-- ตอนที่ 9 --
“ หนึ่ง ทำไมไม่บอกพ่อล่ะ ว่ามีแฟนแล้ว ”
“ ผมไม่ได้เป็นแฟ—”
“ เห็นไหม ! กูว่าแล้วว่ามันต้องไม่ยอมรับ ไปส่งลูกกูถึงบ้านขนาดนั้นยังจะไม่ยอมรับอีก ! ”
“ ... ”
“ แน่ะ เงียบ ยอมรับล่ะสิ ว่าเป็น ”
“ ลูกไปอยู่คอนโดเพราะจะไปหาแฟนบ่อยๆ สินะ ”
เมื่อมาถึงทั้งพ่อวุ้นกับพ่อหนึ่งก็ยิงคำถามใส่จนตัวพรุนไปหมดพอจะแก้ตัวก็หาว่าโกหก ทั้งวุ้นทั้งหนึ่งจึงได้แต่รับสภาพไปอย่างจำยอม ทำยังไงได้ล่ะในเมื่อพ่อวุ้นรับมือได้ยากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ปกติเป็นคนเข้มงวดกวดขันแต่พอเรื่องนี้พ่อวุ้นกลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ไม่แน่ใจว่าตื่นเต้นที่ลูกมีแฟนหรืออะไรถึงได้เข้าใจผิดและทึกทักเอาเองไปขนาดนั้น
“ พ่อ พี่หนึ่งไม่ใช่แฟนผม วันนั้นพี่เขาแค่ไปส่งผมเฉยๆ ” วุ้นพยายามแก้ต่างอีกครั้งถึงแม้จะหาความสำเร็จได้ยากมาก
“ ครับ วันนั้นผมแค่ไปส่งเฉยๆ วันนั้นวุ้นไม่มีรถกลับผมเลยอาสาพาไปส่ง ” หนึ่งพยายามพูดอีกแรง
“ เฮ้อ ” พ่อวุ้นถอนหายใจ “ ไม่เข้าใจว่าจะโกหกพ่อไปทำไม รู้อะไรไหม แกน่ะแทบไม่ค่อยยิ้ม แล้วรอยยิ้มของแกตอนนั้นยังกับดีใจที่แฟนมาส่งอะไรอย่างงั้น จะให้พ่อคิดยังไงล่ะ ไอ้วุ้น ! ”
วุ้นหน้าแดง “ ไม่ใช่ซะหน่อย พ่อ วันนั้นผมยิ้มเรื่องอื่น ! ” โอ๊ยยยย ทำไมพ่อถึงได้คิดไปไกลได้ขนาดนั้นกับการที่เขาแค่ยิ้มว่ะเนี่ย
หนึ่งไม่ได้พูดอะไรออกมา ยิ้ม ? รู้สึกว่าวุ้นก็ยิ้มบ่อยอยู่นะเท่าที่รู้จักกันมา อีกทั้งพอยิ้มแล้วดูน่ารักกว่าหน้าเฉยๆ ด้วย หนึ่งเหลือบมองวุ้นที่หน้าแดงก็รู้สึกว่าแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกัน
“ เอ้า แล้วเรื่องไหน ! ตอบพ่อ ” พ่อวุ้นโวยวาย
“ ก็พี่หนึ่งเขาชมว่าผมทำขนมอร่อย ผมก็เลยดีใจไง ” วุ้นในตอนนี้แทบไม่เหลือเค้ารางคนไม่ค่อยพูดเลย
“ พ่อเคยชมแกแต่แกก็ไม่ยิ้มแบบนี้นี่ ! ”
“ ... ” วุ้นเงียบไปเพราะไม่รู้จะตอบว่ายังไง ทั้งๆ ที่รู้สึกว่าเขาก็ยิ้มเหมือนๆ กันนี่
ภาสจ้องมองบทสนทนาของพ่อลูกที่มาเยือนบ้านด้วยละเหี่ยใจ กลัวว่าจะตีกันจริงๆ เมื่อก่อนเคยไปบ้านมิตรเจอวุ้น ก็เห็นเป็นเด็กเงียบๆ แต่พอตอนนี้กลับโวยวายผิดวิสัยสมัยก่อนจริงๆ เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนล่ะมั้ง ภาสแตะไหล่เพื่อนตัวเองเชิงให้หยุดพูดก่อน “ เอาน่า เด็กๆ มันก็อายนี่หว่า มึงจะไปเอาอะไรกันวะ ” ภาสไม่ได้โกรธหนึ่งเรื่องที่มีแฟนเป็นผู้ชาย เพราะยังไงก็ชีวิตของมันอยู่แล้ว ถือเป็นเรื่องดีซะอีกที่จะได้คุยกับเพื่อนสนิทตัวเองบ่อยๆ พวกทายาทอะไรทำนองนั้นไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่แค่นี้ก็เต็มบ้านแล้ว
