(ต่อ)
เบนซ์สี่ประตูคันหรูจอดลงหน้าคฤหาสน์เกียรติวานนท์ในคืนวันศุกร์ ประตูข้างคนขับถูกเปิดออก ผู้มาเยือนคฤหาสน์คือเด็กหนุ่มเส้นผมประบ่าสีดำกับดวงตาสีนิลเข้าคู่ มือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยถุงใส่วัตถุดิบ
“คุณเปรมซื้อมาแค่นี้ใช่ไหมครับ?”
เจ้าของคำถามเป็นชายหนุ่มร่างเล็กสวมสูท เขามีเส้นผมสีน้ำตาลตัดสั้นและดวงตาสีเขียว มือขาวกดล็อครถเมื่อพ่อครัวหันไปพยักหน้าให้
“ขอโทษที่ต้องให้ช่วยนะออกัส” เปรมพูดระหว่างขนของเข้าครัวเล็ก วันนี้ออกัสเป็นคนไปรับพ่อครัวมาที่คฤหาสน์คนเดียวต่างจากทุกที ฝ่ายหลังบอกว่าเท็นกลับมาก่อนแล้ว กำลังช่วยงานเอกสารของหมอแปดอยู่ในห้อง
“ยินดีครับ คืนนี้ทำอะไรกินเอ่ย?”
ชายหนุ่มลูกครึ่งชวนคุย เปมทัตมองของในมือประกอบ ตอบยิ้มๆ “แกงส้มชะอมไข่ทอดกับแกงจืดหมูสับครับ”
“โห...” ออกัสตาเป็นประกาย เขาเปิดประตูห้องครัวให้เปมทัตก้าวเข้าไปก่อน เดินตามเข้ามาแล้วพูดว่า “แค่ได้ยินชื่อก็หิวแล้ว”
“อยู่กินด้วยกันก่อนสิ” เปรมชวน ออกัสวางถุงวัตถุดิบลงบนเคาน์เตอร์พลางหัวเราะ “ผมยังมีงานเอกสารของคุณท่านที่ต้องจัดการอยู่น่ะครับ”
“ค่อยไปทำก็ได้นี่” พ่อครัวจับแขนขาวซีดที่แทบจะเหลือแต่กระดูกของอีกฝ่ายแล้วขมวดคิ้ว “ทำแต่งานอยู่ได้ นายผอมเกินไปแล้วนะ กินข้าวไม่ตรงเวลาแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะหรอก!”
ออกัสอยากจะคัดค้าน แต่พอเห็นดวงตาสีนิลที่จ้องมาอย่างเป็นห่วงเขาก็ได้แต่ยืนก้มหน้า “แต่ว่า...”
“กินก่อนแล้วค่อยไปเถอะ คราวที่แล้วก็ไข้ขึ้นไปทีไม่ใช่เหรอ” เปรมเริ่มหยิบข้าวของออกจากถุง ก่อนจะทยอยเด็ดกับรูดก้านชะอมใส่ชามสแตนเลสใบใหญ่
ออกัสมองตาม ถามว่า “เอ่อ...มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?”
“ตอกไข่ใส่ชามให้ทีนะ ฉันจะทอดไข่ชะอมก่อน” พ่อครัวบอก เขามองออกัสถอดเสื้อสูทพาดไว้กับโต๊ะ พูดว่า “โห ออกัสถอดสูทแล้วตัวเล็กมากเลย”
“ฮะๆ ดูไม่น่าเชื่อถือสินะครับ” ชายหนุ่มพับแขนเสื้อเชิ้ตกลั้วหัวเราะ เปรมสั่นหัว “ฮื้อ เหมือนเด็กมหาลัยจะตาย น่ารักดี”
ออกัสตอกไข่ใส่ชามสามฟองก่อนจะตีให้ขึ้นฟอง เปมทัตยื่นชะอมที่เตรียมเสร็จแล้วให้ พูดว่า “รบกวนเอาไปคลุกกับไข่แล้วทอดให้ทีนะคร้าบ”
“ได้ครับ” ออกัสรับคำอย่างแข็งขัน เปรมจุ๊ปาก เริ่มเตรียมทำน้ำแกงส้มแล้วพูดว่า “หือ ดูคล่องตัวเหมือนกันนะ”
“เมื่อก่อนเคยทำกับข้าวกินเองอยู่บ่อยๆ ครับ” หนุ่มลูกครึ่งยิ้ม พ่อครัวถามขณะตั้งหม้อ “ทำอะไรบ้าง”
“ก็หลายๆ อย่าง แต่ที่บ่อยสุดก็คงจะเป็นแกงส้มชะอมไข่นี่แหละครับ” ออกัสตอบ เปมทัตเลิกคิ้ว “เอ๊ะ ทำไมล่ะ?”
