46000
มาช้าไปโหน่ย อิอิ
ตอนที่ 22 อิจฉาหรือว่าหึง
เสียงคลื่นกระทบฝั่งประกอบกับเสียงนกที่กำลังโบยบินกลับรังนอนช่างเป็นบรรยากาศที่เหมาะกับการพักผ่อน
พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงใกล้จะลับขอบฟ้า แสงแดดที่ร้อนแรงเริ่มอ่อนลงตามเวลา
เสียงเพลงของเวลาสังสรรค์ดังไปทั่วงาน พนักงานกับทีมงานต่างคุยกันหัวเราะสนุกสนานเสียงดังแข่งกับเพลง
กุ้ยช่ายนั่งร่วมโต๊ะอยู่กับรามิเรสและมาติน โดยที่ตัวเองนั่งคั่นกลาง ทั้งทั้งที่ทั้งสองเป็นเพื่อนกัน แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเอาเขามาคั่นกลาง
เวลาจะคุยอะไรแต่ละทีก็คุยข้ามหัวเขาตลอด แล้วนี่อะไร คนหนึ่งก็ยิ้มร่าเริงตั้งแต่มาถึง ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามาได้ไง ได้ข่าวว่ากลับอิตาลิไปเมื่ออาทิตย์ก่อน จู่ๆก็โผล่มา ส่วนอีกคนนั่งเป็นเงาดำทะมึนหน้าบึ้งอยู่ข้างข้าง
ไม่รู้ว่าเป็นอะไรนักหนา หน้าบึ้งจนทำให้กองถ่ายล่ม ถ่ายต่อไม่ได้เพราะนายแบบหน้าบึ้งเลยต้องเลื่อนเวลาถ่ายเพิ่มไปอีก
“ว่าแล้วว่าคนอย่างแกถ่ายแบบกะเขาได้ที่ไหนดูทำหน้า ยังกับตูดกอลิล่า”รามิเรสแหย่มาตินที่ตอนนี้นั่งทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างกุ้ยช่ายพลางยกแก้วเหล้าขึ้นกระตก
“หุบปากไปไอ้หน้าตูดบาบูน”มาตินย้อนยกแก้วเหล้ากระดกตาม
“ฮ่าฮ่า นึกว่าจะแน่นี่หว่า ที่ไหนได้ ทำซะกองล่มเลย อุตส่าห์บินข้ามโลกมาให้กำลังใจเลยนะเว้ย”รามิเรสไม่ยอมเลิกพูด ยิ่งเห็นมาตินหงุดหงิดยิ่งชอบใจ ทำไมจะไม่รู้ว่ามาตินหงุดหงิดเพราะอะไร
“แกก็กลับไปสิวะ ใครขอให้มา เกะกะวุ่นวาย”มาตินเทเหล้าใส่แก้ว
“โหย ใจคอแกจะไล่เพื่อนคนนี้ได้ลงคอเลยรึไง คุณกุ้ยช่ายดูสิครับเจ้านายคุณใจแคบแค่ไหน อ่ะกินนี่ดีกว่า”
“ขอบคุณครับ”กุ้ยช่ายหันไปยิ้มรับกับรามิเรสที่คีบกุ้งตัวโตใส่จานตัวเอง นั่งดูสองคนพูดเหน็บกันไปมาก็สนุกไปอีกแบบ ดีดว่าอยู่เงียบๆ เพราะตั้งโอ๋กับอันเดรสก็ให้แม่บ้านที่ติดตามแม่ของมาตินเอาไปนอนแล้วเลยไม่รู้จะคุยกับใคร ก็มีแค่มาตินกับรามิเรส
ที่เอาแต่หาเรื่องกัน แต่จะเป็นรามิเรสที่คอยจะพูดให้มาตินหงุดหงิดเสียมากกว่า พอเห็นมาตินหงุดหงิดก็นึกอารมณ์ดี เพราะปกติแล้วตัวเองจะเป็นคนถุกทำให้อารมณ์หงุดหงิดเสียมากกว่า
“กลับโลกเก่าไปเลยไปไอ้ราขึ้น”มาตินไล่กระดกเหล้าที่ไม่ผสมโซดาขึ้นดื่ม
“จะกลับทำไมเล่า โลกนี้สวยกว่าเยอะ มีอะไรให้หน้ามอง”รามิเรสหันไปยกยิ้มให้กุ้ยช่าย กุ้ยช่ายเองก็ยิ้มตอบชอบใจให้รามิเรสยั่วโมโหมาติน อย่างน้อยก็ให้คนอื่นเอาคืนให้ละกัน
