น้องกันต์จัดให้ครั้งที่ 52.2คิน“พัทธ์กลับมาแล้วเหรอ” ผมส่งเสียงถามเมื่อเดินลงมาชั้นล่างแล้วเจอกับพัทธ์ที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้านพอดี ผมหันไปมองเวลาก็พบว่าดึกมากแล้ว “งานเรียบร้อยดีไหม”
เมื่อตอนบ่ายเขาโทรมาบอกผมว่ามีงานด่วนคงกลับดึกให้ผมพาน้องกันต์เข้านอนก่อนเลย
ผมเดินเข้าไปหาเขา สีหน้าของพัทธ์ดูไม่ดีเท่าไหร่จนผมนึกเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะไม่สบายขึ้นมาเพราะโหมงานหนัก แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามหรือพูดอะไรต่อพัทธ์ก็โผเข้ามากอดเอาไว้แน่น
“พัทธ์… เป็นอะไรครับ เกิดอะไรขึ้นไหนบอกพี่สิ” ผมดันตัวเขาออก ก่อนจะเห็นว่าดวงตาของพัทธ์มีน้ำใสๆ เอ่อคลอเตรียมจะไหลออกมา
ผมพาเขาไปที่ห้องนั่งเล่นจับคนตัวเล็กกว่าให้นั่งตักแล้วโน้มเขามากอดเอาไว้แน่น “เป็นอะไรไปคนดี เกิดอะไรขึ้นบอกพี่สิครับ”
พอผมถามก็รับรู้ได้ถึงอาการสั่นจากพัทธ์ ก่อนที่เสียงสะอื้นจะดังตามมาให้ผมยิ่งร้อนใจ ผมไม่เคยเห็นพัทธ์ร้องไห้นอกจากเรื่องคราวก่อนของน้องกันต์ที่โดนเด็กรุ่นพี่แกล้ง แล้วหลังจากนั้นผมก็แทบไม่เคยเห็นเลย
“พี่คิน… อึก พี่คิน…” พัทธ์ร้องไห้ไปก็เรียกชื่อของผมไป
“ครับคนดี พัทธ์เป็นอะไรไหนบอกพี่สิครับ เกิดอะไรขึ้น” ผมจับเขาผละออกเล็กน้อยยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าหวานนั้นอย่างแผ่วเบา
“พัทธ์… ว วันนี้พัทธ์เจอเขา… อึก เจอ…”
ผมได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าพัทธ์ไปเจอใครมา เจออะไรมาถึงได้ร้องไห้แบบนี้
แล้วคำตอบของพัทธ์ก็ทำให้ร่างของผมชาไปทันที…“พ พ่อของน้องกันต์ มาหาพัทธ์”
พ่อของน้องกันต์… พ่อแท้ๆ ของน้องกันต์อย่างนั้นเหรอ ผมเคยเห็นเขาในรูปแค่ครั้งเดียวตอนที่พัทธ์เจอกล่องของพี่สาวของเขา พัทธ์บอกไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่ตั้งแต่ที่เขาทิ้งพี่สาวของพัทธ์ไปเขาก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย แล้ววันนี้… เขากลับมาทำไม
“เขามาหาพัทธ์ทำไม”
“เขาบอก… เขาอยากหาพี่พราว อยากขอโทษพี่พราวกับสิ่งที่เขาทำลงไป เขา อึก สำนึกผิดแล้ว”
“เขาถามถึงน้องไหม” ผมถาม มือลูบผมของพัทธ์ไปด้วย
คนบนตักผมส่ายหน้าไปมา นั่นทำให้ผมโล่งใจก่อนจะเอ่ยปลอบคนบนตัก “ไม่ต้องร้องนะพัทธ์ เขาอาจจะไม่รู้เรื่องน้องกันต์ก็ได้ พี่รู้ว่าพัทธ์คิดอะไรอยู่ รู้ว่าคิดไปไกลขนาดไหนแต่มันอาจจะไม่ใช่แบบที่เราคิดก็ได้”
พัทธ์ซบหน้าลงกับไหล่ของผมแบบที่ผมก็กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น “มันหลายปีแล้วนะพัทธ์ เขาอาจจะมีครอบครัวใหม่ไปแล้วก็ได้ ไม่ต้องกังวลหรอกนะ ไม่มีอะไรต้องกังวลนะครับคนดี”
“อึก… ครับ พ พัทธ์คงคิดมากไป” พัทธ์ยังคงพูดเสียงสั่น “พ พัทธ์แค่กลัว อึก… กลัวว่าเขาจะมาพาน้องไปจากพัทธ์ พัทธ์คงทนไม่ได้”
“ไม่ต้องคิดมากนะครับ ไม่ต้องกังวล” ผมได้แต่ปลอบพัทธ์ไปแบบนั้นอย่างน้อยก็อยากให้เขาคลายกังวลลง ทั้งๆ ที่ในใจของผมเองก็กังวลเช่นกัน…
