถ้าผมไม่ได้ยินเสียงของเขาที่ดังออกมาเบาๆ เพราะคนพูดยังคงมุดตัวอยู่ในเสื้อ

“เราขอนอนแป้บนึง ถ้าหมอเหนื่อยเมื่อไหร่ก็ปลุกให้เรามาขับแทนนะ"

กลายเป็นว่าหัวใจของไอ้นศพ.ที่หล่นตุบออกไปนอกรถมันดันรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด
และเด้งตัวกลับเข้ามาอยู่ในรถมินิคูเปอร์แอร์เย็บเฉียบได้โดยสวัสดิภาพ


,



ประมาณสี่ทุ่มปลายๆ พวกผมก็มาถึงที่พัก
รีสอร์ตของเพื่อนแม่อยู่ห่างจากตัวเมืองออกมานิดหน่อยแต่ก็ยังติดทะเล

ผมแวะเอากุญแจและขับรถต่อมายังบ้านที่พวกผมต้องพักในคืนนี้
มาถึงก็จอดรถ ก่อนจะเดินอ้อมไปปลุกคนข้างๆที่หลับสนิทข้ามจังหวัด

จากใจเลย ผมโคตรจะไม่กล้าโน้มตัวข้ามฝั่งไปเบาะที่นั่งข้างคนขับอีกแล้ว
ไม่ใช่อะไร – ผมไม่ไว้ใจตัวเอง

“ถึงไหนแล้วอ่ะ?”

คนหน้าตางัวเงียถามออกมาทั้งๆที่ยังลืมตาขึ้นมาแค่ครึ่งเดียว
เห็นท่าทางอย่างนั้นผมก็ตอบกลับไป

“หลับตา ตั้งใจฟังเสียงให้ดี หายใจเข้าลึกๆด้วย"

อีกฝ่ายทำตามที่ผมบอกโดยไม่สงสัย และทันทีที่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน 
เขาก็ดูเหมือนจะตื่นนอนได้เต็มที่ในเวลาเสี้ยววินาที แล้วตอบกลับมา พร้อมกับมองผมด้วยดวงตาเป็นประกาย

“ทะเลนี่!"

“ถูกต้อง เราหยิบกระเป๋ามาให้แล้ว ลงมาจากรถเร็ว"

พอลงมายืนข้างกันปุ๊บ สิ่งแรกที่คนตรงหน้าทำเหยียดแขนคือบิดขี้เกียจ ก่อนจะยื่นมือมาดึงกระเป๋าเป้ของเขาที่ผมสะพายเอาไว้บนไหล่ แต่ผมกลับโยกตัวหลบ พร้อมกับกดรีโมทล็อครถ...พร้อมกับความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นในใจ

เหมือนผมไม่กล้าสบตากับคนตรงหน้ายังไงก็ไม่รู้
...บอกไม่ถูกว่ะ

“ถ้าชอบถือของเยอะๆวันหลังหมอขนกระเป๋ามาคนเดียวสิบใบเลยนะ"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็หันไปยิ้มมุมปากให้เขาแล้วรีบหันกลับมา โดยไม่เถียงอะไรกลับไป ก่อนจะแตะคีย์การ์ดปลดล็อคประตู

ระหว่างที่ผมกำลังเอาของไปวางไว้บนโซฟาพร้อมกับกดรีโมทเปิดแอร์ คนที่เดินตามมาก็พุ่งตัวลงไปบนเตียง ก่อนจะขยับตัวยุกยิกมุดลงไปในผ้าห่ม 

เห็นอย่างนั้นผมก็เดินลงไปนั่งบนเตียงของตัวเอง แต่หันหน้าไปทางอีกคนที่อยู่ในโหมดพร้อมนอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“จะออกไปตลาดโต้รุ่งอีกมั้ย?”

อีกฝ่ายเหมือนจะเพิ่งนึกออกครับ ว่าตอนเย็นเราเคยพูดกันว่าถ้ามาถึงเร็วอาจจะไปตลาดโต้รุ่งทัน
เขาทำตาโตเหมือนจะเพิ่งนึกออก

“ไปได้นะ เราก็ง่วงแหละ แต่กินกาแฟเข้าไปสักแก้วก็เที่ยวต่อได้แล้ว"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็ขมวดคิ้วเข้า ก่อนจะตอบกลับไป

“มาเที่ยวนะ ง่วงก็นอนไปเลยไม่ต้องฝืน"   

ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ยกมือขึ้นมาทำสัญลักษณ์ 'โอเค' แทนคำตอบ

ผมยืนมองท่าทางสบายใจสุดๆของคนที่ซุกใบหน้าเอาไว้กับหมอนใบใหญ่ แล้วก็นึกอยากแกล้งดึงแก้มนุ่มๆนั่นเล่นอย่างอดไม่ได้

คิดได้อย่างนั้นผมก็ยื่นมือออกไป เตรียมจะหยิกแก้มเขาเล่นเหมือนทุกที
แต่พอเผลอไปมองสบเข้ากับดวงตาคู่นั้น มือมันก็ดันชะงักไปโดยอัตโนมัติ แบบที่ผมเองก็ยังไม่เข้าใจ

ไม่ใช่แค่ผมที่แปลกใจครับ เพราะคนที่นอนอยู่ก็ทำสีหน้างงๆส่งมาให้อีกทาง
เห็นอย่างนั้นผมก็ยกมือขึ้นมาโบกให้เขาด้วยท่าทางที่ดูโง่เง่าเต็มที

“ฝันดีนะ เราออกไปนั่งเล่นแล้วกัน"

พูดจบผมก็รีบเดินออกมายังระเบียงหน้าบ้าน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ชายหาดที่วางอยู่ตรงนั้น แล้วพูดกับตัวเองในใจ
ค่อยๆนะมึง ใจเย็นๆไว้ก่อน...

ตอนที่กำลังจะจับแก้มเขาเมื่อกี้ ตอนนั้นเองที่ผมเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าไอ้ความรู้สึกแปลกๆที่กวนใจนี่อยู่มันคืออะไร

....ผมลบภาพดวงตาของเขาที่กระพริบช้าๆ ลมหายใจอุ่นๆ
และความรู้สึกในวินาทีที่ริมฝีปากของเราจะสัมผัสกันออกไปจากใจไม่ได้

“เชี่ย....”

แล้วสุดท้ายก็ได้แต่ด่าตัวเอง พร้อมกับใช้สันมือเคาะขมับดึงสติที่มันกระจัดกระจายไปให้มันกลับเข้าที

ไอ้เชี่ยหมอ...มึงกำลังตามจีบเขาอยู่ ถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งให้ความหวังมึงมาแบบสดร้อนๆ
แต่มึงก็ห้ามทำลายความไว้ใจที่เค้าอุตส่าห์ให้มาดิวะ!

นึกไปนึกมาก็อยากด่าว่าหมาตัวไหนวะ ที่มันทำเป็นใจกล้า ชวนยิ้มหวานไปเที่ยวทะเลทั้งๆที่ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ก่อน 
คิดไปคิดมา ไอ้หมาตัวนั้นก็กูนี่แหละครับ -_-

ระหว่างที่ผมกำลังนั่งจ้องหน้าจอไอโฟนที่มืดสนิท และถามตัวเองเป็นรอบที่ร้อยว่าควรไลน์ไปปรึกษาไอ้เบอร์ 1 ดีไหม หรือกรณีนี้กูควรจะไปถามไอ้เบอร์ 2 ที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วดีวะ แต่ไอ้โคนันแม่งต้องไม่ช่วยกูแน่ๆ

ยังไม่ทันได้คำตอบ
อยู่ดีๆ ประตูทางเข้าที่อยู่ข้างหลังผมก็เปิดออก

ไม่เคยคิดเลยครับว่าวันแบบนี้มันจะมาถึง
...วันที่ผมไม่อยากให้ยิ้มหวานโผล่มาให้เห็นหน้าเลยให้ตายเหอะ!

ฟ้าดินเป็นพยาน...
กูยังไม่พร้อมจะมองหน้าเขา

ออกมาปุ๊บเขาก็นั่งลงบนเตียงชายหาดอีกตัวที่ยังว่าง แล้วยื่นกระป๋องเบียร์ที่อยู่ในมือมาให้ผม พร้อมกับส่งยิ้มให้กัน

“กินปะ?”

ผมส่ายหน้า แล้วรีบหลบตาเขา แต่ไม่ยอมตอบอะไรกลับไป
ตั้งแต่เกิดมาแม่งไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเห่ยเท่านี้มาก่อนเลยพูดจริง

สัดเอ้ย!
ไอ้หน้าหมอ!
ไอ้อ่อน!
-_-


“เราก็ไม่กินอ่ะ ไม่อร่อย"

เขาพูดแล้วทำหน้ายู่ เหมือนจะยืนยันว่าไม่อร่อยจริงๆ
แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง...

ผมกับเขากำลังนั่งฟังเสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งไปเรื่อยๆ...

ถ้าบอกกันแค่นี้ก็ดูเหมือนจะเป็นบรรยากาศที่โรแมนติคดีอยู่หรอก
แล้วความจริงคืออะไร?
สาเหตุที่ผมเอาแต่นั่งเงียบๆและทอดสายตาออกไปในทะเลสีดำยามค่ำคืนอยู่อย่างนี้  มันเป็นเพราะผมไม่กล้ามองหน้าเขา

ถ้าหันไปสิ่งที่ผมจะได้เห็นแน่นอนก็คือดวงตาของเขา แล้วถ้าผมเกิดบังเอิญมองเลื่อนลงมายังริมฝีปากคู่นั้น
ผมเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้น...โคตรกาก

“เฮ้ย!”

แล้วไอ้คนกากที่ว่าก็ต้องร้องออกมาดังลั่น เพราะอยู่ๆคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆก็เอากระป๋องเบียร์เย็นๆมาแนบเข้าที่แก้มมันเต็มๆ
มันไม่ใช่การแตะเบาๆให้ผมตกใจแบบที่ดูน่ารัก แต่เขากดแนบกระป๋องใบนั้นลงมาที่หน้าผมทั้งอันเลย...เย็นเชี่ยๆ

“เย็น~~”

หน้าชาแล้วเว้ย -_-
พอได้ยินผมบ่นเขาก็ผละมือออกไป พร้อมกับยิ้มถูกใจ

“เย็นมากปะ?”

“โคตรๆ"

“กี่องศาอะ?”

“ไม่รู้"

“ไม่รู้ว่ากี่องศาแล้วรู้ได้ไงว่ามันเย็น"

เชี่ย.... งง!

“ถามจริง...กวนตีนปะเนี่ย?”

“เราดูเป็นคนอย่างนั้นเหรอ?”

“ไม่เลย...”

ผมพูดแล้วทำหน้านิ่งแบบที่ดูยังไงก็ไม่ได้หมายความตามนั้นสักนิด...
รู้อีกทีคนตรงหน้าก็หันมาหาผมทั้งตัว แล้วยกมือขึ้นกอดอก ก่อนจะพูดต่อด้วยท่าทีเหมือนกำลังสอบปากคำผมอยู่

"หมอเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมท่าทางดูอึนๆอ่ะ"

งานเข้าแล้วเชี่ยหมอมึง -_-

ผมถอนหายใจรับก่อนเป็นอันดับแรก
ถามจริง ถ้าผมโกหกด้วยมุกโง่ๆว่าปวดหัวปวดท้อง คิดว่าเขาจะจับไม่ได้เหรอ?
ไม่มีทาง...

ผมมองหน้าเขาและสบตา พร้อมกับพยายามคิดว่าอีกฝ่ายเป็นแค่คนธรรมดาคนนึง 
...ไม่ใช่ยิ้มหวาน คนที่ผมแพ้ทางโดยสิ้นเชิง
จนกระทั่งเห็นว่าเขาแอบหลบสายตา ตอนที่ผมมองลึกลงไปในแววตาคู่นั้น
นั่นทำให้ผมรู้ว่า... บางทีการตอบคำถามของเขา มันอาจจะไม่ได้ยากอย่างที่คิด

"อยากให้เราตอบจริงๆเหรอว่าเป็นอะไร?"

"งั้น...ไม่ดีกว่า"

เขาดูเหมือนจะเขินจนทำอะไรไม่ถูกไปสักพัก และนั่นทำให้บรรยากาศรอบตัวผมกับเขามีแค่ลมที่พัดเบาๆกับเสียงน้ำทะเลที่ซัดเข้าฝั่งอีกครั้ง

ผมอยากจะบอกให้เขาเข้าไปพักผ่อน และหวังว่าพรุ่งนี้เช้าตัวเองจะตื่นขึ้นมาด้วยสติที่ครบถ้วนกว่านี้
เอาให้ไม่หน้ามืด เห็นภาพขนตาของเขากระพริบปริบๆกับริมฝีปากวาวๆวูบขึ้นมาในหัวตลอดเวลาก็น่าจะพอแล้ว

แต่พอส่งสายตามองไปยังคนข้างๆอีกครั้ง ก็เห็นว่าเขากำลังหันหน้าไปยังอีกฝั่งนึง เหมือนกำลังตั้งใจดูอะไรบางอย่างอยู่

ไม่ทันที่จะได้ถามออกมาว่าตรงนั้นมีอะไรอยู่ คนตรงหน้าก็เป็นฝ่ายเรียกผมก่อน โดยไม่หันกลับมามองหน้ากัน

"หมอ..."

"หืม? ดูอะไรอยู่อ่ะ?"

อีกฝ่ายไม่ยอมตอบ แต่หันหน้ากลับมาหากันทันที...และสิ่งที่เห็นทำเอาผมตกใจไปพักนึง

"แบร่~"

ใบหน้าน่ารักๆของเขาที่ตามมากวนใจผมจนสติรวนไปหมดมันเปลี่ยนไป เพราะเจ้าของกำลังใช้นิ้วดันปลายจมูกมนๆให้เชิดขึ้นจนสุดเป็นจมูกหมู แถมตาดำทั้งสองข้างก็เหล่มารวมกันอยู่ตรงกลาง ยัง.... ยังไม่จบแค่นั้น แลบลิ้นด้วย

ผมมองภาพตรงหน้านิ่งๆแบบทำอะไรต่อไม่ถูกอยู่สักพัก จนกระทั่งอีกฝ่ายหยุดทำร้ายตัวเอง แล้วพูดต่อ

"คราวนี้เลิกมีปัญหากับหน้าเราได้ยัง?"

"ฮึ?"

"ก็เห็นหมอมองหน้าเราท่าทางแปลกๆตลอดเลย เจอหน้าเมื่อกี้เข้าไป ตกใจกว่าเดิมอีกปะ?"

เชื่อเค้าเลย...
พูดจริงๆตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเจอใครที่เป็นแบบนี้
ทำไมเขาน่ารักจังวะ?

ในที่สุดผมก็กลับมายกยิ้มอย่างวางใจได้อีกครั้ง หลังจากที่ต้องทะเลาะกับตัวเองในโลกส่วนตัวอยู่พักใหญ่

"เออดิ นึกว่าเจอผีหมูทะเลซะแล้ว"

"หมูอะไร? ใครหมู?"

"นี่ไง พอทำแบบนี้แล้วจมูกจะเหมือนหมู..."

ผมพูดแล้วใช้นิ้วดันจมูกตัวเองขึ้นบ้าง ก่อนจะแลบลิ้นออกมาเลียนแบบเขา
จนคนฟังมองหน้าผมแล้วทำหน้ามุ่ยขึ้นมาทันที

"น่าเกลียดว่ะ เมื่อกี้หน้าเราก็เป็นแบบนี้เหรอ?"

"ยิ่งกว่าอีก ตาเหล่ด้วย เราทำไม่ได้"

"ดีละ..."

"...."

"แล้วก็จำหน้าแบบเมื่อกี้ของเราเอาไว้นะ มองหน้าเราเมื่อไหร่ก็ให้นึกถึงหน้าผีหมูทะเลเอาไว้ จะได้เลิกทำหน้าเหมือนปวดท้องเวลามองกันสักที"

ผมขมวดคิ้ว... กำลังงอยู่ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรแบบนี้ออกมาได้ยังไง
ระหว่างนั้นเขาก็ยังพูดต่อไป

"หรือว่าเราต้องเอาสก๊อตเทปติดจมูกเอาไว้ให้เป็นหมูตลอดเวลา?"

เขาพูดออกมาพร้อมกับเอานิ้วดันปลายจมูกให้ยกขึ้นไปด้วย
ได้ยินอย่างนั้นผมก็หลุดขำ ยกมือขึ้นขยี้ผมเขาเล่นด้วยความเอ็นดู

"โอเคๆ เอามือออกได้แล้ว เดี๋ยวจมูกก็เชิดอยู่อย่างนั้นจนเอาลงไม่ได้หรอก"

พอผมพูดจบอีกฝ่ายก็ยอมเอามือออก แล้วลูบจมูกปลายจมูกแดงๆของตัวเองเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ

"งั้น...เราไปนอนละนะ"

"อืมๆ ฝันดี"

เขาพยักหน้ารับนิดหน่อยก่อนจะเดินเข้าห้องไป แต่ยังไม่วายโผล่หน้ามาพูดทิ้งท้าย

"หมอก็มานอนได้แล้ว ขับรถมาตั้งไกลแล้วยังมาทำตัวเป็นพระเอกเอ็มวีนั่งใจลอยมองทะเลอีก ไม่เท่ว่ะ"

คำพูดของเขาทำให้ผมหลุดยิ้ม แล้วตอบกลับไป

"ครับผม เดี๋ยวตามไป"

"โอเค"

อีกฝ่ายพูดรับคำสั้นๆ แล้วตามมาด้วยเสียงประตูที่ปิดสนิท

ผมนั่งอยู่ที่เดิมแล้วก็พบว่าตัวเองกำลังยิ้มออกมาบางๆตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
พอหันไปเห็นกระป๋องเบียร์ที่อีกคนเอาออกมาเล่นแล้วไม่ยอมเก็บกลับไปด้วย ผมก็เลยเอื้อมมือไปหยิบมันมาถือเอาไว้ แล้วมองกระป๋องเบียร์ธรรมดาๆราวกับว่ามันเป็นอะไรที่แสนพิเศษ

อยู่ๆผมก็นึกอยากเดินไปหาเขา แล้วบอกกันว่าขอบคุณ
แต่พอคิดดูอีกที ถ้าทำผมอย่างนั้น อีกฝ่ายก็น่าจะทำหน้างงกลับมา 
แล้วถามต่อว่า หมอขอบคุณเราเรื่องอะไร?

และความคิดนั้นทำให้ผมต้องยกยิ้มขึ้นมามากกว่าเดิม



tbc.



- - -


น้องหมอลูกแม่ ไปตรวจสุขภาพประจำปีเมื่อไหร่อย่าลืมตรวจปอดนะคับ
แหกแล้วแน่นอน : P



ขอบคุณนะคะ : )
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 21-10-2015 22:46:38
เขาหอมแก้มกันล้าวววววววว
เขาไปเที่ยวฉองต่อฉองกันล้าววววววว

แอร๊ยยยยยย!!!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 21-10-2015 22:48:58
อยากไปทะเลกับยิ้มด้วยจัง แต่สงสัยจะโดนหมอ  :z6: แน่ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-10-2015 22:49:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: ketekitty ที่ 21-10-2015 22:50:05
ยิ้มหวานน่ารัก หมอก็ขี้แกล้ง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 21-10-2015 22:51:11
 :impress2:

 อยากให้ถึงหัวหินไวไว

เขินอ่ะ

โอ๊ยไม่รู้จะอิจฉาใครดี

  o13

 รอตอนต่อไปนะคะ

  :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: kochitown ที่ 21-10-2015 22:59:58
 :กอด1: น่ารักมากก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 21-10-2015 23:04:02
มะ...หมดแล้ว  แง้ววววว อยากอ่านอีกอ้าาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: Panehove ที่ 21-10-2015 23:07:57
 :-[ เค้าจะไปหวานกันที่หัวหินอ่ะ อยากจะตามไปแอบส่องจริงๆเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 21-10-2015 23:13:55
ได้กันไดกัน
อ้าวไม่ใช่
เป็นแฟนกัน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 21-10-2015 23:17:58
หมอ เนอะหมอ แหกจริงๆด้วยค่าาา
ปอดอ่าาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 21-10-2015 23:31:42
บอกไปเลยหมอ ว่าอยากจูบ !!!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 21-10-2015 23:48:35
หมออ่อนว่ะ แต่น่ารักอะ โอ๊ยย
คือหมอก็น่ารัก น่าเอ็นดูมาก กพหแแ
แต่ยิ้มหวานนี่น่ารักกว่าาาาาาาาาา
ขอเอากลับบ้านได้ไหมคะ T//////T
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 21-10-2015 23:52:27
เราชอบบรยากาศระหว่างสองคนนี้จัง ไม่ต้อมีฉาก NC อะไร แค่มองตากัน จมูกชนกันเราก็ฟินแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 21-10-2015 23:54:23
ฮึ้ยยยยยยยย จะน่ารักเกินไปแล้วคู่นี้~ :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 21-10-2015 23:58:20
ความสัมพันธ์ค่อยๆพัฒนาไปอีกขั้น หวังว่ายิ้มจะใจอ่อนเร็วๆนะ หมอรออยู่ ><
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 22-10-2015 00:02:15
อิจฉา~~~~~
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 22-10-2015 00:15:31
 :impress2:



โอ้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: pharuthai ที่ 22-10-2015 00:16:54
 :-[หมอน่ารักว่ะ ยิ้มเธอน่ารักกว่า
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 22-10-2015 00:22:29
ยิ้มหวานน่ารักมากกกกก ดูน่าทะนุถนอมจังง
หมอเอ้ยยยยย ไหวมั้ยยย กล้าๆหน่อยยย  :hao6: :hao7: :hao3: o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: gessuriyong ที่ 22-10-2015 00:26:40
หนังสือสอบไม่อ่านนนนนน  มาอ่านหมอกะยิ้ม

โอ้ย ทำไมเป็นคนแบบนี้เนี่ย   55555 ไปเท่ียวกันแล้วววว

อุ้ยเอาแล้วจุ้ยยยยยยยยย อยากจูบก็มา หมอเอ้ยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 22-10-2015 00:27:19
น่ารักโว้ยยยยยยทั้งยิ้มทั้งหมอเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: ziqh.leo ที่ 22-10-2015 00:45:11
อ่อย เขินหนักมาก นึกว่าจะได้จูบกัน
ลำพังแค่หมอหอมแก้มนี่ ใจเราก็จะวายละ 555

ยิ้มหวานโคตรๆๆ น่ารักเลย อิจฉาหมอ อยากเป็นหมอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 22-10-2015 01:13:16
ฟินขึ้นเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 22-10-2015 01:13:35
หมอดูอ่อนไปเล๊ยยยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 22-10-2015 01:38:05
อุ้ยยย ขัดใจอ่ะหมอ ยิ้มหวานน่ารักขนากนี้แล้ว แกรยังจะปอดแหกอีก
ถ้าไม่รีบทำคะแนน จะไม่ยกยิ้มหวานให้แล้วนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: ที่เดิมในหัวใจสาววาย ที่ 22-10-2015 01:38:33
  :ling1: หมอเอ้ยย โอกาสมาขนาดนี้นะอย่าปล่อยให้หลุดมือนะ เขินแทนยิ้มหวานเลยอ่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 22-10-2015 02:10:13
 :เฮ้อ:โถ่หมอ อ่อนจริงๆ :hao3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 22-10-2015 02:11:25
ยิ้มกวานมันอ่อยปะเน่ย น้องหมอตั้งสติไว้นะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: OJSG7 ที่ 22-10-2015 02:49:48
ฟินถล่มถลาย ฟินจนตัวแตก ฟินจนหมอนขาด เล็บฉีก อรั้ย -////-
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 22-10-2015 04:37:40
นิยายเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ฟินตัวเเตกเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 22-10-2015 05:24:25
นศพ สุภาพบุรุษที่สุดอ่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 22-10-2015 06:05:33
โถถถถถถถ วันนี้ป๊อดเป็นพิเศษเชียวนะหมอ
ลองขอยิ้มดูสิ อาจจะได้จูบมาก็ได้นะ ฮิๆๆๆ :hao7:
รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: ao16 ที่ 22-10-2015 06:34:06
 :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 22-10-2015 06:57:57
แอร้ยยยย สองคนนี้น่ารักกันจริงๆนาาาา :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 22-10-2015 07:09:09
หมอสู้ๆ ความดีของหมอ เอาชนะใจยิ้มได้แน่นอน o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: แป้งข้าวหมาก ที่ 22-10-2015 07:57:51
แง.....น่ารักอ่า.  :-[
เอาอีก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 22-10-2015 08:29:29
 :-[ :-[ :-[ :impress2: :impress2: :impress2: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: littlegift ที่ 22-10-2015 09:07:39
 :กอด1: o13 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: manowdino ที่ 22-10-2015 09:49:31
คือหมออย่างกากอะ55555555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 22-10-2015 11:09:14
หมอออออจะทำให้คนอ่านเขินไปไหนเนี่ย :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 22-10-2015 13:00:57
ขำ แหกแล้วแน่นอน ปอดแหก 5555555
เราอยากได้ยิ้มหวาน!!!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 22-10-2015 13:33:17
สู้ๆนะหมอ

อยากอ่านพาร์ทยิ้มหวานบ้างจังเลยค่ะ จะมีมั้ยคะคนเขียน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 22-10-2015 13:57:30
หมอเกือบจะได้จุ๊บยิ้มแล้ว เพื่อนยิ้มขัดจังหวะทำไมมมมม
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 22-10-2015 15:07:24
ช้าๆ ได้พร้าเล่มงามแต่ช้าเกินไปจะอดแดกนะครับหมอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 22-10-2015 17:53:47
หมอออออออออจะน่ารักไปไหนวะ
โอ้ย อยากได้หมอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 22-10-2015 17:55:05
โอ้ยเขินนนนนนนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 22-10-2015 22:28:46
หมออ่อนมากกกกกกก 55555555
แต่ไม่เป็นไรหล่อ เอ๊ย! โรแมนติกดี ให้อภัยๆ ^00^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 22-10-2015 23:21:35
หวานมาก ว่าแต่หมอจะไหวไหมเนี่ย อาการน่าเป็นห่วงนะครับ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 23-10-2015 09:28:23
หมอนี่เหมือนวัยรุ่นเพิ่งเริ่มหัดรัก 5555  น่าเอ็นดูอ่ะคู่นี้
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-10-2015 17:54:27
โหย~หมอกากว่ะ! แค่จูบยังไม่กล้าเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 23-10-2015 21:29:47
อิหมอมันไม่กล้าาาาาา
อดฟินเลย แต่ก็น่ารักดี
ไม่รีบจีบเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: silverrain ที่ 23-10-2015 22:07:13
ง่าลุ้นตั้งนาน
เกือบไปนะหมอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: bus000 ที่ 23-10-2015 23:18:33
ใจหาย...ใจคว่ำ สุดท้ายก็ไม่มีอะไร...เพราะหมอปอดแหก น่ารักดีคู่นี้
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 24-10-2015 08:33:10
ฮึ่ยยย คุณหมอจีบหนักอ่าา เขินแทนยิ้มเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 24-10-2015 09:58:24
ฮ่าๆๆๆๆๆ
หมอปอดแหก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: kkoyz ที่ 24-10-2015 10:34:47
คู่นี้จะน่ารักเกินไปแล้ว อร๊ายยยย ฟิน~  :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 24-10-2015 11:56:19
อยากได้หมอต้องทำยังไงงงงงง
ชอบลุคหมอ ชอบท่าทางหมอ ชอบหมออออออออ

ความเวิ่นเว้อของหมอ มันทำให้รู้สึกว่ายิ่งอ่านยิ่งหวาน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: GlassesgirL ที่ 24-10-2015 12:09:59
พัฒนาไปไกลกันมากแล้วคู่นี้ มีหอมแก้มมีไปเที่ยวด้วยกันแล้ว :-[
ยิ้มหวานก็น่ารักไม่เปลี่ยน ส่วนหมอกล้าๆหน่อย 5555

 :pig4: :L2:

หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 24-10-2015 13:12:18
ตอนนี้ ยาวมาก อิ่มมากกกก 

ฟินมากกกก  ละมุน สุดๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 24-10-2015 14:57:14
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: white feather ที่ 24-10-2015 14:58:48
อ่านทันละ ตอนนี้น่ารักอ่ะ ไปเที่ยวกัน 2 คน

ว่าแต่หมออออออ เราจะทำยังไงให้หมอหายปอดแหกดี

สู้ๆดิ หมอออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 24-10-2015 16:25:25
อ่านแล้วอยากลงไปกลิ้งๆกับพื้น ทำไมมันเขินขนาดนี้
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 24-10-2015 22:17:30
เพิ่งมาอ่านนนนนน จิกหมอนทุกตอนพูดเลยยย

แก้มแทบแตกกกก เขินนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 24-10-2015 23:08:49
โอ๊ยยย...หมออออออออออออออออ~ ถ้าเป็นเรายิ้มหวานเรียบร้อย โดนจูบเรียบร้อยแล้วว 555+
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 25-10-2015 00:45:29
โอ๊ยยยยยยยย น่ารัก น่ารักเกินไปแล้ว
>////< :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 25-10-2015 07:33:42
ใช้เวลาตอนเที่ยวทำคะแนนเลยหมอ อย่าป้อดน่าาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 25-10-2015 18:04:57
หมอน่ารักอ่ะ ยิ้มหวานก็น่ารัก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: snowice ที่ 26-10-2015 07:26:30
โอ้ยยยยยย กองเชียร์จะตายเอาวันละหลายๆรอบ น่ารักมากเลยค่ะ ว่าแต่อ่านมา 25 ตอนเหมือนจะยังไม่รู้ชื่อของของตัวละครสักตัวเลยแหะ แต่ยังไงก็น่าร้ากกกกกกกก จะมารอหมอกับยิ้มหวานนะคะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 31-10-2015 21:00:33
อ๋อยยยย น่ารักกันเกินไปแล้ววว  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: mookiie ที่ 01-11-2015 16:36:36
หมอค้าบบบบบบ รักแล้วก็กล้าๆหน่อยยยยยย 55555
ยิ้มหวานน่ารักมากกก ฮื้ออออ อยากได้แบบนี้สักคน >___<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 01-11-2015 18:13:42
น่ารักน่าปล้ำ 5555 #ทีมหมอ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: mickymod ที่ 05-11-2015 22:37:54
  :monkeysad: :monkeysad: คิดถึงจังเลย
เมื่อไหร่หมอกับยิ้มหวานจะมา.......

ใจจะขาด อยากอ่านๆๆ :z3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 06-11-2015 00:39:14
หมอน่ารักกกก ยิ้มหวานก็น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: bus000 ที่ 06-11-2015 22:57:59
หายไปนานจัง :m15:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 06-11-2015 23:31:39
(https://pbs.twimg.com/media/CTDkMu0UwAA3Sb2.jpg)
❤กรี้ดกร้าดในทวิตฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ นะคะ



17



ผมตื่นนอนแต่เช้า ออกไปเดินเล่นรับอากาศบริสุทธิ์อยู่พักใหญ่ ก่อนจะกลับเข้ามาในห้องและพบว่าคนที่นอนอยู่อีกเตียงนึงยังคงหลับสนิทอย่างไม่มีท่าทีว่าจะตื่น

ระหว่างที่กำลังคิดอยู่ว่าจะปลุกเขาเลยหรือไปอาบน้ำให้เสร็จแล้วค่อยมาเรียกกัน ก็มีเสียงแจ้งเตือนดังมาจากโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะตัวเล็กที่มุมห้อง มันเป็นเสียงที่ดังเตือนว่าแบตเตอรี่ของมือถือกำลังจะหมด

เห็นอย่างนั้นผมเลยเดินไปหยิบไอโฟนของเขามาเสียบชาร์ตแบตให้จนหน้าจอมืดๆสว่างวาบขึ้นมา และถือโทรศัพท์อยู่ในมืออย่างนั้นเพื่อรอดูจนแน่ใจว่าไฟฟ้าถูกชาร์ตเข้าเครื่องเป็นที่เรียบร้อย

แต่ว่าทันทีที่รูปแบตเตอรี่ที่ปรากฎขึ้นมาบนหน้าจอหายไป ผมก็ดันบังเอิญไปเห็นการแจ้งเตือนจากไลน์ว่ามีคนส่งข้อความมาให้เขา ...และพบว่าข้อความพวกนั้นมันเป็นเรื่องของผม!
 
'มึงก็เลยคิดว่าหมอมันอาจจะไม่ได้ชอบมึงจริงๆก็ได้ งี้เหรอ?'

เชี่ยขอเวลาตั้งหลักห้าวิ... รู้สึกได้เลยว่าเหงื่อหยดทั้งๆที่อยู่ในห้องแอร์ -_-
เขาพูดเรื่องของผมว่ะ!
เอาเรื่องของผมไปพูดกับเพื่อนด้วยว่ะ!

เกือบละ...อีกนิดนึงจะฟินแล้ว ถ้าเขาจะไม่ได้เอาไปพูดกับเพื่อนว่าผมไม่ได้ชอบเขาจริงๆ  -_-

ทำไมเขาถึงได้คิดอย่างนั้น?
ตอนนี้ผมแม่งโคตรจะไม่ดื้อ ไม่ซน เลยนะ แล้วอะไรที่ทำให้เขาคิดแบบนั้น?

...แอบอ่านได้ไหมวะ?
ก็รู้อยู่นะเว่ย ว่าการแอบอ่านข้อความของคนอื่นมันเป็นมารยาทที่แย่เหี้ยๆ
แต่ข้อความพวกนั้นมันกำลังพูดถึงผมนะโว้ย! เสือกเรื่องตัวเองนี่ขอลดโทษลงครึ่งนึงได้ปะล่ะ?

ผมยืนกำไอโฟนของเขาแน่น ระหว่างนั้นก็ถามตัวเองซ้ำๆว่า อ่าน ไม่อ่าน อ่าน ไม่อ่าน  อ่าน ไม่อ่าน ซ้ำไปซ้ำมาจนเริ่มรำคาญตัวเอง

วินาทีที่ตัดสินทุกอย่าง คือตอนที่อีกคนในห้องขยับพลิกตัวนิดหน่อยเพื่อเปลี่ยนท่านอน ผมตกใจไปนิดนึง ก่อนจะรีบปัดปลายนิ้วผ่านหน้าจอโทรศัพท์ของเขาแล้วไล่อ่าน ทั้ง 7 ข้อความที่ถูกส่งมาทันที -_-

*กูจะบอกว่า
* 50 กว่าข้อความที่มึงส่งมา แม่งโคตรจะวกวนเลย
*สรุปก็คือ
*มึงเกือบโดนหมอจูบ
*แต่ไอ้หมอมันดันไม่ยอมจูบมึง
*แถมยังอึนใส่ จนมึงต้องตามไปง้ออีก
*มึงก็เลยคิดว่าหมอมันอาจจะไม่ได้ชอบมึงจริงๆก็ได้ งี้เหรอ?


แย่ละ...คิดถูกหรือคิดผิดวะที่อ่านเนี่ย

สิ่งแรกที่ผมทำเลยคือการตั้งสติ เพราะไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตอนนี้ควรจะรู้สึกยังไง?
ส่วนนึงในใจมันก็รู้สึกผิดนะที่ทำให้เขาไม่สบายใจ แต่พอรู้ว่าอีกฝ่ายกังวลเรื่องของผมเยอะขนาดนี้ พูดตรงๆมันก็โคตรจะดีใจเลยว่ะ

ผมเองยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองกำลังแสดงสีหน้าแบบไหน แต่สิ่งแรกที่เลือกจะทำคือการวางไอโฟนในมือลงอย่างทะนุถนอม แล้วเดินไปหยุดอยู่ข้างๆเตียงของเขา ยืนมองคนที่นอนได้นอนดีแล้วก็มีความสุขขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ก็ยังคงรู้สึกเหมือนมีสิ่งที่ค้างคาใจ อยากถามเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงคิดว่าผมไม่จริงจังกับความรู้สึกนี้

ในขณะที่ผมห้ามตัวเองไม่ให้จูบเขา
เขากลับคิดว่า ผมไม่ยอมจูบเขาเพราะลังเลกับความรู้สึกของตัวเอง
คิดแบบนี้นี้ถูกไหม? สับสนชิบหาย ขอไวท์บอร์ดครับ...

แล้วผมควรจะทำยังไง?
เดินไปหาเขาแล้วพูดด้วยหน้านิ่งๆว่า 'เราขอโทษที่เมื่อวานไม่ยอมจูบ ถ้ารู้ว่าจูบได้ก็จูบไปนานแล้ว' งี้เหรอ?
 ผมว่าผมโดนตีนแน่อ่ะ เขาต้องซัดผมร่วงแน่ๆ

สุดท้ายผมก็ได้แต่ยืนกอดอกมองคนที่ยังคงหลับสนิทไม่รู้เรื่องด้วยสีหน้าที่กำลังกัดปากกลั้นยิ้ม จนเวลาผ่านไปสักพัก สติในส่วนที่ยังคงสมบูรณ์ดีของผมก็บอกกันว่า
...ถ้ามึงไม่ปลุกยิ้ม มึงก็ยืนทำหน้ากลั้นฟินอยู่ตรงนี้ไปทั้งวันแล้วกันนะไอ้หมอ

ตอนนั้นเองที่ผมรู้ตัวว่าควรทำอะไร และยื่นมือออกไปจับไหล่เขาเอาไว้แล้วเขย่าเบาๆ

คนที่ยังคงนอนหลับสนิททำหน้ามุ่ยตอนถูกกวน ก่อนจะพลิกตัวหลบจนผมต้องวางมือลงไปบนเส้นผมของเขา แล้วขยี้แรง

“ตื่นได้แล้ว~”

พอโดนกวนหนักขึ้นอีกฝ่ายก็หันกลับมาพร้อมกับลืมตาแค่ครึ่งนึง แล้วพยักหน้ารับสองสามที

“ไปอาบน้ำก่อนนะ ออกมาถ้าเจอว่ามีคนนอนต่อจะอุ้มไปโยนทะเล โอเคนะครับ"

“นิสัยไม่ดี"

เป็นอันเข้าใจ...
ได้ยินอย่างนั้นผมก็เดินไปหยิบข้าวของทั้งหมดของตัวเองแล้วห้องน้ำไป

การมีความรักนี่มันก็แปลกๆเนอะ 
เดี๋ยวก็เศร้า เดี๋ยวก็กังวล รู้ตัวอีกทีก็มีความสุขอีกแล้ว

เกิดมา20 ปี ผมเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าอารมณ์ความรู้สึกคนเรามันสามารถแบ่งได้หลากหลายขนาดนี้ แถมทุกๆความรู้สึกยังเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันอีกต่างหาก แต่หรับผม...รวมๆแล้วมันก็มีความสุขดี

ออกจากห้องน้ำมาผมก็เห็นว่าอีกคนกำลังนั่งอยู่บนโซฟาและกำลังจัดชุดที่จะใส่วันนี้ พอเขาหันมาแล้วเห็นผมใส่แค่กางเกงขายาวสีดำกับผ้าขนหนูที่พาดเอาไว้บนไหล่ ริมฝีปากคู่นั้นก็เบะคว่ำลงทันที

“มีซิกแพคแล้วไง ต้องอวดเหรอ?”

ผมกลั้นยิ้ม มองคนที่หอบข้าวของเดินเฉียดไหล่กันเขาห้องน้ำไปแล้วก็ได้แต่แอบขำ
กี่ขวบเนี่ย? ทำไมขี้อิจฉา?

แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ผมก็นอนเล่นมือถืออยู่บนเตียงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งอีกคนออกมาจากห้องน้ำ

สถานการณ์ทุกอย่างดูปกติดี จนกระทั่งตอนที่เขาเดินตรงไปหยิบโทรศัพท์ที่กำลังชาร์ตแบตอยู่ตรงมุมห้อง ผมขมวดคิ้วเข้า และเหลือบตามองเขาอยู่เงียบๆ แล้วก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องตกในนิดนึงตอนที่ได้ยินอีกฝ่ายถามออกมา

"หมอเอามือถือเรามาชาร์ตแบตให้เหรอ?"

“อือ ได้ยินมันร้องเตือนว่าแบตจะหมด"

“อ๋อ...ขอบคุณนะ” ^ ^

คนฟังรับคำแล้วเงยหน้ามาส่งยิ้มให้ผม ก่อนจะก้มหน้าก้มตาพิมพ์ข้อความอยู่สักพัก แล้วโยนโทรศัพท์ลงไปบนเตียง แถมยังดึงปลั๊กออกแล้วเอาสายชาร์ตมาคืนให้กันถึงที่

ทิ้งให้ผมเอาแต่ส่งสายตาจับจ้องไปยังโทรศัพท์มือถือของเขากับสีหน้าเคร่งเครียด
อีกฝ่ายจะรู้ไหมว่าผมแอบอ่านไลน์ แล้วเขาจะตอบข้อความพวกนั้นกลับไปว่าอะไร

คิดไปคิดมา ทุกอย่างก็จบลงด้วยการที่ผมสั่งตัวเองให้หยุดคิดเรื่องพวกนี้สักพัก จำคาถาเด็กดีได้ไหมครับ?
'พูดจาปกติ ทำตัวตามธรรมชาติ อย่าทำให้เขาไม่สบายใจ' ท่องไว้มึงท่องไว้

สักพักยิ้มหวานก็เก็บของและเตรียมอุปกรณ์เพื่อออกไปเที่ยวเสร็จเรียบร้อย คนตรงหน้าผมใส่เสื้อยืดสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงขาสั้นสีครีม นอกจากนี้ยังมีทั้งแว่นกันแดด หมวก กล้องถ่ายรูป อยู่ในโหมดนักท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ

แต่งตัวเรียบร้อย เขาก็เดินมาหยิบกระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์มาใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะหันมาพูดกับผมด้วยรอยยิ้ม

“เราขับรถนะ!”

ผมพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นเดินตามอีกคนไปยังประตูห้องพัก ตอนนั้นเองที่เพิ่งสังเกตเห็นว่าเขาใส่รองเท้าอะไรมา 

ยิ้มหวานใส่ไนกี้มาทะเลครับ...สีขาวซะด้วย -_- 
ยืนมองอีกคนใส่รองเท้าอยู่สักพัก ในที่สุดผมก็ถามออกมา ตอนที่เราเดินออกจากห้องไปยังมินิคันจิ๋วที่จอดอยู่ไม่ไกล

“จะใส่ไนกี้เที่ยวทะเลเลยเหรอ แตะดีกว่ามั้ง?”

เขาหันมามองผม ทำท่าเหมือนคิดอะไรอยู่สักพัก ก่อนจะยกมือขึ้นมาจับต้นแขนกัน สัมผัสเบาๆทำให้ผมหันไปมองแล้วเลิกคิ้วพร้อมกับถาม

“มีอะไร?”

“แตะไง...”

“ห๊ะ?”

“ก็หมอบอกว่าแตะดีกว่ามั้ง เราแตะหมอแล้วนี่ไง"

ให้เวลา 10 วิในการประมวลผลครับ -_-

ผมหันไปทำหน้านิ่งใส่ ยกมือขึ้นมาดีดหน้าผากเขาทีนึงแล้วถอนหายใจ ก่อนจะขึ้นรถไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ ปล่อยให้อีกฝ่ายขึ้นมานั่งอีกฝั่งและหันมามองหน้าผมพร้อมกับกระพริบตาปริบๆ

“ไม่ตลกเลยเหรอ?”

เขาถามแล้วเอื้อมไปหยิบอะไรบางอย่างมาจากเบาะหลัง ตอนนั้นเองที่ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายมีรองเท้าแตะอีกคู่นึงใส่เอาไว้ที่หลังรถ

“ไม่เลย"

“ถามจริง?”

"อืม...ถ้าไม่จีบอยู่จะให้ 10 บาทแล้วไล่ให้ไปเล่นตรงโน้นไป"

คนข้างๆหันมาฟังคำตอบของผม พร้อมกับทำหน้าเหมือนมีอะไรอยากจะถามแล้วไม่ยอมพูด แต่กลับก้มลงไปเปลี่ยนไนกี้สีขาวเป็นรองเท้าแตะสีเดียวกันก่อนจะถอยรถออก

...คิดไปเองปะวะ?
ผมว่าบรรยากาศมันขมุกขมัวยังไงก็ไม่รู้


,


พวกผมเริ่มต้นการพักผ่อนด้วยร้านอาหารทะเล
หลังจากยืนมองปูปลาหมึกกุ้งที่นอนตาใสแจ๋วในน้ำแข็งอยู่พักใหญ่ คนข้างๆผมก็ถามขึ้นมาโดยที่ไม่สามารถละสายตาจากกุ้งตัวใหญ่ที่นอนนิ่งอยู่ตรงหน้าได้เลย

“หมอแกะกุ้งเป็นปะ?”

“หึ...”  ผมตอบกลับไปแค่นั้นพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ

“เราก็ไม่ค่อยได้แกะว่ะ แต่อยากกินกุ้งเผาอ่ะ"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็ขยับไปยืนหน้าถาดใส่อาหารทะเล แล้วยื่นมือไปเขี่ยกุ้งดิบในน้ำแข็งให้พลิกไปพลิกมา ก่อนจะต้องรีบหยุดเพราะโดนแม่ครัวส่งสายขู่มาแต่ไกล

“มันก็ดูไม่น่าจะแกะยากปะ"

“ลองดูมั้ย?”

เขาถามออกมาพร้อมกับยิ้มกริ่มเหมือนกำลังจะได้เล่นสนุก เห็นอย่างนั้นผมจะทำอะไรได้นอกจากพยักหน้ารับตามใจอีกตามเคย

หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อย และรอให้พนักงานยกมาเสิร์ฟคนตรงหน้าผมก็เริ่มหาข้อมูลว่าเราจะไปเที่ยวไหนต่อกันดี ผมว่าที่เที่ยวในหัวหินส่วนใหญ่จะเน้นถ่ายรูปนะ ถามว่ามีอะไรที่น่าสนใจไหม สำหรับผมก็คือไม่...

“หมออยากไปที่ไหนมั้ย?”

“คิดว่าไม่"

“อะฮะ งั้นก็ทำตามแผนที่เราวางไว้เลยแล้วกัน"

"วางแผนไว้แล้วด้วย?”

“อืม... แผนก็คือ กิน นอน กิน นอน กิน กิน นอน แล้วก็กลับบ้าน"

พูดจบเขาก็ยิ้มถูกใจ แล้วยักคิ้วอวดกันสองที
ซับซ้อนโคตรนะ คนธรรมดามาฟังอาจไม่เข้าใจ -_-

“คิดนานปะ?”

“สามปี~”

พูดจบคนตรงหน้าผมก็กลับมุ่งมั่นกับการหาที่เที่ยวต่อ ปล่อยให้ผมได้นั่งมองหน้าเขาไปเงียบๆ แล้วในใจก็นึกอยากจะถามเรื่องที่เจ้าตัวคุยกับเพื่อนในไลน์ขึ้นมา...แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นยังไง

เปิดประเด็นด้วยการบอกว่าผมแอบอ่านไลน์เขาก็ดูจะเป็นอะไรที่ไม่ค่อยจะเข้าท่าสักเท่าไหร่ แต่ถ้าอยากจะถามเรื่องนี้ ยังไงก็ต้องเล่าให้เขาฟังอยู่ดี

ไม่ทันที่ผมจะได้คำตอบ อีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมา พร้อมกับยกหน้าจอโทรศัพท์ให้ผมดู

“เราว่านี่น่าสน"

ผมอ่านตัวหนังสือในนั้น แล้วพูดออกมา

“คาเฟ่หมาชิบะ...”

“อือ อ่านรีวิวดูดิ"

เขาพูดพลางยื่นมือถือมาให้ผมอ่านรายละเอียด สรุปรวมๆได้ว่า ที่นี่เป็นคาเฟ่หมา ซึ่งพิเศษตรงที่มีแต่หมาพันธุ์ชิบะ สายพันธุ์ชื่อดังจากญี่ปุ่น

ไปพูดให้ใครฟังเขาก็คงไม่เชื่อหรอกครับมาทะเล มาทำอะไร?
...มาดูหมา -_-

แต่พอเงยหน้าขึ้นไปแล้วเห็นว่าอีกคนส่งสายตาเป็นประกายมองตรงมา ก็เดาได้เลยว่าเขาคงอยากไปมากๆ
ถ้าไม่มาเจอเองกับตัวเองไม่มีทางรู้หรอกครับ ว่าสายตาคู่นี้มันปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ผมยกยิ้มให้คนตรงหน้านิดหน่อยแล้วพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนตอบ

“ไปมั้ยล่ะ?”

“ไป!”

เขารับคำพร้อมกับส่งยิ้มกว้างๆมาให้กัน ได้คำตอบที่ต้องการ คนตรงหน้าผมเขาก็จัดการหาเบอร์โทรของร้านและจองโต๊ะเอาไว้เรียบร้อยตามคำแนะนำที่อ่านมา

สักพักอาหารที่เราสั่งไว้ก็มาเสิร์ฟครับ ผมมองกุ้งเผาครึ่งกิโลที่นอนเรียงรายกันในจานแล้วรู้สึกหนักใจกับมันนิดหน่อย ยืดอกรับอย่างลูกผู้ชายคนนึงเลย... ทุกครั้งที่กินอะไรแบบนี้ ผมให้แม่แกะให้ตลอด -_- 

เคยนึกสงสัยกันบ้างไหมครับว่ามนุษย์คนแรกที่เอากุ้งมากินนี่คิดอะไรอยู่ ถ้าเป็นผมนะ เห็นตัวอะไรก็ไม่รู้หน้าตาประหลาดขนาดนี้ ยังไงก็คงไม่มีความคิดจะเอามันมากินเป็นอาหารอยู่แล้ว

ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าเนื้อนุ่มๆที่ซ่อนอยู่ในรูปร่างประหลาดของมันเป็นอะไรที่อร่อยสุดๆ
นี่ยังไม่พูดถึงปูที่แกะยากกว่า หน้าตาประหลาดกว่า แถมเนื้อก็อร่อยกว่า

ระหว่างที่ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะจัดการไอ้ตัวประหลาดสีส้มในจานยังไงดี คนตรงหน้าก็เร็วกว่าผมไปแล้วหนึ่งขั้น เขาหยิบกุ้งขึ้นมาโดยจับตรงส่วนหัวแล้วปล่อยให้ตัวมันห้อยอยู่ตรงหน้าตัวเอง พร้อมกับกวาดสายตามองกุ้งตั้งแต่หัวจรดหาง ก่อนจะเลื่อนสายตามามองสบเข้ากับผม...

“ทำไงก่อนดีอ่ะ?”

“นั่นดิ วางก่อนๆ"

ผมพูดพลางขยับเก้าอี้เขาไปใกล้โต๊ะมากขึ้น ใช้มือถลกแขนเสื้อ แล้วมองกุ้งส้มๆที่นอนอยู่ในจานพร้อมกับขมวดคิ้ว ...นั่นดิ เอาไงก่อนดีวะ?

“หักคอแม่งเลย"

พูดจบผมก็หยิบกุ้งขึ้นมาแล้วหักคอมันอย่างที่พูดครับ คนตรงหน้าผมดูเหมือนจะตกใจไปนิดหน่อย แต่พอหัวกับตัวกุ้งมันแยกออกจากกัน อะไรก็ดูเหมือนจะง่ายขึ้น

เราสุมหัวกันแกะเปลือกอกจนหมด และพบว่า ไอ้กุ้งนี่มันมีขาเยอะมาก ซึ้งใจก็วันนี้ว่ากว่าจะได้กินกุ้งสักตัวมันต้องใช้ความพยายามขนาดไหน

ในที่สุด พอได้เห็นกุ้งโป๊ๆที่อยู่ในมือ ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนกำลังมองสิ่งล้ำค่าขึ้นมาซะได้
กว่าจะได้แกมานี่ไม่ง่ายเลย...

ผมมองคนตรงหน้าที่นั่งกางมือเหมือนเด็กๆ เพราะทั้งสิบนิ้วเลอะเทอะไปหมดตอนแกะกุ้งแล้วหลุดขำ ก่อนจะยื่นกุ้งตัวแรกที่แกะเสร็จเรียบร้อยแล้วไปให้เขาตรงหน้า อีกฝ่ายมองกลับมาแล้วขมวดคิ้วพร้อมกับส่ายหน้า

“แบ่งกันคนละครึ่งดิ"

“ไม่เอา ยกให้"

คนฟังทำหน้ามุ่ย ส่ายหน้าแต่ไม่ยอมตอบกลับมา ท่าทางเขาเหมือนจะคิดอะไรอยู่ในใจเป็นพักๆ แต่ก็ไม่ยอมพูดจนในที่สุดผมก็ตัดสินใจถามออกไป

“ไม่สบายใจอะไรรึเปล่า ท่าทางไม่ค่อยดีตั้งแต่ออกมาละ"

เขาทำหน้าครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วก็ตอบกลับมา

“ก็นิดนึงแหละ"

“เล่าให้ฟังหน่อยดิ”

“ไม่บอก~”

“อ้าว...”

“อือ! เดี๋ยวค่อยบอกแล้วกัน"

คนตรงหน้าพูดพลางส่งยิ้มมาให้กัน พอเห็นว่าผมยังไม่ยอมละสายตาจากเขาง่ายๆ อีกฝ่ายเลยพูดต่อ

“โอเค เราจะไม่อึนใส่หมอละสัญญา เมื่อวานหมออึนวันนี้เราอึน เที่ยวไม่สนุกกันพอดี”

พูดจบเขาก็ฉีกยิ้มกว้างๆจนตาหยีมาให้ผม แถมยังยื่นมือมาหยิบกุ้งไปใส่ปากทั้งตัว แล้วเคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มป่อง เห็นท่าทางอย่างนั้นผมก็หลุดขำ

ยื่นมือไปตั้งใจจะขยี้ผมเขาเล่นแบบทุกที แต่ก็โดนส่งสายตาขู่มาให้ พร้อมกับที่อีกฝ่ายโยกหัวหลบ
อ๋อ ลืมไปว่ามือเลอะ -_-

หลังจากจัดการมื้อแรกของวันเสร็จเรียบร้อยเราก็ออกเดินทางไปหาหมาญี่ปุ่นกันต่อ
เขาให้ผมขับรถ ส่วนเจ้าตัวก็คอยบอกทาง เพราะเท่าที่อ่านมารีวิวมา คนเขียนบอกว่าทางเข้ามันค่อนข้างจะซับซ้อนนิดนึง

หลังจากงงกับเส้นทางอยู่สักพัก ในที่สุดเราก็มาถึงคาเฟ่หมาชิบะจนได้

จริงๆแล้วจะเรียกที่นี่ว่าคาเฟ่ก็ไม่ถูกนัก เท่าที่ผมดู เจ้าของร้านเหมือนจะจัดร้านด้วยการตกแต่งบ้านที่อยู่อาศัยจริงให้มีบรรยากาศแบบคาเฟ่ที่มีหมาตัวเตี้ยๆอยู่ตามมุมต่างๆเต็มไปหมด

ได้โต๊ะนั่งปุ๊บพวกผมก็สั่งเครื่องดื่มกันคนละแก้วกับของกินเล่นอีกจาน ทันทีที่คนรับออเดอร์เดินผละไป ยิ้มหวานก็หยิบกล้องแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปหาเจ้าหมาตัวสีน้ำตาลที่นอนฟุบอยู่ทันที

ผมเดินไปซื้อขนมสำหรับสัตว์ที่วางขายอยู่ ก่อนจะเดิมตามเขาไป เห็นหน้าตาคนที่กำลังเอามือลูบขนสั้นๆของไอ้หมาหน้าตาอยากรู้อยากเห็นแล้วผมก็ยังต้องยิ้มตามไปด้วย ท่าทางเขาจะชอบมากจริงๆ

ผมย่อตัวลงนั่งข้างๆเขาแล้วยื่นมือไปลูบขนหมาดูบ้างพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด จนอีกฝ่ายต้องหันมาถาม

“หมอทำอะไรอ่ะ?”

“ก็...ตอนเห็นรูป เราสงสัยว่าหมาญี่ปุ่นนี่มันต่างจากหมาวัดที่ไทยตรงไหนวะ"

พูดออกมาได้แค่นั้นคนตรงหน้าผมก็ขมวดคิ้วเข้าจนหน้ายุ่ง เหมือนจะบ่นกันด้วยท่าทางว่า อย่าได้มีข้อกังขากับน้องหมาสุดที่รักของเขาเชียว

“ฟังก่อนดิ แต่พอมาจับดู ขนมันก็หนาๆนุ่มๆดี ท่าทางจะฉลาดด้วย"

ผมพูดพลางแกะถุงใบเล็กๆที่อยู่ในมือออก ก่อนจะหยิบขนมชิ้นเล็กๆสีน้ำตาลออกมาแล้วยื่นไปให้เขาตรงหน้า

“อ่ะ กินขนม"

ได้ยินปุ๊บยิ้มหวานก็หันมามองผมด้วยหางตา แล้วตอบกลับ

“ของหมาเว่ย" 

“อ้าวเหรอ?”

ผมตอบแล้วลูบผมเขาเบาๆเหมือนตอนที่ลูบขนหมาเล่น จนกระทั่งอีกฝ่ายหันมาแยกเขี้ยวใส่กันถึงได้หยุด แล้วยื่นถุงขนมให้เขาไป

พอได้ยินเสียงก็อบแก็บของถุงเท่านั้นแหละครับ แก๊งหมาเตี้ยก็มารวมตัวกันตรงหน้าเขาทันที
ผมมองพวกหูแหลมห้าหกตัวนั่งเรียงกันส่งสายตาออดอ้อนมาให้ยิ้มหวานแล้วอดไม่ได้ที่จะบ่นในใจ
...เห็นคนหน้าตาดีหน่อยไม่ได้เลยนะพวกเอ็ง

เล่นอยู่สักพักทั้งผมและเขาก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะ กินขนมที่สั่งมาบ้างคุยกันบ้าง หันไปถ่ายรูปหมาบ้าง ผมว่าก็เพลินดีนะ รู้ตัวอีกทีเวลาก็ผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้วเหมือนกัน

ตอนกินข้าว ผมกับเขานั่งคุยกันคร่าวๆแล้วว่า เราตั้งใจจะอยู่ที่นี่ตลอดช่วงบ่าย แล้วค่อยออกไปซื้อของฝากนิดหน่อย ถ้าไม่ขี้เกียจก็คงไปแวะชายหาดหัวหินรอเวลาจนถึงตอนเย็น และปิดทริปวันนี้ด้วยตลาดโต้รุ่ง

นั่งเล่นไปสักพัก ผมก็รู้สึกเหมือนกำลังโดนสะกิดที่หัวเข่าครับ พอก้มหน้าลงไปมองก็เห็นไอ้ตัวหูแหลมขนสีดำมาเกาะขาทักทายเหมือนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน เพราะถุงขนมหมาวางอยู่ใกล้ๆมือผมนี่เอง เห็นอย่างนั้นผมก้มหน้าลงไปมองมัน แล้วยักคิ้วให้

“ไง...สนิทกันเหรอ?”

คำทักทายหมาของผมทำเอาคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันถึงกับหลุดขำ ก่อนจะยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาจับภาพผมกับหมาเอาไว้แล้วยิ้มขำอย่างอารมณ์ดี

หมาพวกนี้ก็อัธยาศัยดีโคตรๆอ่ะครับ แค่ลูบหัวนิดนึงก็ทำหน้ายิ้มใส่กันแล้ว เห็นอย่างนั้นผมก็ยื่นมือไปหยิบถุงขนมมาเปิด แล้วป้อนให้มันไปชิ้นนึงเป็นรางวัลที่อยู่ดีๆก็มายิ้มให้กัน

พอคนข้างๆเห็นผมทำอย่างนั้นเขาก็ย้ายเก้าอี้ขยับเข้ามาใกล้ มองจนเจ้าหมากินขนมชิ้นแรกหมดแล้วถึงได้หยิบออกมาถือไว้อีกชิ้น คราวนี้ไอ้หมาอัธยาศัยดีก็หันหน้าหนีผมแล้วไปนั่งตัวตรงอยู่ตรงหน้าเขาอย่างง่ายดาย

จริงๆแล้วมันอาจจะไม่ได้อัธยาศัยดีหรอก
มันก็แค่เห็นแก่กิน -_-

ผมเห็นยิ้มหวานถือขนมหมาเอาไว้มือนึง ส่วนมืออีกข้างก็ยื่นออกไปข้างหน้าแล้วพูดออกมา

“ขอมือหน่อย"

ไม่เกินสามวินาที อุ้งเท้าปุยๆของไอ้หมาก็ยกขึ้นมาวางอยู่บนมือเขาอย่างแสนรู้ พอเห็นอย่างนั้นคนตรงหน้าผมก็หันมาส่งมือถือให้กันแล้วบอกสั้นๆ

“ถ่ายคลิปให้หน่อยดิ"

ผมพยักหน้ารับ กดเปิดกล้องไอโฟนแล้วเลือกโหมดถ่ายวีดีโอก่อนจะกดบันทึกภาพคนตรงหน้าหลอกจับมือหมาเอาไว้ ก่อนที่ผมจะยื่นโทรศัพท์คืนให้เขา อีกฝ่ายรับมือถือไปวางเอาไว้อย่างไม่ใส่ใจ และยื่นมือกลับมาตรงหน้าผมอีกครั้ง แล้วพูดสั้นๆ

“ขอมือหน่อย~”

เห็นอย่างนั้นผมก็ทำหน้านิ่งมองคนที่เอาแต่ยิ้มถูกใจมาให้กัน ก่อนจะตัดสินใจกำมือหลวมๆ แต่ไม่ยื่นไปให้อีกฝ่ายอย่างที่เจ้าตัวต้องการ

“รางวัลอ่ะ?”

คนฟังขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินสิ่งที่ผมพูด เขามองหาอะไรบนโต๊ะอยู่สักพัก ก่อนจะหยิบเฟรนฟรายด์ในจานตรงหน้าขึ้นมาแล้วพูดต่อ

“อ่ะ ขอมือหน่อย...”

เห็นท่าทางของเขาแล้วผมก็ได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้าหน่อยๆ แต่ก็ยอมวางมือลงไปบนฝ่ามือเขาในที่สุด

“โอ้โห ฉลาดจังเลยย พันธุ์อะไรครับเนี่ย"

เขาพูดพลางยื่นมือมาลูบหัวผมเล่นแล้วหัวเราะสนุก ก่อนจะพูดต่อ

“หน้าเหมือนกันแล้วยังฉลาดเหมือนกันอีกเนอะ"

หน้าเหมือนกัน?
ใครหน้าเหมือนใครวะ?

“เหมือนใคร?”

“นี่ไง"

เขาพูดแล้วชี้ไปยังไอ้หมาหน้าแหลมตัวที่มายิ้มให้ผมดูเมื่อกี้ แล้วพูดต่อ

“หน้าเหมือนหมอมาก ดูดิ แต่งตัวยังเหมือนกัน"

ผมหันไปมองหน้าไอ้หมาหูแหลมสีดำที่ทรุดตัวลงไปนอนกับพื้นอย่างเกียจคร้านแล้วขมวดคิ้ว
นี่หมอมั้ย ไม่ใช่หมา?

โอเค วันนี้ผมอาจจะใส่เสื้อดำกางเกงดำ ซึ่งบังเอิญเป็นสีเดียวกับขนหมาพอดี
นอกจากนี้ ผมยังเคยโดนเพื่อนด่าว่าไอ้หน้าหมา ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องหน้าเหมือนหมาจริงๆปะวะ?

คนตรงหน้ายังคงส่งยิ้มถูกใจมาให้ผม จนกระทั่งหันไปเห็นว่ามีไอ้หูแหลมตัวสีน้ำตาลเดินผ่านมาทางนี้พอดี นั่นทำให้เขาละความสนใจจากผมแล้วผละไปหาหมาอย่างง่ายดาย -_-

ผมมองภาพตรงหน้าแล้วก็ได้แต่กลั้นยิ้ม อีกฝ่ายดูมีความสุขกับสัตว์เลี้ยงมากจนในใจผมรู้สึกขึ้นมาว่า ถ้าความสัมพันธ์ของเรามันมีโอกาสจะได้พัฒนาไปจนถึงจุดหนึ่ง

คงจะมีสักวันที่ผมอุ้มลูกหมาตัวเล็กๆมาให้เขา แล้วบอกว่ามันคือของขวัญจากผม


- - -


[มีต่อนะคะ ❤]
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 06-11-2015 23:35:26

เรากลับมาที่รีสอร์ตอีกครั้งตอน 4 ทุ่มกว่าๆ หลังจากไปเดินเล่นชายหาดหัวหินกับกินมื้อเย็นที่ตลาดโต้รุ่งมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อากาศเหนียวๆ เปลือกกุ้ง มือหมา ลมทะเล และสารพัดอย่างที่เราเจอมาทั้งวันทำให้ยิ้มหวานรีบพุ่งตัวเข้าห้องน้ำทันทีที่มาถึง ก่อนผมจะเป็นคนถัดไป พอได้อาบน้ำสระผมก็รู้สึกดีขึ้นเยอะ

อันที่จริงแล้ว ความเหนอะหนะของทะเลคือสิ่งที่ผมไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ ถึงแม้ลมเย็นๆกับอากาศบริสุทธิ์จะชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ความรู้สึกเหนียวเหนอะกับไอเค็มๆที่เหมือนจะลอยอยู่ในอากาศก็ชวนให้รู้สึกอึดอัดไม่แพ้กัน มันไม่ใช่ความรู้สึกแบบเดียวกับตอนที่เราเหงื่อออกเยอะๆเวลาไปออกกำลังกาย

แต่ถึงจะไม่ค่อยชอบความรู้สึกแบบนั้น ผมก็ยังคงยอมมาทะเลง่ายๆ
...แน่นอนอยู่แล้วว่าเป็นเพราะผมชอบคนที่ชวนมามากพอที่จะขัดใจตัวเอง

พอออกมาจากห้องน้ำ ผมก็หันไปเห็นว่าอีกคนกำลังนอนคว่ำอยู่บนเตียง เขาเปิดเพลงจากมือถือ แต่เจ้าตัวกำลังดูรูปภาพในกล้องที่ถ่ายมา

ผมเดินไปนั่งลงข้างๆเขาและได้รู้ว่านอกจากกล้องถ่ายรูปกับมือถือแล้ว ตรงนั้นยังมีกล่องขนมวางอยู่ มันคือโรตีกรอบที่เขาเพิ่งซื้อมาจากตลาดโต้รุ่ง

แล้วทำไมถึงได้นอนกินโรตีกรอบตอนสี่ทุ่มวะคนเรา  -_-

"ทำอะไรอ่ะ"

"เลือกรูปอยู่จะโพสลงไอจี"

เขาหันมาตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะกลับไปดูรูปต่อ พร้อมกับหยิบขนมเข้าปากอีกชิ้น

"เปล่า หมายถึงที่กินเข้าไปอ่ะ

คำพูดของผมทำให้คนที่กำลังเคี้ยวขนมตุ้ยๆต้องหันกลับมาอีกรอบแล้วเลิกคิ้วถาม

"โรตีกรอบไง ก็ไปซื้อมาด้วยกันอ่ะ"

"...ตอนสี่ทุ่มเนี่ยนะ?"

ตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งจะเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังพูดอยู่ ใบหน้าน่ารักตรงหน้าผมค่อยๆยกยิ้ม แล้วยักคิ้วมาให้กัน 2 ทีติด ก่อนจะยื่นมือไปหยิบโรตีกรอบขึ้นมาอีกชิ้น จิ้มนมเสร็จเรียบร้อยเขาก็ยื่นมาให้กันตรงหน้า 

"กินซะๆ จะได้อ้วนเป็นเพื่อนเรา"

เชื่อเค้าเลย... -_-
ผมขมวดคิ้ว แต่ก็อ้าปากงับแป้งทอดกรอบๆที่อีกคนส่งมาให้อยู่ดี  เห็นอย่างนั้นเขาก็ยิ้มถูกใจ ก่อนจะกลับไปดูรูปต่อ

ผมมองคนที่นอนตีขากับเตียงเหมือนแมวน้ำเกยตื้นแล้วได้แต่ถอนหายใจ ยื่นมือไปขยี้เส้นผมนุ่มๆของเขาเล่น แล้วรู้สึกว่าเรายังมีเรื่องที่ต้องคุยกัน

ถ้าคุยตอนนี้เลยจะดีไหมนะ?

