รักนี้มีแค่...'นายซุปเปอร์สตาร์' ตอนที่ 28
[ปาร์คชานยอล&คิมจุนมยอน]
ลานจอดรถใต้ดินของตึก HK Entertainment เวลา 02.23 น.
“เมื่อไหร่นายจะเลิกทำอย่างนี้ซักทีปาร์คชานยอล” จุนมยอนพึมพำกับตัวเองเบาๆเมื่อเห็นว่ามีคน
นั่งหลับพิงรถของเขาอยู่ตอนนี้ ถึงจะใส่เสื้อผ้าปิดมิดชิดสักแค่ไหนก็เถอะ คนที่ทำเรื่องบ้าๆอย่างนี้มี
แค่คนเดียวเท่านั้นแหละ แล้วจะใช่ใครที่ไหนถ้าไม่ใช่ปาร์คชานยอลแร๊พเปอร์ชื่อดังนักร้องในสังกัด
ค่ายคู่แข่งอย่างบริษัท CB Entertainment ที่เป็นคู่แข่งคู่ปรับตลอดกาลของ HK Entertainment และ
หลังจากที่เจ้าตัวประกาศว่าจะง้อเขาให้ได้ในวันนั้นปาร์คชานยอลก็เข้ามาวนเวียนให้จุนมยอนได้เห็น
หน้าอยู่ทุกวัน ไล่แล้วไล่อีกก็ไม่ยอมไป พอสั่งห้ามไม่ให้รปภ.ปล่อยคนที่ชื่อปาร์คชานยอนไปหาเขา
บนตึกเจ้าตัวก็มานั่งรอนั่งเฝ้าอยู่ข้างรถเขาอย่างที่เห็นนี่แหละ เขาไม่คิดเลยจริงๆว่าพ่อแร๊พเปอร์คนดัง
นี่จะไม่มีตารางงานหรือทำตัวให้ว่างเองก็ไม่รู้ แล้วเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าชานยอนนั่งอยู่ที่นี่ได้ยังไง
ตั้งนานสองนาน เพราะถึงจะยังไม่ใช่หน้าหนาวก็เถอะแต่อากาศตอนตีสองในช่วงฤดูใบไม้ร่วงกลาง
เดือนตุลาอย่างนี้มันก็เย็นใช่เล่นอยู่นะ ถ้าไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไงกัน เฮ้อ!! จุนมยอนอยากจะบ้า
ปิ๊บ!!! ปิ๊บ!!!
“อ๊ะ!!! อ่าว...จุนนี่ทำงานเสร็จแล้วหรอ” ชานยอนสดุ้งตกใจตื่นเพราะเสียงปลดล็อครถของจุนมยอน
ก่อนที่จะถามอย่างงัวเงียเมื่อเห็นว่าจุนมยอนยื่นอยู่ข้างหน้าไม่ห่างจากตัวเขาเท่าไหร่นัก
“นายไม่มีอะไรจะทำหรอปาร์คชานยอลถึงได้มานั่งหลับตามลานจอดรถหรือชั้นใต้ดินเหมือนคนเร่ร่อน
ไร้ที่อยู่อย่างนี้ได้ทุกวันนะห๊า!!!!!” จุนมยอนตวาดดังลั่นอย่างหมดความอดทนเมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วย
ความเหนื่อยล้าของชานยอล ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าชานยอนงานยุ่งหรืองานเยอะแค่ไหนในเมื่อเวลาที่เขา
เปิดทีวีดูเขาก็จะเห็นชานยอลมีส่วนร่วมแทบจะทุกรายการที่เกี่ยวกับวงการเพลงหรือเกมโชว์แล้วยิ่งคิมไค
คู่แข่งอันดับหนึ่งมีข่าวฉาวขนาดนี้ใครๆก็อยากดึงชานยอลไปร่วมงานดึงกระแสสร้างเรตติ้งให้กับรายการ
การตัวเองกันทั้งนั้นแหละ ทำงานเยอะขนานนั้นแล้วยังจะมานั่งเฝ้าเค้าชั่วค่อนคืนอย่างนี้แล้วจะเอาเวลาที่
ไหนไปนอนไปพักผ่อน จุนมยอนไม่เข้าใจเลยจริงๆ
“ฉันบอกแล้วไงว่าเรื่องของเรามันกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ เลิกพยายามได้แล้ว!!” จุนมยอนฝืนใจ
