91100
ตอนที่ 38 1 เดือนผ่านไป
1 เดือนผ่านไป
ใครบางคนกำลังนั่งใช้ช้อนละเลียดข้าวในจานอย่างเซื่องซึม
“เอ็งจะเขี่ยให้ข้าวมันงอกออกมารึไง เดี๋ยวหลานข้าก็ทำตามหรอก”
“อิ่มแล้ว”คนที่นั่งเอาช้อนละเลียดข้าวอยู่พักใหญ่ตอบแบบเนือยๆ
“อิ่มแล้วอะไรของเอ็ง ข้าเพิ่งเห็นเอ็งกินไปแค่สองสามคำ”
“อิ่มแล้ว”ตอบซ้ำเหมือนรีเทป พลางลุกขึ้นเอาจานข้าวไปเก็บในครับ แล้วเดินเข้าห้องนอน
ทำอย่างนี้ซ้ำๆอยู่ทุกวัน จนผ่านมาเดือนหนึ่งคนเป็นพ่อก็ยังเห็นว่าลูกชายนับวันยิ่งดูไร้ชีวิตชีวา
กินข้าวยังกับแมวดม เอาแต่นั่งเหม่อออกไปนอนหน้าต่าง มองไปทางประตูบ้านเหมือนจะรอดูว่าจะมีใครเข้ามาบ้าง
แต่มันก็เหมือนเดิม มีแต่รถขนผักของพ่อค้าคนกลางขับแวะเวียนเข้าออกอยู่ทุกวี่ทุกวัน
“คุณปู่ฮับ จ๋าไม่ฉะบายเหยอฮับ”
“ไม่ต้องไปสนใจพ่อเอ็งหรอก เดี๋ยววันนี้พาไปดูเขาจับปลาดีกว่าเมื่อวานเขาวิดบ่อกันท้ายไร่”
“จริงเหยอฮับ ตั้งโอ๋จับปลาตัวใหญ่ได้มั้ยฮับ”พอได้ยินปู่บอกจะพาไปเที่ยวก็ตาโต ลืมเรื่องที่จะคุยไปสนิท ทำท่าทำทางจะจับปลาตัวใหญ่เสียเต็มประดา
“เอ้อ ถ้าบ่อแห้งแล้วปู่จะพาลงไปละกัน”
วันวันก็ได้แค่หลอกล่อหลานตัวดีพาไปนู่นมานี่ ไม่อยากให้หลานต้องมาอยู่กับพ่อที่เอาแต่เซื่องซึมไปวันวัน
ใครจะรู้ว่ามันจะอาการหนักขนาดนี้
ได้แต่ถอนหายใจจ้องมองประตูห้องลูกชาย ที่เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้อง
“จ๋าฮับ”ตั้งโอ๋เปิดประตูเข้ามาในห้อง ปีนขึ้นเตียงไปนั่งข้างพ่อ
“ว่าไงครับคนเก่ง”ถึงจะเป็นคำพูดที่ดูยืดยาวภายในรอบวัน แต่กุ้ยช่ายก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงเนือยเนือย
“ตั้งโอ๋อยากกลับบ้านยุงมาตินแย้วฮับ”ตั้งโอ๋กระโดขึ้นไปนั่งบนตัก เงยหน้ามองอย่างออดอ้อน
“เราจะไม่ไปบ้านคุณลุงมาตินแล้วครับ”กุ้ยช่ายยิ้มบางบาง
คงจะไม่วีวันได้เจอกันอีกแล้ว มาตินไปแล้ว กุ้ยช่ายยังจำภาพนั้นได้ติดตา รถคันสีดำขลับที่แล่นออกไป
มาตินตอบรับคำของพ่อได้ง่ายดาย ไม่คิดที่จะขัดขืน มาตินยอมง่ายเกินไป
นั่นคือสิ่งที่กุ้ยช่ายนึกโกรธเคืองมาตลอด คนอย่างมาติน ในที่สุดก็ไม่ได้จริงใจ หรือพยายามทำอะไรเพื่อยืนยันความรู้สึกเลยสักนิด
