น้องกันต์จัดให้ครั้งที่ 15พฤกษ์"ถ้าพี่จะขอให้พัทธ์เรียกพี่ว่า 'พี่' ในฐานะ 'พี่ชาย' พัทธ์ให้พี่ได้ไหม"วินาทีที่ผมพูดประโยคนี้ออกไปผมไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิด ผมคิดว่าผมทำถูกแล้วเพราะต่อให้ดิ้นรนต่อไปก็มีแต่ผมที่เจ็บ ผมเลยคิดว่าผมควรถอยออกมาดีกว่า แม้มันจะเจ็บแต่ผมก็เชื่อว่าสักวันความเจ็บในใจมันจะหายสนิท
ผมยิ้มรับกับคำตอบของพัทธ์ก่อนจะชวนเจ้าตัวไปซื้อของขวัญวันเกิดให้กับน้องกันต์ เราสองคนจึงเดินขึ้นไปชั้นของเล่นเด็กกัน แล้วผมจะซื้ออะไรให้น้องกันต์ดีนะ
"น้องพัทธ์~~!" ผมกับพัทธ์ต่างชะงักกันไปทันทีกับเสียงเรียกอันดังนั้นก่อนจะหันกลับไปมอง หมอชลนั่นเอง เขากำลังโบกมือไม่หยุด เห็นแล้วผมก็ได้แต่ถอนหายใจ
หลังจากวันที่เขาบุกไปถึงบ้านผม ผมก็มักจะเจอเขาวนเวียนๆ อยู่รอบๆ ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าผมกำลังเคราะห์ร้าย หรือดวงซวยกันแน่
เขาก้าวเท้าไวๆ เดินตรงเข้ามาหาก่อนจะมองผมกับพัทธ์สลับกันไปมาไม่หยุด "ทำไมมาด้วยกันได้ แล้วไอ้คินละ"
"พี่คินอยู่ที่ร้านครับ พอดีเราสองคนออกมาพบลูกค้า พอคุยเสร็จก็มาหาไรกินกัน นี่กำลังจะไปเดินดูของขวัญให้น้องกันต์ครับ" พัทธ์ตอบคำถามเขา ส่วนตัวผมก็ยืนเงียบๆ กำลังคิดหาทางหนีทีไล่หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น แล้วมันก็จริงอย่างที่ผมคิด
"อ๋อ! หรอๆ อย่างนั้นไปด้วยคนสิ"
ผมได้แต่ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะหันไปคุยกับพัทธ์ "พัทธ์... ให้คนที่บริษัทมารับได้ไหม พี่พึ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระสำคัญต้องรีบไป"
สีหน้าของพัทธ์ดูงงๆ กับธุระสำคัญแบบกะทันหันของผมแต่ก็พยักหน้ารับผมจึงรีบเดินเลี่ยงออกมาทันที ผมรู้สึกอึดอัดแปลกๆ เวลาอยู่ใกล้หมอชล เขาชอบมองเหมือนจะจับผิด ยิ่งเมื่อกี้... ที่ผมยืนอยู่ข้างพัทธ์เขาก็จ้องไม่วางตา
ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร แต่ผมไม่ชอบใจ ไม่ชอบใจกับการก้าวเข้ามาของเขา ไม่ชอบใจที่เขาเหมือนจะจับผิดอะไรผมสักอย่าง ผมไม่ชอบใจกับการกระทำของเขา ไม่ชอบใจอย่างมาก
แต่บางครั้งผมก็ยิ้มได้เพราะคำพูดตลกๆ หรือการกวนประสาทของเขาผ่านทางไลน์ ผมก็เลยยิ่งไม่ชอบใจเข้าไปใหญ่
"เดี๋ยวคุณ!" นี่ผมจะหนีเขาไม่พ้นเลยรึยังไงกัน ผมไม่สนใจเสียงเรียกแต่ก้าวเท้ายาวขึ้นตรงไปยังลานจอดรถทันที
"เดี๋ยวสิพฤกษ์!" หมอชลวิ่งมาดักหน้าผมเอาไว้
ผมถอนหายใจออกมา "มีอะไรครับ ผมมีธุระสำคัญ"
"ทำไมถึงมากับน้องพัทธ์ได้" เขาถาม
คนเป็นหมอเขาหูหนวกด้วยรึไง "ผมว่าพัทธ์ก็ตอบคำถามของคุณไปแล้วนะ นี่คือเหตุผลที่คุณวิ่งตามผมเพื่อมาถามคำถามไร้สาระแบบนี้นะหรือครับ"
"คุณชอบพัทธ์"แล้วยังไงกัน "แล้วมันยังไงครับ"
"ไอ้คินก็ชอบพัทธ์""ผมทราบ แล้วยังไงอีกครับ" ผมมองหน้าเขาก่อนจะพูด "คุณรู้ว่าผมชอบพัทธ์ คุณรู้ว่าคุณคินชอบพัทธ์ แล้วยังไงครับ คุณเลยหวงแทนเพื่อนคุณ คุณเลยคอยกันผมออกจากพัทธ์ให้เพื่อนของคุณอย่างนั้นหรอ"