“นายท่านชอบกินน่ะครับ ตอนไปดูงานต่างประเทศแล้วหาซื้อไม่ได้ก็ต้องคอยทำให้กินอยู่บ่อยๆ” ดวงตาสีเขียวฉายแววเอ็นดู เปรมผิวปากหวือ “แบบนี้นี่เอง งั้นรอบนี้แกงส้มชะอมไข่ให้ออกัสเป็นแม่งานก็แล้วกัน!”
“ไม่ดีมั้งครับ” ออกัสหัวเราะ เปมทัตสั่นหัว พูดว่า “ดีสิ! เสร็จแล้วก็แบ่งไปให้พ่อเท็นกินด้วย รายนั้นก็ทำแต่งานอีกคนเหมือนกัน เฮ้อ ฉันล่ะเป็นห่วงสุขภาพคนบ้านนี้จริงๆ”
ดวงตาสีเขียวคู่งามอ่อนแสงสะท้อนภาพพ่อครัว “คุณเปรมเนี่ย...ใจดีจังนะครับ”
“ฉันก็แค่ขัดใจเวลาเห็นคนไม่ยอมกินข้าวแค่นั้นแหละ” เปมทัตสั่นหัวหน่ายๆ มองนาฬิกาแล้วพูดว่า “ฉันปรุงน้ำแกงส้มไว้ให้แล้ว ฝากออกัสดูให้เดือดแล้วช่วยทำที่เหลือต่อทีนะ”
“ตกลงครับ” ออกัสพยักหน้ารับ เปรมยิ้มกว้างอย่างโล่งใจ “โอเค ฉันจะได้ไปทำแกงจืด” ในหัวปรากฏใบหน้าของใครบางคน เปรมพึมพำว่า “หมอนั่นต้องหิวมากแน่ๆ”
หนุ่มลูกครึ่งรู้ว่าหมายถึงใคร พูดว่า “ฮะๆ เท็นกินเก่งขึ้นเยอะเลยตั้งแต่คุณเปรมมา”
“อยู่คณะสายสุขภาพแท้ๆ แต่ยุ่งจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองเลยนะ” เปรมบ่นอย่างนึกสงสาร เขาหันไปล้างมือก่อนจะเริ่มปั้นหมูสับระหว่างรอน้ำในหม้อต้มเดือด
“นายท่านเองก็เอาแต่ประชุม ผมอยากให้เขาพาเท็นไปเที่ยวพักผ่อนบ้าง” ดวงตาสีเขียวหม่นแสงลงแวบหนึ่ง เปมทัตนึกถึงหน้าเจ้าบ้านก่อนจะสั่นหน้าบรื๋อ สดเสียงพูดว่า
“ทั้งที่หน้าเหมือนกันแท้ๆ แต่คนพ่อนี่น่ากลัวสุดๆ ไปเลย”
ออกัสกระพริบตาปริบๆ สุดท้ายก็ระเบิดหัวเราะออกมา พูดว่า “ฮ่าๆ นั่นสินะครับ เขาชอบทำหน้าตาน่ากลัวอยู่เรื่อย”
“ใช่ไหม ยิ่งตอนที่เข้ามาอุ้มนายออกไปนี่โคตรน่ากลัวอะ” เปมทัตเสียงสั่น ออกัสเทชะอมคลุกไข่ลงกระทะ พูดว่า “แต่เห็นแบบนั้น พวกเขาก็เหมือนกันกว่าที่คิดนะครับ”
“อาใช่ ฉันก็ว่าหน้าพวกเขาเหมือนกันมากๆ...” พ่อครัวพยักหน้าระหว่างปรุงน้ำซุปในหม้อ ทว่าออกัสค้านว่า “ผมหมายถึงนิสัยน่ะครับ”
“เห...” เปรมลากเสียงอย่างสนใจ ถามว่า “ยังไงเหรอ?”
“พูดไปก็อาจจะเสียกับนายท่านอยู่สักหน่อย” หนุ่มลูกครึ่งลดเสียงแทบกระซิบ แล้วบอกว่า “แต่ว่าจริงๆ แล้วนายท่านน่ะ...”
ปัง!
“เฮือก!” เปรมสะดุ้งเฮือกเมื่อประตูครัวถูกเปิดออกอย่างแรง ก่อนจะเบิกตากว้างยามเห็นผู้มาใหม่
“นายท่าน...”
