(ต่อ)
ตอนที่กำลังเล่นน้ำอย่างมีความสุขนั่นเองใกล้ๆ ก็เกิดเสียงกรี๊ด พวกเปรมหันไปมอง
“เอาเพื่อนพวกเราคืนมานะ!” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้น
เบื้องหน้าพวกเปรมคือนิสิตชายสวมหน้ากากหนังตัวใหญ่ห้าคนวิ่งตรงมา สองในห้าอุ้มผู้หญิงพาดบ่าไว้ ไวกว่าความคิดเท็นก็ยื่นเท้าเข้าไปสกัดขาหนึ่งในสอง ร่างใหญ่ล้มกลิ้งในขณะที่สามสีพุ่งมารับตัวผู้หญิงไว้ได้
“หนีไป” เท็นบอก
“เดินดีๆ นะ” สามสียิ้มให้อย่างใจดี
“ขะ ขอบคุณค่ะ” เธอก้มหน้างุด ก่อนจะวิ่งตัวสั่นกลับไปหาเพื่อน
ตอนนั้นเองที่ไฟคว้าคอเสื้ออีกคนไว้ได้ในจังหวะที่สวนกัน ร่างใหญ่ชะงักกึกก่อนผู้หญิงบนบ่าของมันจะกัดไหล่หนานั่นจนจมเขี้ยว มันทิ้งเธอลงพื้นราวกับโดนของร้อน ตรงนี้ได้โชมาช่วยรับไว้
“เก่งมาก” ไฟยักคิ้วให้ เขากระชับคอเสื้อคนตัวใหญ่แล้วเหวี่ยงไอ้ยักษ์ลงกระแทกพื้นด้วยดวงตาเลือดเย็น
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” ชลันธรถาม เด็กสาวหน้าแดงนิดๆ ตอบยิ้มๆ ว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมาก”
โชยิ้มรับ เขาส่งเธอกลับไปหาเพื่อนอย่างปลอดภัย
“ชิ อีกสามคนหนีไปได้เหรอเนี่ย” ไดนาไมต์พูดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ “เอาล่ะ พวกแกเป็นใครกันแน่” เขาเดินยกปืนพาดบ่าเข้ามาด้วยท่าทางติดเหวี่ยง สามสีมองเสื้ออีกฝ่าย พูดว่า “เสื้อวอร์มแบบนี้น่าจะเป็นเด็กพละ”
“ไหนเอาหน้ามาดูซิ” โชก้าวเข้าไปหมายจะถอดหน้ากากออก ทว่าทั้งสองไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น พวกมันลุกพรวดจนชนเด็กประมงล้มลงพื้น หนึ่งในนั้นตรงไปยังเมธา
“เอ๊ะ?”
ไม่ทันตั้งตัวครูคณิตก็โดนอุ้มพาดบ่าวิ่งออกไป
“เม!” เปรมตะโกนอย่างตกใจ ก่อนจะโดนอีกคนพุ่งเข้าชาร์จ รู้ตัวอีกทีขาพ่อครัวก็ลอยเหนือพื้น ไอ้ยักษ์แบกเขาพาดบ่าในสภาพห้อยหัวแล้วออกตัววิ่ง
“กุ๊ก!” เท็นวิ่งตามทันที แชงมาเห็นก็ตกใจ เขาร้อง “เปรม!” แล้ววิ่งตามไปด้วยอีกคน
“ไอ้แชง!” เดย์ร้องเรียก ลอบสบถอย่างขัดใจเมื่ออีกฝ่ายวิ่งไปไกลมากแล้ว หนุ่มตาเหยี่ยวหันไปมองพวกที่เหลือ “นี่พวกนาย...” ก่อนจะกลืนคำพูดตัวเองลงไปเมื่อรู้สึกได้ถึงจิตสังหารอันหนักอึ้งจนน่าอึดอัด
ลมเย็นหอบมาวูบหนึ่งคล้ายการสลับฉาก สามสี ไดนาไมต์ ไฟและโชยืนเรียงกัน ในมือถือปืนฉีดน้ำคนละกระบอก มองถนนที่คลาคล่ำไปด้วยฝูงชนไกลจนสุดลูกหูลูกตา
“กล้ามากเลยนะ” สามสีที่กำลังยืนหมุนเกลียวกระบอกน้ำเข้าปืนพูดหน้านิ่งๆ
“บังอาจมาล้วงคองูเขียวหางไหม้อย่างพวกเราแบบนี้” ไดนาไมต์หักนิ้วพร้อมหมุนคอกรอบแกรบ
“คนเยอะจริง วิ่งไปตรงๆ สงกรานต์ก็บอกว่าคงไม่ทัน” โชเขย่าปืนในมือคล้ายกะน้ำหนัก
ไฟหลับตาลงหนึ่งข้างพลางยิ้มร้าย “งั้นก็...น้ำแตกแยกทาง”
“พวกนายจะทำยังไง!” เดย์รวบรวมความกล้าตะโกนเข้ามา
ไฟยกปืนขึ้นพาดบ่า “แหงอยู่แล้ว”
ตอนนั้นเองที่โชดึงแว่นบนหัวลงในระดับสายตา “ต้องไปเอาคืนมาสิ”
ไดนาไมต์เหน็บปืนกระบอกเล็กไว้ด้านหลัง “งั้นรูปแบบการรบก็...”
