★.:***♡มหาลัยวุ่นรัก♡...เดอะ ซีรี่ย์❥***:.★
เรื่อง
♡.:*ผัวขี้หึงVSเมียขาโหด*:.★❥
♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡♡
ตอนที่ 14 (ปูกะโจ) หวั่นไหว
พาร์ทโจผมนั่งกุมมือตัวเองไว้แน่น ทั้งตกใจทั้งรู้สึกอะไรหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน คนที่ผมไม่ได้เจอหน้าเลยสามเดือนเต็มๆ คนที่วิ่งเข้ามาในความคิดผมตลอดสามเดือนที่หายไป ตอนนี้เขามานั่งอยู่ต่อหน้าผมแล้วครับ ผมมองแก้วกาแฟกับกล่องเค้กที่ยังไม่ได้แกะวางอยู่ตรงหน้าผม คือเขาเองเหรอที่ซื้อให้ผมตลอดเวลาสามเดือนที่ผ่านมา แล้วดอกไม้ล่ะ แซนวิชล่ะ ใช่เขาด้วยรึป่าวที่เป็นคนซื้อให้ผม ผมรู้สึกแปลกๆ ครับ เริ่มทำตัวไม่ถูกแต่พยายามนั่งให้นิ่งที่สุด
"คือกูมาหามึงนะ มึงยุ่งอยู่รึป่าว?" คำถามแรกก็ทำเอาผมอดแปลกใจไม่ได้ มาหาผม?
"มาหาผมทำไม คุณมีธุระอะไรกับผมงั้นเหรอ? ผมว่าผมบอกคุณไปหมดแล้วนะว่าคุณกับผมเราไม่ควรจะเจอหน้ากันอีก" ผมพูดไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นนิดๆ
"เฮ้อออ..... มึงมีเหตุผลหน่อยดิ๊ว่ะ กูง้อมึงอยู่นะมึงรู้ตัวรึป่าวเนี๊ยะ กูลงทุนจีบมึงใหม่เลยนะเว้ย!! เกิดมากูยังไม่เคยตามตื้อใครขนาดนี้เลย มึงเกลียดอะไรกูหนักหนาว่ะ? เคลียร์กันให้เข้าใจไปเลยดีกว่าว่ะ!!! กูเริ่มไม่ไหวกับอารมณ์บ้าๆ แบบนี้อีกแล้ว แล้วกูก็จะไม่ทนต่อไปด้วย!!" เขาตอบกลับมาเสียงค่อนข้างดุ หน้าตาเอาจริงเอาจังที่สุดจนผมอดผวาไม่ได้ครับ
"อารมณ์บ้าๆ งั้นเหรอ?" ผมทวนคำพูดเขาครับ คืออะไรที่ว่าอารมณ์บ้าๆ ผมไม่เข้าใจ
"เออ!! กูนี่โคตรหงุดหงิดเลย อยากเข้ามาคุยกับมึงก็เข้ามาคุยไม่ได้ อยากอยู่ใกล้ๆ มึงก็อยู่ไม่ได้ อยากคบกับมึงก็คบไม่ได้ อยากได้มึงมาเป็นแฟนมึงก็ไม่ยอม"
"เฮ้อออ.... กูเหนื่อยว่ะ!!" เขาพูดจบก็นอนแผ่ไปกับโซฟาที่เขานั่งนั้นแหละครับ ทั้งๆ ที่ตอนนี้ผมใจเต้นระรัวเมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา ใจเต้นงั้นเหรอ? ทำไมผมถึงรู้สึกอย่างนี้ล่ะ
"แล้ว....." ผมกำลังจะพูดต่อก็ต้องหยุดเพราะเขาเด้งตัวขึ้นมาตั้งใจฟังสิ่งที่ผมจะพูดจนผมลืมคำพูดตัวเองไปเลยครับ
"ห๊ะ!!! แล้ว? คือกูพูดมาตั้งนานมึงพูดตอบมาได้แค่นี้ อ่อไม่ซิ แล้วๆๆ? มึงถามกูกลับเหรอว่ะ เหี้ย!! แล้วทำไมกูต้องทำตัวแปลกๆ อย่างนี้ด้วยว่ะ พูดอะไรวกไปวนมาเนี๊ยะ!! เซ็งตัวเองวุ้ยย!!!" ตอนแรกเขาก็พูดเหมือนคุยโต้ตอบกับผมนี่แหละครับ แต่พูดไปพูดมาดันบ่นตัวเองซะนี่ ผมล่ะงงจริงๆ
"หึ....." ผมดันหลุดขำออกไปซะงั้น เขาหันควับกลับมาหาผมทันทีเลยครับ
"มึงขำกูเหรอว่ะ?"
"ป่าวนิ ป่าว... ผมจะขำคุณทำไมล่ะ" ผมสั่นหัวปฏิเสธทันที
"หึหึ ไม่ได้ขำก็แล้วไป แล้วตอนเที่ยงมึงกินข้าวกับอะไร?"
"....." ผมเงียบไม่ได้ตอบ ถ้าตอบว่ายังไม่ได้กินเขาจะเชื่อรึเปล่า เพราะนี่ก็เลยเวลากินข้าวมาแล้วด้วย
"ยังไม่ได้กินใช่ไหม?" เขาถามต่อ ผมยังคงเงียบเหมือนเดิม
"...."
