69200
ตอนที่ 29 หนีรักข้ามโลก(ไม่รู้จะตั้งว่าไง)
ธนพัฒน์ตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวขั้นรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา เหมือนโลกทั้งใบไม่ค่อยอยู่นิ่ง มือเรียวยกขึ้นมากุมหัว ดวงตาคมรู้สึกหนักอึ้ง
ธนพัฒน์พยายามลืมตา ก็พบกับโมบายเครื่องบินที่แขวนอยู่บนเพดานร่อนไปมาตามแรงลมของเครื่องปรับอากาศ
นั่นหมายถึงว่าตัวธนพัฒน์เองยังอยู่ที่กรุงโรม เกือบอาทิตย์แล้ว ยังไม่มีวี่แววของพาสปอตหรือเอกสารอื่นๆที่ทำหายไป
ร่างกายที่หนักอึ้งเหมือนมีอะไรพาดทับทำให้ธนพัฒน์ต้องก้มลงมองอย่างสงสัย
ดวงตาคมเบิกกว่างด้วยความตกใจเมื่อตนเองกำลังอยุ่ในอ้อมกอดของเจ้สของห้องอย่างรามิเรส
ฝรั่งตัวตัวนอนกอดธนพัฒน์อย่างสบายใจ ดวงตาหลีบพริ้มจนมองเห็นขนตายาวเรียงกันเป็นระเบียบ
ซ้ำร้ายรามิเรสไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ธนพัฒน์ก้มมองตัวเองอย่างเร็วไว แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ธนพัฒน์เองก็ไม่ได้เสื้อผ้า
ความหวาดวิตกเริ่มเกิดขึ้น ธนพัฒน์เลิกผ้าห่มขึ้นมาด้วยความสงสัย
ภายใต้ผ้าห่ม เขาและรามิเรสไม่ได้สวมอะไรเลนสักชิ้น ต้นขาของเขามีคราบขาวขุ่นเปรอะเปื้อนอยู่ไม่น้อย ไม่บอกก็รู้ว่ามันคืออะไร
หัวใจของธนพัฒน์เต้นแรง มือทั้งสองยกขึ้นกุมหน้าอย่างหวาดวิตก เขาไม่รู้ตัวว่าเขาทำอะไรลงไป
ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้น แต่มันเกิดขึ้นแล้ว ธนพัฒน์ยกแขนของฝรั่งตัวโตอย่างรามิเรสออกจากเอวตัวเองอย่างเบามือ เขาไม่อยากให้รามิเรสตื่นขึ้นมา
รามิเรสเป็นเจ้านาย เขาไม่รู้ว่าหากรามิเรสตื่นมาเขาจะมองหน้ารามิเรสอย่างไร
ทำไมรามิเรสถึงต้องทำแบบนี้ ธนพัฒน์ตั้งคำถามกับตัวเอง มันเป็นเรื่องราวที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
ยังไงหัวใจดวงนี้ของธนพัฒน์ก็ยังคงอยู่ที่กุ้ยช่าย เขาพยายามใส่เสื้อผ้าด้วยมือที่อ่อนแรง
พยายามที่จำทำด้วยเสียงที่เบาที่สุด เพราะไม่อยากให้คนที่หลับอยู่ตื่นขึ้นมา
ตอนนี้ธนพัฒน์เองไม่อยากที่จะมองหน้ารามิเรส
เพราะทำตัวไม่ถูก เขาเจ็บใจในสิ่งที่ตัวเองเผลอทำลงไป
ทั้งๆที่แอบมองน้องเขยอย่างกุ้ยช่ายมาตลอด แต่กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทำให้ธนพัฒน์เองรับไม่ได้
เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันกะทันหันและเป็นอุบัติเหตุ
ธนพัฒน์ออกจากห้องเดินมาตามทางเท้าเรื่อยๆ ไม่รู้ตัวว่าจะไปไหน รู้แค่ว่าไม่อยากจะอยู่ใกล้กับคนอย่างรามิเรส
ผู้ชายเจ้าชู้ กะล่อนอย่างรามิเรส การที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมามันคงเป็นความผิดของธนพัฒน์เองที่หลงวางใจ เชื่อใจอีกฝ่าย ทั้งที่รู้ดีอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร
“โอ้ย ปล่อยนะ ไอ้บ้า ไอ้มนุษย์ต่างดาว พูดอะไรของแกเนี่ย”เสียงแหลมเล็กเป็นภาษาไทยโวยวายเรียกความสนใจของธนพัฒน์ให้หันไปมอง
ไม่รู้ว่าเดินมานานแค่ไหน ธนพัฒน์เห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กกำลังยกมือทำท่าจะตีเด็กผู้ชายที่ดูโตกว่าอยู่ที่สนามเด็กเล่น
เด็กผู้ชายตัวเล็กกำลังนั่งเล่นกองทรายอยู่จนเนื้อตัวเปรอะไปด้วยทราย ดูจากภาษาที่พูดก็รู้ว่าเป็นคนไทย
แต่เด็กผู้ชายที่ดูโตกว่าน่าจะเป็นเจ้าบ้านดูจากผมสีน้ำตาลตาสีฟ้า แวบแรกที่เห็น ธนพัฒน์เองก็อดคิดถึงรามิเรสไม่ได้ ทั้งสีผมสีตาเหมือนกันไม่มีผิด
“ไปเลยนะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว อย่ามายุ่ง ไอ้มนุษย์ต่างดาวบ้า”เสียงเล็กยังคงโวยวาย ทำท่ายกมือยกไม้ไล่เหมือนจะตี แต่ดูแล้วท่าทางเก้เก้กังๆนั้นคงจะไม่กล้า
“มีอะไรกันรึป่าว”ธนพัฒน์ถาม เด็กทั้งสองหันมามอง
“พูดภาษาฮาเปอร์ได้ด้วยเหรอ”เด็กตัวเล็กหันมาถาม พลางยิ้มดีใจ ลุกขึ้นปัดทรายออกจากตัวแล้ววิ่งมาจับมือธนพัฒน์
“ครับ พูดได้”
“ก็ไอ้นมนุษย์ต่างดาวมันมายุ่งกับฮาเปอร์ มาพูดอะไรไม่รู้ ฟังไม่รู้เรื่อง ไล่ก็ไม่ไป”คนตัวเล็กฟ้องทันที หน้าตา จมูกปากเล็กเชิดขึ้นอย่างเอาแต่ใจ ดูท่าคงจะเป็นลูกคุณหนูไม่น้อย
“ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวครับ แค่เป็นคนต่างชาติคุยคนละภาษา”ธนพัฒน์อธิบาย
“yfrtupiouotuyo”เด็กฝรั่งเดินเข้ามาเหมือนจะเข้ามาจับมือคนตัวเล็ก พลางพูดภาษาท้องถิ่น
“อย่าเข้ามาใกล้นะ”เด็กตัวเล็กถอยไปหลบอยู่ข้างหลังเขา
“พูดภาษาอังกฤษได้มั้ย”ธนพัฒน์ถามเป็นภาษาอังกฤ เด็กฝนั่งคนนั้นพยักหน้า
“พอพูดได้ครับ”
“มีธุระอะไรกับเด็กคนนี้เหรอ”ธนพัฒน์ถาม มองเห็นเด็กฝรั่งหน้าแดง