"ยิ้ม..."

"อื้อ~"

อีกคนตอบกลับมาโดยไม่หันมามองผม เขาวางกล้องลง แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแทน ดูท่าทางแล้วน่าจะกำลังโพสรูปลงอินสตาแกรม

"ง่วงยัง?"

คนฟังละสายตามามองหน้าผม แล้วส่ายหน้าพร้อมกับพูดออกมา

"ไม่อ่ะ หมอง่วงแล้วเหรอ? ปิดไฟได้เลยนะ"

"เปล่า เราก็ยังไม่ง่วงเหมือนกัน"

"อ๋อ..."

"ถ้ายังไม่ง่วง... งั้น...ไปเดินเล่นกันไหม?"

"...."

"ดูดาวกัน.."

ข้อเสนอโคตรจะไม่น่าตอบตกลงเลยครับ ถ้ามีใครมาชวนผมแบบนี้ ผมคงทำหน้านิ่งใส่ แล้วตอบปฏิเสธกลับไปแบบไม่ต้องคิด แต่โชคดีที่อีกฝ่ายตอบรับกลับมาด้วยรอยยิ้ม และคำตอบสั้นๆ

"ไปดิ เบื่อๆพอดี"

เขาพูดแล้ววางมือถือทิ้งไว้กับเตียง ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้น หันมาทำตาโตใส่กัน แล้วพยักหน้า บอกกันด้วยท่าทางว่าพร้อมออกจากห้องแล้ว

ถ้าจะถามว่าทะเลตอนกลางคืนแตกต่างจากตอนกลางวันยังไงบ้าง?

ที่เห็นได้ชัดๆเลยก็คือ ตอนนี้ชายหาดที่ยาวไปจนสุดสายตาผมไม่มีใครมาเดินเล่น นั่งอาบแดด หรือนอนให้เพื่อนถมทรายบนตัวเองแบบตอนกลางวัน พอได้สังเกตดูรอบๆก็เห็นว่ามีอีกกลุ่มนึงที่พักอยู่ที่นี่ เขามากันเป็นกลุ่มใหญ่และกำลังปาร์ตี้กันอยู่ที่หน้าบ้านพักของตัวเอง

แต่นอกจากผมกับคนข้างๆแล้วก็ไม่มีใครมาเดินเลาะชายหาดตอนห้าทุ่มแบบนี้อีก โชคดีที่ทางรีสอร์ตยังนึกถึงมนุษย์กลางคืนอยู่บ้าง เลยปักเสาที่มีไฟคล้ายๆคบเพลิงจุดเอาไว้ให้รายทาง

เราเดินกันไปเงียบๆ ก่อนที่ยิ้มหวานจะเป็นคนพูดออกมาก่อน

"ที่จริงเราชอบทะเลตอนกลางคืนมากกว่ากลางวัน"

ผมหันไปมองเขาและเห็นรอยยิ้มสดใสเด่นชัดออกมาจากความมืด

"ทำไม?"

"ก็มันไม่มีแดดไง~"

เขาตอบแล้วทำปากคว่ำใส่ เหมือนผมถามอะไรแปลกๆ ก่อนจะเงียบไปสักพักแล้วพูดต่อด้วยรอยยิ้มผ่อนคลาย

"แล้วก็...ไม่รู้เราคิดไปเองรึเปล่านะ แต่เราว่าเสียงคลื่นตอนกลางคืนมันเพราะกว่า"

ผมไม่ตอบอะไรกลับไป แต่ในใจกำลังจดจ่ออยู่กับเสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งเป็นจังหวะ
และพบว่ามันก็คือเสียงคลื่นปกติปะวะ...

ขอโทษทีที่ไม่มีอารมณ์ศิลปิน -_-

"มันก็คือเสียงคลื่นอ่ะ"

คำตอบของผมทำให้คนฟังหน้างอ

"สุนทรีย์หน่อยสิคุณหมอ~"

ผมขมวดคิ้วเข้า เลืิกที่จะไม่เถียงกลับไป แต่กลับยื่นมือไปโคลงหัวเขาเล่นสองสามที ก่อนที่เราจะเดินต่อไปเงียบๆ
สักพักเขาก็วิ่งไปหยิบกิ่งไม้ยาวๆที่ตกอยู่มาถือเล่น แล้วจิ้มโน่นเขี่ยนี่ไปตามทาง

หลังจากนั้นไม่นาน คนที่เดินอยู่ข้างๆผมก็เป็นฝ่ายพูดออกมา กลบเสียงคลื่นเพราะๆที่อีกคนชอบนักหนา

"เรามีอะไรจะสารภาพด้วย"

เขาพูดแล้วหันมายิ้มจนตาโค้งเป็นสระอิใส่กัน สีหน้าแบบนั้นทำให้ผมต้องขมวดคิ้วไปให้ด้วยความสงสัย

"เรื่องร้ายแรงปะเนี่ยจะได้ทำใจ?"

“หมอขี้เว่อร์ ความจริงก็คือ เราอ่ะ...ตั้งใจจะหนีเที่ยวตั้งแต่เมื่อวานอยู่แล้ว แต่รู้ว่าถ้าไม่บอกก่อนต้องโดนดุอีก"

"...."

"เราก็เลยทำเป็นบ่นๆไปงั้นอ่ะ ถ้าหมอไม่ชวน เราก็คงออกแอบมาคนเดียวอยู่ดี ดุกันไม่ได้ด้วยนะ ถือว่าเราบอกแล้ว ไม่ยอมมาด้วยกันเอง"

พูดจบเขาก็มองหน้าผมแล้วยักคิ้วมาให้กัน ท่าทางแลดูน่าตีสุดๆ ก่อนจะหันกลับไป ปล่อยให้ผมพูดต่อโดยที่สายตาของเราไม่ได้จดจ่ออยู่ที่กันและกันอีก

"ชอบทะเลมากอ่ะดิ"

"ก็ใช่นะ แต่ก็ชอบเที่ยวทุกที่นั่นแหละ ที่ไหนก็ได้ ถ้าได้ไปเที่ยว เราก็ชอบหมด"

"..."

"เราตั้งใจไว้ด้วยว่าจะมาทะเลให้ได้อย่างน้อยปีละครั้ง ซึ่งปีนี้ก็ยุ่งมากอ่ะ และทริปนี้ก็คือการมาทะเลครั้งแรกในรอบปีของเรา ขอบคุณที่มาด้วยกันนะ"

ผมหันกลับไปมองเขาในช่วงเวลาที่อีกฝ่ายก็หันมาพอดี เราก็เลยส่งยิ้มให้กัน ก่อนที่ผมจะยกแขนขึ้นกอดคอ  แล้วพูดต่อ

"เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นการให้เราพามาทะเลอีกทุกปีได้ปะ?"

อยู่ดีๆเขานิ่งไปทันทีที่ได้ยินคำพูดของผม  ไม่ทันที่จะได้ถามว่าเป็นอะไร อีกฝ่ายก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มฝืนๆ

"อย่าขอในสิ่งที่ยังไม่แน่ใจกว่าจะทำได้ดิ"

สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมนิ่งไปอีกคน...

รู้ตัวอีกทีเราก็หยุดเดินกันไปแล้วทั้งคู่ ผมขยับตัวมายืนตรงหน้าเขา มองลึกลงไปในดวงตาคู่นั้น พร้อมกับเอื้อมมือไปกุมมือเขาเอาไว้ แล้วพูดออกมาช้าๆชัดๆ หวังจะให้มันฝังอยู่ในใจคนฟังแบบไม่มีทางที่จะลบออกไปได้ง่ายๆ

"เชื่อใจเราหน่อย..."

คนตรงหน้าผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เหมือนเขาจะอึดอัดที่ทำให้บรรยากาศดีๆหายไป

"ไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อใจหมอนะ แต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้นี่ ถ้าวันนึงหมอรู้สึกว่าการได้อยู่กับเราทุกวันแบบนี้มันไม่สนุกอีกแล้ว ตอนนั้นอาจจะรู้สึกว่าไม่น่าพูดอย่างวันนี้ออกมาเลยก็ได้"

ผมยกมือขึ้น ใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือไล้ลงไปบนผิวแก้มคนที่กำลังรู้สึกไม่มั่นคง แล้วถามออกมา

"เข้าใจ...งั้นเราขอถามเรื่องเมื่อกลางวันเลยได้ไหม ที่พูดออกมานี่ เกี่ยวกับเรื่องที่ไม่สบายใจอยู่รึเปล่า?"

"เปล่านะ ที่พูดนั่น เราก็แค่พูดไปตามความเป็นไปได้..."

"ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่คุยกับเพื่อนในไลน์ด้วยใช่ไหม?"

ผมไม่ได้ตั้งใจจะเค้นถามเขาขนาดนี้เลยนะ แต่สิ่งที่คิดอยู่ตอนนี้ก็คือถ้าเราจะจัดการเรื่องของความรู้สึกระหว่างคน 2 คน ทุกอย่างมันน่าจะง่ายขึ้น ถ้าเราพูดกันตรงๆ

เราอาจจะเดาใจกันได้ง่ายๆ ในบางเรื่อง
แต่มันก็มีอีกหลายเรื่องที่ถ้าเราไม่ถามออกไปให้ชัดเจน เราอาจจะเข้าใจผิดกันไปตลอด

คำพูดของผมทำให้ยิ้มหวานตกใจ ระหว่างที่กำลังลุ้นอยู่ว่าผมจะโดนเขาโกรธที่ทำตัวเสียมารยาทแอบอ่านไลน์รึเปล่า สิ่งที่ควรทำที่สุดน่าจะเป็นการสารภาพผิดออกไปก่อน

"เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งโกรธกันนะ คือเราไม่ได้ตั้งใจจะแอบอ่าน เรื่องมันเป็นอย่างนี้ เราได้ยินเสียงไอโฟนดังเตือนว่าแบตจะหมด เราเลยเอามาเสียบชาร์ตให้ แล้วจอมันเลยสว่างขึ้นมา เราก็เลยเห็นข้อความ แล้วข้อความนั้น มันก็ดันพูดถึงเราไง ก็เลยอยากรู้....อันที่จริงเราก็แอบอ่านจริงๆนั่นแหละ ขอโทษ ขอโทษจริงๆ"

ผมเกลียดความลนลานของตัวเองตอนนี้เป็นบ้า ยิ่งมองไปที่เขาแล้วไม่สามารถเดาความหมายของสีหน้าและแววตาได้ ก็ยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่

"ยิ้ม...ไม่ได้กำลังจะทะเลาะกันใช่ไหม?"

ปวดกบาลเลยครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องที่เขาตั้งใจจะมาเที่ยวทะเลทุกปี มันมาจบลงที่ความอึดอัดระดับนี้ได้ยังไง  เฮ้อ...

สิ่งที่ผมได้รับกลับมาคือการที่เขาถอนหายใจ แล้วทรุดตัวลงนั่งยองๆกับพื้น แถมยังมุดหน้าลงกับแขน
ท่าทางแบบนั้นทำเอาผมนิ่งไป

เฮ้ย อย่าบอกนะว่าร้องไห้?

พอเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงเงียบอยู่ ผมก็นั่งลงไปบนพื้นทรายตรงหน้าเขา ยื่นมือไปแตะแขนเบาๆ แล้วถามต่อ

"เป็นอะไร บอกกันได้ไหม?"

พูดจบผมก็ไม่ถามเซ้าซี้อีกและปล่อยให้เขาอยู่ในโลกส่วนตัวเงียบๆไปสักพัก ก่อนที่อีกฝ่ายจะก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา ให้ผมเห็นแค่ดวงตากลมๆ

"ไอ้หมอบ้านี่"
ด่ากันเฉย...

"โอเคยอม จะด่าจะตีกันก็ได้ ไหนเป็นอะไรบอกเราหน่อย"

"ก็เห็นในไลน์แล้วไม่ใช่เหรอ?"

"เห็นแล้ว แต่ไม่ค่อยเข้าใจ อธิบายให้ฟังหน่อยนะ...นะครับ"

ดวงตาคู่นั้นหรี่ลง มองมาทางผมเหมือนกำลังชั่งใจ โดยที่ใบหน้าครึ่งนึงยังมุดอยู่ที่แขน

"ก็หมอนั่นแหละ ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ!"

ในที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วพูดเหมือนจะขึ้นเสียงนิดหน่อย ก่อนจะถอนหายใจหนักๆ

"นิสัยเสีย อยู่ดีๆก็มาทำเหมือนจะ...จูบกัน แล้วก็ตกใจ ถอยไปซะอย่างนั้นอ่ะ แล้วหลังจากนั้นก็ทำเหมือนไม่อยากมองหน้าเราอีกเลย"

คนตรงหน้าผมพูดออกมาพร้อมกับค่อยๆเงยหน้าขึ้น แก้มทั้ง 2 ข้างของเขาแดงเรื่อเหมือนเด็กๆ ก่อนที่ริมฝีปากคู่นั้นจะขยับพูดต่อ

"ทำแบบนั้นมันทำลายความมั่นใจในตัวเองของเรานะเว่ย แล้วเราก็เดาไม่ถูกด้วยว่าหมอคิดอะไรอยู่ ตอนมาก็เข้ามาเองทั้งๆที่ปกติแล้วเราไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับเราขนาดนี้ด้วยซ้ำ"

"..."

"แล้ว...บนรถอ่ะ อยู่ๆก็ทำท่าทางเหมือนไม่แน่ใจ เหมือนลังเลที่จะใกล้เราขึ้นมา จะให้เราคิดไงอ่ะ อยู่ๆก็นึกไม่อยากจะยุ่งกับเราขึ้นมาแล้วรึไง? ที่จริงก็แค่รู้สึกว่าเราน่าสนใจดี เลยมาลองทำความรู้จักเล่นๆรึเปล่า"

พูดจบคนตรงหน้าผมก็ทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิกับพื้น แล้วบ่นงึมงำ

"เมื่อยขาแล้วเนี่ย"

ผมมองเขาแล้วได้แต่ยิ้มออกมาบางๆ ใบหน้าน่ารักนั่นงอง้ำเข้า  ในขณะที่สายตาฟ้องกับผมว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกน้อยใจ และไม่ได้โกรธกันจริงๆ

"จะให้กลับกรุงเทพไปแล้วต้องเป็นเพื่อนกูๆมึงๆกับหมอเราไม่เอาด้วยหรอกนะ"

"อืม..."

สิ่งที่ผมตอบกลับไปเป็นแค่การรับคำสั้นๆ กับรอยยิ้มมุมปาก  ก่อนจะยกมือขึ้นมาแนบแก้มของเขาเอาไว้ พร้อมกับใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือไล้ไปมาบนผิวนุ่ม

"สรุปว่า ที่คิดมากนี่เป็นเพราะสิ่งที่เราทำตอนอยู่บนรถใช่มั้ย"

เข้าใจตรงกันนะ ว่า 'ตอนอยู่บนรถ' ก็คือตอนที่เราจะจูบกัน
ดวงตาที่เคยหลุบลงต่ำมองกลับมาที่ผม พร้อมกับคำตอบ

"อืม.."

ทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น ผมก็ยกมือขึ้นมาสัมผัสกับใบหน้าข้างของเขา กลายเป็นว่าตอนนี้ทั้งสองมือของผมประคองใบหน้าได้รูปของอีกคนเอาไว้ บังคับไม่ให้อีกฝ่ายหันหน้าหนีไปที่ไหนอีก ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้เขาในระยะที่สามารถมองเห็นขนตายาวๆเรียงตัวเป็นแพได้อีกครั้ง

ยิ้มหวานกระพริบตาช้าๆไม่ต่างจากวันนั้น และภาพเดิมที่กลับมาก็ทำให้หัวใจผมสั่นไหวจนแทบจะกระเด็นออกมากองอยู่บนพื้น ก่อนที่ผมจะต้องรวบรวมสติเข้า และค่อยๆพูดกับเขาในระยะประชิดด้วยเสียงกระซิบแผ่วเบา

"งั้นก็ลืมมันไปให้หมด..."

ทันทีที่พูดจบ ผมก็ลดระยะห่างระหว่างเรา 2 คนลงมากกว่าเดิม เอียงใบหน้าเล็กน้อย ก่อนจะแต้มจูบลงไปบนริมฝีปากของเขา ทิ้งสัมผัสไว้ไม่นานแล้วผละออกมา โดยที่ยังไม่ห่างออกจากกัน

เสียงหัวใจที่กำลังบีบตัวอย่างหนักจู่โจมผมจนต้องพยายามควบคุมจังหวะหายใจให้เป็นปกติ แต่ทันทีที่โกยลมหายใจเข้าปอด กลิ่นหอมอ่อนๆของผิวแก้มที่ยังอยู่ใกล้ปลายจมูกก็เล่นงานจนผมไปไม่เป็นอีกรอบนึง

ยิ้มหวานเป็นฝ่ายขยับตัวก่อนเพื่อจะหลุดออกจากความใกล้ชิดนี้ แต่ผมกลับเลื่อนมือไปจับลำคอด้านหลังของเขาเอาไว้ แล้วก้มหน้าลงไปจูบอีกหน บดริมฝีปากย้ำเบาๆก่อนจะผละออกมาแล้วรั้งให้อีกฝ่ายก้มหน้าซุกลงมาบนไหล่ ใช้ปลายนิ้วสัมผัสเส้นผมนุ่มมือแล้วพูดกับเขา

"เลิกน้อยใจได้แล้ว"

"เราน้อยใจเมื่อไหร่วะ?"

"นั่นดิ ตอนไหนวะ"

"เหอะ~"

ผมหลุดขำกับน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะขัดใจของอีกฝ่าย แล้วขยี้หัวเขาเล่นด้วยความเอ็นดู ก่อนจะก็รู้สึกถึงแรงฟาดหนักๆบนไหล่อีกข้างที่ยังว่าง

“ปล่อยเลย~”

พูดจบเขาก็ขยับตัวถอยออกมาจากอ้อมแขนของผม พร้อมกับปัดทรายที่ติดตามเนื้อตัวออก ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วหันมาสั่งกัน

"ลุกขึ้นได้แล้ว"

ผมพยักหน้ารับแล้วทำตาม ส่วนคนที่ลุกขึ้นมาก่อน ตอนนี้กำลังปัดทรายออกจากขาพร้อมกับบ่นไปเรื่อย

"เลอะหมดเลยเนี่ย ต้องอาบน้ำใหม่อีกอ่ะ"

"เบาๆดิ จะตีขาตัวเองทำไม"

ผมพูดพลางจับมือเขาให้หยุด ก่อนจะก้มลงค่อยๆปัดทรายที่ติดอยู่ตามขาคนตรงหน้าออกให้ น่ารักดีที่อีกฝ่ายยืนนิ่งให้ผมดูแลเหมือนเป็นเด็กๆ แต่ก็ยังบ่นงุ้งงิ้ง

"ไหนใครบอกจะดูดาว ไม่เห็นจะสนใจดาวสักดวง"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็เงยหน้าขึ้นไปมองคนพูด พอสบตากันฝ่ายนั้นก็เม้มปากเข้าแล้วหันหน้าหลบสายตาผม
น่าหมั่นเขี้ยวมากจนผมต้องขยับไปยืนตรงหน้าเขา แล้วใช้มือดึงแก้มนิ่มๆทั้ง 2 ข้างให้ยืดออก จนได้ยินเสียงบ่น

“มือสกปรก"

“พูดมาก...”

“ปล่อย~”

“ถ้าบ่นอีกทีเราจะจับมาจูบจนกว่าจะเงียบเลยคอยดู"

ได้ผลครับ...
แค่ผมพูดออกไปแบบนั้นเขาเม้มปากปิดสนิทเหลือแค่ดวงตาโตๆที่พยายามมองขู่กัน
...เลี้ยงง่ายขึ้นเยอะเลย




tbc.



- - -



: )



หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: mickymod ที่ 06-11-2015 23:49:23
 :-[ :-[ จุ๊บกันแล้ว เย้เย้ หมอกจางๆในหัวใจหายไปหมดเลย

ต่างคน ต่างคิดวุ่นวายมากมายไปไกล แบบนี้สิ น่ารัก :impress2:

คุยกัน เคลียร์กันไปเลย.........รักมากนะ รู้ยัง #น่ารักมากทั้งคู่ ทั้งหมอ ทั้งยิ้มหวาน

ฟินตัวแตก จิกหมอนนอนฝันหวานเลยคืนนี้ :katai2-1:

หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 07-11-2015 00:03:05
หมอเลิกป๊อดแล้วได้แล้วววว
ยิ้มหวานคิดมากเลยเห็นมั้ย เกลียดความป๊อดของหมอ 55555555555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 07-11-2015 00:13:12
ฉันเขินนนนนนน กรี๊ดดดด หมอจูบยิ้มหวานแล้วโว้ยย
น่ารักเชี่ยๆๆๆ โอยยย จะร้องไห้ ตอนหน้านอนกอดกันเลยนะ
แม่มมม คิดมากกันอยู่ได้ หมอรักยิ่มนะ จบป่ะะะะ
แอร๊กกก ฟินจะบ้าตายแล้วกีปูววววววว
 :impress2:  :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-11-2015 00:16:44
ถือว่าเป็นดราม่านิดๆได้ไหมเนี่ย 5555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 07-11-2015 00:17:22
จะ จะ จูบกัลแบ้วววววว~~~!!!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 07-11-2015 00:25:10
เคลียร์กันเข้าใจกันแล้ว เย่ๆ
กลับไปก็เป็นแฟนกันได้แล้วมั๊งเนี่ยยิ้มหวาน
 :mew1: :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: MRchai ที่ 07-11-2015 00:26:42
เขินแทนยิ้มหวานมากๆเลบ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 07-11-2015 00:27:00
เค้าจูบกันแล้วววว :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: ที่เดิมในหัวใจสาววาย ที่ 07-11-2015 00:43:30
ว๊ายยยยจูบกันแล้ว  :katai2-1: หายป๊อดแล้วเนอะหมอ ระยะห่างน้อยลงแล้ว ขอคบไปเลยหมอ แม่ยกเตรียมเฮกันอยู่ อิอิ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 07-11-2015 01:37:42
ยิ้มงอนหมอที่ลังเลอยู่นั้น ถ้าจูบตั้งแต่บนห้องยิ้มคงตัดสินใจง่ายขึ้น
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 07-11-2015 02:25:15
เป็นเรื่องที่ลุ้นมากกกกกกกกกกกกกกกก
จูบแล้วโว้ย จุดพลุ555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: jejiiee ที่ 07-11-2015 02:46:24
ลาตายกับความหวาน :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 07-11-2015 02:52:36
 :o8: o13ปรกติก็เลี้ยงง่ายอยู่แล้วนะหมอ ติดดื้อนิดๆ :heaven
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 07-11-2015 03:01:55
กรี๊ดดดดด จูบแล้ววววววว
แต่หมอน่าจะอทิบายมากกว่านี้หน่อยน้าาาาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 07-11-2015 04:14:17
 กรี๊ดดดดดดดด
ทะเลหวานมากกกพูดเลย 
เขินแทนยิ้มหวานเลยอ่ะ   
ยิ้มเค้าสารภาพหมดเปลือกเลยนะหมอ
หมอแหละมุบมิบไม่ยอมบอกเค้าไปด้วยล่ะว่าหมออยากจูบใจจะขาด 
แต่หมอแมน เอ้ย ป๊อด เอ้ย แมนนั่นแหละครับถูกล๊าวว 
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: hormonesyj ที่ 07-11-2015 05:11:48
โอยยยยย อิป้าจะบ้าตาย หมอพอได้จูบก็ใส่ไม่ยั้งเลยนะ เขินแทนหนูยิ้ม แอร๊ก น่ารักที่สุดเลยเรื่องนี้  :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: ao16 ที่ 07-11-2015 05:39:38
 :o8: :-[ :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 07-11-2015 05:44:05
จูบกันซักที 55555555555 o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 07-11-2015 05:46:52
ยิ้มหวานก็เครียดเหมือนกันนะหมอ แกล้งอยู่ได้
เคลียร์กันแล้ว สบายใจขึ้นละเนาะยิ้ม
หมอจริงจัง อย่าไปกลัวๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 07-11-2015 07:31:28

ในที่สุดก็จูบกันอย่างเป็นรูปธรรม...
มันดีอ่ะ จีบกันเหนื่อยๆ ก็พักจูบกันสร้างขวัญและกำลังใจ
อย่างนี้หมอคงจีบยิ้มได้เรื่อยๆแหละ... แต่ไม่รู้ว่ายิ่งจีบ
จะยิ่งโดนจูบจนช้ำไปก่อนหรือเปล่านะยิ้ม ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ขอบคุณมากค่ะ รอติดตามนะคะ ^^ :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 07-11-2015 07:39:22
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: gessuriyong ที่ 07-11-2015 07:54:18
จูบกันแล้วววววว  เคลียล์สักทีความรู้สึกอึดอัดนี้นะ 55555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 07-11-2015 08:33:27
ในที่สุดก็ ...จูบ.. กันแล้ว
ลุ้นตั้งนาน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 07-11-2015 09:12:02
 :impress2:

 โอ๊ย หมอน่ารัก

น้องยิ้มมุ้งมิ้งได้อีก

รอตอนต่อไปน้า

  :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 07-11-2015 09:19:21
เฮฮฮฮฮฮ ดีใจอย่างกับลูกชายแต่งเมีย ฮ่าาาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 07-11-2015 09:21:35
 :katai2-1:เป็นไงล่ะ เพราะหมอมัวแต่ป๊อดอ่ะ
ยิ้มหวานเรยเครียดเลย ดีที่เข้าใจกันแร้ว
ได้จูบแล้วด้วย!! อิอิอิ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 07-11-2015 09:51:50
เขินอ่าาาา
เขินแทนยิ้มหวานเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: khunkun91 ที่ 07-11-2015 10:00:45
งุ้ยยยยยยยยยยย จูบกันแล้ววววววว >//////<
หมอต้องเข้าข้างตัวเองได้แล้วนะ ยิ้มเริ่มมีอาการน้อยใจนิดๆจากการกระทำหมอแล้ว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 07-11-2015 10:07:47
ชอบจัง. ใสใส ค่อยๆ จีบ. ค่อยๆ ซึมซับความรู้สึก. ค่อยๆ. รักกัน. ไม่ต้องมีตัวอิจฉา เรื่องก็สนุกได้ด้วยตัวของมันเอง.

ขอบคุณคนเขียน. บทพูด การบรรยายความรู้สึก. แสดงออกมาได้ละมุนมากค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: duckduckk3 ที่ 07-11-2015 10:22:06
กรี๊ดดดด แม่ขาาาาา เขาจุ๊บกันแล้ววววว
นี่ไม่คิดว่ายิ้มจะคิดมากขนาดนี้นะ 555555555
หวายยยย ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนแล้วล่ะสิ๊ยัยนิ้มมมม

หมอก็รุกอีกสิ ยิ้มรออยู่นะ อิอิ

ขำตรงที่นิ้มบอกหมอหน้าเหมือนหมาอ่ะ นี่ขำหนักมาก 5555555
ดีใจมากที่ยิ้มมาตอนที่เราคิดถึงพอดี๊พอดี <3
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 07-11-2015 10:29:01
จิ้มหวานคิดมากกกกก จนหมอต้องทำให้หายคิดมากเลย น่าร้ากกกก^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 07-11-2015 10:34:41
หมอทำตามใจตัวเองบ้างนะ
เพราะบางที่การที่เราแสดงออกหนะก็ทำให้อีกคนมั่นใจขึ้น
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-11-2015 10:37:24
ต่างฝ่ายต่างคิดมาก ดีนะที่ยังคุยกันให้เคลียร์

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 07-11-2015 11:24:36
เค้าจุ๊บกันแล้ว :mc4:

ฟินตัวจะแตก งื้ออออ~ เป็นแฟนกันได้แล้วเถอะใจตรงกันขนาดนี้แล้ว :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 07-11-2015 11:33:59
อ่านล่ะก็เขินนนนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: Pingiess ที่ 07-11-2015 11:39:29
จูบกันแล้ววววววววววววววววววววววว

ยิ้มหวานทำไมน่ารักอย่างนี้ล่ะ อยากได้มาฟัดเล่นที่บ้าน *โดนหมอถีบ 55555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: ketekitty ที่ 07-11-2015 11:54:26
ยิ้มหวานน่ารัก  :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 07-11-2015 12:07:22
หมอทำไมไม่บอกความจริงไปละว่าไม่ใช่ไม่ชอบหรืออะไรหรอก คสามจริงคือหมอกำลังสะกดจิตตัวเพื่อไม่ให้เผลอจับยิ้มกด 5555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 07-11-2015 12:19:24
น้องนิ้มคิดมากขนาดนี้ ยังจะกล้าบอกว่าไม่คิดอะไรกับหมออีกมั้ยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 07-11-2015 12:20:43
โอ๊ยยยยย น่าร๊ากกกกกกก

คนอ่านก็แก้มปริแล้วเนี่ย

เลี้ยงง่ายขนาดนี้ต้องดูแลดีๆนะหมอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 07-11-2015 13:55:57
จูบหนักขนาดนี้ไม่ได้แค่จีบแล้วมั้งหมอ ยิ้มหวานปากเปื่อยแน่555

ตอนนี้น่ารักโฮกกกกกกกก :-[ :-[ :-[

ปล.น้องหมาน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 07-11-2015 14:34:59
ตายอย่างสงบ...นี่คือหมอจีบอยู่นะ  ถ้าเขาเป็นแฟนกันแล้วล่ะ โอ้โหววววววววววว~  :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 07-11-2015 15:03:55
 :z13:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 07-11-2015 15:50:30
เค้าจุ๊บกันแล้ว  :impress3: :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: momapmu ที่ 07-11-2015 16:51:03
อยากจะขอร้องให้คนแต่งมาอัพต่อไว
ยิ้มหวานไม่เคยพอสำหรับเรา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 07-11-2015 17:22:12
โอ้ยยยยยยยยย    :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: OJSG7 ที่ 07-11-2015 18:01:23
ฟินจิกหมอนอีกแล้วเจ้าหมอบ้านี่ 555555555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 07-11-2015 21:31:25
อ่านตอนแรกจบ จอเม้นท์ก่อนเลย

เขินเชี่ยๆอ่ะ จีบกันแบบนี้เขินอ่ะ >////<

งือไม่ทนๆๆ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-11-2015 21:32:22
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 07-11-2015 21:56:58
จุ๊บกันแล้ว
 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 07-11-2015 23:37:31
เค้า จูบ กัน แล้ว กรี๊ดดดดดดด
รักหมอ นางมั่นคงและแน่ใจในความรู้สึกมาก
รัก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 08-11-2015 01:20:24
เขาจูบกันแล้วค่ะ ฮือ เหมือนเห็นลูกสาวออกเรือน ปริ่มอะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-11-2015 01:32:22
 :laugh:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 08-11-2015 02:30:34
หมอบ้า ยิ้มหวานน้อยใจเลยเห็นม่ะ แบบนี้ต้องปลอบใจอีกหลายจุ๊ฟๆเลยเนอะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 08-11-2015 05:38:58
หมอรุกช้าไป ยิ้มหวานน้อยใจแล้ว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 08-11-2015 06:37:55
ซึ้งอ่ะ   :m1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 08-11-2015 08:29:27
เอร้ยยยยยยย จุ๊บกัน ๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 08-11-2015 08:57:48
นี่ตกลงคบกันแล้วใช่มั้ย :-[

อย่าบอกนะว่ายังไม่ :ling3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 08-11-2015 09:35:19
ปอดไม่แหกแล้วนะหมอ  :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 08-11-2015 12:51:49
ลุ้นมากก..^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: white feather ที่ 08-11-2015 12:57:56
หมอออออออออออ เมื่อไรจะขอยิ้มเป็นแฟนค่ะ

ไปจูบเค้าแล้ว ดูสิเขินหมดแล้วนั้น  :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 08-11-2015 13:27:08
เขาจุ๊บกันแล้วค่ะแม่!!!
หนูเขินนนนนนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 08-11-2015 14:31:16
งืออออ จูบกันแล้ววววว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: Arancia ที่ 08-11-2015 14:47:53
ฟินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 08-11-2015 15:36:46
โอ๊ยมดกัดค่า
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: BIRD ที่ 08-11-2015 15:59:05
จูบกันแล้วววว เขาจูบกันแล้วครับบบบบบ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-11-2015 18:18:43
ฟินตัวแตก!! กรี๊ด~
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 08-11-2015 18:59:29
ยิ้มน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกก ชอบมากตอนที่บอกว่าจะให้กลับไปเป็นเพื่อนกูๆมึงๆกับหมอไม่เอานะมากเลย ><
แบบว่าเขินแทนหมอ - //////////// - .. ดีใจแทนอ่ะ เหมือนคนที่เราแอบชอบมานานในที่สุดก็หวั่นไหวกับเราแล้วงี้~
จะรออ่านตอนต่อไปๆนะคะ ชอบคู่นี้มากกกกกกแบบมากมากมากจริงๆ ; _ ; ..
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่า  :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 08-11-2015 19:59:02
เพิ่งจะเปิดเข้าเล้ามาอย่างจริงจัง  ถึงไดัรู้ว่ากีปูว์เอายิ้มหวานมาลงในเล้า เพิ่งไล่อ่านจนทันด้วย ชักจะติดน้องยิ้มแล้วนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 08-11-2015 20:23:56
หมอจุ๊บยิ้มแล้วววววววววววววว
ยิ้มแอบไปน้อยใจคนเดียวด้วย ถ้าหมอไม่เห็นข้อความมีหวังยิ้มสับสนไปอีกนาน หมอรุกให้ชัดเจนหนักๆๆเลย ได้จุ๊บแล้วนิ อิอิ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 08-11-2015 22:06:04
จุ๊บกันแล้ววว ยิ้มน่ารักอ่ะะ อยากแก้มนิ่มแบบยิ้ม
หมอสู้ๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 08-11-2015 22:28:08
จูบแบบเด็กประถท แต่ทำเอาป้าเขิน ฟิน ยิ้มแก้มแทบแตกเลยจ้า :-[
ยิ้มอย่างอนหมอเลยนะ หมอเค้าก็ชัดเจนอยู่นะ ยิ้มยอมรับรักหมอเร็วๆสิ จะได้รู้กันไปเลยว่าหมอมันเป็นแบบไหน :haun4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: kaireaw ที่ 09-11-2015 21:45:19
ฟฟฟ ยิ้มหวานของพี่ในที่สุดก็จูบจากหมอแล้ว ฟินนนนน
มันเป็นจูบที่ละมุนมาก แงงงงน่ารักกก น่าจับยิ้มหวานไปปล้ำจูบต่อ เดี๋ยว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 09-11-2015 23:35:07
จะจูบก็จูบคิดเยอะเห้นไหม ยิ้มน้อยใจเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: Panehove ที่ 10-11-2015 00:01:12
คราวหน้าถ้าคิดจะทำอะไรก็ทำเลยนะหมอ เห็นมั้ยยิ้มน้อยใจเลย น่ารักอ่ะ น้ำทะเลหวานหมดแล้วนั่น ขอบคุณสำหรับตอนใหม่นะคะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 10-11-2015 17:12:03
งื้อออออ

เขาจูบกันแล้ว

จูบเบาๆ เท่านั้นทำเอาฉันสั่นไปทั้งหัวใจ

 :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 10-11-2015 17:53:45
เป็นแฟนกันได้แล้วววววววววววววว
 :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 10-11-2015 18:36:41
โอยยยยย หมอ! รออะไร!! ขอเป็นแฟนเลยดิ มาขนาดนี้แล้ววว

โงยยย เราลุ้นมากกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: smilepengy ที่ 11-11-2015 15:30:56
หวานซะอิจฉา  :z1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: numin ที่ 15-11-2015 09:29:28
ให้ตายเถอะ!!!!!! เขินนอนจิกหมอนมาก!!!!

หมอแม่งทำฟินนนน ถ้าคิดจะรุก ต้องรุกให้ถึงที่สุดนะหมอ

ยิ้มหวานเปิดโอกาสให้ขนาดนี้แล้ว ห้ามทำยิ้มหวานคิดมากอีกนะย่ะ ชิ!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: gessuriyong ที่ 16-11-2015 11:39:47
คิดถึงนิ้มกับหมออออ คงไม่ว่างกันสินะ มีงานเปิดบ้านหนิเนาะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 16-11-2015 22:35:11
ฟิน~~~~~

ยิ้มแก้มจะแตก  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 16-11-2015 23:18:13
ยิ้มจ๋าแล้วจะไลน์ไปบอกเพื่อนอีกป่าวเนี่ยว่า จูบแล้ว
ดีใจด้วยจ้าหมอที่เลิกป๊อดแล้ว  :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: แค่ความทรงจำ ที่ 16-11-2015 23:38:47
จูบกันแล้ว อ้าว จุดพลุ  :mc4: :mc4:

ทะเลหวานกันเลยเชียว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 17-11-2015 11:04:09
อยากตั้งชื่อตอนว่า "จูบใครคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อคุณจูบฉันทำไมฉันสั่นไปทั้งหัวใจ" ถึงจะแค่จูจุ๊บก็เหอะ
ไม่สั่นแค่หัวใจนะคะหมอ สั่นทั้งเล้าเลยค่ะ
พวกแกทำฉันเขินนนนนนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: bae1993 ที่ 20-11-2015 00:15:22
 :o8: :o8:

งือออน่าร้ากกกก รอน้าา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: Saowalak3103 ที่ 20-11-2015 08:46:53
 :mew1:
เริ่มเรื่องมาก็น่ารักแล้วอ่ะ.
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 20-11-2015 09:55:38
ยุฮูๆๆๆๆๆ  รอตอนต่อไปปอยู่น้าาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: gessuriyong ที่ 20-11-2015 17:24:10
ไรต์งานเยอะแน่ๆเลย สู้น้าาาาาาาา   :L1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: numin ที่ 20-11-2015 18:34:40
น้องมารอพี่อยู่ ที่เล้าเป็ดทุกวัน เรารอยิ้มหวานของหมออยู่นะเออ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 20-11-2015 20:55:41
มารอหมอกับยิ้ม :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 21-11-2015 14:16:40
อ่านเรื่องนี้แล้วมันละมุนมากเลยอะ ได้ยิ้ม ได้เขินห่างๆอยู่ตลอด

รีบมาต่อนะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 21-11-2015 18:52:13
ตามทันแล้ววววววววว
น่ารักมากเลย
รอตอนต่อไปนะ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 23-11-2015 02:17:41
(https://pbs.twimg.com/media/CUcBMdjU8AAP6fw.jpg)
กรี้ดกร้าดในทวิตฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ นะคะ




- 18 -



หลังกลับมาจากหัวหิน สิ่งที่รอผมอยู่ที่กรุงเทพคือไอ้พวกเพื่อนเวรทั้ง 3 ครับ พวกมันมาดักรอกันที่บ้านและลากผมออกไปกินเหล้าทันที ด้วยสาเหตุที่ว่าผมต้องรับโทษ ในความผิดข้อหาไปเที่ยวทะเลกับยิ้มแล้วไม่บอกใคร -_-

ถ้าถามว่ามันรู้ได้ไง ก็ต้องอธิบายเพิ่มว่า ตอนนี้กลุ่มเพื่อนของเรา 2 คนก็เริ่มจะสนิทสนมกัน อย่างน้อยเพื่อนสนิทของผมกับเขาก็กดฟอลโลวอินสตาแกรมกันเรียบร้อยแล้วทั้งกลุ่ม และนั่นทำให้พวกมันรู้ว่าเพื่อนๆของยิ้มหวานไปเที่ยวญี่ปุ่นกันทุกคน

ไอ้เบอร์หนึ่งเล่าด้วยความจริงจังว่า มันเห็นเขาอัพอินสตาแกรมรูปทะเล พร้อมกับที่ผมเงียบๆไป
มันเลยใช้พลังเจได คิดเอาเองว่าผมน่าจะไปเที่ยวทะเลกับยิ้มด้วย

วิธีการมันเหี้ยมาก มึงใช้พลังเจไดมาสรุปว่ากูแอบไปทะเล เหี้ยยิ่งกว่าตรงที่มันเสือกถูก!
แถมพวกเวรนี่ยังโทรเข้าบ้านผมแล้วถามเอาจากแม่ครับ ว่าผมจะกลับมาวันไหน
ตามติดชีวิตกูมากยัง  -_-


คืนนั้นพวกมันก็ดื่มกันอย่างที่ทำอยู่เป็นปกติ โดยมีไอ้เบอร์ 1 คนเดิม ลุกขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เปิดการก๊งเหล่าอย่างเป็นทางการเอาไว้อย่างน่าประทับใจว่า

"โบราณกล่าวไว้...ว่าไปสเม็ดจะเสร็จทุกราย
ส่วนกูขอกล่าวบ้าง ว่าถ้าไปหัวหิน ก็น่าจะฟินทุกคืน"


โคตรเหี้ย...
และแล้วการซักเรื่องระหว่างผมกับยิ้มหวานที่ทะเลจนหมดเปลือกอย่างเป็นทางการก็เริ่มต้นขึ้นในตอนนั้น ก่อนจะปิดพิธีลงด้วยการที่ผมโดนเอาเหล้าเพียวๆกรอกปากนาน 1 นาทีเต็มๆ หลังจากสารภาพออกมาว่าเราจูบกันไปเรียบร้อยแล้ว

หลังจากนั้นแม่งก็มึนๆไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรอีก จำได้ว่ายกเท้าถีบใครไปสักคนตอนที่ได้ยินมันพูดว่า
'ถ้ามึงยังไม่ขอยิ้มเป็นแฟน เดี๋ยวกูขอแทนแม่งเลย'

ร้านเหล้าที่เรานั่งอยู่ปิดตอนตี 2 หลังจากนั้นพวกผมก็มาถอดเสื้อนอนเรียงกันอยู่ที่ระเบียงบ้านไอ้เบอร์สอง ด้วยสภาพที่เริ่มสร่างเมากันแล้ว และกำลังคุยกันไปเรื่อยเปื่อยแบบไม่มีประเด็นอะไรเป็นหลัก

“ถ้ากูจีบยิ้มติด แก๊งเราก็ต้้องแบ่งเป็นสองฝั่ง โสดสองคน ไม่โสดสองคนดิวะ"

ทันทีที่ผมพูดจบ ไอ้โคนันก็ตอบกลับมาทันที โดยมีอีก 2 คนหัวเราะรับ

“ควายครับเพื่อน ขอเค้าเป็นแฟนให้ได้ก่อนเหอะมึงอะ"

“ด่ากูเฉยเหี้ยนี่ กูก็แค่พูดเผื่อๆไว้" 

“เออแล้วมึงกับยิ้มเป็นไงมั่งวะ"

ผมเงียบไปแล้วคิดทบทวนอยู่สักพักว่าตอนนี้ระหว่างเราสองคนเป็นยังไง ก่อนจะตอบแบบสั้นๆให้พอเข้าใจ

“ตอนนี้ก็ดีนะ ทุกอย่างกำลังดี แต่หลังจากนี้ก็น่าจะไม่ได้เจอกันอีกสักพัก"

“อ้าว ทำไมวะ?”

“ก็ปิดเทอม อยากให้เค้าได้อยู่กับที่บ้านบ้าง"

"โห...คนดีสัด"

"อีกอย่าง...ไม่เจอกันบ้าน เขาจะได้คิดถึงกูไง"

พูดจบผมก็โดนถีบครับ ได้เบอร์หนึ่งกับเบอร์สอง  ยกเท้าขึ้นมาถีบผมเต็มๆทั้งๆที่ยังนอนอยู่ก่อนจะสบถด่าผมกันคนละคำ
และหลังจากนั้นอาทิตย์นึง ผมก็พบว่า... กูไม่น่าอยากทำตัวเป็นคนดีเลย -_-

ผมใช้สัปดาห์สุดท้ายของการปิดเทอมกับครอบครัว เลยไม่ได้เจอยิ้มหวานมาเกือบๆสิบวันแล้วแล้ว แต่เราก็ยังไลน์หากันโทรหากันอยู่เรื่อยๆ

ภาพในอินสตาแกรมที่เขาอัพโหลดอยู่เป็นระยะๆบอกผมว่าอีกฝ่ายน่าจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากพักผ่อน และออกไปกินของอร่อยกับที่บ้านแทบทุกวัน

ถามว่าเหงามั้ย มันก็ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกครับ
แค่รู้สึกเหมือนความสดใสที่เคยอยู่รอบตัวมันลดน้อยลงไปประมาณนั้น

รู้ตัวอีกที ผมก็ใช้เวลาช่วงบ่ายของวันไปกับการคิดวางแผนว่าจะชวนเขาไปทำอะไรที่ไหนดี เพื่อหาเรื่องเจอกัน

เพราะใครๆก็ชอบพูดกันตลอดว่าเวลาแห่งความสุขผ่านไปเร็วเสมอ...
และปิดเทอมก็เช่นกัน -_-

รู้ตัวอีกทีอีก 2 วันผมก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตแบบนักศึกษาแพทย์ต้องอดทน สิบล้อชนสิบล้อตายอีกแล้ว ส่วนอีกฝ่ายที่เป็นเด็กสถาปัตย์กลับเปิดเทอมพร้อมคณะอื่น ซึ่งช้ากว่าผมไปอีก 2 สัปดาห์ แต่ก็ยังมีงานที่ต้องส่งทันที่เปิดเทอมอยู่ดี

และผมจะไม่เริ่มเทอมใหม่ด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยวเพราะไม่ได้รับพลังแจกความสดใสจากอีกฝ่ายอย่างแน่นอน
แล้วก็เหมือนจะมีคนรู้ตัวว่ากำลังโดนคิดถึง...

*อยากไปอ่ะ

ผมกดเข้าไปอ่านตั้งแต่อีกฝ่ายส่งข้อความแรก พอเข้าไปดูก็เห็นอีกข้อความนึง ซึ่งเป็นลิ้งไปยังเว็บไซต์
พอเข้าไปดูก็เห็นรายละเอียดของงานที่ชื่อว่า Art Box ซึ่งเป็นตลาดนัดที่จัดโดยการนำตู้คอนเทนเนอร์มาวางเรียงกันแทนร้านค้า ดูเหมือนว่าแต่ละครั้งที่จัด ก็จะมีคอนเซ็ปที่แตกต่างกันออกไป

สำหรับในรอบนี้งานจัดในธีม 'แอบรัก'


*อืม น่าสน
*จะไปเหรอ?


*ใช่แล้ว ^ ^

*ไปกับเพื่อน?

*เปล่า 
*ไปคนเดียว

*ชวนเราดิ 

*ไม่ชวน!!

*อยู่คอนโดแล้วใช่มั้ยเนี่ย


เมื่อวานนี้เขาบอกผมว่าวันนี้จะเข้ามาที่คอนโด เพราะไม่อยากทิ้งห้องไว้นานๆ และตั้งใจจะมาทำความสะอาดด้วย ตอนคุยกันนี่อีกฝ่ายบ่นอุบเลยว่าเวลาที่ไม่อยู่ห้อง เจ้าตัวก็ปิดประตูหน้าต่างเอาไว้อย่างดีตลอด แต่สุดท้ายแล้วทำยังไงมันก็ยังมีฝุ่นอยู่ดี

*อืม ^^
*เพิ่งถึงอ่ะ

*โอเค 
*เดี๋ยวถึงแล้วโทรหา 
*ตอนเย็นๆค่อยออกไปเดินเล่นกัน


*หมอ...
*ใครชวนวะ

*เราชวนตัวเอง
*ถามมันละเมื่อกี้
*ไอ้หมอบอกว่าอยากไปด้วย


*เชื่อเค้าเลย...

*เชื่อหน่อยดิ 
*เจอกัน


พิมพ์ข้อความหาเขาเสร็จผมก็ลุกขึ้นอย่างไว พร้อมกับตะโกนบอกแม่ที่อยู่ในครัว ว่าจะออกไปข้างนอก ได้ยินอย่างนั้นคุณคนสวยเขาก็ตอบกลับมาด้วยคำถามว่าจะออกไปไหน พอได้คำตอบว่าไปหาเพื่อน ผมก็เลยโดนเรียกให้เข้าไปหาก่อนแป๊บนึง

"เพื่อนชอบกินขนมมั้ย?"

ผมเลิกคิ้วมองคุณนายของบ้านซึ่งตอนนี้กำลังเห่อตำราทำขนมเล่มใหม่ที่แปลมาจากภาษาญี่ปุ่น แล้วตอบกลับไป

"ชอบมาก คนนี้จอมกินขนมเลยแม่"

"งั้นเอาเลม่อนชีสเค้กกับคุ้กกี้ที่แม่เพิ่งทำเสร็จไปฝากเพื่ิอนด้วยแล้วกัน"

พูดจบแม่ผมก็หันไปหยิบของหวานทั้ง 2 อย่างตามที่พูดมาใส่ถุงแล้วยื่นมาให้
นั่นทำให้ผมออกจากบ้านมาพร้อมกับถุงกระดาษใบนึง...

แค่คิดถึงรอยยิ้มดีใจของใครอีกคนตอนที่เห็นว่าผมมีขนมติดมือมาด้วย ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาบ้าง


- - -


วันนี้ยิ้มหวานอยู่ในโหมดพ่อบ้าน...
เพราะคุณหนูคนเก่งเขาเอาเครื่องดูดฝุ่นออกมาทำความสะอาดห้องด้วยตัวเอง

มาถึงปุ๊บผมก็เอาของที่ติดมือมาไปแช่ตู้เย็น แล้วก็เดินมานั่งลงบนโซฟาตัวเดิม พร้อมกับมองเจ้าของห้องเข็นเครื่องดูดฝุ่นเดินไปทั่วห้อง ว่าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

"ต้องช่วยอะไรมั้ยเนี่ย"

คำพูดของผมทำให้เขาหยุดชะงัก ก่อนจะหันมามองกันพร้อมกับส่ายหน้า

"ไม่ต้องอ่ะ ดูจากท่าทางแล้ว เราว่าหมอนั่งนิ่งๆอยู่บนโซฟานั่นแหละดีที่สุด เปิดทีวีได้นะ ดูเปล่า?"

ผมหลุดขำกับคำพูดของเขา ก่อนจะตอบปฎิเสธกลับไปพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมานั่งฟังเพลงไปเรื่อยๆ
เวลาผ่านไปสักพัก ผมก็รู้สึกได้ว่าโซฟาที่นั่งอยู่ยุบลงไปเพราะมีคนมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆกัน เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จนผมต้องหันไปมอง ไม่ทันได้ถามว่าเป็นอะไร เจ้าตัวเขาก็บ่นออกมาด้วยตัวเอง

"ทำงานบ้านนี่ก็เหนื่อยเหมือนกันเนอะ"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็ได้แต่หัวเราะรับ จนดวงตาคู่นั้นมองมาทางนี้ แล้วถามต่อ

"หมอทำอะไรอ่ะ"

"ฟังเพลง"

ผมตอบพร้อมกับถอดหูฟังออกข้างนึง แล้วเอาไปใส่ให้อีกคนได้ฟังด้วยกัน
บังเอิญที่ตอนนั้นเพล์ยลิสต์ในเครื่องรันมาถึงเพลง "รอยยิ้ม" ของวง scrubb พอดี

เนื้อเพลงที่ได้ยินทำเอาผมหลุดยิ้มออกมาบางๆ พร้อมกับความรู้สึกจั๊กจี้นิดๆในหัวใจ


ฉันเพียงอยากขอเก็บรอยยิ้มนี้ก่อน
รู้ว่ามีความหมายบางอย่าง ขอแค่เราได้นึกถึงเวลานี้ 



พอเห็นว่าเขายังคงไม่ขยับไปไหน ผมเลยเอื้อมมือไปจับหัวคนที่นั่งอยู่ข้างๆกันไว้ ก่อนจะรั้งให้เอนตัวมาซบลงบนไหล่
แค่เพียงเพราะเขายอมนั่งอยู่ท่านี้ และไม่ขยับหนีไป
... ถามว่าตอนนี้รู้สึกดีแค่ไหน ผมก็อธิบายออกมาไม่ถูกเหมือนกัน

จนกระทั่งเพลงจบ ผมก็หันไปมองคนที่นั่งพิงกันอยู่ และเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังตาปรือจนขนตายาวๆจะนาบลงไปกับแก้มอยู่รอมร่อ เห็นอย่างนั้นผมก็แกล้งยกไหล่ขึ้นลงเบาๆพร้อมกับเอ่ยถาม

"หลับปะเนี่ย"

"เปล่า..."

"งั้นก็ลุกไปอาบน้ำไป จะได้ออกไปข้างนอก"

"อืม..."

น้ำเสียงที่ตอบฟังดูเกียจคร้านเต็มที จนผมต้องหันไปซุกปลายจมูกลงกับเส้นผมที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ แล้วแตะริมฝีปากลงไปบนนั้น

"อื้อ..."

นั่นทำให้อีกฝ่ายร้องออกมาอย่างขัดใจ แล้วหันมาอ้าปากงับลงบนต้นแขนผมเต็มๆ
...ถามว่าเจ็บไหม โคตรมากครับ -_-
ทำร้ายร่างกายกันเรียบร้อยเขาก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับพูดด้วยหน้ายุ่งๆ

"นิสัย~"

ผมได้แต่ยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองแล้วยักคิ้วรับท่าทางขัดใจที่มาพร้อมกับผิวแก้มสีแดงระเรื่อ
ไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ คนตรงหน้าก็ลุกขึ้นแล้วเดินผละเข้าห้องนอนไปทันที

ตลกดีที่อีกฝ่ายยังคงมองกลับมาทางนี้ ตอนที่ค่อยๆแง้มปิดประตูห้องนอนเข้า 
ผมมองใบหน้าโดดเด่นที่หายไปทันทีที่ประตูปิดลงแล้วได้แต่หลุดยิ้ม



- - - -



เรามาถึงงาน Art Box กันตอนทุ่มกว่าๆ
สิ่งแรกที่สะดุดตาผมคือไฟครับ ไฟที่เค้าใช้ประดับตกแต่งที่นี่สวยมากและทำให้พื้นที่บริเวณนี้โดดเด่นและมองเห็นได้จากระยะไกล

หลังจากได้ที่จอดรถเรียบร้อยแล้ว ผมกับเขาก็ตัดสินใจเดินอ้อมมาทางด้านหน้าก่อนเป็นอันดับแรก

ตอนนี้เราสองคนยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าจากริมถนน หลังจากกวาดสายตามองมุมสำหรับถ่ายรูปที่ถูกจัดเอาไว้ ผมก็ต้องหลุดขำเพราะหันมาเห็นสีหน้าคนข้างๆ

ยิ้มหวานกำลังขมวดคิ้วมุ่นเเพราะดันเผลอไปอ่านคำคมแอบรักซึ่งถูกเขียนเอาไว้บนฝาผนังของตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกวางไว้แทนซุ้มประตู ไม่ทันไร ริมฝีปากสีสดก็ขยับพูดเบาๆเหมือนจะบ่นกับตัวเอง

"มันต้องขนาดนี้เลยเหรอ?”

เห็นอย่างนั้นผมก็หลุดขำ ก่อนจะยกมือขึ้นจับข้อศอกของเขาเอาไว้ แล้วดึงให้หันหน้ามาอีกด้านนึง ผนังตู้คอนเทนเนอร์สีดำสนิทมีตัวหนังสือสั้นๆเขียนอยู่บนนั้น ข้อความนี้แทบจะสั้นกว่าทุกอันที่เท่าที่สังเกตเห็น แต่ก็สะดุดตาผมเข้าเต็มๆ

“ดูนั่นดิ"

ผมชี้ไปทางขวามือ ก่อนที่อีกฝ่ายจะมองตาม แล้วอ่านข้อความอยู่ครู่นึง

'ไม่ได้ชอบแกล้ง แต่แกล้งเพราะชอบ'

“อี๋...”

เขาพูดแล้วใช้ข้อศอกจิ้มเข้าที่ตัวผม 1 ทีแรงๆ ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ คนข้างๆผมก็ยกมือขึ้นชี้ไปยังต้นไม้ต้นใหญ่ตรงกลางงาน ที่โดดเด่นกว่าใครเพราะถูกประดับด้วยไฟสีฟ้าเป็นเส้นยาวนับสิบอันทั่วทั้งต้น

แสงสว่างจากไฟเหล่านั้นแทบจะย้อมต้นไม่ใหญ่ให้เปลี่ยนไปเป็นสีฟ้าสดใส

“อยากไปดูอันนั้นใกล้ๆอ่ะ"

ผมพยักหน้ารับ ก่อนที่เราจะเดินไปหยุดลงตรงใจกลางของงาน และเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้ที่ว่า พอมาอยู่ตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่ในฉากการ์ตูนแฟนตาซี ก่อนที่คนข้างๆผมจะพูดออกมา

“สวยเนาะ"

“อืม...ค่าไฟทั้งงานวันละเท่าไหร่เนี่ย?" 

ได้ยินอย่างนั้นเขาก็หันมามองผม ก่อนจะทำหน้ามุ่ยใส่แล้วบ่น

“สงสัยอะไรแปลกๆอีกละ"

ผมยักคิ้วให้เขา แต่ไม่ตอบอะไรกลับไป 

ปล่อยให้อีกฝ่ายยืนดูต้นไม้สีฟ้าสว่างจนพอใจ ก่อนจะเริ่มหาอะไรกินเป็นมื้อเย็น
เราเริ่มต้นเดินจากฝั่งที่ใกล้เวทีที่สุด และพบว่า...ของกินทุกอย่างที่นี่น่ากินมาก

คนข้างๆผมนี่ตาวาววับแข่งกับไฟที่เขาติดเอาไว้รอบงานสุดๆ  และสิ่งแรกที่สะดุดตาเรา 2 คนเข้าอย่างจังก็คือเครื่องดื่มที่ใส่มาในถุงเลือด

พวกเราเดินตรงเข้าไปยังร้านที่จัดให้ดูเหมือนซุ้มรับบริจาคเลือด และฟังคนขายอธิบายวิธีดื่มน้ำจากหลอดยาวๆที่ต่อออกมาจากถุงใสๆกับลูกค้ากลุ่มใหญ่อยู่สักพัก ก่อนที่ผมจะหันมาถามเขา

“เอาปะ?”

คนฟังขมวดคิ้ว ก่อนจะจับแขนผมพร้อมกับส่งยิ้มให้เจ้าของร้านไปทีนึง แล้วออกแรงดึงให้ผมตามเขาออกมา เดินเลยมาได้สองสามก้าวเขาก็หันมาแล้วเขย่งตัวขึ้นกระซิบให้ผมฟังใกล้ๆ

“ดูหน้าตาแล้ว เราว่าไม่อร่อยแน่เลยว่ะ"

คำพูดของอีกคนทำให้ผมหลุดขำ ก่อนจะแกล้งยกมือไปวางไว้บนหัวแล้วขยี้ผมเขาเล่น

“เดี๋ยวลุงแกก็ตามมาเอาเรื่องหรอก ร้านเค้าออกจะดัง"

เราเดินผ่านร้านขายอาหารมากมายหลายอย่าง ที่ต้องขอย้ำอีกครั้งว่ามันดูน่ากินไปหมดจริงๆ ไม่ทันที่ผมจะได้ถามเขาว่าอยากกินอะไร อีกฝ่ายก็หันมาทำหน้าเหมือนมีแผนการณ์อยู่ในใจก่อนจะพูดต่อ

“เราซื้อร้านละอย่างแล้วมาแบ่งกันกินมั้ย จะได้กินหลายๆร้าน"

พอมองคนที่ทำหน้าตาจริงจังรอคำตอบอยู่ ผมก็นึกถึงคำลงท่้ายที่พวกเพื่อนๆพูดกันไม่หยุดตอนออกไปเที่ยวเมื่อวันก่อน
ยิ้มไม่ได้มาเล่นๆ...

“ก็ได้ เอาดิ"

เราเดินกันไปทั่วโซนของกิน และตอนนี้ในมือผมมีหอยเชลล์ย่างเนย ต้มยำแห้ง และไส้กรอกเยอรมัน เสบียงเต็มไม้เต็มมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่คนตรงหน้าก็ยังไม่หยุด

ผมเพิ่งห้ามเขาจากการซื้อสายไหมอันใหญ่กว่าลูกบอลได้สำเร็จด้วยเหตุผลที่ว่านั่นมันน้ำตาลทั้งก้อน อีกฝ่ายเลยลากผมมาต่อแถวตรงร้านขายไก่ทอดจากไต้หวันที่มีคนรอซื้อเยอะที่สุดในงานนี้

ระหว่างที่รอไปเรื่อยๆ ผมก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองจ้องมาจากทางซ้ายมือ ด้วยความสงสัยว่าอีกฝ่ายเป็นคนรู้จักกันรึเปล่า เลยหันไปดู และพบว่า...ไม่รู้จักว่ะ

แปลกเข้าไปใหญ่ที่สองสาวทางฝั่งนั้นส่งยิ้มมาให้กันอย่างเป็นมิตร จนผมต้องเป็นคนหลบสายตา พร้อมกับลอบถอนหายใจ
ก็ดูดีอยู่หรอก แต่คงจะดึงความสนใจจากผมไม่ได้จริงๆ

หันกลับมาอีกที คนที่เคยยืนจ้องปลาหมึกทอดตัวใหญ่อย่างจริงจังจนเหมือนกำลังจะชวนมันคุยก็มองมาทางนี้อยู่แล้ว อีกฝ่ายใช้ดวงตากลมๆมองจ้องมาอย่างจับผิด จนกระทั่งเราสบตากัน

“เช็คเรทติ้งเหรอหมอ?”

พูดจบอีกฝ่ายก็ยักคิ้วตามมา จนผมต้องรีบตอบกลับ

“ไม่กล้าหรอกน่า ที่หันไปนี่นึกว่าจะเจอคนรู้จักไง"

“อ๋อเหรอ~”

เห็นสีหน้าเซี้ยวๆของเขาแล้วผมก็ทนไม่ไหวจนต้องยกมือขึ้นบีบปลายจมูกอีกฝ่ายไปทีนึงพร้อมกับพูดออกมาด้วย

“เราจะสนใจใครได้อีกล่ะฮึ~”

ยิ้มหวาน้ามุ่ย เขาดูเขินๆและหาทางออกด้วยการยกมือขึ้นจับปลายจมูกที่เพิ่งโดนผมบิดเล่นไปเต็มๆ แล้วพูดออกมาเหมือนจะหาเรื่องกัน

“...บีบจมูกกันอีกแล้ว ถ้าจมูกเราพังหายใจไม่ได้ขึ้นมาก็รับผิดชอบด้วยเหอะ"

“อืม รับหมดแหละ ทั้งตัวเลย"

อีกฝ่ายทำหน้ายุ่งตอนที่ผมก้มลงไปกระซิบใกล้ๆ ก่อนจะยกเท้าขึ้นมาเตะขาผมเต็มๆตอนที่ได้ยินคำพูดถัดไป

“หัวใจก็ด้วย"

“หมอ...”

“ครับ?"

“อ่ะ เอาไปสิบบาท... แล้วไปเล่นตรงโน้นไป"

ผมหัวเราะรับ แล้วยกแขนขึ้นมาวางพาดไหล่เขาแทนที่จะไปอยู่ไกลๆอย่างที่เจ้าตัวบอก แล้วทำเป็นพูดออกมาลอยๆ

“ไม่ไปหรอก ชอบอยู่ตรงนี้"






<มีต่อนะคะ>
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: lssprdl ที่ 23-11-2015 02:19:02
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 23-11-2015 02:41:56
,


สถานีต่อไปของเราคือร้านเบอร์เกอร์ที่มีโต๊ะและเก้าอี้จัดไว้ให้ หลังจากสั่งอาหารกันไปคนละจานและได้ที่นั่งเรียบร้อยแล้ว ผมก็วางของกินในมือทั้งหมดลง พอได้มองทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา

“ถ้าจะกินเยอะขนาดนี้ ไปเยาวราชเลยดีกว่ามั้ย?"

ได้ยินอย่างนั้นคนฟังก็มุ่ยหน้าเข้า ก่อนจะจิ้มปลาหมึกทอดขึ้นมาแล้วยัดเข้าปากผมเต็มๆ

“อย่าพูดมาก!”

คำพูดของเขาทำให้ผมเลิกคิ้วขึ้นมอง ถามเขาด้วยสายตาว่า ใครกันแน่?
จนอีกฝ่ายต้องตอบกลับมาด้วยการย่นจมูกใส่กันทีนึง แล้วก็ลงมือจิ้มหอยเชลล์ขึ้นมากิน

สักพักเบอร์เกอร์ของเขากับสเต็กของผมก็มาเสิร์ฟ  เราก้มหน้าก้มตาจัดการของตรงหน้ากันอย่างจริงจังเหมือนจะไปแข่งกินเร็วในรายการทีวี หลังจากนั้นไม่นานทุกอย่างก็หมดเกลี้ยง
...อย่าดูถูกความสามารถในการกินของเด็กผู้ชายวัยกำลังโตครับ

ถ้าถามว่าเวลาเราไปกินอะไรด้วยกัน ใครเป็นคนจ่าย คำตอบก็คือ เราแชร์กันซะเป็นส่วนใหญ่นะ
ถึงแม้ผมจะอยากเลี้ยงเขามากขนาดไหนก็ตาม แต่เพื่อความสบายใจของเราทั้งคู่ ส่วนใหญ่เราก็เลยจ่ายกันคนละครึ่ง
นอกจากจะมีโอกาสพิเศษเช่น ยิ้มหวานเพิ่งส่งโปรเจ็ค ผมก็อาจจะจะเลี้ยงเขา หรือผมเพิ่งสอบเสร็จเขาก็จะเลี้ยงผม เป็นอย่างนี้สลับกันไปมา

หลังจากกินเสร็จจ่ายตังค์เสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็ไปเดินเล่นกัน

จำวันที่หน้าคณะยิ้มหวานมีตลาดนัดได้ไหมครับ?
ผมว่าของที่ขายที่นี่ตอนนี้ กับวันนั้นดูไม่ค่อยแตกต่างกันสักเท่าไหร่ เราเดินดูทุกอย่างด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากมาย แต่ก็เพลินดีเพราะเสียงเพลงที่ดังมาจากฝั่งเวทีเป็นตัวช่วย

คือบรรยากาศโคตรจะเป็นใจครับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าธีมของงานคือการแอบรักด้วยรึเปล่า เพลงที่นักร้องเลือกมาถึงได้ตรงใจผมซะเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเพลงไทยหรือเพลงฝรั่ง อย่างที่ร้องอยู่ตอนนี้ก็เป็นเพลงชั่วโมงต้องมนต์ ของวง Friday

เราเดินกันไปเรื่อยๆเหมือนตั้งใจมาสัมผัสบรรยากาศของงานมากกว่าจะหาซื้ออะไรจริงจัง
ก่อนที่คนข้างๆผมจะถูกใจสร้อยข้อมือที่ร้านนึงขึ้นมา

“แวะแป้บนึงดิ"

เขาหันมาบอกผมแบบนั้นก่อนจะเดินไปหยุดลงตรงหน้าร้านที่มีสร้อยข้อมือหนังวางเรียงอยู่เต็มไปหมด เขาหยิบหลายๆแบบขึ้นมาเทียบกับข้อมือตัวเอง ก่อนจะหันมาถามผมอยู่ตลอดว่าอันไหนที่เหมาะกับตัวเองที่สุด

เข้าใจความรู้สึกนี้ไหมครับ?
เหมือนกับว่า อยู่ดีๆหัวใจมันก็ถูกเติมจนเต็มขึ้นมาทันทีที่อีกฝ่ายเปิดโอกาสให้เรามีส่วนร่วมในการตัดสินใจเลือกอะไรสักอย่าง

ผมเป็นอย่างนี้ทุกครั้งเวลาเขาหันมาถามกันว่าจะซื้อของชิ้นนั้นชิ้นนี้ดีหรือไม่ ไม่ว่าจะราคาถูกหรือแพง ไม่ว่าจะเป็นของกินง่ายๆไปจนถึงเสื้อผ้าที่เขาใส่ติดตัว มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาได้ทั้งนั้น

“เราว่าอันก่อนหน้าโอเคที่สุดแล้ว"

ผมตอบกลับไปทันทีที่อีกฝ่ายหันมาถามกันอีกครั้ง ได้ยินอย่างนั้นเขาก็เอื้อมมือไปหยิบสร้อยข้อมือแบบที่ผมพูดถึงซึ่งมีอยู่ 2 สีแล้วทาบสีดำลงบนข้อมือตัวเอง พร้อมกับยื่นมาให้ผมดู

“อันนี้อ่ะนะ?”