"งั้นลุกขึ้น" พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืนเลยครับ
"ลุกขึ้นทำไม?" ผมถามกลับ
"ไปกินข้าวไง เนี๊ยะ!! เพราะมึงไม่ยอมกินข้าวอย่างเนี๊ยะถึงผอมจนจะเห็นกระดูกอยู่แล้ว ไป๊ลุก ไปกินข้าว เดี๋ยวกูพาไปกินใกล้ๆ ถ้ามึงกลัวจะทำงานไม่เสร็จนะ"
"ผมไม่ไป ผมสั่งมากินที่นี่ก็ได้ คุณไม่ต้องลำบากหรอก เดี๋ยวผมสั่งเลขาผมเอง คุณกลับไปเถอะ"
"ลุกขึ้นนน......"
"เห้ย!!!! คุณจะทำอะไรนะ" ผมจับแขนผมแล้วฉุดผมให้ลุกขึ้น ผมไม้ทันตั้งตัวเลยลุกขึ้นยืนตามแรงดึงเลยอ่ะครับ
"ไปกินข้าว เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง" เขาหันมาตอบพร้อมกับดึงผมให้เดินตามครับ
"แต่ผมไม่อยากไป!!"
"จะไปกับกูดีๆ หรืออยากอายเลขามึงที่นั่งอยู่หน้าห้องก่อน" ผมชะงักกึ่ก
"งั้นปล่อยแขนผม ผมเดินเองได้" ผมพูดบอก
"หึ!! งั้นป่ะ ไปกินข้าวกัน" เขายิ้มมุมปากก่อนที่จะ....
"เห้ย!! ผมบอกให้ปล่อยไง ผมเดินเองได้" คือเขาปล่อยแขนผมแล้วครับ แต่เปลี่ยนมันจับมือผมเดินแทน ผมใจเต้นรัวทันที ไม่รู้จู่ๆ ทำไมถึงรู้สึกอย่างนี้
แกร๊กกก.....
"บอสจะออกไปไหนเหรอค่ะ?"
"อ่อ!! ผมจะพาบอสคุณไปทานข้าวนะครับ นั่งทำงานจนลืมทานข้าวได้ไง หือ.. ผมขอตัวพาบอสคุณไปทานข้าวก่อนนะครับ คุณเลขาสุดสวย" ผมอ้าปากค้างไปเรียบร้อยแล้วครับ สายตาเลขาผมกำลังจะมองต่ำมาที่มือของผมที่โดนจับไว้แน่น ผมรีบเดินเข้าไปยืนให้ใกล้ที่สุดเพื่อบดบังอีกมือที่จับมือผมไม่ยอมปล่อย
"อ่อ!! ค่ะ งั้นจูนฝากบอสด้วยนะค่ะ บอสชอบทานอาหารไม่ค่อยตรงเวลาเท่าไหร่นะค่ะ"
"ได้ครับ งั้นผมสองคนขอตัวนะครับ ทานข้าวเสร็จจะรีบพาบอสคุณกลับมาส่งถึงที่เลยครับ"
"เอ่อ... คุณจูนเดี๋ยวผมมานะ ผมคงไปไม่นานหรอกครับ" ผมพูดไม่ค่อยถูก ไม่รู้จะพูดยังไง แก้ตัวยังไงดีนะครับ
"ไม่ต้องรีบนะค่ะบอส เดี๋ยวจูนจัดการเรื่องงานให้ค่ะ ทานข้าวให้อร่อยนะค่ะ"
"ไปเถอะ!!" ผมพูดบอกเขาครับ ผมไม่อยากยืนนานกว่านี้นะครับ
"กินอะไรดีว่ะ มึงอยากกินอะไร?" เขาหันมาถามผมในขณะที่เดินไปยังลิฟท์เพื่อลงไปชั้นล่าง
"คุณปล่อยมือผมก่อน...." ผมพยายามแกะเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมปล่อย พอมีคนเดินผ่านมาผมก็ต้องเลิกแกะเพราะกลัวคนอื่นสงสัยว่าผมกำลังทำอะไร
"ไม่ปล่อย!! เดินอย่างนี้แหละดีแล้ว ตกลงอยากกินอะไร? จะได้พาไปกิน"
"อะไรก็ได้ เอาใกล้ๆ แถวนี้ ผมต้องกลับมาทำงานต่อ"
"โอเค... จัดให้"
เขาพาผมเดินไปอีกฝั่งของตึกที่ผมทำงานอยู่ เดินไปถึงผมก็รู้ทันทีว่ารถคันที่จอดอยู่คือรถของเขา ผมเคยนั่งแค่ไม่กี่ครั้งครับ แต่ผมจำรถเขาได้
"ไหนบอกจะกินใกล้ๆ ไง ผมไม่อยากไปไกลนะ"
"เออ! ไม่ไกลหรอกน่าา.... ขึ้นรถเร็ว" เขาเดินมาเปิดประตูให้ผมแล้วดันตัวผมเข้าไปนั่งก่อนจะปิดประตูรถแล้วเดินไปขึ้นนั่งฝั่งคนขับ
"เดี๋ยวพาไปกินร้านอร่อย...." เขาพูดแค่นั้นแหละครับ แล้วเขาก็ขับรถออกไปเลย ผมนั่งเงียบตลอดทาง ไม่รู้จะพูดอะไรนี่ครับ
"มึงสบายดีไหม?" คำถามแรกที่ผมนั่งเงียบอยู่บนรถอยู่นานก็ดังขึ้น ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไรออกไป มือไม้สั่นไปหมด จังหวะการเต้นของหัวใจผมก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ
"....."
