【*...สุดที่รักษ์...*】
บทที่ 08 : ผลิตจากวัตถุดิบหลักจากธรรมชาติ"ผมกลับแล้วนะครับพี่ สวัสดีครับ"
อนุรักษ์ยกมือไหว้ลากลุ่มพี่ ๆ ผู้ร่วมงานในเจคิงส์ซุปเปอร์ หลังเสร็จจากการลงสต็อกสินค้ามาพร้อมกัน โชคดีวันนี้มีของเข้าไม่เยอะ ทำให้พนักงานกะดึกตอกบัตรออกสี่ทุ่มตรงตามเวลา
โดยปกติแล้วถ้าเลิกงานเร็ว อนุรักษ์จะรีบจับรถเมล์ตรงดิ่งกลับหอ อาบน้ำอาบท่า เปิดเบียร์สักกระป๋อง แล้วคุ้ยหาหนังแผ่นที่ยืมมาจากไอ้ทัต ...เขาชอบหนังแนวแอคชั่น ไม่ว่าจะเป็นหนังแอคชั่นฮอลลิวู้ดถือปืนสู้กันในสนามรบ หรือหนังแอคชั่นญี่ปุ่นสู้กัน(ตัวเปล่าๆ)บนเตียง ซึ่งก็จะเลือกดูสลับ ๆ กันตามวาระความเด็ดที่เพื่อนการันตี
หากคราวนี้ราชรถคันที่เขาเลือกขึ้นหน้าป้ายประจำทาง ไม่ใช่รถคันใหญ่สองประตูห้าสิบที่นั่งเหมือนเช่นทุกที แต่เป็นรถญี่ปุ่นสีดำคันเล็ก โดยมีคนขับกิตติมศักดิ์ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้านายคนใหม่ของเขา
"สวัสดีครับ บอส"
อนุรักษ์รักษามารยาทตามขนบธรรมเนียมไทยด้วยการไปลามาไหว้ แม้ที่ผ่านมาเวลาพบคุณชายเขาจะไม่เคยทักทายอีกฝ่ายดี ๆ ทว่าตอนนี้สถานะเปลี่ยน ยังไงลูกน้องก็ต้องเลือกทำตัวสุภาพอ่อนน้อมเอาไว้ก่อน แต่ท่าทางของเขาดันไปขัดใจผู้บังคับบัญชา
"เรียกฉันเหมือนเดิมก็ได้"
คุณชายเอ่ยเสียงเรียบ ขณะเขาพยายามแย้ง
"แต่ผมเป็นแค่เด็กฝึกงานนะครับ"
"งั้นเธอก็ยิ่งต้องทำตามคำสั่งของหัวหน้า"
...ถึงสถานะเปลี่ยน แต่นิสัยชอบออกคำสั่งของคุณชายไม่เคยเปลี่ยน มิหนำซ้ำยังมีสิทธิอันชอบธรรมที่เขาต้องปฏิบัติตามอย่างเลี่ยงไม่ได้
"ครับ คุณชาย"
สุดท้ายก็ต้องรับคำแกน ๆ หน้ากากลูกน้องแสนดีถูกถอดออกด้วยความเซ็ง ...ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจจะสร้างบรรยากาศเป็นการเป็นงานแท้ ๆ กลับล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม
อนุรักษ์ถอนหายใจหน่าย นึกย้อนทบทวนตัวเองว่าตัดสินใจถูกหรือผิด จากคำถามเมื่อครั้งนั้น
...เธอสนใจมาทำงานกับฉันมั้ย?"ไม่ครับ"
จำได้ว่าตอบปฏิเสธรวดเร็วโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
"ผมมีงานประจำที่ซุปเปอร์อยู่แล้ว และก็ไม่คิดจะลาออกด้วย"
อนุรักษ์ชอบการเป็นพนักงานแคชเชียร์ แม้เงินเดือนจะน้อยและงานจะหนัก แต่เขาสนุกที่ได้สังเกตผู้คน ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ หากคุณชายยังคงพยายามชักแม่น้ำทั้งร้อยสายมาโน้มน้าว
"...งานนี้จะไม่กระทบงานหลักของเธอ เพราะฉันจะให้เธอเป็นนักศึกษาฝึกงานของบริษัท ทำเฉพาะโปรเจคคล้ายพาร์ทไทม์ ตำแหน่งที่เธอจะได้รับคือ ...ครีเอทีฟของเอเจนซี่ไทเกอร์"
