11 อมยิ้มพัช อมยิ้มเอ๋ย อมยิ้มแพ มุ้งมิ้งจุ้งจิ้งกระดิ่งแมว
โป๊ก! โป๊ก!
เคร้ง!
ตึง!
เสียงอึกทึกครึกโครมดังอยู่รอบบริเวณห้องน้ำที่แสนเก่าทรุดโทรมของโรงเรียนชนบทแห่งนี้ ไอ้เอ๋ย...บุคคลที่ปีนขึ้นไปบนหลังคานั่งค้ำตัวเองกับเหล็กเก่าๆ สองซี่ทั้งงัดแงะตอกตีเร่งมือให้หลังคาใหม่เสร็จโดยเร็วก่อนที่จะถึงเวลาเที่ยงวัน
ปึ้กๆๆๆๆๆ
เสียงตีย่ำค้อนอยู่กับตะปูตัวเดิมทำเอาเพื่อนๆ ข้างล่างหน้าซีดปาดเหงื่อกันเป็นแถว
แต่ไม่มีใครกล้าขัดมันนะ...ถ้าพูดอะไรไปมันปาค้อนใส่หัวแน่ๆ
สภาพศพต้องไม่ต่างจากไอ้พัชที่ตอนนี้ไม่เหลือเค้าของหน้าคนให้มองออกว่าเคยเป็นคน...เอ่อ...เหมือนจะบรรยายเวอร์วังไป แต่ไม่อยากจะบอก...ไอ้พัชนอนอนามัยเลยนะเมื่อคืนน่ะ
“ไอ้เอ๋ย กูว่ามึงจะพังหลังคามากกว่าซ่อมซะมั้ง” ไอ้หวานตะโกนด่าเพื่อนร่วมคณะ แต่ไอ้คนโดนกระแทกตวัดสายตาดุมาให้ก่อนจะหันกลับมาใช้ค้อนตอกตะปูอย่างแรงจนโครงเหล็กสั่นสะเทือนไปหมด
“ช่างมันเหอะหวาน เวลามันโกรธสุดๆ มันก็อย่างนี้แหล่ะ” แกวส่ายหน้าให้เพื่อนผู้นำ หวานเลยพยักหน้าอย่างอ่อนใจแล้วเดินไปทางกลุ่มเด็กนิเทศที่เตรียมทำโรงละครเล็กเพื่อยกไปตั้งที่ศาลากลางหมู่บ้านให้เด็กๆ มาร่วมกิจกรรมทำหุ่นกระบอกแล้วแต่งเรื่องกันเองมาเล่นโชว์พ่อแม่พี่น้องในหมู่บ้าน
“ไอ้พัชก็เป็นห่าอะไรของมัน โว๊ะ” ไอ้เอื้อยส่ายหน้าบ้าง ไอ้นี่มันก็กลุ่มเดียวกับพวกไอ้หวานไอ้เซ้ง กลุ่มเด่นกลุ่มดังเลยล่ะมันคบกับไอ้อ้ายรุ่นน้องปีหนึ่งเรียนอยู่นิเทศ นี่ก็แพ็คคู่มาด้วยกันประหนึ่งมาพรีฮันนีมูน ณ ท้องนาบ้านเฮา
“พี่พัชเขาชอบพี่เอ๋ยหรือเปล่า” ไอ้อ้ายมาคลอเคลีย อินี่ก็ทำตัวเหมือนนางเอกอินเดีย ผัวเดินมาออดอ้อนทำท่าเหมือนรำคาญแต่ตัวเนี่ยเบียดเอาเบียดเอาแทบรวมร่าง
“ฟ้าผ่าแน่” แกวส่ายหน้ายิ้มๆ ใครๆ ในเกษตรก็คิดว่าไอ้พัชมันกวนตีนไอ้เอ๋ย
.
.
.
.
.
เปรี้ยง!!!!
ชิบลอส...
ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาตามด้วยฝนห่าใหญ่ที่พัดมาไม่บอกไม่กล่าว เหล่าบรรดานักศึกษาแตกฮือกันหาที่หลบใต้อาคารเรียน ไอ้เอ๋ยรีบปีนลงมาจากหลังคาเหล็กพุๆ โดยมีไอ้แกวรอรับอยู่ข้างล่าง
“แกวๆๆ แพอยู่ไหนวะ” ไอ้เอ๋ยวิ่งไปหันมาถามเพื่อนตัวแห้งอย่างร้อนรน
ไอ้แกวเบิกตากว้างเหมือนพึ่งคิดอะไรได้
“น้องไปเล่นกับเด็กๆ ในหมู่บ้าน” แกวตะโกนตอบกลับเพราะฝนตกลงมาอย่างหนัก ข้าวของที่จัดเตรียมกันเพื่อไปตั้งที่ศาลากลางวันนี้ก็พังเกือบยับเยิน ยังดีที่เอาเข้ามาที่ห้องโถงทัน
กว่าจะเข้ามาถึงก็เปียกม่อล่อกม่อแลกกันหมด
“แกว! เอ๋ย!” เสียงเขยดังอยู่แว่วๆ
“เขย! มึงเห็นน้องแพมั้ย” ไอ้เอ๋ยเข้าไปเขย่าแขนเพื่อน เอ่ยถามร้อนลน มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นวี่แววเด็กตัวป้อมๆ ของตน
“มีใครเห็นน้องแพมั้ย!” ไอ้เอ๋ยตะโกนฝ่าเสียงพายุฝนดังก้องไปทั่วโถงหลังจากที่เขยส่ายหน้าอย่างเครียดๆ มาให้ ไอ้เอ๋ยวิ่งวุ่น แกวเองก็กระวนกระวายไม่ต่างกัน ฝนตกขนาดนี้ แล้วไปเล่นกันที่ไหนก็ไม่รู้
“กูออกไปตามข้างนอกนะ!” ไอ้เอ๋ยหันมาบอกเพื่อน ตอนนี้ใจมันสั่นแกว่งนึกกลัวสารพัด กลัวว่าน้องจะไปเล่นแถวแม่น้ำท้ายหมู่บ้าน ฝนตกหนักขนาดนี้จะเป็นอะไรไหม?
“ไอ้เอ๋ย เดี๋ยวก่อน” เพื่อนๆ มาช่วยกันห้าม ตอนนี้ไอ้คนปากเก่งตัวสั่นจนน่าสงสาร
“ปล่อยกูก่อน กูรู้พวกมึงห่วง แต่กูห่วงลูก ให้กูไปตามหาลูกก่อน” ไอ้เอ๋ยตาแดงๆ หันมองพายุที่พัดระลอกแล้วระลอกเล่าหัวใจมันก็ปวดแปลบ ตอนนี้อยากเห็นหน้าเด็กป้อมฟันหลอพูดยังไม่ชัด อยากรู้ว่าปลอดภัย
บางทีผู้ใหญ่สักคนอาจพาไปหลบฝนที่ไหนแล้วก็ได้...
แต่มันก็ยังร้อนใจ
“กูไปด้วยแล้วกัน” แกวก้าวขามาตีคู่ เขยเองก็พยักหน้าอาสาไปด้วย ตามมาด้วยเอื้อย อ้าย หวาน เอาเป็นว่าไปกันเกือบหมด
“แล้วใครจะอยู่ที่นี่?”
“พวกมึงไปเถอะ พวกกูดูแลน้องๆ ให้” ไอ้เซ้งรีบบอก ใจก็นึกสงสารที่เห็นไอ้เอ๋ยทำหน้าเหมือนโลกจะสลายอย่างไรอย่างนั้น
“งั้นไป” เอ๋ยไม่รอใคร มันวิ่งตรงดิ่งไปทางท้ายหมู่บ้านที่ต้องเดินเท้าผ่านทางถนนดินถมที่ผู้ใหญ่สร้างตัดผ่านท้องนาให้เด็กๆ เดินทางมาโรงเรียนที่ตั้งอยู่คนละหมู่บ้านนี้ได้
“แพครับ! น้องแพ” ไอ้เอ๋ยวิ่งไปร้องเรียกตามท้องทุ่งนาไป ใจมันนึกกลัวจนปากมือสั่นไปหมด ขออย่าให้น้องติดฝนอยู่แถวนี้เลย
“น้องแพ!!”
เอ่ยเรียกชื่อน้องที่นั่งกอดเข่าอยู่ใต้ต้นโสนที่ปลูกไว้ข้างถนนดินถมกับเด็กเล็กอีก 3-4 คนที่ออกมาเล่นด้วยกัน ทางนี้นับว่าไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก เห็นจักรยานคันเล็กๆ จอดอยู่ใกล้ๆ ด้วย น้องๆ คงมาปั่นจักรยานเล่นกัน
“เอ๋ย!!” น้องแพเงยหน้าขึ้นมองคนเรียก เห็นตัวเล็กๆ สั่นกลัวแล้วน้ำตาไอ้เอ๋ยก็ไหลออกมา เตรียมข้ามสะพานเล็กๆ ไปรับเด็กน้องให้ไปหาที่หลบฝนใกล้ๆ นี้
ซ่า!!!