"พี่มึงไม่ได้มากวนใจอะไรแล้วใช่ไหม?" ผมหันควับกับคำถามนี้ แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป "....."
"กูคิดถึงมึงว่ะ"
มือผมที่สั่นอยู่แล้วก็สั่นแรงขึ้น มือนี่เย็นเฉียบ ใจก็เต้นระรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ผมคงไม่ได้ตื่นเต้นหรือรู้สึกดีกับสิ่งที่เขาพูดบอกใช่ไหมครับ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้เลยล่ะ
"....."
"มึงจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอว่ะ? กูยังบอกมึงทุกอย่างที่กูอยากพูดกับมึงเลย"
"ผมไม่มีอะไรจะพูด..." ผมตอบออกไปอย่างนั้นครับ แต่ใจผมยังคงเต้นแรงไม่หาย
เอี๊ยดดด......
เขาหักพวงมาลัยแล้วจอดรถเข้าชิดข้างทางทันที ผมจับเบ้ลไว้แน่นด้วยความตกใจ
"มึงใจร้ายว่ะ..." ผมหันหน้าไปมองคนที่พูด
"....."
"กูแทบจะทำอะไรไม่ได้เลยตลอดสามเดือนที่ผ่านมาเพราะกูคิดถึงแต่เรื่องมึง คอยตามมึงตลอดทั้งที่มึงไม่เคยรู้เลยว่ากูตามดูมึงอยู่ เป็นห่วงว่ามึงจะอยู่ยังไง กินข้าวตอนไหน มีใครมายุ่มย่ามกับมึงไหม? กูเป็นอย่างนี้มาตลอดสามเดือน จะไม่เกินไปหน่อยเหรอว่ะ แค่กูถามว่ามึงกินข้าวหรือยัง มึงยังไม่อยากจะตอบกูเลย มึงบอกกูได้ไหมว่ากูควรจะทำยังไงมึงถึงจะยอมพูดกับกูบ้าง ตอบกูบ้างเวลาที่กูถาม กูแค่อยากรู้ว่ามึงสบายดีไหมแค่นี้มันยากนักเหรอว่ะโจ มึงบอกกูมาดิ๊"
สายตาเขาสั่นไหวเล็กน้อย ผมก็ยิ่งใจสั่นมากขึ้นครับ ทุกอย่างมันตื้อไปหมด เขาบอกว่าเขาทำทุกอย่างที่ผมไม่เคยรู้ตลอดสามเดือนเต็ม แสดงว่าของที่ผมได้รับมาทั้งหมดก็น่าจะเป็นของเขาที่เป็นคนส่งให้ผม ผมคิดอะไรไม่ออกแล้วครับ มันมึนๆ งงๆ ไปหมด
"ผมหิวข้าว คุณบอกจะพาผมไปกินข้าวไม่ใช่เหรอ?" ผมตอบไปได้แค่นี้แหละครับ ผมคิดคำพูดไม่ทัน ไม่รู้จะพูดอะไรดี
"เฮ้อออ!! เดี๋ยวกูพาไปกินข้าวก่อนแล้วเราค่อยคุยกัน อดเข้าไปข้าวนะ! ผอมจนจะเห็นกระดูกอยู่แล้ว มึงจะไปเดิบแบบรึไงถึงอดข้าวจนผอมขนาดนี้นะห๊ะ!!"
เขาถอนหายใจเฮื้อกใหญ่เสร็จก็ต่อด้วยการพูดบ่นอะไรของเขาไปเรื่อยนะครับ ผมฟังไม่ค่อยได้ฟังที่เขาพูดเท่าไหร่หรอกครับ เพราะตอนนี้ผมว่าหัวใจผมเต้นแรงและดังจนเกินไปเหมือนมันกำลังทำงานหนักมาก
"ถึงแล้ว...." ผมพูดบอกผมหลังจากที่เงียบไปสักพัก
เขาจับรถเข้ามาจอดที่ร้านอาหารร้านหนึ่ง ในร้านตกแต่งด้วยโต๊ะไม้สีขาวสะอาดตา รายล้อมไปด้วยไม้ดอกหลากหลายพันธุ์ที่ปลูกตกแต่งร้านซะสวยงาน ต้นไม้ก็ดูร่มรื่นดีครับ
"สวัสดีค่ะ มากี่ท่านค่ะ?" พนักงานของร้านเดินมาต้อนรับทันทีทั้งๆ ที่ผมเพิ่งลงจากรถครับ
"สองคนครับ ผมขอโต๊ะที่ติดกับสวนนะครับไม่เอาห้องแอร์" เขาพูดบอกพนักงาน ส่วนผมทำได้แค่เดินตามเขาไปเงียบๆ
"ได้ค่ะ งั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ"
พนักงานผายมือก่อนที่จะเดินนำผมสองคนไปยังโต๊ะขนาดใหญ่สีขาว ปูด้วยเบาะรองนั่งสีเขียวอ่อน ด้านข้างเป็นบ่อน้ำตกเล็กๆ ส่วนด้านหลังเป็นสวนที่จัดตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ผมเดินตามเขาเข้ายังโต๊ะที่เขาต้องการนั่ง
"มึงนั่งตรงนี้โจ"