ผมนั่งกอดพัทธ์อยู่นานกว่าคนคิดมากจะคลายความกังวลลง ใบหน้าหวานนั้นแดงก่ำอย่างน่าสงสาร ผมเลยจัดการอุ้มเขาขึ้นไปบนห้องพาเข้าไปในห้องน้ำแล้วจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้เขาเรียบร้อย ก่อนจะพาเขาไปที่ห้องนอนของน้องกันต์ต่อ เพราะรู้ว่าคืนนี้เขาคงอยากนอนกับลูก
“ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้วนะครับ นอนหลับพักผ่อนนะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พี่กับน้องกันต์อยู่ตรงนี้นะครับคนดี” ผมกระซิบบอกคนที่กำลังนอนกอดน้องกันต์เอาไว้แน่นก่อนจะล้มตัวลงนอนกอดเขาอีกที
กระชับอ้อมแขนรั้งทั้งพัทธ์และน้องกันต์เข้ามาใกล้ เลื่อนหน้าไปกดจูบที่ข้างขมับของพัทธ์ ลูบผมนุ่มของเขาเพื่อเป็นการกล่อมให้เขานอนหลับและคงเพราะเหนื่อยมาทั้งวันอีกทั้งยังร้องไห้อีกจนเพลียเพียงไม่นานพัทธ์ก็หลับไป ผิดกับผมที่กลับนอนไม่หลับเสียเอง…
“เป็นไรวะมึง หน้าตาเครียดๆ นะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงของไอ้หมอชลดังอยู่เหนือหัวผม
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ผมถามกลับไป หมอชลทิ้งตัวลงนั่งโซฟาในห้องทำงานของผม ตอนนี้ผมอยู่ที่ร้านครับ ขนมทำเตรียมเอาไว้เยอะแล้วอีกอย่างช่วงนี้ลูกค้าน้อยผมก็เลยเข้ามานั่งอยู่ในห้องทำงาน
“เพิ่งมาถึง วันนี้ออกเวรเร็วก็เลยแวะมาว่าจะซื้อขนมเข้าไปที่บ้านแม่ ไอ้เป้บอกมึงอยู่ในห้องกูก็เลยเดินเข้ามา แล้วเป็นไรทำไมทำหน้าเครียดๆ” ไอ้หมอถามผมอีกรอบ
“มีเรื่องนิดหน่อย” ผมตอบแบบที่มันก็เลิกคิ้วขึ้นเหมือนกับไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด
“ไม่นิดมั้ง มึงมานั่งทำหน้าเครียดแบบนี้ ทำไมทะเลาะกับน้องพัทธ์เหรอ”
ผมส่ายหน้าก่อนจะเล่าให้มันฟัง ระหว่างผมกับมันเราไม่เคยมีความลับกันครับ เรียกว่ามีไม่ได้มากกว่าเพราะถ้าใครคนหนึ่งคิดหรือกังวลอะไรอยู่อีกคนก็จะดูออกทันที ถึงแม้ไอ้หมอชลจะชอบพูดเล่นไปเรื่อยแบบปากไม่มีหูรูดแต่มันก็รู้ว่าเรื่องไหนควรพูดต่อหรือควรเก็บเอาไว้ เพราะฉะนั้นถ้ามีเรื่องไม่สบายใจอยากระบายแต่ไม่อยากให้คนรู้ไปทั่วเราก็จะระบายด้วยกันเพราะพวกเราไม่คิดจะเอาไปบอกใคร
“วันก่อน… พ่อของน้องกันต์มาหาพัทธ์ที่บริษัท”
“พ่อน้องกันต์?... พ่อแท้ๆ ของน้องอ่ะนะ” ไอ้หมอชลทวนซ้ำพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่แน่ใจว่าฟังถูกฟังผิดหรือเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า
“ก็ใช่ดิวะ น้องเขาไม่ได้เกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่นะมึง” ผมบอก ก็ไม่ได้อยากจะกวนมันหรอกแต่ไม่รู้ทำไมเวลาคุยกันทีไรพูดดีๆ ไม่ค่อยได้ ผมถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ “กูไม่รู้ว่าที่เขามาหาพัทธ์เพราะอะไร เพราะแค่อยากแสดงความรู้สึกผิดเรื่องแม่ของน้องกันต์หรือเขามีเหตุผลอื่นอีกหรือเปล่า กูก็พยายามไม่คิดอะไรหรอกแต่พัทธ์น่ะคิดมาก พอเห็นพัทธ์คิดมากกูก็เลยไม่สบายใจ”