สามสีหมุนสายสะพายให้ปืนไปอยู่ด้านหลัง แสยะยิ้มออกมา “แผนที่พวกเราถนัดที่สุด”
“แผนอะไร!” เดย์ตะโกนถาม
“ด้นสด”
พวกเขาตอบพร้อมกัน ก่อนจะวิ่งออกไปด้วยจิตสังหารอันเต็มเปี่ยม
ถนนหน้าตึกคณะบริหารเต็มไปด้วยสายน้ำและสีสัน เหล่านิสิตชายหญิงสวมเสื้อลายดอกวิ่งไล่ปะแป้งกันอย่างสนุกสนาน วงดนตรีเล่นเพลงเร่งจังหวะดังกระหึ่มอย่างเร้าอารมณ์
มุมหนึ่งบนถนนแห่งความรื่นเริง ผู้ชายตัวโตสองคนกำลังอุ้มบุคลลากรคนสำคัญวิ่งตัดผ่านผู้คนไปอย่างคล่องแคล่ว กล้ามเนื้อของทั้งคู่ยืดหยุ่นและแข็งแรง พวกเขาวิ่งทักๆ มาสมทบกับอีกสามคนที่หนีมาก่อนหน้า ไม่มีอาการเหน็ดเหนื่อยให้เห็นแม้แต่น้อย
“พวกเหี้ยนั่นอะ?” หนึ่งในสามถามขึ้น
“กูสลัดมันหลุดละ ตามมาไม่ทันหรอก” คนที่อุ้มเมธาตอบ
“ปล่อยนะโว้ย! เอาพวกฉันมาทำไมเนี่ย!” เปรมในสภาพห้อยหัวร้องโวยวาย ในขณะที่เมธาเงยหน้าขึ้นมาหัวเราะ “อะไรอ่ะ ลักพาตัวเหรอ น่าสนุกดีนะ”
“หุบปาก!” คนที่อุ้มเปรมส่งเสียง “เพื่อนมึงทำกูแสบมาก ไอ้หน้าตายนั่นไม่ได้ตายดีแน่!”
“ไอ้หัวแดงด้วย! เหวี่ยงกูมาได้ สัดเอ๊ย” คนข้างๆ บ่น เปรมขมวดคิ้ว “แล้วพวกฉันไปเกี่ยวอะไรด้วยเล่า ปล่อยนะ”
“มึงเป็นเพื่อนมัน มึงต้องชดใช้!”