คนฟังเลิกคิ้ว "มีตำแหน่งครีเอทีฟแยกเฉพาะด้วยเหรอครับ? ผมนึกว่ามีแค่ ก็อปปี้ไรเตอร์ กับ อาร์ตไดเร็กเตอร์'"
ตอนพี่พิมอธิบายสายงานโฆษณา เขาเข้าใจว่า
'Creative' เป็นคำเรียกรวม ๆ ของกลุ่มคนทำงานทั้งสองประเภท เพราะคุณชายซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ก็ยังใช้ตำแหน่ง
'Creative Director' แต่ความจริงแล้วมันมีรายละเอียดซับซ้อนกว่านั้น
"ครีเอทีฟเป็นตำแหน่งพิเศษเฉพาะ ทำหน้าที่นำเสนอความคิดสร้างสรรค์ให้ไกลกว่าตัวอักษรและภาพ ...ไม่ใช่แค่สร้างความแปลกใหม่ในโฆษณา แต่ต้องคำนึงถึงการเชื่อมโยงทุกอย่างรอบด้านให้สมดุล เอเจนซี่ไทเกอร์ระบุตำแหน่งพนักงานตามความสามารถ ...ที่ผ่านมาฉันยังไม่เคยพบใครเหมาะสมพอจะได้รับตำแหน่งนี้"
ฟังแล้วหัวใจรู้สึกพองโต ถ้อยคำเหล่านั้นคล้ายบอกแฝงนัยว่าเขาเป็นผู้ผ่านการคัดเลือกจากคนหลายร้อยหลายพัน ทำเอาคนโดนชมอดเผลอยิ้มกว้างไม่ได้ แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนเป็นหุบปากสนิท เมื่อได้ยินประโยคต่อมาจากคุณชาย
"...สำหรับเธอ ฉันก็ไม่คาดหวังว่าเธอจะทำได้ดีถึงขนาดนั้น แต่เหตุผลที่ให้ตำแหน่งครีเอทีฟ เพื่อเธอจะได้มีข้ออ้างไม่ต้องเข้าบริษัททุกวัน เพราะหน้าที่หลัก ๆ ของเธอ แค่ช่วยงานต่าง ๆ ที่ฉันมอบหมายก็พอ"
...หัวใจที่พองโตเหมือนลูกโป่งถูกเข็มเจาะให้ลมรั่วหดฟีบเหี่ยวลงทันที
อนุรักษ์ยอมรับว่าเขาไม่ได้เก่งกาจพอจะช่วยงานโฆษณา แถมยังไม่มีประสบการณ์ แต่ไอ้หน้าที่ให้ช่วยงานต่าง ๆ ของคุณชายขอบข่ายมันกว้าง แบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากจ้างให้เขาไปเป็นเจเนรัลเบ๊ชัด ๆ
"ถ้าคุณต้องการคนช่วยงานจิปาถะ จ้างเลขาไม่ง่ายกว่าเหรอครับ แล้วอีกอย่างผมทำงานกะดึก เข้าบ่ายโมงเลิกสี่ทุ่มจะเอาเวลาที่ไปช่วยคุณ"
"เธอค่อยมาช่วยฉันหลังจากนั้นก็ได้ ฉันบอกแล้วว่าจะไม่ให้กระทบงานหลักของเธอ"
"แล้วเวลาพักผ่อนของผมล่ะครับ!?"
เขาไม่ใช่เครื่องจักรบ้าพลังหอบเอางานไปทำทุกที่แบบคุณชาย พนักงานแคชเชียร์ได้หยุดหนึ่งวันต่อสัปดาห์ถือว่าน้อยแล้ว ขืนหาอะไรใส่หัวเพิ่มอีกคงได้ตายพอดี แต่คุณชายแก้ปัญหาง่าย ๆ ตามสไตล์คนรวย
"ฉันจะมีสวัสดิการให้ตามหลัง เธอจะได้รับเงินเดือนเท่ากับพนักงานในตำแหน่งจริง และมีสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทุกกรณี"
"คุณก็รู้ว่าเงินซื้อผมไม่ได้"
ข้อเสนอถูกปฏิเสธด้วยการย้ำเตือนคำที่เคยพูดไว้ กระนั้นคุณชายก็ยังเอ่ยราวกับมั่นใจว่าเขาจะยอมตกลง
"ฉันรู้ แต่ฉันแค่กำลังแจกแจงรายละเอียดพื้นฐานของพนักงานให้ฟัง"
"อะไรทำให้คุณคิดว่าผมจะรับงานนี้?"