“ไอ้เอ๋ย!!”
แกวผวาเข้าไปดึงตัวเพื่อนแทบไม่ทัน แม่น้ำสายเล็กที่สะพานตัดผ่านมีน้ำพัดมาปะทะสะพานระลอกใหญ่จนสะพานที่เรียกได้ว่าเกือบจะเป็นแค่เศษไม้นั้นพังเกือบทั้งแถบ ถ้าเดินย่ำลงไปคงเสี่ยงถูกพัดไปตามสายน้ำเชี่ยวตอนนี้แน่ๆ
“แพ! น้องแพครับน้องแพ รอเอ๋ยก่อน เดี๋ยวเอ๋ยไปรับ!”
ใจเอ๋ยกระตุกวูบ เห็นน้องๆ คนอื่นร้องไห้แล้วมองตรงไปที่เด็กชายตัวน้อยของตนที่แค่ตัวสั่นด้วยความกลัวเท่านั้น...น้องแพไม่ร้อง...น้องแพเชื่อว่าเอ๋ยจะมารับ
เปรี้ยง!!!
เสียงฟ้าผ่าทำเอากลุ่มคนที่ยืนรอท่าอยู่ใจคอไม่ดี น้องๆ อยู่ใต้ต้นโสนด้วย ถึงจะไม่ใช่ต้นไม้ใหญ่มากนัก แต่มันก็เป็นต้นไม้ต้นเดียวในพื้นที่โล่งกว้างนี้ถ้าไม่นับรวมข้าวที่ออกรวงสวยงามรอเกี่ยวในเร็ววันนี้
“แพ...” เอ๋ยอยากจะทรุดตัวลงร้อง เห็นน้องตัวสั่นปากสั่นหน้าซีดเซียวหัวใจมันก็เจ็บแปลบ
พรึ่บ!!
!!!
ไม่รู้ว่าผ้าที่มันมาคลุมอยู่ที่หัวมาจากไหน เพราะไอ้เอ๋ยเห็นแค่แผ่นหลังของใครคนหนึ่งที่เดินตรงไปยังสะพานไม้เก่าๆ นั้นอย่างมุ่งมั่น
“ไอ้พัช! สะพานแม่งจะพังแล้วนะเว้ย!”
ไอ้เอ๋ยตาเหลือกกว้าง ตอนรู้ว่าแผ่นหลังที่ดูพร่าเลือนเพราะเม็ดฝนนั่นคือไอ้คู่แค้นของมัน ไอ้อัคไอ้เพื่อนปากหมามันตะโกนเรียกเพื่อน แต่ไม่เห็นว่าไอ้พัชจะใส่ใจ
ไอ้พัชมันลองเอาเท้าข้างหนึ่งไปขย่มสะพานอีกซีกที่เหลืออยู่ เห็นว่าพอจะรองรับน้ำหนักได้ก็ตะโกนบอกเด็กเล็ก 4 คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามให้ข้ามมาหา
เด็กน้อยร้องระงม ไม่มีใครกล้าขยับขาออกมาจากใต้ต้นไม้ ยิ่งเสียงฟ้าผ่าฟ้าร้องที่ดังไม่มีทีท่าจะหยุดยิ่งทำให้ใจเด็กน้อยกลัวเข้าไปใหญ่
“ถ้าไม่ข้ามมาจะไม่เห็นหน้าพ่อแม่อีกแล้วนะ!!” ไอ้พัชขู่เด็ก ไอ้หวานนี่แทบยกตีนถีบหลัง เสียแต่มันอยู่ตรงปากแหวไม่อยากทำร้ายมันมากกว่านี้
“มา...มันมาทำไม” ไอ้เอ๋ยพึมพำ อยากจะเข้าไปกระชากมันให้ออกไปพ้นสายตา
แต่มันก็กล้าพอที่จะเดินเข้าไปเหยียบสะพานไม้นั่น ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันจะพัง...
เอาเป็นว่าไอ้เอ๋ยยอมไม่ใส่ใจที่มันทำเรื่องอุบาทว์เอาไว้เมื่อวานเย็น!