หมอชลพยักหน้ารับอย่างเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด “กูเข้าใจ แล้วพ่อน้องเขารู้เปล่าวะว่าเขามีลูก”
“กูก็ไม่รู้ว่ะ พัทธ์เองก็ไม่แน่ใจว่ารู้หรือเปล่า เพราะเขาก็ไม่ได้พูดถึงน้องกันต์ เขาอาจจะลืมไปแล้วหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ”
“แล้วมึงจะทำยังไงวะ คือกูแค่สมมตินะ สมมติว่าเขารู้แล้วเขาอยากพาน้องกันต์ไปอยู่ด้วยมึงจะทำยังไงกันวะ” หมอชลถาม ซึ่งนั่นก็เป็นคำถามที่อยู่ในใจของผมตั้งแต่ที่ผมรู้เรื่อง
“เขามีสิทธิ์ในตัวน้อง แต่ทางเราเองก็มีสิทธิ์เหมือนกัน กูว่าถ้าเขาอยากเลี้ยงดูน้องกันต์เราก็อาจจะพูดจาตกลงกันได้”
“มึงอย่าเพิ่งคิดมากเลย ทุกอย่างอาจจะไม่เป็นอย่างที่มึงคิดก็ได้ คิดไปก็มีแต่กังวลแล้วจะพาลกันคิดมากทั้งหมดหรอก” หมอชลพูด
ผมพยักหน้ารับกับสิ่งที่มันพูดเพราะก็จริงอย่างที่ไอ้หมอว่า ทุกอย่างอาจจะไม่เป็นอย่างที่ผมแล้วก็พัทธ์คิดหรือกำลังกังวลอยู่ก็ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้คิดมากแล้วก็กังวลจนมันจะไม่สามารถหยุดคิดได้เลย
ผมนั่งคุยกับไอ้หมอต่ออีกหลายเรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องมันอวดแฟนครับ สารพัดจะอวดทั้งอวดว่าพาคุณพฤกษ์เข้าบ้านแล้ว พ่อกับแม่ก็ปลื้มนักปลื้มหนาจนแทบจะรับพฤกษ์เป็นลูกอีกคน แล้วยังเรื่องที่ไม่ควรจะเอามาอวดซึ่งผมไม่ขอพูดดีกว่ามันไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ ไอ้ห่านี่ก็พูดได้ไม่อายปาก
“มึงจะเอาขนมไปให้แม่เหรอ” ผมถามมันขณะที่หยิบเค้กในตู้ใส่กล่องให้มัน พอมันพยักหน้ารับผมก็พูดต่อ “อย่างนั้นกูไม่คิดเงิน บอกแม่ว่ากูฝากมาให้เอาไว้ว่างๆ กูจะเข้าไปหาเดี๋ยวพาพัทธ์เข้าไปด้วย ส่วนชิ้นไหนที่มึงจะแดก... กูคิดเงิน”
“ไอ้หมอสัส”
“กูหมอยา ไม่ใช่หมอสัตว์” ผมสวนกลับทันทีที่มันด่าผม
ผมสนิทกับครอบครัวของไอ้หมอชลครับเพราะเป็นเพื่อนกับมันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เข้าออกบ้านมันตั้งหลายรอบจนกลายเป็นลูกรักอีกคนของแม่มันไปแล้วล่ะครับแต่ช่วงนี้ไม่ได้เข้าไปหาเลย สงสัยต้องหาเวลาไปเยี่ยมแม่บ้างแล้ว เดี๋ยวตำแหน่งลูกรักอันดับหนึ่งจะตกอันดับไปเสียก่อน
“ไปแล้วนะมึง แล้วเจอกันใหม่ พวกไอ้หมอเมฆก็บอกจะนัดกันอยู่” ไอ้หมอชลบอก ผมพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรมันกลับไปเพราะมีลูกค้าเข้ามาพอดี มันเลยย้ำมาอีกรอบก่อนจะเดินออกจากร้านไป
RRrrrrrrr
ผมหันไปคว้าโทรศัพท์ที่ส่งเสียงร้องขึ้นมาก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ของพัทธ์ “ว่าไงครับพัทธ์”
[…] ผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าพัทธ์ไม่ยอมพูดอะไร ก่อนจะหันไปเรียกให้เป้มาอยู่ตรงเคาน์เตอร์แทนส่วนผมก็เดินเข้าไปในห้องทำงาน
“พัทธ์ครับ ได้ยินพี่ไหม พัทธ์” ผมส่งเสียงเรียกอีกรอบ ไม่แน่ใจว่าเขาเผลอกดมาโดนเบอร์ของผมหรือตั้งใจโทรมากันแน่
[พ... พี่คิน...]