ผมมองตาดุๆ ใส่เขา ผมไม่ชอบคนที่พูดจาไม่เพราะต่อหน้าคนอื่น จะรู้จักกันยังไงก็ไม่ควรพูดแบบไม่ให้เกียรติเขา
"อะไรว่ะ?! มองกูแปลกๆ ยังกะจะกินกูงั้นแหละ หิวขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ? หึหึ"
"พูดกับผมให้มันดีๆ หน่อยซิ ถ้าคุณพูดกับผมตอนไม่มีใครอยู่ด้วยผมจะไม่ว่า แต่นี่มีคนอื่นที่ผมไม่รู้จักอยู่ด้วย อย่างน้อยคุณต้องรู้จักให้เกียรติผมบ้าง"
"เออๆ ขอโทษคร๊าบบ.... ไม่ทราบว่าคุณโจจะทานอะไรดีครับ นี่ครับเมนูอาหาร" เขายื่นเมนูอาหารมาให้ผม ผมรู้นะครับว่าเขาแกล้งพูดประชด แต่ก็ยังดีกว่าที่จะให้เขาพูดแบบเดิมต่อหน้าคนอื่น
"ผมทานอะไรก็ได้ คุณสั่งได้เลย ผมทานได้หมด"
"งั้นใส้กรอกทอด ใส่กรอกชีส ยำใส้กรอก ใส้กรอกผัดผริกกระเหรี่ยงดีป่าวครับ คุณโจ? หึหึ"
"งั้นคุณก็กินเองเถอะ ผมขอตัวก่อน" คือผมแพ้ไส้กรอกไงครับ แต่เมนูที่เขาพูดมามีแต่ใส้กรอกล้วนๆ แล้วอย่างนี้จะพาผมมากินข้าวเพื่อ?
"เห้ย!! ล้อเล่นๆ นั่งลงๆ เดี๋ยวสั่งใหม่เอาดีๆ ล่ะ ใจเย็นๆ ครับ นั่งรอแป๊ปครับ"
ผมจำเป็นต้องนั่งลงเหมือนเดิมครับ พนักงานที่อยู่ในร้านที่ได้ยินที่เขาพูดก็เริ่มพากันขำไปตามๆ กัน เขาดูจะไม่แคร์คนรอบข้างที่กำลังมองเขาอยู่เลยตอนนี้ แต่ผมนี่ซิที่เป็นคนที่ต้องอายแทนเขา
"งั้นผมขอเป็น เต้าหู้ทรงเครื่อง ไก่ทอดเกลือตะไคร้กรอบ เห็ดฟางผัดใบโหระพา เอ่อ แป๊ปนะครับ" เขาหยุดสั่งอาหารแล้วหันมาถามผม
"คุณโจครับ คุณโจทานเผ็ดได้ไหมครับผม?"
"พอทานได้ แต่ไม่เผ็ดมาก" ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่ เพราะเขาพูดจาประชดผมไงครับ
"งั้นผมขอต้มข่าไก่กับทอดมันกุ้งเพิ่มอีกสองอย่างแล้วกัน ส่วนน้ำก็ขอเป็นน้ำเปล่าครับ" เขาหันไปสั่งอาหารเพิ่มอีกสองอย่างแล้วยื่นเมนูคืนพนักงานไปครับ
"รบกวนรออาหารสักครู่นะค่ะ" พนักงานพูดตอบ
"ครับ อ่อ!! ขอน้ำมะพร้าวปั่นเพิ่มอีกที่นึงด้วยนะครับ"
"ได้ค่ะ...." พนักงานของร้านรับเมนูแล้วก็เดินออกไปทันที
"คุณสั่งมาซะเยอะขนาดนี้จะกินหมดเหรอ?"
"หมดดิ๊ มึงกินด้วยต้องหมดอยู่แล้ว"
"แต่ผมไม่ได้หิวมากขนาดนั้น แล้วปกติผมก็กินข้าวแค่นิดเดียว" ผมพูดบอก
"ก็เพราะกินแค่นิดเดียวนี่ไงถึงได้ผอมขนาดนี้ กินเข้าไปเยอะๆ นั่นแหละ เชื่อกู เห้ย!! เชื่อผมนะคร๊าบ"
"คุณไม่ต้องพูดจาประชดผมก็ได้ ถ้าไม่สะดวกจะพูดก็เชิญคุยพูดเหมือนที่คุณเคยพูดเถอะ"
ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ครับ เหมือนที่เขาพูดจาเพราะๆ กับผมเพราะเขาแค่พูดประชดแค่นั้นเอง มันคงจะไม่ใช่นิสัยการพูดของเขามั้งครับ
"เออ!! ก็ดีเหมือนกัน เหนื่อยจะเก็กพูดดีว่ะ มันไม่ชิน"
"หัดบ้างก็ดีนะ" ผมพูดขึ้นลอยๆ ไม่ได้ดังมันครับ
"ห๊ะ!! เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?"
"ป่าว ผมไม่ได้พูดอะไรซักหน่อย"
"หึหึ นึกว่าแอบด่ากู"
ผมขอนั่งเงียบๆ ดีกว่าครับ ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงให้มากความ เรารออาหารไม่นานพนักงานก็นำอาหารมาเสริฟจนครบ
"อ่ะนี่...." เขายื่นแก้วน้ำมะพร้าวปั่นมาให้ผม ผมขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย
"ให้ผมทำไม?"