เด็กน้อยอีกฟากฝั่งมีทีท่าลังเล ชักชวนกันออกมาจากใต้ต้นไม้แล้วพยายามไต่ตามสะพานเล็กที่พังไปซีกหนึ่งมาทีละคนตามคำตะโกนร้องบอกของพวกพี่ๆ
“ค่อยๆ ก้าวนะครับเด็กดี...นั่นแหล่ะ...” ไอ้หวานมันเสียงหวานและใจเย็นสุดแล้ว มันไปยืนข้างๆ ไอ้พัช รอรับเด็กๆ ที่ก้าวข้ามมา
น้องแพข้ามเป็นคนสุดท้าย...
ไอ้เอ๋ยไปรอรับเอื้อมมือสั่นเทาไปรอท่าตั้งแต่น้องก้าวขาเล็กลงบนสะพาน
หัวใจมันสั่นแกว่งทุกครั้งที่น้องเหยียบลงแผ่นไม้ที่ถูกน้ำข้างล่างซัดจนตัวไม้โยกคลอน
เปรี้ยง!!
“น้องแพ!” เสียงฟ้าผ่าทำเอาเด็กน้อยสะดุ้งเฮือก เป็นจังหวะเดียวกับที่น้ำซัดเข้าไปอย่างแรง ไอ้เอ๋ยสะดุ้งตัวจะพุ่งไปรับน้องที่มาเพียงได้แค่ครึ่งทางและกำลังจะพลัดตกลงไปแต่ก็ถูกไอ้คนหน้าปูดข้างๆ ผลักให้เซถลาไปอยู่ในอ้อมกอดไอ้แกวที่ยืนติดกันอยู่ข้างๆ
“ไอ้...!!!”
กำลังจะตะโกนด่า...ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะไอ้พัชมันพุ่งออกไปรวบตัวน้องไว้แล้วพยายามถอยกลับมาหากแต่สะพานที่สภาพย่ำแย่เกินทนก็พังครืนต่อหน้าต่อตาทุกคนตรงนั้น
“แพ!!”
“ไอ้พัช!!”
เสียงร้องเรียกชื่อคนที่คู่ดังระงม ไอ้พัชมันเกาะราวเหล็กเล็กๆ ที่มันค้ำสะพานไว้อย่างหมิ่นเหม่ สายน้ำเล็กและไม่ลึกเท่าไหร่ก็จริง แต่ในยามที่ฝนพัดกระหน่ำและน้ำไหลเชี่ยวกราดอย่างนี้ก็ทำให้ประคองตัวลำบาก
“ไอ้พัช! ส่งแพมา” ไอ้แกวตะโกนบอกคนที่ประคองตัวไม่ให้ไหลไปตามน้ำเชี่ยว พัชกัดฟันอุ้มเด็กตัวน้อยด้วยมือข้างเดียวส่งยกให้แกวกับเอื้อยดึงตัวขึ้นไป
เพราะ...
ไอ้เอ๋ยมันนั่งล้มพับลงไปแล้วตั้งแต่เห็นว่าคนสองคนลื่นไถลตกลงไป
หัวใจกระตุกวูบและช็อกจนไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกขึ้น จวบจนน้องแพที่โถมตัวลงมากอดรัดพร้อมร้องสะอึกสะอื้นอยู่ข้างหูถึงได้รู้ว่าน้องปลอดภัย...