“ว่ายังไงครับ โทรหาพี่มีเรื่องอะไรด่วนหรือเปล่า เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามเมื่อได้ยินเสียงของพัทธ์ที่ฟังแหบๆ กว่าปกติ กังวลว่าเขาจะไม่สบายไปหรือเปล่า
[คุณศรัณย์... พ่อของน้องกันต์ อยากเจอน้องครับ]
ผมชะงักไปนิดตอนที่ได้ยินพัทธ์พูด รับรู้ได้ทันทีว่าพัทธ์ต้องกำลังคิดมากและเป็นกังวลอยู่แน่นอนเพราะฉะนั้น... ผมไม่คิดจะคิดอะไรมากเพื่อไม่ให้พัทธ์ต้องกังวลเพิ่มไปมากกว่านี้ “ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ครับพัทธ์ เขาก็แค่อยากเจอน้องกันต์เอง”
[แต่พัทธ์กังวล...]
“ไม่เป็นอะไรครับ มันอาจจะไม่มีเรื่องอะไรแบบที่พัทธ์กำลังกังวลอยู่ก็ได้ ไม่ต้องคิดมากนะครับ น้องกันต์... สมควรที่จะได้รู้จักเขาเอาไว้บ้าง อีกหน่อยถ้าน้องโตขึ้นเราก็ต้องบอกน้องอยู่ดี ส่วน... ถ้าพอไปเจอเขาแล้ว และน้องกันต์ไม่โอเคเราก็พาลูกกลับบ้าน ไม่ต้องกังวลนะครับ”
พอผมพูดแบบนั้นก็เหมือนว่าพัทธ์จะรู้สึกดีขึ้นเพราะเสียงของเขาฟังดูดีกว่าก่อนหน้านี้ [ครับพี่คิน พัทธ์คงกังวลมากเกินไป ถ้าอย่างนั้น... พี่คินไปรับน้องกันต์แล้วก็มารับพัทธ์เลยนะครับ คุณศรัณย์เขาอยากเจอน้องเย็นนี้ เขาบอกจะจองโต๊ะที่ร้านอาหารเอาไว้ให้]
“ได้ครับ ถ้าพี่ออกจากร้านแล้วจะโทรบอกอีกรอบนะครับ แล้วเจอกันครับพัทธ์”
ผมวางสายพัทธ์ไปแล้วพร้อมกับคิดอยู่ในใจไม่หยุด ผมไม่กังวลเรื่องที่พ่อของน้องกันต์อยากเจอน้องแต่ผมกังวลกับตัวของน้องกันต์เองมากกว่า น้องกันต์ยังเด็กแต่เขาก็มีความคิดและบางครั้งก็มีความคิดเหมือนผู้ใหญ่ ผมไม่รู้ว่า... ผมจะแนะนำคุณศรัณย์ว่าเป็นใครเพื่อไม่ให้น้องกันต์สับสนดี
ผมเริ่มไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้จะเร็วเกินไปสำหรับน้องกันต์หรือเปล่า แต่ไม่ช้าก็เร็วน้องจะต้องรู้เรื่อง แล้วมันจะดีกว่าไหมหากเราค่อยๆ เริ่มพูดและสอนน้องไปเรื่อยๆ ตั้งแต่น้องยังเด็กแบบนี้ ถ้าหากน้องโตกว่านี้... น้องอาจจะคิดอะไรที่เกินตัวไปก็ได้
ผมได้แต่ถอนหายใจก่อนจะไล่ความคิดทุกอย่างออกจากหัว คิดมากไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ในเมื่อปัญหาทุกอย่างมันยังไม่เกิดขึ้นผมเองก็ไม่รู้จะหาทางแก้ยังไงเพราะไม่รู้ว่าสุดท้ายบทสรุปมันจะออกมาแบบไหน
