--- ตอนที่ 17 -----
แสงตะวันทอแสงเรืองอ่อนๆ ที่ไม่มีความร้อนที่รุนแรงมากเรียกให้เมเออร์ตื่นขึ้นมาลืมตาโพลงด้วยความตกใจกับสภาพของตัวเอง
นี่มันอะไร
เมเออร์กัดฟันกรอดดวงตาแดงก่ำ
นี่มันต้องเป็นฝีมือของไอ้คาร์บิลัสกับอีกานั่นแน่ๆ
ข้าไม่มีวันยอมแพ้ให้กับศัตรูหรอก !
“ ภูติไม้จงสดับฟัง ภูติแสงจงเป็นพยาน ข้าขอเรียกเจ้าออกมา ทูร์ริน ” ระหว่างที่เมเออร์กำลังร่ายเวท สิ่งแปลกประหลาดก็เกิดขึ้นเมื่อเถาไม้เลื้อยรอบๆ ตัวเมเออร์ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาใกล้พร้อมๆ กับแสงสว่างที่เจิดจ้าจนแสบตา แต่เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้นทุกสิ่งก็กลับมาเป็นปกติเมื่อเมเออร์ร่ายเวทจบ ปรากฎร่างเหยี่ยวที่ร่างกายประกอบกันคล้ายไม้เลื้อยดวงตาของมันหมุนริ้วเหมือนกับลูกไฟ “ รอฟังคำสั่งจากข้า ” เมเออร์กล่าวสั้นๆ กับทูร์ริน
ดวงตาของทูร์รินหมุนริ้วเร็วขึ้นเหมือนกับกำลังตอบรับว่าตนเข้าใจ ทูร์รินโผบินไปเกาะกิ่งไม้ต้นหนึ่งและปล่อยให้ร่างกายของตัวเองกลายเป็นไม้เลื้อยรูปร่างแบบเดียวกันต้นที่เกาะไม่ผิดเพี้ยน
นี่คือเหตุผลที่เมเออร์เลือกใช้ทูร์ริน
ความสามารถในการพรางตัวสูงมาก ต่อให้เป็นราชาปีศาจก็ไม่อาจจับเท็จได้
เพราะทูร์รินเกิดจากไม้เลื้อยบริเวณนี้นั่นเอง
คาร์บิลัสขยี้ตาตัวเองเมื่อรู้สึกถึงแสงสว่างวาบช่วงสั้นๆ ถึงแม้มันจะเวลาเพียงนิดแต่คาร์บิลัสที่เป็นถึงราชาปีศาจย่อมรู้ตัวอยู่ดี การประมาทหรือพลาดพลั้งไปเพียงนิด ชีวิตอาจจะสูญหายไปได้ง่ายๆ อีกทั้งยังอยู่ในถิ่นศัตรูอีก
ถึงแม้จะมีพลังมากมายแต่คาร์บิลัสไม่เคยประมาท นั่นเป็นอีกเหตุผลที่คาร์บิลัสถึงได้เป็นราชาปีศาจมาได้โดยไม่เคยถูกลอบโจมตีแม้แต่ครั้งเดียว
เพราะคาร์บิลัสมักจะรู้ตัวก่อนและไล่ต้อนกลับจนกระเจิง
แต่ว่า.. ข้ายังอยากกอดฟาร์คัสอยู่เลยนะ คาร์บิลัสคิดเศร้าๆ พยายามอย่างยิ่งยวดในการแกะมือตัวเองออกจากเอวของฟาร์คัส โอ๊ย มือข้าทำไมวันนี้เจ้าถึงได้เหนียวขนาดนี้นะ
คาร์บิลัสยิ้มเมื่อฟาร์คัสยังหลับสนิทด้วยสีหน้าผ่อนคลายดูทั้งน่ารักและแปลกตา
ให้ตาย ถ้าเมเออร์ไม่มาขัดข้า
ป่านนี้ข้าได้ทำอะไรๆ ต่อแล้ว