แต่ทำไมกันนะ ตัวเขาเองต้องมาตกอยู่ในสภาพที่ทุกข์ใจในสิ่งที่มาตินทำ ทุกข์ใจที่ต้องมาทนรับรู้ความรู้สึกที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกครั้ง
“แต่ตั้งโอ๋คิดถึงยุงมาติน คิดถึงน้องอันเดรส อยากเย่นกะน้อง”ตั้งโอ๋พูด ดวงตากลมใสมองกุ้ยช่ายอย่างออดอ้อน
“ไม่ได้ครับ เราจะไม่กลับไปบ้านนั้นอีกแล้ว ตั้งโอ๋ต้องฟังป๋านะครับ”
“ตั้งโอ๋จะไม่ดื้อนะฮับ แต่ตั้งโอ๋ชอบยุงมาติน”
“ครับ ป๋าก็ชอบ”กุ้ยช่ายพูดเสียงเบา ยกมือขึ้นลูบหัวตั้งโอ๋เบาเบา เขาเองก็รู้สึกชอบมาตินเหมือนกัน ชอบมากจนรู้สึกรักไปแล้ว
แต่พอจะรู้ตัวว่ารักอีกฝ่าย มันก็สายเกินไป คำตอบที่มาตินรอคอยที่จะฟังมาตลอด ในที่สุดกุ้ยช่ายก็มีมัน แต่มันช้าเกินไป เพราะมาตินกลับเลือกที่จะไม่รอฟังคำตอบ
“งั้นเราไปหายุงมาตินกันนะฮับ”
“ครับ ถ้าตั้งโอ๋เป็นเด็กดีป๋าจะพาไปนะครับ ตอนนี้ตั้งโอ๋ไปอยู่กับคุณปู่ก่อนนะครับ”
“ฮับ ตั้งโอ๋จะเป็นเด็กดี”
ถึงจะพูดอย่างนั้น ทว่า กุ้ยช่ายกลับคิดว่า มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับไปหามาติน ทำใจไม่ได้ที่มองหน้ามาติน
กุ้ยช่ายมองไปยังนอกหน้าต่างถนนทางเข้าบ้านว่างปล่าว ให้คำตอบตัวเองไม่ได้ซักทีว่าทำไมต้องมานั่งมองทางเข้าบ้านอยู่ทุกวันเหมือนกับรอคอยใครสักคนหวนกลับมา
แต่วันแล้ววันเล่ามาตินก็ไม่กลับมา รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่ที่หวังอะไรลมลมแล้งๆ แต่ก็ยังยอมทำ
“จ๋าฮับ ตื่น จ๋าฮับ ตื่นฮับ”ตังโอ๋ปีนขึ้นมาสะกิดคนเป็นพ่อ ตกลมโตจ้องมองหน้าพ่อรอเมื่อไรจะตื่น
“ว่าไงครับ มีอะไรรึป่าว”กุ้ยช่ายชยี้ตา ลืมตามองตั้งโอ๋กระโดดไปชี้มืออยู่หน้าประตู ชี้ให้มองดูออกไปข้างนอก ถึงจะสงสัย แต่ก็ยังนั่งนิ่งอยู่ที่ขอบเตียง
“คุณยุงมาหาฮับ คุณยุงซื้อของเย่นมาด้วย”ตั้งดอ๋พอพูดเสร้จก็วิ่งออกจากห้องไปอย่างดีใจ
ทิ้งให้คนที่พึ่งลืมตาตื่นเบิกตากว้าง เสี้ยววินาที หัวใจกลับเต้นแรงโครมคราม
ยกมือขึ้นจับที่ตำแหน่งหัวใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ความรู้สึกดีมันเอ่อล้นขึ้นมาจนตื้นตัน
มือสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ กุ้ยช่ายได้แต่คิดว่านี่คือความฝัน แต่ตรงกันข้าว ที่มันคือความจริง