ออกัสเรียกเสียงแผ่ว เจ้าบ้านแห่งคฤหาสน์ย่นคิ้วเล็กน้อย พูดว่า “ออกัส?” ดวงตายาวรีหลังแว่นไร้กรอบหันมาจ้องพ่อครัวผมสีดำคล้ายคาดคั้น
“ทำอะไร”
เสียงทุ้มนั้นทรงพลังเสียจนพ่อครัวต้องลอบกลืนน้ำลาย กำลังจะอ้าปากตอบทว่าร่างสูงกลับแทรกขึ้น
“ฉันได้กลิ่นชะอม”
“...”
“ใครทำอะไร”
ใบหน้าเย็นชาทว่าดวงตากลับเป็นประกายแบบนั้นทำให้เปรมนึกถึงใครบางคน เผลอตอบไปตามความเคยชินว่า “พวกเรากำลังทำแกงส้มชะอมไข่กัน”
ตอนนั้นเองที่ร่างใหญ่ก้าวเข้ามา เปมทัตผงะเมื่ออีกฝ่ายชะโงกหัวมองหม้อต้มของเขา แล้วตวัดตาถามเสียงทุ้ม
“ไหนแกงส้ม? ไม่เห็นมี”
“...หม้อนี้ครับนายท่าน” ออกัสที่มองอยู่นานแล้วตอบเสียงเนิบ เสริมว่า “อันนั้นแกงจืดครับ”
หมอแปดนิ่งไป เขาหันไปหาเลขาส่วนตัว พูดว่า “แบบนี้นี่เอง” ดวงตายาวรีหลังแว่นไร้กรอบเกิดประกาย เปรมมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนทื่ออยู่อย่างนั้นด้วยแววตาเหมือนปลาตาย ออกัสพูดว่า
“ถ้าเสร็จแล้วผมจะยกไปให้ทานนะครับ”
พ่อครัวจ้องเจ้าบ้านตาไม่กระพริบ ก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อร่างสูงพูดว่า
“เอากุ้งเยอะๆ”
“ทราบแล้วครับ” เลขาคนเก่งยิ้มรับ เปรมมองตามหลังจนคนตัวใหญ่เดินหายออกไปจากห้อง ก่อนจะหันขวับไปหาหนุ่มลูกครึ่ง ฝ่ายหลังกระพริบตา พูดอย่างนึกขึ้นได้ว่า “อ๋อ ต่อนะครับ ที่ผมบอกว่านายท่านกับเท็นเหมือนกันน่ะคือ...”
“อา ไม่ต้องหรอก”
ตอนนั้นเองที่เปมทัตยกมือห้าม พ่อครัวหันไปใส่เต้าหู้ไข่ ผักกาดขาว ขึ้นฉ่ายและแครอทลงในหม้อต้มซุป พูดเสียงเบาคล้ายกระซิบ
“ฉันว่าฉันเข้าใจแล้วล่ะ...”
ใช้เวลาไม่นานแกงส้มชะอมไข่กับแกงจืดหมูสับก็ถูกเทใส่ชามสีขาวพร้อมเสิร์ฟ ออกัสเรียงอาหารลงบนโต๊ะกินข้าว ในขณะที่เปมทัตกำลังหันหลังคดข้าวอยู่หลังเคาน์เตอร์
หมับ!
สัมผัสอันคุ้นเคยจู่โจมจากด้านหลังพ่อครัว ตามด้วยเสียงทุ้มที่กระซิบข้างหู
“กุ๊ก...”
เปรมยิ้มออกมา คดข้าวพลางพูดว่า “หิวแล้วล่ะสิ”
“คิดถึงจัง...”
เด็กโข่งบอก ก่อนริมฝีปากเหยียดตรงจะประทับลงบนแก้มของนายเปรมดังจุ๊บ ฝ่ายหลังเบิกตากว้าง หันหลังไปตีแขนคนตัวใหญ่ดังเพียะ “ทำอะไรเนี่ย! ออกัสอยู่นะ!”
“ทำไมล่ะ” ดวงตายาวรีจับจ้องแก้มขาวที่บัดนี้ขึ้นสีเรื่อ ก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปหอมอีกข้างดังฟอด
“ก็เราคิดถึงกุ๊กนี่...”
“นายนี่มัน...” พ่อครัวจะเปิดปากด่า ทว่าดวงตายาวรีคู่นั้นกลับฉายแววออดอ้อนเสียจนเขาต้องเป็นฝ่ายก้มหน้าเสียเอง
ร้อนตั้งแต่โหนกแก้มไปยันหูเลยโว้ย! ไอ้เจ้าบ้านี่!
“แล้วกุ๊กล่ะ...”
นิ้วยาวขาวซีดสัมผัสหูนิ่มที่ขึ้นสีเรื่อ มือหนาเชยคางเล็กขึ้นสบตา หัวใจพ่อครัวเต้นไม่เป็นระส่ำ หรี่ตามองริมฝีปากเอาแต่ใจที่ขยับเป็นคำว่า
“คิดถึงเราไหม?”