"ใช่ ผมอยากให้น้องพัทธ์คบกับไอ้คิน"ผมถอนหายใจออกมาแรงๆ "ถ้าคุณหมอมีเวลาว่างมากขนาดที่มาคอยกันท่าให้เพื่อน ผมว่าคุณเอาเวลาไปเป็นแพทย์อาสาตามชายแดนเถอะครับ มีประโยชน์กว่ากันเยอะ คุณไม่จำเป็นต้องมาตอกย้ำ มาพูด หรือมาก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของผม ผมว่ามันไร้สาระเป็นอย่างมาก เอาเวลาพวกนี้ไปทำประโยชน์เถอะครับ"
"คุณโกรธ... ผมหรอ" นี่เขายังจะถามอีกหรอ
"คุณหมอชลธี คุณลองคิดดูนะครับว่าถ้าอยู่ๆ มีใครไม่รู้ที่คุณไม่รู้จัก หรือพึ่งจะรู้จักเข้ามาวุ่นวายในชีวิตคุณมันจะเป็นยังไง ถ้าคนๆ นั้นเข้ามาก้าวก่าย เข้ามาทำให้ชีวิตของคุณวุ่นไปหมดคุณจะทำยังไง แล้วแค่นั้นไม่พอ แต่เขายังเข้ามาแบบไม่ได้ประสงค์ดีเลยด้วยซ้ำ คนที่คุณคิดว่าอาจจะพอคบเป็นเพื่อนกันได้กลับเข้ามาตีสนิทคุณเพื่อผลประโยชน์อย่างอื่น เป็นคุณ... คุณจะโอเคไหมครับคุณหมอชลธี"
ผมพูดไปแบบนั้นแล้วก็เดินเลี่ยงเขามาทันที ผมคิดไว้ไม่มีผิด ที่เขาเข้ามาก่อกวนผมบ่อยๆ เพราะเขามีแผนอยู่ในใจ โอเค... บางครั้งการกระทำของเขาดูจะไร้มารยาทเกินไป วุ่นวายเกินไป แต่เขาก็ค่อนข้างเป็นคนดีจนผมคิดว่าผมกับเขาพอที่จะเป็นเพื่อนกันได้ แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิด ผมไม่ควรข้องเกี่ยวกับเขาเลย บอกตรงๆ ผมค่อยข้างผิดหวังกับความคิด และการกระทำของเขา
ผมเลิกสนใจและเลิกคิดเกี่ยวกับหมอชลแล้วตัดสินใจขับรถกลับบ้าน ของขวัญวันเกิดน้องกันต์วันหลังค่อยแวะซื้อแล้วกัน วันนี้ไม่มีอารมณ์จะไปเดินดูของแล้วละครับ
"กลับมาแล้วครับ" ผมส่งเสียงเมื่อเดินเข้ามาในบ้านซึ่งพอดีกับที่ป้าสายเดินมาพอดี
"วันนี้กลับเร็วจังค่ะคุณพฤกษ์" ป้าสายพูดก่อนจะคว้ากระเป๋าเอกสารและเสื้อสูทที่ผมถืออยู่ไปส่งให้กับสาวใช้อีกคนเอาไปเก็บ
"วันนี้มีไปพบลูกค้ากับพัทธ์ครับ พอเสร็จก็เลยกลับมาเลย ไม่ได้เข้าบริษัท" ผมตอบพร้อมกับดึงเนคไทออกจากคอ "ผมขึ้นไปบนห้องนะครับ ให้เด็กยกน้ำไปให้ผมด้วย"
"ค่ะคุณพฤกษ์"
ผมยิ้มให้ป้าสายก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องนอน เดินไปฝั่งที่มีชุดโฮมเธียเตอร์เลือกหนังแนวสืบสวนสอบสวนออกมาหนึ่งเรื่องแล้วเปิดดู ทิ้งตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเก้าอี้บีนแบ็กอันใหญ่ ตัดตัวเองจากโลกภายนอกและจมดิ่งกับการดูหนัง
จนกระทั่งผ่านไปเกือบสามชั่วโมงจนหนังจบผมจึงหันไปหยิบโทรศัพท์ที่มีเสียงแจ้งเตือนมาหลายครั้งขึ้นมาดู อดที่จะแปลกใจไม่ได้เมื่อเห็นข้อความหลายข้อความ
Chon M.D. : ผมขอโทษที่ทำให้คุณไม่พอใจ
Chon M.D. : ผมไม่ได้ตั้งการจะตอกย้ำคุณหรือวุ่นวายอะไรนะ โอเค... ผมยอมรับว่าผมคิดจะกันคุณออกจากน้องพัทธ์ แต่ผมไม่ได้อยากทำให้คุณไม่พอใจนะ
Chon M.D. : นี่... คุณโกรธผมหรอ
Chon M.D. : ไอ้คินมันบอกว่าผมไม่มีมารยาท เอ่อ... ก็คงไม่มีจริงๆ แหละ แต่ผมไม่ได้อยากให้คุณโกรธผมนะ
Chon M.D. : ผมจะง้อคุณยังไงดีวะ...