“นี่จำเลยรักเรอะ” เปรมมุมปากกระตุก เงยหน้ามองด้านหลังด้วยจิตใจอันห่อเหี่ยว ตอนแรกเขายังเห็นเท็นกับแชงมา แต่ตอนนี้ไม่เห็นแม้แต่ผมสักเส้น พวกนี้วิ่งเร็วมาก เพราะเป็นนักกีฬาสินะ
ก่อนขบวนหน้ากากขาวจะเริ่มออกตัวอีกครั้ง
“ฮ่าๆ ตื่นเต้นจัง” พ่อครัวหันไปมองครูคณิตที่ยิ้มดอกไม้บานอยู่ข้างๆ แล้วปวดหัวหนักกว่าเดิม
ไดนาไมต์กับสามสีวิ่งไปทางเวทีคอนเสิร์ต เมื่อไปถึงด้านหลังเวที สามสีก็ปราดเข้าปิดปากนักร้องคิวต่อไปเอาไว้แล้วลากตัวเข้าไปซ่อน นักร้องหนุ่มร้องเสียงอู้อี้ เด็กหนุ่มตัวสูงร้องชู่วเป็นเชิงให้เงียบ
“อันนี้ฉุกเฉินมาก ขอเวลาแป๊บเดียว”
“อืม...ต่อไปเพลงตกหลุมรักของหวาย” ในขณะที่ไดนาไมต์ยืนอ่านคิวเพลงอย่างทองไม่รู้ร้อนพลางพยักหน้าหงึกหงัก “โอเค ร้องได้ เอาเลยละกัน”
นักร้องคนล่าสุดร้องเสร็จแล้ว ร่างใหญ่เดินเข้ามา เขาทักทายไดนาไมต์อย่างอารมณ์ดี “นายคือคิวต่อไปเหรอ”
“ใช่แล้ว” ไดนาไมต์ยิ้มรับ
“สีผมจ๊าบมาก สู้เขาไอ้เกลอ”
“ขอบใจ” ทั้งคู่ตีมือกันในจังหวะเดินสวน ก่อนไดนาไมต์จะสะพายปืนฉีดน้ำจะวิ่งออกไป
“กรี๊ดดดดดดดดดดด” พอเห็นสีผมของเขาพวกข้างล่างก็พร้อมใจกันกรีดร้องกระหึ่ม ไดนาไมต์ยิ้มกว้าง ยื่นไมค์ไปข้างหน้าแล้วตะโกนว่า
“ขอเสียงหน่อย!”
เสียงกระกรี๊ดดังไปทั่วบริเวณ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกระหึ่มเมื่ออินโทรอันเป็นเอกลักษณ์ของเพลงดังขึ้น เมื่อถึงจังหวะไดนาไมต์ก็เปิดปากร้อง เดิมทีแค่ผู้ชายร้องเพลงฟรุ้งฟริ้งก็น่าสนใจแล้ว กอปรกับบุคลิกซุกซนและการเข้าถึงอารมณ์ทำให้เด็กหนุ่มผมสีชมพูได้ใจคนดูไปไม่ยาก
เมื่อถึงจังหวะโซโล่ ไดนาไมต์ก็เดินไปลากเรือยางเป่าลมขนาดเล็กที่สามสีส่งมาให้ กรอกเสียงใส่ไมค์ว่า “เอาล่ะ ต่อไปจะเป็นสิ่งที่ผมอยากทำมาตลอดนะครับ”
คนดูกรีดร้องตอบรับคำพูดของเขา “ร้องเพลงให้ฟังแล้ว ช่วยเราหน่อยนะ”
พูดจบก็โยนเรือยางใส่ฝูงชนแล้วกระโดดตามลงไป คนดูเล่นกับเขา เรือยางเป่าลมเคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยคลื่นคน ไดนาไมต์กระชับปืนในมือพลางเหยียดยิ้ม รูปแบบของเขาคือไล่ตามเด็กพละด้วยเรือยางเป่าลมเหนือฝูงชน
สามสีเห็นแบบนั้นจึงปล่อยให้นักร้องตัวจริงออกมาร้องเพลงต่อ เมื่อทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติเขาก็วิ่งไปทางมอเตอร์ไซค์ของตัวเองที่จอดรออยู่
โชวิ่งหลบหลีกผู้คนก่อนจะจับเสาต้นใกล้ๆ ปีนขึ้นไปยืนบนสายพานฉีดน้ำ เขาตัวเล็ก รอกเลื่อนจึงยังเคลื่อนต่อไปได้อย่างไม่สะทกสะท้าน เด็กหนุ่มถือปืนเดินย่ำหลบหัวก๊อก คณะของเขาเป็นเจ้าของระบบหัวฉีดนี้ โชเลื่อนแว่นตากันน้ำขึ้นคาดหัว ย่อตัวปรับระดับความเร็วสายพานเป็น ‘Fast’ ไล่ตามเด็กพละด้วยสายพานสุ่มฉีดน้ำของมหาลัย
“หลบหน่อยพระเอกมา!”