"...ตั้งแต่ที่ฉันเห็นเธอคิดเงินเจ้านี่"
ชายในชุดสูทล้วงกระเป๋าหยิบวัตถุหนึ่งขึ้นมาวางบนโต๊ะ อนุรักษ์หายใจสะดุดทันทีที่เห็นมัน
...ลิปสติก Baby Kiss
ความรู้สึกตื่นเต้นเมื่อพบว่าไอเดียของตนเองเป็นรูปเป็นร่างย้อนคืนมาอีกครั้ง แม้จะพยายามรักษาสีหน้าเก็บซ่อนอาการปลื้มใจมากแค่ไหน แต่กลับถูกคุณชายซึ่งต่อแถวอยู่หลังลูกค้ากลุ่มนั้นมองออกอย่างง่ายดาย
...ไม่ต่างจากตอนนี้ สายตาของคุณชายก็คล้ายจะอ่านทะลุว่าเขาคิดอะไร
...คุณชายรู้ว่าเขาชอบความท้าทาย
...คุณชายรู้ว่าเขาสนุกกับการคิดโฆษณา
...และคุณชายรู้ว่าเขาอยากเห็นเวทย์มนต์ของมันอีกครั้งอนุรักษ์ก้มหน้านิ่ง มองต้มซุปเปอร์ในชามที่เขาเพิ่งรีวิวลงอินเตอร์เน็ตไปล่าสุด ก่อนจะยอมเปิดปากด้วยความพ่ายแพ้
"...จะให้เริ่มงานเมื่อไรครับ"
...และสามวันให้หลัง นายอนุรักษ์ก็กลายเป็นนักศึกษาฝึกงานตำแหน่งครีเอทีฟของเอเจนซี่ไทเกอร์ โดยรับงานแรกเป็นการไปตรวจสอบร้านต้มซุปเปอร์ยายแม้นที่คุณชายยื่นเงื่อนไขเอาไว้
รถญี่ปุ่นคันเล็กจอดแนบกับฟุตบาทก่อนถึงตัวร้านเล็กน้อย บรรยากาศโดยรอบถูกโอบล้อมด้วยแสงไฟจากป้ายร้านอาหารฟาสด์ฟู้ดและเซเว่นเปิดบริการ 24 ชั่วโมง สถานที่เดียวซึ่งดูเหมือนจุดอับของซอย ยังคงเป็นตึกแถวเก่าโทรม ที่ตั้งของร้านซุปเปอร์
อาจเป็นเพราะพวกเขามาตอนสี่ทุ่มครึ่ง ยังไม่ถึงเวลาร้านเปิด จึงไม่แปลกที่ยังไม่มีลูกค้าคนไหนเข้า แต่ลึก ๆ อนุรักษ์ก็ยังแอบหวังจะเห็นภาพคนมายืนรอเข้าคิวแน่น เพราะเขาอุตส่าห์ช่วยโฆษณากันเต็มที่ หากมองสภาพโดยรวมแล้วกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ หรือเวลาสามวันที่คุณชายรับปากไว้จะน้อยเกินไป?
ความกังวลใจเริ่มก่อตัวขึ้นทีละนิด ขณะเดินเข้าไปใกล้ร้านเรื่อย ๆ ทว่าข้อสันนิษฐานของเขาผิดถนัด เมื่อพบความเปลี่ยนแปลงแรกโดดเด่นอยู่เหนือกรอบประตูเหล็กเลื่อน
'Superman ซุปเปอร์แม้น' ตัวอักษรสีน้ำมันสดใสเด่นชัด บนป้ายไม้สีขาวขนาดสามคูณสามเมตร ข้าง ๆ ยังมีโลโก้ภาพการ์ตูนยายแม้นใส่ผ้าคลุมสีแดง ในมือถือกระบวยตักน้ำซุปเป็นอาวุธ ราวกับเป็นฮีโร่คนใหม่ของมาร์เวล
"โห ไม่คิดว่าจะเอามาตั้งชื่อร้านจริง ๆ ด้วย แถมทำป้ายซะสวยเลย"
อนุรักษ์เอ่ยชมเจ้าของไอเดีย นึกทึ่งว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นผู้นั่งรอรับความช่วยเหลือเฉย ๆ แต่กระตือรือร้นหาทางพัฒนาร้านด้วยตนเอง
"ขอโทษนะจ๊ะ อีกครึ่งชั่วโมงร้านถึงจะเปิด"
ยายแม้นคงได้ยินเสียงเขาพูดอยู่หน้าร้าน จึงโผล่หน้าออกมาจากประตูเลื่อนซึ่งเปิดเพียงครึ่งบาน ครั้นเห็นลูกค้าคุ้นตาสองคนก็เปลี่ยนเป็นคำทักด้วยความยินดี
"อ้าว...พวกหนุ่ม ๆ นี่เอง เข้ามาก่อนเลยจ้ะ ปลื้มกำลังรออยู่พอดี เดี๋ยวยายไปตามให้ ...ปลื้ม ปลื้มเอ้ย พวกพี่ ๆ เขามากันแล้ว"
หญิงชราเชิญชวน ก่อนหันไปตะโกนเรียกหลานชายจากหลังร้าน อนุรักษ์จึงเดินผ่านประตูเหล็กเปิดเข้าไป ...กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากหม้อซุปเปอร์ซึ่งตั้งอยู่หน้าร้านลอยปะทะต้อนรับเขาเป็นอันดับแรก แต่สิ่งที่ดึงดูดประสาทสัมผัส ไม่ได้มีเพียงแค่จมูกเท่านั้น สายตาของเขาหยุดตรงความเปลี่ยนแปลงอย่างที่สองบนผนังซีดจาง
...โพสอิทสารพัดสีนับจำนวนเกือบห้าสิบใบ ได้กลายเป็นวอล์เปเปอร์ใหม่ อยู่ใต้กระดาษคำถาม
'ดึกดื่นป่านนี้ ทำไมยังมากินต้มซุปเปอร์?'และคำตอบมากมายจากลูกค้าซึ่งแวะเวียนเข้ามา ก็ถูกบอกเล่าอย่างมีสีสันไม่ต่างกัน
'ต้มซุปเปอร์ร้านนี้เด็ดสุดในสามโลก'
'Superman ยังต้องยอม ซุปเปอร์แม้น'
'วันนี้รู้สึกเปรี้ยวตีน เลยอยากโดนตีน'
'พาแฟนมาเดทครับ'
'แฮงค์มาซัดโฮกไปทีกูตื่นเลย'
'ฉลอง! เด็กหงส์ชนะผีแดง!'