"กูเคยเห็นมึงสั่งกินตอนที่อยู่โรงแรมที่หัวหินนะ กินซะ! ที่นี่รสชาติโอเคใช้ได้ ไม่หวานมาก"
ผมมองน้ำมะพร้าวที่วางอยู่ตรงหน้า ใช่ครับ... ผมเคยสั่งกินตอนที่อยู่โรงแรมที่หัวหิน ตอนที่นั่งกินข้าวกลางวันกับลูกค้า ผมจะชอบดื่มน้ำมะพร้าวปั่นหลังจากกินข้าวเสร็จ ไม่รู้ซิ ผมรู้สึกว่ามันสดชื่นดี และที่สำคัญต้องไม่หวานมาก เพราะผมเป็นคนไม่ชอบทานหวานครับ
"ขอบคุณ...." ผมพูดตอบแล้วหยิบแก้วน้ำมะพร้าวปั่นขึ้นมาชิมว่ารสชาติดีอย่างที่เขาพูดไหม? รสชาติดีจริงครับ ไม่หวานมาก... ผมชอบน้ำมะพร้าวสดๆ ที่ไม่ใส่น้ำเชื่อมนะครับ
"อร่อยไหม?" ผมเงยหน้าจากแก้วมองไปที่คนถาม
"ก็อร่อยดี ไม่หวานมาก"
"อืม แสดงว่ามึงเป็นคนไม่ชอบกินรสหวาน โอเค..."
"โอเคอะไร?"
"ก็กูรู้แล้วว่ามึงไม่กินของหวานๆ ไง เอ้า!! กินข้าวได้แล้วเดี๋ยวกับข้าวเย็นหมด"
เขาตักทอดมันกุ้งให้ผมหนึ่งชิ้นวางใส่ในจานของผมก่อนจะตักต้มข่าไก่ใส่จานตัวเอง ผมรู้สึกปั่นป่วนแปลกๆ อย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน มือเย็นเฉียบเพราะมีอาการบางอย่างเกิดขึ้นกับผม มันบอกไม่ถูกครับว่ามันคืออะไร ผมรู้แค่ว่าผมไม่เคยรู้สึกทำตัวไม่ถูกอย่างนี้มาก่อน ผมได้แต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวที่มีอยู่ในจานให้หมดโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
"กินอย่างอื่นมั่งดิ๊ จะกินแค่ทอดมันกุ้งชิ้นเดียวรึไงว่ะ? อ่ะนี่เต้าหู้นี่ไม่เผ็ดกินได้"
เขาตักอาหารใส่จานให้ผมเรื่อยๆ ผมก็นั่งกินอย่างเงียบๆ ต่อไปจนข้าวหมดจานอย่างไม่รู้ตัว
"เอาข้าวเพิ่มอีกป่ะ?"
"ไม่ผมอิ่มแล้ว" ผมรีบตอบทันที คือมันรนๆ ยังไงไม่รู้ครับ
"อิ่มได้ไงว่ะ เพิ่งกินไปได้นิดเดียวเอง อ่ะนี่กินอีกนิดนึง" เขาตักข้าวใส่จานเพิ่มให้ผมครับ
"แต่ผมอิ่มแล้ว ผมไม่...."
"จิ๊!! กินอีกนิดเดียว กับข้าวเหลือตั้งเยอะแยะนะเห็นไหม? รู้จักเสียดายของบ้างดิ๊!!"
คือเขาบ่นผมเฉยเลยครับ ทั้งที่กับข้าวทั้งหมดที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะเขาเป็นคนสั่งมาทั้งหมด แล้วยังมาบังคับให้ผมกินให้หมดอีก ถ้าผมกินเข้าไปทั้งหมด ท้องผมคงจะแตกตายแน่ๆ เลยครับ
"แต่ผมอิ่ม...." ผมบอกเขาอีกครั้ง
"อืม... กินอีกนิดเดียว ช่วยกูกินหน่อยดิ๊ว่ะ กับข้าวอร่อยจะตาย เอ้าๆ กินซะ รีบกินจะได้รีบกลับไปทำงงานไง"
ผมจะทำไงได้ล่ะครับ นอกจากกินตามที่เขาบอก ถ้ามัวแต่เถียงกันไปเถียงกันมาผมว่าวันนี้ผมคงไม่ได้กลับไปทำงานที่ค้างไว้แน่ๆ
หลังจากเรากินข้าวเสร็จก็ต่อด้วยผลไม้ที่เขาสั่งมาตอนหลัง ผมก็โดนบังคับอีกตามเคย กลั้นใจกินจนหมด ท้องผมแทบแตกแน่ะครับ ผมไม่เคยกินอะไรที่เยอะขนาดนี้มาก่อน พอเขาจ่ายเงินค่าอาหารเสร็จเขาก็ขับรถพาผมกลับมาที่บริษัทครับ
"คุณกลับไปได้แล้ว เดี๋ยวผมต้องไปทำงานต่อ" ผมพูดขึ้นเมื่อเขาจอดรถไว้ที่เดิม
"เออน่า!! เดี๋ยวไปส่งถึงที่"
"ไม่ต้อง!! ผมเดินไปเองได้" ผมรีบปฏิเสธทันที
"เออ!! เดี๋ยวเดินไปส่งน้าา.... อย่าเถียงดิ๊ ไป๊ไป!! เดินๆ เดี๋ยวงานก็ไม่เสร็จหรอกมัวแต่นู้นนี่นั่นอยู่ได้" เอาผลักผมเบาๆ ให้เดินนำหน้าเขาครับ
"แต่ผมจะไปเอง คุณกลับไปได้แล้ว" ผมพูดบอกทั้งๆ ที่กำลังเดินไปข้างหน้าด้วยแรงดันที่เขาค่อยๆ ดันผมให้เดินไปข้างหน้าโดยไม่สนใจสิ่งที่ผมกำลังพูดกับเขาเลย
"เห้ยย!! ดื้อจริงวุ้ย!! เดินเร็วๆ คนมองแล้วเห็นไหมนะ"
พอมีคนเริ่มมองอย่างที่เขาพูด คราวนี้ผมก็รีบเดินเลยครับ ผมไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาคนอื่นซักเท่าไหร่ แล้วเขาก็เดินมาส่งผมถึงห้อง ทักทายเลขาผมซะสนิทสนมแล้วยื่นขนมเค้กที่ซื้อจากร้านอาหารไปให้ เลขาผมก็ชื่นชมซะยกใหญ่ ผมได้แต่ยืนมองเขาคุยกันก่อนที่ผมจะตัดสินใจเดินเข้าห้องทำงานไปคนเดียว ทำไมผมต้องยืนฟังเขาพูดได้อยู่ตั้งนานแทนที่จะเข้าห้องไปทำงานที่ค้างไว้
เฮ้อออ....