“อืมใช่ แต่เราว่าสีน้ำตาลดีกว่า"

“เหรอ?”

เขารับคำพลางสร้อยหนังเส้นสีดำที่ไขว้กันเป็นลวดลายออก แล้วยื่นมาให้ผมก่อนจะพูดต่อ

“งั้นเราฝากอันนี้ก่อน เอาแขนมาเร็ว"

ผมก็ยื่นแขนออกไปตามที่เขาขอ เพื่อให้อีกฝ่ายวางของที่อยู่ในมือลงมา ก่อนที่เจ้าตัวจะกลับไปทาบสร้อยหนังสีน้ำตาลลงบนข้อมือตัวเอง

เขามองมันอย่างพิจารณาอยู่สักพัก และจบลงด้วยการส่ายหน้านิดๆ พร้อมกับหยิบทั้ง 2 เส้นกลับไปวางไว้ที่เดิม เอ่ยขอบคุณกับเจ้าของร้านเบาๆ ก่อนจะเดินออกมา จนผมต้องถาม

“ไม่ซื้อเหรอ?”

“ก็...เราชอบสีดำ แต่หมอว่ามันไม่ค่อยโอเคใช่ปะ พอลองสีน้ำตาลก็ไม่ค่อยชอบ ค่อยซื้ออันที่ชอบทั้งแบบแล้วก็สีดีกว่า"

เขาพูดพลางทำปากยื่นหน่อยๆ ดูเหมือนจะกำลังเซ็งที่ไม่ได้ของถูกใจ แต่ก็หงอยอยู่ได้ไม่นาน
หลังจากเราเดินถัดไปอีก 2 ซอย คนข้างๆผมก็ถูกใจถุงผ้าขึ้นมาอีกแล้ว

ผมมองคนที่กำลังปั้นสีหน้าจริงจังเลือกถุงผ้าสีเรียบๆกับลายสกรีนเล็กน้อยที่แขวนอยู่ ก่อนเขาจะหันมายิ้มให้กันพร้อมกับชี้ไปยังใบสีขาวตรงหน้าแล้วเลิกคิ้วมาให้แทนคำถามว่าโอเคไหม?

ผมยิ้มรับ แล้วพยักหน้ากลับไปให้ พอเขาหันไปบอกคนขายว่าจะเอาใบนี้ พ่อค้าท่าทางติสท์ๆก็หันไปรื้อถุงพลาสติกใบใหญ่อยู่สักพัก แล้วกลับมาบอกเขาว่าของหมดแล้ว แต่ยังมีอีกส่วนอยู่ในรถ ให้อีกฝ่ายรออยู่ที่นี่สักครู่ แล้วจะไปหยิบลายที่ต้องการมาให้

ผมมองท่าทางและสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนตรงหน้าแล้วก็คิดอะไรขึ้นมาได้ในเวลาอันรวดเร็ว
พอแน่ใจแล้วว่าจะทำอะไรผมก็ยื่นมือไปสะกิดเขาเบาๆ

“เดี๋ยวเรามา ขอไปห้องน้ำก่อน"

เขาหันมาทำตาโตใส่กัน ก่อนจะพูดต่อ

“ไปด้วยกันดิ รอแป้บนึง"

“ไม่ไหวแล้วว่ะ รอนี่นะ เดี๋ยวมา"

พูดจบผมก็ไม่รอให้เขาพูดต่อแล้ววิ่งออกมาด้วยความรีบร้อน
ถามว่าที่จริงแล้วตั้งใจไปห้องน้ำมั้ยน่ะเหรอ?
เปล่าเลย...

ผมวิ่งกลับมายังร้านขายสร้อยข้อมือหนังที่เราแวะกันก่อนหน้านี้
เขาบอกว่าชอบสีดำ แต่ไม่ยอมซื้่อเพราะว่าผมไม่ชอบ
แต่สำหรับผมนะ...ให้เขาใส่อะไรที่ตัวเองชอบก็น่าจะดีที่สุดอยู่แล้ว

คิดได้อย่างนั้นผมก็หยิบสร้อยข้อมือสีดำซึ่งเขาเคยเอามาพาดไว้ที่ข้อมือผมขึ้นมาแล้วยื่นให้คนขายที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับหยิบเงินออกมาจ่าย

ผมมาซื้อของ...จ่ายเงินครบเรียบร้อยทุกบาททุกสตางค์ แต่ท่าทางเหมือนโจรมาปล้นร้านเขาไม่มีผิด -_- เพราะเอาแต่หวาดระแวงหันไปมองที่ร้านขายถุงผ้าเป็นระยะๆ

ในระหว่างที่กำลังรอให้พี่เขาเอาสร้อยข้อมือใส่ลงไปในถุงกระดาษสีน้ำตาลดีไซน์สวยแล้วปิดให้เรียบร้อย
แล้วความซวยก็บังเกิดขึ้นกับผมอีกครั้ง เพราะอยู่ดีๆยิ้มหวานก็เดินออกมาจากร้านกระเป๋ามาซะอย่างนั้น 
เหมือนเขาจะซื้อของเสร็จแล้วว่ะเฮ้ย! 
ทำไมไอ้พี่หนวดขายกระเป๋ามันกลับมาเร็วจังวะ!

เห็นอย่างนั้นผมก็หันกลับมามองพี่คนขายแล้วพูดออกมาด้วยความร้อนรน

“ใกล้เสร็จยังอ่ะพี่?”

“เกือบแล้ว รีบหรอ"

“นิดนึงอ่ะพี่ เอามาเลยได้ป่ะ?”

หนังชีวิตโคตรๆครับ เพราะดูจากท่าทางแล้วเหมือนเขาจะกำลังเดินมาทางนี้เหมือนกัน
 อย่าบอกนะว่าจะไปรอผมหน้าห้องน้ำอ่ะ!

เชี่ยแม่ง ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องเอาตัวยัดเข้าไปในห้องน้ำให้ได้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะไปถึงดิวะ!

“โอเคๆ เสร็จละ"

พอพี่เขายื่นของให้ปุ๊บ ผมก็รีบคว้าไว้แล้ววิ่งเลาะผ่านผู้คนไปอีกทางเหมือนกำลังเลี้ยงลูกบาสบุกแดนคู่ต่อสู้จนมาถึงหน้าห้องน้ำ พอมองกลับมาแล้วไม่เห็นยิ้มหวานอยู่ในระยะใกล้ๆนี้อีกก็โล่งใจขึ้นมานิดหน่อย

ผมรีบจ่ายเงินให้พนักงานที่นั่งเฝ้าประตู แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว เพื่อจะไปยืนหอบแดกอยู่หน้าอ่างล่างหน้า
... สุดตีนครับ รอดตายหวุดหวิด

แต่พอได้ก้มลงมองถุงกระดาษในมือที่พี่เขาห่อมาให้อย่างดี ก็พบว่าตอนนี้มันกลับยับยู่ยี่จนดูไม่ได้ไปซะแล้ว
ผมถอนหายใจ นึกอยากเอาหัวโขกก๊อกน้ำแรงๆสักสิบที
เอาให้เยินพอกันทั้งกูทั้งถุงเลยเนี่ย -_-

สิ่งแรกที่ผมทำคือการเอาน้ำเย็นๆลูบหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำแบบที่มีโถ ปิดฝาลงและนั่งอยู่ในนั้นสักพัก ตั้งใจทิ้งช่วงเวลาให้เหมือนกับว่าผมมาเข้าห้องน้ำจริงๆ ก่อนเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์จะดังขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นาน

*เรารออยู่หน้าห้องน้ำนะ

ผมเห็นข้อความที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอและตัดสินใจไม่เปิดอ่าน เพราะกำลังจริงจังกับการรับบทคนเข้าห้องน้ำอยู่
รอจนเวลาผ่านไปประมาณ 3 นาทีผมก็ลุกขึ้น ยัดถุงใส่สร้อยข้อมือไว้ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำอย่างสง่าผ่าเผย

...ผ่าเผยหน้ามึงสิ แม่งเอ้ย!

เดินออกจากประตูห้องน้ำมา ผมก็เห็นอีกฝ่ายที่ยืนรออยู่ไม่ไกล เขาดูดีแล้วก็เด่นกว่าทุกคนรอบตัวจริงๆ  ตอนออกมาผมเห็นว่ามีคนเข้ามาขอถ่ายรูปและเพิ่งผละออกไปพอดี ทันทีที่เดินมาถึง อีกฝ่ายก็ถามด้วยสีหน้ากังวล

“หมอโอเคปะเนี่ย?”

ผมพยักหน้ารับ ก่อนตอบ

“โอเคครับผม... ป่ะ เดินต่อ"

พูดจบผมกับเขาก็พากันเดินผ่านโซนเวที ที่มีคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ซึ่งทำมาจากฟางที่มัดรวมกันเป็นทรงลูกบาศก์ สักพักเราก็กลับมาที่โซนขายของอีกครั้ง คนข้างๆผมหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ ดูท่าทางแล้วเดาได้ไม่ยากว่าเขาน่าจะไม่สนใจอะไรในงานนี้อีกแล้ว ถึงได้หันมาถามผมด้วยรอยยิ้มบางๆ

“หมอจะเดินดูอะไรต่อปะ?”

“คิดว่าไม่"

ไม่แล้วจริงๆครับ
เพราะถ้าเดินผ่านร้านสร้อยข้อมืออีกรอบแล้วโดนพี่คนขายทักอะไรแปลกๆขึ้นมานี่ ซวยระเบิดแน่นอน

“งั้น..เราอยากขึ้นไปดูบนนั้นอ่ะ"

เขาพูดพลางส่งสายตาไปยังซุ้มทางเข้าที่เต็มไปด้วยคำคมคนแอบรักที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่อินด้วยอย่างสิ้นเชิง ซึ่งด้านบนออกแบบไว้ให้เป็นเหมือนระเบียงสำหรับขึ้นไปดูบรรยากาศโดยรวมของงานทั้งหมดและถ่ายรูป

ทันทีที่ขึ้นมาบนนี้ ผมก็พบว่ามันสบายกว่าข้างล่างอย่างเห็นได้ชัด นอกจากลมเย็นๆที่พัดมาเรื่อยๆแล้วนั้น มุมนี้ยังมองเห็นไฟสวยๆที่ตกแต่งอยู่รอบๆได้อย่างชัดเจน จนคนข้างๆผมต้องยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูป ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ

"รอบหน้าเอากล้องมาด้วยดีกว่า"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็หันหน้าไปหาเขา แล้วถามออกมา

"รับสมัครนายแบบป่ะ?"

คนฟังย่นจมูกเข้า ก่อนจะมองกลับมาแล้วยื่นมือถือจ่อหน้าผม พร้อมกับกดถ่ายรูปรัวๆ แกล้งกันเสร็จเขาก็หัวเราะถูกใจ พร้อมกับไล่ดูรูปที่ถ่ายได้ไปเรื่อยๆ ผมเอนตัวเข้าไปใกล้เขา แล้วก้มหน้าดูสภาพตัวเองที่โดนเก็บภาพในระยะประชิด ก่อนจะยื่นมือไปแย่งมือถือของอีกคนมาถือเอาไว้แล้วกดเปิดกล้อง

"พอแล้ว...ถ่ายรูปกัน"

เขาหันมามองผมแล้วขมวดคิ้วใส่กันอยู่สักพัก ก่อนจะหันกลับไปมองภาพที่ปรากฎอยู่ในหน้าจอพร้อมกับเบียดตัวใกล้เข้ามามากกว่าเดิม ถึงจะมืดไปสักหน่อยแต่ก็ยังดูออกว่าในรูปเป็นใบหน้าของผมกับเขาอยู่ใกล้กัน คนข้างๆผมกำลังยิ้มออกมานิดๆ ส่วนผมนี่หน้านิ่งสนิทจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยทัก

"ยิ้มหน่อยดิ"

ทันทีที่เขาพูดจบผมก็ยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มที่ว่านั่นก็ดูฝืนเต็มที
บอกตรงๆ โคตรเขินเลยว่ะ!

"หมอ...เอาฮาปะเนี่ย ยิ้มดีๆดิ"

อีกฝ่ายพูดออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ ก่อนจะยกมือขึ้นมาตีกันซ้ำๆ จนผมเองก็ต้องหลุดขำออกมาบ้าง พร้อมกับกดถ่ายรูปไปด้วย

"อย่าถ่ายตอนเผลอดิ เอาใหม่เลย"

เขาพูดแล้วกลับมามองกล้องอีกครั้ง ยิ้มหวานยังคงยิ้มเก่งไม่ต่างจากทุกครั้ง ส่วนผมเองก็อมยิ้มออกนิดๆ เพราะกำลังกลั้นหัวเราะอยู่ ถ่ายรูปนี้เสร็จเขาก็เก็บมือถือกลับไป ตอนนั้นเองที่ผมเพิ่งได้สนใจเพลงที่นักร้องกำลังร้องอยู่บนเวที


บอกตรงๆตั้งแต่วันที่ได้พบเธอ 
ตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร
ใจข้างในก็ยอมแพ้ 
แม้เธอไม่เคยบอก ว่าเธอคิดกับฉันว่ายังไง



"เพลงนี้เพลงอะไรนะ?"

ผมหันไปถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนที่เขาจะหันกลับมาทำตาโตใส่กัน แล้วยืนตั้งใจฟังเพลงไปเงียบๆ


เป็นครั้งแรกที่มันรักใครไปโดยไม่ต้องคิด
เป็นครั้งแรกที่ไม่สนว่ามันจะถูกหรือผิด
แค่ได้รักเธอต่อไป เพราะทำอย่างไรก็ห้ามใจไว้ไม่ได้




"ไม่รู้ดิ"

"เออ เราก็นึกชื่อไม่ออก ร้องได้ด้วย"

"..."

"เป็นครั้งแรกที่มันรักใครไปโดยไม่ต้องคิด
ไม่สนว่าตอนสุดท้ายผลมันจะถูกหรือผิด
เธอไม่รู้ไม่เป็นไร ขอแค่ให้ใจได้แสดงความจริงข้างในที่ฉันมีต่อเธอ"


สักพักคนตรงหน้าผมก็ยกมือขึ้นมาตีเข้าที่ต้นแขนผมแรงสุด ซ้ำรอยเดิมเต็มๆ

"จีบแรงไปปะ!"

ผมยิ้มมุมปาก แล้วยักคิ้วให้เขาโดยไม่ตอบอะไรกลับมา จนคนตรงหน้าต้องยัดโทรศัพท์ของตัวเองมาใส่มือผม แล้วพูดต่อ

"อยากรู้ว่าเพลงอะไรก็เสิร์ชกูเกิ้ลดิ"

ผมหาพิมพ์เนื้อเพลงเท่าที่จำได้ลงไป พอได้คำตอบก็หันมาบอกคนที่กำลังมองบรรยากาศรอบๆแล้วยิ้มออกมา

"ชื่อเพลงกะทันหัน"

เขาหันกลับมามองผม ทำหน้าตกใจนิดหน่อย ก่อนจะตอบกลับมา

"จริงอ่ะ เราไม่เคยรู้เลย"

“ไม่มีคำว่ากะทันหันในเนื้อเพลงเลยเนอะ"

“มั้ง....กะทันหันเหรอ?”

คนตรงหน้าผมถามออกมาลอยๆ และทำท่าเหมือนกำลังนึกว่าในเพลงมีคำนี้อยู่รึเปล่า
ผมมองท่าทางของเขาแล้วได้แต่อมยิ้ม ก่อนจะตอบกลับ

"อืม...กะทันหันเหมือนตอนที่เราตัดสินใจวางชีททิ้งไว้ที่ร้านกาแฟอ่ะ"

คำพูดของผมทำให้คนตรงหน้าทำปากคว่ำใส่ แล้วตั้งท่าจะตีกัน โชคดีที่ผมยกมือขึ้นมารับฝ่ามือของเขาเอาไว้ได้ทัน ก่อน
ที่มันจะฟาดลงมาบนต้นแขนอีกที

"อย่าตีกันบ่อยดิ เจ็บ"

"..."

"เอามือมานี่เลย ยึดไว้ก่อน"

พูดจบผมก็เลื่อนมือไปกุมฝ่ามือของเขาเอาไว้ ก้มหน้ามองฝ่ามือของเราที่เกาะเกี่ยวปลายนิ้วกัน
พร้อมกับความคิดมากมายที่ผุดขึ้นมาในใจ จนไม่ทันได้ฟังในสิ่งที่เขาพูดออกมา

รู้ตัวอีกทีผมก็เห็นว่าคนตรงหน้ากำลังยืนจ้องหน้ากันเหมือนจะรอคอยคำตอบ

“มีอะไร?”

“เราถามหมอว่าเบื่อยัง? ลงไปเดินต่อมั้ย?"

“อ๋อ...ไปดิ...”

คนฟังพยักหน้ารับ แล้วถามต่อ

"อยากไปตรงไหนอีกปะ?"

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะเห็นคนตรงหน้าทำหน้ามุ่ย

“งั้นกลับมั้ย เราว่ายุงมันกัดอ่ะ"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็พยักหน้ารับ ยอมปล่อยมือเขาที่ผมแอบยึดมากุมเอาไว้ ก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายรีบเก็บมือตัวเองกลับไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันมาทำหน้าซนๆใส่กัน

“ปล่อยเองนะ ไม่ให้จับแล้วด้วย” 

“อย่าเผลออีกแล้วกัน"

ผมพูดแล้วแกล้งเอามือไปผลักหัวอีกฝ่ายเล่น ก่อนที่เราจะเดินลงบันไดไป

ลัดเลาะผ่านผู้คนอยู่ไม่นาน ในที่สุดผมกับเขาก็มาถึงมินิคูเปอร์คันเดิมจนได้
เพราะกุญแจรถอยู่กับผมตั้งแต่แรก นั่นทำให้หน้าที่ขับรถเลยตกมาเป็นของผมเหมือนทุกที

หลังขึ้นไปนั่งบนรถและสตาร์ทเครื่อง พร้อมกับที่อีกฝ่ายพูดออกมาและหันมายิ้มให้กัน

"สนุกดีเนอะ"

"อืม..."
 
ผมตอบกลับไปสั้นๆตามนิสัย ก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมองตรงมาทางนี้แล้วส่งยิ้มมา
ดวงตาคู่นั้นเป็นสีดำสนิทแต่มีประกายสดใส กรอบตาคู่โตโค้งลงยิ่งขึ้นตอนที่อีกฝ่ายยกรอยยิ้มให้กว้างขึ้นอีกตอนที่เราสบตากัน
ผมมองลึกลงไปในแววตาของเขา และรู้สึกเหมือนมีกำลังเข็มนาฬิกามาเดินนับถอยหลังอยู่ในหัวสมอง

ในขณะที่ความทรงจำต่างๆไหลย้อนกลับมา ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาหลายวันที่เราไม่ได้เจอกัน ช่วงเวลาดีๆที่เราเพิ่งผ่านพ้นมันมา ตอนที่เขาไม่พอใจผมที่ทะเล ตอนที่คนตรงหน้าเอาต้องนั่งทำงานข้ามวันข้ามคืน ตอนที่มีคนมาชอบเขา ตอนที่เราสบตากันในระหว่างที่ผมกำลังร้องเพลง ตอนที่อีกฝ่ายโกหกทุกคนเพราะรถเสีย ตอนที่เขาทำชีทสรุปเนื้อหาให้ผม ตอนที่กระเป๋าตังค์เราสลับกัน ตอนที่ผมขอไปกินข้าวเที่ยงกับเขาเป็นมื้อแรก และตอนที่ผมวางชีททิ้งเอาไว้บนโต๊ะที่ร้านกาแฟ

ทุกๆอย่างยิ่งทำให้มั่นใจ ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
...ผมจะปล่อยให้เขาหลุดมือไปไม่ได้

ระหว่างที่กำลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ผมก็บอกกับตัวเอง
เอาวะ!

รู้สึกได้เลยว่ามือที่กำพวงมาลัยรถอยู่ตอนนี้กำลังร้อนจัดและชุ่มไปด้วยเหงื่อถึงแม้ว่ารถจะเปิดแอร์ไว้เรียบร้อยแล้ว
ผมหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง พูดกับตัวเองในใจก่อนจะผ่อนลมหายใจออก
อยากจะให้คำอธิษฐานนี้เป็นจริงอีกสักครั้ง



...ขอให้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม



“คืองี้...ฟังเราแป้บนึงดิ"

คนที่มองหน้าผมอยู่ตั้งแต่แรกกระพริบตาปริบๆเหมือนไม่เข้าใจ แต่ก็ตอบกลับมาสั้นๆ

“อืม...”

“ตอนนี้เราอาจจะไม่มีดอกไม้ช่อใหญ่ๆ หรือถ้าไปเปิดท้ายรถดูก็คงไม่มีลูกโป่งกับป้ายที่เขียนคำอะไรเวอร์ๆลอยขึ้นมาหรอก"

ได้ยินอย่างนั้นเขาก็หันหน้าไปมองท้ายรถ แล้วกลับมาพยักหน้ารับกับผมสองสามที

“อะฮะ..."

“แต่เราก็ยังอยากจะถาม คือ...”

“....”

“เป็นแฟนเราไหม?”

คนตรงหน้าทำตาโตกว่าทุกครั้งทันทีที่ได้ยินในสิ่งที่ผมพูด ท่าทางเขาเหมือนจะตกใจอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะยกมือขึ้นมาหันฝ่ามือให้เหมือนจะขอให้หยุดพูดก่อน

 จนกระทั่งอีกฝ่ายมั่นใจว่าผมจะไม่พูดต่อ เขาก็หันหน้าหนีออกไปนอกหน้าต่าง แล้วยกมือทั้ง 2 ข้างขึ้นมานวดแก้มตัวเองซ้ำๆ

ผมมองท่าทางตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ แต่ท่าทางที่อีกฝ่ายขอให้หยุดพูดก็ทำเอาหัวใจผมตกวูบลงไปเป็นที่เรียบร้อย

ปลายนิ้วของผมจิกหน้าขาตัวเองผ่านกางเกงยีนส์สีดำ และทันทีที่รู้ว่ากำลังทำอย่างนั้นอยู่ ผมก็รีบยกมือขึ้นและพบว่ามันแย่กว่าเดิมเข้าไปอีกเพราะไม่รู้ว่าจะเอามือไปวางเอาไว้ตรงไหนดี

สักพัก...ยิ้มหวานก็หันหน้ากลับมา
สิ่งแรกที่ผมเห็นคือแก้มทั้ง 2 ข้างของอีกฝ่ายจับสีแดงระเรื่อไปจนถึงใบหู เขาเม้มปากแน่น ก่อนจะคลายออกเป็นรอยยิ้มดูขัดเขินไปหมด

“จะได้อะไรอ่ะ?”

“ฮะ?”

“ถ้าเป็นแฟนหมอ...เราจะได้อะไรบ้าง? มัน...ดียังไงอ่ะ?”

เขาถามด้วยสีหน้าซุกซน ประกายวิบวับในแววตาคู่นั้นดึงเอาความมั่นใจทั้งหมดของผมกลับมา
ใช้เวลานึกอยู่ไม่นาน ผมก็ตอบกลับไป

“ได้...ตัวกับหัวใจผู้ชายคนนึง" ผมพูดออกมาแค่นั้นแล้วแกล้งยักคิ้วกวนๆไปให้ พอเห็นสีหน้าไม่ถูกใจกับข้อเสนอ ผมก็รีบพูดต่อ

"ที่...อาจจะไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย แต่ก็สัญญา ว่าจะเป็นแฟนที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้นะ"

คำพูดของผมทำให้เขายิ้มเขิน ดวงตาคู่นั้นยังคงมองตรงมา ก่อนจะถามต่อ

“แล้วไงอีกอ่ะ?”

ชิบหายละทีนี้...ได้อะไรอีกวะ?
ผมใช้ความคิดอยู่สักพัก และพบว่าในหัวสมองไม่มีคำตอบดีๆที่จะใช้ขโมยหัวใจคนตรงหน้าได้เลย

“พอเราเรียนจบ ก็จะได้หมอเอาไว้ใกล้ๆตัว คอยดูแลสุขภาพ คอยรักษาเวลาไม่สบายไ

คนฟังแทบจะหลุดขำออกมากับคำตอบของผม เขาเม้มปากเข้าอีกครั้ง ก่อนตอบ

“แต่ที่บ้านเราซื้อประกันชีวิตไว้ให้แล้วนะ เราว่า...เราคงไม่อยากได้หมอเพิ่มแล้วแหละ"

อ้าวซวย...

พูดจบเขาก็หลบสายตามผมไปสักพัก ท่าทางเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ และทันทีที่แววตาคู่นั้นมองกลับมา ผมก็ได้เห็นรอยยิ้มกว้างๆที่เคยทำให้ผมตกหลุมรัก และยังคงทำอย่างนั้นอยู่ซ้ำๆ ตลอดระยะเวลาที่เราได้รู้จักกัน

ก่อนที่เขาจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ที่จะดังก้องสะท้อนอยู่ในหัวใจของผมไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม


“แต่เรากำลังอยากมีแฟนดีๆสักคนนะ"

“...”

“ต้องเป็นคนที่อยู่ตรงหน้าเราตอนนี้ด้วย"



โคตรจะรู้สึกเหมือนมีประกายปิ๊งๆๆอยู่ในใจเลยครับตอนนี้ แล้วไอ้ปิ๊งอะไรนั่นมันก็หายไปตอนที่ผมยกมือขึ้นมาทำท่าดีใจ จนข้อศอกไปกระแทกเข้ากับพวงมาลัยรถเข้าเต็มแรง ...และแล้วโคตรปิ๊งก็ได้กลายมาเป็นโคตรเจ็บเป็นที่เรียบร้อย

“หมอ...!”

เห็นอย่างนั้นเขาร้องออกมาพลางยื่นมือมาจับข้อมือผมแล้วดึงไปดูตรงรอยกระแทกที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงและมีแววว่าจะกลายเป็นรอยช้ำเขียวได้ในวันพรุ่งนี้

ปลายนิ้วที่ยังคงเย็นเฉียบของอีกฝ่ายพลิกแขนผมแล้วใช้ปลายนิ้วลูบผ่านบริเวณที่ยังคงเจ็บอยู่อย่างแผ่วเบา ก่อนจะพูดออกมาเจือเสียงหัวเราะ

“โง่ปะเนี่ย?”

พูดจบเขาก็ปล่อยมือทันที แต่แทนที่จะดึงแขนกลับมาอย่างที่ควรจะทำ ผมกลับยื่นมือไปสัมผัสปลายนิ้วลงบนผิวแก้มนุ่มๆของคนที่ยังคงนั่งเอียงตัวมาทางนี้ ไม่รอให้อีกฝ่ายได้เอ่ยถาม ผมก็กระซิบตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“โง่ก็ยอมแล้ว"

พูดจบผมก็ขยับตัวเข้าไปใกล้ ใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือไล้เบาๆบนแก้มของเขาซ้ำๆ พร้อมกับกดจูบลงไปบนริมฝีปากได้รูปตรงหน้าแล้วบดเบียดอย่างช้าๆ ละเลียดชิมรสจูบที่นุ่มละมุนชวนให้นึกถึงสายไหมที่อีกฝ่ายบ่นว่าอยากกินอยู่ก่อนหน้านี้

ผมผละริมฝีปากออกมาในช่วงเวลาหนึ่ง เลื่อนไปแต้มจูบเบาๆลงบนปลายจมูกโด่งได้รูป และย้ำริมฝีปากลงไปบนหน้าผากมน ก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระ

พอได้เห็นว่าริมฝีปากของคนตรงหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อเพราะถูกเม้มซ้ำๆแถมยังวาววับไม่ต่างกับเยลลี่ผมก็ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ไม่ทันไร กลีบปากคู่นั้นก็ขยับบ่นหงุงหงิง

"จะถอยรถได้ยัง"

มือข้างนึงของผมเลื่อนไปจับพวงมาลัยรถ ส่วนอีกข้างจับอยู่ที่เกียร์และคงจะถอยรถออกไปแล้ว ถ้าอยู่ดีๆไม่นึกขึ้นมาได้ว่าลืมอะไรบางอย่าง พอคิดได้อย่างนั้นผมก็หลุดยิ้มออกมา จนคนข้างๆยังต้องเอ่ยถาม

“มีอะไร?”

ผมไม่ตอบ แต่ตบมือลงไปที่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะสัมผัสได้ว่าสร้อยข้อมือที่วิ่งสู้ฟัดไปซื้อมาแทบตายยังคงอยู่ตรงนั้น ผมหยิบไอ้ของที่ว่านั่นออกมา ก่อนจะฉีกถุงกระดาษดีไซน์สวยๆออก แล้วหยิบสร้อยหนังสีดำยื่นไปให้คนตรงหน้า

“ซื้อมาให้ ตอนแรกกะว่าจะเซอร์ไพร์ส แต่มีเรื่องเซอไพร์สกว่าตัดหน้าไปซะแล้ว"

น่าแปลกที่อีกคนเอาแต่มองสร้อยข้อมือเส้นนั้นแล้วทำสีหน้าแปลกใจ จนผมต้องเอ่ยย้ำ

“ยื่นมือมาเร็ว"

“แป๊บนึงดิ"

เขาพูดออกมาพลางเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าใบที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ก่อนจะล้วงมือลงไป แล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมา

ของที่ว่านั่นคือถุงกระดาษหน้าตาเหมือนกับอันที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงผม เขาแกะมันออกตามขั้นตอนอย่างที่ควรจะทำก่อนจะจนกระทั่งผมเห็นของที่อยู่ในห่อนั้น

มันเป็นสร้อยข้อมือแบบเดียวกันกับที่ผมซื้อมา แต่เป็นสีน้ำตาล...

“อ้าว...ไปซื้อมาตอนไหนเนี่ย?”

ได้ยินคำถามของผม เขาก็ลอบยิ้มมุมปาก ก่อนจะตอบออกมา

“ตอนหมอไปเข้าห้องน้ำ ก็....ดูเหมือนจะชอบสีนี้ไม่่ใช่เหรอ เราเลยซื้อมาให้"

“ใจตรงกันซะงั้น"

“เลิกหยอดเราได้แล้ว"

คนฟังทำปากคว่ำใส่กัน แล้วยื่นมือมาดึงข้อมือของผมไปจับเอาไว้ ก่อนจะใส่สร้อยข้อมือเส้นนั้นให้กัน ก่อนที่ผมจะยื่นมือออกไปให้อีกฝ่ายวางมือของตัวเองลงมา แล้วใส่สร้อยข้อมือสีดำให้เขา

“เอามาเทียบกันเร็วๆ"

ได้ยินอีกฝ่ายพูดอย่างนั้นผมก็ยื่นแขนออกไปเทียบกับข้อมือของอีกคนที่ยื่นมารออยู่ก่อนแล้ว

รู้สึกแปลกตาอยู่เหมือนกันที่เห็นคนตรงหน้าใส่สร้อยข้อมือหนังสีดำอย่างตอนนี้ และยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ที่ผมใส่สร้อยข้อมือสีน้ำตาลทั้งๆที่ปกติแล้วถ้าไม่ใช่เครื่องประดับสีดำ ผมก็จะใส่พวกเงินไปเลย

ในขณะเดียวกัน มันก็มีความรู้สึกอุ่นใจอย่างน่าประหลาดเกิดขึ้น ตอนที่คิดขึ้นมาได้ว่า
ผมกำลังใส่ของที่เหมาะกับเขา ส่วนเขาก็ใส่ของที่เข้ากับผม

“คราวนี้จะกลับบ้านได้ยัง?”

คำพูดของเขาทำให้ผมหลุดขำ ก่อนจะหันไปมองคนที่ขยันทำหน้ามุ่ยเหลือเกินแล้วตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม

“ครับแฟน~"


tbc.



- - -



หมอ : มีเรื่องสำคัญจะบอก ตั้งใจฟังให้ดีนะครับ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอให้เปลี่ยนแฮชแทคของนิยายเรื่องนี้ไปเป็น #ยิ้มหวานแฟนหมอ ด้วยนะครับ
ยิ้ม : ทุกคนอย่าไปฟังหมอเยอะ ฟังที่เราจะพูดดีกว่า ^ ^ จริงๆแล้วในเพลงกะทันหันมีคำว่ากะทันหันนะ แต่เรานึกไม่ออกเอง ถ้าทำให้เข้าใจผิดก็ขอโทษด้วยนะคับ
หมอ : แล้วก็อย่าลืมเปลี่ยนแฮชแทคไปเป็น #ยิ้มหวานแฟนหมอ ด้วยนะครับ
ยิ้ม : ใครเปลี่ยนเราโกรธนะ เค้าแทคกันมาดีๆตั้งหลายตอน หมออย่ามั่วดิ!
หมอ : โกรธเหรอ? ไหนมาหอมแก้มง้อทีนึงมา...
ยิ้ม : ไอ้หมอนี่!!!!
หมอ : #ยิ้มหวานแฟนหมอ อย่าลืม
ยิ้ม : #ยิ้มหวานของหมอ น้าาาาา
หมอ : ก็ใช่ไง ของเรา... โอ๊ย!
ยิ้ม : *งับไหล่หมอ*


หลังจากคำแนะนำจากหลายๆคนในทวิตทำให้เราตัดสินใจได้ว่า เราจะใช้อาร์ตบ๊อกซ์เป็นโลเคชั่นของตอนนี้
จะต้องเล่าย้อนก่อนมะ? คืองี้ค่ะ พล็อตเดิมเราตั้งใจจะให้สถานการณ์นี้เกิดขึ้นที่เจเจกรีน ซึ่งเป็นถิ่นเราเลย เดินบ่อยมาก~ แต่ทำไปทำมาอยู่ดีๆเราก็เบื่อเจเจกรีนซะงั้น เลยถามหลายๆคนทางทวิต และเลือกอาร์ตบ็อกซ์ เราเลยไปเดินอาร์ตบ็อกซ์มารอบนึง และพบว่า มันจะเฉยมากสำหรับขาช็อป แต่เป็นที่เดทที่ดีใช้ได้เลย
ตอนเราเดินคิดโน่นคิดนี่เรื่องหมอกับยิ้มอยู่ในงาน นักร้องก็ดันร้องเพลงนี้ขึ้นมาพอดี
จากที่เฉยๆก็กลายเป็นว่าชอบไปซะงั้น จิ้มลิ้งละไปฟังกันเลย
❤ กะทันหัน - Project Love Pill 2 (https://www.youtube.com/watch?v=WKw8QWajuHk)


ปล่อยให้เด็กตีกันไปเนอะ ดึกแล้ว ฝันดีนะคะ
ขอบคุณค่ะ : )
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: •ผั๑`|nกุ้va’ด• ที่ 23-11-2015 03:34:10
จะยิ้มยังไง  ก็เป็นของหมอแล้วนะ  <3
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: Khan_htt ที่ 23-11-2015 03:53:04
ในที่สุดเค้าก็เป็น #ยิ้มหวานแฟนหมอแล้วอ่ะ
มีกำลังใจอ่านหนังสือสอบละะะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: คุณอัง ที่ 23-11-2015 04:06:21
แอร้ยยยย ไม่ใช่ยิ้มหวานของหมอแล้วว  .. เป็นยิ้มหวานคนเดิมเพิ่มเติมแฟนหมออ~


ดีใจจจจจังค่ะ 55555   
ตอนนี้ อ่านไปยิ้มไปจนฟันแห้งไม่รู้ตัวเลยค่ะ เขินจริงอะไรจริง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 23-11-2015 05:18:06
เขินสุด #ยิ้มหวานของเราเป็นแฟนหมอแล้ว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 23-11-2015 05:40:20
เป็นแฟนกันแล้ว ต้องจุดปะทัดฉลอง :mc4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 23-11-2015 06:20:41
จุดพลุ!!!!!!!!!!!!!  :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: ไม่มีอะ เอาประทัดไปก่อนนะ
ยินดีด้วยนะหมออออออออออ อร๊ายยยยย :hao7:
กลับไปกินเลม่อนชีสเค้กฉลองกันปะ!!!!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 23-11-2015 06:22:26
เค้าเป็นแฟนกันล้าววววววววว :heaven
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-11-2015 06:49:49
ยิ้มหวานกับหมอเค้าเป็นแฟนกันแล้ว :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: momapmu ที่ 23-11-2015 07:22:11
เมื่อก่อน #ยิ้มหวานของหมอ
ปัจจุบัน #ยิ้มหวานแฟนหมอ
อนาคต #ยิ้มหวานเมียหมอ

มาอาทิตย์ล่ะครั้งได้ป่ะ มันอยากอ่านต่อล่ะอ่ะ :ling1: :katai5: :katai1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 23-11-2015 07:27:15
#ยิ้มหวานแฟนหมอ ดิ้นไปสิๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: ao16 ที่ 23-11-2015 07:30:30
 :mew1: :really2: :L1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 23-11-2015 08:05:17
เค้าเป็นแฟนกันแล้ว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: Ferin1A ที่ 23-11-2015 08:05:39
โง้ย น่าร้าาาาาาาาาาาากกกกกกกกกกกกกกก :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-11-2015 09:17:05
ในที่สุดหมอกับยิ้มหวานก็ได้เป็นแฟนกันแล้ว  :กอด1: :กอด1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 23-11-2015 10:06:51
น่ารักกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 23-11-2015 10:25:54
น่ารักเหมาะสมกันมาก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: gessuriyong ที่ 23-11-2015 10:35:27
หมอไม่ปอดแล้วววววววววววววววว งี้องครักษ์พิทักษ์ยิ้มก็หมดหน้าที่แล้วดิ

555555555 ย้ายฝั่งยิ้มจะเสียใจไหมน้าาาาาาาาาา  งานดีงานคู่ควรร
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 23-11-2015 10:42:25
ในที่สุดดดดด ยิ้มหวานเป็นแฟนหมอ แล้ววววว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 23-11-2015 10:54:30
เค้าเป็นแฟนกันแล้ววววววว จะน่ารักไปไหนค่ะ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 23-11-2015 11:04:33
เค้าเป็นแฟนกันล้วววววว
น่ารักจริ๊งง
#ยิ้มหวานแฟนหมอ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 23-11-2015 11:13:34
ในที่สุด ก็เป็นแฟนกันล้าวววววววว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 23-11-2015 11:21:10
เป็นแฟนกันแล้ว...เขาเป็นแฟนกันแล้ว  :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 23-11-2015 11:27:48
อ่านกี่ทีก็เขินแทนยิ้มทุกที ดีใจกับหมอด้วยนะ  :กอด1:

# ยิ้มหวานแฟนหมอ  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-11-2015 11:28:25
ดีใจด้วยเป็นแฟนกันแล้ว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: FaiiFay_Elle ที่ 23-11-2015 11:36:11
รู้สึกเขินมาก อย่างกับโดนจีบเองเลย  :pighaun: :pighaun: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-11-2015 12:04:57
 :hao6:

นอนอ่านไป จิกผ้าปูที่นอนไป แอร้ยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 23-11-2015 12:19:36
เป็นแฟนกันแล้ว หมอไม่ค่อยเห่อเลยนะ
ปล. ชอบเพลงกะทันหันเหมือนกัน มันทำให้นึกถึงช่วงเวลาดีๆ
ที่มา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 23-11-2015 12:42:30
ยิ้มหวานแฟนหมอกริ๊ดดีใจที่สุด
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 23-11-2015 12:43:47
ในที่สุดดดดดดดดดดดดด :hao7: :mc4:
เค้าก็เป็นแฟนกันแล้ววววววววววว :-[
อ่านไปก็ยิ้มแก้มจิแตกกกกกกก  :hao3:
น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกก  :z1:
เอาอีกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 23-11-2015 12:47:37
น่าร๊ากกกกกกก  :m3:
แก้มจะแตกแล้ว ฟินนนนนนนนน :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 23-11-2015 13:02:21
แฟน!!!!!!!!!! :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 23-11-2015 13:12:58
ดีใจกับหมอด้วยได้แฟนแล้ว...



ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_noon ที่ 23-11-2015 13:37:49
  :impress2:

อร๊าย เค้าเป็นแฟนกันแล้ว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 23-11-2015 14:12:28
เป็นแฟนกันแร้วววววว
มาแบบงงๆ แต่ตกลงเป็นแฟนกันได้ ก้อโอเคแระ 555555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 23-11-2015 14:23:26
เค้าเป็นแฟนกันล้าวววว(<~

จะ hashtag ไหน หมอก็ได้เปรียบอยู่ดีอ่ะ 555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 23-11-2015 15:25:35
โอ่ยเขินนนน  :-[
น้องนิ้มแฟนหมอออออ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 23-11-2015 15:50:55
รอ....~~~#ยิ้มหวานเมียหมอ~~~
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: MRchai ที่ 23-11-2015 15:59:04
ชอบมากตอนนี้เขินอ่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 23-11-2015 16:21:45
โอ๊ยยยเขาเป็นแฟนกันแล้ววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 23-11-2015 16:58:38
อุ้ยยย กรี๊ดดดดดดด ยิ้มหวานแฟนหมอ ชูป้ายไฟ  :heaven
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 23-11-2015 17:09:54
โอยยย ไม่ไหวแล้วว หวานกันจนจะเป็นเบาหวานอยู่แล้ววว  :z3:

ทำไงถึงน่าอย่างนี้เนี่ยยยย ฮืออออออออ  :katai1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 23-11-2015 17:45:48
โอ้โหนึกว่าตอนนี้ไม่มีอะไรเพราะตอนแล้วจูบไปละมาตอนนี้พีคกว่าทั้งขอเป็นแฟนทั้งจูบ โอ้ยดีนะไม่อ่านคอมเม้นก่อน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 23-11-2015 18:21:37
อ๊างงง  น่ารักตัวแตก  เขินแทนยิ้มเลยยยย :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 23-11-2015 18:39:41
จะ #ยิ้มหวานของหมอ หรือ #ยิ้มหวานแฟนหมอ ยังไงยิ้มหวานก็เป็นของหมออยู่ดีแหละน่า  :hao7:
ดีใจจังงง เป็นแฟนกันแล้ววว  :impress2: :-[ :impress2: :-[ หวานยิ่งๆขึ้นไปแน่ๆเลย เย้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 23-11-2015 18:46:20
รู้สึกเหมือนตัวจมอยู่ในกองสายไหม....ฟู นุ่ม หวาน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 23-11-2015 18:56:12
เขินตัวจะแตก ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
โอ้ยย ยิ้มหวานกับหมอน่ารักมากเลยค่ะ
งืออออ โอ้ยย ถ้าเราเป็นยิ้มหวานเราจะเอาหัวโขกกระจก
เขินหนักมาก ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
#ยิ้มหวานแฟนหมอ /////////////////////////////
 :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: Panehove ที่ 23-11-2015 19:26:01
ในที่สุดยิ้มหวานก็ใจอ่อน น่ารักอ่ะ ดีใจกับหมอด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 23-11-2015 19:29:17
รอพัฒนาการความสัมพันธ์ขั้นถัดไป อิอิ  :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 23-11-2015 19:53:03
เป็นแฟนกันสักที
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 23-11-2015 20:01:06
อ่ะๆ ช่วยหมอเขาหน่อย เขารอเวลานี้มานานแล้วเนอะ ฮาาาา

#ยิ้มหวานแฟนหมอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 23-11-2015 20:43:53
ตอนนี้ไม่มีอะไรจะเม้นค่ะ
เพราะสำลักความหวานหนักมาก
#ยิ้มหวานแฟนหมอ
 :heaven
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 23-11-2015 20:58:14
 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: ที่เดิมในหัวใจสาววาย ที่ 23-11-2015 20:59:00
กรี๊ดดดดดด เขาเป็นแฟนกันแล้ววว :m4: :m4: ของแสดงความยินดีด้วยนะหมอ :mc2: :mc3:
อ่านไปยิ้มไปปากแทบฉีก เขินจนคิดว่าตัวเองเป็นยิ้มหวานไปแล้ว 5555 ได้ข่าวว่ามีคนตั้งขบวนขันหมากรอแล้ว เดี๋ยวเราไปสมทบด้วย 55555  :mc4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 23-11-2015 21:12:29
อ่านเรื่องนี้จบแต่ละตอนทีไรต้องยิ้มตามทุกที
โอ๊ยฟินแรง ในที่สุดค่าาาา
เค้า ก็ เป็นแฟน กัน แล้ว จ้า
ฮิ้วววววววว
จุดพุฉลองสิรออะไร
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: hormonesyj ที่ 23-11-2015 21:22:33
#ยิ้มหวานแฟนหมอ ฮิ้ววววว โห่ ฮี้ โห่ เลยจ้าาา ยกขันหมากเลยมะ จะได้อ่าน nc สักที 55555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 23-11-2015 21:37:47
 :impress2:

แฟน แฟน แฟน

เค้าเป็นแฟนกันแล้วค้าาา

สมใจคุณหมอแล้ว อิอิ

รอตอนต่อไปนะคะ

  :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: M.A.D~G ที่ 23-11-2015 21:50:32
มีความรู้สึกว่า การขอเป็นแฟนบนรถเป็นอะไรที่เหมาะสุดแล้วสำหรับคู่นี้ เพราะเหตุการณ์หลายๆอย่างที่ผ่านมาเกิดจากรถมินิคันนี้
.........ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-11-2015 23:46:11
ฟินจิกหมอนขาดไปสามใบ! เป็นแฟนกันแล้วอ่ะ เขิน~
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 23-11-2015 23:56:06
เค้าเป็นแฟนกันแล้ววววววว

ผมนี่เขินแทนเลยครัช :-[ :-[

หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: MineMai ที่ 24-11-2015 10:00:53
กรี๊ดดดดดดดดด เค้าเป็นแฟนกันแล้ว  :o8: :-[
ยิ้มหวานน่ารักอ่าาา  :impress2:
#ยิ้มหวานแฟนหมอ 55555  o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 24-11-2015 11:57:56
ยิ้มจ๋าเราไม่เปลี่ยนแฮทแท็กหรอก เพราะเราไม่หวังแค่เป็นแฟน เราหวังยิ้มเป็นของหมอด้วย 555555  อิหมอนี้เห่อแฟนจนลืมเรื่องนี้สินะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: bae1993 ที่ 24-11-2015 14:34:37
แอ้ยยย ละมุนละไมมากเลย  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 24-11-2015 15:07:33
 :กอด1: หวานละมุนละไม  :กอด1: ยิ้มหวานน่ารักที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  :L1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 24-11-2015 15:17:45
อยากละลายไปกับพาร์ทนี้ค่ะ
หวานจนน้ำตาลเรียกพี่เลยอ่า ต่างคนต่างแอบไปซื้อสร้อยข้อมือให้กัน ดิชั้นอยากกรีดร้องงงงงงง  :impress2:
ชอบเรื่องนี้อะค่ะ มันมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งมากมาย  :hao3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 24-11-2015 15:35:08
ในที่สุด! เขาก็เป็นแฟนกันแล้วววว โง้ยยยย มันดีย์

น้องยิ้มดูแลน้องหมอแทนป้าดีๆ นะลูกกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 25-11-2015 02:16:52
 :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 25-11-2015 18:40:20
เป็นแฟนกันแล้ว ยิ้มตามตลอดเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: ketekitty ที่ 25-11-2015 22:39:23
ยิ้มแก้มจะแตก เขินแทน 555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 26-11-2015 02:31:33
(http://i1300.photobucket.com/albums/ag93/kipuu/18.5_zpshtdnymdk.jpg)
❤ ตอนพิเศษวันลอยกะเธอ เอ้ย! ลอยกระทงค่ะ :  )



- - -


18.5




ในแต่ละปีจะมีอยู่ไม่กี่วันหรอกครับ ที่มหาลัยเราจะมีคนนอกเข้ามาเยอะมากกว่าปกติ
นอกจากวันรับปริญญากับโอเพ่นเฮ้าส์แล้ว อีกวันนึงที่ติดอันดับก็คือ วันลอยกระทง

ถึงแม้จะเป็นวันสำคัญแต่ผมยังคงมีเรียนตามปกติไม่ต่างไปจากวันอื่นๆ นับว่ายังโชคดีอยู่บ้างที่อาจารย์ยอมเลิกคลาสตรงเวลาเพราะกลัวจะกลับบ้านลำบากกัน พวกผมก็เลยได้ออกจากห้องเรียนกันมาตั้งแต่ 4 โมงตรง

จนกระทั่งเกือบหกโมง

ผมนั่งอยู่ที่ซุ้มตักลูกปิงปองของคณะแพทย์ศาสตร์ ที่ตอนนี้เตรียมทุกอย่างใกล้เสร็จเต็มที พอมั่นใจได้ว่าจะไม่น่าจะมีเหตุขัดข้องอะไรแล้ว ผมก็ลุกขึ้นตบบ่าไอ้เดือนคณะที่นั่งอยู่ข้างๆกัน แล้วบอกมันสั้นๆ

"เดี๋ยวกูมา"

ก่อนจะเดินห่างออกมาจากงาน จนกระทั่งไม่มีเสียงเพลงดังตามมารบกวน
ผมนั่งลง แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกเบอร์ที่เพิ่งโทรเข้ามาล่าสุด เรียกสายอยู่สักพัก อีกฝ่ายก็กดรับและเอ่ยทักมาก่อน

"ไงคุณ..."

ผมหลุดยิ้มออกมาทันที่ได้ยิน ก่อนจะตอบกลับไป

"ไม่ไงครับคุณ...จะออกมาลอยกระทงปะเนี่ย?"

วันนี้ยิ้มหวานไม่มีเรียน และขังตัวเองเอาไว้ในคอนโดตั้งแต่เมื่อวานซืน
เพราะวันศุกร์มีโปรเจ็คที่ต้องส่ง และยังทำไม่เสร็จ

"ไม่ออกอ่ะ งานยังไม่เสร็จเลย เบียดกับคนที่ม.ไม่ไหวด้วย"

"งั้นเราอยู่ช่วยงานที่ซุ้มแป้บนึง เดี๋ยวค่ำๆแวะไปหานะ"

"อืม...ได้ข่าวปีนี้ม.เรามีหนุ่มน้อยตกน้ำเหรอ?"

"ใช่ คนโคตรเยอะอ่ะ รอกันตั้งแต่บ่ายๆ"

เหมือนอีกฝ่ายจะฟังแล้วนึกสนุกขึ้นมา ถึงได้หลุดขำ แล้วถามต่อ

"แล้วหมอไม่ไปตกน้ำกับเค้าเหรอ?"

"พี่เค้าอยากให้ปีหนึ่งกับคนโสดไป เราไปได้ปะล่ะ?"

"อ้าว นี่ไม่โสดเหรอเนี่ย?"

"แฟนครับ อย่ากวนตีนครับ เดี๋ยวจะโดน"

พอผมพูดอย่างนั้นออกไป  อีกฝ่ายก็หัวเราะถูกใจกลับมาทันที
สนุกเค้าล่ะ กวนผมได้เนี่ย -_-

"อยากได้อะไรที่นี่ปะ เดี๋ยวซื้อไปให้"

"อืม... อยากกินบาร์บีคิวนิเทศอ่ะ เพื่อนบอกว่าอร่อย"

"โอเค เดี๋ยวซื้อเข้าไปให้ ไม่ต้องรอนะหาอะไรกินรองท้องไปก่อนเลย เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะ"

"ครับคุณหมอ"

"อืม เดี๋ยวเจอกัน บ๊ายบายครับ"

วางสายเสร็จผมก็กลับไปที่ซุ้มของคณะ แล้วก็ช่วยงานอยู่ในนั้น จนกระทั่ง 2 ทุ่ม พอเห็นว่ามีคนมาช่วยเยอะแล้ว พวกผมกับเพื่อนๆก็แอบโดดงานไปเดินเล่นกันทั้ง 4 คน

งานลอยกระทงปีนี้ยังคงครึกครื้นไม่ต่างจากปีที่ผ่านมา
ถึงแม้ว่าอากาศจะร้อนจนไม่น่าเชื่อว่านี่คือช่วงสิ้นปีแล้วก็ตาม

เดินดูโน่นดูนี่อยู่สักพัก ในที่สุดสายตาของผมก็สะดุดเข้ากับซุ้มนึงที่มีคนมุงอยู่เยอะกว่าที่อื่น
ป้ายหน้าร้านสีสันสดใสเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่าตรงนี้คือ บาร์บีคิวนิเทศ
นี่แหละร้านที่ยิ้มหวานอยากกิน
คนแม่งเยอะยังกะแจกฟรี -_-

"มึง ยิ้มอยากกินร้านเนี้ย กูว่ากูต้องต่อแถวซื้อไปให้เค้าว่ะ"

คำพูดของผมทำให้พวกมันทั้งสามคนหันมามอง ก่อนจะทำหน้าหมั่นไส้ใส่พร้อมๆกันโดยมิได้นัดหมาย
ดีใจนะ เพื่อนมีความสามัคคี -_-

"เหอะน่า มึงเห็นใจเค้าเหอะ ปั่นโปรเจ็คไม่ยอมออกจากห้องมาสามวันละเนี่ย"

ได้ยินอย่างนั้นไอ้เบอร์ 1 ก็ตอบกลับมาทันที

"โห...แฟนมึงเป็นเอล์ฟประจำบ้านเหรอ?"

"เดี๋ยวกูบอกให้ ว่ามึงว่าเค้าเป็นเอล์ฟประจำบ้าน กูไปละ แยกกันตรงนี้เลยนะเว่ย พรุ่งนี้เจอกัน"

“ตามสบายครับเพื่อน วันนี้วันเสียตัว อย่าเสียตัวให้ยิ้มนะเว่ย!”

สัด...
ได้ยินที่มันพูดแล้วผมก็ได้แต่ยกมือชูนิ้วกลางไปให้ ก่อนจะเดินแยกออกมา และหยุดลงตรงปลายแถวร้านบาร์บีคิว
ส่งสายตามองแถวยาวๆที่ขดไปขดมาเหมือนงู แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจรอ

และแล้วครึ่งชั่วโมงก็ผ่านไป ไวเหมือนโกหก
โดยที่ผมยังไปได้ไม่ถึงครึ่งทางเลยโว้ย!

พอยืดตัวขึ้นมองก็เห็นเลยครับว่าทำไมอยู่ดีๆแถวมันถึงได้ขยับช้าลงขนาดนี้
เตาย่างที่เคยมี 2 อัน ตอนนี้มันได้ฆ่าตัวตายไปแล้ว 1 ด้วยความท้อแท้
อย่าว่าแต่เตาเลย ผมก็เช่นกัน

ใครก็ได้ไปลากคนอยากกินมายืนให้ผมแกล้งเล่นตรงนี้หน่อยได้มั้ย...เผื่อจะมีกำลังใจจะรอต่อ

ในที่สุด ความอดทนของผมหมดลงใน15 นาทีหลังจากนั้น
สิ่งแรกที่ทำคือการไปสารภาพกับยิ้มหวานครับ
ผมโทรหาเขา รอจนอีกฝ่ายรับสาย และไม่รอให้เขาถามอะไรทั้งสิ้น

"ยิ้ม...แถวบาร์บีคิวยาวมาก กินอย่างอื่นได้ปะ?"

"ห้ะ? ได้ดิ ถ้าแถวมันยาวเกินไป หมอไม่ต้องต่อก็ได้ เหนื่อยแย่เลย"

"งั้นกินไรดี?"

ผมพูดพร้อมกับจะเดินออกจากแถวอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ยินคำตอบของเขา

"โค้กกับเลย์รสคลาสสิค"

แค่นั้นแหละ...
ผมนี่เบรกหัวทิ่มเลย!

"งั้นก็กินบาร์บีคิวเหอะ"

"อ้าว แต่แถวมันยาวไม่ใช่เหรอ?"

"เปลี่ยนใจละ มันสั้นแล้วตอนนี้ วางละนะ"

 ได้ยินอย่างนั้นอีกฝ่ายก็หัวเราะ แล้วตอบกลับ

“อืมๆ มีอะไรโทรมานะ"

อันนี้คือตัวอย่างของโหมดรับมือยากขั้นที่ 1 ครับ
ยิ้มก็รู้ปะวะ ว่าผมไม่ชอบให้เขากินขนมก็อบแก๊บกับน้ำอัดลม ยังไงผมก็ไม่มีทางซื้อให้เขา
ตัวแสบเอ้ย!

หลังจากถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ผมก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อดังมาจากทางด้านหลัง พอหันไปดูก็เจอรุ่นพี่จากนิเทศศาสตร์ที่รู้จักกันตอนช่วยงานมหาลัย กำลังเดินเข้ามาใกล้ ในมือพี่แกแบกเตาย่างไฟฟ้าอันใหญ่เดินมาด้วย 
แว้บแรกที่ผมคิดเลยคือ รอดละกู!
เตามาแล้ว!!

"อ้าวพี่หวัดดี มาขายด้วยเหรอ?"

"อืม นี่มึงมารอซื้อเหรอ?"

"เออ เตาพังใช่ปะพี่ แถวโคตรยาวเลยว่ะ รอมาจะชั่วโมงละเนี่ย ช่วยไรปะ?"

พอเห็นผม ท่าทางพี่แกก็โล่งใจพอกัน แล้วหันหน้าไปอีกทางนึง พร้อมกับพูดออกมา

"ต้องช่วยเลย มานี่มา มึงมองไปทางโน้น เห็นซีวิคสีขาวมั้ย ที่เพื่อนกูยืนอยู่อ่ะ"

ผมมองตามไป พอเห็นอย่างที่อีกฝ่ายนึงพูดออกมาก็พยักหน้ารับ
ก่อนที่พี่แกจะพูดต่อ ด้วยสภาพเหงื่อท่วมตัว เดาไม่ยากว่าไอ้เตาเวรนี่ต้องหนักแน่นอน

"เออ มึงก็รู้จักมันนี่หว่า เดินไปหามันเลย แล้วบอกว่ากูให้มาช่วยยกเตา ส่วนมันอ่ะ ถือกล่องหมูกล่องไก่มาไม่ให้มันหล่นกูก็ขอบคุณละ ฝากหน่อยนะเว่ย"

“ได้พี่ได้ เดี๋ยวตามไป"

ผมยกมือขึ้นตะเบ๊ะรับคำแล้วส่งยิ้มมุมปากไปให้ ก่อนจะเดินไปยกเตาย่างบาร์บีคิวมา
หนักจริงครับ ไม่ล้อเล่นเลย

พอเข้ามาในเต็นท์หาที่วางของได้เรียบร้อยแล้ว พี่แกก็ถามขึ้นทันที

“มึงจะเอากี่ไม้ กูให้ฟรีไม่ได้นะเงินคณะ เดี๋ยวแถมให้แทน"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็มองบาร์บีคิวอันยาวเกือบฟุตที่ส่งเสียงร้องฉู่ฉี่อยู่บนเตาแล้วตอบกลับไปอย่างไม่ลังเลเลย

"สิบ!"


- - -


ประเทศเราแม่งก็งี้แหละครับ พอมีเส้นมีสายอะไรก็ง่ายขึ้น -_-
เพราะหลังจากนั้นไม่นานผมก็ออกจากมหาลัยพร้อมบาร์บีคิว 10 ไม้ถ้วนในราคา 5 ไม้ และขับรถตรงไปที่คอนโดของยิ้มหวานทันที แถมรถแม่งก็ติดโคตรๆอย่างที่เป็นมาตลอด

นี่คือเหตุผลที่ผมไม่ชอบขับรถไปไหนมาไหน การจราจรบ้านเราเป็นแบบนี้ ขึ้นบีทีเอสเอาดีกว่าจริงๆ
นอกจากจะมีเป้าหมายแอบแฝง เช่น อยากติดอยู่บนรถกับใครนานๆอย่างที่ผมเป็นอ่ะนะ

ระหว่างที่ติดแหง่กอยู่บนถนนนับสิบนาที ผมก็คิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อยๆ และพบว่า...
ข้อแรก การจราจรของไทยห่วยแตกขึ้นเป็นเท่าตัวเพราะไม่มียิ้มหวานมาติดแหง่กอยู่ด้วยกัน
ข้อสอง ผมอยากลอยกระทงกับเขาว่ะ!

อ่ะลองคิดตามดู!
ถ้ายิ้มหวานไม่มีผม คืนนี้เขาจะต้องนั่งปั่นงานยันเช้า เป็นวันลอยกระทงเหนื่อยๆไม่ต่างจากทุกวันที่ผ่านมา
แล้วพอมีผมเข้ามา ชีวิตเขามีอะไรเพิ่มขึ้นบ้าง?

คำตอบก็คือ เนื้อย่าง 10 ไม้!
ถามจริงหมอ มึงทำได้แค่นี้อ่ะนะ?

คิดไปคิดมา ในที่สุดก็จบลงด้วยการที่ผมก็หักพวงมาลัยรถเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันที่มีซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ ได้ที่จอดปุ๊บผมก็ลงไป และกลับขึ้นมาพร้อมกะละมังใบใหญ่ที่สุดเท่าที่จะหาได้

เอาวะ! พาเจ้าตัวออกมาลอยข้างนอกไม่ได้ ก็ซื้อกะละมังไปลอยด้วยกันที่ห้องนี่แหละ


- - -


ทันทีที่มาถึงคอนโดของเขา ภาพที่เห็นก็บอกกับผมว่า

ซอมบี้สถาปนิกกลับมาอีกแล้ว...

คงไม่ต้องอธิบายว่าอีกฝ่ายดูเพลียแถมยังงงขนาดไหนตอนที่เห็นว่าผมถือกะละมังสีชมพูใบใหญ่ลงจากรถมาด้วย
พอผมมาหยุดลงตรงหน้าเขาปุ๊บ เจ้าตัวก็ถามออกมาทันที

"หมอจะซักผ้าเหรอ?"

นี่ก็คิดได้เนอะ -_-

"เปล่า จะเอามาลอยกระทง"

"ฮะ?"

"จริงๆ ลอยกับกะละมังไง เดินดิเดิน อย่ายืนงง"

ก่อนที่เราจะเดินไปหน้าลิฟต์และขึ้นไปชั้นที่ห้องเขาอยู่
ผมบอกให้เจ้าของห้องไปอาบน้ำซะก่อน เพื่อที่จะได้รู้สึกสดชื่นขึ้น
พอออกมาจากห้องนอนปุ๊บ คนตรงหน้าผมเขาก็ตรงไปยังห้องครัว และแกะถุงใส่บาร์บีคิวออก พร้อมกับที่ผมเดินไปหยุดลงข้างๆกัน


"บาร์บีคิวนิเทศนี่"

เขาพูดและทำหน้าตกใจใส่กัน ก่อนที่ผมจะพยักหน้ารับ เห็นท่าทางอีกฝ่ายดูสดใสขึ้นกว่าเดิมค่อยสบายใจขึ้นหน่อย
พอรู้ตัวว่าผมมาอยู่ใกล้ๆ เขาก็หันมาถามกัน

"ถามจริง ซื้อมาเยอะขนาดนี้ ประชดปะเนี่ย?"

ผมยักคิ้วแทนคำตอบ ก่อนจะอธิบายเพิ่ม

"รอนานไง ซื้อน้อยๆมันรู้สึกไม่คุ้ม นี่ถ้าไม่เจอคนรู้จัก เราว่าป่านนี้ก็ยังไม่ได้กิน"

ได้ยินอย่างนั้นอีกฝ่ายก็หน้าหงอยลงไปนิดนึง ก่อนจะเอนหัวพิงลงมาที่ไหล่ผมแล้วพูดต่อ

"ขอบคุณนะ แถวโคตรยาว แต่ก็ยังไปซื้อมาให้เราอ่ะ"

ผมมองท่าทางของคนตรงหน้าแล้วอดไมไ่ด้ที่จะพูดออกมา

"อ้อนว่ะ"

"อะไรใครอ้อน คิดไปเองเปล่า?"

เขาตอบกลับ พร้อมกับเอาบาร์บีคิวส่วนที่แบ่งไว้ไปเก็บใส่ตู้เย็น
ดีแล้วครับ ไม้เบอเริ่ม กินหมด 10 อันในทีเดียวนี่ได้เห็นคนกลิ้งไปเรียนแน่

"ยังไม่อ้อนใช่ปะ? งั้นอ้อนให้ดูแทนรางวัลค่าเหนื่อยที่ไปต่อแถวหน่อยดิ"

ได้ยินอย่างนั้นเขาก็เบะปากใส่กัน ก่อนจะหันหน้าหนีจนผมต้องหลุดขำ แล้วเอาจานในมือใส่เข้าไปในไมโครเวฟพร้อมกับกดอุ่น
รออยู่ไม่นานบาร์บีคิวทั้งหมดก็กลับมาร้อนเหมือนเดิมอีกครั้ง

คนข้างๆผมใส่ถุงมือกันร้อนหยิบจานออกมา พร้อมกับที่ผมหันไปอีกทางเพื่อจะหยิบแก้วน้ำ ก่อนจะได้ยินอีกฝ่ายส่งเสียงเรียกกันเหมือนมีอะไร พร้อมกับวางมือลงบนไหล่ของผม

"หมอ!"

"ฮะ?!"

พอหันกลับมาปุ๊บสิ่งที่รอผมอยู่กลับเป็นปลายจมูกของเขา ซึ่งกดลงที่แก้มของผมเต็มๆเพราะอีกฝ่ายเขย่งเท้าขึ้นให้เราสูงเท่ากัน และเอามือมาเกาะไหล่ผมไว้เป็นหลักยึด

ระหว่างที่ผมกำลังทำอะไรไม่ถูก นอกจากยิ้มออกมา และส่งสายตามองไปยังคนที่มาขโมยหอมแก้มคนอื่นแล้วเขินซะเอง
พอตั้งตัวได้อีกฝ่ายก็มองมาทางนี้ ยักคิ้วให้ผมสองที แล้วเดินหนีกลับไปหน้าทีวีซะอย่างนั้น

ยิ้มหวานวางจานในมือลงบนโต๊ะหน้าโซฟา ส่วนตัวเองนั้นนั่งยองๆอยู่ข้างกะละมังที่ผมซื้อมา และวางมันเอาไว้หน้าทีวี เพราะไม่รู้จะเอาไปไว้ตรงไหน

พอเห็นว่าผมเดินตามมา เขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับแยกเขี้ยวขู่ให้ผมหยุดรอยยิ้มและสายตาที่ส่งไปให้
จนกระทั่งเจ้าตัวพบว่ามันไม่เป็นผล บทสนทนาระหว่างเราเลยเปลี่ยนไปเป็นเรื่องอื่น

"จะลอยกระทงกับอันนี้เหรอ?"

"อืม..."

ผมตอบแล้วนั่งลงบนโซฟา ในขณะที่เจ้าของห้องยังคงนั่งอยู่บนพื้น

"แล้วกระทงอ่ะ?"

ชิบ......!!!
เชี่ย!!! ลืมได้ไงวะ!
ยังไม่ได้ซื้อกระทง -_-

พอเรามองสบตากัน อีกฝ่ายก็มองมาทางนี้เหมือนจะจับผิดผมอยู่สักพัก ก่อนจะหลุดขำออกมา แล้วนั่งทิ้งตัวลงบนพื้น

"อย่าบอกนะว่าไม่มีกระทงอ่ะ?"

ผมไม่พูดอะไร แต่ใช้การพยักหน้ารับตอบแทนทุกๆอย่าง แล้วพูดต่อ

"ไปเอาถ้วยมาลอยแทนได้มั้ย?"

"ตลกละ"

"เอาบาร์บีคิวลอย"

"มันจม! ของกินเราด้วย!"