คาร์บิลัสขมวดคิ้วด้วยความโมโห มือเหนียวๆ ที่ถูกความแค้นชำระความเหนียวออกไปก็ปล่อยออกอย่างง่ายดาย คาร์บิลัสเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปหาเมเออร์เพราะรู้ดีว่าไอ้แสงวาบๆ เมื่อกี้มาจากเมเออร์แน่นอน
ถือว่าเป็นฤกษ์ดีในการแก้แค้นของข้า
คาร์บิลัสร่ายเวทเรียกชุดของราชาปีศาจปล่อยเขาปีกหางออกมา พยายามทำให้ตัวเองดูน่ากลัวที่สุดและสื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่า การทำให้ราชาปีศาจโมโหนั้นเป็นเรื่องที่ร้ายแรงแค่ไหน
เมเออร์สะดุ้งเหมือนเห็นร่างที่ตนเพิ่งนึกถึงไปและถลึงตาใส่ทันที “ ปล่อยข้า ! คาร์บิลัส !! ” เมเออร์พูดเสียงเหี้ยมด้วยความแค้น
“ ตราบใดที่ความต้องการของฟาร์คัสไม่สัมฤทธิ์ผล อะไรที่ทำให้ฟาร์คัสของข้าต้องผิดหวังข้าก็ไม่อนุญาตให้มีสิ่งนั้นเมเออร์ ” คาร์บิลัสตอบเสียงเย็นชา
ไอ้อีกานั่นมีความสำคัญกับราชาปีศาจถึงเพียงนี้เชียว เมเออร์ยิ้มเหี้ยม “ เจ้าเป็นแค่ผู้มาเยือนเองนะ คาร์บิลัส เจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงกล้ามาพันธการข้าไว้กัน ” ถึงจะรู้ถึงความต่างกันของระดับพลังที่มี แต่เมเออร์รู้ดีว่าคาร์บิลัสไม่มีวันฆ่าตนแน่นอน
การฆ่าอดีตราชาของดินแดนอื่นนั้นนำพามาสู่สงครามไม่รู้จบมานัดต่อนัดแล้ว
“ นั่นมันไม่ใช่เรื่องของเจ้า เมเออร์ ”
เมเออร์หรี่ตาลง “ นั่นมันไม่ใช่คำตอบ ราชาปีศาจ ข้าตั้งคำถามใหม่ เหตุใดที่เจ้าถึงทำลายคุกที่ข้าใช้พลังเวทของข้าไปมหาศาลนั่นกัน ”
“ เจ้าขังลูกน้องของข้า ”
เมเออร์กัดฟันกรอด “ เจ้าบุกรุกเข้ามาก่อน ”
“ หึ ” คาร์บิลัสแค่นเสียงใส่เมเออร์ ดวงตาทอประกายดุร้าย “ เจ้ากล้าปฏิเสธคณะทูตของข้าเอง ช่วยไม่ได้ ”
“ ไอ้กระต่ายอ้วนนั้นเจ้าเรียกมันว่าทูตงั้นเหรอ ” เมเออร์หัวเราะแต่เสียงที่ออกมาเต็มไปด้วยความประชดประชัน “ นอกจากการกินมันรู้จักคำว่าสัมพันธไมตรีด้วยงั้นเหรอ ”
“ หุบปาก ” คาร์บิลัสเรียกมวลพลังหมุนริ้วจ่อตรงหน้าเมเออร์ “ อย่ามากล่าวหาลูกน้องของข้า ทั้งๆ ที่เจ้าไม่รู้จักดี ”
เมเออร์ดวงตาสีอำพันของเมเออร์ค่อยๆ กลายเป็นสีเลือดด้วยความโมโห
ข้าไม่ได้เป็นคนผิด ข้าแค่ปกป้องดินแดนของข้าเท่านั้น !