ผมเลือกที่จะขับรถจากร้านไปที่โรงเรียนของน้องกันต์เลยเพื่อที่จะได้ไม่ต้องย้อนกลับมาอีกรอบ หลังจากที่รับน้องกันต์แล้วผมก็โทรหาพัทธ์เพื่อบอกเขาล่วงหน้าเขาจะได้ไม่ต้องรีบมาก ตลอดทางน้องกันต์เล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟังไม่หยุดจนผมได้แต่หัวเราะกับความแก่นเซี้ยวของเจ้าตัวเล็ก เห็นเป็นเด็กขี้อ้อนเวลาอยู่กับผมกับพัทธ์แต่เวลาอยู่กับเพื่อนเจ้าตัวเล็กนี่เป็นหัวโจกท์เลยนะครับ พาเพื่อนๆ เล่นซนจนได้แผลกันแทบทุกวัน
“เก่งจริงๆ เลย ลูกใครเนี่ย...” ผมหันไปพูดกับน้องเมื่อเจ้าตัวเล็กเล่าให้ฟังว่าวันนี้ท่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ตั้งหลายคำจนคุณครูเอ่ยชม
“ลูกพ่อคินกับมัมพัทธ์” เจ้าตัวเล็กพูดก่อนจะชูมือขึ้น ผมได้แต่หัวเราะยื่นมือไปยีผมเจ้าตัวเล็กอย่างมันเขี้ยว
“อย่าลืมอวดให้คุณมัมฟังนะครับ รู้ไหม” พอผมพูดแบบนั้นน้องกันต์ก็พยักหน้าหงึกหงักทันที เห็นแล้วก็ตลกแต่ก็น่ารัก
“มัมมมมมม สวัสดีครับ” น้องกันต์ร้องเรียกพัทธ์เสียงดังพร้อมกับยกมือไหว้พัทธ์ที่เดินมาเปิดประตูรถก่อนจะโผเข้าไปกอดพัทธ์แน่น
พัทธ์ได้แต่หัวเราะเมื่อเจออาการขี้อ้อนของน้องกันต์ “ปล่อยมัมก่อนครับ ขอมัมเข้าไปนั่งก่อนนะ”
“น้องกันต์นั่งตักมัม” เจ้าตัวเล็กพูดซึ่งพัทธ์ก็พยักหน้ารับ น้องกันต์จึงยอมปล่อยแล้วให้พัทธ์เข้ามานั่งในรถ พอนั่งได้เจ้าตัวเล็กก็ปีนไปนั่งตักทันที
“รักมัมอะไรขนาดนั้นครับเจ้าตัวเล็ก” ผมร้องแซวทันที
“ก็น้องกันต์รักมัม อ่ะ... น้องกันต์ก็รักพ่อคินด้วยนะ”
“เด็กแก่แดดเอ๊ย” ผมว่ายื่นมือไปหยิกแก้มเจ้าตัวเล็กเบาๆ ก่อนจะขับรถออกจากหน้าบริษัทของพัทธ์ “ไปที่ร้านไหนครับพัทธ์”
“ร้านประจำของพี่คินกับพวกคุณหมอนั่นแหละครับ” พัทธ์พูดกับผมก่อนจะก้มลงไปคุยกับน้องกันต์ “วันนี้เราจะหม่ำข้าวนอกบ้านนะครับ มีปลาสีส้มๆ ด้วยนะอยากหม่ำไหม”
น้องกันต์พยักหน้ารับเร็วๆ “อยากฮะ น้องกันต์อยากหม่ำๆ หม่ำๆ น้องกันต์อยากหม่ำ”
“ได้ครับ เดี๋ยวมัมสั่งให้หม่ำนะ แล้ววันนี้เป็นเด็กดีตั้งใจเรียนหรือเปล่า” พัทธ์ถาม และพอถามถึงเรื่องที่โรงเรียนแล้วเจ้าตัวเล็กก็เล่าใหญ่เลยครับ เล่าเหมือนที่เล่าให้ผมฟังเป๊ะๆ แบบไม่ผิดเพี้ยนไปเลยสักนิดเดียว
ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงร้านอาหารญี่ปุ่นที่ผมชอบมากับพวกเพื่อนหมอ ผมเป็นฝ่ายอุ้มน้องกันต์เอาไว้เองส่วนพัทธ์ก็เดินนำผมเข้าไปในร้าน “จองไว้ในชื่อคุณศรัณย์ครับ”