ง้อ?! นี่เขากำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่รึเปล่า คำว่า
'ง้อ' ควรไปใช้กับคนที่กำลัง
'งอน' เขาไม่ใช่รึไง อย่างแฟนของเขา แต่เขากลับมาใช้คำว่าง้อกับผมเนี่ยนะ ผมอยากจะขำ แต่ก็ขำไม่ออก
ช่างเถอะ... เดี๋ยวก็เลิกยุ่งกับผมไปเองแหละ คนแบบคุณหมอชลธีตามตื้อ ตามตอแยใครอยู่ได้ไม่นานหรอก ถ้าผมไม่ตอบไม่คุยกับเขา อีกเดี๋ยวเขาก็ไปเอง แล้วหลังจากนั้น... ชีวิตของผมก็จะสงบสุข
ผมหวังว่ามันจะเป็นแบบนั้นนะคินพัทธ์กับน้องกันต์ออกจากห้องไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ผมกับพ่อแม่ของพัทธ์เท่านั้น ผมเริ่มรู้สึกเกร็งขึ้นมาอีกรอบเมื่ออยู่คนเดียวแบบนี้ ได้แต่ยืนกุมมืออยู่ข้างๆ โซฟาที่พวกท่านทั้งสองคนนั้น ผมเข้ากับคนค่อนข้างง่ายในทุกเพศทุกวัยแต่สำหรับว่าที่พ่อตาแม่ยายแบบนี้เกร็งครับ บอกเลย
"คินมานั่งก่อนสิ มีหลายเรื่องที่อยากจะคุยอยากจะถามเดี๋ยวจะเมื่อยไปซะก่อน" ว่าที่แม่ยายผมพูด
"ครับ... เอ่อ ผมไปยกน้ำมาให้ก่อนดีกว่า" ผมก้มหัวให้ทั้งสองท่านนิดๆ ก่อนจะเดินไปรินน้ำเย็นๆ มาสองแก้ว เผื่อว่าน้ำเย็นจะช่วยให้จิตใจเย็นลงได้บ้าง
"ขอบใจจ๊ะ" ก็ยังคงเป็นแม่ยายผมพูดกับผมเหมือนเดิม ผมค่อยๆ นั่งลงที่โซฟาเดี่ยวพลางมองทั้งสองสลับกันไปมา พัทธ์ดูท่าจะได้แม่มาเยอะเลยทีเดียว
"คินเจอน้องกันต์กับพัทธ์ได้ยังไงหรอ"
ผมสะดุ้งนิดๆ เพราะมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ "เป็นความบังเอิญครับ ผมมีร้านขนมอยู่ใกล้ๆ กับโรงเรียนของน้องกันต์ แล้วช่วงบ่ายๆ เย็นๆ ก็มักจะไปเดินเล่นแถวสวนข้างโรงเรียนน่ะครับ วันนั้นผมเห็นน้องกันต์นั่งอยู่คนเดียวตรงหน้ารั้วเลยเป็นห่วงครับ ก็เลยเข้าไปคุยด้วยจนได้รู้จักกับน้องกันต์แล้วก็พัทธ์"
"แล้วยังไงต่อหรอ"
ผมจึงค่อยๆ เล่าทุกอย่างต่อตั้งแต่เรื่องที่ผมอาสาไปรับน้องกันต์ตอนเลิกเรียนแล้วให้คุณมัมไปรับน้องที่ร้านผมตอนเลิกงาน จนเริ่มสนิทกันเรื่อยๆ รวมไปถึงเรื่องที่ผมกลายมาเป็นพ่อคินของน้องกันต์ด้วย
"เปิดแค่ร้านขนม ค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนพอรึไง" ในที่สุดพ่อตาผมก็ยอมพูดกับผมแล้วครับ ท่านถามผมเสียงนิ่งๆ
"ถ้ารู้จักใช้เงินก็พอครับ"
"หึ อย่างนั้นเรอะ"
"ครับ" ผมพยักหน้ารับก่อนจะเสริมต่อ "ร้านของผมพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง มีลูกค้าประจำหลายกลุ่มแวะเวียนมาทั้งวันทำให้พอมีกำไร แล้วก็... นอกจากร้านขนมแล้วผมยังมีร้านขายยาอยู่อีกร้านครับ"
"ร้านขายยา?"