แว่วเสียงกรี๊ดของนิสิตสาวมาจากบริเวณทางเท้า ไฟในสภาพสวมแว่นตากันน้ำสะพายปืนยืนย่อตัวบนสเก็ตบอร์ดซึ่งแย่งมาจากคนแถวนั้นเลื่อนไปตามโต๊ะยาวที่ต่อเรียงกัน หมอยายิ้มร้าย ไล่ตามเด็กพละด้วยแรงไถลของแผ่นกระดานติดล้อ
จากจุดเริ่มต้นเดย์มองเห็นทุกอย่าง ดวงตาของเขาทอประกายทว่าไม่สามารถบรรยายความรู้สึกออกมาได้
ในเวลาเดียวกันที่ภาคพื้นดิน เท็นกับแชงมาวิ่งตามเด็กพละไปด้วยใบหน้าอาบเหงื่อผสมแป้งและสายน้ำรอบข้าง พวกเขาวิ่งลัดเลาะไปอย่างยากลำบากเพราะติดฝูงชน ถึงตอนนี้เท็นมองไม่เห็นกุ๊กแล้ว
ไม่ทันได้หาทางไปก็มีนิสิตสาวกลุ่มใหญ่เข้ามารุมล้อมพวกเขา แชงมาตัดสินใจยิ้มออกมา ความเจิดจ้าของเขาทำให้พวกเธอตาพร่าเช่นทุกที เด็กหนุ่มอาศัยจังหวะนี้วิ่งออกไป ทว่าใจกลับนึกกังวลถึงอีกคน
“ขอปะแป้งหน่อยน้า”
เท็นฝ่าออกไปไม่ได้ เขาไม่มีรอยยิ้มเจิดจ้าเหมือนหนุ่มผมทอง หญิงสาวที่เหลือรอดจากรอยยิ้มพิฆาตแห่กันมาห้อมล้อม แชงมามองท่าทางนั้น
“ชื่ออะไรอะสุดหล่อ”
“...”
“ให้ตายเถอะ” เขาสบถอย่างขัดใจที่ตัวเองเลือกทำอะไรบ้าๆ
หนุ่มผมทองปราดเข้ามากลางวงก่อนจะส่งยิ้มใส่สาวๆ ที่รุมล้อมเท็น “ขอโทษด้วยน้า แต่พวกผมต้องไปแล้วล่ะ”
“อ๊ายยย” เด็กสาวเคลิ้มจนดวงตาเป็นรูปหัวใจ แชงมาจึงรีบดึงแขนเด็กโข่งออกมา เท็นเหลือบมองอีกฝ่าย พูดว่า
“ไม่ขอบคุณหรอกนะ”
แชงมามุมปากกระตุก “ไม่อยากได้อยู่แล้ว!” พวกเขาวิ่งคู่กันไป ไม่รู้ทำไม ทั้งๆ ที่หมอนี่เป็นศัตรูหัวใจแท้ๆ
แต่ถึงแบบนั้นในอกแชงมากลับรู้สึกปลอดโปล่งอย่างน่าประหลาด
เด็กพละตัวโตอุ้มเปรมกับเมธาวิ่งตรงไปข้างหน้า ตอนนั้นเองที่หนึ่งในห้าถูกสามสีซึ่งขี่รถมาดักรอพุ่งชาร์จเข้าให้ มันร้องเสียงหลง พยายามตอบโต้ ทว่าเด็กหนุ่มตัวสูงก็ไวพอที่จะหลบแล้วสวนกลับไปได้
“แม่งเอ๊ย เสือกตามทันอีก” หนึ่งในสองที่กำลังวิ่งตัวเปล่าสบถ ไดนาไมต์อาศัยจังหวะตอนมันไม่ทันตั้งตัว กอปรกับคลื่นคนที่สิ้นสุด สะพายปืนฉีดน้ำกระโดดลงจากเรือยางมา วาดขาใส่ท้องของอีกฝ่ายเต็มแรง
“อัก!” มันตัวใหญ่กว่าก็จริง แต่พอเอาแรงเตะของเขามาบวกกับแรงปะทะแล้วก็สร้างความเสียหายได้ไม่น้อย
“เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นวะ” คนที่วิ่งแบบไร้ภาระอีกคนหันไปมองด้านหลัง
สายพานเวียนมาถึงจุดวนแล้ว โชเลื่อนแว่นตากันน้ำลงมา กดรักษาระดับความเร็วก่อนจะกระโดดใส่คนที่ไร้ภาระที่เหลือจนมันหงายหลัง อาศัยจังหวะนั้นชกอีกฝ่ายเต็มเหนี่ยวจนหน้ากากหลุด มันหายใจพะงาบทำท่าจะลุก โชจึงซ้ำอีกครั้งแล้วร่างใหญ่ก็แน่นิ่ง
“ฉิบหายล่ะ” คนที่อุ้มเมธาสบถ หันไปบอกเพื่อนอีกคนว่า “มึงกับกูแยกกันแล้วไปเจอที่ป้อมเราเลย”
“เออ” ก่อนคนที่อุ้มเปรมจะเร่งความเร็วออกไป
แว่วเสียงล้อเลื่อนดังใกล้เข้ามา เมื่อสเก็ตบอร์ดพุ่งมาถึงสุดความยาวของโต๊ะตัวสุดท้าย ไฟก็ทิ้งกระดานติดล้อแล้วกระโดดเข้ามาเตะสกัดขาเด็กพละที่อุ้มเมธาไว้
มันสะดุดจนเสียศูนย์ มือปล่อยร่างเมธาร่วงลงมา
หมับ!
หมอยาสไลด์ตัวมารับเพื่อนสมัยเด็กไว้ได้ทันท่วงที ครูคณิตเงยหน้าหัวเราะ พูดว่า “เซฟ”
“ยังเหลืออีกคน” สามสีที่เพิ่งจัดการส่วนของตัวเองเสร็จตะโกนขึ้นมา
ตอนนั้นเองที่เท็นกับแชงมาวิ่งออกมาจากฝูงคน ทั้งคู่ไม่ลดความเร็วฝีเท้าจนเลยผ่านพวกไฟไป ไดนาไมต์เห็นแล้วตะโกนว่า
“ฝากด้วยนะ! เท็น! แชง!”
“อา ไว้ใจฉันได้เลย” แชงมายิ้มรับ ส่วนเท็นแค่พยักหน้าเท่านั้น พวกเขาสบตากันแวบหนึ่ง แล้วหนุ่มผมทองก็พยักหน้าให้
ตอนที่ใกล้จะถึงตัวลาสบอสนั่นเองเท็นก็เร่งจังหวะขึ้นนำอีกคน เขาหยุดลงตรงหน้าหนุ่มผมทองก่อนจะย่อตัวลงแล้วประสานมือไว้ในระดับหน้าขา
แชงมายิ้มกว้าง พุ่งเข้าไปเอาเท้าเหยียบมือคู่นั้นแล้วอาศัยแรงส่งของเท็นสปริงตัวข้ามคนตัวใหญ่ไปดักหน้าเด็กพละที่อุ้มเปรมไว้ได้สำเร็จ
“เฮ้ย!” มันร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นแชงมามายืนรอรับ
“ฮ่า เสร็จฉันล่ะ” เด็กหนุ่มวาดขาใส่ท้องอันไร้การป้องกันของอีกฝ่ายเต็มแรง มันร้องเสียงหลงคล้ายจุกพร้อมกับปล่อยเปรมลงจากบ่า
หมับ!
เท็นวิ่งเข้ามารับตัวพ่อครัวไปได้ทันท่วงที
ไอ้ยักษ์ที่อุ้มเปรมตั้งตัวได้แล้ว มันจะวิ่งมาหาพ่อครัวอีกครั้งทว่าโดนแชงมาสกัดไว้ คิงจากวิศวะแสยะยิ้มพร้อมกับเหงื่อที่ซึมข้างขมับ “คู่ของแกมันฉันเฟ้ย!”