'ยายแม้นใจดี ชอบแถมให้เยอะ อิ่มประหยัดไปอีกมื้อ'
'น้องปลื้มน่ารัก อยากเป็นหลานสะใภ้ยายแม้นค่ะ'
'หลานเขยก็ได้ครับ'
...เออ...ไอ้หลัง ๆ มันชักยังไง ๆ อยู่นะ
คนยืนอ่านนึกตะหงิดใจ เพราะ 'น้องปลื้ม' ในภาพติดตาเขา คือเด็กนักเรียนช่างศิลป์ผมไถเกรียน ท่าทางใจนักเลงโตเกินตัว แต่พอเขาได้ยินเสียงตึงตังจากด้านหลังร้านและหันไปมอง กลับพบเด็กชายที่ส่งรอยยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มบุ๋มลงข้างแก้มเล็ก ๆ ประกายตาสดใสไม่มีเค้าความดุห่าม ทั้งยังเปลี่ยนท่าทีตีซี้สนิทสนม เรียกพวกเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"สุดยอดเลยพี่! ผมไม่คิดว่ามันจะได้ผลขนาดนี้"
แล้วคำพูดมากมายก็ทะลักทลาย ประหนึ่งเจ้าตัวอัดอั้นเก็บความดีใจเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
"พี่รู้ป่ะ ถัดจากวันนั้นคนก็เข้าร้านโคตรเยอะ เขาบอกว่าตามมาจากในเน็ต เมื่อวานผมขายหมดเกลี้ยงตั้งแต่ตีหนึ่ง วันนี้เลยต้องไปซื้อขาไก่เพิ่มจากเดิมอีกตั้งสี่กิโล ...เนี่ยผมกำลังต้มน้ำซุปหม้อสองอยู่พอดี พี่อยากรู้สูตรใช่มั้ย ...มาเลย ๆ เดี๋ยวผมจะบอกให้หมด ไม่มีกั๊กแน่ ๆ"
คงเป็นเพราะปลื้มคิดอะไรก็แสดงออกทางสีหน้าหมด โดเบอร์แมนร้ายที่สู้กับเด็กแว๊นวันนั้น จึงกลายเป็นชิวาวาน้อยแสนเป็นมิตรน่าเอ็นดู ...เปรียบแบบนี้อาจเกินไปหน่อย แต่เขาเห็นภาพลวงตาของหางเล็ก ๆ กระดิกเริงร่าเป็นสัญญาณของความไว้เนื้อเชื่อใจ หายระแวดระวังพวกเขาทั้งสองคน ถึงขนาดเดินนำไปยังด้านหลังร้านซึ่งเป็นห้องครัวหลัก
พื้นที่ค่อนข้างคับแคบ เนื่องจากถูกขนาบข้างตู้เย็น เตาแก๊ส และโต๊ะตัวใหญ่ไว้วางเครื่องปรุง กระนั้นอุปกรณ์ทำอาหารทุกอย่างก็จัดเก็บเป็นระเบียบสะอาดสะอ้านสมกับเป็นร้านอาหาร
ปลื้มยกหม้อสแตนเลสใบใหญ่สภาพผ่านประวัติโชกโชนมาตั้งบนเตา ภายในนั้นมีขาไก่ขาวอวบ ตัดเล็บ ล้างสะอาดใส่เอาไว้ประมาณสองกิโล
"จริง ๆ สูตรนี้ก็ไม่มีอะไรยากหรอก เริ่มจากใส่พวกขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด รากผักชีลงไปต้มพร้อมตีนไก่"
พ่อครัวพูดอธิบาย แล้วจึงเริ่มมีดหั่นขิงเป็นแผ่นอย่างคล่องแคล่ว ก่อนหันซ้ายหันขวาหาของบางอย่าง
"พี่ช่วยหยิบข่าตรงนั้นให้ผมหน่อยได้มั้ย"
ปลื้มพยักเพยิดหน้ามาทางคุณชาย ซึ่งยืนอยู่ใกล้โต๊ะมีถุงใส่พวกผักชี ใบมะกรูด และเครื่องสมุนไพรอื่น ๆ วางไว้หลายใบ ร่างสูงจึงล้วงไปหยิบของจากถุงด้านขวา แต่อนุรักษ์รีบแย้ง
"ไม่ใช่ครับคุณชาย นั่นมันขิง ข่าอยู่ทางซ้ายครับ"