“อ๋อ... คุณศรัณย์มาแล้วค่ะ เชิญด้านในได้เลยค่ะ” พนักงานต้อนรับพูดก่อนจะเดินนำพวกผมเข้าไปด้านในของร้าน
พัทธ์หยุดนิ่งอยู่หน้าประตูห้องก่อนจะหันมามองผม สีหน้าเขาดูกังวลอยากเห็นได้ชัด ผมได้แต่พยักหน้าให้เขาและส่งยิ้มให้เป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องคิดมากและไม่ต้องกังวลอะไร พัทธ์ส่งยิ้มตอบกลับมาก่อนที่จะเปิดประตูห้องนั้นและเดินนำเข้าไป
“สวัสดีครับคุณศรัณย์” พัทธ์ทักทายผู้ชายที่นั่งอยู่ในห้อง
เขาหน้าตาดีทีเดียว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมน้องกันต์ถึงได้หน้าตาน่ารักเพราะทั้งพ่อและแม่ก็หน้าตาดีทั้งคู่
“สวัสดีครับ” เขาทักทายกลับมา แต่สายตาของเขาหยุดนิ่งอยู่ที่ผม เขาไม่ได้มองผมหรอกครับแต่มองน้องกันต์ที่ผมกำลังอุ้มอยู่ แววตาของเขาฉายชัดถึงความยินดีและความดีใจ เขามองน้องกันต์ไม่วางตาเลย
“คุณศรัณย์ครับ นี่... พี่คินครับ” พัทธ์แนะนำผม
“สวัสดีครับ” ผมกับเขาทักทายกันเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเชิญทั้งผมและพัทธ์นั่งลง
ผมกับพัทธ์นั่งฝั่งตรงข้ามกับเขา ตลอดเวลาสายตาของเขาแทบไม่ได้ละไปจากน้องกันต์เลย เจ้าตัวเล็กนี่ก็ดีนะครับไม่มีตื่นคนแถมยังมองคุณศรัณย์กลับอย่างไม่กลัวคนแปลกหน้าด้วย
“น้องกันต์... สวัสดีก่อนครับ” ผมก้มลงบอกน้องกันต์
น้องกันต์หันมามองผมก่อนจะหันกลับไปมองคุณศรัณย์อีกรอบก่อนจะยกมือไหว้ “สวัสดีฮะคุณอา”
“พ่อเป็น...”
“ผมว่าอย่าเพิ่งดีกว่าครับ” ยังไม่ทันที่คุณศรัณย์จะพูดจบประโยคพัทธ์ก็พูดแทรกขึ้นก่อน “น้องไม่เคยรู้เรื่องคุณ ไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน ผมว่าควรค่อยๆ พูดดีกว่านะครับ น้องจะได้ไม่สับสนแล้วก็ไม่ตกใจ”
เพราะเหตุผลที่พัทธ์ยกมาพูดนั้นเป็นเรื่องจริงที่คุณศรัณย์เองก็ปฏิเสธไม่ได้ เขาจึงยอมพยักหน้ารับกับคำพูดของพัทธ์แล้วหันมาคุยกับน้องกันต์ “ชื่อน้องกันต์เหรอครับ”
“ฮะ ชื่อน้องกันต์ ชนกันต์ กิจไพศาลกุลฮะ” น้องกันต์ยิ้มกว้างก่อนจะพูดแนะนำตัวทั้งชื่อเล่น ชื่อจริงด้วยเสียงดังฟังชัดเหมือนตอนแนะนำตัวหน้าห้องจนพวกเราทั้งสามคนได้แต่ยิ้มขำกับท่าทางนั้น
น้องกันต์เป็นเด็กน่ารัก ใครเห็นก็คงนึกรักทันที แล้วยิ่งกับคุณศรัณย์ที่เป็นพ่อแท้ๆ ของน้องก็คงไม่ยากอะไรที่เขาจะรู้สึกรักแล้วก็เอ็นดูน้องกันต์
“น้องกันต์หิวหรือยังครับ”