บอกทั้งๆที่ตรงข้ามกับความต้องการจริงๆของตัวเอง
“ฉันก็บอกแล้วไงว่าฉันรักนายมากแค่ไหน บอกแล้วไงว่าจะไม่มีทางที่จะยอมแพ้เรื่องของเรา” ชานยอล
ลุกขึ้นจากพื้นและบอกยืนยันคำตอบเดิมของตัวเองเหมือนกับทุกๆครั้งที่ผ่านมา แต่กลับหน้ามืดขึ้นมา
กะทันหัน
“นายเป็นอะไรไปน่ะชานยอล” จุนมยอนถลาเข้าไปรับทันทีที่ชานยอลทำท่าเซเหมือนจะล้ม
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่กๆ” ชานยอลบอกพร้อมกับไอออกมา
“ไม่เป็นไรบ้าบออะไร ตัวร้อนขนาดนี้ห๊ะ!!” จุนมยอนแหวใส่เมื่อรู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผล่ออกมา
จากร่างกายของชานยอล
“ไม่เป็นไรจริงๆ แค่กๆ” ชานยอลยังคงดื้อดึง
“ไปๆเดี๋ยวฉันจะพาไปส่งที่บ้านนายเอง ป่วยแล้วยังไม่เจียม” จุมยอนค่อนคอด ประคองชานยอล
ไปทางฝั่งข้างคนขับเปิดประตูยัดชานยอลเข้าไปนั่งในรถพร้อมกับอ้อมมาขึ้นประจำที่ของตัวเองและ
ออกรถมุ่งหน้าไปส่งชานยอลที่บ้านทันที
.
.
.
.
.
เพราะว่าบ้านของชานยอลเป็นเพนท์เฮ้าส์หรูที่ตั้งอยู่ชั้นบนสุดของคอนโดหรูใจกลางเมืองทำให้
จุนมยอนต้องระมัดระวังมากๆในการเข้าออกแต่ระครั้งแต่ดีที่ก่อนหน้านี้ชานยอลพาเขาเข้ามาบ่อยๆ
เลยทำให้พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ดูแลทางเข้าออกคอนโดนี้ยังพอคุ้นหน้าคุ้นตาเขาอยู่บ้างจึง
ปล่อยเขาขับรถเข้ามาถึงลานจอดรถชั้นใต้ดินได้อย่างนี้
จุนมยอนแบกชานยอนขึ้นมาบนห้องได้อย่างอยากลำบาก แต่ก็โชคดีที่ไม่มีใครได้ทันเห็นแร๊พเปอร์
คนดังหมดสภาพแบบนี้เพราะเป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว
“อย่าใจร้ายกับผมนักได้ไหมจุนนี่ เพราะอะไรทำไมคุณถึงได้ทำเหมือนว่าไม่เคยรักกัน” ชานยอล
เพ้อออกมาด้วยพิษไข้ในขณะที่จุนมยอนกำลังเช็ดตัวให้อยู่ และคำถามแบบเพ้อๆของชานยอลทำให้
จุนมยอนได้ย้อนนึกไปถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างเขาทั้งสองคน
.
.
.
.
.
ย้อนไปถึงครั้งแรกที่ชานยอลและจุนมยอนได้พบเจอกัน
ชานยอนที่เดินออกมาจากร้านกาแฟของเซฮุนด้วยความหงุดหงิด เพราะว่าคนสวยที่แสนดีของเขานั้น
มีลูกและสามีเป็นตัวเป็นตนแล้วแต่นั่นมันไม่ใช่สาเหตุที่เขามาหงุดหงิดอยู่อย่างนี้หรอกเพราะว่าถึงจะมี
ครอบครัวแล้วเขาก็ยังอยากที่จะคบคนคนดีๆมีน้ำใจอย่างเซฮุนถึงแม้ว่าจะฐานะเพื่อนก็ตาม ต่อให้ชอบ
หรืออยากได้แค่ไหนคนอย่างปาร์คชานยอลก็ไม่คิดจะแย่งหรืออยากได้คนมีเจ้าของหรอก แต่ที่เขาหงุด
หงิดอย่างนี้ก็เพราะว่าไอ้เจ้าของคนสวยของเขามันคือคิมไคศัตรูอันดับหนึ่งในวงการของเขานะสิ!!