ไม่แปลกถ้าจะมีคนเข้าใจผิด เพราะลักษณะของขิงและข่าเป็นแง่งคล้ายกัน แต่ทั้งกลิ่น รวมถึงรสชาติแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ถ้าไม่ใช่คนทำอาหารบ่อยอาจไม่คุ้น ...แรก ๆ เขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ทว่าด้วยอานิสงค์ของการเป็นพนักงานซุปเปอร์ มีบางคราวที่โดนจับไปทำแผนกสต็อกอาหาร ต้องแพ็คของสด ชั่งกิโล แล้วแปะป้ายราคา ...จากผู้ชายที่คุ้ยเคยกับพวกอาหารกึ่งสำเร็จรูป ตอนนี้เลยสามารถแยกออกได้ว่าปลาตัวไหนสดไม่สด
"ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ"
เขาพูดอาสาเป็นลูกมือ จะให้ยืนมองอยู่เฉย ๆ ก็กระไรอยู่ ไหน ๆ มีสองคนช่วยกันน่าจะทำเสร็จเร็วกว่า ส่วนคุณชาย...รายนั้นไม่จำเป็นต้องคาดหวัง ปล่อยให้ยืนสังเกตการณ์เฉย ๆ น่ะดีแล้ว
ปลื้มก็คงเดาความสามารถในงานครัวของผู้ชายสองคนได้ จึงรีบส่งส่งอีโต้มาให้เขาทุบบุตะไคร้โดยไม่คัดค้าน เพียงไม่นานสมุนไพรไทยหลายอย่างจึงลงไปอยู่ในหม้อจนครบ
"ที่นี่ก็ใส่เกลือทะเล แล้วเพิ่มน้ำตาลกรวดตัดรสหน่อย เติมน้ำซุปจากโครงกระดูกไก่ให้ท่วม ...ตอนเริ่มเดือดมันจะมีฟองก็ต้องไล่ช้อนทิ้ง ต้มซุปเปอร์จะได้ไม่ขุ่น ...แล้วก็ตั้งไฟกลางแบบนี้ไปสักชั่วโมงหนึ่ง"
แต่พวกเขาไม่ต้องรอถึงหนึ่งชั่วโมง เพราะมีหม้อที่ทำเสร็จไว้เรียบร้อย ขบวนทัพจึงย้ายไปด้านหน้าร้านจัดการต้มซุปเปอร์ต่อโดยไม่มีการขาดตอน
"พอได้ที่เราจะช้อนเอาเครื่องต้มยำเก่าออก ใส่น้ำปลา ซอสปรุงรสลงไปเพิ่มกลิ่นหอม แล้วค่อยเติมพวกสมุนไพรลงไปใหม่ สีมันจะได้สวย ๆ ...และถ้าลูกค้าสั่ง เราจะตักแยกใส่ถ้วยปรุงชามต่อชาม"
ปลื้มใช้ตะบวยตักน้ำซุปต้มยำพร้อมขาไก่เนื้อนุ่มชิ้นโตลงชาม ปรุงน้ำปลา น้ำมะนาว พริกขี้หนูตำหยาบ ๆปริมาณพอเหมาะให้ได้รสกลมกล่อม ปิดท้ายด้วยการโรยผักชีฝรั่ง ผักชีไทย เป็นอันครบเครื่อง
"เสร็จแล้วครับ ...ต้มซุปเปอร์ขาไก่สูตรยายแม้น"
ต้มซุปเปอร์ร้อน ๆ ควันฉุยน่าทานพร้อมเสิร์ฟ ยั่วกระเพาะคนมองให้เผลอกลืนน้ำลายเอื้อก วิธีทำและวัตถุดิบไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อน ถ้าทอนส่วนผสมหน่อย ก็สามารถทำกินได้เองที่บ้านง่าย ๆ
"แล้วหม้อนั้นล่ะ"
คุณชายชี้ไปยังหม้อสแตเลสตั้งไฟอุ่น ๆ อีกใบซึ่งบรรจุน้ำซุปสีน้าตาลเข้ม ส่งกลิ่นหอมนวล
"อ๋อ...นั่นสูตรต้มเค็ม วิธีทำก็คล้ายกัน แต่เปลี่ยนจากเครื่องสมุนไพร เป็นเครื่องยาจีน แล้วก็เติมซีอิ๋วหวานกับเหล้าจีนลงไปแทน"
ไม่พูดเปล่า เชฟมือทองยังตักต้มซุปเปอร์อีกสูตรใส่ถ้วยให้ลูกค้าลองชิมด้วย ซึ่งก็ไม่ผิดหวังกับรสชาติ
"เคล็ดลับต้มซุปเปอร์ให้อร่อยน่ะ ต้องใช้วัตถุดิบสดคัดคุณภาพเน้น ๆ มันจะได้ถึงเครื่องถึงรส ถ้าใช้พวกผงปรุงรสสำเร็จจะไปอร่อยสู้ของจริงได้ยังไง ...จริงมั้ยครับยาย?"