“ เออๆ ไว้วันไหน ยอมรับก็บอกพ่อแล้วกัน ” พ่อวุ้นยอมผ่อนปรน
หนึ่งพูดอะไรไม่ออก ดูเหมือนว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องเป็นแฟนวุ้นสินะ ช่างเถอะ อย่างไรก็ตามตอนนี้ก็แค่เพื่อนกันเท่านั้น และเจอกันเฉพาะตอนที่ผมไปกินร้านกาแฟส่วนเวลาอื่นก็คงจะเจอกันยาก
“ เออ แล้วเมียมึงไปไหนวะภาส ” พ่อวุ้นที่เลิกสนใจเรื่องแฟนวุ้นหันไปคุยเรื่องอื่นทันที
“ ไปทัวร์เที่ยวไหนเนี่ยแหละวะ ไปเดือนนึง มีแต่ผู้หญิงๆ เขาไปกันกูเลยไม่ไปด้วย ” ภาสถอนใจด้วยความเศร้าหมอง “ ดูสิ วันเกิดผัวยังไม่มาเลย ”
“ กูเข้าใจ ” มิตรตบหลังภาสแปะๆ “ แต่ตอนนี้ไปกินเค้กวันเกิดมึงเหอะ กูหิวแล้ว ”
วุ้นก้มมองนาฬิกาพบว่าก็ถึงเวลาพอดี “ งั้นผมไปเอาเค้กมาให้นะ ”
“ ไปๆ จะได้กินกัน ”
วุ้นพยักหน้ารับและเดินกลับทางเก่าเพื่อไปยังห้องครัว
“ งั้นผมไปช่วยถือแล้วกัน ” หนึ่งก้าวตามทันที เพราะมีจุดประสงค์แอบแฝง ขนมที่อดชิมเมื่อกี้ เขาต้องได้ชิมเป็นคนแรก นับว่าเป็นความคิดที่ชั่วร้ายของหนึ่ง
วุ้นไม่ได้ตอบอะไรก้าวขาเดินต่อเงียบๆ ครุ่นคิดไปพลาง วันนั้นยิ้มยังไงออกไปกันแน่ ? ผมว่าผมก็ยิ้มปกตินี่ พ่อน่าจะคิดไปเองนั่นแหละน่า
“ วุ้นยิ้มด้วยเหรอครับ วันนั้นหลังจากที่ผมไปส่ง ” หนึ่งถามด้วยความข้องใจไม่น้อย
“ ครับ.. ” ทำไมต้องมาถามเรื่องนี้ซ้ำอีกล่ะเนี่ย แค่พ่อแฉเขาก็อายแล้วนะ
“ ชอบให้คนชมขนมที่ทำเหรอครับ ” งั้นจะชมบ่อยๆ แล้วกัน หนึ่งคิดเงียบๆ
“ หรือพี่หนึ่งไม่ชอบล่ะครับ ถ้ามีคนชม ”
“ ก็ชอบนะแต่ก็ไม่ถึงขนาดยิ้มออกมา พี่ไม่ค่อยมีคนกล้าคุยด้วยหรอก ”
“ ทำไมล่ะ ” วุ้นถามทั้งๆ ที่รู้คำตอบ ในครั้งแรกที่เจอกันก็ไม่กล้าคุยเหมือนกัน ใบหน้าเรียบเฉยที่ส่อแววดุดันชวนให้หายใจติดขัด ยิ่งขมวดคิ้วทำให้หน้าดุๆ นั่นน่ากลัวขึ้นไปอีก แต่กลับมายื่นการ์ดให้เขาและเขียนคำพวกนั้นอีก ทำเอาความกลัวที่มีในตอนแรกหายไปหมดทันที ถ้าดุจริงคงไม่เขียนการ์ดมาให้หรอก การ์ดพวกนั้นวุ้นเก็บไว้ในซองกันน้ำอย่างดี
“ ไม่รู้สิ อาจจะเพราะไม่ค่อยพูดล่ะมั้ง ” หนึ่งตอบ ใครจะไปรู้ล่ะ ทำไมไม่ค่อยมีคนกล้าคุยด้วย นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญซะหน่อย อีกอย่างที่แปลกคือวุ้นก็สามารถคุยกับเขาได้อย่างปกติไม่เหมือนคนอื่น สงสัยเพราะเป็นคนประเภทเดียวกันล่ะมั้งเลยคุยกันได้