“ผมอยากเล่นกับเขา”พูดพลางชี้ไปที่คนตัวเล็กที่หลบอยู่หลังธนพัฒน์
“เข้าอยากเล่นด้วยนะ”ธนพัฒน์หันไปบอกฮาเปอร์
“ไม่เอา พูดไม่รู้เรื่อง ฮาเปอร์ฟังไม่เข้าใจ”
“เขาฟังเธอไม่เข้าใจ”ธนพัฒน์หันไปบอกเด็กฝรั่ง
“แต่ผมแค่อยากเล่นด้วย”
“เขายื่นยันจะเล่นด้วย”ธนพัฒน์หันไปบอก
“ถ้าอยากเล่นกับฮาเปอร์ก็ต้องพูดให้รู้เรื่องสิ ไม่งั้นไม่เล่นด้วย”ฮาเปอร์บอกอย่างเอาแต่ใจ
สักพักเด็กฝรั่งก็พูดกับธนพัฒน์สองสามประโยคก่อนโบกมือให้ฮาเปอร์ที่มองตาแป๋ว แล้ววิ่งหายไป
“เอเลี่ยนว่าไง”ฮาเปอร์นั่งบนชิงช้าที่อยู่ข้างๆถามอย่างอยากรู้
“ไหนว่าไม่อยากเล่นด้วย”ธนพัฒน์ยิ้ม
“ก็คุยไม่รู้เรื่องเองนิ”ใยหน้าขาวทำแก้มป่องพลางแกว่างชิงช้า
“แล้วอยากรู้มั้ยว่าเขาพูดอะไร”
“ฮาเปอร์ไม่ได้อยากรู้นะ แต่สงสาร จะรู้ให้ก็ได้”
“เขาบอกว่าพรุ่งนี้จะมารอเล่นด้วย เขาจะพยายามฝึกพูดภาษาไทยให้ได้ บอกให้ฮาเปอร์มาเล่นด้วยพรุ่งนี้”
“งั้นเหรอ เห็นแก่ความพยายามนะ พรุ่งนี้ฮาเปอร์จะแอบมาเล่นด้วยก็ได้”ฮาเปอร์บอกพลางทำท่ากอดอก
ทำให้ธนพัฒน์ยิ้มบางๆ นึกตลกกับคำพูดของเด็ก ใครบอกว่าเด็กคือผ้าขาว แบบนี้มันเจ้าเล่ห์ตั้งแต่เด็กมากกว่า
“เมื่อกี้บอกแอบแม่มาเล่นเหรอ”
“ใช่ ฮาเปอร์เบื่อ อยู่แต่ในบ้าน นมเผลอฮาเปอร์เลยแอบบออกมา บ้านอยู่ตรงนั้น”ฮาเปอร์ชี้ไปที่บ้านสองชั้นทรงยุโรปหลังใหญ่
“งั้นน่าไปส่งนะครับ ออกมาคนเดียวอันตราย เดี๋ยวถูกจับไปขาย”
“จริงเหรอ”ฮาเปอร์หันมาถามทำตาโต
“ใช่ เด็กบางคนถ้าดื้อก็จะถูกฆ่านะรู้มั้ย”
“งั้นไปเหอะ กลับบ้าน ไปส่งฮาเปอร์หน่อย พรุ่งนี้ฮาเปอร์จะมาเล่นกับเอเลี่ยนค่อยชวนนมมาด้วย”ฮาเปอร์กระโดดจากชิงช้ามาจูงมือธนพัฒน์
ทำให้ธนพัฒน์หัวเราะเบาเบากับปฏิกิริยาของเด็ก ไม่ว่าจะยุคไหนที่ไหนก็กลัวจะถูกจับกันทั้งนั้น
ในตอนที่ธนพัฒน์ยังเด็ก ยังจำได้ไม่ลืมตอนหลังเลิกเรียนเคยแอบไปดูเพื่อเล่นแข่งรถบังคับที่ข้างโรงเรียน แล้วถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ เพราะพ่อเป็นนักการเมืองทำให้ถูกเล็งเป็นพิเศษ
ตั้งแต่นั้นมาก็แทบไม่ได้ไปไหนนอกจากโรงเรียน กับที่เรียนพิเศษ ถ้าต้องการไปไหนจริงๆก็จะมีคนคอยรับส่ง จนขึ้นมหาลัย ถึงจะได้มีรถขับไปโรงเรียน แต่ก็ถูกจับตามองอยู่เหมือนเดิม
“ถึงแล้ว พรุ่งนี้มาเล่นกับฮาเปอร์นะ”ฮาเปอร์หันมาบอกเมื่อเดินจูงมือกันมาถึงหน้าบ้าน