ผู้เป็นหลานชายหันไปถามเจ้าของสูตร แต่ยายแม้นกลับโบกไม้โบกมือ
"ยายน่ะไม่มีเคล็ดลับอะไรหรอก รู้แค่ว่าต้มยำต้องครบรส เปรี้ยว เค็ม เผ็ด หวาน ถ้าขาดไปรสใดรสหนึ่งก็ไม่ใช่ต้มยำ อ๋อ...แล้วที่สำคัญต้องใส่ใจลงไปด้วย"
ถ้อยความฟังดูนามธรรม แต่เห็นผลได้ชัดเจน เมื่อคุณยายเอ่ยเตือน
"ปลื้ม หม้อนู้นน้ำเริ่มเดือดแล้วนะ"
"เฮ้ย! แย่แล้ว"
คนลืมอุทาน รีบวิ่งกลับไปดูหม้อหลังร้าน เพื่อช้อนฟองออกไม่ให้น้ำซุปขุ่น
"เห็นมั้ย ถ้าไม่ใส่ใจในอาหารที่ทำ มันก็จะออกมาไม่ได้ดีตามที่เราต้องการ"
รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ซ่อนอยู่ในวัตถุดิบ ตลอดจนการปรุง คือตัวแปรสำคัญทำให้อาหารอร่อย ยายแม้นจึงสามารถรักษารสชาติเอาไว้ได้ ด้วยความพิถีพิถันซึมซับจากประสบการณ์อันยาวนาน
"...แล้วไม่ใช่แค่เรื่องอาหารนะ เรื่องอื่น ๆ ในชีวิตก็เหมือนกัน พวกเธอยังหนุ่มยังแน่นต้องใส่ใจคนที่อยู่รอบข้างให้มาก ๆ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำ"
สายตาอารีนั้นแฝงความเศร้าเจือไว้ คล้ายกำลังหวนนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ อนุรักษ์เดาว่าอาจเกี่ยวกับลูกของยายแม้นที่จากไป เพราะเขาเองก็คิดถึงพ่อแม่เสมอว่ายามมีชีวิตอยู่ เขาน่าจะทำดีกับพวกท่านให้มากกว่านี้
ก็อก! ก็อก!เสียงจากเคาะประตูเหล็ก เรียกความสนใจให้ทุกคนด้านในหันไปมองกลุ่มผู้หญิงวัยนักศึกษาหน้าตาน่ารักสามคนยืนอยู่หน้าร้านด้วยท่าทางลังเล
"ขอโทษนะคะ ร้านเปิดหรือยังคะ"
นาฬิกาแขวนผนังบอกเวลาห้าทุ่มพอดี เจ้าของร้านจึงตระเตรียมทำหน้าที่
"อ้อ เปิดแล้วจ้ะ เข้ามานั่งได้เลย"
อนุรักษ์รีบช่วยคุณยายเลื่อนประตูเหล็กพับอีกข้างที่เหลือต้อนรับลูกค้าตามนิสัยพลเมืองดี (และแอบโชว์แมนไปในตัว) แต่กลุ่มสาว ๆ ดันไปให้ความสนใจกับกำแพงร้านมากกว่า
"นี่ไงแก! ป้ายที่โพสลงเน็ต"
พวกเธอเลือกนั่งโต๊ะใกล้ ๆ กับโพสอิท หนึ่งในนั้นรีบหยิบกระดาษมาส่งให้สาวผมยาว ตาโต ท่าทางสวยเด่นสุดในกลุ่ม
"แกเขียนลงไปเลย มากินซุปเปอร์ เพราะอกหัก"
คำหยอกพาให้ทั้งกลุ่มหัวเราะกันคิกคัก ยิ่งได้ยินผู้หญิงสวย ๆ พูดว่าโสด ไม่แปลกที่ผู้ชายทั้งหลายจะหูผึง รวมทั้งคุณชายซึ่งยังคงมองสาว ๆ กลุ่มนั้นไม่ละสายตา จนเขาต้องสะกิดเตือนหัวหน้า
"คุณชายครับ ผมรู้ว่าสาว ๆ กลุ่มนั้นสวย แต่ไม่ต้องจ้องขนาดนั้นก็ได้ มันเสียมารยาทนะครับ"
ทว่าคุณชายยังไม่เลิกมอง ซ้ำยังตั้งคำถามแบบไม่มีที่มาที่ไป