แกร๊กกก.....
"ทำไมคุณยังไม่กลับไปอีก?" เขาเปิดประตูแล้วเดินเข้ามานั่งลงที่โซฟาในห้องทำงานผมเฉยเลยครับ
"รอมึงทำงานให้เสร็จก่อน ค่อยกลับพร้อมกัน" เขาตอบพร้อมกับหยิบหนังสือนิตยาสารมาเปิดอ่านอย่างหน้าตาเฉย
"ไม่ต้องรอ!! คุณกลับไปได้เลย ผมกลับของผมเองได้" ผมพูดค่อนข้างเสียงดังครับ รู้สึกหงุดหงิดนิดๆ ครับ
"จะรอ... รีบๆ ทำดิ๊ เดี๋ยวนั่งอ่านหนังสือรอเงียบๆ ไม่กวนหรอกน่าา..."
"แต่ผมไม่มีสมาธิ" ผมรีบพูดต่อทันที เพราะผมเริ่มมีอาการแปลกๆ เกิดขึ้นอีกแล้วครับ บ้าจริง!!
"จุ๊ๆๆ ทำงานไป เนี๊ยะ!! นั่งเงียบๆ แล้วนะ มึงอย่าชวนกูคุยดิ๊ เดี๋ยวงานไม่เสร็จพอดี หึหึ" เขาตอบด้วยหน้าตาที่ดูยียวนกวนประสาทผมมากเลยครับ ท่าทางพูดไปก็เสียเวลาเปล่า ผมเลยนั่งทำงานของผมต่อครับ ส่วนเขาก็นั่งอ่านนิตยาสารไปเรื่อยๆ
ผมนั่งทำงานไปก็รู้สึกว่าตัวเองทำตัวแปลกๆ แอบมองเขาซะงั้น พอเขาเงยหน้าขึ้นมาผมก็ก้มลงทำงานต่อ ทำเหมือนปกติทุกอย่าง บางครั้งผมก็ได้ยินเสียงเขาขำในลำคอ หึหึ... แต่พอเงยหน้าขึ้นไปมองเขาก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากอ่านหนังสือ ผมนั่งทำงานไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาเลิกงาน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
"เชิญครับ...."
"ขออนุญาตค่ะบอส จูนจะมาบอกบอสว่าจูนขอตัวกลับก่อนนะค่ะ" ผมเงยหน้ามองนาฬิกาบนข้อมือก็เลยเวลาเลิกงานมาครึ่งชั่วโมงแล้วครับ
"อ่อ!! คุณกลับได้เลย เดี๋ยวอีกสักพักผมก็จะกลับเหมือนกัน" ผมบอกเธอ
"ค่ะบอส งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะค่ะ แล้วอย่ากลับดึกมากนะค่ะ จูนเป็นห่วงค่ะ"
"ขอบคุณครับจูน..."
"ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณจูน ผมอยู่ทั้งคน รับรองบอสคุณถึงบ้านอย่างปลอดภัยหายห่วงแน่ครับ" จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมา ผมทำหน้าไม่ถูกเลยครับ จูนก็มองผมแล้วทำหน้ายิ้มๆ
"จูนฝากบอสของจูนด้วยนะค่ะคุณปู งั้นจูนกลับแล้วนะค่ะ สวัสดีค่ะ"
"ครับผม กลับบ้านดีๆ นะครับ แล้วพรุ่งนี้เจอกันครับ"
"โอเคค่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะค่ะ คริคริ สวัสดีอีกครั้งค่ะบอส คุณปู" แล้วเลขาผมก็กลับออกไป ผมมองจ้องเขาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
"คุณพูดอะไรของคุณนะ?" ผมถามขึ้นทันที
"ป่าวนิ ก็แค่ทักทายเซกู๊ดบายตามมารยาท"
"แล้วพรุ่งนี้เจอกันคืออะไร?"