“ครับ”ธนพัฒน์รับคำ เพราะคงต้องอยู่โรมไปอีกหลายวัน ดีที่งานส่งไปกับธุรการล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
“สัญญาสิ เกี่ยวก้อยกับฮาเปอร์”ฮาเปอร์ยกมือขึ้นมาส่งนิ้วก้อยมาทำให้ธนพัฒน์ยิ้ม อดทำตามกับเด็กตัวน้อยไม่ได้ ช่วยไม่ได้ ไหนไหนก็ไหนไหนแล้ว แค่เกี่ยวก้อยคงไม่เสียหายอะไร
จำได้ว่าเคยเกี่ยวก้อยกับกุ้ยช่ายครั้งสุดท้ายเมื่อตอนที่น้องสายจากไป ตอนที่อีกฝ่ายร้องไห้ ท่าทางราวกับจะขาดใจ มันทำให้ธนพัฒน์หัวใจกระตุก
แล้วสัญญาว่าจะเป็นคนดูแลอีกฝ่ายตลอดไป
+++++++++++++++++++++++++++++++
รามิเรสตื่นขึ้นมาด้วยความสบายใจเป็นพิเศษ เมื่อคืนนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะร้อนแรงขนาดนี้ ทำเอาเสียเวลาไปตั้งค่อนคืน
ไม่คิดว่าภายใต้หน้ากาดเย็นชาที่ฉาบเอาไว้ กลับมีบุคลิกหลายหลายซ่อนอยู่ ทั้งเหมือนเด็กเวลาเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น ได้ในสิ่งที่ไม่เคยมี แถมยังร้อนแรงเมื่ออยู่ในยามเมามายกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล
มือหนาปัดป่ายข้างตัวหวังโอบกอดตัวนิ่มๆของใครอีกคน ผิวที่อยู่ภายใต้ชุดสูทเรียบกริบ พอได้สัมผัสถึงจะรู้ว่ามันทั้งเนียนทั้งลื่นจนแทบจะหลงใหล
มันไม่เหมือนผิวของชาวต่างชาติที่เขาเคยนอนด้วย ถึงเมื่อคืนจะไม่ลึกซึ้งขนาดนั้น แต่รามิเรสเองก็อดที่จะติดใจไม่ได้
แต่พอคลำหาร่างนุ่มนิ่มที่เคยนอนเคียงข้าง ตอนนี้กลับหายไป รามิเรสทะลึ่งตัวขึ้น พบกับข้างกายที่ว่างปล่าว
ธนพัฒน์ไม่อยู่ รามิเรสเดินเข้าไปในห้องน้ำ แต่กลับไม่พบ นอกระเบียงก็ไม่มี คนตัวโตจิตใจร้อนรุ่มทันที คิดไม่ตกว่าอีกฝ่ายจะไปไหนได้
พาสปอตหรือเอกสารอะไรก็ไม่มี เงินสักยูโรก็ไม่มี รามิเรสรีบใส่เสื้อผ้าทันที ก่อนจะโทรไปหาสถานทูต แต่สถานทูตกลับปฏิเสธว่าธนพัฒน์ไม่ได้ไปที่นั่น
รามิเรสเริ่มร้อนใจหนักกว่าเก่า มือคว้ากุญแจรถออกไปจากห้องทันที โดยที่ไม่สนใจเอกสารที่กองอยู่บนพื้นห้อง เอกสารที่ไปรษณีย์พึ่งจะมาส่งได้ไม่กี่นาที
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ธนพัฒน์เดินกลับมาที่หน้าอพาร์เม้นของรามิเรส จ้องมองขึ้นไปอย่างชั่งใจ
การที่เขาเดินเล่นอยู่เกือบสองชั่วโมงทำให้คิดได้ ไม่ว่ายังไงงานก็ต้องสำคัญที่สุด ณ เวลานี้