"เธอคิดว่าผงซุปต้มยำทำอาหารได้กี่เมนู"
อนุรักษ์ขมวดคิ้วงงกับท่าทางประหลาดของคุณชาย แต่ก็ยังพูดตอบ
"ถ้าเอาไปดัดแปลงดี ๆ ก็คงได้เยอะอยู่มั้งครับ"
ต้มยำกุ้งเป็นเมนูที่รู้จักกันไปทั่วโลก อาหารไทยเริ่มเข้าสู่ตลาดสากล ทำให้ให้เห็นพ่อครัวแม่ครัวคิดสูตรอาหารฟิวชั่วผสมผสานกันจนได้เมนูใหม่ ๆ
"แล้วเธอคิดว่าสามารถเปรียบช่วงหนึ่งของชีวิตเป็นรสชาติได้มั้ย"
คุณชายยิงคำถามแปลก ๆ อีกครั้ง หากคราวนี้ไม่อยู่รอฟัง เจ้าตัวกลับเดินตรงไปหาลูกค้าโต๊ะแรกของร้าน
"ขอโทษนะครับ"
"มีอะไรเหรอคะ"
สาวน้อยตาโตถามเสียงหวาน เมื่อเห็นผู้ชายใส่สูทหน้าตาดีเข้ามาทัก แต่คุณชายสนใจเพียงของที่อยู่ในมือ
"ขอผมดูโพสอิทนั่นหน่อยได้มั้ยครับ"
ฝ่ายถูกถามนิ่งอึ้ง พยายามเอามือปิดโพสอิทที่เขียนคล้ายไม่อยากให้เห็น จนเพื่อนต้องรีบยุ
"เอาให้เขาดูไปสิแก"
"ตะ..แต่ว่า..." เธอยังคงอิดออด กระทั่งเพื่อนต้องดึงโพสอิทส่งไปให้คนรอแทน คุณชายรับไปอ่าน แล้วพยักหน้าให้อนุรักษ์ที่ยืนอยู่ไม่ใกล้เข้ามาด้วย
เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องเสียมารยาทเล็ก ๆ แต่กลุ่มสาว ๆ ส่งเสียงวี๊ดว๊าย โดยเฉพาะคนเขียนเอามือปิดหน้าแดงด้วยความเขินอาย ทำให้เขาชักอยากรู้ เลยหยิบโพสอิทสีฟ้าจากมือคุณชายมาอ่านเหตุผลที่ทำไมถึงมากินซุปเปอร์ตอนดึก
'อกหัก เพิ่งรู้ว่าเดือนคณะที่แอบชอบมีแฟนเป็นพี่ว้ากผู้ชาย แต่จริง ๆ ก็แอบอิจฉาเพราะเขาสองคนเหมาะกันดี >///<'อนุรักษ์ทวนข้อความซ้ำอีกรอบเพื่อไม่ให้เข้าใจพลาด ก่อนกระพริบตาปริบเงยหน้ามองสาวน้องผู้โชคร้าย (หรือโชคดี?) ด้วยความสับสน
"เธอลองเปรียบสิว่ามันเป็นรสอะไร"
คุณชายคงต้องการยกเคสตัวอย่างให้เขาทำ จึงมาขอโพสอิทนี้ไปเป็นโจทย์ ซึ่งเป็นโจทย์ที่สร้างความปั่นป่วนให้สมองสะดุด เผลอตอบตะกุกตะกัก
"อ่ะ...เออ...คงเปรี้ยวมั้งครับ"
"ทำไม?"
"เพราะสถานการณ์นี้จะขมก็ไม่เชิง จะหวานก็ไม่ใช่ ผมคิดว่าความอิจฉาคงอยู่กึ่งกลางระหว่างรสเปรี้ยวจี๊ดนิด ๆ"
อนุรักษ์ยกเหตุผลมั่ว ๆ ที่อ้างอิงจากความรู้สึกเอาเองล้วน ๆ แต่หลังคุณชายพิจารณาตาม กลับพยักหน้าเห็นด้วย พลางออกคำสั่ง
"ถ้านี่เป็นรสเปรี้ยว ต้มยำมีสี่รส เธอลองเลือกอีกสามรสที่เหลือจากในนี้ได้มั้ย"
กำแพงผนังร้านเต็มไปด้วยเรื่องราวคล้ายศูนย์รวมสารพัดรสชาติชีวิต เขากวาดตาอ่านโพสอิทมากมายอีกครั้ง แล้วจึงค่อย ๆ ดึงออกมาทีละใบ
'ฉลอง! เด็กหงส์ชนะผีแดง!'