"ครับ จริงๆ แล้วก่อนที่จะมาดูแลร้านขนมผมเป็นเภสัชกรมาก่อนครับ"
แม่ยายหันมามองผมอย่างสนใจทันทีแล้วถาม "คินจบอะไรมาเนี่ย เภสัชหรอ? แล้วทำไมถึงไปเปิดร้านขนมได้"
"ผมจบเภสัชมาครับ ร้านขนมนั้นเดิมทีเป็นของพ่อกับแม่ผมครับ แต่พอพวกท่านเสียไปผมไม่อยากปิดร้านก็เลยเปลี่ยนมาดูแลร้านขนมแทน ส่วนร้านขายยาก็ได้รุ่นน้องแล้วก็เพื่อนๆ หมอมาช่วยดูให้ครับ" เวลาจะไปฝากตัวเป็นลูกเขยบ้านไหนสักบ้าน ต้องถูกซักแบบนี้ใช่ไหมครับ ผมว่า... ผมคงถูกซักจนขาวเลยละครับ
ผมตอบคำถามแม่ยายอีกหลายข้อส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องทำขนม ทำอาหารครับ ดูท่าแล้วแม่ยายผมจะชอบเรื่องพวกนี้เลยถามผมหลายอย่างเลย
"มีอะไรจะบอกไหม"กึก!ผมชะงักไปเล็กน้อยที่ได้ยินคำถามของพ่อตา เงยหน้าขึ้นมองท่านที่กำลังมองมาที่ผม ผมเล่าแทบจะทุกเรื่องเกี่ยวกับตัวผมและน้องกันต์ไปจนหมดแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่พ่อตาถามก็คงหมายถึง... เรื่องผมกับพัทธ์สินะ
"พ่อกับแม่ครับ..." ผมลองเสี่ยงเรียกพวกท่านว่า
'พ่อ' กับ
'แม่' ดู ถ้าไม่มีเสียงสวนกลับก็คงไม่มีอะไรน่ากังวลมากละมั้ง... ผมมองท่านทั้งสองอย่างไม่หลบสายตาก่อนจะพูดต่อ
"ผม... ชอบพัทธ์ครับ และความรู้สึกของผมที่มีต่อพัทธ์ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมรู้สีกว่าผมรักพัทธ์""เป็นเกย์หรือ" พ่อตาถาม
"ไม่ครับ ผมไม่ได้เป็นเกย์ ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่ผมชอบพัทธ์ครับ แค่พัทธ์ แค่เขาคนเดียว" ผมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมั่นใจ
"มั่นใจหรอ ที่พูดออกมาน่ะ"
ผมพยักหน้ารับ
"ครับ ผมมั่นใจ""แล้วพัทธ์ล่ะ" หน้าที่ซักถามผมตกเป็นของพ่อตาไปแล้วเรียบร้อยครับ
ผมเงียบไปเล็กน้อยกับคำถามนั้น "...พัทธ์ ยังไม่ได้ตกลงตอบรับผมครับ พัทธ์ขอเวลา เขากลัวว่าถ้าเกิดสักวันหนึ่งผมหมดรักเขา หรือผมอาจจะไปชอบผู้หญิงคนอื่น เขายังสับสนและไม่มั่นใจ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็จะรอครับ รอจนกว่าเขาจะตอบรับรักผม"
"แล้วถ้าเกิดมันเป็นแบบที่ลูกฉันกังวลขึ้นมาละ ถึงวันนั้นคนที่เสียใจก็คือลูกของฉัน"
"ผมไม่สามารถทำนายอนาคตได้ ถ้าหากสมมติว่าในอนาคตผมกับพัทธ์ต้องเลิกกันไม่ว่าจะเลิกกันด้วยเหตุผลอะไร เลิกกันทั้งๆ ที่ยังรัก หรือหมดรักแล้ว ผมก็จะมีความสุขครับ" ผมตอบทุกอย่างอย่างที่ผมคิดและเหมือนกับที่พวกเคยบอกพัทธ์ "อนาคตเป็นสิ่งสำคัญแต่ความสุขมันอยู่ที่ปัจจุบันครับ ผมไม่อยากให้ในอนาคตของผมที่นึกย้อนมาในอดีตแล้วเกิดคำว่า'เสียดาย'"