"ก็ป่าว!! ก็หมายถึงมึงต้องมาทำงานไง พรุ่งนี้นะ" ผมขมวดคิ้วกับคำตอบที่เขาตอบผมกลับมาครับ ยุ่งจริง!!
"แล้ว?"
"งานเสร็จแล้วรึไง? ถามจัง!! ถ้าเสร็จแล้วก็กลับบ้าน"
"คุณกลับไปเลย เพราะผมต้องทำต่ออีกนิด งานผมยังไม่เสร็จ ไม่ต้องรอ ผมกลับเองได้ คุณกลับไปเถอะ" ผมรัวคำพูดใส่ไม่ยั้ง ผมรู้สึกนั่งทำงานแบบเกร็งๆ นะครับ ทำตัวแปลกๆ ด้วย รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเอาซะมากๆ
"รีบๆ ทำไป เดี๋ยวนั่งอ่านหนังสือรอตรงนี้แหละ"
"เฮ้อออ....." ผมถอนหายใจเฮื้อกใหญ่ เหนื่อยที่จะพูดแล้วครับ พูดไปเขาก็ไม่ยอมทำตามที่ผมต้องการ ผมก็เลยหันมาทำงานต่อ ผมทำงานต่ออีกสักพักผมก็เริ่มรู้สึกล้าขึ้นมา ผมเลยกะว่าพรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ เพราะงานเหลือรายละเอียดอีกไม่มากนักก็จะเสร็จเรียบร้อย แล้วที่เหลือก็แค่เก็บรายละเอียดเพิ่มเติมภายหลังครับ
ผมเงยหน้าขึ้นมามองก็เห็นว่าเขานั่งพิงโซฟาแล้วหลับไปซะอย่างงั้น ผมมองนาฬิกาที่ข้อมือก็ต้องตกใจอ่ะครับ สี่ทุ่มกว่าแล้ว นี่ผมนั่งทำงานเพลินขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ผมรีบเก็บเอกสารเข้าที่แล้วหยิบกระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์แล้วเดินไปหาเขา
"คุณๆ คุณ...." ผมสะกิดที่ไหล่ของเขาเบาๆ แต่เขาก็ยังไม่ยอมตื่นครับ
"คุณๆ ตื่นได้แล้ว ผมจะกลับแล้วนะ" ผมเปลี่ยนจากสะกิดไหล่มาเป็นจับที่แขนของเขาแล้วเขย่าเบาๆ ครับ
"อืออ... งานเสร็จแล้วเหรอ?" เขางัวเงียตื่นขึ้นมา หรี่ตามองผมด้วยอาการที่ยังไม่ตื่นดี
"ผมจะกลับแล้ว...." ผมพูดบอกเขา
"อืมๆ ป่ะ กลับกัน" เขาลุกขึ้นยืน บิดตัวเล็กน้อย ลูบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติแล้วมองมาที่ผม
"ผมว่าคุณไปล้างหน้าก่อนดีกว่า ง่วงอย่างนี้จะขับรถได้ยังไง"
"อืม ล้างหน่อยก็ดี ห้องน้ำอยู่ไหน?"
"ตรงนั้นไง"
ผมชี้ไปทางเดินเล็กๆ ที่อยู่หลังตู้โชว์ถ้วยรางวัลและประกาศต่างๆ ข้างหลังเป็นห้องน้ำส่วนตัวผมเองครับ ถ้าเดินผ่านกระตูบางเล็กๆ ที่อยู่ตรงทางเดินนั้นไปจะเป็นห้องอีกห้องหนึ่งที่ผมออกแบบเองแล้วจ้างให้ช่างทำให้ครับ ข้างในจะเป็นห้องนอนเล็กๆ มีโซฟาแบดขนาดพอดีที่ผมใช้สำหรับนอนค้างเวลาที่ผมน้องทำงานโปรเจคที่สำคัญจนไม่สามารถกลับไปนอนคอนโดได้ ในห้องนอนก็จะมีห้องน้ำที่สามารถอาบน้ำได้ด้วยครับ และยังมีตู้เสื้อผ้าเล็กๆ ที่ผมเอาไว้เก็บชุดไว้ใส่เวลาที่ผมนอนค้างที่นี่แล้วต้องตื่นขึ้นมาทำงานต่อ มีโต๊ะวางของอีกเล็กๆ กระทัดรัดและกระจกบานใหญ่พอสมควรสำหรับยืนแต่งตัวครับ
"ตรงนั้นเหรอ?" เขาชี้ไปทางเดียวกันกับที่ผมชี้ให้ดูครับ
"ใช่ เดินตรงไปแล้วเปิดประตูเข้าไป ห้องน้ำอยู่ในนั้นแหละ ผ้าเช็ดหน้าอยู่ในชั้นวางในข้างในตู้เล็กๆ หยิบมาใช้ได้เลย" ผมพูดบอก
"อืม งั้นรอแป๊ป เดี๋ยวไปล้างหน้าก่อน" เขาพูดจบก็เดินเข้าไปตามที่ผมบอก ผมก็นั่งลงที่โซฟารอเขาเข้าไปล้างหน้าเพื่อให้สดชื่นกว่านี้ ถ้าปล่อยให้ขับรถไปในสภาพแบบนี้มีหวังได้หลับในแน่ๆ เลยครับ ผมรอเขาอยู่สักพักเขาก็เดินออกมาครับ
"ข้างในเป็นห้องนอนเหรอว่ะ?" เขาถามขึ้น