“ซ่านักเรอะไอ้หัวทอง!” ร่างใหญ่พุ่งกำจัดเสี้ยนหนามทันที แม้แชงมาจะดูคล่องแคล่วทว่าด้วยขนาดตัวที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดก็ทำให้เขาไม่สามารถสู้อีกฝ่ายได้
ผัวะ!
เด็กหนุ่มผมทองถูกไอ้ยักษ์ชกจนล้มกลิ้ง มุมปากของเขาปริแตก ข้างแก้มฉีกจากรอยแผลเก่าที่ยังไม่สมานตัวดี
“วอนหาเรื่องเองแท้ๆ” มันย่างสามขุมเข้าหา
“หนอย...” แชงมากัดฟันกรอด แต่เขาไม่มีแรงขยับตัวแล้ว
ผัวะ!
รู้ตัวอีกทีร่างไอ้ยักษ์ก็ปลิวไปกระแทกผนังเสียงดังสนั่น แชงมาเบิกตากว้าง มองร่างใหญ่ที่พยายามลุกขึ้นด้วยแก้มอันบวมช้ำหมายจะมาซ้ำเขา
ทว่าเท็นกลับมายืนบังเขาเอาไว้
“ไอ้หน้าตาย! มึงกล้าโยนกูเรอะ!” มันชี้หน้า ดวงตายาวรีฉายแววเย็นชา ไม่พูดพร่ำทำเพลงทศทิศก็พรวดเข้าไปวาดขาใส่อีกฝ่ายเต็มแรง
แว่วเสียงกระดูกด้านในหักดังกร๊อบ ไอ้ยักษ์ที่อุ้มเปรมร้องลั่นแล้วล้มพับลงไป
“อัก!” ก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อโดนไฟเหวี่ยงเพื่อนของมันที่อุ้มเมธาใส่ ตามด้วยคนอื่นๆ ที่พร้อมใจกันลากร่างคู่กรณีอันแน่นิ่งของตัวเองมากองรวมกัน พวกมันห้าคนมองภาพเบื้องหน้าด้วยดวงตาปิดปรือ
ไดนาไมต์ถือปืนยืนหันข้างมองมาด้วยดวงตาเบื่อหน่ายคู่กับสามสีที่ยืนกอดอกด้วยใบหน้าเรียบเฉย ระหว่างพวกเขาคือเมธาที่ยืนถือปืนฉีดน้ำรีลัคคุมะของสามสีด้วยรอยยิ้มสดใส
ถัดมาเป็นโชที่นั่งขัดสมาธิบนพื้นวางปืนไว้บนตัก ใกล้ๆ เป็นไฟที่ยกปืนขึ้นพาดบ่าพร้อมรอยยิ้มร้าย
ปิดท้ายด้วยเปรมเอาตัวมาบังแชงมาไว้ และเท็นที่กำลังคว้าคอเสื้อของเขาในระยะประชิด
พวกนี้...น่ากลัว“การจับกุมเสร็จสิ้น”
พูดจบพวกเปรมก็พร้อมใจกันฉีดน้ำใส่คนร้ายเป็นอันเสร็จพิธี
แล้วถนนหน้าตึกคณะบริหารก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง พวกเปรมเล่นน้ำไล่ปะแป้งกันอย่างสนุกสนาน เท็นเดินตัวติดกับกุ๊กท่ามกลางเสียงโวยวายของแชงมาที่ได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเรียบร้อย เปรมมองทั้งคู่ทะเลาะกันเหมือนเด็กๆ เช่นทุกทีแล้วสั่นหัว แต่ก็ยิ้มออกมา
พวกที่เหลือแห่กันไปปะแป้งสาว ในขณะที่เดย์กับเมธาแอบมานั่งพักยกมองบรรยากาศโดยรอบเงียบๆ
“ให้ตายสิ จะว่าบ้าหรือเท่ดีล่ะ” เดย์ถอนหายใจ เมธารู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไรจึงหัวเราะ “หลังเรื่องวุ่นวายจะกลายเป็นเสียงหัวเราะเสมอนะ”
“ก็คงงั้น” เดย์ดึงลูกสูบในมือเล่น พูดว่า “รักกันน่าดูเลยนะพวกนายน่ะ”
“เป็นแบบนั้นแหละ...พวกเขาน่ะ” เมธามองพวกเปรมที่กำลังตะโกนสัพยอกกันยิ้มๆ ถามอย่างนึกขึ้นได้ว่า “แล้วห้าคนนั้นไปไหนแล้วล่ะ”
“โดนคิงของคณะศึกษาลากไปจัดการแล้ว” เดย์ตอบ เมื่อรู้สึกหายเหนื่อยแล้วจึงพร้อมร่วมศึก “ไปเล่นกันเถอะ”
“เดย์ไปก่อนเลย เราขอพักอีกแป๊บหนึ่ง” เมธายิ้ม
“เร็วๆ ล่ะ”
เมธามองหนุ่มตาเหยี่ยววิ่งออกไป บรรยากาศรอบข้างเงียบไปอึดใจคล้ายสลับฉาก
“โทษนะครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างตัว เมธาหันไปมอง สะดุ้งยามร่างสูงหยุดยืนตรงหน้า เขาสวมหน้ากากสีขาวปิดบังใบหน้า ในมือถือขันใส่แป้ง
“ขอปะแป้งหน่อยได้ไหม” เสียงทุ้มนั้นอู้อี้ เมธาเลิกคิ้ว “เอ่อ...นาย?”