เมเออร์เกือบจะเรียกทูร์รินออกมาโจมตีคาร์บิลัสแต่ก็เพียงแค่เกือบเท่านั้น
เพราะอีกาผู้แสนสำคัญของคาร์บิลัสเดินเข้าไปใกล้คาร์บิลัสและใช้มือตบหัวคาร์บิลัส จนคาร์บิลัสเซแถดๆ เดินเอียงไปข้าง แต่อย่างที่รู้
คาร์บิลัสแค่ทำให้มันดูรุนแรงก็เท่านั้น
“ เจ้าตีข้าทำไมกัน ~ ฟาร์คัส ” ปีก เขา หาง ความโหดเหี้ยมอำมหิตกดดันต่างๆ ถูกพับเก็บเข้าไปจนหมดทันที
“ ข้าหมั่นไส้เจ้าล่ะมั้ง ” ฟาร์คัสกลอกตา เมื่อกี้ข้าเกือบจะมาไม่ทันแล้ว เพราะถ้าหากช้าไปกว่านี้ เมเออร์อาจจะไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วก็เป็นได้
“ หมั่นไส้ข้าทำไมล่ะ แต่ถ้าหมั่นไส้แล้วเจ้าสนใจแต่เรื่องของข้า ข้าก็ยินดีจะทำตัวน่าหมั่นไส้นะ ฟาร์คัส ! ” คาร์บิลัสพูดอย่างกระตือรือร้น
เมเออร์ค้างไปด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่กำลังเห็น
ราชาปีศาจ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมอำมหิตไร้หัวใจไม่เล่นหัวกับใคร
แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนเด็กๆ ที่กำลังอ้อน
ไม่สิ เหมือนสุนัข..
เมเออร์หลุบตาลงต่ำ ราชาปีศาจที่ดินแดนทั่วๆ ไปกลัวกัน ยามที่อยู่กับอีกาตัวนี้แล้วดูไร้พิษสงไปทันที อีกทั้งยังดูร่าเริงผิดวิสัย
ฟาร์คัสตัดสินใจปล่อยให้คาร์บิลัสัสพูดมากต่อไปและมองพิจารณาร่างของอดีตราชาดินแดนภูต ถึงแม้ตอนนี้จะถูกคาร์บิลัสมัดแน่นจนเหมือนดักแด้แมลงและมอมแมมไปหน่อยแต่ก็ยังดูรู้ว่ามีเชื้อของกษัตริย์เพราะความสง่างามและความทระนงตนที่รู้สึกได้
แต่ช่างมันเถอะ นั่นไม่ใช่เรื่องที่ข้าต้องใส่ใจ
ไหนๆ ก็ ไหนๆ แล้ว เจ้าตื่นแล้วก็โดนรีดข้อมูลไปแล้วกัน
“ คาร์บิลัส เจ้าไปตามเอลล์กับลุกซ์มา อ้อ ดัฟฟ์ด้วย ” ฟาร์คัสเอ่ยคำสั่งกับคาร์บิลัส
“ หวา ข้าเบื่อเจ้าพวกขี้เซาจัง ” คาร์บิลัสแสดงสีหน้าเซ็งขั้นรุนแรงออกมา คาร์บิลัสดึงเส้นผมของตัวออกมาเส้นหนึ่งและปล่อยให้มันปลิวลงบนพื้น “ ไปตามไอ้พวกขี้เซาซะ ”
ฉับพลันเส้นผมของคาร์บิลัสก็ได้กลายเป็นแพะสีดำตัวอ้วนมีปีกปีศาจเล็กๆ อยู่บนหลัง เจ้าแพะคาร์บิลัสสะบัดหน้าเหมือนกำลังบ่นอยู่กลายๆ และควบฝีเท้าไปทางกระต็อบของเอลล์และลุกซ์
“ นั่นร่างจริงของเจ้างั้นเหรอ คาร์บิลัส ? ” ฟาร์คัสเลิกคิ้วสูงเพราะคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นไปแล้วครั้งหนึ่ง
“ ใช่ นั่นร่างจริงของข้านั่นแหละ ” คาร์บิลัสยิ้ม “ น่ารักไหม ”
“ แล้วร่างนี้ ? ”
“ อ้อ ร่างกลางของข้าไงล่ะ ถ้าให้ข้าไปหาใครต่อใครด้วยร่างแพะแบบนั้น คงน่าขำจะตาย ”
เป็นไปได้ข้าว่าเจ้าน่าจะอยู่ในร่างแพะนั่นดีกว่านะ เพราะมันดูน่ารักกว่ากันเยอะ ฟาร์คัสคิดเงียบๆ
เมเออร์จุกจนพูดอะไรไม่ออก แม้กระทั่งถามคำถามออกไป
เอลล์ ?