"งั้นยืมโมมาลอยก่อนห้องนึงดิ"

"เราถีบหมอคว่ำแน่"

โห...โหดว่ะ!
สุดท้ายผมก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างหมดหวัง

เท่สัดผัดผักบุ้งเลยกูเนี่ย
ซื้อกะละมังมาให้เค้าลอยกระทง แต่ไม่มีกระทงให้ลอย

พอมองไปยังคนตรงหน้าก็เห็นว่ายิ้มหวานกำลัง.... กินบาร์บีคิวอย่างไม่ทุกข์ร้อนใดๆทั้งสิ้น -_-

เขาเคี้ยวเนื้อย่างไปด้วย ทำหน้าครุ่นคิดไปด้วย ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน แล้วเดินหายเข้าไปในห้อง
เดินเข้าๆออกๆหยิบโน่นนี่อยู่สักพัก ในที่สุดเขาก็กลับมานั่งลงบนพื้นหน้าโซฟาที่ผมนั่งอยู่

ในอีกฝ่ายมีข้าวของเยอะแยะมากมาย ทั้งกระดาษแข็ง ดินสอ กาว กรรไกร และหนึ่งในนั้นคือกระดาษทิชชู่

"จะเอาทิชชู่ลอยเหรอ?"

คำถามของผมทำให้อีกฝ่ายมองกลับมาด้วยสายตาเหมือนจะพุ่งมางับหัวกัน แล้วบ่นต่อ

"เคยเรียนศิลปะมั้ยเนี่ย?"

"เรียนดิ แต่ไม่เคยทำ"

"เออลืมไป หมอจ้างเพื่อนทำการบ้านศิลปะนี่หว่า"

พูดจบคนตรงหน้าผมก็กันกลับไปดึงแกนกระดาษทิชชู่ออกมาสองสามอัน และเริ่มกรีดกระดาษแข็งเป็นรูปวงกลม ก่อนจะหันมาตัดแกนทิชชู่เป็นรูปกลีบดอกไม้ ตัดๆปะๆ อยู่ไม่นาน เพราะความคล่องจากการทำโมเดลบ่อยๆของเจ้าตัว ในที่สุดกระทงอันแรกก็เสร็จ

"นี่ไง กระทง~"

โคตรเจ๋ง
งานประเภทนี้เป็นอะไรที่ผมเห็นแล้วตื่นเต้นตลอดอ่ะ เพราะรู้ว่าตัวเองไม่มีทางทำได้

“อันนี้ของหมอนะ"

“ขอบคุณครับ"

ผมยื่นมือไปรับกระทงจากของที่มีในบ้านมาถือเอาไว้แล้วมองอย่างพิจารณา
ก่อนที่คนตรงหน้าจะพูดออกมา แล้วหันกลับไป

"เราทำของเราแป้บนึง"

ผมนั่งมองเขาไปเงียบๆอยู่สักพัก จนรู้สึกอยากช่วยอะไรสักอย่าง
มองไปมองมาเห็นกะละมังวางอยู่ ผมก็เลยลุกขึ้นไปหยิบมันขึ้นมา แล้วบอกกับคนที่ยั่งคงนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่กับกระดาษแข็ง

"เราไปตักน้ำนะ"

"อีกฝ่ายรับคำโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองกัน"

สนุกดีนะ ตักน้ำเสร็จผมก็ช่วยเขาหาเทียนวันเกิดอันเก่า กับธูปอโรม่าที่ซุกอยู่ในลิ้นชัก

ในที่สุดเราสองคนก็ได้มานั่งกันอยู่ที่ระเบียง ตรงหน้ามีกะละมังสีชมพูใบใหญ่ ถัดไปมีกระทงจากกระดาษที่พอหาได้ ส่วนในกระทงมีธูปอโรม่าทรงกรวยและเทียนวันเกิดที่ไม่ได้จุดไฟเพราะที่ห้องไม่มีไฟแช็ค

เป็นการลอยกระทงที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา

"หมอเอามือมาเร็ว"

คนข้างๆผมพูดพลางยื่นมือมาให้ก่อน โดยที่มืออีกข้างของเขาถือกรรไกรตัดเล็บเอาไว้  พอผมวางมือลงไป เขาก็ก้มหน้าลงตัดเล็บให้กัน

น่ารักดีว่ะ
รู้สึกเหมือนมีคนคอยดูแล
ยิ่งเห็นกำไลข้อมือสีดำที่เจ้าตัวใส่ไว้ ผมก็ยิ่งรู้สึกดี

“ตอนแรกเราคิดว่าจะต้องนั่งปั่นงานข้ามวันคนเดียวซะแล้ว พอหมอมา งานเราก็ไม่เดินอีกเลย"

เขาพูดแล้วส่งยิ้มมาให้กันก่อนจะปล่อยมือผม แล้วยื่นปลายเล็บที่เขาตัดออกไปมาให้

"แต่มันก็ดีนะ วันนี้เราอาจจะต้องนอนดีกกว่าเดิมสักชั่วโมงสองชั่วโมงเพราะมัวแต่มาเล่นทำกระทง แต่เราก็ชอบที่มันเป็นแบบนี้นะ ขอบคุณที่ทำให้มันพิเศษ"

คำพูดของเขาทำให้ผมยิ้มออกมาบ้าง และตอบกลับไป

“อืม เต็มใจ ไม่ใช่แค่วันนี้หรอก เดี๋ยววันหลังเราก็จะหาอะไรมาชวนเล่นอีก"

"ถ้าเจอวันที่เราขี้เกียจขึ้นมา ไม่รู้ด้วยนะ...ก้มนิดนึงดิ ตัดผมด้วยๆ"

เขาพูดพลางยกมือขึ้นมาใช้กรรไกรอันเล็กๆอีกอันตัดผมให้กัน เสร็จแล้วก็กลับไปจัดการกับตัวเองบ้าง

เท่าที่รู้มา การลอยกระทงคือการขอขมาพระแม่คงคาสำหรับน้ำที่เรานำมากินและใช้ อีกอย่างคือการลอยสิ่งไม่ดีให้ออกไปจากตัว

ผมหลับตาลงและอธิษฐานในใจไปตามความเชื่อ พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าอีกฝ่ายยังคงหลับตาอยู่อย่างนั้น

ผมเองก็ไม่อาจจะเดาได้ว่าเขาขออะไรบ้าง
สำหรับผม  นอกจากขอให้สิ่งเลวร้ายต่างที่อาจจะมาระรานตัวเองและครอบครัวจงลอยไปกับน้ำแล้วนั้น 1 ในคำขอไม่กี่ข้อที่อธิษฐานไป
... คือการขอให้เขาได้พบเจอแต่สิ่งดีๆ



tbc.



- - -


เรามีตอนพิเศษของวันเปเปโระเดย์อยู่อีกตอนนึงด้วยค่ะ
แอบลงไว้ในทวิต เดี๋ยวจะแว้บมาแปะให้อ่านกัน
ขอติดไว้ก่อน ตอนนี้ง่วงมากโลย U_U zzz
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 26-11-2015 02:41:34
จิ้มมมมทันไหม ><
เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเม้นนะคะ ง่วงมากเหมือนกัน (ฮา)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 26-11-2015 02:57:01
นี่ว่สจะทักตั้งแต่ซื้อกะละมังแล้วว่า เฮ้ยยย หมอลืมกระทง-*-
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 26-11-2015 03:54:58
อ้าวหมอ
สุดท้ายไม่เสียตัวให้ยิ้มเลย
 :hao3:
อิอิอิ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 26-11-2015 04:14:39
ฮาหมออะ!!!!!!!!  :laugh:
กำลังจะทักเลยว่าแล้วกระทงล่ะ!!!
ดีนะที่มีแฟนเก่ง เนาะหมอเนาะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-11-2015 04:22:03
 :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 26-11-2015 06:01:35
หมอน่ารักว่ะ ซื้อกะละมังมาแต่ลืมกระทง 5555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 26-11-2015 06:09:32
ฝันดีค่ะคนเขียน...รออ่าน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 26-11-2015 06:10:07
น่ารักอ่ะทั้งหมอ ทั้งยิ้มหวาน :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 26-11-2015 07:25:28
โถถถถถถถถถถ หมอออออออ :m20:  รออ่านตอนพิเศษอีกน้าาาาาาาา :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-11-2015 07:59:22
โหย~น่ารักอ่ะ ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 26-11-2015 08:12:42
หมอเราพลาดขนาดนี้ได้ไงเนี่ย :laugh:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 26-11-2015 08:18:26
หมอกับยิ้มน่ารักอ่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-11-2015 08:19:10
 :pig4:   ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 26-11-2015 09:40:54
เป็นแฟนกันปล้วความหวานก็ยังคงเส้นคงวา
ไม่เลี่ยนเลย
มีแฟนเก่งก็แบบนี้แหละเนาะ
555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-11-2015 09:43:31
หมอก็นะ ซื้อกะละมังแต่ไม่ซื้อกระทง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-11-2015 10:01:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 26-11-2015 10:02:56
มีความสุข^^
ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 26-11-2015 10:05:08
เรายังยืนยันนะคะว่านิยายเรื่องนี้มันมุ้งมิ้งมากอะ
หมอน่ารักมากกกก คิดจะทำอะไรที่พิเศษๆให้ยิ้มหวานตลอด  :-[
แต่เราชอบตอนยิ้มหวานอ้อนนะ เหมือนลูกแมวน้อยเลย <3
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-11-2015 11:15:42
ก็คิดอยู่น่ะ ว่าหมอมันไปมีกระทงตอนไหนเห็นแต่กะละมัง สรุปช่วยกันครึ่งทางหมอหาสระน้ำยิ้มหวานหากระทง หวานๆกันไป
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 26-11-2015 11:24:21
น่ารักตลอดล่ะสองคนนี้   :katai2-1:ถ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-11-2015 11:31:19
อยู่กะคนพิเศษวันไหน ๆ ก็เป็นวันพิเศษ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 26-11-2015 13:13:04
ซื้อกะมังแต่ไม่ซื้อกระทง หมอแม่งเปิ่นเกิ๊น
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 26-11-2015 15:42:25
หมอ & ยิ้มหวาน น่ารัก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 26-11-2015 15:43:25
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 26-11-2015 15:50:28
 o13น่ารัก :heaven
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 26-11-2015 15:54:11
หมอดูโรแมนติกขึ้นมาเลยตอนซื้อกะละมัง
แต่มาจบตรงที่ลืมซื้อกระทงนี่แหล่ะ 555555

หวานนิดๆ น่ารักๆ ^0^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: MRchai ที่ 26-11-2015 17:19:00
บอกคำเดียว    น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 26-11-2015 17:39:28
โอ้ยยย น่ารักอะ อิจ อิจ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 26-11-2015 17:44:27
ไม่มีเสียตัวเพื่อเพิ่มสถิติในวันลอยกระทงเหรอ

สติลความน่ารักเหมือนเดิมคู่นี้ตั้งแต่จีบกันยันเป็นแฟน

อ่านแล้วหุบยิ้มไม่ลง  :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 26-11-2015 17:56:13
หมอน่ารักอะ เกือบหล่อแล้วนะ ขาดแค่กระทงเอง 55555555555555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 26-11-2015 18:53:30
หูย...ตอนนี้แอบมาเมื่อไรเนี่ย อิอิ
โมเมนต์น่ารักๆ แบบนี้อยากมีบ้าง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: oss_tw ที่ 26-11-2015 18:58:57
 :impress2:

หมอน่ารักค่ะ

ชอบยิ้มหวานอ้อนอ่ะ

 รอตอนต่อไปนะคะ

  :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: gessuriyong ที่ 26-11-2015 19:42:14
หมอน่ารักกกกกกกกก ทำไมชีวิตไม่เจอแบนี้มั้งน้าาาาาาาา 5555555 :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 26-11-2015 19:42:37
55555สองคนนี้น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 26-11-2015 20:16:28
น่ารักก น่าจะลอยกระทงอันเดียวกันเนอะะ   :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 26-11-2015 20:34:26
น่ารักกันทั้งคู่เลยยยยย งื้อออออออออออ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 26-11-2015 21:01:54
ลอยกระทงด้วยกัน ลอยด้วยกัน ลอยด้วยกันนน หมอยิ้มหวาน่ารักกกกกกกกกกกกกกกก~~~
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 26-11-2015 21:20:28
โง้ยยยย น่าร้ากกกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: ที่เดิมในหัวใจสาววาย ที่ 27-11-2015 00:29:33
เป็นวันลอยกระทงที่หวานมาก  :m3: น่ารักอ่ะ  :m18:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: ziqh.leo ที่ 27-11-2015 00:49:16
พึ่งได้อ่าน ตอนล่าสุด
กรีดร้องงงงงง น้องยิ้มอ้อนค่ะะะะะะะ!!!

จุ๊บ หมอเองอะไรเองงงงง แอร๊ยยยย
อินอ่าาาาาาา อินนน!!  :hao6: ฟินแทนหมอค่ะะะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: wijii ที่ 27-11-2015 02:17:00
กรี๊ดดดด ปิดซอยเลี้ยงโต๊ะจีนก่อนค่ะ ในที่สุดก็เป็นแฟนกันสักที ฮือออ ยิ้มหวานน่ารักจังเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: bae1993 ที่ 27-11-2015 02:17:25
อ๋อยยยยน่าร้ากกก  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 27-11-2015 05:18:00
น่ารักสุดๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 27-11-2015 08:51:54
ยิ้มหวาน ทำให้เราอิจฉาาาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: hormonesyj ที่ 27-11-2015 13:26:05
ยิ้มกับหมอโคตรน่ารักเลยยยย ชอบจังงงงง  :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 27-11-2015 13:36:12
ลืมกระทงก็ดีเหมือนกันนะหมอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 27-11-2015 13:54:44
โอ้ยยยย..น่ารัก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 27-11-2015 14:09:41
งื้อ หมอกับยิ้มน่ารักจังเลย
ขอด้วยอีกแรง แม้จะดีเลย์ไปนิด ฮ่าๆ ขอให้ทั้งสองคนพบเจอแต่สิ่งดีๆนะคะ อยู่กันแบบนี้ไปนานๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: duckduckk3 ที่ 27-11-2015 18:29:09
กรี๊ดดดด ไม่รู้จะกรี๊ดอะไรก่อนดีเลย
ระหว่างพี่กี มาอัพเร็ว หรือ ยัยนิ้มที่ทำตัวมุ้งมิ้ง 5555555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 27-11-2015 18:37:22
จนตอนนี้เราก้ยังไม่รู้ชื้อจริงๆของยิ้มหวานช้ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: sunipum ที่ 27-11-2015 18:40:37
เรื่องนี้อ่านแล้วฟินน~~~
คือแบบไม่ยิ้มไม่ได้  ยิ้มหวาน หมอ น่ารักกทั้งคู่เลย
ขอบคุณมากๆเลยนะค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: wijii ที่ 27-11-2015 20:50:37
พอเป็นแฟนกันแล้วอะไรๆก็ดี ชีวิตดี๊ดีย์อ่ะ5555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 27-11-2015 21:25:30
น่่ารักกกกก >///<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: white feather ที่ 28-11-2015 00:56:55
น่ารักอ่ะ
ดูดูแลกันมุ้งมิ้งมุ้งมิ้ง
 :-[ :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 28-11-2015 01:14:21
นึกว่า 18.5 เป็นเอ็นซี
55555555
แต่น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 28-11-2015 12:02:03
ลอย ลอยกะเธอ
ลอย ลอยกะเธอ
ลอยกะเธอกันแล้ว
ขอเชิญน้องแก้วมาเก็บกะละมัง... ชึ่งโป๊ะ!!!

ถึงหมอจะไม่รอบคอบ แต่มีแฟนรอบรู้เรื่องประดิษฐ์ประดอย
หมอก็รอดแล้วลูก  ว่าแต่... วันลอยกะเธอนี่มันวันเสียตัวไม่ใช่เหรอคะ?

หลังอธิษฐานและขอขมาเจ้าแม่คงคาแล้ว
บรรลุวัตถุประสงค์ที่สองของเทศกาลนี้หรือยังจ๊ะหมอ?
(ฮี่ ฮี่ ฮี่... อีป้านี่ยิ้มหื่นรอเลย)

ขอบคุณมากค่ะ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: numin ที่ 28-11-2015 18:53:55
ในที่สุด อิหมอก็หายปอดแหกกกก ในที่สุดก็เป็นแฟนกัน อิอิ

แต่จะว่าไง หมอนิ ปากว่ามือถึงเหมือนกันนะ เดี๋ยวหอม เดี๋ยวจุ๊ฟ

รอเลย ถ้าคู่นี้ได้กัน คงเป็นอะไรที่ละมุนมาก ขนาดฉากจูบยังแบบเขินจนกัดหมอน

อยากรู้ใจจะขาด ว่าหมอจะปล้ำยิ้ม หรือ ยิ้มจะปล้ำหมอ หึหึ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: NatZuKae ที่ 28-11-2015 20:44:54
น่ารักจนเราจะคลั่งแล้ว โอ๊ยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 29-11-2015 10:13:24
หมอน่ารักอ่ะ ฮือออ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 29-11-2015 21:36:17
น่ารักตลอดอ่ะ หมอกับยิ้ม
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: Netimefii ที่ 01-12-2015 12:00:04
น่ารักมาก   หยุดยิ้มไม่ได้เลย  :o8: :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: whitelavenders ที่ 02-12-2015 01:32:10
ตามอ่านอยู่สองวัน จนถึงตอนลอยกระทงล่าสุดเลยค่ะ 555555
ดีใจกับนังหมอจริง ๆ ที่ในที่สุดก็ได้เป็นแฟนยิ้มหวานแล้ว
ไอ้เราก็รอลุ้นจนเลิกลุ้นไปแล้วหลายรอบ ถ้าเป็นเรื่องอื่นก็ซั่มกันไปตั้งแต่สามตอนแรกแล้วค่ะ
พัฒนาการของคู่นี้ช้ามากกก แต่ก็ชอบนะ เราว่ามันน่ารักแล้วก็ค่อยเป็นค่อยไปดี
ชอบเวลาเค้าจีบกันด้วย อ่านแล้วรู้สึกดีอะ ไม่หวานเว่อ มี space นี่แหละคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการคบกัน !

เรื่องนี้นอกจากจะชอบนังหมอกับยิ้มหวานแล้ว ยังชอบคุณตัวประกอบอย่างเพื่อนๆมากค่ะ
โดยเฉพาะทางฝั่งเพื่อนหมอ 1 2 และโคนันเนี่ย เราว่าตลกดี แล้วก็แอบหลุด
ไม่คิดว่าคนเรียนหมอจะมีมุมแบบนี้
รอคอยตอนต่อไปนะคะ :)

ป.ล.ตอนพิเศษ กระทงล้ำมาก ไม่คิดว่าจะมีงานประดิษฐ์เกิดขึ้นและลอยในกะละมัง 555555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: Preenp ที่ 03-12-2015 02:04:18
รอออออ :ling1: :katai5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: bae1993 ที่ 09-12-2015 00:42:34
เค้ารอยิ้มอยู่น้า  :katai5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 09-12-2015 01:15:44
รอหมอกับยิ้มอยู่น้าาาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: fernfabled ที่ 09-12-2015 16:57:37
ทำไมเนื้อเรื่องมันละมุนละไมขนาดนี้
โอ๊ยย นี่ยิ้มเกินยิ้มหวานละนี่
ยิ้มแก้มแตกกกก หมอโคตรน่ารักกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: supernatural ที่ 11-12-2015 11:38:52
น่าจะมีง้อมีงอนมีหึงมีหวงบ้างนะคะจะได้รสชาติมากขึ้นไปอีกนิยาย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 11-12-2015 21:01:35
เขาสองคนเป็นแฟนกันแล้ววววว นี่อ่านไปเคลิ้มไป บอกเลยว่าอยากได้หมอออออ  :hao7: :hao7:

มีตอนลอยกระทงแล้ว ตอนต่อไปก็น่าจะเป็นตอนปีใหม่เลยใช่มั้ยคะคนแต่ง ๕๕๕๕๕๕ หยอกเล่นค่าาา
สู้ๆนะคะ เรายังรออยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน เราอยากจะเห็นพัฒนาการตอนเป็นแฟนกันแล้วจะเป็นไงบ้าง ต้องมีหงมีหึงกันบ้างแหละ โอ๊ยยยย บอกเลยว่ารอคอยยยยย  :z2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: numin ที่ 15-12-2015 15:18:41
คิดถึงยิ้มหวานกะหมออีกแล้วอ่ะ เข้ามาอ่านซ้ำไปซ้ำมา เง้ออออออ
มาอัพไว้ๆน้าาาา เค้ารออยู่นะตัวเอง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 16-12-2015 09:21:04
](http://i1300.photobucket.com/albums/ag93/kipuu/19_zpslqpevmdf.jpg)
กรี้ดกร้าดในทวิตฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ นะคะ
มีทวิตเตอร์แล้วน้า ไปตามได้ค่ะ  @__thissmile




- 19 -


เราสามารถพบเจอคนได้หลายประเภทที่สยามในช่วงเย็น บางคนมาซื้อของ บางคนมากินข้าว บางคนนัดเจอเพื่อน บางคนก็แค่มาเพื่อเดินฆ่าเวลา และประเภทนึงที่ผมมั่นใจเลยว่ามีเยอะไม่แพ้กลุ่มอื่นๆ คือพวกที่มามองสาวๆ

ตอนแรกผมกับเพื่อนๆก็อยู่ในกลุ่มแรกหรอกครับ แต่หลังจากมานั่งกันที่ร้านกาแฟได้สักพัก อยู่ดีๆก็ถูดจัดไปอยู่ในประเภทสุดท้ายไปซะอย่างนั้น เพราะไอ้เบอร์หนึ่งดันไปถูกใจผู้หญิงคนนึงในกลุ่มที่นั่งอยู่อีกมุมของร้าน

"ชอบก็จีบไอ้สัด"

ไอ้เบอร์สองพูดขึ้นมาอย่างอดไม่ไหวกับท่านั่งเก็กๆของมันตอนที่อีกฝ่ายบังเอิญมองมาทางนี้ ผมได้แต่พยักหน้ารับเบาๆแต่ไม่พูดอะไรออกไป เพราะรู้ตัวว่าสภาพตัวเองตอนที่แอบมองยิ้มหวานก็ไม่ได้ดีไปกว่าไอ้คนตรงหน้าสักเท่าไหร่

"กูไม่ได้ชอบเขาจนอยากจีบ กูแค่ชอบหน้าเขา หน้าแบบนี้ในมอไม่ค่อยมี"

ได้ยินอย่างนั้นไอ้โคนันก็ตอบกลับ ก่อนจะดูดชาเขียวเย็นเข้าไปคำใหญ่

"ก็เอาที่เพื่อนมึงว่าดี"

"ก็แบบนี้แหละ กูว่าดี แค่อาหารตามั้ยล่ะสัด"

ผมฟังคำตอบมันแล้วรู้สึกเพลียจนได้แต่ถอนหายใจแล้วส่ายหน้า ไอ้นี่มันเป็นแบบนี้แหละครับ มองไปเรื่อย แต่ก็ยังไม่คิดจะเริ่มต้นกับใครจริงจัง ผมเองก็เคยเป็นแบบมัน จนวันนึงที่ผมเจอเขา...

นึกถึงปุ๊บก็มาปั๊บเลย  มาพร้อมกับเสียงแจ้งเตือนของไลน์ ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู และเห็นคำถามสั้นๆมาจากอีกคน

*ยังอยู่ที่มอเปล่า?

*พวกนี้ลากออกมาสยามแล้ว

*อ่าวเหรอ 
*จะอยู่กับเพื่อนมั้ยอ่ะ
*ต้องตามไปปะ?

*อยู่สยามเซ็น
*มาช่วยลากเราออกไปหน่อย


*อ้าว ทำไมอ่ะ?

*อยากเตะเพื่อนตัวเอง


*ถามเพื่อนดูดิ 
*เราว่าเพื่อนหมอก็อยากเตะหมอเหมือนกัน
*ถ้าโดนนะ ฝากด้วยสองทีแรงๆ


*ยิ้ม....
*นี่แฟนไง จำไม่ได้เหรอ?


*5555
*ขับรถละ
*ถึงแล้วเดี๋ยวโทรหา



ผมยังไม่ได้บอกใช่มั้ยว่าวันนี้เรามาสยามกันทำไม

ผมกับพวกมันมาจัดการเรื่องชุดไปงานกัน เพราะรุ่นพี่ตอนม.ปลายกำลังจะแต่งงาน พี่แกไปเรียนมหาลัยที่เมืองนอก และเพิ่งจบเมื่อปีที่แล้ว รู้อีกทีก็เซอร์ไพร์สกันด้วยการบอกว่าจะกลับมาแต่งงานที่ไทย พวกผมต้องไปงานกันสามคน ยกเว้นไอ้โคนัน เพราะเพิ่งมารู้จักกันตอนปี 1

หลังจากเลิกเรียนพวกผมเลยแวะมาเอาสูทที่ไอ้เบอร์ 1มันสั่งตัดไว้ และมาช่วยดูว่าชุดมันดูดีรึยัง 
เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่พวกผมจะได้ไปงานแต่งงานในบรรยากาศแบบเพื่อนพี่น้องด้วยมั้ง ทุกคนเลยดูตื่นเต้นกันไปหมด และไอ้คนที่แวะมาเอาชุดวันนี้ก็โคตรเวอร์  มันใส่สูทสีแดงเข้มตั้งแต่หัวจรดเท้า กับเสื้อเชิ้ตผ้ามันๆไว้ข้างใน แบบที่ผมเห็นแล้วยังปวดกบาลแทนเจ้าของงาน ไอ้เบอร์ 2 น่าจะใส่ชุดลายสก๊อตตั้งแต่สูทไปยันกางเกง

ส่วนผมนี่...ยังไม่มีชุดเลยครับ -_-

ตอนแรกผมจะตัดสูทใหม่เพราะตัวที่มีอยู่มันสั้นจนเต่อไปหมดแล้ว แต่พอโทรไปคุยกับร้านที่พ่อผมใช้บริการอยู่ประจำ เค้าดันบอกว่าตอนนี้ที่ร้านคิวยาวมาก ไม่น่าจะตัดเสร็จทันเวลาที่ต้องใช้

พอผมบ่นให้ยิ้มหวานฟังตอนที่คุยโทรศัพท์กันเมื่อคืน เขาก็ขอวางสายไปสักพัก ก่อนจะโทรกลับมาบอกกันว่า  เดี๋ยวจะพาไปตัดสูทที่ร้านของพี่ชายที่สนิทกันวันนี้

ถ้าเป็นคนอื่นแนะนำมาผมอาจจะไม่มั่นใจสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นคนนี้นี่ เชื่อเขาเถอะครับ ยิ้มหวานเป็นคนเนี๊ยบเรื่องเสื้อผ้าและการแต่งตัวมากจริงๆ

สักพักคนที่ผมรออยู่ก็เดินตรงมาเข้ามาในร้าน รอยยิ้มสดใสทำให้เจ้าตัวดูเด่นมาแต่ไกลอย่างทุกที เขามาหยุดลงตรงโต๊ะของพวกผม พอหันซ้ายหันขวาเห็นว่าโต๊ะเล็กๆโดนล้อมรอบด้วยโซฟาสำหรับหนึ่งคนถึงสี่ตัว แถมทุกตัวก็โดนพวกผมจับจองไว้ทั้งหมด เจ้าตัวเลยนั่งลงบนที่วางแขนของเก้าอี้ตัวที่ผมนั่งอยู่ พร้อมกับเอ่ยทักทุกคน

“หวัดดี เหมือนไม่เจอกันนานเลยอ่ะ"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขาไม่ได้เจอเพื่อนๆของผมเลยตั้งแต่ช่วงสอบ
พวกมันสามคนยิ้มรับแล้วทักเขากลับไปพร้อมกับถามเรื่องทั่วๆไปว่าคนเยอะมั้ย รถติดรึเปล่า ปล่อยให้เขาตอบคำถามเพื่อนผมอยู่สักพัก ก่อนที่เจ้าตัวจะถามกลับไปบ้าง

“ทำธุระกันเสร็จแล้วเหรอ?”

ระหว่างที่พูดออกมานี่ เขาก็ยื่นมือมาหยิบแก้วเครื่องดื่มตรงหน้าผมไปและดูดช็อคโกแลตเย็นรสหวานปนขมเข้าปากไปหน้าตาเฉย แถมยังเอาช้อนที่ปลายหลอดตักวิปครีมขึ้นมากินอีกต่างหาก  

ผมส่งสายตาไปให้เขา พร้อมกับขมวดคิ้ว กำลังจะทักว่ากินของอ้วนๆอีกแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับทำตาโตกลับมาแล้วตักวิปครีมใส่ปากไปอีกคำแล้วยักคิ้วให้กันสองที จนผมได้แต่ถอนหายใจ

ระหว่างที่ผมกำลังมองท่าทางคนตรงหน้าด้วยความคิดที่ว่า
'ทำไมเป็นคนกินอะไรก็ดูน่าอร่อยไปหมดขนาดนี้?'
คำตอบก็ดังมาจากอีกฝั่งนึง 

“อืม เรียบร้อยหมดแล้ว ยกเว้นหมาตัวนึง"

คำพูดของไอ้โคนันทำเอาคนฟังก็หลุดยิ้ม เข้าใจได้ไม่ยากเลยว่าหมาตัวที่ว่านั่น...ก็ผมไงจะใครล่ะ!

“ของก็ยังได้ยังไม่ครบนะครับ แต่มานั่งอ่อยหญิง"

ไอ้เบอร์ 2 เล่นกูแล้วครับ! พอมันพูดจบอีกสองคนก็พยักหน้ารับกันเป็นตุ๊กตาหัวสปริง
สามัคคีคือพลังนะเพื่อนมึง!

“สัด มึงมั้ยล่ะ อย่ามาโบ้ยกู!"

ผมพูดพลางยกมือขึ้นไปฟาดหัวไอ้เบอร์หนึ่งเต็มแรง จนอีกคนที่เพิ่งมาถึงยังหลุดขำทั้งๆที่กำลังยกมือขึ้นมาตีไหล่ผมเบาๆเหมือนจะดุกันว่าไปทำเพื่อนทำไม ก่อนที่ผมจะยกมือขึ้นไปตีหน้าขาเขากลับเบาๆ และวางข้อศอกพักไว้บนนั้น แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด โดนผมตีปุ๊บ เขาก็ถามต่อปั๊บ

“เหรอ? คนไหนอ่ะ?”

ได้ยินอย่างนั้นไอ้เบอร์หนึ่งก็ส่งสายตาไปยังสาวผมยาวที่มันเล็งเอาไว้ ให้คนฟังหันไปมองตาม ทางโน้นเขาก็เหมือนจะรู้ตัวมาตั้งแต่แรกแล้วนะว่าโดนมอง แต่ก็ไม่ใส่ใจ

ไม่ใส่ใจเลยครับ...จนกระทั่งคนที่นั่งดูดช็อคโกแลตเย็นอยู่ข้างๆผมหันไปมอง ตอนนั้นเองที่อีกฝ่ายก็มองกลับมาด้วยรอยยิ้มกว้างๆ แถมยังโบกมือทักทายด้วยท่าทางดีใจสุดๆ

ไม่ครับ นาทีนี้ไม่ได้โบกมืออย่างเดียว แม่คุณเล่นลุกขึ้นแล้วเดินตรงมาทางนี้ด้วย! 
ผมละสายตาจากเขาแล้วมองไปยังไอ้พวกเวรอีกสามตัวอย่างคาดโทษ

ไอ้สันขวาน! เผาบ้านกูทำไมวะ!
เดินมาถึงปุ๊บคนที่นั่งอยู่ใกล้ผมก็เป็นฝ่ายเอ่ยทักขึ้นมาก่อน

“หวัดดี..."

“หวัดดี ไม่เจอกันนานเลยเนอะ"

“ใช่ๆ นานมากอ่ะ”

เขารับคำก่อนจะหันมาทางพวกผมแล้วแนะนำชื่อผู้หญิงคนนั้น พร้อมกับอธิบายต่อว่าพวกเขารู้จักกันตอนเรียนเปียโนช่วงม.ปลาย ผมเลยเพิ่งรู้ว่าตัวเองมีแฟนเล่นเปียโนได้ก็วันนี้

พวกเขาทักทายกันสั้นๆ และน่าจะแยกย้ายกันได้แล้ว ถ้าฝ่ายที่ยืนอยู่ไม่ถามต่อ
แถมยังยกมือขึ้นมาจับไหล่แฟนผมหน้าตาเฉย ด้วยเว้ย!

"ยังได้เล่นเปียโนอยู่บ้างปะ?"

“ตั้งแต่ออกก็ไม่ได้เล่นเลยพูดจริงๆ ลืมหมดละเนี่ย"

“เหรอ...เสียดายเนอะ”

“ไม่ต้องเสียดายหรอก เราขี้เกียจเองแหละ"

ผมมองบทสนทนาที่ถูกสานต่อไปเรื่อยๆ แล้วรู้สึกอยากตัดเข้าช่วงโฆษณาซะเหลือเกิน แต่สถานการณ์ก็ไม่ค่อยจะเป็นใจ
จบเรื่องเล่นเปียโนปุ๊บ เรื่องใหม่ก็ตามมาปั๊บจนผมแทบจะยกมือขึ้นกุมขมับ

“เออใช่! อาทิตย์หน้าวันเกิดเรานะ ที่บ้านมีปาร์ตี้ด้วย ไหนๆก็บังเอิญเจอกันแล้ว สนใจมาปะ?”

ไอ้ห่า! นาทีชีวิต! 
ผมเหลือบไปมองคนที่นั่งเบียดกันอยู่และเห็นว่าเขากำลังยิ้มรับคำชวนนั้น ก่อนคำตอบที่ดังออกมาจะทำให้ผมโล่งใจ

“ไม่แน่ใจอ่ะ แต่ช่วงนี้งานเยอะมาก ยังไงเดี๋ยวบอกอีกทีได้ปะ?”

“เหรอ? อืม...ได้สิ"

ท่าทางของอีกฝ่ายดูเหมือนจะผิดหวังไปเล็กน้อย แต่ก็ยังสามารถสานต่อได้อย่างไม่ติดขัด

"งั้นแลกไลน์กันไว้ก่อนแล้วกัน เราไม่ได้หยิบโทรศัพท์มาอ่ะ ขอมือถือหน่อยเดี๋ยวพิมพ์ไอดีให้"

“อ๋อ....ได้เลย"

เขารับคำ ก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มมุมปากให้ผม แล้วยื่นมือมาหยิบโทรศัพท์ไปปลดล็อค

เราใช้ไอโฟนเหมือนกัน รุ่นเดียวกันสีเดียวกัน แต่เคสคนละลาย
และเครื่องที่เขาเอาไปเปิดไลน์แถมยังเข้าหน้าเพิ่มเพื่อนด้วยไอดีอยู่นั่น...
มือถือผมเองครับ -_-

ผมมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ไม่รู้จะอธิบายยังไง มันก็งงๆนะ แต่ก็ฟินอยู่พอตัวว่ะ

แถมยังรู้ซึ้งตอนนั้นเลยว่าคนตรงหน้านี่แสบใช่เล่น ตอนที่เห็นว่าเขาพยายามเม้มปากกลั้นขำนิดหน่อยและแอบส่งสายตามาให้ผมพร้อมกับยักคิ้วให้ ระหว่างที่กำลังรับโทรศัพท์กลับมา แล้ววางมันลงตรงที่เดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...

"แล้วนี่มาทำอะไรแถวนี้อ่ะ?”

โว้ย! ขี้สงสัยอะไรขนาดนั้นวะคนเรา

"แวะมาหาเพื่อน"

ไหน! ไหนเพื่อนวะ? -_- ไม่มีเหอะ ที่นั่งอยู่นี่ก็แฟน...

“แล้วเดี๋ยวไปไหนต่อปะ?”

“เดี๋ยวจะพาแฟนไปร้านเสื้อผ้าอะ"

“อ้าว...มากับแฟน?”

“อืม...”

“แฟนอยู่ไหนอ่ะ"

“แถวนี้แหละ" ^^

โชคดีที่ อยู่ๆเพื่อนที่มาด้วยกันกับผู้หญิงตรงหน้าส่งเสียงเรียก แล้วกวักมือเหมือนจะเร่งให้อีกฝ่ายเดินกลับไปที่โต๊ะได้แล้ว
เห็นอย่างนั้นเขาถึงได้ยอมผละไปง่ายๆ โดยไม่ได้ถามอะไรเซ้าซี้ต่อ นอกจากโบกมือมาให้พวกผมทั้งโต๊ะ ก่อนจะเดินจากไป

หลังจากพายุตัวปัญหาน้อยๆหมุนออกจากโต๊ะไป พวกผมทุกคนก็ตกอยู่ในความเงียบ

ไอ้พวกเพื่อนเวรสามคนอาจจะกำลังอึ้งในความแสบของยิ้มหวาน เห็นอยู่ว่าพวกมันทำหน้าตกใจตอนที่เห็นว่าเขาหยิบมือถือผมไปแอดไลน์ด้วยว่ะ

ส่วนผมได้แต่มองใบหน้าที่เอาแต่ยิ้มขำๆแล้วส่ายหน้าเหนื่อยใจ อยากจะยื่นมือไปดึงแก้มนิ่มตรงหน้าแรงๆ ให้สมกับความซนของเจ้าตัว แต่ไม่ทันได้ทำอะไร เขาก็หยิบมือถือผมไปกดปลดล็อคอีกรอบ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปคุยกับไอ้เบอร์ 1

“เดี๋ยวเราแชร์โปร์ไฟล์ไปให้"

"ฮะ?"

อึ้งครับ อึ้งแดกไหมล่ะมึง!
ตอนแรกผมคิดว่าเขาจะเชื่อที่พวกนี้บอกซะอีก 

"อ่าว ก็ชอบไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวแชร์โปร์ไฟล์เพื่อนเราไปให้ทางไลน์นะ"

"..."

"หมอไม่ชอบแบบนี้หรอก นี่เปรี้ยวไป สเป็คหมอต้องเรียบร้อยมากกกก ดูเป็นคุณหนูกว่านี้"

แน่ใจว่าไม่ได้พูดถึงตัวเอง?
พูดจบเจ้าตัวเขาก็ส่งสายตามาทางนี้ แล้วยักคิ้วให้ผมทีนึง มองท่าทางแสบๆแล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นไป แล้วใช้ข้อนิ้วเคาะหน้าผากเขาเบาๆ ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น และก้มหน้าลงไปช่วยหาไลน์ไอ้เบอร์ 1 พร้อมกับพูดออกมา

“สนุกนะ"

คนฟังหันมาส่งยิ้มกว้างให้ผม ก่อนจะก้มหน้ากลับไปกดแชร์โปรไฟล์ของคนที่เพิ่งแอดเพิ่มเข้ามาให้เรียบร้อย แล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ไอ้คนที่กวนตีนคนอื่นเป็นนิสัย พอโดนเอาคืนบ้างเลยยังติดจะงงๆ

“เฮ้ยเอาจริงดิ"

“จริง! นี่ไงส่งไปแล้วนะ" 

เขาพูดพลางยกจอมือถือขึ้นมาให้มันดู แล้วพูดต่อ สักพักเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ที่มันใส่เอาไว้ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น พร้อมกับที่คนข้างๆผมพูดขึ้นมา

"สักพักนึงแอดไปก็ได้ เนียนๆหน่อยนะ อย่าเหมือนเพื่อนล่ะ"

โถ่ ทำเหมือนจะเข้าข้างผม แล้วก็แว้งมากัดกันซะอย่างนั้น
คนพูดยิ้มมุมปากแล้วยักคิ้วให้กัน ปล่อยให้ผมทำหน้านิ่งมองท่าทางซนๆซ่าส์ๆแล้วได้แต่นึกหมั่นเขี้ยวในใจจนต้องยกมือขึ้นมาชี้นิ้วคาดโทษเอาไว้ก่อน

หลังจากใจดี ช่วยเพื่อนผมหาแฟนเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกัน
ผมกับเขาตัดสินใจที่จะขึ้นบีทีเอสกันไป เพราะร้านอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าและช่วงเวลาทุ่มกว่าๆแบบนี้ก็รถติดโคตรๆ

ทั้งผมและเขามีบัตรที่ใช้เติมเงินอยู่แล้วเลยไม่ต้องต่อคิวแลกเหรียญให้เสียเวลา พอเราผ่านประตูเปิดปิดอัตโนมัติกันมา ผมก็ถามขึ้นมาระหว่างที่กำลังเดินไปต่อแถวรอขึ้นรถ

“ไม่ค่อยเห็นขึ้นบีทีเอสเลย มีบัตรด้วยเหรอ?”

“อืม ซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้อ่ะ งงเหมือนกัน"

เขาพูดแล้วขมวดคิ้วตามผมอีกคน ท่าทางจะนึกไม่ออกจริงๆว่าซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่

เรายืนรอให้ท้ายแถวร่นไปเรื่อยๆ ท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปมาตลอดเวลา สักพักผมก็สังเกตเห็นเหงือเม็ดเล็กๆที่ผุดขึ้นมาตามผิวหน้าของเขากับสีหน้ายุ่งๆของเจ้าตัว  เดาไม่ยากน่าจะว่าเป็นเพราะอากาศเมืองไทยที่ร้อนจนเกินเหตุ

เห็นอย่างนั้นผมก็ยกมือขึ้นมาพัดให้เขาสองสามทีแล้วถาม

“ร้อนอ่ะดิ"

คนฟังทำหน้ามุ่ยแล้วพยักหน้ารับ จนผมต้องยกมือไปปัดผ่านหน้าผากเขาทีนึงแล้วพูดต่อ

“เหม่งเปียกหมดแล้วเนี่ย"

“เหม่งอะไร? ใครเหม่ง”

เขาถามพลางทำสีหน้าเอาเรื่องใส่ผม พร้อมกับยกมือขึ้นมาปิดหน้าผากตัวเองเอาไว้ด้วย

“น่าสงสารว่ะ โดนพามาลำบากแล้วเนี่ย คิดถึงมินิยัง?”

“เริ่มคิดถึงละ แต่เราก็ไม่ได้ความอดทนต่ำขนาดนั้นปะ เดี๋ยวก็ได้ขึ้นรถแล้วเนี่ย"

“ครับๆๆ"

“หมอก็เหงื่อท่วมเหมือนกันเหอะ"

พูดจบเขาก็ยกมือขึ้นมาผลักหน้าผากผมเต็มแรง แล้วถามไปอีกเรื่องนึง

“เมื่อกี้อ่ะ ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

“หื้ม?”

“ก็ที่เราเอาไลน์ไปแอดคนอื่นอ่ะ ไม่เป็นไรใช่ปะ?”

“อ๋อ...” 
ผมรับคำ พร้อมกับยกมือขึ้นไปวางพาดไหล่เขาเอาไว้แล้วพูดต่อ

"นึกว่าคิดเรื่องอื่นไปแล้วนะเนี่ย...ไม่เป็นไร"

“ดีแล้ว ถ้าเซ็งขึ้นมาเราจะจัดการ เพราะหมอเป็นคนทำหน้าเหมือนไม่อยากให้เราคุยกับเค้าเอง"

ได้ยินอย่างนั้น ผมก็หันไปสบตากับเขาแล้วพูดต่อ

“จะจัดการเลย? จัดการไงบอกมาดิ๊~" 

โดยพื้นฐานผมไม่ใช่คนชอบต่อปากต่อคำ...
แต่ไม่รู้ทำไม การเถียงกับเขามันถึงได้เป็นอะไรที่น่าสนุกขนาดนี้

ยิ่งเห็นผมหัวเราะออกมาเบาๆ สีหน้ายุ่งๆของเขาก็ยิ่งยับยู่เข้ามากกว่าเดิม ก่อนเจ้าตัวจะพูดออกมาสั้นๆ พร้อม
กับที่รถไฟฟ้าวิ่งเข้ามาจอดลงตรงหน้าเราพอดี

“เกลียด!"

ผมหัวเราะรับคำพูดของเขา ก่อนจะเดินตามกันเข้าไปในรถไฟฟ้า  คนแน่นขนาดนี้แน่นอนว่าไม่ได้นั่งอยู่แล้ว
เราหาที่ยืนก่อนจะเกาะห่วงไว้คนละอัน ผมหยุดขำออกมานิดหน่อยตอนที่เห็นว่าคนที่มาด้วยกันกำลังยื่นหน้าขึ้นรับแอร์เย็นๆ ท่ามกลางผู้คนที่เบียดกันเป็นปลากระป๋อง

ปลายทางของเราคือสถานีนานา เดินต่ออีกหน่อยก็ถึงร้านที่ตั้งใจจะไปกัน
อาจจะเป็นเพราะว่าโดยปกติแล้ว ผมค่อนข้างคุ้นเคยกับร้านสูทที่บรรยากาศขรึมๆแบบที่พ่อผมไป พอเดินเข้ามาที่นี่ เลยอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกถูกใจ ร้านเจ๋งว่ะ!

ถ้ามองผ่านประตูสไตล์วินเทจมาจากข้างคงเดาไม่ได้เลยครับว่าที่นี่เป็นร้านตัดสูท 

พอเข้ามาปุ๊บ สิ่งแรกที่สะดุดตาผมคือกระเบื้องที่เป็นลายสี่เหลี่ยมตัดสลับสีขาวดำ พอเงยหน้าขึ้นมาก็จะเห็นเสื้อผ้าแบบต่างๆที่อยู่ในหุ่นรอบๆร้าน โดยมีฉากหลังเป็นกำแพงสีขาวตัดกับสีเทาเข้ม และโคมไฟแบบเรียบๆที่ห้อยลงมาจากเพดานสูง 

เสื้อผ้าทุกตัวที่โชว์เป็นชุดของผู้ชายที่ดูออกว่าถูกออกแบบและตัดเย็บมาอย่างดี
ปล่อยให้ผมมองสำรวจรอบร้านอยู่ไม่นาน ก่อนที่เสียงเรียกจากข้างในจะดึงความสนใจผมไป

“ไง...ไอ้เด็กน้อย”

ผมหันไปมองทางคนพูด ก่อนจะเห็นว่าคนที่มาด้วยกันกำลังพุ่งตัวเข้าไปกอดเขาจนอีกฝ่ายถึงกับเซไป

“ไม่ค่อยได้เจอเลยนะ”

เจ้าของคำพูดนี้เป็นผู้ชายร่างเล็กๆ เขาตัวเตี้ยกว่ายิ้มหวานเล็กน้อย (แต่ผอมกว่าเยอะเลย -_-) และกำลังใช้แขนทั้งสองข้างรัดคนตัวนิ่มๆที่มากับผมเอาไว้จนแน่น

“คิดถึงอ่ะ”

ยิ้มหวานพูดแล้วกอดคนในอ้อมแขนตัวเองแน่นเข้าไปอีก 
ผมได้แต่ยืนมองแล้วกลัวว่าแฟนตัวเองจะไปทำอีกฝ่ายตัวหักขึ้นมาซะอย่างนั้น รอสักพักเขาก็คลายอ้อมแขนออกมา ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้ก่อนจะกระซิบอะไรบางอย่างให้อีกฝ่ายฟัง และทันทีที่ถอยออกมา สายตาคู่นั้นก็มองตรงมาที่ผมอย่างสำรวจ

ดวงตาคู่โตที่วาววับเหมือนแมวมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเอ่ยถาม

“จะตัดสูทเหรอ?”

ยิ้มหวานไม่ใช่ผู้ชายหน้าสวย ถ้าให้ผมหาคำจำกัดความให้เขา 
ก็น่าจะเป็น ‘หล่อและน่ารัก’

แต่เจ้าของสายตาที่มองมาที่ผมอยู่ตอนนี้คือตัวอย่างที่ชัดเจนมากของผู้ชายหน้าสวย ผมเองก็ไม่ค่อยได้ดูโทรทัศน์สักเท่าไหร่ แต่ผมว่าเขาดูเหมือนดารานะ

“ครับ...สวัสดีครับ”

พูดจบผมก็ยกมือขึ้นมาไหว้พี่เขาทีนึงจนอีกฝ่ายหัวเราะรับ

“เฮ้ย ไม่ต้องไหว้ก็ได้ ไอ้เด็กนี่ยังไม่ยอมไหว้เลย แป้บนึงนะ นั่งรอก่อน เดี๋ยวจะเอาแบบมาให้เลือก”

เขาพูดพลางเดินหายเข้าไปหลังร้านอีกครั้ง พร้อมกับที่คนตรงหน้าผมเดินกลับมาทแล้วยักคิ้วให้สองทีก่อนจะพูดต่อ

“ไง...ชอบอ่ะดิ”

ผมเลิกคิ้วใส่เขา ส่งสายตาถามกันว่าหมายถึงคนที่เดินเข้าไปหลังร้านน่ะเหรอ? พออีกฝ่ายพยักหน้ารับ ก็เป็นอันเข้าใจกัน

“ก็หน้าตาดีอ่ะ แต่ไม่ใช่แบบที่ชอบ”

“...”

“ชอบแบบนี้”

ตอนแรกเขาทำสีหน้าเหมือนจะล้อที่ผมอึ้งไปกับออร่าดาราของพี่ชาย แต่พอผมตอบกลับไปแบบนี้ อีกฝ่ายก็เปลี่ยนมาทำหน้ามุ่ยแล้วยกมือขึ้นตีลงบนไหล่ผมเต็มแรง

"จีบติดแล้วเนี่ย ไม่ต้องขยันหยอดมากก็ได้มั้ง"

น่ารักว่ะ
ผมหัวเราะรับคำพูดของเขา ก่อนจะตอบกลับไป

“เห็นแล้วอยากจีบตลอด ทนไม่ได้"

“หมอ...เอาสิบบาทมั้ย?”

ไอ้คำพูด 'เอาไปสิบบาทแล้วไปเล่นตรงโน้นนะ' นี่กลายเป็นคำพูดตัดบทประจำคู่เราไปแล้วมั้ง
พอไม่รู้จะเถียงอะไรต่อ ก็แจกเงินสิบบาทกันตลอด

“โอเคๆ ไม่เล่นละ"

ผมพูดพลางยกมือขึ้นยอมแพ้ พร้อมกับได้ยินเสียงฝีเท้าของอีกคนในร้านเดินเข้ามาใกล้
มาถึงพี่เขาก็ยื่มแฟ้มให้ผม แต่สายตามองตรงไปยังคนที่ยังคงปั้นหน้ามุ่ยเหมือนจะพุ่งตัวเข้ามากัดผมได้ตลอดเวลา

“ดูงอแงดิ อายุ 20 แล้วนะเว่ย แฟนก็มีแล้วเนี่ย โตได้แล้วมั้ง”

สิ่งที่ได้ยินทำให้ผมต้องละสายตาจากแฟ้มในมือ แล้วมองไปยังคนพูดพร้อมคำถามในใจ
เพิ่งเจอกันเมื่อกี้เอง...รู้ได้ไงวะว่าเราคบกันแล้ว?

ก่อนจะต้องกลับมานั่งดูรูปในแฟ้มไปเงียบๆอีกครั้งเมื่อรู้ตัวว่าไม่สามารถแทรกเข้าไประหว่างสองคนตรงหน้าที่กำลังคุยกันอย่างเอาเป็นเอาตายได้เลย

ถามว่าหึงไหม...คำตอบคือไม่แม้แต่นิดเดียว
เข้าใจความรู้สึกเวลาเห็นสัตว์เล็กๆสองตัวเล่นกันไหมครับ นั่นแหละ ผมกำลังรู้สึกประมาณนั้น
 เพราะส่วนใหญ่ก็เขานี่แหละครับที่ชอบไปแตะไปจับคนอื่นก่อน

หลังจากนั้นสักพัก พี่เจ้าของร้านเขาก็ลุกไปทำงาน ทิ้งผมเอาไว้กับคนข้างๆให้ช่วยกันเลือกสูทแบบที่ต้องการ พอเลือกได้ก็ไปบอกพี่เขา คุยแล้วก็ปรับแบบกันอยู่นิดหน่อย ก่อนที่ผมจะต้องลุกขึ้นไปวัดตัว 
ซึ่งขอบอกเลยว่าเกร็งโคตร...

เข้าใจความรู้สึกเวลาที่โดนคนหน้าตาดีที่มีแสงสว่างแบบพวกดาราเข้ามาอยู่ใกล้มากๆไหมครับ นั่นแหละ ผมรู้สึกเกร็งๆประมาณนั้น พี่เขาตัดชุดให้ผมโดยไม่เก็บค่ามัดจำ แต่ขอให้อัพรูปตัวเต็มตอนใส่ชุดที่ตัดเรียบร้อยแล้ว ลงอินสตาแกรมโปรโมทร้านให้แทน หลังจากมารับชุดในอาทิตย์ถัดไป

คนบางตาลงไปมากแล้วตอนที่พวกผมนั่งบีทีเอสกลับไปที่สยาม ผมใช้บริการรถไฟฟ้าอยู่บ่อยครั้งจนรู้สึกว่าในยานพาหนะคันยาวๆที่คอยอำนวยความสะดวกในเมืองที่รถติดเป็นเรื่องปกติอย่างกรุงเทพนั้น ไม่มีอะไรน่าสนใจ

ทุกๆครั้ง สิ่งที่ผมทำตอนขึ้นบีทีเอสคือการใส่หูฟัง เปิดเพลงดังๆ และรอจนกว่าจะถึงสถานีที่ต้องการจะลง
แต่วันนี้ทุกอย่างแตกต่างออกไป...

...ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมา ผมก็เห็นเขาอยู่ตรงนั้น

ยิ้มหวานกำลังก้มหน้าดูโทรศัพท์เหมือนจะหาอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วสบตาเข้ากับผมพอดี

คนตรงหน้าผมส่งยิ้มมาให้กัน ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้แล้วยื่นมือถือให้ผมดู

"ทำผมทรงนี้ดิ"

ผมก้มลงไปมองทรงผมที่เขาช่วยหา มันเหมือนจะต้องเซ็ทผมขึ้นไปแบบตั้งๆแบบเปิดหน้าผาก เรียกชื่อทรงไม่ถูกเหมือนกัน
ที่รู้คือ ผมทำให้หัวตัวเองกลายเป็นแบบนี้ไม่ได้แน่นอน -_-

"ทำไม่เป็นว่ะ"

"ไปที่ร้านดิ"

"ทำได้ก็มาทำให้กันดิ"

"เราไม่ใช่ช่างทำผมว่ะ"

"แต่ก็ทำได้เหอะ"

"ใครบอก?”

เขาหันมาพูดกับผมด้วยหน้ายุ่งๆ พร้อมกับที่บีทีเอสมาจอดลงตรงสถานีสยามพอดี อีกฝ่ายเลยเดินหนีผมออกจากรถไฟฟ้าไป 

ผมเดินตาม แล้วเอาแขนไปพาดกอดคอเขาเอาไว้ ตอนที่เราเดินผ่านประตูอัตโนมัติเรียบร้อยแล้ว เลี้ยวเข้าพารากอนปุ๊บ คนที่เดินอยู่ข้างๆกันก็ยกมือขึ้นมาจับมือผมที่วางพักอยู่บนไหล่ของเขาแล้วพูดต่อ

"ชอบกอดคอเราเนอะ"

คำพูดของเขาทำให้ผมยิ้มรับแล้วยักคิ้วให้ ก่อนจะตอบกลับไป

“ไม่ชอบเหรอ?”

“เปล่า...”

“งั้นก็ชอบ”

ผมพูดออกมาแล้วหลุดขำนิดหน่อย

“ก็ดีกว่าจูงมืออ่ะ เหมือนเป็นหมาเลย"

เห้ย เอาจริงๆอันนี้ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย

ผมเองก็ไม่ค่อยได้เดินจูงมือเขาสักเท่าไหร่ด้วยทั้ง แต่พอฟังเหตุผลแล้วผมก็ต้องหยุดยิ้มออกมาอีก ก่อนจะยกมือไปวางบนผมของเขาแล้วขยี้เบาๆ

“คิดได้เนอะ"

อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรกลับมา เขามองมาทางนี้แล้วยักคิ้วให้กัน ก่อนจะหันกลับไป

“สรุปวันงานจะไปทำผมให้เราใช่ปะ? เนี่ย... เวลาใส่สูทก็ต้องมีคนช่วยปะ ไม่งั้นยับแน่”

“โตแล้ว แต่งเองไม่ได้ไง?”

“โถ่..ไปเหอะน่า นะครับสุดหล่อ..."

“พูดจาโคตรไม่จริงใจเลยหมอ...”

“แต่ก็จะยอมไปด้วยกันใช่ปะ?”

เราเดินคุยกันไปเรื่อยๆ รู้อีกทีก็เดินออกมาตรงส่วนของลานจอดรถแล้วครับ

ผมส่งสายตามองไปยังอีกคนเพื่อรอคำตอบ แล้วก็เห็นว่าฝ่ายนั้นแอบเหลือบปลายสายตามามองกัน พร้อมกับทำปากคว่ำแล้วตอบกลับไป

“แล้วเราพูดตอนไหนว่าจะไม่ไปเล่า!”

น่ารักจะตาย แฟนใครเนี่ย



- - -


- มีต่อนะคะ -
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18.5] <26.11.15> page 41
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 16-12-2015 09:22:54
งานแต่งงานจัดขึ้นในคืนวันศุกร์ ที่มีเรียนตั้งแต่เช้ายันเย็น

ผมขับรถไปรับเขาที่คอนโดแต่เช้า และพาอีกฝ่ายที่ไม่มีเรียนมาส่งไว้ที่คณะ เพื่อช่วยรุ่นน้องเตรียมงานติวความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ และจะขับรถกลับมารับเขาอีกทีตอนเรียนเสร็จ

พอมาถึงหน้าคณะเขา ผมก็ไลน์ไปบอกกันว่ามาถึงแล้ว รออยู่ไม่นานก็เห็นคนตัวขาวๆในเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นเดินตรงมาแต่ไกล พออีกฝายขึ้นมานั่งบนรถปุ๊บ เราก็ทักทายกันนิดหน่อย แล้วเงียบกันไปตลอดทางอย่างผิดปกติ

ผมว่าผมไม่ได้คิดไปเอง...
แต่วันนี้คนข้างๆผมดูเงียบกว่าทุกครั้ง เขาทำสีหน้าเหมือนจะคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ยอมพูด ท่าทางจะกังวลมากจริงๆ

“มันจะดีจริงๆเหรอหมอ?”

“หืม?”

“เรื่องที่จะพาเราไปที่บ้านไง”

“ไม่ต้องห่วงน่า...”

ผมพูดพลางยกมือไปขยี้หัวเขาเบาๆ ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจดังมาจากคนข้างๆ
เมื่อคืนเรานอนคุยโทรศัพท์กันแล้วสรุปได้ว่า ทางที่ดีที่สุดก็คือผมต้องกลับมาที่บ้านเพื่อแต่งตัว

เพราะชุดที่เพิ่งตัดเสร็จจะต้องส่งซักและรีดให้เรียบร้อย ซึ่งไอ้ขั้นตอนการซักรีดเนี่ย ยังไงก็ไม่ทันตอนเช้าของวันศุกร์ที่ผมต้องออกไปเรียน ชุดน่าจะซักเสร็จและถูกส่งมาที่บ้านผมตอนบ่ายๆ

หมายความว่า...
ยังไงผมก็ต้องกลับมาบ้านเพื่อแต่งตัวออกไปงาน และนั่นก็หมายถึง การที่เขาเองก็จะต้องมาที่บ้านผมด้วยเหมือนกัน

ตอนแรกอีกฝ่ายตั้งท่าจะปฏิเสธไม่ยอมมากับผมไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จนผมต้องย้ำแล้วย้ำอีกว่าพ่อกับแม่ผมใจดีทั้งคู่ แถมยังมีความเป็นไปได้สูงมากด้วยที่พ่อและน้องสาวของผมจะไม่อยู่บ้าน ส่วนแม่ผมก็คือคนที่ทำขนมไปให้เขากินอยู่บ่อยๆ ไม่น่าจะมีอะไรต้องกังวล

ผมบอกให้เขาเชื่อใจกัน
ยังไงผมก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว

ระหว่างที่รถกำลังติดไฟแดง ผมก็แอบส่งสายตาไปมองใบหน้าอันสมบูรณ์แบบของเขา แล้วก็เห็นแต่ความกังวลอยู่ในนั้นเต็มไปหมด จนต้องก็ละมือออกจากพวงมาลัยตอนรถติดไฟแดง แล้วก็เลื่อนไปกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้ พร้อมกับเอ่ยถาม

"เป็นอะไร?"

"หมอ..."

"ครับ..."

เขาเรียกผม แต่ไม่ยอมพูดออกมา นอกจากถอนหายใจ จนผมต้องพูดต่อ

“เรายังยืนยันคำตอบเดิมนะ ว่าอยากให้ไป"

"งั้นบอกมาก่อน ว่าจะบอกพ่อกับแม่ว่าเราเป็นอะไรกัน?"

คำถามของเขาทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา ความจริงผมก็คิดเรื่องนี้อยู่ตั้งแต่เมื่อคืน และตั้งใจว่าจะไม่แนะนำกับที่บ้านว่าเขาเป็นเพื่อนหรือแฟน เพื่อความสบายใจของเขาเองด้วยส่วนนึง

ผมอยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราเติบโตขึ้นผ่านวันเวลามากกว่านี้อีกสักนิด แล้วค่อยบอกกับทุกคนว่าเราคบกันในฐานะอะไร ระหว่างนั้นก็อยากจะพาเขาไปรู้จักกับทุกคนที่บ้านของผมให้คุ้นเคยกันเอาไว้ก่อน

"ไม่ยิ้มดิ เราซีเรียสเว่ย"

"แล้วอยากให้เราแนะนำว่าไง?"

"เพื่อนก่อนได้มั้ยอ่ะ?"

ผมส่งยิ้มให้เขา มองลึกลงไปในแววตาพร้อมกับพยักหน้าให้เพื่อยืนยันให้อีกฝ่ายรู้ว่าผมเข้าใจความกังวลนี้ และตอบรับซ้ำอีกครั้ง

"เราก็คิดงั้นแหละ"

"เข้าใจเราใช่มั้ย?"

“อืม... ตอนแรกเรากะจะเนียนๆ บอกแม่ว่า เราเอาตัวกินขนมของแม่มาให้ดูหน้าแล้วนะ อะไรประมาณนั้น"

"ตัวกินขนมคืออะไร? พูดเหมือนเราเป็นสัตว์ประหลาดเลย"

ผมหัวเราะรับคำพูดของเขาแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ปล่อยให้อีกฝ่ายได้พูดต่อ

"คิดไว้แล้วก็ไม่บอก ทำไมเนียนจังวะ”

"ก็เนียนตลอด น่าจะรู้อยู่แล้วนี่..."

สิ่งที่เขาทำคือการถอนหายใจใส่ผม แล้วทำปากขมุบขมิบสาปแช่งแฟนตัวเองไปเรื่อยเปื่อย

สัญญานไฟจราจรเปลี่ยนไปเป็นสีเขียวได้สักพัก ก่อนที่คนข้างๆผมจะขยับมือยุกยิก ยกมืออีกข้างที่ว่างอยู่มาตีลงบนมือผม แล้วพูดต่อ

"ปล่อยมือได้แล้ว ขับมือเดียวอันตราย"

"ครับๆ"

ผมหลุดยิ้มมุมปาก ไม่รู้ทำไม แต่กำลังรู้สึกเหมือนท่าทีเฟี้ยวๆที่เขาแสดงออกมันมีความเป็นห่วงเป็นใยแฝงอยู่
เห็นท่าทางของอีกคนที่ดูสบายใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมเลยนึกขึ้นได้ว่า ไหนๆเราพูดเรื่องนี้กันแล้ว ก็น่าจะพูดอีกประเด็นที่ผมตั้งใจจะถามเขาออกไปซะเลย

"แล้วถ้ามีคนถามล่ะ?"

"ฮะ?"

"ถ้ามีคนถามว่าเราเป็นอะไรกัน อยากให้เราตอบว่าไง?"

ได้ยินที่ผมพูดแล้วเขาก็ทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักนึง ก่อนจะหันมาตอบ

"อยู่ที่ว่าใครเป็นคนถามด้วยมั้ง ถ้าเป็นคนที่เราไม่สนิทมาก ก็คงตอบว่าเพื่อนกัน แต่ถ้าเป็นคนที่เราไว้ใจ อยากให้รู้ ก็คงบอกไปตามตรง"

"ตามตรงว่า?"

"ก็บอกว่าเป็นอะไรกันไง"

"แล้วเป็นอะไรล่ะ?"

“หมอ...”

“ครับ”

“ถามอะไรกวนตีน"

"...."

"ก็เป็นแฟนหมอไงวะ!"

"อ้าว...นี่แฟนเหรอเนี่ย?"

ผมแกล้งพูดออกมาพร้อมกับทำหน้าตกใจ ระหว่างที่กำลังลุ้นว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมายังไง ผมก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังขยับตัวเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม ก้มหน้าลงและ...กัด!

ไม่ผิดหรอกครับ
กัดนั่นแหละ ...ยิ้มหวานกัดผม -_-

เขากัดลงมาบนต้นแขนผมเต็มแรง ส่วนผมก็ทำได้แค่ร้องออกมา แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายทำร้ายร่างกายจนพอใจ ก่อนจะกลับไปนั่งตัวตรงเหมือนเดิม แล้วบอกกันสั้นๆ

“สมน้ำหน้า!”

ผมเหลือบไปมองคนที่ทำยู่ใส่กันแล้วอดไม่ได้ที่จะถามออกมากับหน้านิ่งๆ

“ฉีดวัคซีนยังเนี่ย?"

ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ทำท่าโตใส่ผม ยกมือขึ้นมาฟาดทับรอยกัดอีกที จนผมได้แต่ร้องโอดโอยในใจ
น่วมโคตรบอกเลย...

- - -

ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ในเสื้อเชิ้ตเนี๊ยบๆแบบที่ไม่ค่อยได้ใส่ในวันปกติ และกางเกงขายาวสีดำ ตรงหน้าผมมีคนๆนึงยืนอยู่ แน่นอนว่าเขาคือเจ้าของรอยยิ้มสะดุดตาที่ทำให้ผมตกหลุมรัก และตอนนี้เขากำลังยุ่งอยู่กับการจัดทรงผม และพูดออกมาด้วย

“บราวนี่ของแม่อร่อยอ่ะ"

ก่อนหน้านี้ผมลากเขาเข้าไปหาแม่ในครัว พอบอกว่าคนข้างๆผมคือคนกินขนมที่แม่ให้ไปตลอด แม่ผมเลยเอาบราวนี่อุ่นๆที่เพิ่งสำเสร็จมาให้เขาชิม รายนี้ก็ความคิดสร้างสรรค์เหลือเกินครับ เอาบราวนี่ไปราดนมแล้วกิน อร่อยเข้าไปอีก

เล่นซนอยู่ในครัวได้ประมาณ 15 นาที อยู่ดีๆเขาก็สนิทกับแม่ผมไปซะอย่างนั้น คุยกันถูกคอจนผมโดนแม่ไล่ขึ้นมาอาบน้ำคนเดียว แล้วให้เขาอยู่ช่วยจัดขนมเป็นเพื่อนแม่ก่อน จนผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จนั่นแหละครับ ถึงได้ไปลากเขาขึ้นมาจัดการทรงผมให้

“ถามจริง กางเกงคับยัง?”

คำพูดของผมทำให้มือที่ถือสเปร์ยฉีดผมอยู่ชะงัก เขาหรี่ตามองหน้าผมแล้วยื่นขวดสีเงินทรงสูงๆมาจ่อตรงหน้ากัน

“หน้านี่ยังจำเป็นอยู่ไหม เดี๋ยวฉีดสเปร์ยอัดเลย”

ผมหัวเราะรับ ผลักขวดใบนั้นออกจากหน้าแล้วพูดต่อ

“นี่ถามเฉยๆ ไม่ได้ว่าอะไรเลย"

"เราก็ตื่นมาวิ่งแต่เช้าแล้วไง"

“ว่างๆ ไปฟิตเนสด้วยกันมั้ย?”