“เกะกะชะมัด”มาตินพูดใบหน้าคมเข้มเริ่มแดงก่ำเพราะแอลกอฮอล
“แกว่าฉันเกะกะเหรอวะ ดี งั้น เราไปกันดีกว่าครับกุ้ยช่าย ไปเต้นกัน”รามิเรสลุกขึ้นฉุดมือกุ้ยช่าย
“แต่ผมเต้นไม่เป็นนะ”กุ้ยช่ายแย้ง รั้งมือไม่ลุกตาม
“มาเถอะครับ เดี๋ยวผมสอน ไม่ยาก”รามิเรสพยักหน้า หันไปมองมาติน เป็นอย่างที่คิด จ้องมองกุ้ยช่ายด้วยสายตาหมาเหงาซะขนาดนั้น
“จะดีเหรอครับ ผมไม่ค่อยถนัด”กุ้ยช่ายหันไปมองหน้าเวทีที่เต็มไปด้วยพนักงานและก็ทีมงานกำลังสนุกกับวงดนตรีแสดงสด
“มาเถอะครับ มาสนุกดีกว่า”รามิเรสฉุดมือกุ้ยช่ายให้ลุกตามไปหน้าเวที
แรกๆกุ้ยช่ายเองก็รู้สึกขัดเขินไปไปมามาได้รามิเรสคอยจับมือจับเอวให้โยกไปตามจังหวะ ถึงได้รู้ว่าการเต้นมันสนุกอย่างนี้นี่เอง
ใบหน้าขาวเริ่มมีเหงื่อผุดประปรายเพราะออกแรงเต้นมาได้สักพัก แก้มขาวอวบเริ่มเปลี่ยนเป็นสีระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด
มัวแต่สนุกไปตามเสียงเพลง มัวแต่ยิ้มให้กับรามิเรสที่สรรหาเรื่องมาเล่ามาคุยทำให้ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวจนเพลงเปลี่ยนถึงได้มีเวลาหยุดเต้น
ไม่ได้ตั้งใจหันไปมองทางโต๊ะที่เดินจากมา แต่ก็หันไปมอง สะดุดกับสายตาสีเข้มของใครบางคน
สายตาที่ทำให้ต้องหยุดนิ่งหันไปมองอยู่นาน สายตาที่จ้องมองมาอย่างไม่ลดละ สายตาที่แสดงออกถึงความเหงา
และแน่นอนกุ้ยช่ายไม่ได้เห็นคนเดียว รามิเรสเองก็เช่นกัน เมื่อเห็นคู่เต้นของตัวเองหยุดนิ่งจ้องมองอะไรสักอย่างถึงได้มองถาม แล้วก็ถึงได้เห็นสายตาที่ไม่เคยได้เห็นของเพื่อนตัวเอง
เพราะอย่างนี้ไงถึงคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าสนุก ไม่เสียแรงที่บินข้ามโลกมาไกลขนาดนี้
“คุณกุ้ยช่ายครับ เป็นอะไรรึป่าว”รามิเรสถือโอกาสเอามือเกี่ยวเอาเอวของกุ้ยช่ายเป็นการเรียกความสนใจ
“ปะ ป่าวครับ”กุ้ยช่ายสะดุ้งเล็กๆเพราะมัวแต่สนใจกับสายตาของใครบางคน
“เพลงนี้เพลงช้า เอาไงดี คุณกุ้ยช่ายเต้นต่อรึป่าว”รามิเรสถามพลางดึงกุ้ยช่ายให้หันมาอีกทาง จงใจให้หันหลังใส่สายตาที่มองมา
“ผมว่าไม่ดีกว่า กลับโต๊ะกันดีมั้ยครับ”กุ้ยช่ายหันไปมองรอบตัวที่ตอนนี้เหลือแค่คู่ชายหญิงที่กอดซบกัน
“จะกลับโต๊ะเลยเหรอครับ”
“ครับ หรือคุณรามิเรสจะเต้นต่อ ผมไม่เอานะ”กุ้ยช่ายพูดพลางทำท่าทางส่ายหัว หัวเราะกับความคิด จะให้มาเต้นกอดผู้ชายด้วยกันคงไม่เข้าท่า
“ไปหาที่เงียบๆคุยกันดีกว่า”
“จะดีเหรอครับ ผมว่า อะ”ไม่ทันพูดจบกุ้ยช่ายก็ถูกฉุกข้อมือให้เดินตามอย่างช่วยไม่ได้