เอลล์ร่วมมือกับไอ้พวกศัครูพวกนี้น่ะเหรอ
เอลล์โดนไอ้พวกศัตรูพวกนี้หรอกใช้งั้นเหรอ !
เมเออร์โมโหมากจนสิ่งที่คาร์บิลัสใช้พันธนาการถูกเมเออร์ระเบิดพลังเวทใส่จนแตกเป็นเสี่ยงๆ “ เจ้าหลอกอะไรบุตรของข้ากัน ! คาร์บิลัส ! ” เมเออร์คำรามถามเสียงดังลั่น ธนูคู่กายถูกเรียกออกมาทั้งๆ ที่ไม่ได้ร่ายเวท
“ หวา คุณพ่อโมโหแล้วล่ะ ฟาร์คัส ” คาร์บิลัสพูดเรียบๆ ดูไม่ตกใจเท่าไรนักเพราะคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ว่าเมเออร์สามารถทำลายพันธนาการของเล่นของตนได้
“ เจ้าก็จับมัดใหม่ซะสิ ” ฟาร์คัสตอบเหมือนกับกำลังพูดเรื่องง่ายๆ
เมเออร์ไม่พูดอะไรหักด้ามธนูในมือจนแยกเป็นสองชิ้น เถาไม้เลื้อยค่อยๆ ถักทอกันขึ้นมาใหม่อีกครั้งโดยกลายเป็นเคียวขนาดยักษ์มีละอองสีทองลอยอวล ดวงตาเมเออร์ส่อประกายคมกร้าวดังนักรบแม้ว่าอายุที่ล่วงเลยมามาก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้เมเออร์กลายเป็นคนยอมคนขึ้นมาแต่อย่างใด
“ ข้าขี้เกียจมัดจัง ขังเอาแล้วกันนะ ฟาร์คัส ” คาร์บิลัสสะบัดมือเรียกดาบของตนบ้าง คาร์บิลัสใช้ดาบชี้หน้าเมเออร์และเลิกคิ้วอย่างท้าทาย “ ออกกำลังกายแก้ง่วงตอนเช้าสักรอบ ค่อยเป็นนกในกรงเนอะ เมเออร์ ”
เมเออร์ฟาดเคียวใส่คาร์บิลัสแทนคำตอบ
คาร์บิลัสกระโดดหลบได้อย่างสบายๆ อีกทั้งยังส่งดาบในมือตัดเส้นผมของเมเออร์ได้ไม่น้อย
เส้นผมสีทองของเมเออร์ส่งประกายสีทองสองสว่างยามที่แสงแดดตกกระทบใส่ แต่นั่นก็ยิ่งกระตุ้นให้เมเออร์บ้าคลั่งมากขึ้นยิ่งเท่านั้น
เมเออร์ฟาดเคียวที่ถูกอัดพลังเวทใส่คาร์บิลัส
คาร์บิลัสฟันดาบใส่เคียวของเมเออร์จนเคียวของเมเออร์แทบขาดสะบั้น
ถ้าจะให้อธิบายเมเออร์ในยามนี้ น่าจะบอกได้ว่าการต่อสู้ของคนที่น่าอดสู สู้ไปทั้งๆ ที่รู้ว่าแพ้ สู้เพราะความเคียดแค้นที่ถูกหักหลังมาตั้งแต้ครั้นบรรพบุรุษหากแต่ว่าถ้าไม่สู้ ดินแดนของตนก็ย่อมถูกบีบเค้นได้อีกครั้ง นับว่าเป็นการดิ้นรนเพื่อดินแดนของตัวเองอย่างแท้จริง