"อืม ผมเอาไว้นอนเวลาที่ต้องทำงานด่วน"
"อ่อ!! ไปเถอะ เดี๋ยวกูไปส่งที่คอนโด"
"ไม่ต้อง!!! ผมขับรถมา" ผมรีบพูดขึ้นทันที
"เออ!! รู้แล้ว ก็แค่จะขับรถตามไปส่งเฉยๆ ไปๆ ดึกแล้ว ทำงานอะไรหนักหนาว่ะ กลับบ้านดึกขนาดนี้เนี๊ยะ"
แล้วก็เป็นเหมือนทุกครั้งครับ คือผมเถียงไม่ชนะ ผมก็ต้องปล่อยให้เขาขับรถตามผมไปจนถึงคอนโดผม พอถึงแล้วเขาก็ขับรถกลับ เช้าเขาก็ขับรถมาหาผมที่คอนโดครับ แต่ผมไม่ได้นั่งรถของเขาไปทำงานนะ ผมขับรถของผมไปครับ ส่วนเขาก็ขับตาม กาแฟ เค้ก แซนวิช ดอกไม้ ผมยังคงได้รับเหมือนเดิมทุกอย่าง ต่างกันตรงที่ผมจัดดอกไม้ใส่แจกันไว้ทุกวัน ไม่ได้ปล่อยทิ้งเหมือนก่อนหน้านี้ เช้าเขาก็ขับรถตามมาส่งผมที่ทำงาน เที่ยงเขาก็บังคับพาผมไปกินข้าว ช่วงนี้ผมกินข้าวค่อนข้างตรงเวลาครับ บ่ายเขาออกไปไหนผมก็ไม่รู้ แต่พอตกเย็นเขาก็จะมานั่งรอเพื่อขับรถตามไปส่งผมเหมือนทุกครั้ง บางวันก็นั่งอ่านหนังสือรอที่ห้องทำงานผมทั้งวัน ผมไล่ก็ไม่ไป ผมไล่จนผมขี้เกียจจะพูดนะครับ จนเวลาผ่านอาทิตย์หนึ่งเต็มๆ วันนี้เขาก็นั่งรอผมเหมือนทุกวันครับ
"เอ่อใช่!! พรุ่งนี้กูไม่ได้ไปหาที่คอนโดนะ"
ผมเงยหน้าจากงานขึ้นมามองเขา ที่เขาว่ามาหาคงจะหมายถึงขับรถมาหาผมที่คอนโดแล้วขับตามมาส่งที่ทำงานมั้งครับ
"จะกลับไปดู้ร้านหน่อยนะ" เขาพูดบอก ผมก็ยังมองเขาโดยไม่พูดอะไรเหมือนเดิม
"เฮ้อออ.... มึงนี่ใจร้ายโคตรๆ เลยว่ะ แต่ช่างเหอะ กูไม่อยู่ก็อย่ากลับบ้านดึกนักล่ะ ข้าวก็กินให้ตรงเวลาด้วย เดี๋ยวกูโทรหา"
ผมรู้สึกใจเต้นแรงเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดบอก แต่อีกใจก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน ตอนนี้ผมควรรู้สึกดีใจหรือเสียใจดีล่ะครับ ผมควรจะดีใจใช่ไหมที่เขากำลังจะไปแล้ว เขาจะไม่มากวนใจผมอีก แต่ทำไมผมกลับไม่รู้สึกอย่างนั้น ใจผมกลับรู้สึกโหวงเหวงแปลกๆ พิกลพอรู้ว่าเขากำลังจะไป
"อืม...." ผมตอบเพียงสั้นๆ ครับ แต่สมองผมกลับคิดอะไรหลายๆ อย่างพันกันยุ่งเหยิงไปหมด
"เฮ้อออ.... คงมีกูคนเดียวซินะที่รู้สึกไม่ดีถ้าไม่ได้อยู่ใกล้ๆ มึง แต่ก็ช่างเหอะ!! ยังไงมึงก็อย่าทำงานจนลืมกินข้าวล่ะ กูเป็นห่วง" เขายังไม่ทันจะพูดจบประโยคดี ใจผมก็เต้นแรงเหมือนมีคนตีกลองอยู่ข้างในหัวใจของผมเลยครับ เขามองหน้าผม ผมก็มองหน้าเขา ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบทันที ผมทำตัวไม่ถูกจนผมเผลอพูดสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะพูดออกไป.....
"แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่?"
แล้วผมก็เห็นรอยยิ้มเกิดขึ้นที่ใบหน้าของเขา ผมได้แต่นั่งมองรอยยิ้มนั้นที่ยิ้มด้วยความดีใจ จนผมรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เขาสวมกอดผมไว้แนบอก ผมยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของผม ส่วนเขาก็ยืนอยู่ข้างๆ แล้วกอดผมไว้แน่น ผมรู้สึกอบอุ่นกับสัมผัสนี้อย่างบอกไม่ถูกเลยครับ มันรู้สึกดีแปลกๆ ครับ
"เสร็จแล้วกูจะรีบกลับมา มึงรอกูนะ"
TBC.
หึหึ พี่โจ แอบหวั่นไหวแต่ขี้เก็กเนอะ
โปรดติดตามตอนต่อไปนะค่ะ