“ อืม.. พี่หนึ่งหยิบจานมาเลยแล้วกัน เดี๋ยวผมหยิบออกมาเอง ”
“ ได้ๆ ” หนึ่งทำตามอย่างว่าง่าย
วุ้นสวมถุงมือแล้วหยิบถาดออกมาวางซึ่งมันก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ
หนึ่งจ้องเค้กตรงหน้า กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเนย สีเหลืองนวลของเค้ก แค่เห็นก็อยากกินแล้ว ถ้าไม่ติดว่าเป็นของพ่อ หนึ่งคงไม่รอช้ากินก่อนแน่ๆ
วุ้นที่เห็นหนึ่งจ้องเค้กด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่คิ้วที่ขมวดดูจริงจังมาก ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เหมือนกับครั้งนั้น ตอนที่เหมาเค้กเขาไป ไม่น่าเชื่อว่าหนึ่งจะจริงจังกับการเลือกเค้กของเขาถึงขนาดนั้น “ เอาน่า พี่หนึ่ง ผมมีขนมให้พี่กินก่อนใครอยู่ ” วุ้นเดินไปหยิบขนมที่ทำเอาไว้ในตู้เย็นออกมาราดบลูเบอร์รี่ ขนมที่วุ้นทำอีกอย่างก็คือ พายบลูเบอร์รี่นั่นเอง เมื่อราดเสร็จก็ยื่นให้หนึ่งชิ้นนึง
“ พี่กินได้ใช่ไหม ” อันนี้ก็น่ากินเหมือนกัน
“ ครับ ” วุ้นยิ้มตอบเมื่อใบหน้าดุๆ ดูผ่อนคลายลง
หนึ่งรับพายของวุ้นมา พิจารณาเล็กน้อย น่าจะเป็นนิสัยของหนึ่งที่ชอบดูขนมก่อนที่จะกิน เพราะบางทีขนมที่กินนั้นก็ทำให้รับรู้ถึงความตั้งใจในการทำของคนทำนี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้หนึ่งชอบกินขนม ความรู้สึกที่ส่งผ่านมายังขนม สามารถรับรู้ได้โดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆ ความเงียบที่มีความรู้สึก.. พายบลูเบอร์รี่ของวุ้นนั้นส่งกลิ่นหอมน่ากิน แค่มองก็รู้สึกถึงความตั้งใจทำแล้ว เหมือนกับขนมทุกชิ้นของวุ้นที่เขาเคยกิน หนึ่งลองกัดกินคำนึง อร่อย..
“ อร่อยไหมครับ ” วุ้นถามเมื่อหนึ่งกัดกินไปคำนึงแต่ไม่พูดอะไร
“ มากๆ เลยล่ะ ” หนึ่งชมและกินจนหมดทันที
วุ้นยิ้มบางๆ “ กินแล้ว ก็เอาเค้กไปให้พ่อพี่หนึ่งเถอะครับ จะได้กินเค้กกันต่อ ” วุ้นเดินไปหยิบจานพายมาถือ ลูกชายคนโตน่าจะเป็นถือเค้กให้พ่อดีกว่าให้เขาถือไป “ ตั้งปักเทียนด้วยไหมครับเนี่ย ลืมซื้อมาด้วย ”
“ ไม่ต้องหรอก พ่อผมเขาไม่ชอบให้ปักอายุน่ะ ” หนึ่งส่ายหน้าแต่สายตายังจ้องพายบลูเบอร์รี่ ความจริงกะจะแอบเก็บไว้แต่วุ้นถือมาอย่างนี้ จะไปแอบเก็บยังไงกัน
วุ้นเลิกคิ้วน้อยๆ เมื่อหนึ่งจ้องมาที่พายบลูเบอร์รี่ “ ของคุณหนึ่งผมเก็บไว้ในตู้เย็นแล้วครับ ”
หนึ่งเงียบไปสักพัก “ งั้นไปกันเถอะ เดี๋ยวจะรอกันนาน ” หนึ่งเดินนำทางไปก่อน