เสียงทุ้มนั้นคล้ายเว้าวอนอยู่ในที ดวงตาพ่อครัวสะท้อนใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังโน้มเข้ามา เปรมหายใจติดขัด ก่อนจะหลับตาปี๋
โคร้ม!
“เฮือก!” เปมทัตสะดุ้ง ยกมือผลักร่างสูงออกโดยอัตโนมัติ เขาหันไปมองออกัสที่ยืนกระโดดเหยงๆ อยู่ตรงโต๊ะกินข้าว ร้องถามว่า “ออกัสเป็นอะไรรึเปล่า!”
“ผมสะดุดขาโต๊ะน่ะครับคุณเปรม” ชายหนุ่มร้องครางเบาๆ เขาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ตามด้วยเปมทัตที่วิ่งออกไป พ่อครัวย่อเข่าดูอาการเลขาคนเก่ง บอกว่า “ถอดถุงเท้าสิ”
“เอ๊ะ?” ออกัสกระพริบตา พ่อครัวเงยหน้า “จะได้ดูไงว่าช้ำตรงไหนไหม”
“อ๋อ งั้นขะ...ขออนุญาตเสียมารยาทนะครับ” ดวงตาสีเขียวสะท้อนภาพเปมทัตที่จับข้อเท้าของเขาอย่างระมัดระวัง พ่อครัวถอดถุงเท้าออกช้าๆ
พลันชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงรังสีอมหิตอันแรงกล้า ออกัสเงยหน้า สบกับดวงตายาวรีที่จ้องเขาเขม็งจนคนถูกมองต้องหลุดยิ้มออกมา เขาเห็นแล้วแหละว่าเมื่อกี้เท็นกำลังจะทำอะไร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยากจะแกล้งหมอนั่นอยู่ดี
ใช่แล้ว ออกัสไม่ได้เตะขาโต๊ะจริงๆ หรอก...
เลขาคนเก่งลอบยักคิ้วให้เด็กโข่งอย่างท้าทาย แม้จะรู้สึกผิดกับคุณเปรมที่ต้องโดนหลอกไปบ้าง แต่ทั้งหมดนี้เขาทำเพื่อพ่อครัวเลยจริงๆ นะ
“เอ...ไม่มีบาดแผล แต่อาจจะขึ้นรอยช้ำทีหลังก็ได้ ยังไงออกัสทายากันไว้ก็ดีนะ เจ็บตรงไหน...เฮ้ย! เท็น! จะทำอะไรน่ะ!” เปมทัตร้องลั่นเมื่อเด็กโข่งเดินมาหยุดอยู่ด้านหลัง
“ออกัส...”
เสียงทุ้มนั้นเย็นเยียบ ทศทิศเงื้อกระทะในมือขึ้นด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่ถูกเงามืดทาทับไปเกือบค่อน
“อย่าอยู่เลย!”
ออกัสเบิกตากว้าง ลุกพรวดจากเก้าอี้วิ่งหนีแทบไม่ทัน ร้องลั่น
“คุณเปรมช่วยด้วย!”
“อย่าหนีนะ!” เท็นถือกระทะวิ่งตาม ก่อนในห้องครัวจะเกิดเสียงอึกทึกครึกโครมอย่างวุ่นวาย
เปรมมองเลขาคนเก่งที่วิ่งหลบกระทะจากเด็กโข่งได้อย่างพลิ้วไหวโดยปราศจากอาการเจ็บปวดด้วยแววตาเหมือนปลาตาย ในมือเขายังกำถุงเท้าของอีกฝ่ายไว้อยู่เลย
“นี่คนบ้านนี้เห็นฉันเป็นอะไรกันแน่...”
****************************************************** *
สวัสดีค่าาาา า
/เปิดตัวด้วยเอฟเฟกต์พลุ 20 ดอก
โดนตบ 5555555555 5 กรี๊ดดดด ด หายไปตั้งสามอาทิตย์แน่ะ
คิดถึงคนอ่านจังเลยยย ย ย้อนไปอ่านตอนที่ 21 ได้นะคะ เผื่อบางคนลืมแล้ว
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามนิยายบ้า ๆ บอ ๆ เรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นและกำลังใจอันยิ่งใหญ่ค่ะ 555555 5
ตอนหน้าจะพยายามมาลงให้เร็ว ๆ นะคะ ถ้าไม่ขัดข้อง 555555 5
ป.ล. ไปเล่นแท็ก
#เสื้อกาวน์รุกเสื้อกุ๊กรับ ในทวิตเตอร์กันได้น้าา า
เจอกันตอนที่ยี่สิบสามค่าาาาา า