ถึงแม้เมเออร์จะดูเย่อหยิ่งจองหองถึงเพียงใด แต่ในความเป็นจริงแล้วเมเออร์นับเป็นกษัตริย์ที่ดีองค์หนึ่งของดินแดนภูตเลยทีเดียว กษัตริย์ที่ใส่ใจภูตผู้อยู่ใต้การปกครองของตนเองเป็นที่สุดและหวังจะมอบเจตนารมณ์นี้ให้กับบุตรคนโตของตนเอง
แต่ความพยายามที่ทำมาก็กลับพังลง เมื่อเออล์มีความคิดที่แตกต่างออกไปมาตั้งแต่เด็ก เมเออร์มักจะโมโหกับความคิดที่จะมีสัมพันธไมตรีกับดินแดนของเอลล์
ของพรรค์นั้นยังไงก็เชื่อถือไม่ได้
สิ่งนี้ถูกปลูกฝังมานานมากมารุ่นสู่รุ่น
เพราะสัมพันธไมตรีที่ดีต่อดินแดนปีศาจในโบราณถึงได้เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายเข้ามาใช้เป็นสนามรบอย่างไร้ความเกรงใจ
นี่เป็นเหตุผลที่เมเออร์ไม่คิดจะมีสัมพันธไมตรีต่อดินแดนใดทั้งนั้น
คาร์บิลัสสลายดาบในมือเมื่อเห็นแววตาของเมเออร์ แววตาของคนที่คิดจะสู้จนตัวตายนั่นเอง “ ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าแล้วกัน ” คาร์บิลัสถอนหายใจร่ายเวทที่ทำให้เมเออร์ตัวชาทั้งตัวจนขยับไม่ได้
เมเออร์ส่งสีหน้าเย็นชาตอบ
เจ้าแพะกระโดดโลดเต้นไปมาขณะที่เดินกลับยิ่งมันเห็นฟาร์คัสก็ยิ่งดูคึก ขาสั้นๆ นั้นวิ่งควบไวกว่าเดิมเป็นเท่าตัว มันวิ่งเข้าไปใกล้ฟาร์คัสหวังว่าจะเข้าไปอ้อน แต่ก็ถูกคาร์บิลัสเตะโด่งจนสลายหายไป
ฟาร์คัสกลอกตา แม้กระทั่งเส้นผมของตัวเองเจ้ายังหวงได้อีกนะ คาร์บิลัส
ลุกซ์ยิ้มแห้งเมื่อเดินไปแล้วเจอบรรยากาศขุ่นมัวของนายของตนและเอ่อ.. จะเรียกว่าอะไรดี พ่อเขย คงไม่เหมาะเท่าไหร่เพราะจับข้าล่ามไว้คุกใต้ดินซะนานนม เป็นพ่อของเอลล์ไปนั่นแหละ
เอลล์ขมวดคิ้ว ท่านพ่อ... เขารู้ดีว่าท่านพ่อจะรู้สึกยังไงเมื่อเขามารวมกลุ่มกับฝั่งศัตรูของท่านพ่อ ท่านพ่อคงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเหมือนเช่นทุดครั้งรวมถึงครั้งนี้เช่นกันที่ข้ารู้สึกถึงความปวดหนึบในใจที่รู้สึกได้จากสายตาของท่านพ่อ ถึงแม้จะมองไม่เห็นข้าก็รู้สึกได้..