“ไม่เอาอ่ะ ไม่ชอบ เคยไปแล้วโดนมองแปลกๆ"

เขาพูดแล้วทำหน้ายู่ แบบที่ผมเข้าใจเลยว่าโดนมองแปลกๆของเขาที่เป็นยังไง เพราะผมกับไอ้เบอร์ 1 ก็โดนอยู่บ้าง
ผมหัวเราะรับ แล้วก็ตอบกลับไปสั้นๆ

“เข้าใจๆ"

“นั่นแหละ... วิ่งบนลู่อยู่ที่บ้านดีกว่า"

ผมพยักหน้ารับแล้วปล่อยให้เขานั่งเล่นหัวตัวเองไปเรื่อยๆโดยไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับบ้าง เพราะคนตรงหน้ายืนบังกระจกเอาไว้จนมิด  สักพักอีกฝ่ายก็ถอยออกไปให้ผมเห็นทรงผมของตัวเอง แล้วส่งสายตามาให้เหมือนจะบอกว่าเสร็จแล้ว

ผมมองเงาสะท้อนแล้วรู้สึกไม่คุ้นกับหน้าตากวนตีนกับทรงผมเนี๊ยบๆของไอ้คนในกระจกยังไงก็ไม่รู้บอกไม่ถูก

“ได้ละมั้ง”

"โห...มีอะไรที่ทำไม่ได้มั่งเนี่ย?"

“เกินไป..."

“อ๋อ...ผอมไง"

“หมอ!”

คนฟังแยกเขี้ยวใส่พร้อมกับ ทำท่าเหมือนจะโยนขวดสเปร์ยจัดผมมาใส่กัน แล้วพูดต่อ

"โรงเรียนเราเป็นชายล้วนอ่ะ เวลามีงานก็จะให้พวกสาวๆเค้าแต่งหน้าทำผม ซึ่งบางทีก็ทำกันไม่ทันหรอก เราพอจะทำอะไรแบบนี้ได้ เลยต้องไปช่วยบ้าง"

ผมฟังแล้วพยักหน้ารับ หันซ้ายหันขวามองตัวเองในกระจกอีกรอบ แล้วเอ่ยถาม

“หล่อยัง?"

คนฟังหรี่ตามองหน้าผมเหมือนไม่อยากตอบแล้วพูดไปอีกเรื่องนึง

"ทรงผมโอเคแล้ว"

"เฮ้ยไม่ได้ถามเรื่องนั้น ถามว่าหล่อเปล่า?"

"งั้นๆอ่ะ หาได้ตามเซเว่น"

เขาตอบกลับพร้อมกับหัวเราะนิดๆ ก่อนจะยื่นมือมาดันไหล่ผมที่กำลังจะลุกขึ้นให้กลับไปนั่งอยู่เหมือนเดิม แล้วหันตัวกลับไปหาของในกระเป๋าที่วางอยู่

คนตรงหน้าผมหันกลับมาพร้อมกับหลอดคล้ายยาสีฟันอันเล็กๆ และขยับเข้ามาใกล้อีกครั้ง พร้อมกับเปิดฝาไอ้หลอดนั่นออก

"ทาลิปมันด้วยดิ"

ผมขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนจะโดนอะไรแหยะๆป้ายลงมาบนปาก พอเขาผละออกไป ผมก็ลุกขึ้นยืน พร้อมกับเม้มปากเข้าเพื่อจะลดความรู้สึกแหยะๆที่มี

"มันมีรสชาติด้วยว่ะ"

พูดถึงไอ้ลิปมันบนปากเนี่ย อร่อยเฮ้ย เหมือนซูกัสเลย -_-

"อย่ากินลิปดิ! อ่ะ ใส่สูท"

ได้ยินอย่างนั้น ผมก็ยื่นแขนไปสอดลงในแขนเสื้อทั้งสองด้านที่อีกฝ่ายถือเอาไว้ให้จากด้านหลัง ก่อนจะขยับให้สูทสวมลงมาบนร่างพอดี พร้อมกับที่อีกฝ่ายเดินอ้อมมาด้านหน้าเพื่อจะเช็คสภาพโดยรวมของผมอีกครั้ง แล้วพูดออกมาด้วยความพอใจ

"เรียบร้อยละ ออกไปได้แล้วมั้ง"

ผมพยักหน้ารับ พร้อมกับอดไม่ได้ที่จะแลบลิ้นเลียลิปมันกลิ่นหอมที่ยังคงหนึบๆอยู่บนปาก

"หมอ! อย่ากินลิป!"

คนตรงหน้าพูดพลางยกมือขึ้นมาตีที่ต้นแขนผม แล้วหันกลับไปหยิบของเตรียมจะออกจากห้อง ก่อนที่ผมจะรั้งเขาให้หยุดด้วยการจับข้อมือข้างนึงข้างนึงเอาไว้ ส่วนอีกข้างที่ยังว่างก็เลื่อนขึ้นไปจับปลายคาง พร้อมกับขยับเข้าไปใกล้ แล้วแตะริมฝีปากลงไปจูบเบาๆ

"ค่าจ้าง... แบ่งให้ชิมคำนึง"

ได้ยินอย่างนั้นคนฟังก็ทำหน้ายุ่ง ผลักให้ผมถอยหลัง แล้วหันกลับไปแล้วหยิบกระเป๋า ก่อนจะหันมาพูดแบบบ่นๆ

"ไม่เนียน!"

“อ่าวเหรอ?”

“ไปได้แล้ว เดี๋ยวสาย!”

“โอเคๆ"

ผมพูดเจือเสียงหัวเราะก่อนจะเดินตามเขาลงมาข้างล่าง พอเดินผ่านแม่ก็โดนชมว่า 'หล่อเหมือนไม่ใช่ลูกแม่' -_- จนคนข้างๆต้องหัวเราะถูกใจ ก่อนเราจะขึ้นรถแล้วออกจากบ้านกัน

"ให้เราไปส่งที่ไหน?"

ระหว่างที่กำลังเลี้ยวรถออกจากหมู่บ้านผมก็ถามคนที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเช็คไปเรื่อยๆ ก่อนอีกฝ่ายจะตอบกลับมาทั้งที่ยังตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์ไลน์ไม่หยุด

“เราต้องกลับไปที่มออ่ะ เดี๋ยวหมอส่งเราตรงบีทีเอสแล้วกัน ต้องแวะไปซื้อของเพิ่มด้วย"

“งั้น...เอารถไปเลยก็ได้"

“ฮะ?”

“ก็ต้องซื้อของไม่ใช่เหรอ? เอารถไปเลย งานเลิกแล้วมารับเราได้ปะล่ะ?”

“ก็ได้แหละ"

"ก็ได้แหละ ป๋าเนอะ ไม่กลัวเราเอารถไปเสียบตูดใครเลยดิ"

“ถ้าชนก็เอามินิมาแลก แถมเจ้าของด้วยแล้วกัน"

“โอเค งั้นเราจะตั้งใจสุดชีวิตเลย”

ได้ยินอย่างนั้นผมก็หลุดขำ ก่อนจะผละมือข้างนึงจากพวงมาลัยรถไปขยี้หัวเขาเล่น

เราฝ่ารถติดอยู่สักพัก ก่อนจะมาถึงโรงแรมที่จัดงาน ผมหันหน้ามาให้คนข้างๆเช็คสภาพอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะยื่นมือมาจัดปกเสื้อให้เข้าที่ แล้วพยักหน้าให้กันแทนการบอกว่าโอเคแล้ว

“ไปได้แล้วไป เราจะยึดรถ"

เขาพูดพร้อมกับยื่นมือมาผลักไหล่ผมไล่ให้ลงจากรถ ก่อนที่เจ้าตัวจะลงมาบ้างแล้วเปลี่ยนมานั่งตรงที่นั่งคนขับแทน

รอจนอีกฝ่ายขึ้นรถไป ผมก็เท้าแขนกับขอบประตู ก้มลงมาบอกเขาว่าปุ่มกดอะไรอยู่ตรงไหนเท่าที่จำเป็น ก่อนจะดึงแก้มนิ่มๆเล่นทีนึงเป็นการส่งท้าย

ผมปิดประตูให้เขาและถอยออกมาจากตัวรถ มองอีกฝ่ายขับรถของแม่ที่โดนผมยึดมาจนแทบจะเป็นของตัวเองออกจากโรงแรมไป ก่อนจะเดินเข้าไปในงาน

บรรยากาศในงานก็ไม่ต่างจากงานแต่งอื่นๆทั่วไปเท่าที่ผมเคยไปมากับที่บ้านนะ มีของกิน บ่าวสาวขึ้นพูดแล้วก็ร่วมดื่มแสดงความยินดี แต่ขั้นตอนไม่กี่อย่างนี่ก็ใช้เวลาเป็นสองสามชั่วโมงแล้วครับ

หลังเสร็จพิธี แขกในงานก็เริ่มทยอยกลับกันเรื่อยๆจนคนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ผมไลน์ไปบอกอีกคนที่เอารถผมไปว่าอีกประมาณครึ่งชั่วโมงน่าจะออกจากงานได้แล้ว ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายไลน์กลับมาหลังจากนั้นประมาณยี่สิบนาทีว่าจอดรถรออยู่ที่เดิม

พวกผมเป็นกลุ่มหลังๆแล้วที่ออกจากงานมาโดยมีเจ้าบ่าวตามมาย้ำเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ว่าจะจัดปาร์ตี้สละโสดย้อนหลังทันทีที่จัดการเรื่องบ้านในไทยเรียบร้อยแล้ว

ผมเดินลงบันไดมาพร้อมไอ้เบอร์1กับเบอร์2 พอเห็นว่ามีคนนั่งเล่นมือถือจนไฟส่องหน้าตัวเองสว่างจ้าอยู่ในรถ ผมยกมือขึ้นโบกลาพวกมันทั้งสองคนที่ขับรถมากันเองคนละคัน แถมยังโดนแซวทิ้งท้ายเรื่องที่มีคนมารอรับถึงที่

“ไง งานสนุกปะ?”

คนที่ยังไม่ยอมลุกจากที่นั่งคนขับเอ่ยทักทันทีที่ผมขึ้นมานั่งบนรถ ก่อนจะได้รับคำตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ

“เดิมๆ อาหารอร่อย ผู้ใหญ่เยอะ”

“ของชำร่วยคืออะไรอ่ะ”

“ไม่รู้ดิ เป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ อะไรไม่รู้เลยไม่ได้เอามา”

ได้ยินอย่างนั้นคนฟังหันมามองผมแล้วทำหน้ายุ่งใส่

“ไม่บอกก่อนว่าอยากได้ จะได้หยิบมาด้วย"

“ไม่ได้อยากได้เว่ย แค่แปลกใจที่มีคนไปงานแต่งแล้วไม่เอาของชำร่วยด้วย"

“เออ เอามาก็ไม่ได้ใช้ เลยไม่เอาดีกว่า"

“แปลกดี...”

เขาพูดพลางถอยรถออกจากที่จอด และเปลี่ยนบทสนทนาของเราไปเป็นเรื่องอื่น

“ขอกลับม.เอาของไปให้รุ่นน้องที่คณะแป๊บนึงนะ"

เขาพูดพลางชี้ให้ผมดูของที่วางอยู่เต็มเบาะหลัง เห็นอย่างนั้นผมก็พยักหน้ารับเบาๆ  พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นมาระหว่างที่รถกำลังเคลื่อนตัวไป

“เหนื่อยปะ? วุ่นวายทั้งวันเลย"

“ไม่อ่ะ ยุ่งๆก็สนุกดี" 

“ซนไง...”

ผมพูดพร้อมกับยิ้มออกมากับความคิดของตัวเอง

เขามีในสิ่งที่ผมไม่มี....
ยิ้มหวานดูเป็นเด็กกิจกรรม ชอบทำตัวให้ยุ่งๆ ใครขอให้ช่วยอะไรก็ทำหมด กิจกรรมคณะมีอะไรก็ช่วยทุกอย่าง
เหมือนเด็กซนๆที่เล่นได้ทั้งวันโดยที่ไม่เหนื่อย ไม่แปลกใจเลยที่ใครๆในมหาลัยก็รู้จักเขากันทั้งนั้น

เรามาถึงกันตอนสี่ทุ่มกว่าๆ
ห้องประชุมของมหาลัยที่ใช้จัดงานดูวุ่นวายพอตัว ถึงแม้ว่าหลายๆอย่างดูเหมือนจะถูกจัดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็ยังคงมีงานที่ต้องทำ และทันทีที่ผมเดินแบกลังใบใหญ่เข้ามาในห้องโถงกว้างๆ กับใครอีกคนที่โดนทักมาตลอดทาง สายตาหลายคู่ก็มองตรงมาด้วยความสนใจ

ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอก
ถ้าไม่งงกันสิแปลก เพราะไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่เด็กจากคณะแพทย์ศาสตร์จะมาเดินเล่นแถวนี้ตอนสี่ทุ่ม
... นอกจากว่าเขาจะมีแฟนเรียนถาปัตย์

พวกผมวางของที่ขนมาลงบนโต๊ะตรงมุมห้อง พร้อมกับที่เพื่อนเขาเอ่ยทัก

“มึงพาโทมินจุนมาแบกของทำไมเนี่ย?”

คำพูดนั้นทำให้คนข้างๆหันมามองผมแล้วทำหน้ายู่ใส่ ก่อนจะหันกลับไปคุยกับเพื่อนตัวเองต่อ

“มึงจะกลับยัง กูว่าจะไปแล้วนะ"

“มึงไปกูก็ไปดิ"

คนโดนถามตอบกลับมาพร้อมกับลุกขึ้นหยิบกระเป๋าตัวเองขึ้นมาสะพายไหล่ ก่อนที่เราทั้ง 3 คนจะเดินออกมาจากตัวอาคาร

นอกจากเด็กคณะเขาที่มาเตรียมงานกันแล้ว ผมก็ไม่เห็นใครในมหาลัยอีก นั่นทำให้ทางเดินยาวๆที่จะไปยังลานจอดรถ ไม่มีใครนอกจากพวกผมสามคน

ท่ามกลางเสียงรถยนต์นอกรั้วที่ยังคงวิ่งไปมา คนที่เดินอยู่ข้างๆผมก็หันไปถามเพื่อนตัวเองด้วยความเป็นห่วง

“ดึกแล้วนะเนี่ย มึงกลับไงอะ?”

“แท็กซี่มั้ง ไม่ได้เอารถมา แฟนก็ไม่ว่าง"

ผมกำลังจะพูดออกไปเลยว่าเดี๋ยวไปส่งก็ได้ แต่คนข้างๆเร็วกว่าครับ
เขาหันหน้ามองผมกับดวงตากลมๆสีดำสนิท แล้วถามออกมาโดยไม่มีท่าทางดื้อๆซนๆที่ชอบทำใส่กันอยู่บ่อยๆ
เท่าที่ผมสังเกตนะ เวลาที่เขาอยากขอให้ช่วยอะไร เจ้าตัวก็จะทำแบบนี้ตลอด อ้อนกันโดยไม่รู้ตัว

“แวะไปส่งเพื่อนเราก่อนได้ไหมอะ? ไม่อยากให้มันกลับคนเดียว ผู้หญิงด้วย"

“ได้ดิๆ เดี๋ยวไปส่ง"

ผมตอบตกลง พร้อมกับหันไปมองเขา โดยไม่รู้ตัวว่าระยะห่างระหว่างเราสองคนตอนเวลาคุยกันมันน้อยกว่าปกติ ถ้าเทียบกับเพื่อนทั่วไป

โดยธรรมชาติแล้ว เวลาคนสองคนเริ่มทำความรู้จักกัน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ต่างฝ่ายต่างก็จะต้องมีกำแพงเป็นของตัวเองที่กั้นไม่ให้ใครเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว

สิ่งที่สังเกตได้ชัดเจนที่สุดคือความใกล้ชิดที่แสดงออกมาทางร่างกาย
ถ้าสนิทสนมกับมาก เราก็จะสะมารถจับตัวกัน สัมผัสกันได้่อย่างใกล้ชิดโดยที่ไม่รู้สึกอึดอัด
แต่ถ้าไม่สนิทกันเลย แค่การจับมือกันก็อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกไม่คุ้นเคยขึ้นมาได้

ในกรณีของผมกับยิ้มหวาน ที่กำแพงระหว่างเราได้ถูกปลดล็อคไปเรียบร้อยแล้วจากการที่ริมฝีปากของเราสัมผัสกัน มันไม่ใช่แค่ครั้งเดียวหรือสองครั้ง มันมากกว่านั้น และนั่นทำให้ผมกับเขาเคยชินที่จะทำตัวใกล้ชิดกันแบบนี้ไปแล้วโดยไม่ได้ตั้งใจ

และเราคงจะคงไม่รู้ตัวไปอีกสักพัก ถ้าไม่เห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกันกำลังมองมาด้วยสายตาแบบไหน
เพื่อนสาวตัวแสบมองตรงมาที่เราสองคนพร้อมกับยกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นที่มุมปาก และแกล้งพูดออกมาลอยๆ

"เบื่อจังเลย พวกตัวท็อปได้กันเอง"

คำพูดนั้นทำให้เราขยับห่างออกจากกันเล็กน้อย....
ผมยิ้มรับไม่พูดอะไร แต่คนที่ยืนอยู่ข้างๆกัน กลับขนแขนขึ้นมาวางพาดไหล่ผมแบบที่นานๆจะทำสักครั้ง แล้วหันไปตอบเพื่ิอน

"ขี้อิจฉาเนอะ"

โคตรเฟี้ยว...
พอเหลือบสายตามองไปข้างๆก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้าซนๆใส่เพื่อนสนิทอย่างน่าตี

"หมอ...แกดูมันดิ ความนิสัยเสีย เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะเว่ย"

ผมหันไปมองคนพูดแล้วยิ้มตามอย่างเห็นด้วย ก่อนจะตอบออกมาอีกอย่างนึง

"ไม่ทันแล้วว่ะ"

พอได้ยินอย่างนั้นเพื่อนเขาก็อดไม่ได้ที่จะบ่น พร้อมกับถอนหายใจแรงๆ

"โอ๊ยเบื่อ!"

"เบื่อก็กลับบ้านเองเลย กูไม่ไปส่ง"

คนที่ยังคงเดินกอดคอผมเอาไว้พูดออกมาแล้วแล้วยักคิ้วข้างเดียวหาเรื่องใส่เพื่อนอีกด้วย

"มึง...กูได้ข่าวรถหมอ"

"รถหมอก็คล้ายๆรถกูแหละ”

"อ้าวเหรอ?"

ผมถามแล้วแกล้งทำหน้างงใส่ จนอีกฝ่ายต้องหันมาแยกเขี้ยวใส่กัน แล้วยกมือที่กอดไหล่ผมเอาไว้ออกไปกอดอกตัวเอง

เห็นคนไม่มีใครเข้าข้างเดินหน้ามุ่ยอยู่ตรงกลางแล้วผมก็ได้แต่แอบขำ
ก็แกล้งแล้วสนุกอย่างนี้ไง  ...ถึงได้โดนแกล้งอยู่เรื่อย



tbc.


- - -


จะบอกว่า...อีก 2 ตอนก็น่าจะเป็นตอนจบแล้วน้า
ขอบคุณค่ะ : )
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 16-12-2015 09:45:39
บอกตามตรงไม่อยากให้จบเลยอ่ะ
มันเหมือนเรากำลังติดตามชีวิตรักของหมอกับยิ้มหวาน
ก็อยากจะตามไปเรื่อยๆไม่ต้องมีตอนจบอ่ะ แง
ยิ้มน่ารักกกกก เวลาอยู่กับเพื่อนนะ ทำเก่งตลอด
อยากฟัดมากก ถ้าเป็นหมอนะ ยิ้มช้ำแน่ จะฟัดให้มันเลย
งื้ออออ ขอบคุณนะคะน้องปูวววว เลิฟฟฟฟ
 :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: numin ที่ 16-12-2015 10:06:36
เดี๋ยวนะพี่กี อีกสองตอนเองหรอ?!?! ไม่อยากให้จบเลย ฮือ อ อ อ  อ

ยิ้มของเค้า เค้าคงเสียใจแย่เลยอ่ะ สติหายหมด นึกเม้นไม่ออกกันเลยทีเดียว เสียใจ

แต่ไม่เป็นไร ฮึบๆ

หมออออ ไอ้หมอออ ตลอดๆว่างเป็นจับ เป็นจูบ ตลอดตลอด
คนของเราก็งี้ เต็มใจสุดๆ คนอ่านก็ฟินกันไป แหม! ค่าจ้างเนี่ย อร่อยมั้ยยิ้ม ฟินเลยอ่ะจิ
 ยิ้มน่ารักอ่ะ หลงมากมาย รักยิ้มมากกว่าหมออีก จะว่าไป หมอ เอาไปเลยยี่สิบขอยิ้มมาให้เราเถอะ
 เราขอ :hao6:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 16-12-2015 10:21:43
รอตอนต่อไปปป
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 16-12-2015 10:31:38
ยิ้มหวานก็น่ารัก แต่เราอยากได้หมอต้องทำยังไงงงงงงงงงงงงงงงงง

 :ling1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 16-12-2015 10:43:20
ฮือออ ไม่อยากให้จบเลยยยยยย :katai1:

ความละมุนมีทุกอนู
อร๊ายยยยย อ่านไปยิ้มไป แก้มจะแตกแล้วววววว
 :-[ :-[

ยิ้มน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกก
หมอก็ขี้แกล้งแฟนตัวเอง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 16-12-2015 10:52:10
คู่นี้เค้าละมุนละไมตลอดเวจริงๆ  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-12-2015 11:15:27
 :-[ ยิ้มหวานน่ารัก อารมณ์ซนอย่างกับเด็กเลย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: littlegift ที่ 16-12-2015 11:27:10
 :katai2-1: รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 16-12-2015 11:36:55
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 16-12-2015 11:48:03
อยากให้ทำเป็นซีรีส์จัง อยากตามไปเรื่อยๆ แง้
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: hormonesyj ที่ 16-12-2015 11:54:48
ไม่อยากให้จบเลยค่ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-12-2015 12:05:40
"รถหมอก็คล้ายๆรถกูแหละ"

ชอบประโยคนี้ ฮ่าาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: pharuthai ที่ 16-12-2015 12:07:30
 :hao5:คิดถึงยิ้ม 555ชอบหมอ ยิ้ม....นี้แฟนไง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 16-12-2015 12:11:53
หมอ
นี่ยิ้มไง
อ้วนแค่นี้จำกันไม่ได้อ่อ..

 :z6:
(ยิ้มถีบ)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 16-12-2015 12:36:43
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 16-12-2015 12:58:06
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 16-12-2015 13:08:36
ยิ้มหวานน่รักอะไรขนาดนั้นอ่ะ :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-12-2015 13:12:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 16-12-2015 13:33:23
ไม่อยากให้จบเลยยยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 16-12-2015 14:07:27
น่ารักอะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: Raccoooon ที่ 16-12-2015 15:04:47
โอ้ยยย อ่านไปกัดปากไป งือออ น่ารักอ่าาาาาาาา
มุ้งมิ้งงุ้งงิ้งกันอยู่สองคน แต่อ่านแล้วไม่หมั่นไส้เลย5555555555555
เสียดายที่ใกล้จะจบแล้ว ฮืออออ

ติดตามต่อไปนะคะะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 16-12-2015 15:36:22
น่ารัก^______^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 16-12-2015 15:51:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 16-12-2015 15:52:44
ไม่อยากให้จบเลยยยย แงงงงง อยากรู้เรื่องของหมอกับยิ้มหวานไปเรื่อยๆ
ยิ้มหวานซนจังเลยยย น่าเอ็นดู  :mew3: :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 16-12-2015 15:55:55
ยิ้มหวาน หนูน่ารักน่าแกล้งไปไหมคะลูก  :-[  ไม่จบไม่ได้เหรอคะ
ขออีกสักสิบยี่สิบตอน กำลังฟินเบย.  :hao3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 16-12-2015 16:37:47
ไม่อยากให้จบเลยอะ  :hao5:
อยากได้หมอจัง #เดี๋ยวๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 16-12-2015 16:47:10
ทำไมน่ารักเยี่ยงนี้ล่ะยิ้มหวานนนนนนนนนน :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 16-12-2015 17:31:33
น่ารักไปไหนเนี่ยยิ้มหวาน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: ที่เดิมในหัวใจสาววาย ที่ 16-12-2015 17:42:06
หมอนี่จีบกันตลอดเลย น่ารักฝุดๆ เข้าใจความรู้สึกเพื่อนยิ้มเลย แบบ จะจีบกันอีกนานป่ะ รู้ไหมว่าอิจฉา 55555  :m26:
ไม่อยากให้จบเลย จริงๆนะ ถึงจบแล้วก็ขอตอนพิเศษเยอะๆเลยนะ เป็นนิยายที่อ่านแล้วทำให้ยิ้มได้ทั้งเรื่องเลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 16-12-2015 18:25:23
ไม่อยากให้จบเลยยยย
ฮื่ออ
ยิ้มหวานน่ารักมากกก
อยากอ่านไปเรื่อยๆเลย (;ω;)
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: ่jjay ที่ 16-12-2015 18:48:52
ยิ้มหวานจอมซน น่ารักมากกกกกกกกกกก :กอด1:

ไม่อยากให้จบเลยยยย :mew2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: Pingiess ที่ 16-12-2015 19:13:27
ยังไม่อยากให้จบบบบบบบบบบบบบ

อยากอ่านเค้ามุ้งมิ้ง งุ้งิ้งกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ

แค่เค้าหยอดกันก็จะอ่าน ชอบมากกกกกกก

ไม่ต้องมีดราม่า ไม่ต้องอะไรเยอะมากมายแต่มันเป็นความฟินแบบ หฟดส่ก้หา่เ้วกดรเ่นรหก่ดส่สกหด

 :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 16-12-2015 20:02:19
ชอบความรักแบบ slow life ของสองคนนี้จัง

จบแล้วเราจะไป #ยิ้มหวาน กับใครล่ะ?
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 16-12-2015 21:02:27
ไม่เอาได้มั้ย ไม่อยากให้จบเลย :ling1:

หมอกับยิ้มน่ารักที่สุด :mew1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: mcgrey ที่ 16-12-2015 21:26:54
เราอยากได้แฟนแบบหมออ่ะ เป็นแฟนกันแล้วก็ยังจีบอยู่☺️☺️☺️
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 16-12-2015 22:07:47
ยิ้มหวานขี้หวงหมอเหมือนกันนะเนี่ย
โอ๊ยเขินแทน
จุ๊บกันบ่อยขึ้นอ่ะ
คนอ่านก็ฟินสิคะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 16-12-2015 22:09:31
ไม่รู้จะน่ารัก ละมุนละไมไปไหน ชอบจริงๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 16-12-2015 22:47:13
ยิ้มหวานทั้งแสบทั้งซน ฮืออออออ อยากจับมาฟัดดดด  :man1:
เราชอบความรักของสองคนนี้มากอ่ะ มันลงตัว มีความพอดี ไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป

นี่เป็นเรื่องแรกที่เราอ่านแล้วพยายามไม่อยากรู้ชื่อตัวละคร อ่านแล้วไม่ติดขัด คนเขียนเก่งมากเลยค่ะ ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ดีจริงๆ
เชื่อว่าทุกคนคงไม่อยากให้เรื่องนี้จบเลย เรายังอยากรู้จักหมอกับยิ้มหวานให้มากกว่านี้ แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา อีกสองตอน สู้!  :hao5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: Panehove ที่ 16-12-2015 22:54:07
 :a5: จะจบแล้วเหรอ ยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ กำลังสนุกเลย เหมือนเพิ่งรู้จักหมอกับยิ้มหวานได้แค่นิดเดียวเองอ่ะค่ะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: bae1993 ที่ 16-12-2015 23:15:53
งู้ยยน่าร้ากก จะจบแล้วหรออ  :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 16-12-2015 23:34:22
โอยยยน่ารัก

ไม่อยากให้จบอ้ะ !!!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 16-12-2015 23:52:21
ขอหมั่นไส้หมอแป๊บ!!!!
จะอวยความน่ารักของ"แฟน"มากไปละ
เบื่อจริง หมอเหมาถาดหนมครกหมดตลาดละ หยอดตลอดดด :katai3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 17-12-2015 00:01:29
ยิ้มหวานของหมออออ
ของหมอคนเดียว
ฮอลลลล
เขินอ่ะ น่ารักที่สุดจริงๆ ฮืออ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 17-12-2015 00:31:37
โอ้ยย ยย น่ารักว่ะ อ่านแล้วอมยิ้ม  อ่านแล้วตาหยี อ่านแล้วปากฉีกโชว์ฟัน อ่านแล้วคือดีอ่าาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 17-12-2015 00:50:47
เหย...อีกสองตอนเองหรออ่า ไวอ่า
ยิ้มน่ารัก..หมอก็น่ารัด  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 17-12-2015 05:23:47
ยิ้ม  หมอแอบเปรียบยิ้มกับสัตว์
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: kkoyz ที่ 17-12-2015 06:52:39
ไม่อยากให้จบเลยยยย T.T


หมอเนียนตลอด ยิ้มน่ารักตลอดเหมือนกันนนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 17-12-2015 09:09:49
ยิ้มหวานน่ารักแบบซนๆ งื้อ~ >///<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 17-12-2015 11:40:29
หมอน่ารักอ่ะ ดูมุ้งมิ้งผิดการกระทำ 55555
จะจบแล้วสินะ ยังอยากอ่านต่ออยู่เรยยย >0<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 17-12-2015 13:39:49
โอ๊ยยยย ยิ้มหวานน่ารักอ่ะ

รู้สึกหลงแบบถอนตัวไม่ขึ้น เข้าใจหมอเลยเนี่ย...เนอะหมอเนอะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 17-12-2015 15:08:01
ยิ้มน่ารักตลอดดดดด  :impress3:

ไม่จบได้ป่ะ เราอยากอ่านไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆ เดือนละตอนก็ยังดี แต่งจนหมอเรียนจบ ยิ้มเริ่มทำงาน  :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: Jupiter(Zeus) ที่ 17-12-2015 16:21:27
ชอบมากๆ หมอ กับ ยิ้ม เคมีเข้ากั๊นเข้ากัน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 17-12-2015 17:56:15
ขำหมอกินลิปมาก หมออ อย่ากินน 555555555555
ตอนนี้ก็หวาน T////T
แต่จะจบแล้วเหรอคะ คิดถึงหมอกับยิ้มหวานแย่เลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 17-12-2015 22:03:20
จะจบแล้วววววแต่เรื่องนี้ไม่มีแบบดราม่าเลยนะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: Da@@ ที่ 18-12-2015 00:42:19
น่าร๊ากกกกกกกมาก

ชอบมาเลยนะเรื่องนี้ ภาษาสวยอ่ะ อ่านไม่สะดุดเลย ภาษารื่นหูมากคะ

แต่จะจบแล้วหรอคะ ไม่อยากให้จบเลย อยากอ่านเรื่อยๆอ่า

รวมเล่มไหมค้า อยากได้เล่มเก็บนะเนี้ย รวมเล่มเหอะคะ อยากได้แบบจิงจังเลยคะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: momapmu ที่ 18-12-2015 00:45:49
ไม่เอา ไม่ให้จบ เขายังไม่ได้กันเลยนะ ไม่ยอมให้จบหรอก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 18-12-2015 02:19:58
ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้น้าาาาาาาา อ่านทีไรหัวใจพองโตทุกที :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 18-12-2015 10:40:01
โอยยยยย ยิ้มหวานยิ่งนานดีกรีความน่ารักยิ่งมากขึ้น ๆ นะ ตอนเด็กแม่ให้กินไรเนี่ย น่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 18-12-2015 12:52:23
เป็นนิยาย ที่อ่านและ รู้สึกดีมากๆ  คนแต่งแต่งได้น่ารักสุดเลย

หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 18-12-2015 15:06:12
ถึงจะกวนใส่กันตลอดก็น่ารักอยู่ดี
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 19-12-2015 00:40:39
น่าลัก....ยิ้มมานอนกอด....ชอบเว่อร์
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 19-12-2015 01:18:14
แอร๊ยยยย น่ารัก ทำไมถึงได้น่ารักอย่างนี้
รักเรื่องนี้จัง อ่านไปยิ้มไป ไม่อยากให้จบเลยค่ะ
>/////<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 19-12-2015 10:12:44
ไม่อยากให้จบเลยยยยยย
เราติดยิ้มหวานมากเลยอ่ะ ฮือออออ
หมอมาเป็นแฟนเราเถอะ! #ผิดสสส์
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: Arancia ที่ 19-12-2015 11:07:46
น่ารัก อ่านกี่ตอนก้น่ารักอารมณ์ดีตลอดชอบเรื่องนี้มาก ยิ้มตามได้ทุกตอนแบบคิดถึงหมอกับยิ้มหวาน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 19-12-2015 16:09:42


ดีงามเหลือเกิน...
จะจบแล้วเหรอคะ? ว้า! แย่จัง
อยากสัมผัสความละมุนของหมอกับยิ้มไปเรื่อย ๆ จัง

ขอบคุณมากค่ะ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ ^^  :mew1:

หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: sunipum ที่ 19-12-2015 20:45:52
ยิ้มหวานกับหมอ น่ารักสุดๆอ่ะ  ขอบคุณนะค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 19-12-2015 21:08:24
จะจบแล้ว :katai2-1: :hao5:ชอบคู่นี้จริงๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 19-12-2015 21:39:24
น่ารักตลอด
แต่จะจบแล้วหรอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 23-12-2015 11:05:38
อ๋อยยยย จะจบแล้วอ่ะ ยังฟินไม่เต็มอิ่มเลยย  :laugh:
แบบอ่านไปก็เขินตาม งือออ  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: NatZuKae ที่ 24-12-2015 23:32:45
โอ้ยยยยย คิดถึงยิ้มหวานของหมอมาหลายวัน ได้อ่านแล้วววว น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 25-12-2015 22:38:30
น่ารักกกกกกกกกกก
อ่าน ลุ้นมาตั้งแต่กำลังจีบ ตอนนี้เป็นแฟนกันแล้ว
ก็มุ้งมิ้งกระดิ่งแมวเหมือนเดิม อร๊าย ทำหน้ากลั้นฟินแปป
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: BIRD ที่ 27-12-2015 09:40:04
เป็นเรื่องที่ฟิลกู้ดดีจัง ชอบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: mickymod ที่ 30-12-2015 21:14:57
คิดถึงจังเลย.
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 01-01-2016 12:28:18
 :mew1:
ยังไม่อยากให้จบเลยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: aunszMT ที่ 01-01-2016 18:57:33
เขินนน อ่านไปยิ้มไป ไม่อยากให้จบเลยยย :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 02-01-2016 01:12:39
(https://pbs.twimg.com/media/CXpum4kVAAAjU6A.jpg)
กรี้ดกร้าดในทวิตฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ นะคะ


รอบนี้ยิ้มหวานเป็นคนเล่านะคะ


- HAPPY NEW YEAR -
SPECIAL



คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของปี...
ซึ่งที่บ้านเรามักจะจัดงานเลี้ยงส่งท้ายปีเท่าต้อนรับปีใหม่อยู่เป็นประจำ นั่นทำให้เราเคยชินกับการนับถอยหลังข้ามปีกับพ่อแม่พี่สาวและญาติๆที่สนิทกัน และปีนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้นอ

การรอคอยเพื่อที่จะนับถอยหลังสิบ เก้า แปด เจ็ด หก ห้าไปจนถึงศูนย์ ไม่ใช่กิจกรรมที่ทำให้เราตื่นเต้นได้สักเท่าไหร่
แต่ช่วงสองสามปีหลังมานี้ สิ่งที่เรามักจะทำอยู่เสมอในชั่วโมงสุดท้ายของทุกปี คือการคิดทบทวนว่าปีที่แล้วมีอะไรที่ดีผ่านเข้ามาในชีวิตบ้าง

ปีนี้มีอะไรบ้างนะ?

ถ้าคิดย้อนไปจากปลายปีก็คงเป็นเรื่องที่งานเราได้รางวัล ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น ได้เจอคนดีๆ ...
ไม่ทันจะได้นับว่าคนดีๆที่ว่านั่นมีใครบ้าง หนึ่งในรายชื่อคนดีของเราก็ไลน์มาหากันซะอย่างนั้น


*กินหมูไปกี่ตัวแล้ว


นิสัย...
ขีดออกจากรายชื่อคนดีๆที่เราเจอในปีนี้ไปตอนนี้เลยแล้วกัน


* 20
*หมาในปากหมออ่ะ
*ถ้ากินได้ เราก็จะกินด้วย

*555
*อย่าดุข้ามปีดิแฟน
*อยากกินปากเราก็บอกดีๆ


*อี๋
*ไม่คุยแล้ว



ระหว่างที่พิมพ์ไปนี่เราก็ได้แต่นั่งขำ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเรียนหมอแล้วถึงได้กวนตีนขนาดนี้?
ไม่ใช่แค่หมอนะ เพื่อนหมอก็ด้วย เป็นเหมือนกันไปหมดอ่ะ


*เฮ้ย อย่าเพิ่ง
*count down เสร็จไปหานะ
*มีธุระ


*ธุระอะไร สำคัญขนาดนั้นเลย?

*ธุระไม่สำคัญหรอก
*คนที่จะไปเจออ่ะสำคัญ
*เพราะว่าสำคัญก็เลยอยากเจอ...



ไงล่ะ? กวนตีนกันเสร็จก็จีบต่อ
เป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย?
อาจจะเป็นเพราะทั้งเราและหมอดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปด้วยทั่งคู่ล่ะมั้ง ก็เลยรู้สึกเหมือนจะช่างต่อปากต่อคำกันมากกว่าปกติ

*หมอ
*อยากจีบมากไม่ต้องมาไลน์คุยกันเลย
*ไปชมรมนาฏศิลป์ไป

*5555
*ไม่ไปชมรม
*แต่จะไปหา


*ไม่ให้มาได้มั้ยอะ
*กินเหล้าด้วย
*ไม่อยากให้ขับรถเลย

*ไม่ได้กินตั้งแต่สี่ทุ่มครึ่งแล้ว
*ไม่เมาแล้วเนี่ย
*วางแผนไว้แล้ว


*ทำขนาดนี้ห้ามได้ปะละ?
*ถ้าจะมาจริงๆ รีบมาเลย อย่าดึก
*มาตอนเราหลับไปแล้วไม่รู้ด้วยเหอะ
*ปาร์ตี้ต่อแล้วนะ

*ไปกินหมูตัวที่ 21 อะดิ?

*หมอ!!
*จะบล็อคแล้วนะ

*ขอโทษค้าบบบบบบบ


ก่อนที่อีกฝ่ายจะส่งสติ๊กเกอร์บ๊ายบายกลับมา

เราเลี้ยงฉลองกับครอบครัวไปเรื่อยๆ บรรยากาศโดยรวมก็สนุกสนานและอบอุ่นไม่ต่างจากทุกๆปีที่ผ่านมา หลังจากที่นับถอยหลังจนถึงเลขศูนย์พร้อมกับทุกคนและเสียงพลุที่ดังไปทั่วแล้ว โทรศัพท์เราก็ดังแจ้งเตือนจนต้องกดปิดเสียง

ท่ามกลางข้อความมากมายที่ถูกส่งมา มีอันนึงส่งมาจากคนที่เพิ่งคุยกับเราไปล่าสุด มันเป็นข้อความสั้นๆที่ไม่มีอะไรมากมาย แต่เราก็เลือกที่จะพิมพ์ตอบกลับไป


*สวัสดีปีใหม่ครับ

*Happy New Year!!



งานเลี้ยงที่บ้านเรายังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ จนเราต้องขอตัวขึ้นไปอาบน้ำเพราะรู้สึกเหนียวตัวจากควันของเตาบาร์บีคิว


- - -



*นอนยัง?

ข้อความที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอทำให้เราต้องปิดไดร์เป่าผมในมือแล้ววางลง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแทน


*ยังไม่นอนดิ

*รู้แล้ว
*ที่บ้านเปิดไฟสว่างกันขนาดนี้จะนอนได้ไง?


*ก็ใช่ไง
*เพิ่งหนีมาอาบน้ำเนี่ย


พิมพ์ตอบอีกฝ่ายไปเสร็จเรียบร้อยแล้วเราถึงนึกขึ้นมาได้
หมอบอกว่าบ้านเปิดไฟสว่างเหรอ?

คิดได้อย่างนั้นปุ๊บเราก็รีบวิ่งไปที่หน้าต่าง พร้อมกับมือซึ่งยังคงเช็ดผมที่ไม่แห้งสนิทดีไปด้วย
พอมองเลยรั้วบ้านไป เราก็เห็นรถคันใหญ่จอดอยู่ก่อนจะถึงประตูทางเข้าบ้าน

ไม่ทันที่จะบอกอีกฝ่ายว่าเรารู้ทันแล้ว เสียงเตือนจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

*เห็นกันแล้วนี่
*รีบออกมาเลย


ข้อความที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าทำให้เราหลุดขำ พร้อมกับบ่นอีกฝ่ายในใจว่า เล่นอะไรเป็นเด็กๆ
ก่อนจะวางผ้าขนหนูลง หยิบซองสีดำอันเล็กๆที่วางอยู่บนโต๊ะใส่กระเป๋ากางเกงนอน แล้วเดินออกจากห้องไปทั้งๆที่ผมยังคงไม่แห้งดี

เราเดินผ่านกลุ่มผู้ใหญ่ที่ยังคงปักหลักปาร์ตี้กันต่อ ถึงแม้ว่าช่วงเวลาแห่งการนับถอยหลังข้ามปีจะผ่านไปเรียบร้อบแล้วก็ตาม

พอออกจากประตูรั้วบ้านเราก็ไปหยุดอยู่ข้างเมอร์ซิเดสสีดำที่จอดอยู่โดยไม่ดับเครื่องและรอให้อีกฝ่ายปลดล็อครถให้ แต่ประตูที่อยู่ตรงหน้าเราดันเปิดออกมาเอง พร้อมกับที่เห็นว่าอีกฝ่ายซึ่งนั่งอยู่หลังพวงเป็นคนที่เอื้อมมือมาเปิดประตูรถให้กัน

เข้ามาในรถปุ๊บเราก็ขมวดคิ้วมองคนที่ขับรถมาหากันดึกๆดื่นๆ แล้วอดไม่ได้ที่จะพูด เพราะนี่ก็จะตี 1 เข้าไปแล้ว

“จริงๆไม่อยากให้มาเลยรู้ปะ กินเหล้ามาแล้วยังขับรถดึกๆอีก ตำรวจจับนี่ขำไม่ออกแน่"

“ครับผม รู้แล้วว่าเป็นห่วง แล้วนี่ลงมาทั้งผมชื้นๆ เดี๋ยวก็ไม่สบายเหอะ"

“ครับผม รู้แล้วว่าเป็นห่วงเหมือนกัน" 

เราพูดแล้วย่นจมูกใส่ ก่อนจะไม่ตอบอะไรเพราะอีกคนกำลังเอื้อมมือไปหยิบของจากเบาะหลังมายื่นให้กัน
เรารับตะกร้าหวายเล็กๆแบบไม่มีหูหิ้วที่ข้างในใส่ผลไม้อบแห้งหลายๆชนิดใส่ขวดโหลเอาไว้ แล้วหันไปทำหน้างงใส่

“ฝากใหม่พ่อกับแม่ บอกว่าเพื่อนฝากมาสวัสดีปีใหม่แล้วกัน"

คำตอบที่ได้ยินทำเอาเรารู้สึกแปลกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีของมาฝากพ่อแม่เราด้วย ระหว่างที่กำลังนั่งอ่านฉลากข้างขวดโหลดูว่าของข้างในมีผลไม้อะไรบ้าง เราก็พูดออกมา

“ขอบคุณนะ น่ารักนะเนี่ย เดี๋ยวค่อยหิ้วอะไรติดมือไปฝากแม่บ้างดีกว่า"

พูดจบเราก็เงยหน้าขึ้นไปมองสบตาก่อนจะถามต่อ

“พวกอุปกรณ์เบเกอร์รี่ดีไหม?”

พอเห็นว่าคนฟังพยักหน้ารับ เราก็ถามต่อทันที

“แล้วของขวัญเราอ่ะ?”

ได้ยินอย่างนั้นหมอก็ยิ้มรับมุมปาก แต่แทนที่จะบอกว่าจะให้อะไร เจ้าตัวกลับยกมือขึ้นกระดิกนิ้วเรียกเราให้เข้าไปใกล้ๆ แบบที่เห็นท่าทางแล้วเดาได้ไม่ยากเลยว่าของขวัญปีใหม่ของเราจะเป็นอะไร

“มานี่ดิ"

“ไม่”

เราตอบพลางขยับตัวถอยหลังไปจนติดประตู แล้วส่งสายตาไม่ไว้ใจตามไป จนหมอหลุดขำ ก่อนจะจับมือเราแล้วดึงให้กลับเข้าไปใกล้ๆ พร้อมกับบ่น

“อย่ายุกยิกดิ เดี๋ยวกระเช้าเราตก"

ฟังดูมีเหตุผลใช่มั้ยล่ะ? 
แต่ทันทีที่อีกฝ่ายขยับเข้ามาหากัน แล้วแตะริมฝีปากลงมาเบาๆก่อนจะผละออกไป ไอ้เรื่องกลัวกระเช้าตกอะไรนั่นก็หลุดจากความสนใจไปในทันที 

“สวัสดีปีใหม่"

พอได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้นเราก็ตอลกลับไปสั้นๆ พร้อมกับหลุดขำนิดหน่อย

“เมื่อกี้ก็บอกไปแล้วในไลน์"

“บอกอีกไม่ได้ไง? ขอบคุณที่มาเจอกัน ขอบคุณที่ให้เราอยู่ด้วย แล้วก็ขอบคุณที่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในปีนี้ของเราด้วย"

“หมอ...เว่อร์อ่ะ"

“เว่อร์แล้วเขินทำไม?”

“อะไร? ใครเขินวะ?”

เราถามพร้อมกับส่งยิ้มไปให้พร้อมกับยักคิ้วข้างเดียวใส่ จนคนตรงหน้าต้องยกมือขึ้นมาบีบจมูกเราเล่น
นิสัยไม่ดีอะ เอะอะๆก็บีบจมูกกันแรงๆตลอด 

“ทำไมเขินแล้วโวยวายจังวะยิ้ม? ทำมาทวงของขวัญ ตัวเองมีอะไรให้เราปะเหอะ?”

ได้ยินอย่างนั้นเราก็ส่ายหน้าแทนคำตอบ จนหมอต้องพูดต่อ พร้อมกับกระดิกนิ้วแบบเดิมอีกครั้ง
เราว่าไอ้ท่ากระดิกนิ้วอันนี้มันโคตรกวนตีนอ่ะ

“งั้นก็ให้เราแบบเดียวกันเลย มานี่มา"

อีกฝ่ายพูดพลางทำท่าจะเข้ามาใกล้อีกครั้งจนเราต้องยกมือขึ้นดันหน้าหมอออกไป

“ไม่ต้องเลย”

พูดจบเราก็หยิบของที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมา ก่อนจะยื่นไปให้คนที่ยังคงนั่งทำหน้ากวนตีนอยู่ที่เดิม

“อ่ะ! เรามีของให้เหอะ"

คนตรงหน้ารับซองกระดาษเล็กๆจากเราไป และทำท่าจะแกะออกทันที ถ้าเราไม่รีบห้ามขึ้นมาก่อน

“ค่อยเอากลับไปแกะที่บ้าน"

“ทำไม?”

เจ้าตัวถามพร้อมกับพยายามจับๆดูว่าในซองนั้นมีอะไร แต่เห็นสีหน้าแล้วก็พอจะเดาได้ว่า ต่อให้ทำแบบนั้นต่อไปก็คงจะไม่ได้คำตอบ

“ไม่บอก บอกก็รู้ดิ"

ได้ยินอย่างนั้คนฟังก็ยักคิ้วให้เราก่อนจะ ฉีกซองที่เราให้ไปจนขาดออกเป็นสองท่อนเลยด้วย
เป็นคนยังไงเนี่ย?!

ทันทีที่ซองขาดออก ของที่อยู่ในนั้นก็หล่นลงมา มันเป็นพลาสติดรูปวงกลมสีดำที่หนาขึ้นมานิดหน่อย
คนที่ได้มันไปหยิบของชิ้นนั้นมาถือเอาไว้ พลิกบนล่างซ้ายขวาดูก่อนจะถาม

“อะไรเนี่ย?”

ต้องให้บอกอีก?

“เดาดิ...”

“ฮึ? ไม่รู้ พวงกุญแจเหรอ?”

พวงกุญแจอะไรจะหน้าตาเรียบๆแบบนี้?

“คีย์การ์ดคอนโดเราเว่ย!

"เหรอ?!"

หน้าตาตกใจโคตรจะเกินจริงเลย...

"เราไปสั่งทำไว้ให้อ่ะ ที่จริงก็ไม่ได้จะให้เป็นของขวัญอะไรหรอก ก็แค่ให้...ให้เฉยๆ"

"อือฮึ..."

"ก็...เราขี้เกียจลงไปเปิดประตูให้แล้ว ต่อไปนี้เปิดเองเลยนะ”

พูดจบเราก็ได้แต่กัดปาก มองคนที่ยิ้มเจ้าเล่ห์แบบที่เดาได้เลยว่าน่าจะรู้อยู่ตั้งแต่แรกแล้วว่าของที่ถืออยู่มันเอาไว้ทำอะไร
แต่ก็แกล้งถามให้เราพูดไปงั้น

“อ่าวเหรอ?”

“นี่ปี2016แล้วนะ เลิกกวนตีนเหอะ"

คำพูดของเราทำให้คนฟังหัวเราะรับ ก่อนจะยื่นมือมาจับปลายคางไว้พร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือแตะปากเราแล้วขยี้เล่น

“ขอบคุณมาก โคตรดีใจเลย"

"..."

"อย่ามาทำหน้าตาน่างับดิ"

“น่างับอะไร? ไปแล้วนะ อาทิตย์หน้าเจอกัน มั้งนะ...”
 
น่าจะอีกหลายวันอยู่เหมือนกันกว่าที่เราจะได้เจอกันอีก เพราะตอนนี้เราอยู่ในช่วงปิดเทอมสั้นๆส่วนอีกคนยังคงต้องเรียนมาราธอนต่อไปอย่างน่าสงสาร

“อืม...ได้หยุดก็นอนเยอะๆล่ะ"

คนตรงหน้าเลื่อนมือมาจับมือเราไว้แล้วบีบเบาๆระหว่างที่พูดออกมา ก่อนจะยอมปล่อยออกตอนที่ยกมืออีกข้างขึ้นมาโบกมือให้อีกครั้ง แล้วพูดออกมาก่อนจะลงจากรถไป

“ไปละ ฝันดี อย่าเมาเยอะนะ"

“อืม...”

เรากำลังเดินเข้าบ้านโดยมีเมอร์ซิเดสคันเดิมจอดอยู่ด้านหลัง หลังจากเดินห่างออกมาได้สักสองสามก้าว ความรู้สึกในใจก็ทำให้เราต้องหันกลับไป เดินตรงไปยังฝั่งคนขับของรถคันเดิม และรอให้อีกฝ่ายเปิดหน้าต่างลงแล้วถาม

“มีอะไร?”

“ลืมบอก...”

ระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังทำหน้างงๆ รอฟังว่าเราจะพูดอะไร เราก็แตะนิ้วหัวแม่มือลงบนปากของตัวเองกดจูบเบาๆ ก่อนจะเอาบริเวณนั้นแตะลงไปบนริมฝีปากของคนตรงหน้าแล้วพูดต่อ

“ปีหน้าเราไปเค้าท์ดาวน์ด้วยกันนะ...”


end


- - -


เป็นตอนพิเศษสั้นๆที่เรานึกอยากจะเขียนขึ้นมาได้ตอนห้าทุ่มของเมื่อวาน...
จริงๆก็แค่อยากจะขอบคุณทุกคนที่เอ็นดูเด็กน้อยสองคนของเราขนาดนี้
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์ เพราะนี่เป็นนิยายเรื่องแรกที่เราเขียนในเว็บนี้
ตอนแรกทุกๆอย่างในนี้ดูใหม่สำหรับเรามากเลยค่ะ ถึงจะเคยแวะเข้ามาอ่านนิยายอยู่บ่อยๆ แต่เราก็ไม่เคยมียูสเซอร์
ตอนที่สมัครแล้วลองเอานิยายมาลง บอกตรงๆว่าเด๋อด๋ามาก แต่คอมเม้นท์น่ารักๆของทุกคนก็ทำให้เรารู้สึกคุ้นเคยมากขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว
เราต้องขอบคุณทุกๆแฮชแทคในทวิตเตอร์ที่พูดถึง #ยิ้มหวานของหมอ ด้วยสิเนอะ
ขอบคุณน้าา

สิ่งดีๆทุกๆอย่างที่เราได้จากการเขียนนิยายเรื่องนี้จะถูดจัดอยู่ในสิ่งดีๆประจำปี 2015 ของเราค่ะ
ขอบคุณน้า เยิ้บบยูว!

ปล.เดี๋ยวตอนหลักจะตามมาในเวลาอันรวดเร็ว!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 02-01-2016 01:29:25
โงยยยยยยยย คีย์การ์ดเราาา ยิ่มนะยิ้มมมม
น่ารักแบบนี้ จับฟัดแม่มมมม
จูบกันอีกแล้ว แม้จะเบาๆ แต่ชอบ ฮี่ๆ
สุขสันต์ปีใหม่นะคะปูววว
รอตอนหลักอย่างใจจดใจจ่อเลย
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: มิวมิว ที่ 02-01-2016 01:30:32
ลุ้นให้เม้าทูเม้านิวเยียร์กันแต่อดเลย ไม่เป็นไรหมอได้คีย์การ์ดคอนโดยิ้มแล้วเว้ย   :hao3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-01-2016 01:37:14
พิเศษแบบน่ารักๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 02-01-2016 01:40:15
 :man1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 02-01-2016 01:45:33
่เขินเลย ของขวัญยิ้มน่ารักอะะะ ;///////;
เป็นหมอนี่ตายไปแล้วทำหน้ากลั้นฟินจนเหนื่อยแน่
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: jejiiee ที่ 02-01-2016 02:03:56
คิดขอบขวัญให้แฟนปีหน้าได้ละะะ.  :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 02-01-2016 02:17:32
หวายๆ ให้คีย์การ์ดด้วยอ่ะ คริคริ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-01-2016 02:40:21
ยิ้มหวานนนน. อ่อยอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 02-01-2016 03:44:50
ยิ้มหวานน่ารัก > < 
 
ปีหน้าเค้าจะไปนับดาวกันที่ไหนหรอ 
คนอ่านจะไปแอบดูระยะประชิด จองตั๋วฟินข้ามปี 
 :-[ :-[ :-[
 
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: gessuriyong ที่ 02-01-2016 06:18:29
(เรา)ยิ้มจะไปเคาน์ดาวน์ที่ไหนกันเหรอ

เราจะตามไป  :hao5:

(หมอ) เดี๋ยวๆๆ เอาชีวิตปีใหม่นี้ให้รอดก่อนดีไหม  ได้ข่าวว่าทำนิพนธ์ไม่ใช่หรอ

(ยิ้ม) เขาถามเรา ไม่เสือกดิหมอออ   :hao3:

 :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 02-01-2016 06:49:12
ปีหน้าจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ม้าาาาาาาาา!!!!! :hao7:
คนอ่านมโนรอแล้วนะจ๊ะ!
สวัสดีปีใหม่คนเขียนเช่นกันน้าา :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-01-2016 07:02:36
 :pig4:   :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 02-01-2016 07:27:03
น่ารักอ่ะยิ้มหวาน หมองี้ชอบขอบขวัญสุดๆแน่ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 02-01-2016 07:49:52
คีย์การ์ดจ้า คีย์การ์ดดดดดดดดด ร้แงให้เฉยๆ ใจเรานี่คิดว่าอ่อยไปละน่ะะะะะ


ปล.สวัสดีปีใหม่ค่าาาาาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 02-01-2016 07:53:36
ยิ้มหวานน่ารักอะ อยากขโมยยิ้มหวานจากหมอแล้วากลับมาบ้าน 5555  :hao3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: ao16 ที่ 02-01-2016 07:55:06
  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-01-2016 08:30:32
สวัสดีปีใหม่จ้า~
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: แป้งข้าวหมาก ที่ 02-01-2016 10:02:53
หวานตลอดๆ   :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 02-01-2016 10:05:12
ของขวัญชิ้นนี้หมอดีใจมากพูดเลอออ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 02-01-2016 10:19:06
HNY2016. ค่ะ :L1: :3123: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: bae1993 ที่ 02-01-2016 10:30:26
น่ารักมากเยย :katai2-1:

ขอบคุณเหมือนกันนะคะ HNY!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 02-01-2016 10:42:45
อ่านแล้วเขิล คู่นี้นี่มันน่ารักจริงๆเลยค่ะพี่ปู ติดคู่นี้มากกกกก ชอบความสัมพันธ์ ชอบความกวนตีนของหมอ ชอบความน่าฟัดของยิ้ม ชอบทุกอย่างของคู่นี้ 5555555
สวัสดีปีใหม่นะคะพี่ปู หมอกับยิ้มด้วย ฮี่ฮี่
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 02-01-2016 11:09:11
เป็นตอนพิเศษที่ปังมากกกกกกกกก แงงงงงง :sad4:
จะหวานไปล่ะสองคนนี้ ของขวัญปีใหม่นี่คงเซอร์ไพส์หมอมากเลยอ่ะดิ อิจค่าาา  :ruready

 :L1: สวัสดีปีใหม่นะคะ :L1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: pharuthai ที่ 02-01-2016 12:45:56
ยิ้มๆกะหมอๆ ก็เป็ฯเรื่องราวดีๆในปีนี้ของเรานะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: lazyishappy ที่ 02-01-2016 13:08:03
คีย์การ์ดอ่อยิ้ม ร้ายนะเรา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 02-01-2016 13:45:16
น่ารักมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 02-01-2016 13:53:03
น่ารักไปแล้วววว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 02-01-2016 14:11:03
หูยยยยยย ยิ้มให้คีย์การ์ดดดดด

 o13 :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 02-01-2016 14:14:14
ยิ้มหวานน่ารัก ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 02-01-2016 14:34:52
ก็แค่ให้คีย์การ์ดเป็นของขวัญปีใหม่ แค่คีย์การ์ดเองงงงงง

กรี๊ดดดดด เขินหว่ะ หมอต้องให้กุญแจบ้านกุญแจห้องนอนตอบแทนยิ้มบ้างนะ

ฟินง่ะ งื้อออออ~ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 02-01-2016 15:07:17
ยิ่งอ่านก็ยิ่งไม่อยากให้จบ  :hao5:
เขียนต่อเถอะนะ คนเขียนจ๋า
น่ารักมากเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 02-01-2016 15:35:10
ถ้าจะหวานขนาดนี้ เลิกกินน้ำตาลเลยมั้ยยิ้มมมมมม ฮี่ ๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 02-01-2016 15:57:46
ของขวัญที่ดีที่สุดก็คือการได้รู้จักและรักกัน

...ว่าแต่ ขอกุญแจคอนโดด้วยดิ คีย์การ์ดมันมาได้แค่หน้าประตูอ้ะ

ขอบคุณและยินดีอย่างยิ่งที่ได้พบคุณ kipuuu ในเล้า
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-01-2016 16:26:26
ให้คีย์การ์ดกันแล้วเราจะรอเตรียมตัวCover เป็นโคมไฟในห้องนอนยิ้ม :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: duckduckk3 ที่ 02-01-2016 16:54:28
ยิ้มมมม ขี้อ่อยอ่ะะะะ 55555555
หมอฟินเลยดิ เจอจุ๊บพิฆาตเข้าไป 55555555555
สวัสดีปีใหม่นะคะพี่กีปู~
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 02-01-2016 17:07:26
ยิ้มน่ารักมากกกก  :man1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 02-01-2016 19:18:23
จะน่ารักไปไหนอะยิ้มมมมมมม
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 02-01-2016 19:49:28
ยิ้มหวาน ทำไมน่ารัก
ง่อวววววววว
 :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 02-01-2016 20:15:32
ยิ้มอ่อยหมอว่ะ ถ้าเราเป็นหมอนะ กรี้ดไปแล้ว
5555555555555555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 02-01-2016 21:05:16
เขินแทนหมออ่ะ  :impress3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 02-01-2016 21:09:21
ยิ้มน่ารัก

สวัสดีปีใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 02-01-2016 21:09:35
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 02-01-2016 23:00:25
อ่านยิ้มกับหมอทีไร
ต้องยิ้มตามไปด้วยทุกทีเลย
น่ารักจังตอนพิเศษ
HNY2016นะคะ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 02-01-2016 23:26:08
โอ้ยยย...ยิ้มเอ๊ยยยย เสียตัวแน่ อุ่ย!!!

สวัสดีปีใหม่ค่าาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 03-01-2016 00:15:27
กรี๊ด~~~~ หวานเฟ่อร์..~~~~
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: runtothemoon ที่ 03-01-2016 01:44:48
สวัสดีปีใหม่นะคะ*_* :mc4: รู้สึกอยากได้ยิ้มมาเลี้ยงที่บ้านมาก555555 ขอได้มั้ยหมอ จริงๆยิ้มนี่ขี้อ่อย -..- เนียนมากเอาความสดใสน่ารักน่าหยิกความมึนกลบ555555 แต่น่ารักทำอะไรก็ไปหมด ยิ้มว่าที่ให้คีย์การ์ดเพราะขี้เกียจเราก็จะว่าตามไม่มีแซว (หรอ นี่แซวไปละนะ555555555) ไม่อยากให้จบเลย ;_; เอ็นดูยิ้มกับหมอมาก อยากตามติดเรื่อยไป5555 ขอบคุณที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมานะคะ ถือเป็นสิ่งดีๆสำหรับเราในปีที่ผ่านมาเลยค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 03-01-2016 15:24:58
หมอฟินตัวแตกไปละมั้งเนี่ยย
ในที่สุดก้เป็นแฟนกันแล้วว แถมได้คีย์การ์ดห้องอีกก
ยิ้มหวานจะน่ารักไปแล้วจริงๆอะ งือออ
รอตอนหลักกค่าา
HNY 2016 นะคะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 03-01-2016 15:48:46
 :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 03-01-2016 16:11:35
โอ๊ยยยยยยยยยยย จะน่ารักไปถึงไหนคู่นี้ชอบสุดๆๆๆๆ
เค้ามีคีย์การ์ดแล้วอ่ะ อิอิ อย่าลืมพายิ้มไปคาว์ดาวปีหน้าน่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 03-01-2016 16:25:31
แม่ะ อ่านแล้วอิจฉาอ่ะ น่ารักกันเกินไปแล้วว  :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 03-01-2016 17:24:14
ยิ้ม...น่างับจริงๆนั่นแหละหมอ!!!!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: Arancia ที่ 03-01-2016 18:18:00
หวานแหวว ชอบบบบบบบ เอาอีก รักคู่นี้มาก
ไม่อยากให้จบเอาอีกเรื่อย ชั้นรักพวกเค้า 55555
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอบคุณที่เขียนนิยายน่ารักๆ อ่านแล้วอมยิ้มทุกครั้งมาให้อ่านนะคะ ดชคดี สุขภาพแข็งแรงรับปีใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 03-01-2016 23:12:28
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 04-01-2016 00:13:05
ขอบคุณค่ะ ชอบมากกกกก รักเรื่องนี้มากๆ ไม่อยากให้จบเลย  :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 04-01-2016 09:22:56
โอ้ยยยยยยยยยยย เห็นใจคนโสดบ้างงงงงง


 :ling3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19.5 : HNY special] <02.01.16> page 46
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 04-01-2016 23:50:02
(http://i1300.photobucket.com/albums/ag93/kipuu/20_zpsxl5nzjjg.jpg)
กรี้ดกร้าดในทวิตฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ นะคะ



- 20 -



ข้อความที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำเอาความสนใจของผมผละออกมาจากสิ่งที่อาจารย์พูดอยู่ไม่ชั่วขณะ
ยิ้มหวานไลน์มาหาผมครับ และไลน์มาว่า....

*หมออออออออออออออ

'หมอ' ยาวไปปะวะยิ้ม? -_-

ระหว่างที่กำลังรอดูอยู่ว่าอีกฝ่ายไลน์มาหากันเพราะเรื่องอะไร อีกข้อความก็เด้งตามมาทันที

*เราติดอันดับด้วยยย!!!!
*อันดับสามเค้าเอา 10 คนอ่ะ
*ละมีชื่อเราด้วยเว่ยยยยยยยยยยย!!


"เฮ้ย!"

อ่านข้อความจบ ด้วยความลืมตัว ผมเลยเผลออุทานออกมา

มันอาจจะไม่ดังมาก แต่ก็ทำให้เพื่อนที่นั่งเรียนอยู่ไม่ไกลกันหันมามองจนผมต้องลุกขึ้นทำเป็นบอกไอ้เบอร์1 ว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะออกจากห้องมาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้หน้าลิฟต์

วันนี้เป็นวันประกาศผล ของงานที่ยิ้มหวานส่งไปประกวดครับ

เมื่อวานผมยังคุยกับเขาอยู่เลยว่าคาดหวังมากรึเปล่า อีกฝ่ายฟังแล้วตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มว่าไม่เท่าไหร่... ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ไป

เขาเองก็คงไม่คิดว่าตัวเองจะได้เหมือนกัน เพราะเท่าที่รู้นี่ คนส่งมาจากทั่วประเทศ
แต่พอผลออกมาว่าเขาติดอันดับที่จะได้รางวัล ถึงแม้จะไม่ใช่ที่ 1 เจ้าตัวก็เลยดีใจสุดขีดอย่างที่เห็น
เปิดเข้าไปดูในไลน์อีกทีก็เห็นข้อความที่ถูกส่งมาติดกันยาวเหยียด

*ดีใจโคตรรรรรร
*พวกนี้จะเลี้ยงบาร์บีคิวพลาซ่าเราอ่ะ
*มันฝากชวนหมอด้วยยยยย
*เรียนเสร็จค่อยตอบก็ได้นะะะะ
*เฮฮฮฮฮฮ!

*ตอบละ ตอบตอนนี้แหละ
*เราไปไม่ได้อะดิ
*มีเรียนยาวถึงเย็นเลย
*ได้พักเที่ยงครึ่งชั่วโมงมั้ง


*น่าสงสารเนอะะ
*เลิกเรียนกี่โมง?

*หกโมง
*ถ้าเลิกตามเวลานะ


*เอารถมาเปล่า?

*ไม่ได้เอามา

*ถ้าไม่ไปที่ไหนต่อ
*เดี๋ยวหกโมงเราไปรอหน้าคณะนะ
*กินข้าวกัน เดี๋ยวเราเลี้ยง

*โอเคๆ
*อยากเจอว่ะ
*แต่ต้องไปเรียนต่อแล้ว
*แอบออกจากห้องเรียนมา


*งั้นรีบกลับเข้าไปเลย!

*ครับๆๆ

*คลาสเช้าเราเลิกแล้วอ่ะ
*กำลังจะไปพารากอน
*พักเที่ยงโทรหานะ ^^


ผมส่งสติ๊กเกอร์โอเคกลับไป ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง แล้วนั่งเรียนต่อไปจนหมดคาบเช้า

เพราะเวลาพักของวันนี้มีน้อยสุดๆ พวกผมเลยตัดสินใจไปซื้อของในเซเว่นมากินเป็นมื้อเที่ยงแทน ระหว่างที่กำลังรอให้พี่พนักงานเค้าอุ่นแซนวิชให้อยู่ โทรศัพท์ผมก็มีข้อความใหม่เข้ามา

มันเป็นคลิปวีดีโอของเบคอนที่กำลังถูกย่างอยู่บนเตาดังฉู่ฉี่
บอกเลยว่า น่ากินโคตร...

แน่นอนว่าผมจะไม่ยอมโดนทำร้ายคนเดียว และส่งต่อความหิวนี้ด้วยการยื่นโทรศัพท์ไปให้ไอ้โคนันที่ยืนอยู่ข้างๆกัน ปล่อยให้
มันยืนดูคลิปเนื้อย่างฆ่าพ่ออยู่สักพัก ก่อนที่มันจะพูดออกมาด้วยท่าทางเหมือนคนกำลังจะเป็นลม

“สัด...หิว"

พูดจบมันก็ส่งโทรศัพท์ของผมต่อไปยังไอ้เบอร์ 1 กับเบอร์ 2ที่ยืนอยู่ข้างหลัง
พวกมันสองคนสุมหัวกันดูคลิปวีดีโอมรณะอยู่ไม่นาน แล้วเงยหน้ามาพูดกับผม พร้อมกับยิ้มกวนตีน

“ไม่อยากโดดเรียนก็ต้องเปลี่ยนแฟนละครับเพื่อนกู"

“สัด!"