ปึก!!!!
“โอ๊ะ!/โอ้ย!” เดินออกมาจากร้านกาแฟของเซฮุนได้ไม่กี่ก้าวชานยอลก็เดินชนกับใครก็ไม่รู้เข้าให้
“ขอโทษครับๆ” ชานยอลเอ่ยขอโทษพรางช่วยคนที่เขาชนล้มไปเก็บของที่กระจัดกระจายอยู่ข้างๆ
ตัวเจ้าของอยู่ตอนนี้
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ทันได้มองทาง” จุนมยอนพูดขอโทษทั้งๆที่ยังไม่ยอม
เงยหน้ามองคนที่เดินชนตัวเองเพราะรีบเก็บของอยู่ กลัวว่าถ้าช้ากว่านี้เจ้าหลานตัวดีจะอาละวาดฟาด
งวงฟาดงาใส่หนักกว่าเดิมซะอีกหลังจากที่เขาผิดนัดกับเจ้าตัวมาตั้งแต่บายแล้วว่าจะพาไปกินของอร่อย
แต่ว่าเขาดันติดประชุมด่วนเสียนี่ เลยทำให้เจ้าตัวโทรจิกเร่งเขายิกๆตั้งแต่ออกมาจากห้องประชุมได้
“ยังไงก็ต้องขอโทษครับเพราะว่าผมก็ไม่ได้มองทางเหมือนกัน นี่ของคุณครับ” ชานยอลบอกพร้อม
กับยื่นของชิ้นสุดท้ายที่ตกอยู่ที่พื้นข้างตัวของเขาส่งให้เจ้าของ แต่พอได้เห็นหน้าคนที่เขาเดินชนเท่านั้น
แหละ ถ้าเป็นในหนังสือการ์ตูนก็คงจะเห็นลูกศรรักรูปหัวใจพรุ่งใส่หน้าอกข้างซ้ายของเขาแน่ๆเลย
“ขอบคุณครับถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับพอดีผมรีบ” จุนมยอนพูดบอกพร้อมกลับรีบจ้ำเดิน
เข้าร้านกาแฟของเซฮุนไป เพราะไม่อยากให้หลานรักกลายร่าง ก็จีซองน่ะนะน่ารักขี้อ้อนแค่กับพ่อแม่
ของตัวเองเท่านั้นแหละ แต่ถ้ากับลุงอย่างเขาน่ะหรือ หึ! อย่าต้องให้พูด ยิ่งเวลาทำให้เจ้าตัวโกรธหรือ
หงุดหงิดยิ่งแล้วใหญ่ จากเด็กน่ารักๆกลายเป็นปีศาจลูกหมูทันทีเลยหล่ะ แต่จะโทษใครได้นอกเสียจาก
ตัวเขาเองที่สั่งสอนและก็ตามใจหลานให้เป็นอย่างนี้เอง
“แล้วเจอกันใหม่นะครับคุณนีออนคนสวย คุณทำให้ผมได้รู้จักคำว่ารักแรกพบซะแล้ว” ปาร์ชานยอล
พูดกับตัวเองเบาๆ เมื่อมองตามจุนมยอนเข้าไปในร้านที่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังเหมือนกับง้องอนจีซองลูกชาย
ของเซฮุนอยู่ ใบหน้าคมที่ซ่อนอยู่ในใต้หมวกที่มีฮู้ดสวมทับอีกทีระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
.
.
.
.