กุ้ยช่ายรีบลงจากเตียงก้าวขาเดินออกไปอย่างเชื่อช้า ไม่รู้จะทำยังไงเมื่ออยู่ต่ออีกฝ่าย จะเดินหนี หรือจะเข้าไปกอด จะดีใจหรือโกรธเคือง เลือกไม่ได้สักอย่าง ทำอะไรไม่ถูกเลยสักนิด
มันเร็วจนคิดไม่ทันว่าจะทำยังไง ขามันไร้เรี่ยวแรง หยุดยืนชั่งใจอยู่หน้าประตูห้อง อีกแค่ก้าวเดียวก็จะได้เจอหน้า
ยกขาก้าวข้ามธรณีประตูอย่างเชื่องช้า สายตาต้องมองแผ่นหลังอันคุ้นเคย
น้ำตาที่เหือดแห้งไปนานกลับหล่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ กระบอกตา ร้อนผะผ่าว ใบหน้าขาวซีดเงยหน้าขึ้นกลั้นไม่ให้มันไหลออกมา
นั่นไม่ใช่มาติน
กุ้ยช่ายจ้องมองตั้งโอ๋ที่นั่งหยอกล้ออยู่บนตักของธนพัฒน์ เสี้ยวหน้าคมนิ่ง แต่ประดับด้วยรอยยิ้มจางๆหันมามองอย่างดีใจ รอยยิ้มบางบางส่งมาให้อย่างคุ้นเคย
“จ๋าฮับดูนี่ คุณยุงพัฒน์ชื้อมาให้ ใหญ่มากเยย”ตั้งโอ๋ชูรถบังคับคันใหญ่ที่ธนพัฒน์ซื้อมาจากโรม
“พอดีพี่ลืมเอามาให้งวดที่แล้ว กะว่าจะตามไปให้ แต่ก็ไม่เจอ พอรู้ว่ากลับมาบ้านก็เลยตามเอามาให้น่ะ”ธนพัฒน์ยิ้มบาง
“รบกวนเวลาพี่ปล่าวๆ”กุ้ยช่ายแสร้งยิ้มฝืด พยายามคุมเสียงไม่ให้สั่น
“พ่อยังดุเหมือนเดิมนะ พี่เกือบไม่ได้ขึ้นมาน่ะ”ธนพัฒน์พูดติดตลก มองดูคนแก่กำลังใช้กรรไกรเล็มกิ่งต้นไม้ในกระถางอยู่ไม่ไกล
“ก็พี่พัฒน์เป็นพี่ของฟ้า ยังไงพ่อก็ยังไม่วางใจคนทางฝั่งบ้านของฟ้าอยู่ดี”
“อืม ถ้าพ่อพี่ไม่ใจแคบ ป่านนี้ตั้งดอ๋คงมีความสุขกว่านี้”
“ไม่หรอกครับ ที่ผ่านมา พี่พัฒน์เองก็ช่วยช่ายเลี้ยงตั้งโอ๋มาตลอด”
“ยังไงตั้งโอ๋เป็นหลาน”ธนพัฒน์จ้องมองตั้งโอ๋เอารถบังคับไปอวดปู่
“ครับ”กุ้ยช่ายตัดบทอย่างอึดอัด
ไม่รู้จะคุยอะไรดี ไม่มีเรื่องจะคุย หัวสมองมันว่างปล่าวไปหมด จนความเงียบเริ่มปกคลุม
“ว่าแต่คิดดีแล้วเหรอที่จะกลับมาอยู่ที่นี่”
“ไม่หรอก เดี่ยวต้องกลับไปหางานทำแล้วพาตั้งโอ๋เข้าเรียน”กุ้ยช่ายเบือนหน้ามองไปนอกบ้าน มองไปเรื่อย ไม่มีจุดหมายใดใด
“พี่กำลังจะซื้อบ้าน แล้วเปิดเป็นร้านอาหาร ถ้ายังไม่รังเกียจ จะไปทำงานกับพี่ก็ได้นะ”
“ไม่หรอก ช่ายไม่อยากรบกวนพี่พัฒน์ไปมากกว่านี้แล้ว”
“ไม่เป็นไร พี่จะได้อยู่ใกล้หลานด้วย”
“ขอบคุณพี่พัฒน์มากนะครับ แต่ช่ายอยากจะพยายามดูก่อน”
“อืม ไม่เป็นไร”ธนพัฒน์ตอบปัด