ยิ่งเดินยิ่งไกลออกมาจากงานเลี้ยง ตอนนี้มือข้างหนึ่งถูกจับจูงโดยรามิเรส ส่วนอีกข้างกำลังถือรองเท้าแตะที่ถูกถอด เท้าทั้งสองเดินเตะไปตามทรายละเอียด แสงไฟข้างทางที่พอมีมาอย่างสลัว ดีที่ได้แสงจันทร์คอยช่วยทำให้พอเห้นบ้าง เดินไปสักพักก็เจอกับโขดหินใหญ่
“อยากลองขึ้นไปมั้ยครับ”รามิเรสหันมายิ้ม
“ขึ้นได้เหรอ”กุ้ยช่ายถาม เพราะดูมันสูงจนไม่น่าขึ้นได้
“ขึ้นได้สิผมมีทางลับ”รามิเรสจุงมือกุ้ยช่ายลัดเลาะตามแนวหินสูงไต่ระดับขึ้นมาเริ่ม
“สุดยอด คุณรู้ได้ยังไงว่ามีที่สวยแบบนี้ เหมือนในรูปเลย”กุ้ยช่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น จนรามิเรสอดยิ้มไม่ได้
คลื่นทะเลที่กระทบฝั่งทำให้เกิดเสียงดัง ประกอบกับลมแรงที่พัดจนผมปลิมปรกหน้า ผืนน้ำดำมืดเคลื่อนเป็นคลื่นสวยตอนนี้ประปลายไปด้วยแสงดาวที่สะท้อนอยู่เบื้องบน
สวยจนเผลอยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ไม่คิดมาก่อนว่าในชีวิตนี้จะได้เห็นภาพสวยสวยแบบนี้
รามิเรสเดินมายินอยู่เบื้องหลัง หยิบรองเท้าในมือกัุยช่ายวางลงบนโขดหิน ค่อยๆจับแขนขาวขาวกางออกเพื่อรับลม แล้วดันให้กุ้ยช่ายไปริมโขดหินจนเกือบสุด
“รู้สึกดีมั้ย”รามิเรสถามเสียงดังแข่งกับลม
“ครับ ดี ดีมากเลย”กุ้ยช่ายตะโกนรับ ยิ้มจดสุดเท่าที่จะยิ้มได้ ลมแรงยามคำคืนปะทะเข้ากับร่างกาย ใบหน้าขาวแหงนขึ้นท้องฟ้าจ้องมองดวงดาวระยับอย่างมีความสุข
ไม่รุ้ว่าเวลาผ่านมานานแค่ไหนแล้ว นั่งคุยเรื่องราวมากมายที่รามิเรสเอามาเล่าให้ฟัง ซึ่งส่วนมากก็เป็นเรื่องราวของมาติน เจ้านายหน้าหล่อนั่นเอง ยิ่งฟังยิ่งทำให้รู้จักกับมาตินมากขึ้น
ความจริงก็ไม่ใช่คนไม่เอาไหนสักเท่าไร ก็แค่ไม่จริงจรังกับอะไรมากนักก็แค่นั้น
“ผมว่าเรากลับกันดีกว่า น่าจะดึกแล้วนะครับ”กุ้ยช่ายบอกยิ้มเบาๆหยิบรองเท้าลุกขึ้นยืน
“นั่นสิ ป่านนี้ กอลิล่าอาละวาดแล้วมั้งครับ”รามิเรสพูดแหย่
“เจ้านายผมนะ”กุ้ยช่ายพูดแล้วก็หัวเราะ นึกถึงสายตาคู่สีน้ำตาลเข้มที่มองมา ทำไมต้องทำหน้าทำตาเหมือนกับเสียอะไรไปงั้นแหละ แค่คิดก็พาลไม่เข้าใจกับอารมแปลปรวนของอีกฝ่าย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
พอเดินย้อนกลับมางานเลี้ยงก็กำลังจะเลิกราพอดี เหลือแค่ไม่กี่คนที่นั่งคุยนั่งดื่มกันอยู่ หนึ่งในนั้นก็มีมาตินที่นั่งร่วมอยู่ด้วย
สายตาคมเข้มเหลือบมาจ้องมองกุ้ยช่ายกับรามิเรส ก่อนจะละสายตาไปยกแก้มขึ้นกระดก ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มขึ้นสีแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล
“คุณกุ้ยช่ายจะไปต่อกับเขามั้ย หรือจะกลับเลย”รามิเรสถาม
“ผมว่ากลับเลยดีกว่า”
“งั้นเดี๋ยวผมเดินไปส่ง”
“จะดีเหรอครับ ผมว่าคุณรามิเรสกลับเลยก็ได้ไม่ต้องส่งผมหรอก”
“ไม่เป็นไรครับ ไปกันเถอะ”รามิเรสดันหลังกุ้ยช่ายให้เดินผ่านงานเลี่ยงไปที่บ้านพักที่อยู่ริมหาดไม่ไกลจากงานเลี้ยงเท่าไร
ไม่ไกล พอที่จำทำให้สายตาของมาตินมองตามไปจนเห็นทั้งคู่เดินไปถึงหน้าบ้าน รามิเรสบอกลากุ้ยช่ายแล้วยกมือขึ้นลูบหัวกุ้ยช่ายเบาเบาอย่างจงใจ รู้ดีว่าเพื่อนตัวดีต้องกำลังจ้องมองมา แต่ก็ตั้งใจที่จะทำให้เห็น
ให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียม กับอีกคนเป็นอย่าง เต็มใจยอมทำตาม ไม่ขัดขืน ทีขับเขากลับคอยหลบเลี่ยง
ไม่ได้ตั้งใจอิจฉาแต่มันอดไม่ได้ที่ต้องคอยมองหาให้อยู่ในสายตา พอเดินตามไปก็ถึงได้เห็นว่ายืนกอดกันบนโขดหิน ทีตอนพาไปดูดาวบนดาดฟ้าของบ้านกลับผลักเขาออก
แค่เห็นก็หงุดหงิด ใจมันเต้นหน่วงๆแบบแปลกๆ ไม่เคยเป็นมาก่อน มันกระวนกระวายร้อนใจ ไม่อยากเห็นภาพแบบนี้ เลยเดินกลับไปงานเลี้ยง ยกแก้มเหล้าขึ้นกระดก แล้วก็มีพวกทีมงานพวกพนักงานมาขอชน ก็รับชนทุกแก้ว
ไม่อยากพูดไม่อยากคุยกับใคร รู้ว่าว่ามันหงุดหงิดหัวใจเอามากมาก ใครมาชวนคุยก็พยักหน้าแค่นั้น ไม่อยากคุย
รออยู่นาน ร้อนใจ กังวนว่าไปทำอะไรกัน อยากให้อยู่ในสายตาอยู่ตลอด แต่ก็ทนเห็นไม่ได้ ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมทนมองไม่ได้ รู้แค่ไม่อยากมอง
แต่พออกมาก็ยิ่งร้อนใจเพราะไม่รู้ว่าทำอะไรกัน แก้วแล้วแก้วเล่าก็กระดกเข้าปาก ทั้งสองคนก็ยังไม่โผล่มา ผ่านไปชั่วโมงกว่าๆถึงจะเห็นจูงมือโผล่กันมาผมเผ้ายุ่งฟู
ไม่อยากจะคิดอะไรไม่ดีให้ได้อิจฉา แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าไปทำอะไรกันมาตั้งนานสองนานแถมผมเผ้าก็ยุ่งเหยิง แค่เห็นก็ยิ่งหงุดหงิดแล้วก็หงุดหงิด
ทำไมล่ะ ทำไมกับคนอื่นถึงไม่ดื้อดึงไม่คอยหนี ทีกับเขาคอยจะหนี คอยผลักไส กว่าจะได้ที่ต้องการก็ต้องบังคับต้องฉวยโอกาสเอามาถึงจะได้ มันไม่แตกต่างกันไปหน่อยหรือไง
แล้วบ้านพักก็อยู่แค่นี้ทำไมต้องไปส่งกันถึงประตู ไม่รู้หรอกว่าคิดยังไง แต่ใจได้แต่ภาวนาว่าอย่าส่งถึงประตูห้องนอนเลย ก็ยังดีที่เป็นอย่างที่คิด แต่ก็อดประชดไม่ได้ ไม่ส่งกันถึงห้องนอนเลยล่ะ
แล้วนั่นอะไร แค่จับมือไม่พอรึไง ทำไมต้องลูบหัวลูบหางด้วยวะแค่นี้ก็อิจฉาจนจะบ้าอยู่แล้ว หัวใจมันเต้นแรงจนมือกำแก้วเหล้าแน่นมองคนสองคนล่ำลากันอย่างขุ่นเคืองใจ