สองอาทิตย์ต่อมาที่ Indy Café
ปาร์คชานยอลเดินเข้ามาภายในร้านกาแฟของเซฮุนอย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงคนตัวขาวที่ได้เจอเพียงครั้ง
เดียวก็ติดตรึงเข้าไปจนเต็มหัวใจ และที่มาวันนี้เขาก็หวังว่าจะได้เจออีกซักครั้งหรือไม่ก็ได้รู้อะไรเกี่ยวกับ
คนตัวขาวคนนั้นไม่มากก็น้อย และเขามั่นใจว่าเซฮุนจะต้องรู้จักคนๆนั้นของเขาเพราะว่าวันนั้นตอนที่เขา
มองตามเข้ามาในร้านก็เห็นคนๆนั้นเข้าไปกอดจีซองลูกชายของเซฮุนอย่างสนิทสนม
“อินดี้คาเฟ่ยินดีต้อนรับครับ” หนึ่งในพนักงานคนนึงที่อยู่ตรงเคารน์เตอร์เอ่ยต้อนรับอย่างสุภาพ
“เซฮุนอยู่รึป่าวครับ ผมมาพบเซฮุน” ชานยอลถามถึงเซฮุนทันทีเมื่อมองหาแล้วไม่เห็น
“อ่อ! สักครู่นะครับ ผมจะตามให้” พนักงานคนเดิมบอกก่อนที่จะผละออกไปตามเซฮุน
“สวัสดีฮะ พนักงานบอกว่าคุณต้องการพบผมหรือฮะ” เซฮุนที่อบขนมอยู่ในครัวของร้านพูดทัก
เมื่อแบคฮยอนเดินเข้าไปตามและบอกว่าคนที่ยืนหันหลังให้เขาอยู่ตอนนี้คือต้องการพบเขา
“ฉันปาร์คชานยอลเองเซฮุน” ชานยอลพูดบอกพรางเปิดผ้าปิดปากออกให้เซฮุนได้เห็นหน้าตัวเอง
“อ่าว! ชานยอลเองหรอ มีอะไรรึป่าว” เซฮุนถาม
“เปล่าหรอกพอดีวันนี้ฉันว่างน่ะ ก็เลยแวะมาหาอะไรเย็นๆดื่มสักหน่อย ว่าจะมาขอเล่นกับหลานด้วย
ครั้งที่แล้วจีซองหลับฉันเลยไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกับหลานเลย” ชานฮยอนบอกพรางส่องสายตา
มองหาจีซอง
“อ๋อ! จีซองเขาออกไปหาคุณตากับลุงเขาน่ะเดี๋ยวก็มา อ๊ะ! นั่นไงมาแล้ว” เซฮุนบอกเมื่อเห็นว่าจีซอง
เดินลากจุนมยอนเข้ามาในร้าน
“หม่าม๊า~ ลูกหิว~” จีซองเห็นเซฮุนเข้าก็บอกปัญหาระดับชาติเลยทีเดียวเชียว
“ฮ่าๆ ใจเย็นๆครับลูก จีซองมารู้จักอาชานยอลกันก่อน คนนี้ชื่ออาชานยอลครับ อาชานยอลเขา
เป็นเพื่อนกับหม่าม๊าครับ คนเก่งสวัสดีอาชานยอลก่อนเร็ว” เซฮุนอ้าแขนรับจีซองที่วิ่งเข้ามากอด
ก่อนที่จะแนะนำให้จีซองได้รู้จักกับชานยอล
“สวัดดีฮับ! อาชานยอล จีซองชื่อจีซองฮับเป็นลูกของหม่าม๊าเซฮุนคนสวยกับป๊ะป๋าจงอินที่หล่อ
ที่สุดในโลกหล้า ยินดีที่ได้รู้จักฮับ!!~” จีซองโค้งตัวแนะนำตัวตามฉบับความแสบของตัวเอง
“ฮึๆ ยินที่ได้รู้จักครับสุดหล่อ เหมือนพ่อไปหมดซะทุกอย่างเลยนะเราน่ะ” ชานยอลทักทายกลับ
อย่างขำๆในความช่างพูดของจีซอง อดไม่ได้ที่จะนึกไปถึงคนเป็นพ่อเมื่อเห็นว่าจีซองนั้นเหมือนกับ