“...”
ร่างสูงยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่พูดอะไรออกมาอีก เมธาถอนหายใจ พูดออกมาในที่สุด
“เอาสิ”
มือหนาที่เต็มไปด้วยแป้งยกขึ้นป้ายลงแก้มขาวข้างซ้าย...และข้างขวา อย่างอ่อนโยน แล้วร่างสูงก็โน้มตัวลงมา
จุ๊บ...
ริมฝีปากของทั้งคู่อยู่ในระนาบเดียวกันทว่าถูกกั้นด้วยหน้ากาก เมธาตัวแข็งค้าง
“ขอบคุณ” ร่างสูงพูดแค่นั้นแล้ววิ่งออกไป เมธากระพริบตา ร้องเสียงแผ่ว “เดี๋ยว...” แต่อีกฝ่ายไม่มีทางได้ยิน หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างนึกประหลาด
ตอนนั้นเองที่เปรมส่งเสียงเรียกสติเขา “เม! งานจะเลิกแล้ว มาเล่นด้วยกันเถอะ!”
เมธาหลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจก่อนจะฉีกยิ้มสดใส
“รอด้วย!”
ไกลออกมาไม่มากนัก ที่ป้อมปราการของคณะเศรษฐศาสตร์ ประธานรุ่นชั้นปีที่หนึ่งกำลังมองหาใครบางคน
“มีใครเห็นหมอนั่นบ้าง”
เขาหมายถึงไอ้ตัวแสบของคณะ ตอนนั้นเองที่ร่างสูงปรากฏตัวขึ้นด้านหลัง ทุกคนหันไปมอง พร้อมใจกันสะดุ้ง
“หน้ากากเหี้ยไรของมึงเนี่ย!” ใครคนหนึ่งโวยวาย
ตามด้วยอีกคน “กูตกใจหมด! ไอ้ห่า!”
“ก็หล่ออะ ไม่ใส่เดี๋ยวโดนสาวปะแป้ง” ไอ้ตัวแสบตอบเสียงอู้อี้ ก่อนจะถอดหน้ากากออก
“หมันไส้” เหล่าคนฟังเบ้ปาก คนตัวสูงหัวเราะ เขาจ้องหน้ากากในมือ พลันภาพดวงตาคู่โตของคนตัวเล็กฉากเมื่อกี้ก็ปรากฏขึ้นในหัว
“อืม...จูบแบบไม่มีหน้ากากดีกว่าจริงๆ นั่นแหละ”
เอื้ออังกูรพึมพำออกมา
****************************************************** *
สวัสดีค่าาา า

มาช้าไปหน่อยแต่ก็ 5555555555555 5
วันไหลอะโนะ
ไหลมาไกลมาก 555555555555 5
สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ ขอโทษที่มาลงช้าค่ะ
นี่ก็มาได้ครึ่งทางแล้ว ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามและกำลังใจมาก ๆ เลยนะคะ

เจอกันตอนที่สิบหกค่าาาา า