ผมมองพวกท่านทั้งสอง เมื่อพ่อกับแม่ยังคงเงียบเหมือนกำลังรับฟังผมจึงพูดต่อ "ผมไม่อยากนึกเสียดายว่าทำไมวันนั้นไม่ทำแบบนั้น ทำไมวันนั้นไม่พูดแบบนั้น แต่ผมอยากจะให้ในอนาคตของผมที่ย้อนมองกลับมามีแต่ความสุขและคำว่า'ดีแล้ว' ดีแล้วที่ทำแบบนั้น ดีแล้วที่พูดแบบนี้ ผมไม่อาจสัญญาหรือสาบานได้ว่าในอนาคตจะเป็นยังไงแต่ผมสัญญาว่าผมจะทำทุกๆ วันในปัจจุบันของผม พัทธ์และน้องกันต์ให้มีความสุข ให้มีแต่เรื่องดีๆ ครับ"
"เมื่อกี้บอกว่าพัทธ์ยังไม่ได้รับรักสินะ"
"เอ่อ... ครับ ใช่ครับ"
"เหอะ สมน้ำหน้า ไม่มีน้ำยา ทำอะไรชักช้าๆ จริง"ผมชะงักไปทันทีกับคำพูดนั้น ก่อนจะต้องอ้าปากค้างเมื่อแม่ยายของผมหัวเราะออกมาหลังจากที่ทำหน้านิ่งๆ นั่งฟังผมพูด ท่านหันไปตีแขนตีไหล่คนที่นั่งข้างๆ "คุณก็ ไปว่าคินแบบนั้นได้ยังไงกัน"
"ก็มันจริงไหมละ ไร้น้ำยาชะมัด นี่ถ้าเจ้าพัทธ์มันเป็นผู้หญิงคุณคงไม่มีหลานให้อุ้มหรอก ทำอะไรช้าแบบนี้ ไม่ได้เรื่องเลย"
ผมนี่ช็อคค้างไปทันทีที่ฟังจบ สมองเหมือนกำลังทำงานผิดพลาดและกำลังประมวลผลอย่างช้าๆ พ่อตาบอกว่า... ผมไร้น้ำยา ไม่ได้เรื่อง ทำอะไรชักช้า แล้วก็บอกว่า... ถ้าคุณมัมเป็นผู้หญิงคงไม่มีหลานให้แม่ยายอุ้ม... ถ้าเป็นผู้หญิง มีหลานให้อุ้มก็ต้องท้อง จะท้องก็ต้อง... หือ!!!! พ่อตาหมายความว่าผมชักช้าไม่ยอมเผด็จศึกคุณมัมอย่างนั้นหรอ?!
"เอ่อ...""ไม่ต้องสนใจพ่อเขาหรอกคิน เขาก็พูดไปแบบนั้นแหละ แม่ดีใจนะที่จะได้คินมาเป็นลูกเขย" แม่ยายผมพูด "แม่ฝากพัทธ์ด้วยนะคิน เขาน่ะทั้งต้องทำงาน ทั้งต้องเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียว แม่ก็เป็นห่วงมาตลอด เคยบอกให้เขาพาน้องกันต์ไปไว้บ้านให้พ่อก่บแม่เลี้ยงเขาก็ไม่ยอม ตอนนี้เขามีคินมาช่วยดูแลแม่ก็ดีใจ"
ผมยิ้มรับกับคำพูดของแม่ ก่อนจะหันไปมองพ่อตาแล้วก็ต้องยิ้มกว้าง ยกมือไหว้ขอบคุณเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
"ลูกชายของพ่อ ก็ฝากคินด้วยแล้วกัน""ขอบคุณครับ ขอบคุณพ่อกับแม่มากครับที่ให้โอกาสผม ผมสัญญาว่าจะดูแลพัทธ์แล้วก็น้องกันต์อย่างดีครับ" ผมยกมือไหว้ขอบคุณไม่หยุด
"เหอะ ทำให้ลูกพ่อตอบตกลงคบให้ได้ก่อนเถอะไอ้ลูกเขยไร้น้ำยา!".
.
.
.
(มีต่อด้านล่างค่ะ)