คิมไคย่อส่วนอย่างไงอย่างงั้น
“อ่อ! ชานยอลนั่นพี่จุนมยอนลุงของจีซองพี่ชายแท้ๆของฉันเอง พี่ฮะนี่ชานยอลฮะ ชานยอลเป็น
เพื่อนของผมฮะ” เซฮุนเห็นจุนมยอนที่ยืนมองชานยอลทักทายพูดคุยกับจีซองอยู่ก็เลยแนะนำให้ทั้ง
สองคนได้รู้จักกัน
"ผมปาร์คชานยอลยินดีที่ได้รู้จักครับ" ชานยอลเป็นฝ่ายยื่นมือไปทำความร้จักกับจุนมยอนก่อน และคำชื่อ
ของคนที่แต่งตัวปิดหน้าปิดตาอย่างมิดชิดที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขานี้ก็ทำให้จุนมยอนนั้นต้องประหลาดใจว่า
ศิลปินเบอร์หนึ่งของค่ายคู่แข่งตลอดการของบริษัทนั้นกลายมาเป็นเพื่อนกับเซฮุนได้ยังไง
"คิมจุนมยอนครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ" แต่ถึงจะสงสัยมากแค่ไหนจุนมยอนก็แสดงมารยาทที่ดีในการ
แนะนำตัวเองกลับไปพร้อมกับยื่นมือไปจับทักทายกับชานยอลเหมือนกับคนอื่นๆทั่วไป
Tru...Tru...Tru
"ว่าไงฮะคุณแม่ เสร็จเรียบร้อยแล้วฮะ อ่า..ก็ได้ฮะ" ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรต่อโทรศัพท์ของ
เซฮุนก็ดังแทรกเข้ามา จนเจ้าตัวเลี่ยงออกไปรับสายไม่ไกลจากที่ยืนอยู่ตอนแรกนัก
"คือ..อีกเดี๋ยวผมต้องเอาของว่างไปที่สมาคมพร้อมคุณแม่นะฮะ เพื่อนที่สมาคมคุณแม่เขาอยากจะคุยเรื่อง
จัดเลี้ยงอะไรสักอย่างกับผมนะฮะพี่ ยังไงผมฝากชานยอลอยู่ทานข้าวกับพี่และจีซองหน่อยนะฮะพอดีชานยอล
เขาตั้งใจจะมาเล่นกับจีซองนะฮะ ขอโทษทีนะชานยอลพอดีฉันต้องไปธุระกับคุณแม่น่ะนายอยู่คุยเล่นกับ
จีซองแล้วก็พี่จุนไปก่อนนะ เดี๋ยวมื้อนี้ฉันเลี้ยงเองถือว่าเป็นค่าเลี้ยงหลาน ฮึๆ" เซฮุนบอกกับจุนมยอนก่อนที่
จะหันไปพูดขอโทษกับชานยอลอีกคนนึงเมื่อเขาไม่สามารถอยู่คุยกับชานยอลได้ทั้งๆที่อีกฝ่ายตั้งใจมาแท้ๆ
"หม่าม๊าจะไปไหนฮับ" จีซองถามเมื่อเห็นว่าแม่ตัวเองพูดกับจุนมยอนเหมือนกับว่าจะออกไปไหน
"หม่าม๊าจะออกไปธุระกับคุณยายครับ จีซองอยู่ทานข้าวกับลุงจุนกับอาชานยอลไปก่อนนะครับ
ห้ามดื้อ ห้ามซน แล้วก็ดูแลร้านแทนหม่าม๊าด้วยแล้วหม่าม๊าจะแถมพายแอปเปิ้ลอร่อยๆให้เป็นของหวาน
ในมื้อนี้ ตกลงมั้ยครับ" เซฮุนก้มลงบอกลูกชาย
"ตกลงฮับ!!" จีซองรีบตอบตกลงทันทีเมื่อได้ยินเซฮุนพูดถึงพายแอปเปิ้ล แหม..ก็พายแอปเปิ้ลแสนอร่อยของ
หม่าม๊าน่ะอร่อยสุดยอดเลย!! จีซองล่ะช๊อบชอบ!!
.
.
.
.
.
กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง
"อ่ะ!! ลูกค้ามา"
"อ๊ะ! จีซองจะไปไหนครับ" ชานยอลถามอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าจีซองกระโดดลงจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่และรีบ
วิ่งออกไปทางหน้าร้านอย่างรวดเร็วทั้งๆที่กำลังทานข้าวอยู่
"ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ คุณทานข้าวต่อเถอะ ไอ้เจ้าหมูอ้วนมันก็เป็นอย่างนี้แหละ" จุนมยอนบอกเมื่อ
เห็นว่าชานยอลมองตามหลังจีซองไปอย่างเป็นห่วง
"ยังไงหรอครับ"
"อินดี้คาเฟ่ยินดีต้อนรับฮับพี่สาวคนสวย~~ พี่สาวคนสวยจะรับอะไรดีฮับ!!" ไม่ต้องรอให้จุนมยอนตอบ
อะไร เสียงของจีซองก็ดังเข้ามาให้ได้ยินและก็เป็นคำตอบให้ชานยอลได้อย่างดี
"นั่น!! จีซองออกไปต้อนรับลูกค้าเองหรอครับ?" ชานยอลถามอย่างไม่แน่ใจนักเพราะเขาไม่เคยเห็นเด็ก
สี่ขวบที่ไหนทำอย่างจีซองมาก่อนและยิ่งไอ้คำว่า 'พี่สาวคนสวย' ที่เจ้าตัวทำเสียงอ่อนเสียงหวานยิ่งแล้วใหญ่
"ฮึๆ ไอ้อ้วนมันร้ายใช่เล่นใช่มั้ยครับ?" จุนมยอนถามอย่างขำๆ
"คงจะแสบหน้าดูนะครับ"
"ก็เล่นเอาปวดหัวกันไปทั้งบ้านนั้นแหละ แต่ก็ดีนะครับไม่เหงาดี เดี๋ยวก็อ้อนคนโน้นอ้อนคนนี้เขาไปทั่ว
จนตายายนี่หลงหลานจนแทบจะไม่ไปทำงานทำการเลย ฮ่าๆ" และแล้วชานยอลก็ทำให้คนหลงหลานอย่าง
จุนมยอนสามารถพูดคุยกับชานยอลได้อย่างเป็นกันเองไม่ใช่ถามคำตอบคำอย่างที่ผ่านมา
"อย่างนี้ที่บ้านคุณคงจะสนุกน่าดูเลยนะครับ ต่างกันกับที่บ้านของผมเลย ที่บ้านผมนะมีแต่ผู้ใหญ่ไม่มีเด็ก
เลยซักคน พอเจอหน้ากันก็พูดคุยกันแต่เรื่องเคลียดๆจนผมนี่ต้องออกมาอยู่ข้างนอกคนเดียวอย่างนี้นี่ไง"
ชานยอลพูดบอกพรางนึกถึงครอบครัวของตัวเอง ครอบครัวที่อึดอัดและเคร่งเครียดทุกครั้งที่อยู่ใกล้
ครอบครัวที่ไม่มีความใกล้ชิดสนิดสนมแม้แต่กลับพี่น้องที่คลานตามกันมายังต้องใช้ภาษาพูดอย่างเป็น
ทางการคุยกันเลย ซึ่งสิ่งเหล่านั้นมันล้วนไม่ใช่หรือไม่ใกล้เคียงตัวตนแท้ๆของเขาเลยสักนิด
"เอาน่า..คุณเป็นเพื่อนของเซฮุนก็เป็นเหมือนน้องชายของผมคนนึงเลยเหมือนกันนะ" เพราะเห็นสี
หน้าหม่นๆของชานยอลที่เจ้าตัวไม่ได้ต้องการที่จะแสดงออกมาแต่มันเป็นเพียงกลไกลธรรมชาติเท่านั้นเอง
จุนมยอนก็พูดปลอบแถมยังใช้ภาษาแบบกันเองอีกต่างหาก และนั่นก็ทำให้ชานยอลยิ้มออกมาได้อย่างง่ายดาย
.....คุณจะทำให้ผมหลงรักคุณไปถึงเมื่อไหร่นะคุณนีออนคนสวย......