ผมพูดพร้อมกับยกขาขึ้นถีบหน้าแข้งมัน ก่อนจะดึงโทรศัพท์กลับมาแล้วกดโทรออกหาเขาทันที รออยู่ไม่นานได้ยินน้ำเสียงสดใสดังมาก่อนเลย

“ไง! เนิร์ดดี้!”

กลายเป็นเนิร์ดดี้ไปซะอย่างนั้น -_-

“อร่อยเลยนะ"

“สุดๆอ่ะ"

"ไอ้พวกนี้บอกว่าถ้าไม่อยากโดดเรียนเราต้องเปลี่ยนแฟนแล้วว่ะ"

“เดี๋ยวจะถอยมินิทับยกแก๊งสี่คนเลย"

เขาพูดเจือเสียงหัวเราะ ก่อนที่ผมจะถามต่อ

“ทับเราด้วยเนี่ยนะ?”

“อืม เหลือไว้ทำไมอ่ะ คนเดียว" 

“โหดว่ะ ต้องกลัวปะเนี่ย?”

"กลัวดิ! ละนี่พักเที่ยงแล้วเหรอ? กินไรยัง?”

“พักละ กินแซนวิช ฟุตลอง กาแฟ"

“เซเว่นแน่ๆ"

“อืม...”

“ไงล่ะ ชอบบ่นเรา"

หมายถึงเรื่องที่ผมชอบห้ามไม่ให้เขากินอาหารแช่แข็งแน่ๆเลยครับ
คืออย่างผมนี่ สถานการณ์มันบังคับปะวะ? แต่ของเขาคือ ทำงานไม่ยอมออกจากห้องเลยต้องกินข้าวกล่องแช่แข็ง ใช้ได้ที่ไหน?

“ก็มันไม่มีทางเลือกปะล่ะ"

“โห...น่าสงสาร ตั้งใจเรียนนะ เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วพี่ไปรับมากินข้าวนะน้อง"

เขาเลียนแบบวิธีการพูดของผม แล้วหัวเราะถูกใจแบบที่ได้ยินแล้วอดไม่ได้ทีจะถามในใจ
แล้วจำเป็นจะต้องน่ารักขนาดนี้เหรอวะคนเรา?

“โอเค"

“วางแล้ว เรากินต่อละ บายครับ"

“อืมๆ บ๊ายบาย ตอนเย็นเจอกัน"

พอวางสายเสร็จพอก็รู้สึกได้ว่ามีสายตามองมาจากพวกมันทั้ง 3 คน
เห็นอย่างนั้นผมก็เลิกคิ้วแทนการถามว่า มีอะไรรึเปล่า?

“พวกกูแอบคุยกันว่ามึงกับยิ้มจะมีโมเม้นแบบเรียกตัวเองว่าเค้าเรียกเขาว่าตัวเองอะไรแบบนี้รึเปล่า แต่นี่ก็ปกตินี่หว่า"

ไอ้เบอร์ 2 ที่กำลังยื่นแฮมเบอร์เกอร์ไปให้พนักงานหันมาพูดกับผม แล้วยักคิ้วให้

“ตลกไอ้สัด ยิ้มก็ผู้ชายมั้ยมึง"

ไอ้คนฟังทำหน้าเหรอหราเหมือนจะไม่เข้าใจ จนผมต้องพูดต่อ

“อยากรู้มึงก็เลิกกับแฟนแล้วมาคบกันมันดิ"

ผมพูดพลางส่งสายตาไปให้ไอ้เบอร์ 1 ที่ยืนอ่านฉลากขวด M150 อยู่ไม่ไกล
พูดจบปุ๊บ ไอ้ผู้เสียหายรายแรกก็โวยวายออกมาทันที

“สัด! ขนลุก! ไอ้เหี้ย!”

ได้ยินอย่างนั้น ทั้งผมและไอ้โคนันก็หัวเราะออกมาอย่างถูกใจ  ก่อนจะได้ยินไอ้ผู้เสียหายอีกคนพูดตามมาปิดท้าย

“เดี๋ยวกูเขวี้ยงเอ็มร้อยอัดหน้าแม่งเลยครับเพื่อน"

หลังจากได้ของกินครบทุกอย่าง พวกผมยัดทั้งหมดลงท้องด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องเรียน และเริ่มเรียบคาบบ่ายกัน  กว่าจะได้กลับออกมาอีกที เหล่าซอมบี้ทั้ง 4 ก็กลับมาอีกครั้ง

ทันทีที่ออกมาจากตึก ผมก็หันซ้ายหันขวาอยู่หน้าคณะตัวเองเพื่อมองหามินิคูเปอร์สีดำ ก่อนจะเห็นว่าเป้าหมายจอดอยู่เยื้องไปทางด้านซ้ายมือ ผมยกมือขึ้นมาโบกลาพวกเพื่อนๆทั้งสามคนก่อนจะเดินแยกมา ไม่ทันถึงรถก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยกำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคนอยู่

“ไม่ต้องหรอกมึง กูว่าปล่อยไปเหอะ เค้าก็ทำได้แค่พูดปะวะ"

อะไรวะ? -_-

“ก็เฟลอ่ะ กูก็โกรธนะ แต่แม่งก็ ไม่อยากแล้วยุ่งไง”

พูดจบเขาก็หันมาทางนี้ และเห็นว่าผมยืนอยู่พอดี คนที่ยังคงถือโทรศัพท์แนบหูส่งยิ้มมาให้ผมแล้วยกมือขึ้นมาโบกทักทายกัน ก่อนจะกลับไปคุยกับเพื่อนต่อ

“มึงๆ หมอมาแล้ว กูวางละนะ"

ระหว่างนั้นผมก็เดินเข้าไปใกล้เขา และเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าเหมือนคนกำลังไม่สบายใจ เลยวางมือลงไปบนผมก่อนจะขยี้เบาๆแล้วถาม

“เป็นอะไร"

ผมว่าก่อนหน้านี้เขายังอารมณ์ดีอยู่เลยนะ ตอนที่โทรหากันก็ยังคุยเล่นปกติ มาเจออีกทีดันหน้ามุ่ยไปได้ยังไง?
ได้ยินที่ผมถามออกมา คนฟังย่นจมูกใส่กัน แล้วเปิดประตูให้ ก่อนจะดันหลังให้ผมขึ้นไปนั่งบนรถ แล้วตอบสั้นๆ

“เดี๋ยวเล่าให้ฟัง"

ระหว่างที่มินิคูเปอร์สีดำกำลังเคลื่อนตัวออกไปโดยที่ผมเป็นคนนั่ง ความเงียบเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ล้อมรอบระหว่างสองคน
ผมตั้งใจว่าจะรอให้อีกฝ่ายท่าทางอารมณ์ดีขึ้นมาอีกสักนิด แล้วค่อยถามซ้ำอีกครั้งว่าตกลงเขาเป็นอะไร แต่หลังจากที่เลี้ยวรถออกมาจากมหาลัยได้ไม่นาน อีกคนก็เป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน

“เมื่อกี้เราแวะไปคณะมาแหละ เอาขนมไปให้อาจารย์ที่ดูแลเราตอนที่ทำงานส่ง คุยกันอยู่นิดหน่อยแล้วก็ขอตัวเพราะต้องมารับหมอ คราวนี้ตอนที่เราเดินออกมา ก็ดันได้ยินคนนินทาตัวเองเข้าเต็มๆเลย"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็หันไปมองคนที่ยังคงขับรถต่อไปเรื่อยๆ
สีหน้าเขาดูไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้แย่มากจนจัดการตัวเองไม่ได้

“เขาบอกว่าเราติดเข้าไปใน 10 คนนั้นเพราะเล่นเส้น บอกว่าคนรู้จักพ่อเราเยอะซะขนาดนั้น แค่เห็นนามสกุลเราเขาก็ให้เข้ารอบได้เลยโดยที่ไม่ต้องดูผลงานด้วยซ้ำ"

“เฮ้ย ทำไมพูดงั้นวะ?"

“ไม่รู้ดิ เราไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำเหอะ"

พูดจบเขาก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะเงียบไปอีกรอบ เห็นท่าทางอย่างนั้น ผมก็ได้แต่พูดออกมาเบาๆ

“มันก็แค่คำพูดของคนอื่น อย่าคิดมากเลย"

“ก็เข้าใจแหละ ว่าเราไปบังคับความคิดของคนอื่นไม่ได้อยู่แล้ว แต่พอเขารู้ว่าเราได้ยินนะ แทนที่จะรู้สึกผิดสักนิด ดันหันมาทำหน้าร้ายใส่เราอีก"

"...."

"พอโดนแบบนั้นเราก็ยิ่งเซ็งสุดๆ เหมือนจงใจจะหาเรื่องเราชัดๆ โมโหตัวเองด้วย ไม่รู้ทำไมตอนนั้นถึงได้ทำเป็นเฉยแล้วเดินออกมาน่าจะเข้าไปเคลียร์ให้จบๆไปเลย ไม่น่าใจเย็นเลยว่ะ  คิดๆแล้วก็รู้สึกโคตรบั่นทอนเลย แย่เนอะ อยู่ๆก็มีใครไม่รู้มาตัดสินเรา มาทำให้เรารู้สึกแย่ จนไม่มีใจจะทำอะไรต่อเลย ทั้งๆที่เราก็อยู่ของเราเฉยๆอ่ะ เฮ้อ!"

บ่นเสร็จเจ้าตัวก็ถอนหายใจออกมายกใหญ่
ผมมองท่าทางแบบนั้นแล้วได้แต่ยกมือขึ้นไปลูบผมเขาเบาๆ ก่อนจะถามออกมาเจือเสียงหัวเราะ

“เซ็งขนาดนี้ ไปหัวหินกันอีกมะ?”

คนฟังส่ายหน้าแทนคำตอบ พร้อมกับที่รถหยุดลงเพราะติดไฟแดง

“ไม่เอา~ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า หมออยากกินอะไร?”

เลี้ยงง่ายโคตรครับ โมโหก็กิน เหนื่อยก็กิน ง่วงก็กิน
ถ้าผมเขียน '10ขั้นตอนการเลี้ยงดูยิ้มหวานให้มีความสุข' ในนั้นคงจมีแต่เรื่องกิน กิน และ กิน...

“ไม่รู้ดิ เลือกให้หน่อย"

“หึย ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง"

“เปล่า...อยากให้แฟนเลือกให้"

“โอ๊ย! หน้าม่อชัดๆ"

พูดจบ คนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถก็ยกมือออกมาข้างนึงแล้วผลักไหล่ผมแรงๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา
จนผมต้องถามต่อ

“ว่าไง อยากกินอะไร?”

“ไม่รู้ดิ แต่ไม่อยากเจอคนเยอะๆ เอาจริงๆอยากกลับห้องแล้วก็นอน เอาแต่ใจมะ?"

“ก็เอาแต่ใจอยู่ แต่ก็ยังตามใจไหวด้วย ถ้าอย่างน้ันก็ซื้ออะไรก็ได้กลับไปกินที่ห้องมั้ยล่ะ?”

เขาฟังที่ผมพูดแล้วหันมาตอบพร้อมรอยยิ้ม

“ไม่เอาอ่ะ เราอยากเลี้ยงข้าวเหอะ”

“วันหลังก็ได้ ไปพักผ่อนดีกว่าไป เดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อนค่ำๆค่อยกลับบ้าน"

ได้ยินอย่างนั้นคนฟังก็ทำหน้าครุ่นคิด แล้วเงียบไปสักพัก ก่อนจะหันมาตอบ

“งั้นเราทำอะไรเลี้ยงหมอดีกว่า อยากกินอะไร เราทำได้แค่ 2 อย่าง ข้าวผัดกับสปาเก็ตตี้"

“เอาจริงดิ"

“อืม! ทำไมทำหน้าไม่เชื่อใจกันอ่ะ? เราทำได้จริงๆนะเว่ย!"

“ก็รู้จักกันมาสักพักนึงละ ไม่เคยเห็นทำอะไรกินเองเลย..."

“เราทำได้จริงๆ ไม่เก่งมากแต่กินกันตายได้แน่นอน เราไม่ฆ่าหมอหรอกน่า"

"งั้นข้าวผัดก็ได้..."

ได้ยินอย่างนั้นอีกฝ่ายก็เหลือบหางตามองมาทางนี้ ก่อนจะบ่นต่อเหมือนกับพูดคนเดียวมากกว่าจะคุยกับผม

"ดูเสียงดิ ไม่เชื่อมือกันใช่มั้ย? ได้ หมอได้!!” 

หลังจากนั้นพวกผมก็ไปแวะที่ซุปเปอร์มาเก็ตที่อยู่เลยคอนโดยิ้มหวานไปนิดหน่อยและเข้าไปซื้อของกัน 

ผมเข็นรถเข็นเดินตามคนที่หยิบข้าวสวย ผักกับไข่ไก่มาใส่รถ ก่อนที่เขาจะหันมาถามกันพร้อมกับทำตาโต

“หมูหมึกไก่กุ้ง กินอะไร?”

“กุ้งมั้ย? นี่ไงมีแบบที่แกะแล้วด้วย"

“โอเค หยิบมาเลยแพคนึง"

“อันนี้เนอะ"

“ใช่ ครบละ ไปซื้อของอย่างอื่นด้วยดีกว่า"

ผมพยักหน้ารับ แล้วจะกวัวกมือเรียกให้เขาเดินเข้ามาใกล้ เห็นคนที่ทำหน้าตาเหรอหราเดินเข้ามาหากันแล้วก็ได้แต่หลุดขำ ก่อนจะชี้ด้านหน้าของรถเข็นเพื่อบอกให้เขาเอามือไปจับไว้ ตามด้วยการเตะราวเหล็กที่อยู่ด้านล่างแล้วพูดก่อน

"จับไว้แล้วเหยียบนี่ด้วย"

ได้ยินอย่างนั้นอีกฝ่ายก็เขาก้าวเท้าขึ้นมาเหยียบตรงขอบเหล็กที่อยู่ด้านล้าง กลายเป็นว่าตอนนี้ยิ้มหวานกำลังยืนเกาะอยู่บนรถเข็นโดยหันหน้าเข้ามาหาผม คนที่ยอมทำตามทั้งที่ยังติดจะงงๆส่งสายตามาให้กัน ไม่ทันที่เขาจะได้ถามอะไร ผมก็พูดออกมา

“เกาะแน่นๆนะ"

“หมอ?!”

“ไม่แน่นตกแน่ หนึ่ง สอง สาม!"

พูดจบผมก็เข็นรถเข็นออกไปด้วยความรวดเร็ว ยิ่งเห็นคนที่ทำหน้าตกใจแล้วผมก็ยิ่งสนุก ก่อนจะค่อยๆลดความเร็วลงเมื่อผ่านตู้แช่ผมหยิบนมรมช็อคโกแลตใส่รถมา 1 ขวดแล้วหันมาถามคนที่ยังคงยืนเกาะรถเข็นอยู่เหมือนเดิม

“ไหนจะซื้ออะไร?”

“ยังจะมาทำเป็นยิ้มอีก ตกใจเว่ย"

“แล้วสนุกปะ?”

“สนุกดี" อรกฝ่ายยิ้มถูกใจก่อนจะพูดต่อ "เราจะได้ไม่ต้องเดิน เอานมจืดมาให้เราอีกขวด แล้วก็จะซื้อน้ำส้ม ขนมกับคอร์นเฟลคด้วยอ่ะ พาไปเดี๋ยวนี้เลย"

“ครับ ครับ...”

พูดจบผมก็เข็นทั้งรถเข็นและยิ้มหวานไปทั่วซุปเปอร์ฯ พาเขาไปหยิบโน่นหยิบนี่ตามใจจนครบก่อนจะจ่ายเงิน
แอบเห็นพี่พนักงานคิดเงินแอบขำนิดหน่อยตอนที่เห็นเขาเกาะรถเข็นมาแต่ไกล ก่อนจะมาหยุดตรงหน้าแล้วหยิบของออกมาวาง และเพราะอีกฝ่ายออกตัวไว้แล้วว่าจะเลี้ยงข้าวกันวันนี้ เขาก็เลยรับหน้าที่จ่ายทั้งหมด

ระหว่างทางที่เรากำลังเดินออกมา อยู่ดีๆสายตาของผมก็ไปสะดุดกับร้านขายซีดีแล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้ และหันไปถามเขา

“แวะแป้บนึงดิ อยากดู Mad Max อ่ะ ตอนนั้นดูในโรงไม่ทัน”

อีกฝ่ายหันมายิ้มให้ผมและพยักหน้ารับ เราก็เลยแวะเข้าไปในร้าน และออกกลับมากับดีวีดี Mad Max ส่วนอีกคนซื้อMinions กับ Paper Town มาอย่างละแผ่น

เราก็กลับมาที่คอนโดพร้อมขนมถุงใหญ่ และหนังอีก 3 เรื่อง ผมได้แต่หัวเราะไม่หยุดตอนที่นั่งอยู่บนเค้าน์เตอร์ห้องครัว ดูอีกฝ่ายเก็บของไปพลางบ่นไปพลางว่าไม่รู้จะอาบน้ำแล้วออกมาผัดข้าวให้ผมกิน หรือผัดให้เสร็จแล้วค่อยไปอาบน้ำดี ปัญหาคือตอนนี้กลิ่นปิ้งย่างที่ติดตัวมาทั้งวันทำให้เขารู้สึกเหนอะหนะ

“ตอนที่อยู่ข้างนอกมันก็ไม่อะไรเข้าใจเราปะ? คือเซ็งให้ตายเราก็อาบน้ำไม่ได้อยู่ดี แต่พอกลับมาห้องแบบนี้มันรู้สึกว่าจะต้องอาบอ่ะ"

ระหว่างที่บ่นไปนี่คนพูดก็เอาขนมไปเก็บในตู้ด้านบนไปด้วย เห็นท่าทางของเขาแล้วผมก็ได้แต่ยิ้ม รู้สึกว่าการเสียงบ่นงึมงำกับหน้ายุ่งๆของเขาดูแล้วก็เพลินดีแถมยังชวนให้หัวเราะออกมา

“หมอว่าเราอาบน้ำก่อนหรือทำมื้อเย็นก่อนดี"

“ยังไงก็ได้ ถ้าอาบก่อนแล้วมาผัดข้าวจะเหนียวตัวอีกปะละ? ผัดข้าวไว้แล้วไปอาบน้ำมันก็เย็น แต่ถ้าผัดแล้วกินเลย กินข้าวเสร็จแล้วไปอาบน้ำ ท้องอืดแน่ๆ"

“โห...แค่เรื่องอาบน้ำกินข้าวทำไมมันยากจัง"

เขาพูดพลางหันมาทำหน้ามุ่ยใส่จนผมต้องลงมาจากเค้าน์เตอร์ที่นั่งอยู่แล้วขยับเข้าไปใกล้ๆก่อนจะพูดต่อ

“ไหนเอาหัวมาดมดิ๊ ว่าเหม็นเปล่า"

พูดจบผมก็แตะปลายจมูกลงไปบนเส้นผมของเขา พอหายใจเข้าก็รู้สึกว่าได้กลิ่นควันจริงๆนั่นแหละ
แต่ตอนที่เขาหันมาทำตาโตใส่กันแล้วถามสั้นๆ จะบอกว่า น่ารักโคตรๆ!

“ไง เหม็นปะ?”

“ก็นิดนึง" 

“งั้นอาบน้ำก่อนดีกว่า"

พูดจบเจ้าตัวก็ทำท่าจะเดินผละไปทันทีเลย จนผมต้องดึงข้อมือเอาไว้แล้วพูดต่อ

“ผัดข้าวเหอะ หิวจริงๆ"

“อ้าว แล้วก็ไม่บอกว่าหิว"

"...”

“ง้ันทำเลยก็ได้ กลัวจะมีคนมาเป็นลมใส่ห้องเรา"

น่ารักดีที่เขายอมเดินกลับมา ก่อนจะเริ่มโชว์ฝีมือตามที่อวดไว้ โดยมีผมซึ่งกลับไปนั่งอยู่บนเค้าน์เตอร์ที่เดิมแถมยังหยิบทาโร่ที่เขาซื้อมาแกะกินไปพลางดูเชฟยิ้มทำมื้อเย็นไปพลาง

ถึงแม้ท่าทางของเขาตอนหั่นผักและผัดข้าวในกระทะจะไม่ได้คล่องจนดูเป็นมืออาชีพสักเท่าไหร่ แต่ผมว่ามันก็ยังอยู่ในระดับที่โอเค สักพักข้าวผัดกุ้งที่ใส่แครอท ข้าวโพดอ่อน และถั่วลันเตาก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ผมมองคนที่ใช้ช้อนตักข้าวขึ้นมาจากกระทะพร้อมกับเป่าให้อุ่นแล้วได้แต่ยิ้มจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยทัก

"เลิกนั่งจ้องหน้าเราแล้วยิ้มตลอดเวลาได้แล้ว ทาโร่ทำลายประสาทหมอเหรอ? อ่ะชิม!"

พูดจบเขาก็ยื่นช้อนมาทางนี้ให้ผมอ้าปากรับ
...ก็อร่อยอยู่นะ!
ระหว่างที่กำลังเคี้ยวข้าวอยู่ผมก็มองสบตากับคนที่ยืนลุ้นอยู่ข้างๆ และกำลังถามเร่งให้ผมตอบ

“รีบเคี้ยวเร็วๆ อร่อยเปล่า?”

...จะรีบไปไหนล่ะคนเรา!

“เร่งจริง อร่อยแล้ว ลาออกจากคณะที่เรียนอยู่ไปเป็นเชฟกระทะเหล็กได้เลย"

ผมตอบพร้อมกับยิ้มมุมปากแล้วยักคิ้วไปให้ จนคนตรงหน้าต้องแยกเขี้ยวมาให้แบบที่เข้าใจกันว่าผมจงใจพูดให้เกินจริง
ก่อนจะรับช้อนจากมือผม แล้วกลับไปตักข้าวใส่จาน

ระหว่างนั้นผมก็เดินไปที่โซฟา หยิบแผ่นดีวีดีที่เพิ่งซื้อมา แล้วเดาเอาเองว่าเขาน่าจะเลือกดูมินเนียนก่อนเป็นเรื่องแรก ก่อนจะเดินไปเปิดเครื่องเล่นกับโทรทัศน์รอเอาไว้ก่อน

เรานั่งกินข้าวไปพลางดูการ์ตูนไปพลางเหมือนเด็กๆ สักพักข้าวผัดในจานก็หมดลงโดยที่เรื่องราวของไอ้ตัวกลมๆสีเหลืองที่ตามหาเจ้านายนี่ยังดำเนินไปได้ไม่ถึงไหน

ผมอาสาถือจานไปเก็บในครัว พอได้ยินอย่างนั้นอีกฝ่ายบอกว่าอยากล้างจานเลย เพราะไม่อยากให้คราบน้ำมันติดห้อง ก็กลายเป็นว่าเราต้องกดพอสการ์ตูนในจอเอาไว้ก่อน และไปจัดการครัวให้เรียบร้อย

ผมรับหน้าที่ล้างจานโดยมีคนข้างๆกำลังเปิดตู้เพื่อหาของกินไปเรื่อยๆ สักพักเขาก็หยิบซองขนาดไม่ใหญ่มากออกมาอันนึง และแกะออก ก่อนจะเอามันใส่เข้าไปในไมโครเวฟทั้งถุง สังเกตเอาจากตัวหนังสือและรูปที่ติดอยู่ ก็ได้คำตอบว่ามันคือป็อนคอร์นที่สามารถทำได้เองที่บ้าน

ระหว่างที่ผมล้างจานกำลังจะเสร็จ ไอ้ข้าวโพดคั่วที่โดนเอาไปป็อบอยู่ก็เริ่มส่งกลิ่นหอม หลังจากนั้นไม่ถึง 1 นาทีไม่โครเวฟก็หยุดทำงาน พร้อมกับที่คนข้างๆผมใส่ถุงมือแล้วหยิบถุงป็อบคอร์นเอามาเทใส่ถ้วยใบใหญ่ที่วางอยู่ พอดีกับที่ผมเก็บทุกอย่างเข้าที่เรียบร้อยแล้วหันไปเห็นอีกคนกำลังหยิบป็อบคอร์นใส่ปากหน้าตาเฉย จนผมต้องขยับเข้าไปใกล้และเอาคางไปเกยไว้กับไหล่คนที่ทำท่าจะเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่น และก็ได้ยินเสียงบ่นตามมาทันที

“ทำกระดูกสันหลังหายเหรอหมอ?”

พูดจบปุ๊บ ผมก็หยิบป็อบคอร์นป้อนใส่ปากเขาปั๊บ แล้วหยิบอีกชิ้นขึ้นมากินเอง ก่อนจะกลับมายืนตัวตรงได้เหมือนเดิมพร้อมกับหาวออกมา และเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังมองมาทางนี้แล้วหลุดขำ

“ไปนอนไป๊~"

เขาพูดเจือเสียงหัวเราะ ก่อนจะผลักผมเบาๆ เห็นอย่างนั้นผมก็ส่ายหน้าแทนคำตอบไม่ทันจะได้พูดอะไรออกมา เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นก็หยุดผมเอาไว้ก่อน

พอรู้ว่าเป็นโทรศัพท์ของตัวเองกำลังดังอยู่ เจ้าของห้องเขาก็ผละตัวไปหยิบมาดู ก่อนจะชูหน้าจอให้ผมดูว่าคนที่โทรมาคือพ่อของเขา เห็นอย่างนั้นผมก็ยื่นมือไปรับป็อบคอร์นในมือของอีกคนมาถือเอาไว้เอง ก่อนจะเดินไปนั่งรอที่หน้าโทรทัศน์

นั่งเล่นมือถือตัวเองอย่างคนไม่มีอะไรทำอยู่สักพัก ผมก็ได้ยินเจ้าของห้องเขาร้องออกมาด้วยความดีใจ

“จริงปะเนี่ย?? ไปนะ! ไป! ครับ เดี๋ยววันเสาร์กลับบ้านนะ"

ผมหันไปมองเขา ก่อนจะเห็นอีกคนยืนยิ้มกว้างจนตาโค้งอยู่ตรงนั้น พร้อมกับพูดออกมาแล้วพยักหน้าเร็วๆ

“ครับๆ สวัสดีครับ"

"เป็นไง?"

เห็นท่าทางดีใจจนเกินปกติของคนที่เพิ่งวางสายแล้วเดินมานั่งลงข้างๆกัน ผมก็ได้แต่ถามออกมา  พร้อมกับยื่นรีโมทใส่มือเขา เหมือนจะบอกกันว่าพร้อมดูเมื่อไหร่ก็กดเพลย์ได้เลย

อีกฝ่ายรับรีโมทไปวางเอาไว้บนตักตัวเอง ก่อนจะหันมายิ้มสว่างจ้าใส่ผมแล้วบอกกันสั้นๆ

"พ่อเราจะพาไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นรางวัล!"

ถึงว่า...เลยดีใจเอาซะขนาดนั้น

"พ่อบอกว่าเพราะเรายอมไม่ไปญี่ปุ่นเพื่องานนี้ ก็เลยจะพาไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นรางวัลที่ผลงานออกมาดี"

เห็นท่าทางของเขาก็ไม่ต้องถามแล้วครับว่าดีใจขนาดไหน
ผมส่งยิ้มให้ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วถามต่อ

"ดีแล้ว จะไปช่วงไหนอ่ะ?"

"ถ้าเป็นไปได้ก็คงเป็นอาทิตย์หน้ามั้ง อยากไปให้เร็วที่สุดอ่ะ ทิ้งไว้นานๆเดี๋ยวไม่ตื่นเต้น"

พูดจบเขาก็ส่งสายตามาให้ผมแล้วยักคิ้วใส่กันสองที จนผมต้องเอื้อมมือไปหยิบรีโมทที่วางอยู่กลับมา แล้วเอาไปซ่อนไว้ด้านหลัง พร้อมกับพูดออกมากับรอยยิ้มมุมปาก

"อารมณ์ดีละ ไม่ต้องดูแล้วมั้งการ์ตูนเนี่ย"

ได้ยินอย่างนั้นคนที่นั่งอยู่ข้างๆกันก็หันมาทำหน้ามุ่ยใส่ พร้อมกับยื่นมือมาขอรีโมทคืนจากผมแล้วบ่น

"จะดูต่อ เอาคืนมาเลย"

หน้ายุ่งๆของเขาทำให้ผมหลุดขำ  พออีกฝ่ายยื่นมือมาจะคว้ารีโมท ผมก็ยกมือขึ้นหนีเขาไปให้ไกลกว่าเดิม ยักคิ้วให้พร้อมกับยิ้มมุมปาก แล้วพูดต่อ

"ไม่ให้ จะทำไม?"

"หมอ...อย่าเล่นเป็นเด็กดิ!"

ได้ผลครับ คนที่เคยนั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟาขยับตัวหันหน้ามาทางนี้ แล้วยื่นแขนมาตั้งใจจะแย่งรีโมทอีกครั้ง โชคดีท่ีผมไหวตัวทัน ยืดแขนหลบเขาได้พอดี ก่อนตอบ

"ไหนใครเด็ก เด็กที่ไหนจะแขนยาวขนาดนี้ฮึ?" 

และมันก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายหน้ามุ่ยด้วยความขัดใจ เขาถอนหายใจหนักๆ วางมือค้ำลงบนหน้าขาของผมแล้วยืดตัวเข้ามามากกว่าเดิม เพื่อรีโมทอันเดียว เห็นท่าทางอย่างนั้นแล้วผมก็ได้แต่แอบขำ ก่อนจะถามต่อ

"นี่จะปล้ำเราปะเนี่ย?"

"ไอ้หมอ!"

"ก็มันโคตรใกล้อ่ะ ใกล้จนขยับนิดเดียว ปากก็แตะกันได้ละเนี่ย..."

พูดจบผมก็ยื่นหน้าไปสัมผัสริมฝีปากกับเขาเบาๆยืนยันคำพูดตัวเอง ก่อนจะรีบผละออกมา แล้วส่งยิ้มไปให้
ยิ่งเห็นอีกคนเม้มปากเข้าด้วยความตกใจ จนผมต้องหลุดขำแล้วพูดต่อ

"จริงๆนะ"

แล้วก็แตะจูบลงไปอีกที

"เนี่ย..."

...อีกที

"ดูดิ..."

...แล้วก็อีกที

"ใกล้มากว่ะ"

"ไอ้หมอบ้านี่!!!"

กว่าเขาจะรู้ตัวแล้วกระเด้งกลับไปอีกฝั่งนึงก็โดนไป 4 จุ๊บเต็มๆ

ผมมองคนที่นั่งเอามือปิดปากตัวเองทำตาขวางอยู่ตรงข้ามกันแล้วได้แต่หัวเราะถูกใจจนอีกคนต้องยืดขาออกมาแล้วถีบผมเข้าเต็มๆ

เย่~ คนอะไรโดนแฟนถีบ -_-

"โอ๊ย! เจ็บยิ้มเจ็บ อ่ะคืนแล้ว..."

ผมพูดพลางพยายามจะโยกตัวหลบ พร้อมกับยื่นรีโมทกลับไปให้ พอได้รีโมทกลับไปอยู่ในมือเขาอีกครั้งอีกฝ่ายก็ยอมหยุด

คนข้างๆถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะวางรีโมทลงบนโต๊ะตัวเล็กที่อยู่ด้านหน้า แล้วลุกขึ้นไปหยิบบีนแบ๊คอันใหญ่ที่วางอยู่บนพื้นขึ้นมาวางบนโซฟากั้นระหว่างเรา 2 คน เอื้อมมือไปเอาถ้วยป็อบคอร์นมากอดไว้  ก่อนจะพูดออกมาสั้นๆ

"กั้นอาณาเขต!"

ผมหัวเราะรับ เอนตัวพิงบีนแบ็คอันใหญ่แล้วพูดออกมา

“ถามก่อน...นี่งอนหรือเขิน?”

“ไอ้หมอบ้านี่"

“....”

“เขินดิถามได้!”


tbc.



- - - -



ตอนหน้าจะแบ่งเป็น 2 ท่อนน้า : )
ตอนจบครึ่งนึง แล้วก็เป็น epilogue ค่ะ
จะจบแล้วนะ ฮึบ... ; - ; เหงาหน่อยๆเหมือนกันอ่ะ


ขอบคุณนะคะ


หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-01-2016 00:08:23
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 05-01-2016 00:16:21
น่ารักอ่ะ ฮืออไม่จบได้ไหมคะ  :o12: :o12: :o12:

ถ้าเรื่องนี้จบเราคงจะคิดถึงยิ้มกับหมอน่าดู
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 05-01-2016 00:27:32
ยิ้มน่ารักมากกกก อิจฉาหมอ ชริ ได้ไปตั้ง4จุ๊ฟ  :hao3:
ขอบอกว่านี่นั่งอ่านไปกรี๊ดร้องไป ฮอออล์  :-[
ไม่อยากให้จบเลย ;____;
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 05-01-2016 00:33:54
4 จุ๊บ ......
ฟินตัวแตก >///<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: jejiiee ที่ 05-01-2016 00:39:03
 :hao6: :hao7: :z3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 05-01-2016 00:44:16
น่ารักกกกก จะจบแล้วเหรอไวจัง :hao5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 05-01-2016 00:44:23
ฟินเว่อรรรรร์ อิหมอนี่นะ
เห็นพี่กีบ่นในทวิตว่าลืมฉากสำคัญ ไม่เป็นไรน้าๆ :)
แค่นี้เราก็ฟินกันจะแย่แล้ว >///<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 05-01-2016 00:59:27
ไม่เอาไม่ให้จบ T_________T
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: Ferin1A ที่ 05-01-2016 01:06:35
ตายแล้วหัวใจฉันน :-[ :mew3: :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-01-2016 01:08:27
ใสใสกันอยู่นะคู่นี้
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 05-01-2016 01:09:26
เย้ คนอะไรโดนแฟนถีบ 555 หมอฮาไปป่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 05-01-2016 01:14:50
หมอออออออออ น่ารักไปป่าวหมออออออ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 05-01-2016 01:21:24
ตอนนี้เราหมั่นไส้หมอว่ะ จัดไป4จุ๊บ หมอเป็นคนเจ้าเล่ห์มาก รู้สึกจะได้กำไรจากยิ้มเต็มๆ
แล้วผลเป็นไงล่ะ โดน :z6: นี่ล่ะขำเลย :jul3:

ถ้าเรื่องนี้จบเราคงคิดถึงหมอกับยิ้มมากๆแน่เลย เพราะเราหลงรักหมอกับยิ้มไปแล้วอ่า ทำไงดี
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 05-01-2016 01:24:19
จะจบแล้วเหรอ เร็วจัง อย่าเพิ่งจบได้ไหมครับ :o12:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 05-01-2016 03:02:52
4จุ๊บบ ฟินไปสิหมออ
จะจบแล้วหรออ ต่อไปต้องคิดถึงหมอกะยิ้มแน่เลยอะ
ขอตอนพิเศษเยอะๆๆๆได้มั้ยคะะะะะะะะ
งือออออ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 05-01-2016 03:21:24
ใจหายยยยยยยยยจะจบแล้ว งื้ออออออ จะไปหาอ่านน่ารักๆแบบนี้ที่ไหนได้อีก :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: kkoyz ที่ 05-01-2016 05:07:56
น่ารักกกกกก ฮือไม่อยากให้จบเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-01-2016 06:27:10
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-01-2016 06:41:20
 :laugh:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: littlegift ที่ 05-01-2016 07:55:44
ไม่อยากให้จบเลย คงคิดถึงหมอกับยิ้มหวานแย่เลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 05-01-2016 08:20:52
มากอดบู้บี้หน้ากับหมออออออ รังแกยิ้มให้เขินได้ดีมาก ฮี่ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 05-01-2016 08:41:24
รักหนูยิ้ม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 05-01-2016 08:55:30
หมอนะหมอ...ทำยิ้มเขิน โอ่ยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 05-01-2016 08:55:35
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: duckduckk3 ที่ 05-01-2016 09:19:53
ทำไมยิ้มน่ารักจังเล้ยยยยยย /หยิกแก้ม
หมอออ เราขอยิ้มได้มั้ยยยยยยยยยยยย อิอิ

ยิ้มอย่าไปฟังพวกที่ไม่ยอมลงมือทำแล้วมาว่าเราหรอกนะ ปล่อยเขาไปเถอะ
ยิ้มของเราเก่งที่สุดเลยนะ :)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 05-01-2016 09:32:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: pukpra ที่ 05-01-2016 10:27:34
ิอ่านทีไรฟินทุกที โอ้ยยความดีงามนี้
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-01-2016 10:27:52
น้องยิ้มเขิน คนอ่านก็เขินค่า
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 05-01-2016 10:49:44
หมอรังแกได้น่ารักมาก
ยิ้มก็น่าแกล้งไม่เลิกรา

เป็นวันธรรมดาที่แสนพิเศษจริง ๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-01-2016 12:05:05
ขำยิ้มอ่ะ เขินรุนแรงมาก!
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: มิวมิว ที่ 05-01-2016 13:00:20
จะจบแล้วหรอ กะลังฟินเลยคู่นี้
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 05-01-2016 14:04:23
มันละมุน ลไมฝุดๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 05-01-2016 14:36:04
อ๋อยยย จะจบแล้วอ่ะๆ   :hao7:
ยังฟินไม่สุดเลย ฮ่าๆ   :laugh:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 05-01-2016 14:47:55
หวานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ยิ้มหวานน่าร้ากกกก  :L2: :กอด1: :กอด1:
จะจบแล้วจริงๆเหรอคะ คิดถงหมอกับยิ้มหวานแน่ๆเลยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 05-01-2016 15:01:57
เอ้อ เค้าก้อเขินนนนนนน  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 05-01-2016 15:27:24


ฮั่นน่อว... หมอนี่ลีลาเลิศ
แย่งรีโมทมาเพื่อการนี้เลยทีเดียว
สงสัยถ้าหมอคิดการใหญ่อยากได้ยิ้ม
หมอคงต้องคัฟเวอร์มินเนียนเพื่อให้ยิ้มยินยอมด้วยอารมณ์ชื่นบานเนอะ ^^

จะเหลือกี่ตอนก็จะรออ่านค่ะ
สวัสดีปีใหม่นะคะ ^^ 
 :L2:


หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-01-2016 15:34:20
 :mew2: ยังไม่อยากให้จบเลย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: hormonesyj ที่ 05-01-2016 16:09:54
หมออย่างเนียนอาะเอ๊าะะะ หวานนนน น่านักมาก ไม่อยากให้จบเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: matilda.taon ที่ 05-01-2016 16:54:14
ยิ้มมมมม  เอาหมอไปเที่ยวด้วยกัน ไป :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 05-01-2016 17:54:39
น่ารักอย่างแรง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 05-01-2016 18:28:20
ไม่อยากให้จบเลยค่ะ คิดถึงยิ้มหวานกับหมอมากแน่ๆ T////T
ตอนนี้เขินแรงมาก ไม่แน่ใจว่าระหว่างยิ้มกับเราใครเขินกว่ากัน 5555555555
หมอแม่งงงง ขยันหยอดจัง!!
 :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 05-01-2016 19:17:07
ยิ้มหวานกับหมอ จะจบแล้ววว (;ω;)
เป็นนิยายที่เรียล และน่ารักมากค่ะ
ตัวละครมีเอกลักษณ์ ลักษณะนิสัยโดดเด่น
ไม่เหมือนกันไปหมด
มีเหตุมีผล เขียนออกมาให้ยิ้มหวานได้นิสัยน่ารักมาก หมอก็ใจดีมาก ดูลงรอยกัน ดูรักกันจริง
ไม่ใช่อยู่ๆ ก็มารักกัน เหมือนจับวางลงล็อกว่าคนนี้ต้องคู่กับคนนี้นะ จนดูไม่มีมิติ
เรื่องนี้ทำได้เยี่ยมมากค่ะ อินจริงๆ อมยิ้มไปตามตัวละคร เนื้อเรื่องเลย ไม่อยากให้จบเลยแฮะ
แต่ก็อย่างว่าแหละ งานเลี้ยงก็ต้องมีเลิกรา
ขอให้มีแพลนเขียนเรื่องใหม่ในเร็วๆนี้ด้วยเถิด
รอติดตามผลงานนะคะ
รอตอนหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: khunkun91 ที่ 05-01-2016 19:48:30
ยิ้มไม่ทันหมอหรอออ โดนไปตั้ง4จุ๊บเพิ่งจะถีบหมอ 5555555555
 :laugh:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 05-01-2016 20:43:29
เขินตัวจะแตกอะ ทำไมหมอน่ารักงี้
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 05-01-2016 21:40:17
จะจบแล้วหรอ เกิดอาการเหงาเลย อิอิ
กำลังน่ารัก น่าฟินอยู่เลย
รอลุ้นความหวานต่อ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 05-01-2016 22:20:14
รอจ๊วบๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: bevobova ที่ 05-01-2016 22:53:54
 :sad4: :o12:  จะจบแล้วหรอออออ ฮือออ คิดถึงยิ้มของหมอแน่ๆเลยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: ที่เดิมในหัวใจสาววาย ที่ 05-01-2016 23:26:32
โดนหมอขโมยจุ๊บถึงกับสตั๊นไปเลยนะยิ้ม 5555 ว่าแต่ยิ้มนี่ก็กินเก่งจริงๆนะ ตอนนี้กินทั้งตอนอ่ะ
ยังไม่อยากให้จบเลย เรื่องนี้จบคงเหงาแน่เลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 05-01-2016 23:39:29
อ่านไปยิ้มไป>///<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 05-01-2016 23:49:52
เพราะน่ารักแบบนี้ไงหมอถึงแกล้งอ่า
กรี๊ดดดดดดดด เขินแทนยิ้มอ่ะ
"แฟนใครไม่รู้ยิ่งดูยิ่งน่ารัก ขอมองเธอสักพักจะเป็นไรมั้ย" ~
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 06-01-2016 01:58:56
อ้าวววจะจบละหรออออ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 06-01-2016 07:18:19
ยิ้มโคตรน่ารัก อ๊ากกกกกกก ไม่อยาดให้จบเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 06-01-2016 11:12:30
หมอน่ารักไปอ่ะ ใจเราสั่นเลยอ่ะหมอ
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: smilepengy ที่ 06-01-2016 19:25:35
ยิ้มปากบานแข่งกะน้องหมอ  :hao6:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: gessuriyong ที่ 06-01-2016 21:19:05
จริงๆแล้วการเที่ยวญี่ปุ่นในครังนี้ ไม่ต่างอะไรกับมหกรรมของกิน

เสียงของกะทะร้อนที่ดัง กับควันน้ำซุปที่ลอยฉุยๆ

สิ่งเหล่านั้นทำให้แฟนคลับน้ำย่อยเดิน ไม่ต่างกับแก๊งหมอเถื่อนเท่าไหร่เลยจริง  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 06-01-2016 21:36:25
อยากได้หมอ อยากได้หมอ ชอบหมอ ขอเราเหอะะะะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: iammilk ที่ 07-01-2016 20:54:15
จะจบแล้วหรอ โอ้ไม่นะ เป็นเรื่องที่น่ารักมากๆค่ะ  :mew2: :sad11:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: CIndY59 ที่ 07-01-2016 21:54:33
จะจบแล้ว หมอเพิ่งได้ไป 4จุ๊บบบบ

โอ๊ยยยย...ไม่อยากให้จบเลยอ่ะ
อยากอยู่ด้วยกัน มองดูความเติบโตของสองคนนี้ไปเรื่อยๆ (เหมือนดูลูกชายออกเรือน 55)
แบบ อยู่ต่อเลยได้ไหมมมมม.....

เป็นนิยายที่ชอบมากอ่ะ อ่านสบายๆ ยิ้มง่ายๆตลอดจนจบเลยอ่ะ
คนเขียนอธิบายอิมเมจของตัวละครได้ดีมากอ่ะ เราได้รู้จักตัวละครผ่านตัวละคร
เหมือนว่าตัวเราเข้าไปอยู่ในเหตุการ์ณ มีเพื่อนเป็นหมอและก็ยิ้มหวาน

อยากจะให้อยู่ยิ้มหวานให้กันไปอีกนานๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: kaireaw ที่ 07-01-2016 23:00:01
คือน่ารักมาก ไม่ทนนนนนน
หมอมันร้ายค่ะ หลอกจุ๊บยิ้มไป 4 ที ฮืออออ
ยิ้มก็น่ารัก เขินแล้วโวยวาย เอ็นดู :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 08-01-2016 21:02:59
เป็นเรื่องที่แวะเข้ามาอ่านทีไรก็ทำให้ยิ้มได้ตลอด สมกับชื่อเรื่อง ยิ้มหวานของหมอเลย
พอรู้ว่าจะจบก็แอบใจหายเหมือนกันนะ
อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนแอบดูเพื่อนกับแฟนคบกันไงไม่รู้ รู้สึกผูกพัน แง

หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: white feather ที่ 09-01-2016 21:49:54
ตอนหน้าก็จะจบแล้ว
คิดถึงหมอกับยิ้มหวานแย่เลย
ยิ่งอ่านยิ่งรัก 2 คนนี้มากมาย
ไว้เอาตอนพิเศษมาฝากเยอะๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 09-01-2016 21:59:44
เหงาๆไม่อยากให้จบเลย
หมอโคตรหลงแฟนจริงไรจริง อ่านคำว่าน่ารักประมาณสามสิบล้านคำได้ /เว่อร์มาก /เว่อร์ตามหมอแหละ 555555
อะไรจะอวยขนาดนี้ แต่ยิ้มก็น่ารักจริงจังไม่เถียงเลย :/

เชียร์อัพนะคะ :D
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: Prattana ที่ 11-01-2016 17:26:57
เพิ่งมาเจอเรื่องนี้เมื่อไม่กี่วันนี้เอง แค่อ่านตอนแรกก็ดึงเราไว้ให้ทิ้งเรื่องอื่นมานั่งเฝ้าหมอกับยิ้มหวานจนไม่เป็นอันทำอะไร
ชอบมากๆเลย เป็นนิยายในแบบที่เราตามหา ละมุนละไม อบอุ่น อ่อนหวาน อ่านแล้วยิ้มทุกตอนเลย
ชอบยิ้มหวานแทนตัวว่าเรา น่าร้ากกกก อยากได้ยิ้มหวานกลับบ้าน.. เจอหมอถีบ 555

ปรบมือให้คนแต่งค่ะ แต่งนิยายได้ชวนฟินชวนเขินแท้ เราเขินตัวแตกประหนึ่งเป็นยิ้มหวานโดนหมอจีบ และก็ "กลั้นฟิน" แทบไม่ไหวเวลานั่งอ่านในที่สาธารณะ เก๊กหน้านิ่งลำบากมากเวลาอ่านเรื่องนี้
เสียดายจังเลย จะจบเสียแล้ว ยังไงแต่งตอนพิเศษหรือแต่งเรื่องใหม่มาอีกนะคะ เรารอติดตามเสมอค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: basza2x ที่ 13-01-2016 15:24:30
สนุกมากกๆเลยครับ ไม่มี nc หรอ ฮ่าๆๆๆๆ  :mew2:

รอตอนต่อไปน่ะครับ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 13-01-2016 19:03:54
คู่นี้น่ารักมาก

อยากให้หมอได้ไปเที่ยวด้วยจัง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 14-01-2016 12:31:55
จะจบแล้วหรอ  :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [19] <16.12.15> page 43
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 17-01-2016 17:20:30
ทำไมหมอน่ารักแบบนี้
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: smilepengy ที่ 21-01-2016 08:07:44
น่าร้ากกกก เขินแทนเลย :mew3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 22-01-2016 19:42:50
คิดถึงยิ้มหวานแล้ววววววววววว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: Hopess ที่ 23-01-2016 16:37:48
พึ่งเคยเข้ามาอ่านยิ้มหวานของหมอ สนุกมากๆเลยค่ะ อ่านรวดเดียวจบเลยย ><
ยิ้มน่ารักม้ากมากกก อ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุขมากเลย ยิ้มตามตลอด ขอบคุณมากนะคะ
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 30-01-2016 00:55:10
อ้างถึง
❤ ประกาศค่ะ ❤ 
อยากจะบอกว่า... ตอนที่เราลงตอน 20 ไปมันมีความผิดพลาดเล็กน้อยค่ะ
คือเราลงไว้ไม่ครบ ; [] ; จะไป Edit แล้วเพิ่มก็กลัวว่าคนที่อ่านไปตั้งแต่ตอนเราลงใหม่ๆจะไม่ได้อ่านกัน
เราเลยยกยอดเอามาแปะไว้ตรงนี้ : )

ใครลืมไปแล้ว แว้บไปอ่านช่วงท้ายของตอนก่อนหน้าได้นะ แปะลิ้งไว้ให้ค่ะ
❤ CHAPTER 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46874.msg3274307#msg3274307)


คนข้างๆถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะวางรีโมทลงบนโต๊ะตัวเล็กที่อยู่ด้านหน้า แล้วลุกขึ้นไปหยิบบีนแบ๊คอันใหญ่ที่วางอยู่บนพื้นขึ้นมาวางบนโซฟากั้นระหว่างเรา 2 คน เอื้อมมือไปเอาถ้วยป็อบคอร์นมากอดไว้  ก่อนจะพูดออกมาสั้นๆ

"กั้นอาณาเขต!"

ผมหัวเราะรับ เอนตัวพิงบีนแบ็คอันใหญ่แล้วพูดออกมา

“ถามก่อน...นี่งอนหรือเขิน?”

“ไอ้หมอบ้านี่"

“....”

“เขินดิถามได้!”

ตอบผมเสร็จเขาก็กดเพลย์ให้เรื่องราวของพวกตัวเหลืองๆดำเนินต่อไป

ผมนั่งดูการ์ตูนไปเรื่อยๆและเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู็ ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็เป็นตอนที่เรื่องราวของพวกมินเนี่ยนจบลงไปเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับบีนแบ็คที่หายไป

ทันทีที่ตื่นเต็มตาผมก็หันไปมองอีกฝั่งนึงของโซฟา ก่อนจะเห็นว่าเขานั่งอยู่ตรงนั้นในชุดนอน บนตักมีแม็คบุ๊คเครื่องเดิมและสีหน้ายิ้มๆของเขาก็ดูเหมือนจะกำลังเล่นอะไรอยู่มากกว่าจะทำงาน จนผมต้องถามออกไป

“ทำอะไรอ่ะ?”

“อ่าวตื่นแล้วเหรอ? ...เมื่อกี้จะทำงาน แต่ตอนนี้คุยกับเพื่อนอยู่"

“หลับเฉยเลยว่ะ"

ผมพูดพลางจะยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจ ก่อนจะได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับมา

“ว่าอยู่ เห็นนั่งหาวอยู่สักพักละ เรียนทั้งวันแล้วยังต้องมาเล่นกับเราอีก เหนื่อยอะดิ"

คำว่า 'ยังต้องมาเล่นกับเรา' ทำเอาผมหลุดขำ ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้เขาแล้วมองไปยังหน้าจอที่เปิดอยู่ นอกจากไลน์ที่คุยกับเพื่อนแล้วยังมีโปรแกรมที่เจ้าตัวใช้ทำงานเปิดอยู่จนผมต้องถาม

“ไง...หายเซ็งแล้วเหรอทำงานได้ละ"

“ใช่...”

เขาตอบกลับก่อนจะขยับมานั่งพิงไหล่ผม แล้วเล่าต่อ

"เพราะเมื่อกี้เราได้คุยกับพ่อ เลยทำให้นึกถึงช่วงก่อนที่เราจะขึ้นมหาลัยขึ้นมา ตอนนั้นพ่อเพิ่งซื้อมินิคันนี้มาให้เราเป็นของขวัญวันเกิด และวันเสาร์นั้นเราก็ต้องไปทำงานกลุ่มที่โรงเรียนพอดี...เราคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ถึงได้ขับรถไปโรงเรียน ไปแบบไม่มีใบขับขี่ด้วยเหอะ แล้วก็โดนพูดถึงประมาณวันนี้เลย จำได้ว่าตอนนั้นเซ็งกว่านี้อีก"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็ยกมือขึ้นวางบนผมเขาแล้วลูบไปมาซ้ำๆเหมือนกำลังลูบขนแมวเล่น ก่อนจะรับคำ

“อืม...แล้วตอนนั้นทำไง”

“กลับบ้านมาบ่นให้พ่อฟัง คล้ายๆที่บ่นกับหมอวันนี้เลย ว่ารู้งี้น่าจะเถียงให้รู้เรื่องไป อยากต่อยกันก็ต่อยเลยจะได้จบๆ แต่พ่อเราฟังแล้วขำ แล้วก็พูดเรื่องที่อ่านมาจากหนังสือธรรมมะให้เราฟัง ว่าเวลาที่โดนหมาเห่าใส่ ถ้าเราดันไปเห่ากลับ เราก็จะกลายเป็นหมาอีกตัว"

“โห...”

“สุดยอดปะล่ะ พอนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เราก็เลยคิดว่าจะเลิกใส่ใจดีกว่า ถ้าเจอกับรุ่นพี่คนนั้นที่คณะอีกก็จะเมินๆซะ อยากพูดอะไรก็พูดไปเหอะ เราจะไม่สนใจแล้ว"

“ดีนะ..”

“อืม...”

“ดีที่โตมาเป็นคนแบบนี้ คิดเรื่องพวกนี้ได้ด้วยตัวเอง ต้องขอบคุณพ่อกับแม่ใช่มั้ยที่เลี้ยงลูกเก่งขนาดนี้"

“แน่นอน...”

เขาพูดพลางเอนหัวซบลงมาบนไหล่ผม จากเดิมที่เรานั่งพิงกันอยู่เฉยๆ ก่อนเจ้าตัวจะเปิดงานขึ้นมาแล้วก็นั่งเช็คไปเรื่อยๆ ผมมองภาพที่อยู่หน้าจอแล้วก็พอรู้ว่ามันเป็นแบบของห้องอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่เข้าใจรายละเอียดทั้งหมดอยู่ดี เลยชวนคุยไปอีกเรื่องนึง

“ตกลงไปญี่ปุ่นอาทิตย์หน้าจริงดิ"

“อืม เหมือนญาติๆจะไปด้วยหลายคนเลย"

ได้ยินที่เขาพูดออกมาแล้วผมก็นิ่งคิดไปสักพัก ก่อนจะพูดต่อ

“จะเหงาปะวะ?”

“หมอ... เกินไป!”

“เฮ้ยจริงๆ เหมือนเราไม่เคยห่างกันเลยปะ ตั้งแต่ตอนที่เราตามจีบจนได้คบกันเนี่ย"

คนฟังหันมาทำหน้ามุ่ยใส่ผม ก่อนจะตอบกลับ

“ก็จริง...”

พูดจบเขาก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วส่งสายตาจับผิดมาให้กันแล้วพูดต่อ

“เนียนว่ะ ค่อยๆแทรกแซงเข้ามาในชีวิตเราทีละนิดๆ เดี๋ยวนี้นี่เดินเข้าออกห้องเราสบายเลยเนอะ"

สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมหลุดหัวเราะแล้วพูดต่อ

“รู้ตัวตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วยิ้ม"

“แน่ใจว่าไม่ทัน?”

โอ๊ย! ขยันเถียงว่ะ
ผมมองคนที่ทำเป็นย่นจมูกมาใส่กันแล้วยกไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นไปจับแก้มนิ่มๆทั้ง 2 ข้างของเขาแล้วดึงยืดออกด้วยความสนุก
รอจนอีกฝ่ายร้องโวยวายออกมาผมถึงได้ปล่อยมือออกแล้วยักคิ้วกลับไปให้

“เดี๋ยวจะโดน!”

เขาไม่ตอบกลับ แต่ยักคิ้วกลับมาเหมือนกัน แล้วพูดไปอีกเรื่องนึง

“กลับบ้านยัง สี่ทุ่มกว่าแล้ว"

“นอนนี่ได้ปะ?"

“เนียนเรื่อย...”

“ล้อเล่น กลับดิ กลับเลยดีกว่า"

ผมพูดพลางลุกขึ้นทันที แล้วเดินไปหยิบกระเป๋ามาสะพายที่ไหน ส่วนอีกคนก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบคีย์การ์ดกับกระเป๋าตังค์ ที่อีกมุมนึงของห้อง ปล่อยให้ผมมองแผ่นหลังของคนที่อยู่ตรงหน้า แล้วอยู่ๆก็เอาแต่ยิ้มออกมาอย่างไม่มีเหตุผล

ผมไม่เคยจินตนาการถึงภาพของเราสองคนที่กำลังดินเนอร์ใต้แสงเทียนบนดาดฟ้าของตึกสูงหรืออะไรอย่างอื่นที่หรูหราประมาณนั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเองไม่ได้อยู่ในวัยที่จะเข้าใจความโรแมนติคของการทำแบบนั้นหรือเปล่า

แต่สำหรับผมในตอนนี้ แค่ได้เล่นกัน เถียงกันตีกันไปตีกันมาอยู่ทุกวันอย่างนี้
ได้ทำกิจกรรมธรรมดาทั่วไป ที่ไม่แปลกใหม่ไปจากชีวิตประจำวัน โดยมีเขาเข้ามาเป็นส่วนนึง
สำหรับผม แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว

tbc.


- - - -


หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 30-01-2016 00:55:59
(https://pbs.twimg.com/media/CZ5_EP8UsAAkaSn.jpg)
กรี้ดกร้าดในทวิตฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ นะคะ



- 21 -


ยิ้มหวานไปญี่ปุ่นได้ 5 วันแล้วครับ

ถามว่าผมเหงามั้ย มันก็ไม่ถึงกับเหงาซะทีเดียวนะ แต่รู้สึกเหมือนชีวิตในแต่ละวันมีสีสันน้อยลง มันไม่สนุกเท่าเดิมเพราะขาดคนมาคอยชวนเล่นโน่นเล่นนี่

ห้าวันที่ผ่านมาผมโดนไอ้พวกนี้ลากไปเมามาแล้วสองครั้ง หนึ่งในนั้นผมต้องเลี้ยงตามสัญญาที่ให้ไว้ว่าถ้าจีบยิ้มหวานติดผมจะเลี้ยงเหล้าพวกมัน ส่วนอีกวันโดนลากออกไปเฉยๆ แบบไม่มีเหตุผล

นอกจากนี้ก็ไม่มีกิจกรรมอะไรแปลกใหม่มากไปกว่าการตื่นเช้า ใส่หูฟังเปิดเพลงดังๆ ขึ้นบีทีเอสไปเรียน กลับบ้านนอน และรอข้อความที่อีกฝ่ายจะส่งมาบ้างทางไลน์ ถ้าเจอสัญญาณไวไฟ ซึ่งส่วนใหญ่สิ่งที่เขาส่งมามักจะเป็นรูปถ่าย รูปเจ้าตัวบ้าง ของกินบ้าง พร้อมกับคำบรรยายสั้นๆ

เลิกเรียนเเสร็จพวกผมก็แวะไปกินส้มตำแถวราชเทวีก่อนจะก็มารวมตัวกันที่บ้านไอ้เบอร์สอง เพื่อจะติวหนังสือเพราะพรุ่งนี้มีสอบย่อย คำว่า 'สอบย่อย' ฟังดูดีโคตรครับ แต่สอบก็คือสอบ จะใหญ่หรือย่อยแม่งก็สอบปะวะ
...แค่คิดก็อยากจะแกล้งตาย

พวกผมหยุดพักกันตอน 3 ทุ่ม และไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งพักแบบเปื่อยๆ กันอยู่ในห้อง มีแค่ไอ้เบอร์สองที่ออกไปโทรหาแฟนมันเหมือนทุกที

เพราะไม่มีอะไรจะทำ ผมเลยหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูหน้าแชทที่ผมคุยกับยิ้มหวานเอาไว้  ไล่ดูเห็นรูปภาพมากมายที่เขาส่งมาตั้งแต่วันแรกแล้วก็ต้องหลุดขำออกมาตอนที่เจ้าตัวส่งรูปอูนิมาให้ผมแล้วพิมพ์ตามมาว่า

*จู๋หอยเม่นของหมอไง

ผมนั่งดูไปเรื่อยๆ จนถึงรูปล่าสุดที่เป็นป้ายหน้าช็อปไนกี้ พร้อมข้อความที่พิมพ์มาว่า

*ช็อปที่สาม
*ยังคงไม่มี
*มันมีแต่ไซส์เราว่ะ
*น่าซื้อไปใส่ให้หมออิจฉาเนอะ
*แล้ววันต่อมาหมอก็เอารองเท้าเราไปใส่ดินละปลูกต้นไม้เลย
*5555


พอจะเข้าใจอยู่หรอกครับ เพราะรุ่นนี้เป็นรุ่นใหม่
ผมไปถามตามช็อปแถวสยามกี่ที่ก็หมดตลอด ซื้อไม่เคยทันคนอื่น -_-

*555 ต๊องว่ะยิ้ม
*ไม่เจอก็ไม่เป็นไร เรารอซื้อที่ไทยก็ได้
*เที่ยวให้สนุก


นี่คือข้อความล่าสุดที่เราคุยกัน หลังจากนั้นเขาก็หายไปเลยตลอดช่วงบ่าย
พอไม่มีอะไรจะทำต่อผมก็กดล็อกหน้าจอมือถือ
กำลังจะโยนมันกลับลงไปในกระเป๋าแล้วครับ ถ้าข้อความของเขาไม่เด้งขึ้นมาก่อน เกือบไปแล้วเหอะ ผมปิดเสียงมือถือไว้ด้วย ถ้าทักมาหลังจากนี้แป๊บนึงก็ไม่ได้คุยกันละ

*ก๊อกๆๆ
*นอนยัง?
*อ่านหนังสือเปล่า?

*อ่านอยู่
*ที่นั่นห้าทุ่มละปะ
*กลับโรงแรมยัง?


*แล้ว ^ ^


สิ่งที่ตามมาหลังข้อความคือรูปของเขาที่เอาผ้าห่มปิดหน้าไว้ครึ่งนึงและกำลังนอนอยู่บนเตียงครับ
เห็นอย่างนั้นผมเลยตอบกลับไป


*ไปนอนไป
*เที่ยวมาทั้งวัน


*ไล่ว่ะ
*แป๊บดิ มีเรื่องจะถาม
*พรุ่งนี้ดึกๆ ว่างเปล่า

*ไม่ได้ไล่ ทำไมอะ?
*ว่างกับบางเรื่อง
*กับบางเรื่องก็ไม่ว่าง


*กวนตีนนะน้อง
*ไม่ว่างใช่มั้ย
*พี่จะให้มารับที่สนามบินอ่ะ
*ไม่มาเนอะ
*บ๊ายบาย ฝันดี

*ยิ้ม!!!

*อย่ากวนดิ
*ง่วงอ่ะ จะนอน

*แฟนเว้ยยย
*กลับมาก่อน
*แลนดิ้งกี่โมง?


*55555555
*สี่ทุ่มครึ่ง
*ตกลงว่างใช่ปะ?

*จะขับรถออกไปรอตั้งแต่ตอนนี้แล้วเนี่ย

*เกินไปเหอะ!
*ไปอ่านหนังสือไป
*เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันละ



ผมยังไม่ทันจะได้คุยกับยิ้มหวานจนจบ อยู่ดีๆ ก็มียางลบลอยมาจากอีกฝั่งนึงของห้อง เห็นตัวหนังสือที่เขียนเป็นชื่ออยู่บนนั้นก็พบว่ามันเป็นของไอ้เบอร์สอง คือพวกผมใช้ยางลบยี่ห้อเดียวกัน วันก่อนแม่งสลับกันมั่วชิบหาย

ชิบหายกว่าตรงที่ทุกคนยืนยันว่าของตัวเองคืออันที่ใหม่ที่สุด และไม่มีใครอยากได้อันที่เหลืออยู่ครึ่งก้อนเลย คือมึงเถียงกันเรื่องยางลบจริงจังเป็นสิบนาที ก่อนจะแก้ปัญหาด้วยการจับสลากแจกยางลบกันใหม่ และเขียนชื่อลงไปบนก้อนของตัวเองเป็นสักขีพยาน

และแน่นอนครับ ที่ทุกคนกำลังรับรู้กันอยู่นี่
คือเรื่องราวของนักศึกษาแพทย์ปี 2 นั่นเอง...

ผมมองตรงไปยังทิศทางที่ยางลบลอยมา พอเห็นว่าพวกมันสามคนกำลังมองมาทางนี้แล้วทำหน้ากวนตีนมาให้กัน ผมก็ถามออกมา

“มองหน้ากูทำไม?”

“ไหน...ใครมองหน้าครับ กูมองตีน"

ไอ้เบอร์หนึ่งตอบออกมาก่อน โดยมีไอ้โคนันตบท้ายอย่างสร้างสรรค์

“มันบอกว่ามึงหน้าส้นตีน...”

ขอบคุณสำหรับความสามัคคี...


- - - -


เย็นวันต่อมา ผมเลิกเรียนตอน 4 โมงตามเวลาปกติ และขึ้นบีทีเอสกลับบ้านทันที จนถึงกับโดนแม่ทักว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่เห็นลูกชายกับพระอาทิตย์พร้อมๆ กัน และทันทีที่ผมบอกกันว่าเดี๋ยวคืนนี้จะออกไปนอนบ้านเพื่อน ก็ยังไม่วายโดนคุณคนสวยบ่นกลับมาแบบขำๆ

หลังจากจัดการมื้อเย็นแบบครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งสี่คนเสร็จเรียบร้อย ผมก็ขึ้นมาบนห้องนอน นั่งอ่านหนังสือทบทวนสิ่งที่เรียนมาอยู่ในห้อง รอสักพักจนกระทั่งใกล้เวลาที่จะออกจากบ้าน ผมก็อาบน้ำใส่เสื้อบาสที่ได้มาตอนแข่งกับกางเกงขาสั้นสบายๆ ก่อนจะเก็บชุดสำหรับใส่ไปเรียนพรุ่งนี้ใส่กระเป๋า

เตรียมพร้อมจะไปนอนคอนโดเขาเรียบร้อยแล้วครับ เจ้าของห้องยังไม่ชวนเลยสักคำ
หมอไงจะใครล่ะ -_-

จนกระทั่งเกือบๆ สามทุ่ม ผมหยิบแจ็คเก็ตขึ้นมาใส่ ถือเป้ใบนึงขับรถออกจากบ้านแล้วตรงไปสนามบินสุวรรณภูมิทันที
พอรู้ตัวว่าไปถึงก่อนเวลาประมาณนึง ผมก็เลยไปนั่งรออยู่ที่ร้านกาแฟแล้วไลน์ไปบอกคนที่ผมรออยู่ว่าผมมาถึงแล้ว เปิดมือถือเมื่อไหร่ก็ติดต่อกันได้เลย

ผมนั่งใส่หูฟังกลบเสียงวุ่นวานจากรอบข้าง ก่อนจะอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ สักพักก็มีข้อความเข้ามาครับ

*ถึงแล้ว ^^

เขาพิมพ์มาแค่นั้น ก่อนจะตามมาด้วยรูปภาพของหมายเลขประตูที่เจ้าตัวยืนอยู่

เห็นอย่างนั้นผมก็ลุกขึ้น เก็บของใส่กระเป๋าแล้วเดินออกจากร้านไปโดยที่ติดมอคค่าเย็นในมือไปด้วย ตอนที่เดินไปมันก็ไม่มีอะไรหรอกครับ แต่พอสังเกตเห็นว่าเขาอยู่ตรงไหนเท่านั้นแหละ ผมนี่ตัวแข็งเหมือนอยู่ๆ ก็โดยจับเข้าตู้แช่เซเว่นไปซะอย่างนั้น

ยิ้มหวานอยู่ตรงหน้าผมแล้วครับ แค่เดินไปอีกไม่ถึงสิบก้าวเท่านั้น เราก็จะได้เจอกัน...
ดูเหมือนจะโรแมนติก เหมือนฉากในหนังฝรั่งใช่ปะล่ะ?