ไม่รู้ว่าดื่มไปเยอะแค่ไหน พยายามที่จะดับอารมณ์ของตัวเอง ไม่เคยหงุดหงิดขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยรับรู้ถึงอารมณ์ขุ่นเคืองแบบนี้ อาจเป็นเพราะไม่ค่อยจริงจังกับอะไรก็ได้
แล้วที่หงุดหงิดอยู่แบบนี้ล่ะ จริงจังเหรอ แล้วจริงจังกับอะไรล่ะ แต่จะกับอะไรก็ช่างมันเถอะ
รู้แค่ว่าตอนนี้ยอมไม่ได้ ไม่อยากยอมเสียเปรียบ ในเมื่อคนอื่นได้ ก็ต้องได้กับเขาบ้าง เพราะคิดแบบนี้ ถึงได้มายืนอยู่หน้าประตูห้องของคนที่เป็นต้นเหตุของอารมณ์นี้
เคาะอยู่นานกว่าจะเปิดก็เห็นใบหน้าขาวๆโผล่พ้นประตูมา
ใบหน้าที่คอยทำให้หงุดหงิดมาทั้งวัน ใบหน้าที่คอยยิ้มให้กับคนอื่นตลอด แล้วตอนนี้ล่ะ ทำไมไม่ยิ้ม ทำไมทำหน้านิ่งใส่อีกแล้ว
แค่เห็นมันก็โมโห เลยผลักเจ้าของห้องเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู ดันเอาคนที่ไม่ยิ้มหลังไปติดกับประตูอย่างแรง
ทำไมล่ะ ปากแดงๆทำไมต้องคอยบ่นคอยไล่ตลอด ทีกับคนอื่นก็ยิ้มให้ นี่ยังไม่ยอมหยุดบ่นหยุดไล่อีก ยิ้มสิยิ้ม ยิ้มแบบที่ยิ้มให้คนอื่น ไม่ยิ้มล่ะ ไม่ยิ้มใช่มั้ย
ไม่ยิ้มก็จูบซะเลย จูบไปแรงแรง ให้รู้สึกกันบ้าง ลงโทษที่ไม่เคยยิ้มให้กัน แล้วนี่อะไร มือที่ให้คนอื่นจับ ทำไมไม่จับไม่กอดตอบละ เหมือนที่ทำกับคนอื่นล่ะ มาผลักกันทำไม ผลักนักใช่มั้ย
จับบีบซะเลยจะได้ไม่ต้องคอยทุบคอยผลักไสกัน ยัง ยังไม่พอ
ข้อหาที่ทำให้หงุดหงิดทำให้รู้สึกร้อนใจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแค่นี้มันยังไม่พอ
ปากชอบบ่นนักใช่มั้ย ขอดูหน่อยละกันข้างในจะเป็นยังไง เลยต้องเอาลิ้นสอดเข้าไป แต่มันสอดไม่เข้าเพราะอีกคนปิดปากแน่น
ปิดปากใช่มั้ย ขัดขืนอีกแล้ว ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ขัดขืนแบบนี้หรอก มันน่าหงุดหงิดมั้ยล่ะ แล้วยังจะดิ้นอีก ดิ้นนักใช่มั้ยกัดปากซะเลย
เป็นไงล่ะ ยอมเปิดปากแล้วใช่มั้ยล่ะ ต้องให้บังคับตลอดถึงจะยอม ยังหรอก ยังไม่พอ ขอดูข้างในปากคนขี้บ่นหน่อยจะหวานเหมือนเดิมมั้ย
อืม ฝาดเลือดนิดนิด แต่ก็ไม่เป็นไร ขอแค่เป็นปากนี้ก็ใช้ได้ จะกวาดจะต้อนให้ครบทุกมุม จะทำให้เสียใจไปเลยที่คอยดื้อคอยผลักไสมาตลอด
เป็นไงล่ะ อ่อนไปเลยละสิ มันน่ามั้ยล่ะ ดื้อดีนัก หมดแรงเลยล่ะสิ แล้วดูทำมองเข้า พอถอนจูบออกก็มองทำหน้าทำตาเหมือนตกใจซะขนาดนั้น
เดี๋ยวจะทำให้ตกใจกว่านั้นอีก คอยดูละกัน แค่คิดเป้ากางเกงมันก็ตึงจนไม่รู้จะตึงยังไงแล้ว
จะได้เลิกดื้อกันสักที!!!
*********************************
ไม่ได้มาตั้งหลายวัน
คิดถึงคนอ่านมากมาย
คนอ่านคิดถึงเค้ามั้ย
ยังไงก็อย่าทิ้งกันน้า
ปล.เค้าแต่งฉากหวิวหวิวไม่เก่งง่ะ