"ผมเป็นแค่น้องเองหรอครับ?" ชานยอลเลิกคิ้วถาม และคำถามที่ถามออกไปนั้นก็ทำให้จุนมยอนแทบจะ
สำลักน้ำส้มที่กำลังดื่มอยู่เลย
"แล้วคุณอยากจะเป็นอะไร อยู่ในสถานะไหนกับผมล่ะครับ?" จุนมยอนแกล้งถามพร้อมทั้งเอียงคอมอง
ชานยอลด้วยถ้าทางน่ารักๆที่ถ้าใครสักคนในครอบครัวของเจ้าตัวได้เห็นก็คงจะมีจะต้องมีคนตกใจกันบ้างล่ะ
ใครจะไปคิดล่ะว่าคนบ๊องๆห่ามๆอย่างลุงจุนของจีซองจะมีมุมมุ้งมิ้งกับชาวบ้านเขาด้วย
"แล้วถ้าอยากเป็นแฟนจะได้ไหมครับ?" ชานยอลถามรีบกลับแบบตรงๆตามที่ใจตัวเองต้องการแบบไม่มี
อ้อมค้อมเลยทีเดียวเชียว
"อืม...ไอ้ได้น่ะมันก็ได้อยู่หรอกนะ แต่มันอยู่ที่ว่าคุณจริงจังแค่ไหน? ถ้าแค่จะเล่นๆผมไม่เอาหรอกนะ
เพราะว่าไอ้ผมน่ะมันแก่แล้ว ไม่อยากเปลี่ยนแฟนบ่อยๆ" ประสานมือรองใต้คางพร้อมทั้งส่งสายตาถามอย่าง
สื่อความหมาย
"ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยจริงจังกับเรื่องไหนเท่ากับเรื่องของคุณเลยจริงๆนะ" ชานยอลพูดบอกด้วยน้ำเสียง
มั่นคง แววตาจริงใจ
"อาฮะ! ถ้าคุณอยากเป็นแฟนผมก็จงจำไว้ว่าคุณควรที่จะมี ความจริงใจ มั่นคง ซื่อตรงและจริงจัง ถ้าคุณทำ
ทั้งสี่ข้อนี้ให้ผมเห็นและสามารถทำให้ผมมั่นใจในตัวของคุณมากพอแล้ว วันนั้นผมจะตกลงเป็นแฟนของคุณ
โอเคมั้ย??" จุนมยอนพูดบอกอย่างจริงจังไม่แพ้กัน
Tru...Tru...Tru
"วันนั้นของคุณมันจะต้องมาถึงเร็วๆนี้แน่ผมรับรอง และวันนี้ผมต้องขอตัวก่อนนะครับผู้จัดการโทรมา
ตามผมแล้วล่ะ แล้วเจอกันใหม่นะที่รัก" ชานยอลบอกพร้อมกับชูโทรศัพท์ของตัวเองที่หน้าจอขึ้นโชว์
คำว่าเมเนเจอร์ให้กับจุนมยอนดู ก่อนที่จะลุกออกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่พร้อมทั้งใส่ผ้าปิดปากสวมฮู้ดเพื่อพรางตัว
จากสายตาแฟนคลับและนักข่าวแต่ก่อนที่จะเดินออกไปยังไม่วายยักคิ้วหลิ่วตาใส่จุนมยอนเป็นการทิ้งท้ายอีกที
"หึ้ย!! ไอ้บ้าเอ้ย!!!" จุนมยอนโวยวายแก้เขินกับตัวเองอย่างไม่ดังนักและดีที่โต๊ะนี้เป็นส่วนตัวอยู่มุมอับ
ของร้านและลับตาคนมากพอที่จะทำให้ศิลปินดังอย่างชานยอลได้นั่งทานข้าวอย่างเป็นสุขไร้การรบกวน
จากเหล่าแฟนคลับและนักร้องที่คอยเป็นสต๊อกเกอร์ติดตามชีวิตศิลปิน
...
พาร์ทย้อนอดีตของชานยอลกับจุนมยอนยังไม่หมดนะคะ
ถ้าชอบถ้าใช่จงกดบวก
แต่ถ้าไม่บวกเป็ดก็ขอแค่คนละคอมเม้นเป็นให้กำลังใจให้คนแต่งก็ยังดีนะคะ
เรื่องนี้กำลังจะจบลงในอีกไม่กี่ตอนข้างหน้าแล้ว นี่คือเรื่องจริงไม่ใช่ล้อเล่นอย่างที่ผ่านมา
อีกไม่เกินสิบตอนแน่ๆค่ะ และหลังจากที่จบแล้วมี่จะค่อยๆรีไรต์เนื้อเรื่องในช่วงแรกๆที่มันแล้ว
ขัดหูขัดตา ภาษาไม่ดี บรรยายได้ไม่โอเลย อันนี้มี่แก้ไขแน่ๆค่ะ
เพราะมี่ลองกลับไปอ่านเองแล้วมันเป็นอะไรที่ขัดใจมากๆ
#คิดถึงงงงงงงง(กอดแน่นๆ)ม๊ากกกกกกกกกกก