แต่ความจริงคือเขาไม่ได้อยู่คนเดียว... รอบตัวเขามาทั้งพ่อแม่พี่น้องลุงป้าน้าอาและใครก็ไม่รู้หมดห้อมล้อมอยู่เต็มไปหมด เอาจริงๆ เห็นแว้บแรกผมถึงกับหยุดเดินไปโดยอัตโนมัติ ความรู้สึกเหมือนกำลังจะเดินเข้าห้องปกครองคงจะเป็นอย่างนี้แหละมั้ง...

ผมยืนถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าจะเข้าไปเลยดีไหมหรือจะนั่งรอเขาตรงนี้แล้วบอกว่ามาถึงแล้วดี
ระหว่างที่ความคิดกำลังตีกันวุ่นวายอยู่นั้น ผมก็ก้าวเท้าไปข้าวหน้าเพื่อจะเดินต่อไป แต่พอคิดว่าอย่าเข้าไปเลย ผมก็ก้าวถอยหลัง ถอยไปถอยมาอยู่สักพัก รู้ตัวอีกทีก็อยากขอเพลงสุนทราภรณ์เบาๆ ซะหน่อย จะได้รู้สึกเหมือนกำลังเต้นลีลาศกลางสนามบิน หนึ่ง สอง สาม สี่~ ไอ้สัด! ตลกพอยัง?

แต่ยังไม่ทันได้ตัดสินใจ คนที่ยืนอยู่ห่างออกไปก็หันมาทางนี้แล้วโบกมือมาให้กัน จนผมได้แต่อุทาน 'ชิบหาย...' ในใจ
ไม่ต้องคิดแล้วครับ ไม่ต้องเต้นลีลาศแล้วด้วย ทักกันขนาดนี้ก็ต้องบุกแล้วปะวะ!

ผมรู้ตัวเองว่ากำลังยิ้มเด๋อๆ แล้วก็เดินตรงไปหาเขา ก่อนจะยกมือไหว้พ่อแม่และญาติๆ ของเขาทุกคน ยิ้มหวานหน้าเหมือนพ่อนะ แต่รอยยิ้มกว้างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัวกลับได้รับมาจากแม่ เขามีพี่สาวตัวเล็กๆ ที่หน้าคล้ายกันแถมยังน่ารักอยู่พอตัวอีกต่างหาก

ระหว่างที่ผมกำลังเงียบอยู่นี่ คนตรงหน้าก็หันไปพูดกับพ่อแม่เพื่อแนะนำผมให้ทุกคนรู้จักแบบสั้นๆ สั้นมาก....

“นี่ไงเพื่อนที่บอกว่าจะมารับ"

พอพูดออกไปอย่างนั้นผมก็ได้ยินแม่เขาบ่นใส่เจ้าตัวว่าให้เพื่อนขับรถมารับดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ได้ไง ก่อนจะได้ยินเจ้าตัวตอบกลับไปว่าเพื่อนน่าจะนอนที่คอนโด แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ออกไปเรียนด้วยกัน
ทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น ผมก็ต้องกลับมาทำหน้ากลั้นฟินอีกครั้ง...
ฉลาดจังเลยแฟน!

หลังจากนั้นไม่นานผมก็ต้องรับหน้าที่เฝ้ากระเป๋าใบใหญ่ของยิ้มหวาน และให้เจ้าตัวเดินไปส่งพ่อแม่และญาติๆ ขึ้นรถแวนที่มารอรับอยู่
สักพักเขาก็เดินกลับมา และลากใบใหญ่กับถุงช้อปปิ้งสามใบโตๆ ที่วางอยู่บนกระเป๋ากลับไปถือเอง ก่อนจะหันมายิ้มให้กันจนตาโค้งเป็นสระอิ ระหว่างที่เราเดินออกจากประตูมา

“โดนนินทาด้วยรู้ตัวปะ?”

ได้ยินอย่างนั้นผมก็หันไปมองแล้วเลิกคิ้วถาม รอให้เขาพูดต่อ

“แม่เราบอกว่าเพื่อนหล่อดี พี่สาวบอกว่าไม่ได้หล่อมากขนาดนั้นแค่ขายาวเฉยๆ"

พูดจบอีกฝ่ายก็หันมาหัวเราะใส่กัน จนผมต้องยกมือขึ้นวางบนผมเขาแล้วขยี้เบาๆ

“แล้วตอบไปว่าไง"

“เราบอกว่าหน้าแบบนี้เฉยๆ เหอะ ที่มอมีเยอะแยะ แล้วก็สูงกว่าเราแค่สองสามเซ็นเอง"

พูดจบก็หันมายักคิ้วใส่จนผมต้องแกล้งผลักหัวเขาเล่น แล้วตอบกลับไป

“ก็จริงอ่ะ คนหล่อกว่าเรายังมีอีกเยอะ ยิ่งขายาวกว่าเราก็ยิ่งเยอะเข้าไปใหญ่"

“....”

“แต่เราอ่ะ มีคนเดียวนะ"

ผมพูดแล้วส่งสายตาไปให้คนที่เดินเข็นกระเป๋ามาข้างกัน พอเราสบตากันเข้า เขาก็แยกเขี้ยวกลับมา 

“เรา...ซื้อตั๋วกลับไปญี่ปุ่นอีกรอบตอนนี้ทันมั้ย?”

ได้ยินอย่างนั้นผมก็หลุดขำ ก่อนจะยื่นแขนไปกอดคอเขา

“อย่าไปเลย...คิดถึง"

“อย่าเวอร์น่า คิดถึงอะไร เราก็ไลน์หาตลอดเหอะ"

เขาตอบพลางมองกันด้วยหางตา จนผมต้องใช้มือข้างที่กอดคอเขาอยู่หยิกแก้มเข้าให้ แล้วพูดต่อ

“ไลน์มันดึงแก้มกันแบบนี้ได้ที่ไหนล่ะ ฮื้ออ..."

ระหว่างที่พูดอยู่นี่อีกฝ่ายก็หันหน้ามา ก่อนจะอ้าปากทำท่าจะงับนิ้วกันจนผมต้องรีบปล่อยมือออก

เดินเล่นกันไปเรื่อยๆ สักพักเราก็มาถึงรถกันสักที

ช่วงดึกๆ รถไม่ค่อยเยอะเท่าตอนกลางวัน แถมยังขับรถสนุกกว่าด้วยครับ ใช้เวลาเดินทางไม่นานเราก็มาถึงคอนโด คนที่เดินทางข้ามทะเลมาจัดการวางกระเป๋าเดินทางเอาไว้กลางห้องนอนก่อนจะหนีไปอาบน้ำ ทิ้งผมเอาไว้คนเดียว

รอสักพักเขาก็เดินออกมาจากห้องน้ำในชุดนอนลายสก๊อตเข้ากันพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดอยู่บนไหล่ และเส้นผมที่ยังไม่แห้งสนิท  เขาเดินตรงลงมานั่งลงรูดซิปเปิดกระเป๋าเดินทาง ผมเดินไปนั่งข้างๆ กันแล้วถามออกมาพร้อมกับยื่นมือข้างนึงไปหยิบผ้าขนหนูบนไหล่เขามาวางไว้บนหัว ใช้ปลายนิ้วมือนวดเบาๆ ให้ผ้าซับน้ำของจากผมของเขา

“ไม่เหนื่อยเหรอเนี่ย?”

“ไม่อ่ะ ไปกับรุ่นใหญ่ขนาดนั้น บอกเลยทัวร์สโลว์ไลฟ์สุดๆ วันเดียวที่เหนื่อยคือวันที่เรากับพี่แล้วก็หลานอีกคนนึงแยกมาช้อปปิ้ง กับไปโตเกียวดิสนีย์แลนด์"

เขาพูดพลางหยิบโน่นหยิบนี่ไปเรื่อยๆ ก่อนจะหยิบกล่องรองเท้าอาดิดาสออกมาจากถุงและยื่นกล่องใบนั้นมาให้กัน

“อ่ะ..."

“ฮะ?”

ผมรับมาอย่างงงๆ กำลังจะปฏิเสธเลยว่าของฝากราคาแพงขนาดนี้ผมรับไว้ไม่ได้จริงๆ

แต่พอเปิดกล่องออกดูสิ่งที่เห็นก็ทำเอาผมลืมเรื่องที่จะพูดไปจนหมด...ตรงหน้าผมมีรองเท้ารุ่นที่อยากได้มากๆ มันคือไนกี้ที่นอนอยู่ในกล่องอาดิดาส... ดูแปลกประหลาดจนต้องหันกลับไปมองคนที่หันมาทางนี้อยู่แล้ว พอเราสบตากัน อีกฝ่ายก็แลบลิ้นมาให้ผมพร้อมกับยิ้มกว้างๆ เหมือนจะถูกใจที่หลอกกันได้สำเร็จ

“เราขอสลับกล่องรองเท้ากับพี่อะ ดีนะที่ยัดลงไปได้"

“แล้วไหนบอกหาไม่เจอ?”

“เราบอกไม่ครบไง หาไม่เจอที่ช็อปแรก แต่พอไปอีกช็อปนึง ก็เจอเลย"

“น่ารักเอ้ย!”

ผมพูดพลางยื่นมือไปขยี้หัวเขาเล่นผ่านผ้าขนหนูอีกที ก่อนจะโดนเจ้าตัวบ่นเข้าให้

“เพิ่งจับรองเท้าแล้วมาขยี้หัวเราเนี่ยนะ?!”

คำตอบที่ผมให้เขากลับไปคือการยักไหล่ แล้วกลับมามองรองเท้าคู่เก่งอย่างมีความสุข ปล่อยให้อีกฝ่ายแยกของที่ซื้อมาออกเป็นกองๆ ไปเงียบๆ ก่อนที่สักพักก็มีตุ๊กตาตัวเล็กๆ ลอยมาตกลงตรงหน้า

“อ่ะของฝาก!”

ผมหันไปมองคนพูด ก่อนจะเห็นว่าเขาหยิบตุ๊กตาตัวเล็กๆ อีกตัวขึ้นมาตรงหน้าตัวเอง
มันคือตัว...ตัวอะไรวะเนี่ย? เดาเอาว่าน่าจะเป็นกระรอก....-__- ผูกโบว์ไทสีดำซะด้วย

ไอ้กระรอกสองตัวในมือผมกับเขานี่หน้าตาคล้ายกันสุดๆ แต่ตัวในมือผมมีสีเข้มกว่าและถือส้อมอันใหญ่ ส่วนตัวที่อยู่ในมือเขาสีอ่อนและถือโดนัทขนาดเกินตัว ผมเคยเห็นหน้าไอ้ตัวนี้ครับ รู้แค่ว่ามันอยู่ในตระกูลดิสนีย์ แต่ไม่รู้ว่ามันชื่ออะไร...

“มันชื่อตัวอะไรแล้วนะ?”

“ไอ้ตัวในมือหมออ่ะชื่อชิพ"

น้ำเสียงที่เขาบอกกัน ทำเอาผมรู้สึกเหมือนตัวเองมีความผิดที่จำชื่อไอ้สองตัวนี้ไม่ได้

“ส่วนตัวนี้ชื่อเดล ของเรา"

น่ารักโว้ย!!
ยังครับ... ยังไม่ทันได้ทำอะไรสักอย่างเพื่อระบายความรู้สึกแน่นๆ ที่อัดอยู่ในใจ คนตรงหน้าก็ยื่นมือมาให้ผมแล้วพูดออกมา

“เอากลับมานี่ก่อน"

ได้ยินอย่างนั้นปุ๊บผมก็ดึงไอ้ตุ๊กตาพวงกุญแจเข้าหาตัวทันที จนเขาต้องพูดซ้ำ

“เอามาก่อนแป็บนึง หวงอะไรเนี่ย"

ผมยอมยื่นไอ้กระรอกตัวเท่าฝ่ามือกลับไปให้คนตรงหน้า ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายชูมันขึ้นมา แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

“นี่ชิพ...”

อืม...แล้วไงวะ?
ไม่ทันที่ผมจะได้ถามว่าแล้วไงต่อ อีกฝ่ายก็เอาไอ้ตัวที่ชื่อชิพนั่นไปซ่อนไว้ข้างหลังแล้ว ก่อนจะพูดออกมา

“นี่...ชิพหาย!"

.

...

......

........

............

................ -_-


เงียบกริบ...
ยิ้ม อะไรของยิ้มวะ

พอเขาเห็นว่าผมทำหน้านิ่งรับมุกตลกที่เจ้าตัวหิ้วข้ามน้ำข้ามทะเลมาเขาก็ยื่นตุ๊กตากลับมาให้ผม ก่อนจะถามด้วยหน้าหงอยๆ

“ไม่ตลกเหรอ?”

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบแล้วพูดต่อ

“เพิ่งมาจากญี่ปุ่นใช่มั้ย? เอาไป 100 เยนแล้วไปเล่นตรงโน้นนะ”

“แรงอ่ะ! เอาชิพไปเลย แล้วเอารองเท้าคืนมาด้วย!”

เขาพูดแล้วโยนตุ๊กตาตัวเล็กๆ มาตกลงตรงหน้าผมอีกรอบ จนผมต้องจับเท้ามันแล้วหยิบขึ้นมาแบบห้อยหัวก่อนจะพูดเจือเสียงหัวเราะ

"โอ๋...ชิพหายพ่อไม่รัก"

คนฟังได้ยินอย่างนั้นก็หันมาแยกเขี้ยวใส่กันก่อนจะกลับไปรื้อของต่อแล้วยื่นกล่องอะไรก็ไม่รู้มาให้กันอีกอันนึง

“นี่ขนม ของฝากบอยแบนด์หล่อสัดรัสเซีย"

ตามมาด้วยตุ๊กตาตัวพอๆ กันกับไอ้ชิพหายพ่อไม่รักที่นอนตายอยู่บนตักผมนี่แหละ
...คราวนี้รู้จักเว่ย มินนี่เม้าส์!

“อันนี้ของน้องสาว แล้วก็นี่ของพ่อกับแม่นะ"

ปิดท้ายด้วยกล่องใบเล็กๆ อีกใบที่ผมเดาเอาว่าน่าจะเป็นชา ซึ่งมาพร้อมกับพลาสติกเป็นโครงสีๆ รูปการ์ตูน ที่เอาไว้ทำอะไรก็ไม่รู้ และถ้าไม่รู้ก็ควรจะถามใช่มั้ย?

"อันนี้อะไร?"

ผมถามพลางยกไอ้ของที่ว่าขึ้นให้เขาดู ก่อนจะได้คำตอบกลับมา

“พิมพ์คุ้กกี้ไง เอาไว้กดลงไปบนแป้งให้คุ้กกี้เป็นรูปต่างๆ หมอโง่อ่ะ"

นั่น...โดนเลยกู
ด่าผมเสร็จเขาก็หัวเราะถูกใจ ก่อนจะปิดกระเป๋ากลับแล้วยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจ

“เริ่มง่วงแล้วอ่ะ นอนดีกว่า หมอกลับบ้านใช่มั้ย บ๊ายบาย ขับรถดีๆ เนอะ"

พูดจบเขาก็หันมาโบกมือบ๊ายบายให้กันเต็มที่ก่อนจะลุกขึ้น โชคดีที่ผมไวกว่าเอื้อมมือไปคว้าเอวเขาเอาไว้ได้ทันแล้วดึงวืดเดียว
... หล่นลงมาอยู่ในตักกันเฉย

พอได้ยินอีกคนส่งเสียงออกมาเหมือนกำลังขัดใจ ผมก็หลุดหัวเราะพร้อมกับกอดเอวเขาแน่นเข้าแล้ววางคางเกยเอาไว้บนไหล่ก่อนจะพูดออกมา

“ไล่กันเฉย...”

เขาไม่ตอบ แต่ใช้ข้อศอกจิ้มเข้าที่ตัวผมเต็มๆ ก่อนจะหันมาทำหน้ามุ่ยใส่ และนั่นก็ทำให้ปลายจมูกของผมกดลงไปบนแก้มเขา

พอรู้แบบนั้นเจ้าตัวก็รีบหันหน้ากลับไป ก่อนจะฝืนตัวพยายามลงจากตักผม ขยับตัวยุกยิกอยู่สักพักจนกระทั่งแน่ใจว่าอ้อมแขนที่รัดอยู่จะไม่ยอมปล่อยออกง่ายๆ เขาก็บ่นออกมา

“ปล่อยเร็ว ไม่นั่งแบบนี้"

ได้ยินอย่างนั้นหลุดขำแล้วคลายอ้อมแขนออกเพื่อปล่อยให้อีกฝ่ายลุกขึ้นเดินไปหยิบไดร์เป่าผมในตู้ ก่อนจะหันกลับมามองทางนี้แล้วย่นจมูกให้กันพร้อมกับบ่นต่อ

“ไปแปรงฟันละมานอนได้แล้ว พรุ่งนี้เรียนเช้านี่"

ผมพยักหน้าแทนการรับคำ ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป ล้างหน้าแปรงฟันอยู่ไม่นานก็กลับออกมา
ผมนั่งลงบนเตียงและเห็นอีกฝ่ายกำลังนั่งไดร์ผมให้แห้งอยู่หน้ากระจก

เห็นอย่างนั้นผมเลยนั่งลงบนเตียง สักพักก็ยกมือขึ้นกอดอกแล้วมองแผ่นหลังตรงหน้าพร้อมกับนึกถึงตอนที่ได้แต่มองแล้วก็ไม่กล้าเข้าไปทำความรู้จักไปด้วย

อยู่ดีๆ ผมก็นึกอยากจะเดินเข้าไปขอบคุณที่เขาไม่มีใคร จนถึงวันที่ผมกล้าพอที่จะตัดสินใจเดินเข้าไปจีบเขา
ถ้าตอนนี้เขาไม่ใช่ 'ยิ้มหวานของผม' แต่เป็นยิ้มหวานของคนอื่นอยู่ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีช่วงเวลาดีๆ อย่างนี้กับใครคนอื่นได้อีกไหม...

สักพักคนที่นั่งอยู่ก็ลุกขึ้น เขาเอาโทรศัพท์กับแม็คบุ๊คไปเสียบชาร์จแบต และเดินกลับมาที่หน้ากระจกเหมือนเดิม เขาหยิบลิปมันขึ้นมาทา ก่อนจะปั๊มโลชั่นแล้วลูบลงไปที่แขนพร้อมกับบ่น

“ที่ญี่ปุ่นเริ่มหนาวแล้วเว่ย ไปถึงปุ๊บเราปากแตกเลยอะ แล้วตัวก็แห้งๆ ไปหมดเลย"

ผมส่งเสียงรับคำตอบกลับไปเบาๆ นั่งมองคุณชายเขาทำโน่นทำนี่ไปเรื่อยๆ แล้วจู่ๆ ผมก็ตัดสินใจเรียกชื่อเขาออกมาท่ามกลางความเงียบ

“...”

สิ่งที่ได้ยินทำเอาอีกฝ่ายชะงักมือไปในทันที เขาหันหลังกลับมามองหน้าผมด้วยสีหน้าแปลกใจ ริมฝีปากสีสดที่ดูวาวๆ ขยับเหมือนจะพูดอะไรตอบกลับ แต่ผมกลับพูดออกมาซะก่อน

“ยิ้มหวาน...”

คราวนี้อีกฝ่ายดูไม่แปลกใจเท่าตอนแรก เขาส่งยิ้มมาให้ผม 
ผมยิ้มรับและลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้เขา ยกมือขึ้นสัมผัสข้างแก้ม และใช้นิ้วหัวแม่มือลูบสัมผัสผิวนุ่ม ก่อนจะก้มหน้าลงไป กระซิบเบาๆ ชิดริมฝีปาก

“ยิ้มหวานของเรา"


END.
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 30-01-2016 00:56:50
(https://pbs.twimg.com/media/CZ5_EPcVAAA96CO.jpg)
กรี้ดกร้าดในทวิตฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ นะคะ



- EPILOGUE -



ชีวิตหมอใช้ทุนไม่ใช่เรื่องตลกครับ...

ผมยืนมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกห้องน้ำแล้วถอนหายใจออกมา  พร้อมกับนับนิ้วไปด้วยและพบว่าตัวเองทำงานติดต่อกันมาเป็นชั่วโมงที่ยี่สิบแล้ว

พอคิดได้อย่างนั้นสิ่งเดียวที่พอจะทำได้คงเป็นการยกมือขึ้นนวดขมับทั้งๆ ที่ไม่ได้ปวดหัว
คือผมไม่ได้ปวดแค่หัวครับ...แต่ตอนนี้กำลังปวดไปทั้งตัวจนแขนขาจะหลุดออกจากตัวแล้วเอาจริงๆ
ก็แค่ยืนขาแข็งติดต่อกันในห้องผ่าตัดเกือบ10 ชั่วโมง แหม มึง ทำเป็นอ่อนแอ -_-

ผมยืนล้างมืออยู่ที่อ่างล้างหน้า พร้อมกับได้ยินคนคุยกันลอดมาถึงด้านใน เสียงที่ได้ยินมาจากผู้หญิงสองคน ที่กำลังคุยกันเรื่องของหนุ่มหล่อสักคนที่เป็นอาหารตาประจำโรงพยาบาล

เพราะที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลที่ใหญ่อะไรมากมาย ผมถึงได้รู้ทันทีว่านั่นเป็นเสียงของคุณป้าแม่บ้าน กับพี่พยาบาลที่อายุมากกว่าผม 2 ปี ตอนแรกผมก็แค่ฟังขำๆ ครับ จนกระทั่งประโยคนึงลอยเข้าหูมาเต็มๆ

"ป้าว่าคุณสุดหล่อคนนั้นน่ะ เป็นแฟนคุณหมอ"

ฮึ? -_-

"คุณหมอคนไหนป้า หมอผู้หญิงที่โรงพยาบาลเราก็แต่งงานกันหมดแล้วนะ"

หลังจากนั้นผมก็ได้ยินชื่อตัวเอง ตามมาด้วยคำว่า 'ที่หล่อๆ เหมือนกันไง...'

บอกชื่อกันขนาดนี้ก็แน่ใจได้เลยครับว่ากำลังพูดถึงผมแน่ๆ เอาวะ! ไหนๆ ก็จะออกเวรละ ขออู้แอบฟังก่อนสัก 5 นาทีแล้วกัน

"ถามจริง ป้าอย่ามาพูดล้อเล่น  คุณหมอเนี่ยนะจะมีแฟนเป็นผู้ชาย ดู...ไม่น่าจะใช่เลย"

"จริงๆ สิ วันนั้นป้าไปกวาดพวกใบไม้ที่ร่วงลงมาตามโต๊ะแถวนั้น พอดีไปชนคุณเค้าเข้าเลยขอโทษซะยกใหญ่ เห็นหน้าตาท่าทางอย่างกับดาราในทีวี ก็กลัวจะโดนเอาเรื่อง แต่คุณเค้าน่ารักนะ ไม่โกรธกันแล้วยังชวนคุยดีอีก"

"แหม หน้านี่บานเชียวนะป้า เก็บอาการหน่อย เดี๋ยวหนูจะฟ้องลุง"

"ฟ้องอะไรล่ะ อายุปูนนี้แล้ว ป้าก็เอ็นดูเป็นลูกเป็นหลาน พอถามต่อเขาว่ามาทำอะไร ใครไม่สบาย คุณเค้าก็บอกว่ามารอแฟนเลิกงาน"

"..."

"ได้ยินอย่างนั้นป้าก็ไม่ได้ถามอะไรต่อนะ ทำโน่นทำนี่ไปเรื่อย จนอีกวันที่คุณเค้าก็มาอีก ป้านี่เห็นกับตาเลยว่าขึ้นรถขับออกไปกับคุณหมอ ไม่เชื่อวันนี้หนูก็ลองสังเกตดู"

ผมยิ้มออกมาตั้งแต่ตอนที่ได้ยินป้าแกเล่าว่า 'คุณเค้ารอแฟนเลิกงาน' แล้ว พอถึงตอนที่เห็นผมขึ้นรถไปด้วยนี่ก็แทบจะหลุดขำออกมา

หลังจากนั้นสองสาวเขาก็เดาโน่นเดานี่ เรื่องของผมกับอีกคนที่เป็นประเด็นด้วยกันไปเรื่อยๆ

ปล่อยให้ผมรอจนกระทั่งทั้งคู่เดินจากไป ผมถึงได้เดินออกจากห้องน้ำ มองออกนอกหน้าต่างไปก็เห็นว่ามีคนใส่เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินนั่งทำหน้าเครียดอยู่บนโต๊ะม้าหิน โดยมีแม็คบุ๊ครุ่นใหม่ล่าสุดวางอยู่ตรงหน้า

พอเห็นอย่างนั้น ผมก็ได้แต่ยิ้มออกมา ก่อนจะบิดคอสองสามทีเพื่อคล้ายความเมื่อยล้าแล้วบอกตัวเองในใจ
กลับบ้านดีกว่า...

ผมเดินไปหยิบกระเป๋าที่ไม่ได้มีอะไรมากมาย ถอดเสื้อกาวน์ขึ้นพาดบ่า แล้วเดินออกจากตึกพร้อมกับสวัสดีพี่ๆ หลายคนที่อยู่ที่นี่มาก่อนมาตลอดทาง ตอนแรกก็ตั้งใจจะเดินตรงไปทักคนที่นั่งก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ตรงโต๊ะตัวเดิมที่เขามักจะมานั่งรอผมอยู่เป็นประจำถ้ามีเวลา

แต่พอเหลือบมองไปที่หน้าต่างแล้วเห็นว่าพี่พยาบาลที่เพิ่งพูดถึงผมไปเมื่อครู่กำลังยืนแอบส่งสายตามองออกมาอยู่ตรงขอบหน้าต่างด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผมก็นึกอยากแกล้งคนขึ้นมาในวินาทีนั้น และตัดสินใจเดินเลยเขาไปหยุดลงตรงมินิคูเปอร์สีดำคันเดิมที่จอดอยู่ไกลออกไป ก่อนจะโทรหาเจ้าของรถ

ยิ้มหวานดูตกใจนิดหน่อย แถมยังแอบบ่นว่าทำไมถึงไม่ยอมเรียกกัน จนผมก็ได้แต่บอกว่าให้เจ้าตัวรีบเดินมา มีเรื่องสนุกๆ จะเล่าให้ฟัง สักพักก็เห็นเขาเดินมาแต่ไกล...

ผมมองภาพคนที่กำลังเข้ามาใกล้แล้วรู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
หล่อโคตรว่ะ แฟนใครเนี่ย?

จากภาพลักษณ์ภายนอก ยิ้มหวานดูโตขึ้น เขากลายเป็นหนุ่มหล่อซึ่งเป็นที่รู้จัก เพราะเคยไปให้สัมภาษณ์ในนิตยสารอยู่สองสามครั้ง แต่พอโดนชวนเข้าวงการบันเทิงจริงๆ ขึ้นมา เจ้าตัวก็ขอปฏิเสธ
แต่ในช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน เขาก็ยังคงเป็นเด็กซนๆ เจ้าของรอยยิ้มที่ขโมยหัวใจผมไปอยู่เหมือนเดิม

สามเดือนก่อนเขาลาออกจากบริษัทที่ทำงานอยู่ และเปลี่ยนมารับงานฟรีแลนซ์เพื่อจะย้ายมาอยู่ที่นี่...จังหวัดชลบุรี ที่ผมต้องมาประจำอยู่ แล้วยอมขับรถเข้ากรุงเทพฯไปเฉพาะช่วงที่ต้องไปคุยงาน

พอเดินมาถึงปุ๊บอีกฝ่ายก็ทำหน้ายุ่งใส่ผม ก่อนจะถามออกมา

"ไปแกล้งใครมาอีกล่ะ?”

รู้ทันว่ะ...
ผมไม่ตอบคำถาม แต่ทำมือเป็นสัญญาณให้เขารีบขึ้นรถ ก่อนจะเล่าเรื่องที่ไปได้ยินมาให้เขาฟังระหว่างทาง รวมถึงบอกเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่เดินเข้าไปทักทายเขาอย่างทุกวัน

“หมอก็ไปแกล้งเค้า...”

“เอ้า...ก็มานินทากันก่อน"

พูดจบผมก็หัวเราะรับในลำคอ ก่อนจะรีบเปลี่ยนประเด็นไปเรื่องอื่นทันที

“แล้วนี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่"

“เมื่อวานตอนดึกๆ ไลน์หาก็ไม่อ่านอีกละ"

“จริงดิ!”

ได้ยินที่เขาพูดผมก็หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมาดู ก่อนจะพบว่ามันดับสนิทไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

"แบตหมดอะ ขอโทษนะ”

“โดนแม่บอกให้กลับไปใช้จอขาวดำก็สมควรแล้วมั้ยล่ะ"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็เอนตัวไปพิงคนที่ขับรถอยู่ แล้วกัดลงไปบนไหล่ของเขาทีนึงจนเจ้าตัวต้องร้องออกมา

“โอ๊ย! อย่ากัดดิ"

“ก็คิดถึงอ่ะ"

“คิดถึงแล้วกัด เป็นไอ้ดื้อเหรอ?"

เขาตอบพลางยกมือขึ้นมาดันให้ผมกลับไปนั่งตัวตรงเหมือนเดิม แล้วพูดต่อเบาๆ

"คิดถึงเหมือนกันแหละน่า"

ดูดิ...แค่นี้ก็แทบจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งแล้ว!

ถึงแม้ที่นี่จะเป็นเมืองที่ค่อนข้างจะเจริญด้วยความเป็นแหล่งท่องเที่ยวและอยู่ติดทะเล แต่ก็ไม่มีที่ไหนรถติดเหมือนกรุงเทพอีกแล้ว
ดังนั้นหลังจากเราสองคนนั่นคุยกันในเรื่องทั่วๆ ไปอยู่ไม่นาน รู้อีกที มินิฯคันเก่งก็มาจอดลงตรงหน้าบ้านชั้นเดียวสีขาวหลังเล็กๆ ที่มีสนามหญ้าล้อมรอบ...ที่นี่คือบ้านที่ผมกับเขาเช่าอยู่ด้วยกัน

ทันทีที่ลงจากรถ สายตาของผมก็มองเข้าไปในบ้านแล้วถามคนที่กำลังเอื้อมมือไปยิบแม็คบุ๊คมาจากเบาะหลังมาถือเอาไว้

“เอาไอ้ดื้อมาปะ?”

“เอามาดิ นอนอ้วนอยู่ในบ้านโน่น"

สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมหลุดยิ้ม ก่อนจะหยิบกุญแจออกมาไขประตูรั้วหน้าบ้าน ระหว่างที่เรากำลังเดินเข้ามาข้างใน เสียงปลายเล็บตะกุยประตูก็ดังขึ้นให้ได้ยิน

ผมไขกุญแจเพื่อปลดล็อกลูกบิดอีกครั้ง และทันทีที่บานประตูสีขาวเปิดออก เจ้าหมาชิบะสีน้ำตาลก็พุ่งตัวออกมาอย่างรวดเร็ว

ผมเห็นท่าทางดีใจจนเกินพอดีของมันแล้วก็ได้แต่หัวเราะ ก่อนจะจัดการอุ้ม 'ไอ้ดื้อ'ที่ถามถึงอยู่เมื่อครู่ขึ้นมา แล้วลูบหัวมันเบาๆ ตามด้วยการเกาแก้มให้อีกสองสามทีระหว่างที่เดินเข้ามาข้างในบ้าน

ผมซื้อไอ้ตัวแสบนี่มาให้ยิ้มหวานตอนวันเกิดในปีที่ 3 ที่เราคบกัน
และมันก็น่าจะเป็นของขวัญวันเกิดที่สร้างภาระที่สุดที่เขาเคยได้รับมา
เพราะหลังจากนั้นเป็นต้นมาไม่ว่าอีกฝ่ายจะไปไหนมาไหน ไอ้ตัวหูสามเหลี่ยมหน้าตาดื้อๆ ตัวนี้ก็มักจะตามไปด้วยทุกที่เท่าที่จะเป็นไปได้ และเมื่อไหร่ก็ตามที่ผมทำอะไรไม่ถูกใจเขา สิ่งที่ยิ้มหวานมักจะพูดให้ผมได้ยินเสมอก็คือ

...หมายังได้เรื่องกว่าหมอเลย! -_-

ผมปล่อยไอ้หมาเตี้ยๆ รูปร่างเหมือนขนมปังก้อนลงทันทีที่เข้ามาในบ้าน ก่อนจะหยิบตุ๊กตาตัวเล็กที่มีเสียงร้องเวลาบีบขึ้นมาแล้วโยนไปให้เจ้าสี่ขาวิ่งตามไปเก็บ

หันมาอีกด้านนึงผมก็เห็นว่ายิ้มหวานกำลังเอาของไปวางไว้บนโต๊ะที่เจ้าตัวจัดเอาไว้เป็นมุมทำงาน
เห็นอย่างนั้นผมก็เดินไปหาแล้วยื่นแขนไปกอดเอวเขาจากทางด้านหลัง จนอีกคนต้องหมุนตัวกลับมา แล้วยืนทิ้งน้ำหนักพิงขอบโต๊ะเอาไว้ทั้งที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของผม ก่อนจะส่งยิ้มมาให้กัน

ไม่ทันได้พูดอะไร ไอ้ดื้อก็วิ่งหน้าตาตื่นตรงมาจากอีกมุมหนึ่งของบ้าน เห็นอย่างนั้นผมก็ยกแขนขึ้นกอดยิ้มหวานแน่นเข้า พร้อมกับที่เสียงเห่าดังตามมาทันที

ไอ้หมานี่มันหวงยิ้มหวานครับ...
หวงมาก หวงกับทุกคน ขนาดผมที่จ่ายเงินเป็นหมื่นไถ่ตัวมันมาจากฟาร์มของรุ่นพี่ที่รู้จักกันมันยังไม่ชอบให้โดนตัวเขา

เมื่อไหร่ก็ตามที่มันเห็นผมหรือใครก็ตามกอดเขาอย่างตอนนี้ สิ่งแรกที่มันจะทำคือการเห่าเพื่อให้ปล่อยมือ ยิ่งเป็นคนไม่คุ้นหน้ามาถึงเนื้อถึงตัวกับเจ้านายมันยิ่งแล้วใหญ่ โดนงับขากางเกงแล้วลากออกไปแน่นอน

เห็นท่าทางอย่างนั้นผมก็หันไปทำหน้ากวนตีนใส่มัน ก่อนจะกดทั้งจมูกและปากหอมแก้มคนตรงหน้าเข้าไปฟอดใหญ่ และนั่นก็ยิ่งทำให้ไอ้หมาดื้อก็เห่าออกมาซ้ำๆ อีกสองสามครั้ง

พอเห็นว่าให้ตายยังไงผมก็ไม่ปล่อยเจ้านายสุดที่รักแน่ๆ มันก็ถอดใจ เดินคาบตุ๊กตากลับไปที่โซฟาแล้วก็นอนหมอบอยู่ตรงนั้นโดยที่ยังคงส่งสายตามาทางนี้ไม่ยอมผละไปไหน

“นิสัยเสียอ่ะหมอ กับหมาก็ยังจะกวน"

“ให้รู้ซะมั่งใครมาก่อนมาหลังเหอะ"

พูดจบผมก็หอมแก้มอีกฝั่งนึงของเขาไปด้วย จนเจ้าตัวถึงกับบ่น"

“มากไปแล้ว กอดแน่นไปด้วย ปล่อยเร็ว!”

“...ไม่ปล่อยได้ปะ"

“ฮึ?”

“คิดถึงจะแย่แล้ว จะปล่อยทำไม”

ผมว่าผมเห็นคนอมยิ้มนะ คนตรงหน้าผมกำลังกลั้นยิ้มเขินๆ ก่อนจะยกแขนขึ้นมากอดกันกลับ

“เหมือนกันแหละ"

เขาพูดพลางตัวยกตัวขึ้นมาจูบกันเบาๆ บนริมฝีปาก ก่อนจะยกมือขึ้นจับใบหน้าของผมเอาไว้ทั้งสองฝั่ง

“อยู่เวรมาทั้งคืน ไปนอนไป หรือจะกินอะไรก่อน?”

“ไม่กินอะ พี่พยาบาลซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาฝากตั้งแต่เช้าแล้ว ยังอิ่มอยู่เลย"

ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ย่นจมูกมาให้กัน ก่อนจะบ่นต่อเจือเสียงหัวเราะ

“ฮ็อตนักนะ”

ผมยกมือขึ้นไปบีบปลายจมูกเขาทีนึงตอนที่ได้ยินเจ้าตัวพูดออกมาแบบนั้น ก่อนจะยอมปล่อยอ้อมแขนออก เหยียดแขนขึ้นบิดขี้เกียจแรงๆ และเริ่มต้นวันหยุดวันเดียวที่มีด้วยการนอนพักผ่อน

“นอนด้วยกันปะ?”

“ไม่เอาอะ งานยังไม่เสร็จเลย"

“สู้ๆ"

ผมพูดพลางลูบหัวเขาเบาๆ ก่อนจะเดินผละมา โดยไม่ลืมส่งสายตาไปยังไอ้ก้อนขนมปังที่นอนนิ่งอยู่บนโซฟา แล้วพูดต่อ

“จะเปิดแอร์ห้องนอน ไปด้วยกันเปล่า"

ได้ผลครับ ไอ้ตัวแสบหูตั้งรีบดีดตัวลุกขึ้นจนถึงขั้นลืมตุ๊กตาตัวโปรดเอาไว้ที่เดิม ก่อนจะวิ่งตรงมาหาผมทันที จนเห็นแล้วอดไม่ได้ที่
จะบ่นเจือเสียงหัวเราะ

“ทีแบบนี้แล้วฉลาดเชียวนะไอ้ดื้อ"

ผมกำลังจะเดินตรงไปยังห้องนอนที่อยู่อีกฝั่งนึงของบ้าน ถ้าไม่ได้ยินเสียงอีกคนเรียกกันเอาไว้ให้ต้องหันไปมอง..

“หมอ...”

“ฮึ?”

อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรกลับมา แต่กลับกำลังเดินตรงมาทางนี้ พอประชิดตัวผมปุ๊บอีกฝ่ายก็ยกแขนขึ้นมากอดคอกันจากทางด้านหลัง แล้วเด้งตัวขึ้นมาขี่หลังกันพร้อมกับหัวเราะถูกใจ แล้วพูดต่อ

“เปลี่ยนใจ นอนดีกว่า ง่วงอะ"

“แค่นี้ก็ไม่เดินเนอะ"

ผมพูดพลางใช้มือจับขาที่เกาะเอวกันอยู่ เพื่อช่วยไม่ให้อีกฝ่ายตกลงไป ก่อนจะได้ยืนเขาพูดกับไอ้ตัวขนแน่นสีน้ำตาลเจือเสียงหัวเราะ

“ดื้อ! ขึ้นมาด้วยกันเปล่า"

ยิ่งได้ยินเสียงเห่าตอบกลับมาเหมือนกำลังดีใจที่มีคนชวนเล่น ผมก็ได้แต่ลอบถอนหายใจ...เชื่อเขาเลย

ผมเอายิ้มหวานมาปล่อยเอาไว้บนเตียงก่อนจะไปอาบน้ำ พอออกมาก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งใส่หูฟังเอนหลังพิงหมอนและกดมือถืออยู่บนเตียง โดยที่มีไอ้หมาดื้อนอนหมอบอยู่ปลายเท้า

เห็นอย่างนั้นผมก็เดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนที่ว่างข้างตัวเขา ก่อนจะยื่นแขนไปกอดเอวคนข้างๆตัวเอาไว้แล้วดึงให้ขยับขึ้นมานั่งบนตัก อีกฝ่ายดูตกใจไปนิดหน่อยแต่ก็ยอมเอาตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงลงมาบนอกกันโดยไม่บ่นอะไร ก่อนที่ผมจะเอ่ยถามขึ้นมา

“ฟังอะไร?”

“เพลง เปิดจากวิทยุ ฟังไปเรื่อยๆ"

เขาพูดพลางถอดหูฟังออกข้างนึงแล้วหันมาใส่ให้ผม ก่อนทำนองสบายๆของกีต้าโปร่งจะดังขึ้นตามมาด้วยเนื้อเพลงภาษาอังกฤษที่ผมเคยฟังเมื่อนานมาแล้ว มันคือเพลง One Two Three Fourของวง Plain White T's

“หมอง่วงก็นอนเลยนะ เราคุยกับลูกค้าแป้บนึง"

ผมตอบรับด้วยการกอดเอวอีกฝ่ายแน่นเข้าอีกนิด จูบลงไปบนต้นคอขาวๆ ที่อยู่ตรงหน้าเบาๆ ก่อนจะซบหน้าลงกับไหล่ของเขา อุณหภูมิร่างกายกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเจ้าตัวเอาทำให้ผมรู้สึกเคลิ้นจนเกือบจะหลับถึงแม้จะเพิ่งอาบน้ำมาก็ตาม

“นอนพร้อมกันดิ"

พูดจบผมก็หาวออกมาจนโดนอีกฝ่ายไล่ให้นอนไปก่อนจนได้ ผมคลายแขนที่กอดรัดเอวเขาอยู่ให้หลวมเพื่อที่คนในอ้อมแขนผมจะได้สบายตัวมากขึ้น แล้วทิ้งตัวนอนพร้อมกับพึมพำออกมาเบาๆ

“หมอนข้างรุ่นนี้อุ่นว่ะ โคตรดีเลย"

ได้ยินอย่างนั้นเขาก็หยุดมือที่พิมพ์ข้อความอยู่ และพลิกตัวกลับมาหากัน ก่อนจะย่นจมูกใส่ผมแล้วพูดออกมา

“ดีก็อยู่กันไปนานๆ ดิ"

ผมยกมือขึ้นลูบหัวเขาแล้วกระซิบบอกกันแผ่วเบา

“ไม่ไปไหนแล้ว...”

คนฟังยิ้มรับโดยไม่ตอบอะไรกลับมา ก่อนจะเอนตัวทิ้งทำหนักลงมาบนอกผมมากกว่าเดิมแล้ววางโทรศัพท์ลงข้างตัว แล้วขยับตัวไปมานิดหน่อยเพื่อหามุมที่ตัวเองนอนแล้วสบายที่สุด พลางพูดออกมา

“เดี๋ยวตื่นแล้วไปห้างกันนะ อาหารหมาหมดอ่ะ อาหารเม็ดของหมอก็หมดด้วย แล้วไปหามื้อเย็นกินข้างนอกกัน”

ยิ้มหวานเรียกคอร์นเฟลคว่าอาหารเม็ดของผมครับ เผื่อจะไม่เข้าใจ -_-

“จับเรามานอนแบบนี้อีกแล้ว ห้ามบ่นว่าเมื่อยตอนตื่นอีกนะ"

“ครับๆ...ไม่บ่นหรอก ถ้าจะบ่นเดี๋ยวแอบบ่นกับไอ้ดื้อสองคนก็ได้"

“สองตัวต่างหาก อย่าให้เราได้ยินว่าบ่นนะ....”

น้ำเสียงคุ้นหูของเขาดังแผ่วเบาลงเรื่อยๆ ก่อนจะเงียบไปในที่สุด เดาได้ไม่ยากว่าอีกคนน่าจะหลับไปเรียบร้อยแล้ว รู้อย่างนั้นผมก็แตะปลายจมูกลงไปกับเส้นผมนุ่ม กดจูบแผ่วเบาก่อนจะซุกใบหน้าลงไป แล้วค่อยๆ เคลิ้มหลับไปอีกคน...

ชีวิตหมอใช้ทุนอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าเทียบเพื่อนๆในรุ่นเดียวกันแต่เรียนต่างคณะ พวกเขาเริ่มทำงานกันไปแล้ว มีโบนัส มีวันหยุดยาวๆ ได้ไปเที่ยวต่างประเทศกันอย่างสนุกสนาน แต่พวกผมยังต้องตั้งหน้าตั้งตาทำงานเหมือนเครื่องจักร ไม่ว่าคนไข้จะมาเมื่อไหร่ ดึกแค่ไหน ต่อให้เพลียให้ตายยังไง ผมก็ต้องพร้อมที่จะรักษาพวกเขา

ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เพื่อนๆในรุ่นเดียวกันคณะเดียวกันกับผมทยอยเลิกกับคนรักกันไปทีละคู่สองคู่เพราะปัญหาง่ายๆที่ว่า 'ไม่มีเวลาให้'

ผมว่า...ทุกสิ่งทุกอย่างมีวันหมดอายุ และเวลาใช้งานที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ร่างกาย หรือแม้แต่ความรู้สึก ความรัก ความห่วงใย ถ้าเรามีมันอยู่กับมือ แต่ปล่อยทิ้งเอาไว้ไม่เอามาใช้ในเวลาที่เหมาะสม สักวันความรักนั้นก็จะหมดอายุ
และถ้าเราปล่อยปละละเลยจนความรักมันบูดไปแล้ว ต่อให้เราใช้ความพยายามสักเท่าไหร่ มันก็ไม่มีทางที่จะกลับมาเป็นความรักที่สดใหม่ได้เหมือนเดิม

โชคดีที่ผมมีเขา – ยิ้มหวานไม่เคยปล่อยให้ความรักของเราถูกทิ้งเอาไว้เลย เขาคอยดูแลมันอยู่เสมอและหมั่นเอามาใช้ ถ้ามันพร่องลงไป เราสองคนก็จะช่วยกันเติมมันขึ้นมาใหม่จนเต็มเหมือนเดิม
เขาเป็นฝ่ายขับรถไปหาผมมากขึ้นตอนที่ผมต้องเรียนคลินิคที่โรงพยาบาลศูนย์ เขาเป็นฝ่ายตัดสินใจจะลองเปลี่ยนงานดูเพื่อให้เรามีเวลาให้กันมากขึ้น

ถึงแม้ทุกครั้งที่ผมถาม อีกฝ่ายจะตอบกลับมาว่างานฟรีแลนซ์ที่ทำอยู่ตอนนี้มันสนุกกว่า ท้าทายกว่า แถมรายได้ก็ยังดีกว่า แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องย้ายมาอยู่ต่างจังหวัดกับผมแบบนี้

ผมเคยพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้าตัวไปแล้วในธรรมดาๆวันนึงที่เรานั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันที่คอนโดของเขา และคำตอบที่ได้รับก็ทำให้ผมอึ้งไป ยิ้มหวานบอกว่า เพราะผมเองก็ดีกับเขาในแบบที่หาไม่ได้จากคนอื่นเหมือนกัน

'เพราะหมอดีกับเราจากใจจริงๆในตอนที่เรายังไม่ได้รู้สึกอะไร เป็นห่วงเรา สปอยในเรื่องที่ทำให้รู้สึกดี แต่ก็ดุกันในเรื่องที่เราไม่ควรทำ ทำให้เรารู้สึกได้ว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ทั้งๆที่หมอก็ไม่ได้มานั่งอยู่ตรงหน้าให้เราเห็น คุณสมบัติที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนโดนผีหลอกแบบเนี้ย... หาไม่ได้ที่ไหนหรอกรู้ตัวปะ?'

เจ้าตัวพูดติดตลกก่อนจะหัวเราะออกมา แต่นาทีที่ได้ยินคำพูดของเขา ผมก็รู้สึกเหมือนความรักมันถูกสูบเข้าไปในหัวใจและอัดแน่นอยู่ในนั้นอย่างไม่มีทางระบายออก เขาเติมความรักให้ผมจนเต็มอีกแล้ว...

พอมองตรงไปในแววตาคู่นั้น ความรู้สึกมากมายในใจก็ต่อสู้กันเต็มไปหมด ผมควรจะพูดอะไรออกมาให้มันมีค่ามากพอกับสิ่งที่เขาทำให้กัน?

หลังจากใช้เวลาคิดอยู่ไม่นาน ทุกๆอย่างก็ค่อยๆตกตะกอนออกมาเป็นคำสั้นๆ คล้ายๆกับเพลงที่เขาเพิ่งแบ่งให้ผมฟังด้วยหูฟังข้างเดียวก่อนหน้านี้

There's only ONE way TWO say
Those THREE words And that's what I'll do
I love you


ผมบอกเขาว่ารัก...
และยังคงยังจำภาพวันนั้นได้ดี วินาทีแรกที่ได้ยินเขาตกใจ และถ้าไม่ได้คิดไปเอง ผมเห็นนำ้ตาคลออยู่ในแววตาคู่นั้น

คนตรงหน้ายื่นมือข้างนึงมาจับมือผมเอาและบีบแน่นเข้าก่อนจะก้มหน้าลง สักพักเขาก็ใช้มืออีกข้างที่ยังว่างปาดเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจนได้

เห็นอย่างนั้นผมก็ก้มหน้าลงไปหาเขา แล้วแตะริมฝีปากลงไปบนหน้าผากอย่างแผ่วเบา และวินาทีนั้นเอง คำพูดเบาๆที่ฟังดูไม่ชัดเจนเพราะคนพูดยังคงไม่หยุดร้องไห้ก็ดังขึ้นมา มันเป็นคำพูดสั้นๆที่มาพร้อมมนต์สะกดที่ทำให้คำๆนั้นดังก้องอยู่ในหัวใจของผมไปตลอดชีวิต อย่างไม่มีทางที่จะลบล้างไปได้

“รักเหมือนกัน..."



END



- - - -



รู้สึกเหมือนมีอะไรหลายอย่างที่ต้อง Talk แต่ตอนนี้คิดไม่ออกเลยค่ะ ตากำลังจะปิดแล้ว 5555
เดี๋ยวถ้าคิดออกค่อยมา edit เนาะ

หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Akikojae ที่ 30-01-2016 02:10:20
เม้นไม่ออกเหมือนกันอ่ะ รักเรื่องนี้
 ไม่อยากให้จบเลยให้ตายเถอะ
รักหมอ รักยิ้ม รักปูวววว
อยากให้แต่งนิยายแบบนี้ออกมาอีกนะ
จะคิดถึงยิ้มหวานของหมอไปตลอด
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: momapmu ที่ 30-01-2016 02:35:38
ขอบคุณที่แต่งนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา
ขอบคุณที่ทำให้ได้รู้จักหมอกับยิ้ม
 :pig4: :L1: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 30-01-2016 02:46:50
จบแล้วอะ ไม่อยากให้จบเลยย :ling1:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 30-01-2016 02:48:48
แง๊ แง  ไม่เอา   ไม่ให้จบ 
 
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 30-01-2016 02:56:51
หวานจนน่าอิจฉา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-01-2016 03:16:01
ง่าาา. จบแว้วอะ ยังฟินไม่ถึงใจเลย เอาอีกๆๆ ตอนพิเศษก็ได้ นะๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: runtothemoon ที่ 30-01-2016 03:56:18
ตอนเห็นหัวข้อนี่ใจสั่นมาก55555555 อยากอ่านแต่กลัวจบ แต่สุดท้ายโอเคเราคิดถึงยิ้มหวานมากกกกกกกกกกกกไม่ยื้อละ พยายามอ่านช้าๆย้ำทุกตัวอักษรเลย ขอบคุณคุณปูที่ทำให้เรายิ้มเรื่อยมา แต่ละครั้งทำเราลุ้นตลอดว่าวันนี้ยิ้มจะซนอะไรอีกหรือจะชวนชิมอะไรที่ไหน555555 หมอจะหาเรื่องอะไรมากวนยิ้มอีก ชอบความสัมพันธ์ที่ไม่หวือหวาของทั้งคู่ คอยมองคอยดูแลตลอดไม่หายไปไหนช่วยกันเติมเต็มไม่ให้ขาด นี่ประทับใจมากเลยตอนที่หมอบอกยิ้มว่ารัก T______T น้ำตาคลอตามยิ้มเลยไม่ร้องนะยิ้มมมมดีใจล่ะซิท่า งอแงเป็นเด็กเลย เหมือนเป็นวันที่รอคอยไม่ต้องกังวลว่าอีกฝ่ายจะอึดอัดรึเปล่า พูดไม่ออกบอกไม่ถูก พิมพ์งงๆมึนๆมาก55555 อิ่มใจ

ขอบคุณคุณปูอีกครั้งนะคะ จะติดตามเรื่อยไป~♡ ขอบคุณยิ้มหวาน อยากจะอุ้มยิ้มมานอนกอดสักวัน ขอบคุณหมอที่เลิกป๊อดแล้วเขียนไอดีไลน์ที่ชีท ดูแลยิ้มหวานดีๆยิ้มหวานอยากกินอะไรห้ามดุต้องหามาให้กินให้ได้!5555555 ขอบคุณทุกตัวละครที่ทำให้เรายิ้มได้เสมอ ขอบคุณค่ะ ♡
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 30-01-2016 06:03:37
จบจริงดิ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: monkey_saru ที่ 30-01-2016 07:05:57
 :o12: จบแล้ววววววววว
ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้ อ่านแล้วรู้สึกสบายใจมาก
ขอบคุณที่เขียนเรื่องน่ารักๆแบบนี้น้าาา
เรารอเล่ม 5555555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-01-2016 07:07:03
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 30-01-2016 07:07:21
 :hao5: แงๆๆ ยิ้มหวานจบแล้วเหรอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Alicia ที่ 30-01-2016 07:15:55
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: BIRD ที่ 30-01-2016 08:49:00
ใจหาย รักหมอ รักยิ้มหวาน
ดีใจอ่ะ ที่ได้มาเจอเรื่องนี้ ยิ้มได้ตั้งกะวันแรกจนถึงวันนี้ ขอบคุณค้าบ

ถ้ารวมเล่ม ซื้อเก็บแน่นอนครับ ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 30-01-2016 09:06:38
นอกยิ้มจะเป็นยิ้มหวานของหมอแล้ว ยิ้มกับหมอยังทำให้เรายิ้มได้ตลอดเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาค่ะ :bye2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 30-01-2016 09:18:55
สมเป็นยิ้มหวานของหมอจริงๆ อบอุ่นมาก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-01-2016 10:00:32
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

จบซะแล้วเสียดายจัง หวังว่าจะมีเรื่องใหม่มาให้เราอ่านอีกนะ
ขอบคุณมากๆๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: gessuriyong ที่ 30-01-2016 10:04:31
รักเรื่องนี้ รักมากจริงๆ

ถ้าคิดถึงเมื่อไหร่ หรือมีเวลาว่าง

จะมาทบทวนชีวิตของพวกเขาอีกรอบนะ

สาม  สี่ บรรทัดสุดท้าย ทำไมน้ำตาร่วงไปกับยิ้มน้าาาา

เหมือนลูกสาวกำลังออกจากเรือนยังไงยังงั้นเลย 555555

ขอบคุณคุณปูที่ทำให้รู้จักชีวิตคนสองคนธรรมดา ที่ให้ความรู้สึกว่า ความรักของพวกเขาไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 30-01-2016 10:08:41
พออ่านตอนนี้แล้ว
รู้สึกความรักมันเต็มหัวใจ
อิ่มจริงๆ ไม่รู้เพราะอะไร
จบไปได้ด้วยความตราตรึงในใจ
สำหรับ ยิ้มหวานของหมอ ก็เป็นของหมอตลอดๆไปสินะ เป็นความรักที่ดูโต และเป็น ผู้ใหญ่ดีจริงๆ
นี้สินะที่เค้าเรียกว่าเคมีมันตรงกัน
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ค่ะ
 o1
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 30-01-2016 10:10:04
อ๋อยยยยยยย

น่ารักมากกกกกกกกก คือบรรยายไม่ถูกแต่เรื่องนี้อ่านกี่ครั้งก็ยิ้มตามตลอด ชอบมากๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 30-01-2016 10:18:13
โอย...ดีงาม ชีวิตธรรมดา แต่ดีงามมาก
ดูเรียบเรื่อย แต่แค่อยู่ด้วยกัน ทำอะไรเพื่อกันนี่มันดีแล้วจริงๆ
ทำหนังสือเหอะ อยากเก็บผู้ชายดีๆ สองคนไว้ในชีวิตมาก ^^
#ยิ้มหวานของหมอ เป็นแท็กที่ยิ้มทุกครั้งที่กดอ่านจริงๆ #ยิ้มที่ทำให้ทุกยิ้มหวาน ><
รักตัวละครได้มากมายจริงๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 30-01-2016 10:40:29
จบแล้วววว ยิ้มหวานนน ฟีลกู้ดมากกก ยิ้มหวานน่ารักมาก หมอก็น่ารักอบอุ่นมาก ชอบประโยคที่หมอบอก ยังไม่เคยพายิ้มหวานไปดินเนอร์ใต้แสงเทียน ไม่รู้ว่าแบบนั้นมันจะดีที่สุดไหม รู้แค่ว่าเวลาที่อยู่ด้วยกัน เล่นกัน เถียงกัน  แบบนั้นมันมีความสุขที่สุดแล้ว :-[

ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆ รอติดตามเรื่องต่อไปน้าาา  :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 30-01-2016 10:59:13
อิ่มละมุนจริงๆ จบได้อย่างงดงาม อ่านยิ้มหวานเหมือนได้ไปพักร้อน ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: duckduckk3 ที่ 30-01-2016 11:25:11
ตั้งแต่วันนั้นตนถึงวันนี้
เราจำได้ว่าเรารู้จักยัยนิ้มก็ตอนที่อ่านยิ้นหวาน
ได้กลับมาอ่านผลงานของพี่ปูอีกก็ตอนยิ้มหวาน
ตอนที่รู้สึกแย่ๆ พอได้มาอ่านยิ้มหวานก็ทำให้อารมณ์ดีขึ้น
บอกตรงๆเลยว่าใจหายมาก คงไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตารอให้ยิ้มหวานอัพอีกแล้ว
อยากให้มีต่อ แต่เราก็เข้าใจพี่กีนะ ว่าการที่มันจบแบบนี้ มันดีที่สุดแล้ว

ปล. ขอตอนพิเศษด้วยได้มั้ยคะ 55555
ปล2 แต่งเรื่องอื่นอีกนะคะ :)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: kkoyz ที่ 30-01-2016 11:50:05
รักเรื่องนี้มากกก ❤️  ละมุนอบอุ่น
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 30-01-2016 11:50:15
เป็นอีกเรื่องที่น่ารักและน่าเสียดายที่จบลง ถึงเรื่องจะจบลงแต่ความรักของหมอและยิ้มหวานยังคงยังไม่จบเนอะ

ขอบคุณคนแต่งนะคะที่ทำให้เราได้เดินทางมาเจอเรื่องราวดี ๆ ของเด็ก ๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: khunkun91 ที่ 30-01-2016 12:10:16
มีความฟินฟรุ้งฟริ้งจิกหมอนตั้งแต่เริ่มเรื่องจนจบเลย
 :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 30-01-2016 12:48:51
T/////T
ยิ้มหวานกับหมอน่ารัก จนตอนนี้ก็ยังไม่รู้ชื่อทั้งสองคน
อ่านเรื่องนี้แล้วเขินตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่อยากให้จบเลยค่ะ T/////T
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-01-2016 12:50:56
  o13 o13 o13  :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: MRchai ที่ 30-01-2016 13:01:32
ชอบครับน่ารัก  แอบเสียดายจบใวไปนิด
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 30-01-2016 13:55:09
โอ๊ยยยยย อยากเจอแบบหมอสักคน นี่อิจยิ้มหวานมาก ฮ่าๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 30-01-2016 15:21:03
ความรู้สึกตอนอ่านจบแล้วมันเป็นสุขแบบปนความใจหายอะ
เหมือนเราเฝ้ามองความรักของหมอตั้งแต่ตอนที่ยิ้มยังเป็นแค่ความฝันอะ จนตอนนี้ยิ้มเป็นความจริงของหมอแล้ว
ได้เห็นความค่อยๆเป็นค่อยๆไปของความสัมพันธ์ จนมันกลายเป็นความผูกพันของเราและเรื่องนี้ไปโดยที่ไม่รู้ตัว

ขอบคุณที่เอาหมอ ยิ้มหวาน และคนอื่นๆมาให้รู้จักและเข้ามาในช่วงนึงของชีวิตนะคะ :-)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 30-01-2016 15:42:08
จบแล้ว
น่ารักเหมือนเดิม
เวลาไม่ใช่ปัญหาน้อ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: mickymod ที่ 30-01-2016 16:42:08
อบอุ่น สวยงาม อ่านแล้วมีความสุข

รู้สึกได้ถึงความรัก ความเข้าใจ ของคนรักกัน

ตั้งแต่เริ่มจีบกัน จนถึงตอนคบกันจริงจัง

อ่านแล้วก็อยากอ่านอีก ไม่อยากให้จบ

เพราะทั้งยิ้มหวานและหมอทำให้คนอ่านอย่างเรา

รู้สึกได้ว่าน้องมีตัวตนจริงๆ อยากอ่านการดำเนินชีวิตไปเรื่อยๆ คงอมยิ้มแก้มตุ่ยทุกวัน

ขอบคุณคนเขียนนะคะ มีความสุขและยิ้มไปกับคู่นี้จริงๆ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 30-01-2016 17:05:17
น่ารักมากไม่อยากให้จบเลย :mew6:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 30-01-2016 17:10:00
ละมุน อุ่นไปทั้งใจ

ขอบคุณนะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: iammilk ที่ 30-01-2016 18:39:19
จบแล้วจริงๆหรอเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :sad4: :sad4:
งื้ออออออ :hao5: เป็นนิยายที่ดีมากค่ะ มันละมุนมากกก เรายิ้มกับทุกตอนนนน :katai2-1: :katai2-1: เขินหนักมากกกกกกกกกกกกกกกกก :mew3:
ขอบคุณที่สำหรับนิยายดีๆนะค่ะะะ จะต้องกลับมาอ่านอีกหลายๆรอบแน่เลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :sad11: o18 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 30-01-2016 19:05:23
ไม่อยากให้จบเลยยย  :hao5:
เรื่องนี้เป็นหนึ่งในนิยายฟีลกู๊ดที่ชอบที่สุด  :กอด1:
เอาตอนพิเศษมาเรื่อยๆเถอะนะ รักทั้งหมอทั้งยิ้มหวานเลย  :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 30-01-2016 19:52:04
รักอ่ะ....รักมาก ขอพิเศษด้วยนะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: oillunlaa ที่ 30-01-2016 21:14:59
พูดไม่ออกเหมือนกัน รู้แค่ว่ายังไม่อยากให้จบเลย ยังอยากให้มีต่อเรื่อยๆ รักยิ้มหวานรักหมอมากอะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: ziqh.leo ที่ 30-01-2016 21:21:05
โอ้ย จบแล้ว
บอกเลย เรื่องนี้คือเดอะเฟิสเลยอ่ะ โคตรชอบเลย รอซื้อหนังสือแน่นอนค่ะ รักหมอกับยิ้มหวานมาก โดยเฉพาะยิ้มหวาน ตัวละครมุ้งมิ้งที่สุด ><
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 30-01-2016 21:27:52
ขอบคุณมากๆคะ ชอบหมอกับยิ้มมากๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 30-01-2016 21:53:03
จบแล้วเหรอ  :mew6: อยากอ่านต่ออยู่เลย ชอบคาแรคเตอร์หมอกับยิ้มหวานมากเลย

รอติดตามตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 30-01-2016 22:11:27
น่ารักที่สุดดดดดดดดดดดดด
ว่างๆๆก็กลับมาแต่งตอนพิเศษน่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 30-01-2016 22:26:38
ถึงจะไม่ได้เริ่มต้นมาด้วยกัน แต่เราก็อยู่ด้วยกันจนถึงตอนจบ
บอกเลยว่ารักและผูกพันกับเรื่องนี้มากๆ ไม่อยากให้จบเลย
ขอบคุณคนแต่งที่พยายามแต่งนิยายเรื่องนี้จนจบ
ขอบคุณหมอและยิ้มหวาน พวกคุณสองคนน่ารักมากจริงๆ
และสุดท้ายขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้ บอกเลยใครไม่อ่านเรื่องนี้พลาดอย่างแรง
รอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: white feather ที่ 30-01-2016 22:55:02
จบจริงๆแล้ว
ความรู้สึกมันยังอบอวลอยู่ในหัวใจเหมือนมันยังไม่จบ
เหมือนความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งสองยังดำเนินไปเรื่อยๆ
เหมือนไม่มีวันจบเลยค่ะ คิดถึงน่าดู o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: 1andonly ที่ 30-01-2016 23:02:20
Love this story. Great job. Cannot wait to read your next fic.
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 30-01-2016 23:45:42
ขอบคุณสำหรับนิยายที่น่ารักและอบอุ่นมากๆ นิยายที่ทำให้เรายิ้มได้ตลอดเวลาจริงๆ
รักหมอและยิ้มหวานมากค่ะ รักคนเขียนมากๆเช่นกัน จะต้องเป็นนิยายฟีลกู้ดที่เราจะแวะมาอ่านบ่อยๆแน่นอน
 :pig4: :กอด1: :3123:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: stamp_jn ที่ 31-01-2016 01:26:21
ช่วงเวลาที่เกลียดที่สุดเวลาอ่านนิยายคือตอนจบ...
คือยิ้มหวานของหมอมันไม่เหมือนนิยายอ่ะ มันเหมือนเราได้อ่านไดอารี่ของคนคู่หนึ่งในวันหนึ่งๆอ่ะ ตอนแรกเราแบบไม่คิดว่าเรื่องนี้จะมีตอนจบอ่ะ ไม่คิดจริงๆ ตอนที่เห็นช่วงทอล์กที่บอกว่าเหลืออีก2จะจบเราแบบ.. เออ นี่กำลังอ่านนิยายอยู่นะ มันกำลังจะจบในอีก2ตอนนะ ตะเตือนใตมาก..
(หวังว่าจะมีสเปเชียลให้อ่านนะคะ หรือวันไหนเครียดๆคิดไรไม่ออกก็เอาไดอารี่ยิ้มหวานของหมอมาให้เราอ่านน้า /อ้อนนนน ฮาาาาา)‎  :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 31-01-2016 01:27:34
 :L2:


สีชุมพุยยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 31-01-2016 01:58:06
 :pig4: ขอบคุณมากๆค่ะ เป็นหนึ่งในเรื่องที่ชอบที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาเลย
 ชอบในทุกองค์ประกอบของ #ยิ้มหวานของหมอ เลย เราจะรอสอยหนังสือนะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 31-01-2016 02:41:09
จบซะแล้ว ยิ้มหวานของหมอ
เรื่องนี้เปนเรื่องที่อบอุ่น อ่านละยิ้มตามได้ตลอดเลย
ขอบคุณคนเขียนนะคะ สำหรับเรื่องราวดีๆแบบนี้
เราเชื่อว่าทุกครั้งที่เรากลับมาอ่านเรื่องนี่ เราก้ยังจะยิ้มตามไปได้ตลอด
เป็นอีกเรื่องที่จะอยู่ในใจเลยค่ะ
น่ารักมาก ไม่อยากให้จบเลยค่ะ
เป็นนิยายเรื่องแรกเลยที่ตั้งแต่ต้นจนจบ ก้ไม่รู้ชื่อตัวละครซักตัวเลย555
ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ดีค่ะ แปลกดีเพราะมันไม่ได้รู้สึกขัดอารมณ์อะไรเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: ศตรัศมี ที่ 31-01-2016 03:23:53
 :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: pedchara ที่ 31-01-2016 03:38:25
ขอบคุณที่ให้ได้อ่านเรื่องราวอบอุ่นระหว่างหมอกับยิ้มหวานนะคะ

เพราะยิ้มหวานของหมอ เราจึงรัก :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 31-01-2016 05:33:13
หวานละมุนอุ่นละไม
หาได้จากที่นี่เนาะ :กอด1:
ดีใจอะะะะะ ที่ได้อ่านเรื่องดีๆแบบนี้
จะรอติดตามตอนต่อไปน้าาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 31-01-2016 06:36:15
 :-[ :-[ :-[ :-[
อ่านแล้วฟิน  หลงรักยิ้มหวานตามคุณหมอไปด้วยเลย

ขอบคุณนักเขียนมากๆนะ ที่เขียนได้น่ารักขนาดนี้

จะรอติดตามผลงาน
ปล.แอบอยากให้เขียนเรื่องของคนใน บอยแบรนด์หล่อสัดรัสเซียคนอื่นๆๆด้วย :mew2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 31-01-2016 08:51:26
หวานน่ารักมากกก ยิ้มหวานกวนตลอดเลย 5555
ขอบคุณนะคะ รอตอนพิเศษนะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Prema ที่ 31-01-2016 12:50:35
เห็นกระแสเรื่องนี้ดีมานานแล้ว   แต่เราเป็นพวกชอบอ่านนิยายดีจบแล้วมกลัวค้าง   พอรู้ว่าจบแล้วรีบมาอ่านรวดเดียวจบเลย
 สมคำล่ำลือจริงๆ เรื่อง feel good. มาก อ่านไปยิ้มไป แต่มุกชิพหายของยิ้มนี่ทำเราหัวเราะดัง จนแม่มองหน้าเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 31-01-2016 13:33:49
 :o8: เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้
อ่านยังไม่จบแต่รู้สึกเมื่อยปากมากกกกก
เพราะยิ้มจนปากจะฉีกแย้ววววววว
ชอบค่ะ จีบกันน่ารักสุดๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: basza2x ที่ 31-01-2016 13:53:23
 :กอด1: น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆเลยคนเขียน เป็นเรื่องที่ดี อ่านแล้วยิ้มหวานเลยอ่ะ

จะติดตามเรื่องต่อๆไปน่ะ ว่าแต่ ตกลงหมอชื่ออะไร ยิ้มหวาน ชื่ออะไรน่ะ หรือเราอ่านข้ามไป ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 31-01-2016 14:16:58
ขอบคุณคนเขียน นิยายนาารักมากค่ะ

แต่พอเห็นว่าจบ แล้วเสียดายนิด ๆ ไม่อยากให้จบ 5555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Niinuii ที่ 31-01-2016 14:29:47
อะไรมันจะน่ารักขนาดนี้ :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
งุ้งงิ้งๆๆๆๆๆๆๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 31-01-2016 15:28:44
ยิ้มละมุนตั้งแต่ต้นจนจบอ่ะ
ก้าวและยอมถอยคนละนิดเพื่อให้ชีวิตคู่ไปรอด น่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Arancia ที่ 31-01-2016 15:51:45
รักเรื่องนี้ ไม่อยากให้จบเลยอ่าาาา
น่ารักยันตอนสุดท้ายยยย
อยากอ่านอีกๆๆๆๆ ยิ่งโตขึ้นยิ่งมีเสน่ห์นะยิ้ม
เป้นเรื่องแรกเลยที่ไม่เคยรู้ชื่อตัวละคร แต่ก็ประทับใจแค่เป็นเพียง หมอ กับ ยิ้ม

ชอบยิ้มหวานของเรา หวานสุดๆไปเลยอ่า
รอตอนพิเศษได้มั้ย คิดถึงแล้ว
ขอบคุณนะคะที่ให้อ่านนิยายน่ารักๆ รอติดตามผลงานจ้า
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Kunpimook ที่ 31-01-2016 15:58:33
จบซะแล้ววว :ling1: :ling1:  ขอตอนพิเศษด้วยค่าาา
มันยังขาดๆๆ ...... 55555  :z2: :jul1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 31-01-2016 17:49:30
 :heaven :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 31-01-2016 17:57:06
ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 31-01-2016 18:38:50
น่ารัก น่าเอ็นดูทั้งหมอและสถาปัตย์ โอ้ย ฟินนนนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: natty58 ที่ 31-01-2016 19:24:53
อ่านแล้วอมยิ้มตามเลย ฟินนนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 31-01-2016 19:59:31
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: loveooo ที่ 31-01-2016 21:07:44
หมอกับยิ้มน่ารักมากอ่า  เป็นคู่ที่ละมุนมากกกก   :L2: :L2:

ปล.อยากอ่านตอนพิเศษอีกอ่า 
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 31-01-2016 21:25:02
ยิ้มหวาน คนอะไรน่ารักจริงๆ ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆ นะคะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 31-01-2016 21:34:42
เรื่องนี้น่ารักแรงมากกกกกกกก. โอ๊ยยยมือไม้สั่นค่ะ
อ่านตอนแรกนี่เหนื่อยแก้มอ่ะ. รู้สึกแก้มบวมด้วยพออ่านตอนถัดๆมา
คือต้องทำหน้ากลั้นฟินอ่ะ แบบบปวดแก้มไปหมดด
มันน่ารัก. น่ารัก แบบเราบอกไม่ถูกกกกกกกก
ชอบพระเอกของเรื่อง ชอบความกวนตีนของนาง
ชอบเวลานางอ่อยแรง
ชอบเวลาบรรยายถึงยิ้มหวาน
มำให้เห็นว่านังน้องหมอมันคลั่งน้องยิ้มขนาดไหน
ที่สำคัญชอบน้องยิ้มหวานนนนนน. อยากจะหอมแก้มนุ่มๆ
อยากจะจับมาฟัดให้คลายความน่ารัก แบบอ่านไปแล้วรู้สึกดีตลอดเวลาเลย
เหนืออื่นใดชอบเวลาที่เขาใส่ใจกัน เข้าใจกัน ไม่งอแงใส่กันจนกลายเป็นงี่เง่าสุดท้ายทะเลาะแรง
ทำให้คนอ่านมีความสุขและอดกลั้นยิ้มไม่ได้เลย
ที่สุดเลยคือการมาArtboxค่ะ 555555 เป็นหนึ่งในคนจัดงานรู้สึกดีใจและเป็นเกียรติมาก
ที่เลือกที่นี้เป็นสถานที่มาเดทกัน และเป็นแฟนกันในที่สุด5555555
อ่านไปก็นึกภาพตามเลย. น้องนางเดินไปตรงจุดไหนกัน ตอนนั้นชั้นทำอะไรรรร ทำไมไม่เห็นสองคนนี้มาเดินงาน55555
ขอบคุณนะคะที่ทำให้มีความสุขมากเวลาที่ได้อ่าน
สุขทุกตัวอักษรเลย
โอกาสหน้าพาน้องหมอกับน้องยิ้มหวานมาทักทายกันบ่อยๆนะ
ขอตอนพิเศษยาวๆเลย555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 01-02-2016 00:48:26
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆนะคะ ทุกตัวอักษรของคุณทำให้เรามีความสุขมากค่ะ หวานละมุนจนหยดสุดท้ายจริงๆ >///<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 01-02-2016 01:14:00
ขอบคุณค่ะขอบคุณมากจริงๆ เรามีความสุขมากๆทุกครั้งที่อ่านเรื่องนี้ ขอบคุณจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 01-02-2016 04:20:39
หมอกับยิ้ม... น่ารักมากค่ะ  เป็นนิยายฟีลกู๊ดจริง  อ่านจบแก้มจะฉีกแล้วเนี๊ยะ..
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-02-2016 07:21:15
งื้อ~จบแล้วอ่ะใจหายนิดๆอยากอ่านต่อไปเรื่อยๆเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Nankoong ที่ 01-02-2016 08:41:53
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ


รักหมอ รักยิ้มของหมอ รักสามหน่อหล่อสัดรัสเซีย...