“ ที่เจ้าอยากสร้างสัมพันธไมตรีกับดินแดนอื่น เพราะปีศาจเหล่านี้มันกล่อมเจ้าใช่ไหม เอลล์ ” เมเออร์ท่านเสียงเรียบ ดวงตาจับจ้องที่บุตรของตน
“ ข้าสมัครใจเอง ท่านพ่อ.. สิ่งที่ข้ากระทำล้วนมาจากความคิดของข้าทั้งนั้น ปีศาจพวกนี้เป็นสหายของข้าเท่านั้น ”
“ สหาย ? ” เมเออร์ทวนออกมาอย่างอึ้งๆ
“ ฟาร์คัส คาร์บิลัส ล้วนเป็นสหายของข้า ท่านพ่อ ” เอลลตอบใบหน้าซับเลือดเล็กน้อยเมื่อมาพูดอีกประโยค “ ส่วนลุกซ์.. ก็เป็นสหายของข้าเหมือนกัน ”
“ ข้าเสียใจที่เลี้ยงเจ้าได้ไม่ดีเท่าทีควร เอลล์ ” แววตาของเมเออร์กลายเป็นสีหม่น “ แม้กระทั่งมังกรที่ถูกตรองจำในคุกเจ้ายังนับเป็นเพื่อน ข้าอยากรู้ว่าอะไรที่เจ้าเรียกศัตรูพวกนี้ว่าเพื่อนกัน ”
เอลล์ยิ้มบางๆ ทำให้เมเออร์เบิกตากว้างอย่างตกใจ
ถึงแม้เอลล์จะยิ้มบางๆ อยู่เสมอ แต่ไม่มีครั้งไหนที่ดูมีความสุขเท่านี้มาก่อน
“ ลุกซ์ กับ ฟาร์คัส รับปากว่าจะช่วยให้ข้ากลับมามองเห็นอีกครั้ง ” เสียงของเอลล์สั่นน้อยๆ “ ท่านรู้อะไรไหม ข้าใฝ่ฝันที่จะมองเห็นมาตลอด แต่ท่านมักจะเมินเฉยต่ออาการของข้าและให้ข้าฝึกหนักแทน ” เอลล์เว้นช่วงการพูดสูดหายใจลึก “ ยามที่ข้าได้ยินใครต่อใครพรรณาถึงสิ่งที่ได้เห็น มันทำให้ข้ารู้สึกเจ็บปวดจนแทบอยากร้องไห้ ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าการมองเห็นเป็นแบบไหน แต่ถ้าข้าได้มันมาข้าสัญญาว่าจะรับษามันไว้ให้ดีที่สุด ” เอลล์หันไปทางลุกซ์ “ ถ้าหากมันทำให้ข้ามองเห็นคนที่ข้ารัก.. ”
เมเออร์ยิ้มฝืนๆ รู้สึกเหมือนถูกอะไรมาตีแสกเข้าที่หน้าอย่างแรง เมื่อรู้ถึงเหตุผลของเอลล์ ทำไมข้าจะไม่รู้ล่ะว่าเอลล์ ต้องการจะมองเห็นขนาดไหน แต่เพราะรู้ดีถึงใคร่ครวญให้เอลล์ฝึกหนักเพื่อที่จะลืมความรู้สึกพวกนี้ไป
“ เฮ้อ ข้าขี้เกียจมาฟังพ่อลูกระลึกความหลังกันนะ ” คาร์บิลัสบ่น
ลุกซ์ยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
ฟาร์คัสหยิบขวดน้ำตาเงือกออกมายื่นให้คาร์บิลัส “ งั้นเจ้าก็กรอกเลยแล้วกัน คาร์บิลัส ”
“ ได้เลยยย ฟาร์คัส ” คาร์บิลัสรับมาถืออย่างกระตือรือร้นสาวเท้าเข้าไปใกล้เมเออร์และพูดขู่เสียงเหี้ยมต่างจากน้ำเสียงที่คุยกับฟาร์คัสโดยสิ้นเชิง “ กลืนมันซะ เมเออร์ ”
เมเออร์แค่นเสียงเหอะใส่ “ เจ้าหาใช่นายของข้า คาร์บิลัส ”