จ้องมองใบหน้าซูบเซียวของกุ้ยช่าย ไม่เจอกันแค่เดือนเดียว กุ้ยช่ายกลับดูเปลี่ยนไปมาก
ใบหน้าซูบตอบลงไปเยอะ สีหน้าซีดเซียวไร้ชีวิตชีวา คำพูดดูเนือยๆเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง
เพราะแบบนี้ ธนพัฒน์จึงยังห่วงกุ้ยช่ายอยู่เสมอ เพราะคนคนนี้อ่อนไหวมากกว่าที่เห็นจากภายนอก
“รู้ได้ไงว่าช่ายอยู่นี่”กุ้ยช่ายถามหลังจากที่เงียบไปพักใหญ่
“ถามจากเขา”
“งั้นเหรอ”เขาที่ว่าก็คงเป็นมาติน
ไม่รู้ว่ามาตินจะเป็นยังไงบ้าง นึกเป็นห่วงอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าจะกินข้าวที่ไหน จะมีใครช่วยเลี้ยงอันเดรสมั้ย หลังจากเขาไม่อยู่ แต่ก็เป็นได้แค่ห่วง
อยากจะลองถามถึงคนคนนั้นดู ถึงจะกลัวคำตอบ กลัวว่าจะได้คำตอบว่าอีกคนยังสบายดี หรือมีคนใหม่ กลัวจะได้คำตอบแบบนั้น จึงไม่กล้าที่จะถามหา
แต่ทว่า ในความรู้สึกลึกๆแล้ว ก็ยังอยากจะรู้ข่าวคราวของอีกฝ่ายบ้าง สักนิดก็ยังดี อยากรู้ว่าเป็นอยู่ยังไง
“ละ แล้ว”กุ้ยช่ายพยายามพูด ไม่รู้จะถามดีหรือไม่ ใจหนึ่งอยากรู้ แต่อีกใจไม่อยากเอาเสียเลย
“จะว่าอะไรเหรอ?”
“แล้วเขา ส สบายดีมั้ย”แต่ยังไงก็ถามไปจนได้
“เขา?มาติน?”
“......”กุ้ยช่ายไม่ตอบ แต่พยักหน้าแทน ยังไงก็อยากจะรู้เรื่องราวของมาตินบ้าง
“ช่วงนี้ดูจะยุ่งมาก ทั้งงาน ทั้งเลี้ยงลูก ได้ยินว่าลงเรียนคอสเลี้ยงเด็ก แล้วก็คอสทำอาหาร หลายคอสอยู่ พี่ไม่รู้ว่าจริงไหม ได้ยินมาแบบนั้น”
“งั้นเหอ”กุ้ยช่ยก้มหน้านิ่ง
“เอาไปสิ ครั้งที่แล้วลืมเอาไว้”
ธนพัฒน์ยื่นสร้อยข้อมือทองคำขาวประดับอคัวมารีนคืนให้กุ้ยช่าย
กุ้ยช่ายรับมันมาไว้ในมือ แต่เหมือนมือจะไร้เรี่ยวแรงทันทีที่ได้สัมผัส ความทรงจำมันตีรวนอยู่ในหัวสมอง ทำให้สร้อยมันตกลงไปอยู่บนพื้นกระดานไม้
“ระวังหน่อย ถ้าเป็นรอยจะแย่เอา”ธนพัฒน์หยิบมันขึ้นมายื่นให้ใหม่
แต่ครั้งนี้กุ้ยช่ายกลับมองมันนิ่ง ไม่อยากจะได้อะไรที่เกี่ยวกับมาตินมาไว้ในมือ
มันทำให้ภาพความทรงจำที่อยากจะลืมมันชัดเจนขึ้นมาอีก กุ้ยช่ายไม่อยากได้มัน
“ช่วยอะไรช่ายหน่อยได้มั้ย”
“ได้สิ”
“ช่วยเอามันไปคืนเจ้าของที”
+++++++++++++++++++++++50%+++++++++++++++++++++++++++++++++++
สั้นไปป๊าวว
สามทุ่มมาลงอีกทีดีมั้ยน้าาา