ผมกับพัทธ์เงียบและเปิดโอกาสให้เขาได้ทำความรู้จักกับน้องกันต์ เพื่อสร้างความคุ้นชินให้กับเจ้าตัวเล็ก พอสิ้นคำถามนั้นน้องกันต์ก็หันมามองหน้าผม “ว่าไงครับ คุณอาถามทำไมไม่ตอบล่ะหือ”
“น้องกันต์ยังไม่หิว แต่น้องกันต์อยากหม่ำๆ คุณปลาส้ม”
“น้องหมายถึงปลาแซลม่อนครับ” พัทธ์แปลความหมายของคุณปลาส้มให้คุณศรัณย์ฟังเมื่อเขามองหน้าพวกผมอย่างไม่เข้าใจ
“อ๋อ... คุณอาสั่งมาให้เอาไหมครับ น้องกันต์ทานได้เต็มที่เลยนะครับ”
“พ่อคิน... น้องกันต์หม่ำๆ ได้ไหม” น้องหันมาถามผม ถึงแม้น้องกันต์จะเข้ากับคนอื่นได้ง่ายแต่ถ้าใครมายื่นขนมหรืออะไรให้น้องจะไม่รับครับ จะต้องหันมาถามผมหรือไม่ก็พัทธ์ก่อนเสมอ
คุณศรัณย์พอได้ยินน้องกันต์เรียกผมว่าพ่อเขาก็เงยหน้าขึ้นมองผมทันที เขาคงนึกสงสัยว่าผมเป็นใครและเพราะอะไรน้องกันต์ถึงเรียกผมแบบนั้น
“ได้สิครับ เดี๋ยวพ่อคินสั่งให้นะ” ผมไม่ได้ตอบคำถามที่คุณศรัณย์ส่งมาถามทางสายตาแต่ก้มลงคุยกับน้องกันต์แทน
“เย้ๆ เอาคุณปลาส้มๆ มัมน้องกันต์อยากหม่ำคุณแตงโมด้วย” คราวนี้น้องกันต์หันไปอ้อนพัทธ์แทน
“อยากหม่ำอะไรก็สั่งเลยครับตัวเล็ก”
และเพราะความเคยชินเวลาน้องกันต์เข้ามาอ้อน... ผมกับพัทธ์มักจะสนใจน้องมากจนบางครั้งก็ลืมสิ่งที่อยู่รอบข้างไป และครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมกับพัทธ์พูดคุยกับน้องกันต์จนลืมไปว่าในห้องนี้ยังมีใครอีกคนอยู่ด้วย... คุณศรัณย์ พ่อแท้ๆ ของน้องกันต์
“ทำไมน้องกันต์ถึงเรียกคุณสองคนว่ามัมแล้วก็พ่อครับ”************************************************
ครบแล้วค่ะ พ่อน้องรู้ค่ะว่าตัวเองมีลูก เนื้อเรื่องต่อจากนี้จะค่อนข้างหน่วงหน่อยๆ นะคะ อาจจะตรงใจหรือไม่ตรงใจใครอันนี้ก็ขออภัยค่า แต่ฟางแต่งอย่างตั้งใจแล้วค่ะ ยังไงก็ฝากติดตามกันจนจบด้วยนะคะ
อ๋อ... แล้วก็แจ้งค่ะ เจอกันอีกทีก็... หลังวันพุธที่ 24 เลยนะคะ ช่วงนี้ฟางงานยุ่งมากๆ ต้องไปออกบูธด้วย ไม่สะดวก และ คงไม่มีเวลาที่จะมาอัพค่ะ ยังไงก็เจอกันอีกทีอาทิตย์หน้าเลยนะคะ
คือไม่รู้จะทอล์คอะไรแล้ว เหนื่อยด้วย เพลียด้วย เพิ่งเคลียร์งานเสร็จ เอาไว้ครั้งหน้าจะมาคุยด้วยนะคะ อ่านแล้วคอมเมนต์ให้กำลังใจหน่อยละกันค่า
แล้วเจอกันใหม่ค่ะ
อ่านแล้วอย่าลืมคอมเมนต์นะคะ คอมเมนต์กันหน่อยนะ อย่าเงียบค่ะ ใจไม่ดีเลยยยยย
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
รักน้องกันต์ เอ็นดูน้องกันต์กันเยอะๆ นะคะ