นั่นทำให้คาร์บิลัสหงุดหงิดจับขวดยัดปากเมเออร์ทันที
แกว้กกกกกกกกกกกกก
เสียงร้องเหยียดยาวแปลกหูดังขึ้นพร้อมกับแรงที่มาพุ่งชนจนขวดในมือของคาร์บิลัสกระเด็นจนแตกกระจายอยู่บนพื้น
แก้วที่แตกกระจายบนพื้นเจิ่งนองไปด้วยน้ำตาเงือก
“ แค่กๆๆ ” เมเออร์สำลัก
“ โว้ยยย ไอ้นกบ้า ” คาร์บิลัสใช้มือคว้าเข้าที่คอนกและกำแน่นจนไม้ที่ประกอบเป็นร่างของนกค่อยๆ กลายเป็นผุยผง
ดวงตาไหววูบติดๆ ดับของนกเป็นสัญญาณของการมีตัวตนครั้งสุดท้ายก่อนที่จะสลายหายไปเพราะพลังอำนาจที่ล้นเหลือของคาร์บิลัส
ฟาร์คัสเบ้หน้าเซ็งๆ เพราะไม่รู้ว่าเมเออร์กินเข้าไปมากขนาดไหนแต่ไม่หมดแน่นอนเพราะน้ำที่เจิ่งนองบนพื้น แล้วความทรงจำที่ได้มันจะมากขนาดไหนกัน
ดัฟฟ์เดินเตาะแตะเข้าไปเกาะเข้าที่ขาของฟาร์คัสใช้หัวเล็กๆ ที่มีเขาสั้นๆ งอกถูเข้าที่ขาของฟาร์คัสเชิงอ้อน ดัฟฟ์ยิ้มกว้างเมื่อฟาร์คัสเอามือลูบหัวตัวเองเบาๆ
“ พอขวดแตกแล้วไงต่อ ” ลุกซ์ขมวดคิ้ว “ ข้าไม่เห็นมันจะมีความทรงจำปปรากฎตรงไหน ” เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ยังคงเป็นเศษแก้วที่กองนิ่งๆ เหมือนเดิม
“ ต้องการเงื่อนไข ? ” ฟาร์คัสเดาสุ่ม
“ จริงด้วย ! เงื่อนไขยังไงล่ะ ” คาร์บิลัสยิ้ม “ เก่งจังเลยยย ฟาร์คัสของข้า ! ”
“ ถ้าเจ้ารู้แล้วก็ช่วยทำมันสักที ” ฟาร์คัสพูดด้วยเสียงจริงจัง
“ ก็ได้ๆ ” คาร์บิลัสหยิบเศษแก้วขึ้นมากำแน่นจนเลือดไหลออกจากฝ่ามือ สีหน้าของคาร์บิลัสไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดเหมือนกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บยังไงยังงั้น “ ความทรงจำที่ซ่อนเร้น สิ่งที่ข้าเฟ้นหาจงปรากฎ อดีตที่ผ่านมาอย่างยาวนานเอ๋ย จงแสดงให้ข้าเห็น ! “”
เลือดที่ไหลอาบของคาร์บิลัสเปลี่ยนสีเป็นสีใสอย่างแปลกประหลาด
ภาพบางอย่างที่ปรากฎในอากาศพานทำให้เลือดในกายเย็นเฉียบ
ไม่เว้นแม้กระทั่งเอลล์ที่ถึงแม้จะมองไม่เห็นแต่เสียงที่ได้ยินก็ให้ความรู้สึกน่าขนลุก
เพราะสิ่งที่ปรากฎในความทรงจำของเมเออร์นั่นไม่ใช่ความทรงจำธรรมดา..
---------------------------------------------
หายไปนานคิดถึงคนอ่านนนน

ตอนนี้ก็ยังไม่ไปไหนเท่าไหร่

ส่วนตอนพิเศษมาแน่ๆ ค่ะ แต่ขอแปะโป้งไว้ก่อน ลงตอนหลักก่อนน

ขอบคุณทุกคอมเมนต์น้าา
ปล. สงสารตัวเองกันทำไม 5555555555555555555555