เขาได้ทำข้อตกลงกับพ่อเพื่อที่จะได้ทำในสิ่งที่ต้องการสักที โดยมีเงื่อนไขว่าต้องทำให้บริษัทของรามิเรสสาขาที่ไทยมีกำไรเติบโตกว่าปีก่อนให้ได้ไม่ต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ แล้วหลังจากนั้น เขาจะทะอะไรก็ได้ที่อยากทำ
ธนพัฒน์เองอยากจะลองทำรีสอร์ทเล็กๆอยู่ทางภาคกลางตอนบน เพราะเขาชอบธรรมชาติมากกว่าที่จอชอบอยู่ในเมือง
ธนพัฒน์รู้ดีว่าคนเป็นพ่อต้องคัดค้านหัวชนฝา ถึงแม้ว่าข้อเสนอที่ได้มามันจะดูมีความเป็นไปได้น้อยมาก เพราะบริษัทของรามิเรสได้เติบโตมาจนเกือบจะถึงจุดอิ่มตัว
แต่ธนพัฒน์เองก็อยากจะลองดูสักครั้ง อยากที่จะหลุดออกจากกรอบที่ล้อมรอบตัว
ธนพัฒน์เปิดประตูเข้าไปก็พบว่าไม่ได้ล็อก จำได้ว่าตนเองล็อกไปแล้วก่อนที่จะออกไป มองไปรอบห้องก็ไม่เจอเจ้าของห้อง ทำให้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
เหลือบไปเห็นซองจดหมายหนาตกอยู่ที่พื้นหน้าห้อง ด้วยความสงสัยจึงหยิบมาดู ในนั้นจ่าหน้าซองถึงเขา พอแกะดูถึงได้รู้ว่าเป็นกระเป๋าตังที่ตัวเองทำหายไป โชคดีว่าในนั้นมีกระดาษเขียนที่อยู่ของรามิเรสไว้ตอนที่เขามาที่นี่ครั้งแรก ของในกระเป๋าอยู่ครบถ้วน
ธนพัฒน์ก้มมองนาฬิกา หลายวันที่ต้องติดอยู่ที่โรมทำให้งานที่กองเอาไว้เบื้องหลังเพิ่มเป็นเท่าตัว
ประกอบกับเข้าหน้าไม่ติดกับเจ้าของห้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนที่ผ่านมา ธนพัฒน์ตัดสินใจที่จะกลับไทยทันที ไม่ลืมที่หยิบของฝากที่เตรียมเอาไว้ให้กุ้ยช่ายและตั้งโอ๋หยิบติดมือมา
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
รามิเรสขับรถวนอยู่หลายชั่วโมง แต่ก็ไม่มีวี่แววของธนพัฒน์ จึงกลับมาตั้งหลักที่ห้อง แต่เมื่อมาถึงก็พบกับความว่างปล่าว
ความเป็นห่วงเริ่มทวีขึ้นเป็นเท่าตัว จึงโทรหาสถานทูตอีกครั้ง กลัวว่าอีกฝ่ายจะถูกตำรวจจับข้อหาไม่มีเอกสารแสดงตัว
รอสายสักพักจึงได้ความว่าธนพัฒน์ได้แจ้งถอนความเรื่องพาสปอตหายแล้ว และบินกลับไทยไปเที่ยวบินที่ล่าสุด
รามิเรสเริ่มร้อนใจ กระวนกระวาย ธนพัฒน์ได้พาสปอตมาเมื่อไรกัน ทำไมรามิเรสถึงไม่รู้ พอคิดดูอีกที ตอนที่ออกไปจากห้องก็เห็นจดหมายอยู่บนพื้นหน้าห้อง