“ ครับ ” วุ้นเดินตามเงียบๆ ด้วยรอยยิ้ม พอจะเดาๆ ได้ว่าหนึ่งจะแอบเก็บไว้กินเอง สายตาที่จริงจังที่มองพายนั่นฟ้องความคิดได้ดีทีเดียว
งานวันเกิดของภาสนับว่าค่อนข้างเรียบง่าย ไม่มีการตกแต่งลูกโป่งอะไรใดๆ เหมือนกับว่าเป็นวันธรรมดาที่พิเศษขึ้นมาเพราะเค้กเท่านั้น โต๊ะที่นั่งกันนั้นอยู่สวน เป็นโต๊ะหินอ่อนตัวยาวกับเก้าอี้ตัวยาวเรียงรายเป็นแถวสามารถนั่งได้หลายคนและตอนนี้ก็เต็มไปด้วยหลานๆ ลูกๆ นั่งกันเต็มกำลังกินน้ำอัดลมกันอยู่
“ มากันสักที ” พ่อวุ้นบ่นอย่างไม่จริงจังนักในมือมีขนมกรุบกรอบ
“ มึงจะบ่นทำไมไอ้มิตร เค้กกู ”
หนึ่งวางเค้กลงตรงหน้าพ่อและวางมีดตัดเค้กไว้ข้างๆ ส่วนวุ้นก็วางพายไว้ตรงกลาง พวกน้องๆ ของหนึ่งจ้องกันตาวาวจนวุ้นอดประหม่าไม่ได้ วุ้นนั่งลงข้างๆ พ่อที่มีที่เว้นว่างไว้ ส่วนหนึ่งก็นั่งข้างพ่อภาส
“ งั้นลองเพลงวันเกิดเลยแล้วกัน จะได้กิน ” พ่อวุ้นพูดและเริ่มร้องเพลงทันทีไม่สนใจคำด่าของเจ้าของวันเกิด
“ ไอ้สัส วันเกิดกู ! ”
แต่พ่อวุ้นก็ไม่สนใจร้องต่อไปอยู่ดีส่วนคนอื่นๆ ก็ร้องตาม พวกเด็กที่ร้องตามก็นึกสนุกตบมือไปด้วยอย่างสนุกสนาน ภาสจึงไม่ได้พูดอะไรต่อและร้องเพลงคลอเบาๆ จนจบ ภาสอวยพรเด็กๆ พอเป็นพิธี “ เอาล่ะ กินเค้กเลยแล้วกัน ”
“ เย่ ! ”
“ กินๆๆๆ ”
บางคนก็หยิบพายไปนั่งแทะกินก่อน บางคนก็รอเค้กที่กำลังตัดของเจ้าของวันเกิด
วุ้นมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม มันดูอบอุ่นแปลกๆ
“ เออ วุ้น ” พ่อวุ้นเรียกขณะที่กำลังเคี้ยวพายในปาก
“ ครับ ? ”
“ พ่อตัดสินใจแล้ว แกต้องไปเที่ยวกับแฟนแก ! ”
“ หา ” วุ้นเหวอไปสักพัก “ พ่อผมต้องทำงานนะ พี่หนึ่งเหมือนกัน ”
“ หนึ่งเขาขอวันหยุดได้ วุ้น ” ภาสตอบอย่างใจดี
หนึ่งหยุดกิน เที่ยวกับแฟน ? วุ้น ? หนึ่งเคี้ยวต่อ
“ เดี๋ยวพ่อคุยให้เอง แกมีหน้าที่ไปกับแฟนแก และกลับมาบอกความคืบหน้ากับพ่อซะ ”
ก็บอกว่าไม่ใช่แฟนไง พ่อออ วุ้นกรีดร้องในใจ ให้ไปเที่ยวกับพี่หนึ่งทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรกันเนี่ยนะ
“ ก็ได้ครับ ไปกันเถอะ วุ้น ”
ดีครับดี บอกไปว่าไม่ไป หะ อะไรนะ พี่หนึ่งบอกว่าไป ! วุ้นหันขวับไปมองทันทีเห็นหนึ่งยิ้มบางๆ ตอบ
“ เอาน่า นานๆ ทีพี่จะได้เที่ยว ”
“ ... ”
----------------------------------
พ่อมิตรก็ยังคงความเป็นพ่อมิตรได้อย่างดี 5555
ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ
ตอนหน้าได้เที่ยวกันแน่นอน