'ยายแม้นใจดี ชอบแถมให้เยอะ อิ่มประหยัดไปอีกมื้อ''
'พาแฟนมาเดทครับ'
...เผ็ด เค็ม หวาน ไล่ลำดับตามความรู้สึก
พอจับโพสอิทมาเรียงกันเป็นรสชาติต้มยำ เขาก็ชักเริ่มเข้าใจวัตถุประสงค์
"คุณชายจะใช้เรื่องพวกนี้โฆษณาผงซุปต้มยำเหรอครับ"
"แค่ในเชิงสัญลักษณ์ แต่ที่ฉันต้องการจริง ๆ คือสูตรอาหารสี่สูตรที่เน้นรสชาติต่างกันไปตามสถานการณ์ เพราะถ้าใส่วิธีการทำอาหารที่ใช้ผงซุปต้มยำลงไปด้วย ลูกค้าก็จะสามารถนำไปใช้จริงได้"
เมื่อพูดถึงการโฆษณาแบบปริ้นแอด ส่วนใหญ่จะเน้นที่ความคิดสร้างสรรค์แปลกใหม่ โดยเล่นกับภาพและข้อความ เพื่อดึงดูดสายตาคนอ่านทันทีที่เห็น ...แต่ปริ้นแอดอาหารมีข้อจำกัดค่อนข้างมาก ถ้าไม่ซูมภาพกุ้งตัวโต ๆ หรือน้ำซุปเข้มข้นแทบได้กลิ่นต้มยำลอยมาจากกระดาษ ก็จะไม่สามารถกระตุ้นความสนใจของคนอ่านได้
...กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า ปริ้นแอดอาหารจะไม่มีช่องว่างในการใส่ความคิดสร้างสรรค์ได้เลย
การผูกเรื่องราวลงไปในผลิตภัณฑ์จะช่วยทำให้คนจดจำ และสร้างน้ำหนักให้โฆษณา อีกทั้งการนำสูตรอาหารใหม่ ๆ มาใส่ ยังช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคอีกด้วย
"...ข้อสำคัญคือสูตรอาหารที่เลือกมาต้องทำได้ง่ายและอร่อย"
คุณชายย้ำ ซึ่งอนุรักษ์ก็เห็นด้วยในใจ หนังสือสอนทำอาหารมักจะบอกปริมาณสัดส่วนเป็นช้อนโต๊ะละเอียดถี่ยิบ ถ้าเผยแพร่ปริ้นแอดที่มีสูตรใช้ผงซุปต้มยำออกไปก็ต้องระบุวิธีทำไม่ให้พลาด
"แล้วจะหาสูตรมาจากไหนครับ"
กับคนที่แยกขิงและข่าไม่ออก บ่งบอกชัดถึงความสามารถว่า
'ถนัดกิน' มากกว่า
'ถนัดทำ' คงไม่สามารถเนรมิตเมนูอาหารขึ้นมาง่าย ๆ แต่เขาลืมไปเสียสนิทว่าคุณชายเพิ่งมีตัวช่วยล่าสุด
"นั่นเป็นงานของเธอ"
"งานของผม?"
"เธอต้องเลือกอาหารมาสี่อย่าง แล้วมาทำให้ฉันทาน"
อนุรักษ์เบิกตากว้าง หลังได้ยินโจทย์ราวกับศึกแข่งชิงแชมป์ยอดกุ๊ก นี่เห็นเขาเป็นเชฟกระทะเหล็กรึไง!?
"แต่คุณชายถามสูตรจากพ่อครัวเก่ง ๆ ก็ได้นี่ครับ ทำไมต้องเป็นผมด้วย"
"แล้วพ่อครัวเก่ง ๆ ที่ไหนจะใช้ผงปรุงรสต้มยำ กลุ่มเป้าหมายคือคนธรรมดาทั่วไปอย่างเธอนั่นแหละ"
เหตุผลจี้ตรงประเด็นเล่นเอาแย้งไม่ออก หากเขาก็พยายามควานหาข้ออ้าง
"แต่ผม..."
"เธอเป็นครีเอทีฟของเอเจนซี่ไทเกอร์ มีหน้าที่อะไรจำไม่ได้แล้วหรือ"
ประโยคย้อนนั้นคล้ายถูกต่อยด้วยหมัดอัปเปอร์คัท อนุรักษ์นิ่งงัน จำขึ้นใจชัดเจนว่า หน้าที่ครีเอทีฟของเขามีเพียงอย่างเดียวคือ
...ทำตามคำสั่งของคุณชาย"ครับ บอส"
แม้ลึก ๆ จะอยากกระโดดเตะหัวหน้าคนใหม่เพียงไร แต่ก็ต้องหยิบหน้ากากลูกน้องแสนดีมาสวม แล้วยอมรับชะตากรรม ที่ไหนสักแห่งในความรู้สึกย้อนถามตัวเองอีกครั้งว่า
...เขาตัดสินใจถูกหรือผิดกันแน่ที่มารับงานนี้?-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC
สรุป คุณชายหลอกน้องรักษ์มาใช้งานค่ะ 
ตอนที่แล้วเห็นมีคนอ่านหลายคนทนไม่ไหว ถึงขนาดออกต้องไปซื้อซุปเปอร์กันเลยทีเดียว ถ้าใครอ่านนิยายเราบ่อย ๆ ก็อาจพอรู้ว่า ถ้าไม่เขียนของกินแทรกในเรื่องคงไม่ใช่ BitterSweet เพราะฉะนั้น สปอยเลย บทถัดไปจะเจออีกหลายเมนูค่ะ และจะพยายามลงเรื่องให้ได้อาทิตย์ละครั้ง ช้าเร็วตามภาระงาน
ยังไงก็ขอให้อร่อยกับซุปเปอร์หม้อนี้นะคะ
ป.ล. เดือนคณะกับพี่ว้ากคือใคร โปรดเดาเอาเองนะจ๊ะ//แอบเนียนโฆษณาBitterSweet