และไอ้คนเสี่ยงไปช่วยน้องก็ปลอดภัยถึงขามันจะมีรอยเลือดไหลยาวเพราะต้นขาขูดไปกับเหล็กจนเป็นแผลลึกเลือดไหลไม่หยุด
พวกไอ้เอ๋ยพาน้องๆ ไปหลบที่ห้างนาของปู่เก คุณปู่ในหมู่บ้านที่มีห้างนาอยู่ใกล้ๆ แล้วแกก็อยู่ในเหตุการณ์ตลอด
“อูย...ไอ้หนุ่ม แผลลึกเด๊หนิ เอ้าๆ กินยาพาราแก้ปวดก่อนเด้อ เอาไปสองเม็ดโล้ด” ปู่เกหาผ้ามาพันแผลให้ ส่งยาให้อีกสองเม็ดให้ไอ้พัชกินแก้ปวด
ไอ้เอ๋ยนั่งกอดน้องแพอยู่ตรงแคร่เดียวกัน มองดูไอ้พัชที่หน้าตาบวมปูดเพราะฝีมือตัวเองรับยาไปกินอย่างทุลักทุเล
ไอ้เอ๋ยนิ่งเงียบ มองตรงไปยังไอ้อดีตเพื่อนร่วมห้องก่อนลูบหัวปลอบน้องให้หายสะอึกสะอื้น
“พัชเจ็บไหม” น้องน้อยที่ยังไม่หายร้องไห้ดีหันไปถามคนที่เริ่มสนิทกันเพราะขายอมยิ้มให้บ่อยๆ ตอนเอ๋ยไปเข้าห้องน้ำ
พัชมาซื้ออมยิ้มหับแพทุกทีตอนเอ๋ยไม่อยู่
“ไม่เจ็บอ่ะเด็ก เด็กเจ็บป่ะ” ไอ้พัชพูดชิลๆ เป็นเอ๋ยที่นั่งเอ๋อแดกไม่รู้ว่าไปสนิทกันตอนไหน
“ไม่ ไม่เจ็บ...กลัว” น้องแพส่ายหน้าซุกกับอกไอ้เอ๋ย หยุดร้องไห้แล้ว และฝนก็เริ่มซาแล้ว
“อมยิ้ม...” น้องล้วงไปที่ถุงกางเกง เอาอมยิ้มออกมาใช้มือป้อมๆ แกะเอาถุงห่อหุ้มออก หันซ้ายมองไอ้พัชที่นอนเดี้ยง แล้วหันขวาเงยหน้ามองเอ๋ยที่กอดตัวเองแน่น
“พัช...อมยิ้ม...อมแล้วไม่เจ็บ” เด็กน้อยขยับเข้าไปใกล้คนนอนอยู่ตรงแคร่แต่ยังไม่ลุกออกจากอ้อมกอดอุ่น ไอ้เอ๋ยเลยต้องขยับตัวตามน้อง
ที่อ่อนให้เพราะเห็นว่ามันไปช่วยน้องมาหรอก
พัชเลิกคิ้วมองอมยิ้มรสโคล่าในมือป้อม ยกเอาแขนหนามาจะหยิบเอาเด็กน้อยก็ตวัดมือหนี แล้วใช้มือเล็กป้อมนั้นยื่นอมยิ้มมาจ่อปาก
อ๋อ...เด็กจะป้อน
ไอ้พัชอมยิ้มจริงๆ ก่อนจะอมเอาอมยิ้มเข้าปาก ดูดได้หน่อยนึงลูกอมก็ถูกดึงออก
“แพอมด้วย” น้องบอกตาวาว เอาอมยิ้มเข้าปากไปอมอย่างเอร็ดอร่อย
“น้องแพ!” ไอ้เอ๋ยเสียงดังตกใจแทบตกแคร่ ทำไมน้องแพถึงยอมอมอมยิ้มต่อจากมันวะ! อันนี้มันต้องสงวนสิทธิ์แค่เอ๋ยกับแพดิวะ!!
“เอ๋ยอม...”
อ๊ะ...
เด็กน้อยเอาอมยิ้มออกจากปากตน...จ่อไปที่ปากคนที่ทำหน้ากระอักกระอ่วนอยู่
“อมสิเอ๋ย...” เด็กน้อยเหมือนขู่ ไอ้เอ๋ยเลยยอมเอาอมยิ้มอมเข้าปาก หลับตาปี๋อีกต่างหากตอนอมเข้าไป เป็นเหตุให้เด็กน้อยหัวเราะคิกคักดึงเอาอมยิ้มออกมาแล้วจ่อให้คนน้องคอยท่าอมต่อ
ไอ้พัช...
ไอ้สารเลว...
มันอมอมยิ้มต่อจากกู...
แต่เดี๋ยวนะ ไอ้บรรยากาศแบบนี้ ไอ้การสร้างโลกส่วนตัวแบบนี้
พวกมันลืมไปแล้วหรือยังว่าที่นี่ยังมีคนอื่นๆ อยู่ร่วมสิบคนอยู่ด้วย
สีหน้าแต่ละคนกระอั่กกระอ่วนหาที่วางสายตาไม่ได้...บรรยากาศมันจุ้งจิ้งมุ้งมิ้งไปหรือเปล่าวะ?? แม่งเหมือนพ่อแม่ลูกแบ่งกันอมอมยิ้มหรรษาน่ารักสุดๆ
เอ่อ...
******
อุ๊ต๊ะ!!!!
ตอนนี้ยาวนะ
#งดเม้นต์สั้นจัง