ต้องเป็นจดหมายนั่นแน่แน่ ถ้าเขาเอะใจตั้งแต่แรก ธรพัฒฯก็คงไม่หนีไปอย่างนี้ ถ้าสนใจมัน แล้วเอามันไปเก็บซ่อน ธนพัฒน์เองก็คงจะอยู่กับเขานานกว่านี้
รามิเรสจ้องมองถุงของเล่นถุงใหญ่ที่เคยวางอยู่ข้างโซฟา ตอนนี้มันไม่อยู่แล้ว เขาได้แต่นั่งกุมขมับกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ความรู้สึกมันแย่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน รู้แค่ว่าไม่อยากให้อีกคนกลับไป หลายวันที่ผ่านมา เขาเที่ยวกับอีกฝ่ายจนทั่วโรมแห่งนี้
รู้ตัวว่ามีความสุขแค่ไหน ยิ่งความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นในคืนที่ผ่านมา รามิเรสรู้ดีว่ามันไม่ใช่ความรู้สึกที่คนธรรมดาทั่วไปรู้สึกต่อกัน
+++++++++++++++50%++++++++++++++++
เง้อ
ผิดถูกประการใดขออภัยคนอื่นนะค้าาาา มโนล้วนๆ
พัฒน์หนีไปหากุ้ยช่ายซะแล้วววววว
ทำไงดีจะไปแย่งกุ้ยช่ายจากมาตินแระ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มีอะไรจะเล่าให้ฟังค่ะ อึดอัดใจมาก
คือตามที่บอกไปว่าสามีเรานางเป็นคนหัวโบราณ
เมื่อคืนวาน เราเล่นโฟสไปเรื่อยตามภาษาคนว่างๆ
เราเลื่อนไปเจอรูปการ์ตูนวายๆ แบบผู้ชายกอดกันท่อนบนไม่ใส่เสื้อผ้า แล้วเป็นตัวการ์ตูนที่เค้าชอบ(วันพีช)
เราลองแย๊บๆ ยื่นให้เขาดู
เรา - ป๋า ป๋าดูไรนี่ ดูโซโลกะตาเหยี่ยวดิ(ชื่อตัวละคร)
สามี - ไหนอะไร หื้อ เอาอะไรมาให้ดูเนี่ย เสียหมด
เขาพูดทำเสียงเคืองเล็กๆแล้วดันมือเราออก เป็นเชิงว่าไม่อยากดูนะ มันอุจาด ประมาณนั้น
ขาดันมือเราเบาๆนะ แต่เราอ่ะ มโนมากเลย รู้สึกเหมือนเขาปัดมือเราอย่างรุนแรงอ่ะ หน้านี่เหวอเลย
เรานี่มโนแบบฟ้าถล่มโลกทายเลยอ่ะ แค่การ์ตูนรูปวายๆเขายังอย่างงี้เลย
ถ้ารู้ว่าเราเป็นคนแต่งนิยาย ชายรักชายแบบนี้เราเองก็ไม่อยากจะคิด เห้อออออออออ
คนเราใช้ชีวิตคู่ก็ต้องไม่มีความลับใช่มั้ยล่ะ
เราเองก็กะว่าใช้ชีวิตร่วมกันสักพักแล้วค่อยบอก
แต่นี่อะไร หลายปีแล้ว เรายังหลบหลบซ่อนๆตัวตนในด้านมืดของเราอยู่เลยอ่ะ
จะเลิกเขียนก็ไม่ได้ มันเป็นจิตวิญญาณอ่ะ เราเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงนะ เราเคยบอกเขาก่อนที่จะคบกัน
ครั้งแรกเขาไม่เชื่อ แต่พอแฟนเราที่เป็นผู้หญิงโทรมาเขาโกรธเรามากเลย จนเราต้องเลิกติดต่อกับฝ่ายนั้นไปเลยอ่ะ
เราอัดอั้นมากเลยอ่ะ อยากระบาย