รอตอนพิเศษค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Silver-Ray ที่ 01-02-2016 09:02:55
คือดีงามอ่ะ คือน่ารักมากอ่ะ ประทับใจ ใสๆจริงๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: @causeshinki ที่ 01-02-2016 09:58:09
เรื่องนี้น่ารักมากอ๊าาา อ่านแล้วเขินตลอดด. ละมุนสุดๆ ยิ้มหวานของหมอ

รอตอนพิเศษนะคะ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: sunipum ที่ 01-02-2016 10:19:22
เป็นเรื่องที่ละมุนมากๆๆๆๆ รักหมอกับยิ้มหวาน  ขอบคุณนะค่ะสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Matia ที่ 01-02-2016 15:30:47
อ่านรวดเดียวจบ5555 น่ารักมากๆๆเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ จะรอติดตามเรื่องต่อๆไปค่ะ  :)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: cy55555 ที่ 01-02-2016 15:39:54
เป็นเรื่องที่น่ารักตั้งแต่ต้นจนจบ  หมอจีบเนียนมากๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 01-02-2016 17:55:42

ความรักแบบนี้แทบหาไม่ได้ในปัจจุบันเลย...อ่อนโยน อบอุ่น

ค่อยเป็นค่อยไปแต่มั่นคง...อ่านเรื่องนี้ทีไร แอบจิกหมอนด้วยความฟินนนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Prattana ที่ 01-02-2016 22:50:22
คงคิดถึงหมอกับยิ้มหวานแย่เลย จบเสียแล้ว
ขอบคุณคนแต่งนะคะ เรายิ้มได้ทุกตอนที่อ่านสมชื่อเรื่องเลย
เนื้อเรื่องละมุนละไม อบอุ่น น่ารัก เนื้อหาเบาๆแต่ทำเขินแรงมากๆ
จะรองานเขียนเรื่องต่อๆไปนะคะ เราชอบสไตล์การเขียนของคนแต่งมากๆค่ะ

ปล.อยากได้เรื่องนี้เป็นรูปเล่มจังค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: MeMindZa ที่ 01-02-2016 23:53:17
ขอบคุณที่ทำให้อ่านนิยายเรื่องราวดีๆเรื่องนี้นะคะ ตอนจบแอบร้องไห้ อินกับยิ้มหวานจัด555  ขอให้แต่งนิยายที่ดีอย่างงี้ต่อไปนะคะ ติดตามผลงานอยู่นะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 01-02-2016 23:58:50
ขอบคุณมากๆ อ่านแล้วยิ้มไปมาตั้งแต่เริ่มจนจบ มีความสุขมาก^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: z9_0 ที่ 02-02-2016 11:32:35
น่ารักมากอ่ะ หมอน่ารักจีบได้น่ารักมาก อ่อยแบบทิ้งid อ่ะ คิดได้งั้นว่ะหมอ อ่อยแรงมากกกก
แต่ยิ้มหวานเราก็น่ารัก คืออ่านแล้งฟินมุกอนูอ่ะ สบายๆเบาๆ
เป็นความรักที่เงียบ  แต่รักยาวๆๆๆ  อยากอ่านต่อ ขอแบบคือของเรา ของมองกับยิ้มได้ไหมเนี่ย

เป็นเรื่องที่อ่านแล้วเรายังไม่รู้เลยว่า หมอกัยิ้มหวาน ตกลง ชื่ออะไรอ่ะ  เรายังไม่รู้เลย
คือไม่รู้ชื่อใครเลย ตั้งแต่หมอกับยิ้มหวานและเพือน
แม้แต่หมา ไอ้ดื่อนี่ชื่อไหม

น่ารักมากค่ะ สนุกมากด้วย ชอบมากจริงๆๆๆ 
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 02-02-2016 12:36:30
เรื่องนี้อ่านแล้วยิ้มตามเหมือนชื่อเรื่องเลย

อ่านไปยิ้มไปตั้งแต่ตอนแรกยันตอนสุดท้าย

 :pig4: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 02-02-2016 16:15:41


ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ ค่ะ  :heaven

หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 02-02-2016 16:27:22
ประทับใจเรื่องนี้มากค่ะ อ่านแล้วยิ้มและที่สำคัญทำให้เราลืมไปเลยว่ายังไม่รู้ชื่อจริงของยิ้มหวาน เขียนได้ดีมากๆ รออ่านผลงานอื่นต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 02-02-2016 22:23:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 02-02-2016 23:15:20
หวาน น่ารักจริง คู่นี้
ทั้งหมอ ทั้งยิ้มหวาน
สุดท้ายก็รู้ชื่อจริงของตัวละครเลย
เป็นยิ้มหวาน กับหมอเจ้าของชีทต่อไป
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นวงกลม ที่ 03-02-2016 00:03:21
อ่านเพิ่งจบเลยคะ แต่ก้อยังไม่รู้ว่ายิ้มหวานกับหมอชื่ออะไร5555 แต่พอคุณหมอเรียกยิ้มหวานแล้วดูมุ้งมิ้งน่ารัก
 :hao5: :katai2-1: รออ่านตอนพิเศษอยู่น้าาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 03-02-2016 00:08:21
ตอนสุดท้ายกลับน้ำตาคลอซะงั้น .. จริงๆเราชอบยิ้มมากเลยค่ะ แต่กับหมอนี่เราแบบ 55555555555 คือไม่ค่อยถูกกับสไตล์นี้เท่าไหร่
ตอนแรกๆที่อ่านเรื่องนี้เลยแอบขัดใจเบาๆ (สารภาพตรงนี้เลยว่าเราจิ้นยิ้มกับรุ่นพี่คณะยิ้มที่เพิ่งจบไปน่ะค่ะ TT)
แต่พอมาตอนนี้บอกได้เลยว่าหลงรักคู่นี้สุดๆ หลงความน่ารักของยิ้ม หลงกับความรักของหมอที่มีให้ยิ้ม ที่มันไม่ใช่แค่รักนะ
ทั้งสปอยล์ ทั้งคอยดูแล ทั้งความห่วงใย รู้สึกว่าเป็นนิยายอ่านสบายๆที่ทำให้รักมากอีกเรื่องเลยค่ะ ^^
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆจริงๆนะคะ ถ้ามีเรื่องหน้าก็จะติดตามแน่นอนค่ะ!

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Ningg.Destiny ที่ 03-02-2016 00:21:08
#ยิ้มหวานแฟนหมอ
หลงยิ้มหวานหนักมาก ของเค้าดีจริงๆ
เป็นนิยายที่ดีต่อหัวใจเรามาก ดีใจที่ได้อ่าน
เป็นนิยายที่ไม่ต้องรู้จักชื่อตัวเอกใดๆทั้งสิ้น
แต่ละตอนที่อ่าน มันดูเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย
อยากมียิ้มหวานเป็นของตัวเองจังงงงง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: SaKiNonZa ที่ 03-02-2016 00:47:48
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วแบบ  :-[ ... อ่านแล้วยิ้มทั้งเรื่อง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: lazyishappy ที่ 03-02-2016 00:51:57
รออ่านตอนจบในเล่มนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 03-02-2016 01:56:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Youi_chin ที่ 03-02-2016 02:35:41
 o13 :กอด1: ชอบมากกก มันหวานเเต่ไม่เลี่ยน กิน(?)ได้เรื่อยๆ รู้สึกยังไม่อิ่มเลย ฮ่า :mew1:
รักเรื่องนี้ หมอยิ้มหวาน สามหนุ่มโหดสัดฯ สาวสถาปัต คุนเเม่ ไอ้ดื้อ :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 03-02-2016 12:50:34
โอ้ยยยยยยย  เก็บเรื่องนี้ไว้เป็น top list เลย เครียด แล้วกลับมาอ่าน

คงทำให้เรายิ้มได้ 

ขอบคุณคนแต่งมากๆๆๆๆ  นะค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 03-02-2016 15:02:04
น่ารักมาก อบอุ่นไปทั้งใจเลยทีเดียว
ขอบคุณมากค่าสำหรับนิยายน่ารักๆ แบบนี้
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: NymPhet ที่ 03-02-2016 23:41:43
เรื่องนี้ทำให้หุบยิ้มไม่ได้เลย
อ่อยเบาๆ จีบเบาๆ ฟิลกู้ดมาก

นี่จินตนาการว่ายิ้มหวานเป็นพี่อาม(พอร์ชอาม)มาตลอด
ยิ่งตอนย่นจมูกหน้าพี่อามแวบมาเลย น่ารักกกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 04-02-2016 01:19:55
ง่าาาาาาา จบแล้วอ่ะ!!!!
รู้สึกใจหายมากกกกกกก ทั้งสองคนให้ความรู้สึกที่ละมุน ค่อยๆเป็นค่อยๆไป
เราว่าทั้งคู่คงเป็นคู่รักที่น่าอิจฉามากๆๆๆเลยล่ะค่ะ  :-[ o13 o13
#แต่....จนสุดท้ายเราก็ยังไม่รู้จักชื่อตัวละครเลยอ่ะ5555555

ขอบคุณคนเขียนมากๆ ค่ะ :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 04-02-2016 08:17:59
ชอบมากอ่ะ ใสๆ อบอุ่น
สนับสนุนนักเขียนเขียนเรื่องอื่นต่อน้าาาา

 :3123:  :3123:  :3123:  :3123:  :3123:


หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Palmieri ที่ 04-02-2016 09:34:32
สนุกจังเลยยยย ยิ้มหวานของหมอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 04-02-2016 15:21:19
รู้สึกได้ถึงอิมเมจน้องอินและน้องหมอแมน  :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: แป้งข้าวหมาก ที่ 04-02-2016 18:10:51
ขอบคุณมากๆๆๆๆๆ   :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_ever ที่ 04-02-2016 19:34:04
โงยยยยยยย อดใจรอเล่มไม่ไหวต้องมาอ่านในนี้ก่อน
มันน่ารัก มันละมุน มันฟิน มันหวานนนนนนน จนไม่รู้จะยังไงละ

จะคิดถึงยิ้มหวานตลอดไปน้าาาา

แล้วหมอล่ะ
เอออ ไม่ลืม ไม่ลืม
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: 4UN4MI ที่ 04-02-2016 23:23:03
หมออออออออออออออ กริ้ดร้องงงงงงงงง กริ้ดดดดดดดดดดดดดดดดด อ่านถึงตอนจะอาบน้ำ โอ้ยยยยยยยยยย กริ้ดดดดดดดดดดดดด หมอออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: kimhamwong ที่ 05-02-2016 00:50:27
ไม่มีคำบรรยาย เต็มอิ่มมากกกกกก เขินตัวแตก
ไม่ต้องมีนางร้าย ไม่ต้องมีฉากหวือหวา
 เรื่อยๆปล่อยให้มันเป็นไป เหมือนดำเนินชีวิตปกติ
เหมือนเป็นเรื่องจริงที่อ่านได้ไม่สะดุด
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 05-02-2016 17:51:16
หมอเป็นผู้ชายกวนๆที่น่ารักมากกก
ตอนหมอบรรยายความรู้สึกตอนมองยิ้มเดินมาอะ แบบเราเชื่อแบบนั๊นจิงๆเลยว่ายิ้มอะ หล่อ
ยิ้มก็น่ารักแบบคงเป็นคู่รักที่มีความสุขมาอะ ใส่ใจกันดูแลกัน คอยเติมความรักให้กันมันดีอะ
ชอบบบมากกกกกกก ไม่อยากให้จบเลย

ปล. อ่านตั้งแต่ต้นก็ยังไม่รู้ว่า หมอกับยิ้มชื่ออะไร 555555555555 แต่ไม่เป็นไร รู้ว่าชอบเรื่องนี้มากก็พอเนอะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 05-02-2016 23:03:02
จบแล้ว ใจหายนะเนี่ย
ชอบหมอเสี่ยวๆ ชอบยิ้ม
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกละมุนมาก 
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 05-02-2016 23:38:53
ตามอ่านจนจบแล้ว อ่านไปยิ้มไป ยิ้มแก้มปริ
ขอบพระคุณนักเขียนจ้า น่ารักมั๊กมากก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 05-02-2016 23:49:51
เรื่องนี้โคตรน่ารักเลยอ่ะ
อ่านไปยิ้มไปหัวเราะไปซึ้งไป   ชอบบบบบบ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Khan_htt ที่ 07-02-2016 10:41:37
เพิ่งเห็นว่าเรื่องนี้จบแล้ว เป็นเรื่องที่อ่านแล้วสบายใจมากกกกก ชอบยิ้มหวานชอบหมอ
อยากจะบอกว่ามุกที่เขียนไลน์ไปบนหนังสือนี่เราถึงกับต้องเอาไปทำตามเลย
สุ่มอ่านมานานไม่ค่อยได้เม้นต์ ขอบคุณคนเขียนนะคะที่ทำนิยายดีๆมาให้เราอ่าน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 07-02-2016 16:03:54
อ่านจบแล้วไม่อยากให้จบเลยค่ะ
เป็นนิยายที่ฟีลกู๊ดมากๆ
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 07-02-2016 20:13:00
ขอบคุณที่นำมาลงให้อ่านนะคะ อ่านไปเขินไป  :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 08-02-2016 00:42:43
ถ้าไม่ไปเจอในนิยายจบแล้วนี่ไม่รู้นะว่ามาอัพตอนใหม่แล้วอะ เกือบจะไม่ได้อ่าน
ชอบมากกกกกเป็นนิยายที่รู้สึกฟีลกู้ดไม่ต้องเอ็นซีแต่แบบชอบอะ เขินทุกตอนแม้แต่ตอนสุดท้าย
เราชอบท่อนสุดท้ายของเรื่องมาก ตอนที่บอกรักกัน คือมันโรแมนติกและดูมีคุณค่า
ชอบอีกตอนคือที่หมอเรียกชื่อของยิ้มหวาน โอ้ย เรื่องนี้น่ารักมาก มากกกกกก มากกกกกกกก แต่งเรื่องอื่นมาเยอะๆนะคะะะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 08-02-2016 00:54:29
น่ารักมากคู่นี้

ว่าแล้วอยากมีแฟนเป็นหมอ 555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: smilepengy ที่ 08-02-2016 09:17:11
รักกันนาน ๆ นะคับทั้งคู่
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-02-2016 10:58:30
อ่านจบแล้ววววสส  :hao7:
ชอบอ่ะ อ่านแล้วก็ต้องยิ้มตามทุกตอนเลย
ยิ้มหวานน่ารักมากกกกก ใครอยู่ใกล้ก็คงมีความสุขตามไปด้วย อิจฉาหมอมีแฟนน่ารักขนาดนี้ 5555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: smilepengy ที่ 09-02-2016 07:28:27
รักกันนาน ๆ นะคับทั้งคู่
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 10-02-2016 11:16:01
ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายดีๆ

อ่านแล้วยิ้มตามตลอดเลย ^___^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 10-02-2016 23:06:39
ไม่เคยนึกถึงวันที่ไม่มียิ้มให้อ่านแล้วเลยอะ
โคตรใจหายเลย ให้ตาย

ขอบคุณที่สร้างหมอกับยิ้มให้เราอ่านแล้วมีความสุข
เป็นเรื่องปกติที่คาแรกเตอร์เราจินตนาการชัดมากว่าควรเป็นคู่ไหน555555
ขอบคุณมากๆ แต๊งกิ้วนะกีปู :-)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: toou ที่ 11-02-2016 13:31:25
น่ารักมากเลย อ่านแล้วละมุนมากเลยอ๊าาา
ไม่อยากให้จบเลย
ขอตอนพิเศษหน่อยได้ไหมค๊าาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Wtftt ที่ 11-02-2016 13:44:48
 :hao7: :hao6:
ยิ้มหวานน่ารักมากกกกกกกก
หมอก็น่ารักชอบๆ อ่านเรื่องมา4รอบแล้ววววว :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: REDMOON ที่ 12-02-2016 09:04:31
เข้ามาอ่านเรื่องนี้หลายรอบแล้ว  อ่านไปยิ้มไป สนุก น่ารักมากมาย

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 12-02-2016 09:20:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ
รักยิ้มหวานของหมอจัง
ขอตอนพิเศษบ้างก็ดีนะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 13-02-2016 17:31:12
อ่านจบจน ฟินจนหน้าเมื่อย ยังไม่รู้ชื่อพระ-นาย ฮาาาาาา

ขอบคุณมากจ้า
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงในเงามืด ที่ 13-02-2016 21:46:19
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้ค่ะ น่ารักมากกกกก  ชอบมากกกก รับรู้ถึงความรักที่หมอกับยิ้มมีให้กันเลย :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Morgen ที่ 14-02-2016 00:16:45
ชอบเรื่องนี้อ่านแล้วฟินจิกหมอนมาก ยิ้มตลอดๆ   :o8: :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 16-02-2016 16:13:09
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกก
มันเหมือนตามติดชีวิตคู่ของใครบางคนอยู่จริง
มันน่ารัก มันดูจริง
อบอุ่นมากครับ

ชอบ แบบ....ชอบไม่รู้จะอธิบายยังไง

คือมันใช่อะ ไม่ต้องมี NG เรื่องมันก็สนุกได้ในแบบที่มันเป็น
(ถึงแม้จะลุ้นว่า ครั้งแรกของหมอกับยิ้มหวานจะเป็นตอนไหนก็เหอะ ขนาดจูบยังกว่าจะมียังนานเลย)

สรุป ไม่รู้ชื่อจริงของยิ้มหวาน และหมอ รวมถึงบรรดาเพื่อนๆคนอื่นด้วย จนแม้เรื่องนี้จะจบ
ขอบอกว่าเป็นเรื่องแรกจริงๆที่เจอสไตร์การเขียนแบบนี้
อินดี้มาก แต่ก็แปลก และจับใจได้มากๆ

ขอบคุณผู้แต่งสำหรับเรื่องดีๆครับ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 16-02-2016 18:39:04
ดีงามมากเรื่องนี้ o13
อ่านแล้วเขินตามตลอด
ชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Kitsune1st ที่ 17-02-2016 01:28:22
อ่านจบแล้ววว ฮืออ
ละมุนอะ ละมุนน ไม่มีมาม่าเลย
คืออ่านเพลิน น่ารักกรุ้มกริ่ม
ดีงามมม
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 18-02-2016 22:08:58
จบเร็วจังงงงงงง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: up2goo ที่ 18-02-2016 23:01:57
คือนิยายเรื่องนี้ถึงจะดูไม่ได้หวือหวา มีซีนอารมณ์อะไรโดดเด้ง
แต่คืออ่านแล้วน่ารักมากๆเลย.  คืออ่านแลัวยิ้มอ่ะ. เขินด้วย ฮือออ☺️

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: FollowingTK ที่ 20-02-2016 20:32:37
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีมากๆเรื่องนี้นะคะ อ่านยาวๆๆเลย ไม่อยากให้จบเลย
อ่านไปแล้วเข้าใจคำว่าฟีลกู๊ดเลย อ่านแล้วอมยิ้มตลอดเวลา ดำเนินเรื่องเรื่อยๆแต่ไม่ทำให้เบื่อเลย
คุณหมอน่ารักมากๆๆๆๆเป็นคนสม่ำเสมอ ยิ้มหวานถึงให้รักตอบคุณหมอขนาดนี้  :hao5:
ไม่มีโครงการรวมเล่มหรอคะ จะอุดหนุนแน่ๆ อยากเก็บเรื่องนี้ไว้อ่านมากๆค่ะ
เป็นแนวที่กลับมาอ่านได้บ่อยๆจริงๆ เป็นกำลังใจให้นะคะ

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับเรื่องดีๆค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: M_April ที่ 20-02-2016 22:10:20
จิกหมอน นอนฟินทุกตอนเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 22-02-2016 17:52:59
 :m3: ขอบคุณค่ะ เรื่องสนุกมาก :m3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: peachii ที่ 04-03-2016 21:57:50
วันนี้เห็น everY เอามาล่อ เลยมาลองอ่านค่ะ โอ้ยยนนนน่ารักมาก หลงยิ้มหวานนน :o8:  :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: yupa ที่ 04-03-2016 22:03:42
มีตอนพิเศษไม่คะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 05-03-2016 19:45:09
 :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 05-03-2016 22:59:54
กลับมาอ่านเรื่องนี้อีกรอบตอนที่จบไปแล้ว ขอโทษด้วยนะคะ แต่เรื่องนี้ทำเอาเรายิ้มกับหมอและยิ้มหวานตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ น่ารักกันทั้งเรื่องอ่านไปยิ้มไปตลอดเลย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ น่ารักๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Azitten ที่ 06-03-2016 15:48:07
งืออออ น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆค่ะ
อ่านไปเขิลไป บิดตัว ตีลังกา จิกหมอน เหมือนเป็นยิ้มหวานของหมอเอง
หมอนางจีบน่ารักมากกกกก เนียนๆเรื่อยๆๆฟ ใครไม่หลงก็แย่แล้ว
ยิ้มหวานก็น่ารักกกกกกกกกกกก

ชอบมากๆๆๆๆๆๆค่ะ อ่านวันเดียวจบเลย นอนดึก ตื่นสายกันเลยทีเดียวค่ะ

ยิ้มหวานของหมอ แล้วสรุปยิ้มหวานกับหมอชื่ออะไร ไม่เฉลยใช่มั้ยค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 07-03-2016 13:59:38
ดีอะนิยายเรื่องนี้ น่ารัก ชอบมาก  :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 07-03-2016 20:07:39
ฮื้อออ ใจหายอ่ะ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตามตั้งแต่คนเขียนพึ่งลงเลย
ตอนนี้มันจบแล้ว ........
คงคิดถึงยิ้มหวานกับหมอมากแน่ๆเลย
เราติดเรื่องนี้มากจริงๆ
ขอบคุณคนเขียนนะคะที่เขียนนิยายดีๆให้อ่านกันเนอะ
รักคนเขียนนะคะ รักยิ้มหวาน รักหมอ รักตัวละครทุกๆตัวเลย
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: TuiLoveKhaKing ที่ 07-03-2016 21:36:29
น่ารักค่ะอ่านหลายรอบแล้ว อิอิ :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: michiko_love ที่ 07-03-2016 23:40:18
เป็นนิยายที่น่ารักมากค่ะ

ขอบคุณ และเป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนน่ะคะ

อยากให้มีพาทตอนทำงานอีกยาวๆจุง อยากฟินจิกหมอนอีกค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 08-03-2016 23:07:50
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ถึงจะเพิ่งเข้ามาอ่าน แต่เขินตามเลยอะ พี่หมอกะยิ้มหวาน

ควรเอาอย่างพี่หมอสินะ ต้องสร้างโอกาสให้ตัวเอง ชอบ ๆ อะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 09-03-2016 01:13:15
รอหนังสืออยู่นะะะะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: โซดาหวาน ที่ 10-03-2016 10:33:30
อ่านจบ...ตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนสุดท้าย บอกได้เลยว่า ละมุนนนนนนมว๊ากกกกก
อ่านแต่ละตอนที่หมอและยิ้มเค้าคุยกัน หยอกล้อกัน ดูแลกัน แล้วแบบมันอุ่นในใจอ่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีเรื่องนี้ รักตัวละคร หมอกับยิ้มหวานมากจิงๆๆ 
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: Onlylyn ที่ 10-03-2016 16:52:21
ไม่ได้อ่านนิยายแนวฟีลกู้ดมานานมากกกกก
เพิ่งมาตามอ่าน อ่านแล้วไม่อยากให้จบเลยค่ะ
บรรยากาศทั้งเรื่องเหมือนถูกดูดเข้าไปในก้อนเมฆเลย ละมุนละไมมาก
นิยายอะไรไม่มีชื่อตัวละคร แต่สรรพนามน่ารักน่าหยิกได้อีก
รออุดหนุนรูปเล่มนะคะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 12-03-2016 00:37:02
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ฝันดีอะ อ่านแล้วฝันดี น่ารักดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกก รักเลยเรื่องนี้ ชอบๆๆๆๆๆๆ
อ่านไปเขินไปด้วย ชอบโม้เม้นแบบนี้อะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 12-03-2016 16:19:53
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบ อ่านไปเขินไป บิดไปตัวงอ ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกก
โครตน่ารักเลย อ่านไปยิ้มไป ยิ้มจนแก้มแตกแล้วเนี้ย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 12-03-2016 16:57:25
รักเลยยยยยยยยยยยยย ชอบหมออะ รุกจีบขนาดนี้ เขินแทนยิ้มหวานเลย อ๊ากกกกกกกกกกกก ดีกับใจ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:  :-[ :-[ :-[ :-[  :o8: :o8: :o8: :o8:  :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 12-03-2016 17:35:44
อิหมอ!!!!!! ทำไมน่ารัก โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย เขินแทนยิ้มหวาน ยิ้มหวานก็น่ารักเกิ๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนน

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 12-03-2016 20:25:10
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

คนถ่อยโครตๆๆๆๆๆๆ ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบ ชอบคนถ่อยยยยยยยย โถถถถถถถ ค.ถ.นะก๊าบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 12-03-2016 21:03:41
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13

อิหมอ ชอบอะ ทำทุกอย่างก็หวังผล จริง!!!!! นิก็รออยู่เนี้ย เมื่อไหร่จะเห็นผลสักที ^______________^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 13-03-2016 12:16:45
ขอบคุณเรื่องราวของหมอกับยิ้ม(หวาน) ที่ทำให้เรายิ้มออกมาง่ายๆโดยไม่รู้ตัว
ขอบคุณช่วงเวลาแห่งความสุขที่เกิดขึ้นตอนอ่านเรื่องราวของทั้งสอง
จีบกันน่ารักชะมัด อิจฉา 55555
ตอนอ่านก็คิดว่า หมอเขาจีบกันแบบนี้เหรอออออ 55
กวนทั้งคู่ น่ารักทั้งคู่ รักหมอและยิ้มหวานมากๆ  :-[
ปล.ตอนเราอ่าน เราฟังเพลง ขอวอน2 ของสมเกียรติ เราว่ามันโคตรเข้าเลย
เพลงหวานๆ กับเรื่องราวหวานๆ :)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 13-03-2016 15:11:41
หมอหวานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ฮิ้วววววววววววววว น่ารัก
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 13-03-2016 22:58:20
อิหมออออออออออออ แกทำตัวปกติมากกกกกกก แหมเข้าห้องเขาปุ๊บ เนียนหอมแก้มได้ขนาดนี้ ปกติตรงไหนเนี้ย
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย เขิน ฟิน ชอบ ยิ้มแก้มแตกแล้วเนี้ย
ลุยหมอลุย ลุยเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 13-03-2016 23:32:20
ผีหมูทะเล ทำไมน่ารักกกกกกกกกกกกกก อร๊ายยยยยย นางน่ารัก ไม่รู้จะบอกยังไง แต่หลงรักนางพร้อมๆ กะอิหมอนิแหละ
ถ้าไม่ติดเป็นของ หมอนะ จะแย่งมาฟัดให้หายหมั่นเขี้ยวเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 14-03-2016 09:54:26
โอ้ยยย เป็นเรื่องที่อ่านแล้วฟินตัวบิดจิกหมอนมากๆๆ ไม่ได้หวือหวา แต่แบบ น่ารักมากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 14-03-2016 15:36:57
อ่านจบแล้วค่า
อบอุ่น หวานๆมุนๆดีค่ะ
เรานึกถึงหน้ายิ้มหวานเป็นน้องอินตั้งแต่ตอนแรกเลยค่ะ
ยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ อยากให้ถ่ายทอดเรื่องราวไปอีกนานๆเลยค่ะ
ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายดีๆมาให้ติดตาม ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 14-03-2016 16:27:57
อยากรู้ชื่อจริงของหมอกับยิ้มหวานนนน :katai5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [THE END & EPILOGUE] <30.01.16> page 50
เริ่มหัวข้อโดย: kipuuu ที่ 14-03-2016 19:01:30
{ ประกาศ }

วันนี้เราจะมา~
แจ้งกำหนดการวางขายและอวดรูปปกให้ทุกคนดูกันนะคะ

อย่างที่หลายๆคนน่าจะรู้กันแล้วว่า เราจัดพิมพ์นิยายเรื่องนี้กับสำนักพิมพ์ EverY
และตอนนี้รูปตัวอย่างปกก็ออกมาเรียบร้อยแล้ว ตามนี้เลย...​

(https://pbs.twimg.com/media/CdgcWNFUMAETtrI.jpg)
ลิ้งสำหรับดูรูปชัดๆค่ะ ❤ (https://scontent.fbkk2-2.fna.fbcdn.net/hphotos-xtf1/v/t1.0-9/12821401_960036900746143_3632013757253597463_n.jpg?oh=d59112ab2a23668c003b5cdf48466151&oe=575AC3B7)


ซึ่งหนังสือจะวางขายที่งานสัปดาห์หนังสือตั้งแต่วันแรกเลย
หนังสือราคาเล่มละ 399 บาท หนา 504 หน้าค่ะ (หนาพอจะฟาดหมอจนสลบได้)
ซื้อในงานลดราคา 15% จากราคาปกด้วยอะ!

หรือจะมาเจอเราด้วยก็ได้ ในวันอาทิตย์ที่ 3 เม.ย. เวลา 13:00-14:00
ตรงบูธ Y13 Hall A มากันเหอะนะ.. อยากเจอ~

ส่วนคนที่ไปงานสัปดาห์หนังสือไม่ได้ ตัวเล่มน่าจะวางขายช่วงต้นเดือนเมษา
หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป B2S มีชัวร์ค่ะ

หรือจะซื้อทางเว็บไซต์ www.jamsai.com ก็ได้น้า
‪#‎งานขายสุดพลัง‬


มีข้อสงสัยอะไรถามมาได้ทาง PM หรือ ทวิตเตอร์ @__thissmile ก็ได้ค่ะ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.04.16>
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 14-03-2016 20:13:28
แหมมมมมมมมมมม ถ้ารู้ว่าจูบแล้วพูดง่ายแบบนี้ จูบไปนานแล้วเนอะหมอเนอะ
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.04.16>
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 14-03-2016 21:35:30
สารภาพรักได้น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกก

น้องยิ้มรับรัก ยิ้มแก้มปริตามอิหมอ คือดีงามมากอะ

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.04.16>
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 14-03-2016 21:40:04
แจ้งข่าวล่วงหน้าไปหนึ่งเดียสนะเนี่ยย 14.4.16 

เค้าซื้อๆๆๆ~~~~
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.04.16>
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 14-03-2016 21:46:57
อิจแรงงงงงงงงงงง

อยากได้กระทงแบบนี้บ้าง ยิ้มทำให้มั้ง เก่งอะ เราเป็นประเภทเดียวกะหมอเลย
ทึ่ง และชื่นชม คนที่ประดิษฐ์โน้น ตัดแปะนี้ได้ นับถือๆๆๆ เพราะข้อยทำบ่ได้
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.04.16>
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 14-03-2016 22:35:23
รออออออออ
 :กอด1:
ปล.ตอนนี้เดือน3อยู่นะจ๊ะคุณคนเขียน  :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.04.16>
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 14-03-2016 22:58:09
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

พัฒนาการของน้องยิ้ม นางมอบจูบทางอ้อมแล้ว
เอาเว้ยหมอ รออีกนิด พิชิต...ได้ชัวร์ ^_^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.04.16>
เริ่มหัวข้อโดย: panda11 ที่ 14-03-2016 23:01:07
รอซื้อค่ะ ไม่ได้ไปงานหนังสือ  o22  o22  รีบจะไปงานหนังสือแน่เลย อัพเตือนเป็นเดือน 14.4.16  :laugh:  :laugh:  :laugh:
 
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.04.16>
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 14-03-2016 23:05:20
คงไม่ได้ไปงานหนังสืออ่ะค่ะ :hao5:
แต่เราต้องซื้อเรื่องนี้ให้ได้ค่ะ บอกเลยว่าจะไม่พลาดค่าา
งื้อออ คิดถึงยิ้มหวานของหมอมากที่สุดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.04.16>
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 14-03-2016 23:14:28
ชอบอะ รัวจูบขนาดนี้ หมอเนียนเก่งมากอะ ปรบมือออออออออ
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.04.16>
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 14-03-2016 23:43:35
จบแล้วววววววววววววววว ชอบอะ เนื้อเรื่องดี ข้อคิดดี หมอก็ดี ยิ้มก็ดี
ดีมากจริง ๆ ชอบบบบบบบบ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.04.16>
เริ่มหัวข้อโดย: Prattana ที่ 14-03-2016 23:53:44
อยู่ต่างจังหวัดคงไปงานหนังสือไม่ได้ แต่จะไปหาซื้อในร้านแน่นอนค่ะ
ชอบเรื่องนี้มาก คิดถึงหมอคิดถึงยิ้มหวานและคนเขียน รอฟังข่าวหนังสือมานานมากกกก

หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.04.16>
เริ่มหัวข้อโดย: thunchanok1 ที่ 15-03-2016 02:12:41
อ่านจบแล้ว ไม่อยากให้จบเลย
เป็นเรื่องที่ให้ความรู้สึกอิ่ม รู้สึกดี เหมือนอ่านไดอารี่ซักเรื่องเลย
่ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ดราม่าหนัก แต่มีหน่วงบ้างให้พอมีรสชาติ
ชีวิตรักเรียบๆแบบนี้แหละ ดีสุดแล้ว <3

หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: catchy ที่ 15-03-2016 21:52:53
เป็นนิยายที่น่ารักมากจริงๆ อ่านไปยิ้มไปทุกตอนเลย  :mew2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: «ƤȑǃǹĉΞḠ○ḺҒ™» ที่ 15-03-2016 23:33:11
น่ารักมากๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 17-03-2016 13:33:17
เดี๋ยวไปหาที่งานหนังสือนะคะ ฮี่ๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 19-03-2016 20:46:23
 :o8: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 20-03-2016 21:20:36
ชอบทุกอย่างในเรืองนี้ เขียนดีมาก อ่านไปยิ้มไป ยิ้มหวานด้วย สนุกอ่ะ น่ารัก เป็นหมดที่แบดและน่ารัก ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 20-03-2016 23:28:51
อยากได้หนังสือออออ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: nnewy ที่ 21-03-2016 00:22:58
อยากได้มาครองแล้วค่าาาาา  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 21-03-2016 15:50:52
โอ้ยยยยยยย น่ารักมากกกกกกกกกก มากกกกกกกกก ฮื่อออ ทำไมหมอกะยิ้มหวานน่ารักแบบนี้ ฮืออออ ชอบบบบ เป็นอะไรที่ฟินแม้แค่เกี่ยวนิ้วมือกันและกัน ผ้าห่มนี่เปียกหมด เขินจนต้องกัดผ้าไว้ไม่ให้กรี๊ด 5555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: ZeeKiN ที่ 23-03-2016 07:24:47
รวดเดียวจบอ้ากกกกกกกกกน่ารัก :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: siriya_n ที่ 23-03-2016 10:00:09
 หมอมีความอ้อยเยอะมากเกลียด555555 ยิ้มหวานน่ารัก :impress2:    รักเรื่องนี้มากๆ  :L2:รอซื้อแน่นอน :z1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: sherline ที่ 25-03-2016 21:19:21
น่ารักมากกกกกกกก   :katai1: :katai1: :katai1:
แล้วสรุปชื่อของยิ้มหวานกับหมอนี่ชื่ออะไรอ่ะ หรือชื่อนี้จริงๆ
หนือนี่อ่านไม่ดีเอง แงงง :a5:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 26-03-2016 01:35:18
กะว่าจะเข้ามาอ่านตัวอย่างก่อนตัดสินใจซื้อหนังสือเลยค่ะ แต่พอได้มาอ่านเราละลายไปกับยิ้มหวานๆ ศรรักปักอก  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: AllStaRK ที่ 27-03-2016 12:46:53
ยิ้มน่ารักงี้เราก็แย่ดิ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 28-03-2016 21:13:29
อ่านเรื่องนี้แล้วเมื่อยแก้มมมมมม แงงงงง๊ นั้ลลั๊คคคคค
หมอก็ดี๊ดี ยิ้มก็ดูเป็นผู้ชายน่ารักอบอุ่นอ่ะะะะ
บรรยายแล้วรู้สึกสบายใจมากค่ะะะ ชอบบบบบบบ

ปล.อ่านจนจบเรายังงงๆว่าหมอกับยิ้มชื่อจริงๆคืออะไร เราอ่านไม่ละเอียดหรอ 5555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 29-03-2016 19:30:06
เรื่องมันเรื่อยๆมาเรียงๆไปหน่อย เหมือนมันจะมีอยูรสชาติเดียว ไม่ค่อยถูกจริตเรานัก แต่ก็อ่านจบแล้ว

 :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: wawa_piya ที่ 30-03-2016 11:43:25
น่ารักจริงๆเลยยยยย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 30-03-2016 12:20:27
ไป ซื้อแน่นอน ค่าาา า า าา า า า า า า   
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 30-03-2016 14:02:59
โอ้ยยยย น่ารัก
อ่านรวดเดียงจบเลย
อ่านไปยิ้มไป
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 30-03-2016 19:12:46
อ่านแล้วเขินแล้วน่ารัก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 30-03-2016 22:33:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: happybird ที่ 31-03-2016 14:11:21
ถ้าในโลกของความเป็นจริง มีคนแบบนี้คงจะดีใช่น้อย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: myungyeol0609 ที่ 08-04-2016 10:38:41
แงๆ น่ารักอะ ทำไมเป็นคนขี้อ่อยทั้งคู่เลย อิอิ
อ่านแล้วยิ้มตามแก้มแทบปริ แบบอั้นยิ้มไม่ได้แล้ว
ชอบๆ ติดตามนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: myungyeol0609 ที่ 08-04-2016 13:23:14
เราว่ายิ้มหวานต้องแอบมีใจให้หมอ
แบบว่าต้องมองออกบ้างแหละว่าหมอชอบ
ถึงแม้จะพยายามอั้นยิ้มก็แล้วเหอะ 555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: myungyeol0609 ที่ 08-04-2016 13:47:51
ชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าใครอ่อยใคร 5555
น่ารักทั้งคู่เลยค่ะ >.<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 11-04-2016 22:07:13
ขอแสดงความคิดเห็นแบบโดยรวมเลยนะเรามิสามารถบรรยายความฟินความน่ารักได้ด้วยตัวอักษรเลยคือมันดีอ่ะมันดีมากมีความลึกลับซับซ้อนแบบใสๆแฝงให้เรารู้สึกอยากติดตาม เครียดมาเรามาอ่านนี่คือยิ้มหน้าบานอ่ะคือเป็นนิยายที่บรรลุของคำว่าความสุขไม่มีตัวร้ายอะไรมากมายให้ปวดหัวเป็นความรักของคนสองคนที่พัฒนามาเรื่อยๆเสน่ห์อีกอย่างคือชื่อตัวละครคือทำให้รู้เลยว่าไม่จำเป็นต้องมีชื่อที่เรียกขานแบบจริงๆแค่เป็นคำนิยามของคนสองคนก็น่าสนใจได้คือดีเราชอบมากเราดีใจที่มีโอกาสได้สัมผัสความฟินแบบนี้ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆที่มาบรรจงเขียนแต่งให้อ่านนะ ถ้าให้ดีมีตอนพิเศษฟินๆมาให้อ่านอีกสักสิบยี่สิบตอนก็นะ อิอิ  :o8: :-[ :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: gakuen ที่ 13-04-2016 20:14:06
น่ารักกกกกกกก>*<
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: water ที่ 14-04-2016 16:43:36
อ่านไปเขินไป ทำไมแต่งออกมาได้น่ารักขนาดนี้คะ ฮือ ชอบมากเลย เป็นนิยายโปรดอีกเรื่องหนึ่งของเราทันที  ความน่ารักกกก♡
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 16-04-2016 14:17:09
เรื่องนี้น่าร้ากกกก
มุ้งมิ้งตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 16-04-2016 15:38:04
เห็นยิ้มหวานที่ร้านหนังสือ ถามว่าเงินมีมั้ยก็ไม่T^T
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: แค่มะลิ ที่ 17-04-2016 14:37:41
น่ารักมากกกก สบายๆ ชิลๆชิคๆ แกมกวนตรีน 55555
อ่านแล้วสบายใจดีค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: hoshichi ที่ 24-04-2016 12:25:08
ยิ้มหวานนนนนนน
ตามชื่อเลย อ่านแล้วยิ้มหวานตล๊อดๆๆๆๆ
ยิ้มน่ารักกกกกกก
สรุปจนจบไม่มีชื่อเลยสินะ
55555555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: muther1250 ที่ 30-04-2016 09:54:26
เข้ามาอ่านรอบที่3แล้ว  ก็ยังน่ารักเหมือนเดิม...  แอร๊ยยย  ชอบอ่ะ..
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: p9hmiew ที่ 08-05-2016 01:06:58
เป็นเรื่องที่ feel good มั่กๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ ติดตามผลงานต่อไปจ้า
 o13 :z1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 14-05-2016 08:57:40
ซื้อมาแล้วนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: sb_ng ที่ 10-06-2016 15:18:36
อ่านยิ้มหวานของหมอตั้งแต่ยังเขียนไม่จบ แล้วก็ห่างหายไม่ได้อ่านนาน
จนหนังสือออก ซื้อหนังสือเก็บไว้เรียบร้อย ก็ยังคงดองไม่ได้เอาออกมาอ่าน
เพราะต้องใช้เวลานาน ต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น เลยอยากรอมีเวลาว่างเยอะๆทีเดียวเลย
วันนี้ได้อ่านจนจบแล้วค่ะ เฮฮฮฮฮฮฮฮฮ ดีใจกับตัวเองที่ได้อ่านซักที 5555555
ไม่เคยนึกมาก่อนว่าทั้งเรื่องจะไม่รู้ชื่อตัวละคร เรียกแต่หมอกับยิ้ม แต่กลับไม่ได้รู้สึกแปลกเลยค่ะ
รู้สึกว่าเออก็น่ารักดีเนอะ แบบรู้แค่หมอกับยิ้มก็สามารถอ่านได้อย่างราบลื่น เป็นเอกลักษณ์ดีค่ะ เก๋ดี 555555
เป็นเรื่องที่ฟีลกู้ด น่ารักมากกกกก ใสๆ น่าอิจฉาสุดๆทั้งหมอทั้งยิ้ม อยู่ด้วยกันมีแต่ความแฮปปี้
ภาษาน่ารัก คลายเครียด ไร้ดราม่า อ่านละมีความเขินความฟินตลอด อมยิ้มแอบยิ้มตามหมอและยิ้มหวาน
หมอโคตรหลงยิ้มเลย ตอนจีบใหม่ๆนี่อย่างเพ้ออ่ะ 5555555 หมอเอ็นดูยิ้ม เราก็เอ็นดูยิ้มเช่นกัน 555555
คู่นี้ต่างคนต่างดูไม่ค่อยมีเวลานะ แต่ไม่ทะเลาะกัน ช่วยกันประคับประคองกันไป ดีงามค่ะ
ชีวิตราบรื่น แฟนเทคแคร์ น่าอิจฉามากกกกก แก๊งเพื่อนๆของทั้งหมอทั้งยิ้มก็น่ารัก เฮฮาดี
การจีบกันของสองคนนี้เป็นอะไรที่น่ารักอ่ะ แปลกใหม่
แม้ในความเป็นจริงถ้าเจอคนทิ้งชีทไว้ที่ร้านกาแฟ คงยากที่จะเจอคนแอ้ดไปบอกอะ 5555555
แต่ก็นะ จะรุกก็ต้องกล้าๆหน่อยยย ทำให้สุดดดด เนอะหมอเนอะะะ ไม่ลองไม่รู้งี้
''ขอให้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม'' จะเอาคำนี้มาใช้บ้าง ชอบๆ แต่ไม่ได้ใช้เรื่องแบบหมอนะ 5555555
สุดท้ายก็ ขอบคุณมากสำหรับเรื่องน่ารักๆแบบนี้นะคะ จะติดตามผลงานต่อไปค่าาา

ปล. ณ ตอนนี้ก็กำลังติดตามเรื่องใหม่อยู่ น่ารักเหมือนเดิมเลยค่าาา
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 26-06-2016 16:20:18
อ่านจบแล้ววว

ละมุมละไมมากค่ะคุณขาาาา ชอบอะ อ่านแล้วก็อบอุ่นหัวจายยย อิหมอมันขยันหยอดอะ ไอ่เราก็ดิ้นไปดิ้นมาเขิลแทนยิ้มหวาน5555 ยิ้มหวานน่ารักมากเลย เป็นคู่ที่เข้ากันดีอะ รักเลย

ขอบคุณที่คนเขียนที่เขียนออกมาแบ่งปันกันนะคะ จะรอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 09-07-2016 16:45:47
อ่านไปเขินไปอะไรกันเนี่ย :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 09-07-2016 19:05:42
มันจะเกินไปแล้วน๊าาา น่ารักเกินไปแล้ว :o8:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 10-07-2016 20:25:02
อ่านกี่รอบก็ยิ้มตามชื่อเรื่องเลยค่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 19-07-2016 17:22:26
อ่านจบหลายรอบแล้ว
แต่ไม่ได้เม้นเลย
ขอบคุณนะคะ สำหรับนิยายดีๆ
อ่านแล้วมีความสุขไปกับตัวละคร
อย่างยิ้มหวานและหมอ แบบสุดๆ
เป็นนิยายที่อิ่มเอมสำหรับเรามาก
และมั่นใจว่า จะกลับมาอ่านอีกหลายๆรอบแน่นอน

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: amkang12 ที่ 19-07-2016 22:10:30
เล็งๆจะอ่านเรื่องนี้หลายรอบแล้วแต่ก็ยังไม่มีโอกาสอ่านเลย จนมาถึงช่วงวันหยุดนี้เองที่ทำให้ได้อ่าน

อยากจะบอกว่า น่ารักมาก อ่านไปยิ้มไป น่ารัก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรืองนี้ที่แต่งมาให้พวกเราได้อ่านกันน่ะครับ

เป็นกำลังให้สำหรับนิยายในเรื่องต่อๆไป
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: ClioNe ที่ 20-07-2016 18:32:17
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 22-07-2016 10:59:03
ตามอ่านจนจบสักที หลังจากไม่ได้เข้ามาในเล้าตั้งนาน :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: The darkness ที่ 22-07-2016 15:38:42
ทิ้งชีทพร้อมไอดีไลน์ ให้ท่าสินะ  :m20:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: chaihm ที่ 10-08-2016 01:17:34
น่ารักมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: starhihi ที่ 10-08-2016 18:21:03
แง จบแล้วอ่ะ ยังรู้สึกไม่จุใจเลย

เรื่องนี้ละมุนมาก ชอบค่ะ เนื้อเรื่องเรียบๆเรื่อยๆดี
ชีวิตคนเราไม่ต้องหวือหวาตลอดเวลาก็ได้เนอะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 08-11-2016 20:28:19
เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกที่ทำให้เรารู้จักเว็บนี้ และพยายามจะสมัครเข้ามาคอมเมนท์มาก แต่ไม่รู้เพราะอะไรถึงสมัครไม่ได้
จนเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งจะสมัครได้ เลยเข้ามาแบบเกสและตามอ่านเรื่องอื่นอย่างหนักมาตลอดเกือบสองปี
เราชอบนิยายฟีลกู๊ดอ่ะ อ่านแล้วมันยุบยิบหัวใจดี
แต่เหนืออื่นใด อยากชมว่าคนเขียนเรื่องนี้เขียนดีมากอ่ะ ฉลาดในการแนะนำตัวละครและเดินเรื่อง
ตลอดเรื่องเราก็ไม่ต้องรู้ว่า ยิ้มหวานกับหมอชื่อจริงหรือชื่อเล่นว่าอะไร
แต่สามารถใช้สรรพนามนี้แทนได้ทั้งเรื่องโดยไม่ติดขัด
ไม่ต้องหวือหวาในแง่เลิฟซีน แต่เนื้อหาดีงามกับใจมากบอกเลย

ถ้าเราสามารถเขียนได้ เราก็อยากเขียนให้ได้แบบคุณ     :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: Moopat ที่ 10-11-2016 17:31:52
ชอบเรื่องนี้มาก น่ารัก
อ่านแล้วยิ้มตาม มีความสุข
ไม่อยากให้จบเลย ขอภาค 2 ได้มั้ย  :mew2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: ♥KïssKïss_KÚRÚ♥ ที่ 11-11-2016 11:21:46
เราซื้อรวมเล่มมาอ่าน เพราะคนขายเชียร์ว่าสนุก
พอได้ลองอ่านก็ เออสนุกจริง
ชอบเนื้อเรื่องที่มันรู้สึก Feel Good
แล้วก็แนวการดำเนินเรื่องที่ไม่ใช้ชื่อตัวละครเลยแปลกดี
นี่ก็ตามมาเม้นให้กำลังใจคนแต่ง
ให้เขียนผลงานดีๆ ออกมาให้ติดตามอีกนะครับ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: sasithornae ที่ 30-11-2016 20:50:57
เพิ่งอ่านจบสนุกมากค่ะ ไม่อยากให้จบเลยยยชอบบบบบ ยิ้มมมมมม  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: zaads ที่ 09-12-2016 21:08:21
อ่านแล้วรู้สึกถึงความหมอแมน5555  :hao7:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: kiszy ที่ 13-12-2016 09:52:53
อร๊ายยยยย น่ารักจัง อ่านละอบอุ่นนน อยากมีแฟนแบบหมอออ :)
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: GnA ที่ 18-12-2016 11:18:44
จนจบ ยังไม่รู้ว่า ยิ้มหวาน หมอ เบอร์1 เบอร์ 2 โคนัน  ชื่อจริงว่าอะไร 5555555

ละมุนมาก ยิ้มแก้มแตกทุกตอนอะจริงๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: presents_perfect ที่ 22-01-2017 09:58:04
เข้ายูทูปไปฟังเพลง ฝันรึเปล่าของพี่โย่ง เจอแฟนคลับของหมอกับยิ้มหวานเต็มคอมเมนท์เลยคับ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: b02290 ที่ 16-02-2017 00:00:36
หมอ&ยิ้มหวานน่าร้ากกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: b02290 ที่ 16-02-2017 00:00:57
หมอ&ยิ้มหวานน่าร้ากกก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: konfaibint ที่ 18-02-2017 15:34:57
สนุกอย่างมากกกกกกกกก   :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 24-02-2017 22:51:53
 o13 สนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: -Otto- ที่ 06-03-2017 16:54:53
น่ารักละมุนละมัยประทับใจมากค่ะ :o8: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 28-04-2017 19:08:14
ดีต่อใจเสมอเลย
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 13-05-2017 19:19:02
เป็นนิยายที่มีบรรยากาศอบอุ่นมากๆ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: sphomin ที่ 14-05-2017 16:27:30
รักนิยายเรื่องนี้มากเลยกอดคนแจ่งคะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [20] <04.01.16> page 48
เริ่มหัวข้อโดย: tn ที่ 20-05-2017 14:21:57
ขอสักคนที่เหมือนหมออ่ะ ดี๊ดี งืออออออออออ  :ling1: :ling1:
ที่จริงเป็นเรื่องแรกที่อ่านจนจบยังไม่รู้ชื่อเลยสักชื่ออ่ะ
แต่ฟินมากกกกกกกกก  :katai2-1:
สุดท้ายคงขอขอบคุณละจะแวบไปดูเรื่องอื่นต่อ 55555555 ติดใจ :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 21-05-2017 12:30:08
กลับมาอ่านอีกครั้งก็ยังชอบ มันดีต่อใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: Yukina ที่ 22-05-2017 10:24:19
 :mew1: :-[  :impress2: :o8: :-[

พึ่งอ่านจบตอนที่ 5 ทนไม่ไหวต้องมาเม้นชื่นชมคนแต่งและเรื่องก่อน อยากบอกว่า สนุกมากกกกก ฟินมาก น่ารักสุดๆ
เอาตามตรงคือ คิดว่ามหาลัยในเรื่องต้องใช่ที่เราเคยเรียนแน่ 555 คำเล่า บรรยากาศในเรื่องคือใช่มาก ถึงเราจะจบมาหลายปีแล้ว แต่อ่านแล้วคิดถึงช่วงเรียนสุดๆ คนแต่งเรียนคณะไรเหรอ อิอิ อยากมีคิ้วบอยแห่งชาติมาจีบบ้างงงง ฮืออออแต่ต้องเจียมตัว ไม่น่ารักเหมือนยิ้มหวาน เฮ้อ เพ้อ
สุดท้าย ขอบคุนอีกครั้งสำหรับนิยายดีๆครับ  o18
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 22-05-2017 22:59:39
แปะไว้เดียวมาอ่านนนน :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: Yukina ที่ 23-05-2017 11:30:18
อ่านจบแล้ว !!!!!!!!  :o12:
ฮือออออออ ไม่อยากให้จบเลยยยยย เรื่องนี้มันดีต่อหัวใจมากกก ทำร้ายคนโสดสุดๆ ตอนสุดท้าย ช่วงท้ายๆ นาอ่านแล้วแบบน้ำตาคลอตามยิ้มหวาน คือแบบมัน "ตื้นตัน"
จากเริ่มต้น จากการแอบชอบของหมอ จนจีบ จนคบ จนทำงาน จนดูแลกัน มันฟินสุดๆ ไม่ต้องมีเอนซี หวาบหวิว แต่อารมณ์เรื่องนี้คือ หวาบหวาน  :-[ มันดีจริงๆ
ขอบคุณคนแต่งมากๆ ผ่านไปปีกว่าแล้ววว แต่ถ้ายังไง มาลงตอยพิเศษอีกบ้างก้อได้นะ เรื่องครอบครัวของทั้งสองรู้เรื่องของทั้งสองรึยัง อะไรประมาณนี้ 555555 อินนน
ปล. งงอย่างเดียว ทำไมเรื่องนี้ไม่ได้รางวัล เสียดายยยยยย !!!!
  :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: littlepink ที่ 24-05-2017 23:27:48
ชอบบบบบ ชอบมากกกก น่ารักกก ละมุนทุกวันอักษร อ่านเพลิน ยิ้มหวานน่ารัก อยากมีคนแบบหมอมาคอยเทคแคร์จังน๊าาา อิจฉายิ้มหวานจังเลย ยังไม่อยากให้จบเลย มาลงตอนพิเศษบ่อย ๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 26-05-2017 05:55:42
อ่านแล้วววววว
ดีใจมากที่ได้อ่านสนุกที่สุดเลยรักกกก :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 02-06-2017 23:50:52
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
   Love Love Love
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: meenlove2 ที่ 16-06-2017 00:30:28
เป็นนิยายที่น่ารักอ่ะ อ่านแล้วหลงยิ้มหวานเลยยย ฮืออ เด็กอะไรน่ารักกก ยิ้มแล้วโลกสดใส งื้อออ :hao7:

คนแต่งวางคาแรคเตอร์ยิ้มหวานได้น่ารักมากอ่ะ หมอก็ขี้แกล้งแต่สุดท้ายก็แพ้ยิ้มอยู่ดี อิอิ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: vavavivi ที่ 16-06-2017 10:04:39
ยิ้มหวานนี่น่ารักขนาด เป็นตาฮักแท้ๆเน้อ  หมอก็หลงจนโง่หัวไม่ขึ้นแล้ว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: chayennnnnnn ที่ 22-06-2017 00:47:19
อ่านกี่ทีๆก็ยังยิ้มตามได้เหมือนเดิม  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 23-06-2017 16:59:10
เรื่องนี้เป็น 1ในเรื่องในดวงใจเลยละ รักมากเรื่องนี้
อ่านรอบสองก็ยังไม่เบื่อ ขอบคุณคนแต่งมากๆ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 03-07-2017 22:35:00
กรี๊ดๆๆๆ น่ารักมากๆ
ไม่ใช่ต่างคนต่างแอบชอบกันเหรอ ฮื้ออออออ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 03-07-2017 22:53:24
โดนเพื่อนเผาแน่ๆอะ5555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 03-07-2017 23:16:11
ว๊ากกกกกก น่ารักจริงๆให้ดิ้นตาย :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 03-07-2017 23:39:05
ฝั่นนี้ก็น่ารัก ฮิ้ววว
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-07-2017 18:58:14
ยิ่งอ่านยิ่งหวาน ยิ่งอ่านยิ่งเขิน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-07-2017 19:22:56
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-07-2017 20:17:10
จ้า คนถ่อยก็คนถ่อย
คิดถึงก็บอกเขาไปเซ่ 5555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-07-2017 21:22:26
“เพราะทุกอย่างที่เราทำลงไปอะ เราหวังผลทั้งนั้นแหละ"
ฮิ้วววว
ชอบค่ะ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป เหมือนชีวิตจริงดี ชอบๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-07-2017 22:33:29
หูยยยยย เขินนนนนน
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-07-2017 22:57:07
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 06-07-2017 20:45:28
หูยยย ขนากคนอ่านยังเขิน ยิ้มหวานที่โดนเองไม่ต้องพูดถึงเลย 5555
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 07-07-2017 09:04:40
ฮือๆๆๆๆ จลแล้ว  :katai2-1:
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี อ่านแล้ว feel good แบบนี้นะคะ
เป็นอีกเรื่องที่อ่านไปยิ้มไป ดีต่อใจสุดๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: PRAY ที่ 19-07-2017 16:05:53
 :o8: ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 21-07-2017 01:00:45
เรื่องนี้ดีต่อใจมากๆ อ่านแล้วได้ฟีลคนเป็นแฟนกันจริงๆ
หวานๆเรื่อยๆ ไม่หวือหวาแต่ค่อยเป็นค่อยไป
ขอบคุณมากนะคะที่แต่งมาให้อ่าน  :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: NooMary ที่ 20-10-2017 00:59:24
นิสัยยิ้มหวานน่ารักจัง  กวนโอ๊ยพอๆกับหมอเลย เป็นคู่ที่ทันกันมาก ทั้งฟินทั้งตลก
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: barjaku ที่ 22-10-2017 16:22:22
เห็นแอดมินเพจ GMMTV ลงไอจี การบ้านวันหยุดคือนิยายเรื่องนี้ หวังว่าจะได้ยินข่าวดีเร็วๆนี้นะครับ โปรเจคต่อไปของช่องหรือเปล่า ถ้าใช่จะดีใจมากที่เรื่องนี้ได้ทำเป็นซีรีย์
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 26-10-2017 10:19:34
 :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 27-12-2017 18:50:07
น่ารัก ดีต่อใจ :m3: :m1: :m3:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 29-04-2018 15:46:37
อ่านสองรอบแล้วเรืีองนี้ หลงรักยิ้มหวานของหมอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: sasaka8 ที่ 01-05-2018 12:53:21
ขอบคุณนะคะ นิยายน่ารักมากเลยค่ะ  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: nidasu ที่ 02-05-2018 15:10:48
ไปตามอุดหนุนหนังสือมาแล้วนะ สนุกมากๆ เลย ที่สำคัญเพลงในเรื่องมีแต่แบบเพราะๆ บางเพลงเคยฟังบางเพลงไม่เคยฟังไปตามหามาฟังเพราะมาก ๆ เลยละ เป็นกำลังใจให้เรื่องต่อๆ ไปนะ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 09-05-2018 08:55:37
น่ารักมาก ๆ .................. ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 11-05-2018 17:00:21
อ่านไปยิ้มไปค่ะ
หวานหอม กลมกล่อมมากๆ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 04-06-2018 09:23:08
เรื่องนี้น่ารักมากๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 16-09-2018 17:15:16
 :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: WELOVE_ATP ที่ 30-09-2018 19:54:32
 :mew2: เป็นเรื่องที่ละมุนมากๆค่ะ อ่านได้เรื่อย หลงรักหมอ
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: Piiiimsen ที่ 08-02-2019 14:06:08
อ่านเรื่องนี้มา 2 รอบแล้วเป็นเรื่องที่ละมุนมาก เป็นเรื่องราวความรักใสๆที่ให้กำลังใจดี รู้สึกรักคู่นี้ ชอบมากอ่ะ ยิ้มหวานน่ารักมาก หมอก็ดีมาก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้นะคะ  :-[
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 18-04-2019 13:23:12
 :3123:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: OmleteO. ที่ 09-10-2019 12:37:56
น่ารักกกกก น่ารักมากกกกกกกกกก ขอบคุณนะคะคุณนักเขียน ^^
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: k2g ที่ 09-10-2019 20:08:05
อ่านกี่รอบแล้ว..ถามใจเธอดู
เรื่องนี้ทำหลงเข้ามาในดงวายอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
รักยิ้มหวานของหมอมากมาย
 :L1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 12-01-2021 17:24:52
 :L2: :L2: :L2:
กลับมาอ่านอีก
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: hardened-boy ที่ 05-02-2021 22:17:49
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: C.Tansakul ที่ 08-02-2021 18:38:54
ละมุน ดีต่อใจมาก มีความสุขทุกช่วงเวลาของทั้ง 2 คน รักจัง
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 15-02-2021 15:16:54
 :pig4: น่ารักมากจ้า
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: SeventeenCarat ที่ 24-02-2021 21:27:21
เป็นเรื่องที่ฟีลกู๊ดขั้นสุด ไม่จำเป็นต้องมีฉากวาบหวิว

แค่เขาหอมแก้มกันนี่ก็หมอนแทบขาดหมดบ้านแล้ว

ถ้าได้ผู้ชายแบบหมอนี่จะไม่ปล่อยให้หลุดมือเลยเชึยว ละมุนมาก

ว่าแต่พวกเขาชื่ออะไรกันบ้างเนี่ย อ่านจบเรื่องแล้วยังไม่มีชื่อเบยยยย

แต่ยังไงเรื่องนี้ก็ให้พลังงานบวกได้ดีจริง


 o13
หัวข้อ: Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 25-02-2021 05:28:55
น่ารักจังทำไมพึ่งได้อ่าน  น่ารักนุบนิบมากมาย :impress2: