เด็กหนุ่มเจ็ดคนเดินเรียงแถวเข้าเครื่องเล่นเฮอริเคน นำทีมโดยโช ตามด้วยไฟ ไดนาไมต์ เมธา สามสี เปรม ปิดท้ายด้วยเท็น พวกเขาเลือกที่นั่งแถวหน้าและนั่งเรียงกันตามลำดับ
เปรมดึงที่ล็อคด้านบนลงมา ก่อนที่ล็อคด้านล่างจะเอนเข้าหาตัว พ่อครัวหันไปมองเด็กตัวโต พบอีกฝ่ายในสภาพเดียวกันจ้องเขากลับมาตาแป๋ว
โชเหลือกตายิ้มโรคจิตพูดเสียงเล็ก “ใครกรี๊ดตุ๊ดนะเว้ย”
“ลูกผู้ชายอกสองศอกกว่าๆ อย่างกู ไม่กรี๊ดอยู่แล้ว” เปรมหันไปยืดอก
“ไอ้เหี้ยสามอย่าแจกข้าวมันไก่นะมึง” ไดนาไมต์มองหวาดๆ
“กูจะพ่นแจกมึงคนแรกเลยสัด” สามสีหรี่ตาตอบ
“แหมไอ้โช กลัวตัวหดเลยนะ” ไฟสัพยอกคนข้างๆ
“ไอ้เหี้ย มึงอ้วกแน่!” โชตะโกนใส่อย่างแค้นเคือง
“ตื่นเต้นจัง” เมธาตาเป็นประกาย เขาหันไปทางทศทิศ “ไม่ได้มาเล่นแบบนี้ด้วยกันนานแล้วเนอะเท็น”
“นั่นสิ”
“ทุกคนล็อคดีแล้วใช่ไหม” สามสีถามขึ้น ทุกคนพยักหน้าเมื่อตัวเองอยู่ในสภาพเรียบร้อย เปรมหันไปมองเด็กโข่งอีกครั้ง ถามว่า
“ตื่นเต้นไหม?”
“มาก” ดวงตายาวรีนั่นเป็นประกาย
ตอนนั้นเองที่ดนตรีประกอบเร่งจังหวะดังขึ้น แล้วเฮอริเคนก็เริ่มโยกตัว
โชลงจากเฮอริเคนมาด้วยสภาพเสียศูนย์ เขาได้ไดนาไมต์ช่วยประคองไว้ ข้างๆ เป็นไฟที่เดินเซกอดคอลงมากับสามสี เท็นในสภาพแบกพ่อครัวไว้บนหลังถามว่า “เพื่อนๆ ไหวไหม?”
“ไหว!” เปรมกับโชและไฟตอบพร้อมกัน ก่อนสามหนุ่มจะวิ่งหน้าเขียวไปปล่อยของเก่าในท้องออกมาใส่ถังขยะสามใบที่ตั้งอยู่แถวนั้น ในขณะที่เมธาเดินลงมาด้วยท่าทีสบายๆ
“นั่งเงียบๆ อ้วกเพียบนะครับ” ไดนาไมต์พูดขณะประคองโชให้อ้วกลงถัง สามสีสั่นหัวหน่ายๆ พลางลูบหลังให้ไฟ “มึงสองตัวนี่พอกันเลยนะ”
โชกับไฟหันขวับ ประสานเสียงว่า “ไม่เหมือน!” ก่อนจะหันกลับไปอ้วกต่อ
“ไอ้เหี้ย...” เปรมที่กอดถังขยะใบกลางอ้วกอยู่ครางตาละห้อย “กูเป็นนายกเมื่อไหร่จะสั่งเก็บเครื่องห่าพวกนี้ให้หมดเลย แม่งเอ๊ย...โอ้กกก!”
เท็นที่ลูบหลังให้พ่อครัวอยู่พูดว่า “พักก่อนไหม”
“ไม่!” โชคัดค้าน เขายืดตัวขึ้นมาด้วยใบหน้าซีดขาว “นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น!”
“ไอ้ห่า แค่เริ่มก็จะตายห่าอยู่แล้วนี่ไง!” เปรมหันไปด่า ชี้ไฟที่อ้วกอยู่ถังข้างๆ แล้วพูดว่า “มึงดูไอ้ไฟด้วย เหี้ยอ้วกจนไส้จะออกมากองอยู่แล้ว”
“มันเป็นการแสดง!” หมอยาเถียงกลับมา
สามสีเหลือบตามอง “แหม อินเนอร์มึงแรงมาก”
“เมธาแม่งเซอร์ไวเวอร์สัดอะ” ไดนาไมต์มองคนตัวเล็กที่ยืนยิ้มมีออร่าดอกไม้บานอยู่ข้างๆ เมธาดูไม่มีปฏิกิริยาย่ำแย่อะไรแม้แต่น้อย
“เราว่าสนุกดีนะ”
“มันต้องอย่างนั้น” ไดนาไมต์ยิ้มเผล่ เขาชูมือขึ้น พูดว่า “ทีมเซอร์ไวเวอร์...ป๊ะมือ!” ก่อนจะเดินไปหาทีมผู้รอดชีวิตเพื่อตีมือเรียงคน เริ่มจากเมธา เท็น และสามสีตามลำดับ
ไฟเงยหน้าขึ้นมาตาโหล “ไอ้เหี้ย ท้องกูโล่งละ จัดอันต่อไปมา”
“เมธาอยากเล่นอะไร?” หนุ่มผมทองหันมาถาม
“อันนั้น!” ครูคณิตพูดพลางชี้ไปข้างหน้า เท็นมองตามแล้วดวงตาเป็นประกาย
“โอ้ เลือกได้ดี” ไดนาไมต์ผิวปากหวือ สามสียืนสูดลมหายใจลึก “หืม เลือดนักสู้กูนี่พลุ่งพล่านเลย”
เปรมนั่งกอดถังขยะตาลอย ขณะที่ไฟกับโชเห็นแล้วครางออกมาพร้อมกัน “เอาจริงดิ...”
“อื้อ!” เมธายิ้มกว้างก่อนจะวิ่งนำออกไปกับหนุ่มผมทอง
แว่วเสียงดีเจพากย์ประกอบดนตรีเร่งจังหวะสร้างบรรยากาศให้คึกคัก ฝูงชนบนเครื่องเล่นไวกิ้งกรีดร้องกันระงม แต่ที่ครื้นเครงสุดคงไม่พ้นเด็กหนุ่มเจ็ดคนที่แบ่งกลุ่มเป็นสามกับสี่แล้วจับจองพื้นที่หัวเรือคนละฝั่ง
เปรมกับโชที่นั่งอยู่ตรงหัวเรือฝั่งซ้ายหวีดเสียงดังลั่น
“ว้ากกกกกกกกกกกกกก!”
ไดนาไมต์ที่นั่งฝั่งตรงข้ามหัวเราะลั่น “ไอ้เหี้ย ทำไมพวกมึงกากจังวะ”
“กูสร้างกระแสเว้ย! จริงๆ เฉยๆ มาก!” ไฟที่นั่งข้างเปรมตะโกนแก้ตัว พวกเขาแบ่งทีมกันตามสภาพสังขารจากเครื่องเล่นอันแรก ตอนนี้หัวเรือฝั่งซ้ายจึงเป็นโช เปรมและไฟนั่งเรียงกันตามลำดับ
พ่อครัวกำราวจับไว้แน่น พูดด้วยสีหน้าย่ำแย่ “มึง...กูจะอ้วก”
“เฮ้ยๆๆๆ อย่านะมึง!” ไฟที่นั่งข้างกันหันมาพูดตาเหลือก เปรมทำหน้าจะร้องไห้ “ไอ้เหี้ย กูไม่ไหวแล้ว ฮือ...อุก!”
“ไอ้โชดูเพื่อนมึงด้วยยยย!” ไฟตะโกนข้ามหัว โชหน้าเหวอ รีบพูดว่า “เปรมสนใจกูเร็ว ไอ้เปรมมึงสนใจกู” เด็กประมงเต้นตามจังหวะเรียกความสนใจจากเพื่อนด้วยใบหน้าเหมือนจะร้องไห้
ไวกิ้งเหวี่ยงตัวยกหัวเรือฝั่งขวาขึ้น ทีมเซอร์ไวเวอร์อันประกอบไปด้วยไดนาไมต์ เมธา เท็นและสามสียกมือขึ้นพร้อมกันแล้วเปล่งเสียงว่า
“ฮุเร่!”
“เร่โพ่งงงงงงงงงงง!” โชกับไฟที่กำลังสะกดจิตไม่ให้เปรมอ้วกตะโกนออกมาพร้อมกัน
มาถึงรอบที่หัวเรือฝั่งเปรมโดนเหวี่ยงขึ้นบ้าง ลมเย็นพัดเข้าหน้า ก่อนไวกิ้งจะทิ้งตัวลงอีกที อาการเสียววูบในท้องน้อยจู่โจมพ่อครัวอย่างโหดร้าย ไฟสบถ “แม่งเอ๊ย โดนเหวี่ยงลงทีไรกูเตรียมใจไม่ทันทุกที”
“ไอ้สัด เหมือนลงมาแต่ตัวอะมึง วิญญาณกับไส้ยังอยู่ข้างบน” โชบรรยายความรู้สึก ยังมีแก่ใจหันไปหาคนข้างๆ ที่นอนฟุบไหล่เขาอยู่ “ไอ้เหี้ยเปรมมึงไหวไหมเนี่ย”
“ฮือ...ยังไม่ได้โทรบอกแม่เลย...”
“สัด ทำใจดีๆ ไว้” ไฟปาดเหงื่อ ตอนนั้นเองที่หัวเรือฝั่งทีมเซอร์ไวเวอร์ยกขึ้นสูง ไดนาไมต์ชะโงกตัวชูแขนอย่างหวาดเสียว ตะโกนว่า “เอ้าขอมือขวาหน่อย!”
“เอาตีนกูไปก๊อน!” สามหนุ่มจากอีกฝั่งตะโกนตอบ
“พวกนั้นแม่งฮา” ไดนาไมต์พูดกับสามสีที่นั่งอยู่ข้างกัน มือเด็กหนุ่มตัวสูงชื้นเหงื่อเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มแล้วบอกว่า “ไอ้เหี้ยเปรมจะตายแล้วมั้งน่ะดูท่า”
ตอนนั้นเองดีเจกรอกเสียงใส่ไมค์ “เอาล่ะครับ เนื่องจากรอบนี้ครื้นเครงจนมีแฟนๆ เรียกร้อง เราจะขอต่อเวลาให้รอบนี้เป็นกรณีพิเศษนะคร้าบ มาสนุกกันดีกว่า!”
สามทหารเสือจากหัวเรือฝั่งซ้ายส่ายหน้า ร้องออกมาพร้อมกัน
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยย”
ทันทีที่เรือยักษ์สงบลง เปรม โชและไฟก็วิ่งพรวดเข้าไปอ้วกใส่ถังขยะสามใบที่ตั้งเรียงกันอยู่ทันที แต่ละคนตั้งหน้าตั้งตาอ้วกอย่างไม่มีใครยอมใคร
เมธายังคงมีท่าทีสบายๆ เช่นเดิม “สนุกจังเลย”
“เอาล่ะเด็กๆ...เล่นเสร็จทำไง?” ไดนาไมต์ยกมือสองข้างขึ้นมา เท็นกับเมธาหันไปตีมือกับหนุ่มผมทองทันทีอย่างรู้งาน ไดนาไมต์เดินไปหาสามสีที่ยังไม่ได้ป๊ะมือ พูดว่า “ยังเหลืออีกคน...”
ทว่าสามสีกลับวิ่งออกไป ก่อนจะโก่งคออ้วกข้าวมันไก่ตอนเช้าออกมาใส่ถังขยะข้างๆ โช หนุ่มผมทองยกมือค้าง ทำหน้าตายแล้วพูดว่า “สามสี...กูมีความจำเป็นที่ต้องเอามึงออกจากทีม”
“ไอ้สามมาอยู่กับพวกกูนี่ สตีลมึงเข้าทีม ‘พ่ายสังขาร’ รัวๆ” โชตบไหล่คนตัวสูง เท็นเดินเข้ามาลูบหลังพ่อครัวที่นอนกอดถังขยะ ยื่นขวดน้ำเปล่าที่พกมาให้แล้วพูดว่า
“กุ๊กอย่าตายนะ”
“ฉันไม่ตายหรอกน่า...โธ่เอ๊ย” เปรมสวนด้วยใบหน้าจะร้องไห้ รับน้ำอีกฝ่ายมาดื่มอย่างอ่อนแรง ไดนาไมต์ยืนลูบหลังให้สามสีกับโชกลั้วหัวเราะ “พวกมึงไหวมั้ยเนี่ย”
ไฟที่ได้เมธาประคองให้อ้วกลงถังเงยหน้าขึ้นมา พูดเสียงแหบ “กูโอเค...”
“มึงแน่ใจนะ” ไดนาไมต์มองหมอยาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะถามคนอื่นๆ ว่า “ต่อไปเล่นไรอะ?”
เท็นถามเพื่อนสมัยเด็ก “เมอยากเล่นอะไร”
“มึงยังจะให้เมเลือกอีกเรอะ!” โชหันมาเหลือกตาใส่ เมธาฟังแล้วหัวเราะ สามสีที่ย้ายทีมแล้วคัดค้าน “ไม่ๆ เวียนกันเลือกเดี๋ยวนี้เลยมึง แม่งแต่ละอย่าง เอาซอฟต์ๆ หน่อยสิวะ”
“เราไปเล่นรถคุณปู่กันมั้ย...” เปรมพูดด้วยหน้าจะร้องไห้
“นั่นก็ซอฟต์ไป๊!” ไฟตะโกน เขาดีขึ้นแล้ว หมอยายืนแล้วพูดว่า “เฮ้ย รอบนี้กูเลือกเอง”
“เล่นเหี้ยอะไรอีกอ่ะ กูไม่เอาไอ้วนๆ เวียนๆ แล้วนะ พักก๊อนนน!” เปรมหลับตาร้องเสียงสูง ก่อนเด็กโข่งจะแกะพ่อครัวออกจากถังขยะมาประคองไว้ อัคคีส่ายหน้า “โนๆ รอบนี้ภาคพื้นดิน”
“อะมึงนำ” ไดนาไมต์ดึงสามสีขึ้นมา ส่วนเมธาช่วยพยุงเด็กประมง
ก่อนพวกเขาทั้งหมดจะเดินตามไฟไป
บรรยากาศในสวนสนุกเต็มไปด้วยความคึกคัก สองข้างทางมีเก้าอี้ยาวตั้งไว้ให้นั่งพักเป็นระยะ แว่วเสียงเพลงบรรเลงจากนักสีไวโอลินรูปร่างผอม ตัวการ์ตูนมาสคอตสีสันเดินสวนกันแจกลูกโป่งอย่างสดใส กลุ่มเด็กหนุ่มก้าวขาไปตามการชักจูงของคนผมแดง โชกับสามสีอาการดีขึ้นแล้ว ในขณะที่เปรมเดินดมยาดมอยู่ข้างเท็นเงียบๆ
การเดินทางสิ้นสุดเมื่อไฟหยุดขาลง เมธาเงยหน้าอ่านป้ายเครื่องเล่น
“ปราสาทผีสิง?”
“นี่แหละ!” อัคคียืดอก “กลั่นกรองมาอย่างดี สนุกสนาน”
“ถุย ของหลอกเด็ก” โชเหยียดตาใส่ ไดนาไมต์เอี้ยวคอพูดเสียงสูง “โห่เอ๊ย ปัญญาอ่อนว่ะ”
“พวกมึงกลัวกันอะเด้” สามสียิ้มเผล่ เด็กประมงกับหนุ่มผมทองหันขวับ “ไม่ได้กลัวเว้ย!”
“เข้าไปเดี๋ยวจะกรี๊ด” ไฟแสยะยิ้ม ไดนาไมต์มองซ้ายมองขวา ลอยหน้าลอยตาตอบ
“กรี๊ดก็ตุ๊ดแล้ว!”
พวกเปรมรอจนคนฉีกตั๋วให้สัญญาณแล้วจึงก้าวผ่านประตูสีดำเข้ามา ด้านในนั้นมืดและเย็นจัด ทว่ายังพอให้เห็นแสงสีเขียวกับควันสีขาวบ้างอยู่ประปราย บนพื้นปรากฏรอยเท้าเรืองแสงกำหนดเส้นทาง คาราวานครั้งนี้นำทีมโดยไฟ ตามด้วยโช สามสี ไดนาไมต์ เมธา เท็นและเปรมปิดท้าย
เด็กหนุ่มเจ็ดคนก้าวขึ้นบันไดปราสาท เสียงกรีดร้องและคำรามของเหล่าภูตผีดังระงม บรรยากาศหนักอึ้งชวนอึดอัด โชขมวดคิ้ว เขาเขย่าตัวหมอยาอย่างหงุดหงิด
“ไอ้ไฟมึงเดินเร็วๆ ดิวะ!”
“ห่า ขากูจะขวิดกันอยู่แล้วเนี่ย!” ไฟหันมาโวย อดยอมรับไม่ได้ว่าเลือกเล่นเองก็กลัวเองเหมือนกัน ถัดมาเป็นสามสีที่พูดกลั้วหัวเราะว่า “ไหนว่าไม่กลัวไงมึง ละเกาะกูทำเหี้ยไร”
ไดนาไมต์ก้มหน้าพูดเสียงเบา “เดี๋ยวมึงหลง...”
“หรา?” สามสีขำ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าจุดอ่อนของหนุ่มผมทองคือความมืด เมธากวาดตาไปรอบๆ อย่างสนใจ ด้านในบริเวณนี้มีแต่พวกเขาเท่านั้น ตามด้วยเท็นกับเปรมที่เดินรั้งท้าย
“กุ๊ก”
“หืม”
“จับมือกัน” เสียงทุ้มโมโนโทนเอ่ย เปรมหันไปมอง “กลัวเหรอ?”
“เปล่า แค่อยากจับ”
“...” เปรมกระพริบตา แต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายคว้ามือไปแต่โดยดี
“กรี๊ดดดดดดดดด!”
พวกเด็กหนุ่มสะดุ้งเมื่อได้ยินคนกรีดร้อง เดาได้ว่าน่าจะมาจากกลุ่มที่เดินนำพวกเขาเข้ามาก่อนหน้านี้ โชมองซ้ายมองขวาเลิกลัก ปากพึมพำ “เหี้ยไรวะๆๆๆ” ไม่หยุด
สองข้างทางของพวกเขาตอนนี้เป็นกรงขนาดใหญ่คล้ายเอาไว้ขังนักโทษ เพียงแต่นักโทษที่ว่านั้นมีสภาพสยดสยองกว่าปกติหลายเท่าตัวนัก พวกมันขู่คำรามใส่พวกเขา โชสะดุ้งเมื่อมีนักโทษผีตัวหนึ่งพรวดเข้ามาเกาะลูกกรงตรงที่เขายืนอยู่
“ไอ้เหี้ยกูตกใจหมด! มึงว่างเหรอมาหลอกกูเนี่ย!” มันยังมีแก่ใจหันไปทะเลาะกับผี แล้วคาราวานเด็กหนุ่มก็เคลื่อนตัวผ่านเส้นทางนี้ไป
ไฟเดินนำทุกคนมาจนถึงบันไดทางลง ตอนนั้นเองที่มีผีตัวหนึ่งพรวดเข้ามาจากทางซ้าย
“ว้ากกกก!” ไดนาไมต์ร้องลั่นก่อนจะคว้าแขนสามสีวิ่งแซงหน้าหัวแถวออกไป ฝ่ายหลังหน้าเหวอ ตะโกนลั่น “ไอ้ไดอย่าวิ่ง!” ทุกคนตกใจ โชกำลังจะวิ่งตาม ทว่ากลับโดนผีจากเพดานปราสาทห้อยหัวลงมาดังฟุ่บ!
“ไอ้เหี้ยยยยยย” เด็กประมงร้องลั่นอย่างตกใจ เขาวิ่งตาเหลือกกลับมาหลบหลังไฟอีกรอบ ชลันธรซุกหน้าลงแผ่นหลังใหญ่ ปากพึมพำ “ช่วยด้วยๆๆ” ไม่หยุด
“เชี่ยๆๆๆ!” ไฟอุทานเมื่อตัวเองโดนดันไปสบตากับผีห้อยหัวเต็มๆ ไหนจะไอ้ตัวแสบที่เขย่าตัวเขาเป็นอังกะลุงนี่อีก “ไอ้ไฟมึงทำอะไรสักอย่างเด้!”
“ไอ้เหี้ยกูสู้นะเว้ย!” ไฟตั้งการ์ดใส่ผีห้อยหัว พอเพ่งดูถึงรู้ว่ามันเป็นแวมไพร์ เมธามองหัวแวมไพร์ที่เด้งดึ๋งต้านแรงโน้มถ่วงนั่นแล้วหัวเราะออกมา “ผีตลกอะ”
“เท็น ไม่ต้องกลัวนะ” เปรมพูดออกมาพลางกระชับมืออีกฝ่ายที่อยู่ด้านหลัง เป็นจังหวะที่เท็นส่งเสียงมาจากอีกทาง “กุ๊ก...เราอยู่นี่”
เปรมหันไปมอง ร้องอ้าว ถ้าเท็นอยู่นี่...แล้วที่เขาจับอยู่ล่ะ?
“ไอ้เหี้ยยยยยยยย!”
พ่อครัวร้องลั่นเมื่อยกแขนตัวเองขึ้นมา ปรากฏมือปริศนาที่อาบไปด้วยเลือด อารามตกใจ เขากระชากมือหวีดสยองนั่นเข้ามาก่อนจะต่อยหน้าผีตัวนั้นเข้าไปเต็มแรง
“ไอ้ผีเวร! มึงหลอกกู! นี่!” เหมือนจะยังไม่สาแก่ใจ พ่อครัวถอดกระเป๋าสะพายออกจากตัวแล้วฟาดเข้าไปเต็มแรง ร้อนถึงโชต้องหันกลับมาช่วยห้ามเพื่อไม่ให้เพื่อนต้องกลายเป็นฆาตกร
“มึงๆ มันตายแล้ว ห่า พอแล้ว!”
“กุ๊กพอแล้ว มันตายแล้ว”
“ไอ้เหี้ยเปรมใจเย็นๆ สิวะ!” ไฟหันมาห้าม ตอนนั้นเองที่มีมือเปื้อนเลือดพรวดมาคว้าแขนเขาดังหมับ หมอยาร้องลั่น เขาถีบผีกลิ้งตกบันไดก่อนจะคว้าหลังคอเสื้อโชแล้วสับขาวิ่ง
“ไอ้เหี้ยไฟ!!!!!!”
เมธามองโชที่ร้องลั่นเพราะไฟวิ่งไปโดยไม่สนใจข้างหลัง ทำให้หัวแวมไพร์ที่ห้อยลงมาเกี่ยวติดหัวเด็กประมงไปในสภาพทุลักทุเล สลับกับเปรมที่ยืนหอบหลังได้เท็นมารวบตัวไว้จากด้านหลัง
แล้วครูคณิตก็หัวเราะออกมาให้กับความวุ่นวาย
พอออกจากปราสาทผีสิงพวกเปรมก็ไปหาอะไรกินตามคำเรียกร้องของไดนาไมต์ สิบเอ็ดโมงพวกเขาจึงต่อด้วยสกายโคสเตอร์ แกนนำคือเมธากับไดนาไมต์ โชกับไฟฟื้นตัวแล้ว พวกเขาเดินทะเลาะกันเข้าเครื่องเล่นไปโดยมีสามสีคอยยืนห้ามทัพอยู่ตรงกลาง ส่วนเปรมเดินจูงมือเด็กตัวโตตามเงียบๆ
เปรมกับโชเดินลงสกายโคสเตอร์มาด้วยยาดมคนละแท่ง ก่อนเมธาจะเดินทำหน้าดอกไม้บานพาพวกเขาไปต่อที่เมืองหิมะ ทั้งเจ็ดคนรับเสื้อโค้ทกับรองเท้าจากเจ้าหน้าที่มาสวม
สามสีมองตัวเองกับเพื่อนๆ ในกระจกแล้วพูดว่า “เหมือนจะไปขายปลาเลยอะ”
เด็กหนุ่มทั้งเจ็ดวิ่งเข้าไปจับจองเนินสไลด์เดอร์ที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งด้านในกันอย่างครื้นเครง พวกเขาแกล้งกัน เถียงกัน สัพยอกกันบ้างตามประสาวัยรุ่น สร้างบรรยากาศให้เกิดเสียงหัวเราะจนคนรอบข้างเห็นแล้วต้องยิ้มไปตามๆ กัน
พอออกจากเมืองหิมะพวกเปรมก็ไปที่เครื่องเล่นซูเปอร์สแปลช ทว่าพ่อครัวกับหมอยาขอถอนตัวจากรอบนี้ ที่เหลือไปนั่งบนเครื่องเล่นโดยไม่คิดใช้เสื้อกันฝนด้วยซ้ำ ทันทีเรือยนต์พุ่งตัวลงทั้งห้าคนก็เปียกไปหมดทั้งตัว แต่เหมือนยังไม่สาแก่ใจ พวกนั้นไม่วายไปวิ่งรับน้ำบนสะพานอีกฝั่ง
เปรมกับไฟยืนมองสภาพแต่ละคนตอนยืนรับน้ำแล้วหัวเราะออกมา พวกไดนาไมต์จบภารกิจด้วยเนื้อตัวที่เปียกโชก เปรมยื่นผ้าขนหนูที่ซื้อมาจากร้านแถวนั้นให้เพื่อนๆ
เปรมมองสามสีกับไดนาไมต์และเมธายืนเช็ดผมคุยกันถึงความรู้สึกบนสะพานเมื่อครู่ ในขณะเท็นเดินตัวเปียกเข้ามาหาเขา เด็กโข่งก้มหัว พูดว่า
“กุ๊ก เช็ดหัว”
เปรมมองหน่ายๆ แต่ก็ยอมเช็ดผมให้เด็กตัวโต
“ไอ้เหี้ยมึงไปห่างๆ กูเลยนะ!” ในขณะที่ไฟเดินหนีเมื่อโชวิ่งตัวเปียกเข้าไปหา เด็กประมงวิ่งไล่หมอยาตัวโตอย่างนึกสนุก ลงท้ายด้วยกระโดดเกาะก่อนจะซุกหน้าเปียกๆ ลงกับอกเสื้อแห้งๆ นั่น
ไฟโวยลั่น “เสื้อกู ห่าเอ๊ย”
“ฮ่าๆ” โชหัวเราะสะใจ แลบลิ้นให้แล้ววิ่งหนีออกมาก่อนจะโดนโบก ทิ้งไฟยืนบ่นเป็นหมีกินผึ้งอยู่ตรงนั้น เมื่อเดินถ่ายรูปเล่นไปตามทางจนตัวหมาดแล้วพวกเขาก็ไปเล่นแรพเตอร์
รอบนี้เมธากับสามสีขอบาย พวกเขาอาสายืนถือของให้อยู่ข้างล่าง บนเครื่องเล่นที่เหมือนถังพื้นวงกลมขนาดใหญ่ แรพเตอร์หมุนไปตามเสียงดนตรี อาจมีโยกขึ้นลงบ้างตามลูกเล่นของคนควบคุม ดีเจเปิดปากแซวคนเล่นอย่างอารมณ์ดี
“หนุ่มผมแดงเสื้อเชิ้ตหล่อจังชื่ออะไรคนใกล้ๆ ฝากถาม~”
แว่วเสียงเป่าปากแซวดังมาจากทั่วสารทิศ ไฟหัวเราะ “ชื่อไฟครับ”
“กรี๊ดดดดดดดดด” สาวเล็กสาวน้อยส่งเสียงกันให้แซ่ด ดีเจผิวปากหวือ “ว้าว ร้อนแรงดั่งภาพลักษณ์จริงๆ ครับ แล้วพี่ผมดำเสื้อขาวที่นั่งข้างกันล่ะครับชื่ออะไร~”
ไฟสะกิดเพื่อนข้างตัว เด็กโข่งเงยหน้าตอบเสียงทุ้ม
“เท็น”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” ชะนีน้อยใหญ่ทั้งหลายพร้อมใจกันกรี๊ดจนหมดหลอด ก่อนแรพเตอร์จะหมุนไปจนจบรอบท่ามกลางสายตาสาวๆ ที่จ้องพวกเปรมเป็นตาเดียว
ตะวันบ่ายคล้อย เมธารู้สึกเหนื่อยจึงอาสานั่งเฝ้าของให้ทุกคนบนเก้าอี้ยาวใต้ร่มไม้ใหญ่ จากตรงนี้เขาเท็นกำลังขับรถคุณปู่ด้วยดวงตาเป็นประกาย ในขณะที่เปรมเอาแท่งยาดมอุดจมูกนอนแผ่อยู่บนเบาะหลังอย่างหมดแรง สี่คนที่เหลือไปต่อคิวเล่นทอร์นาโด
วันนี้เมธาสนุกมาก นึกขอบคุณเท็นกับไฟที่แนะนำเพื่อนใหม่ให้รู้จัก เขาชอบเปรม ไดนาไมต์ สามสีและโชมาก คนพวกนี้มีเสน่ห์และเข้ากับคนได้ง่าย ความจริงใจที่ไม่มีอะไรแอบแฝงทำให้เขาหลงรักเพื่อนกลุ่มนี้เข้าเต็มเปา
เมธานั่งมองไปรอบตัว แม้วันนี้จะสนุกมาก แต่เขาก็เหนื่อยมากเช่นกัน เด็กหนุ่มเอนหลังกับพนักพิง หลับตาลงช้าๆ ในหัวปรากฏภาพใครบางคน
‘เราชอบนายนะ’
เสียงของเขาเอง...ตอนนั้นเมธารวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีเพื่อบอกออกไป
ทว่าฝ่ายนั้นยิ้มหยัน
‘โง่น่า ผู้ชายสองคนจะรักกันได้ยังไง ประสาท’
เมธาลืมตาอย่างเจ็บปวด เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า กวาดสายตาไปรอบๆ อีกครั้ง ไม่รู้อะไรดลใจให้หันไปทางชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังเดินควงแขนกันอยู่ใกล้ๆ เมธาจ้องผู้ชายคนนั้นอย่างห้ามใจตัวเองไม่ได้
ตอนนั้นเองที่ผู้ชายคนนั้นหันมา เมธาเบิกตากว้าง
ใบหน้านั้น...
‘โง่น่า’
ใบหน้าของคนใจร้ายนั่น...
“เมธา...”
เสียงทุ้มคุ้นหูนั้นเอ่ยเรียกเขา
“ไม่...”
เด็กหนุ่มกลืนน้ำลาย เรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงอันแหบแห้ง
“เอื้ออังกูร” ****************************************************** *
สวัสดีค่าาา า

ทิ้งท้ายด้วยการเปิดตัวบุคคลปริศนา
มาวันเว้นวันเลย สอบคืออะไรไม่รู้จัก 555555555 5
ส่วนเรื่องมหาลัยที่คนเขียนเรียนอยู่ ก็ .. ตามนั้นนะคะ 5555555 5
แหม มันก็มีอิน ๆ กับสถานที่กันบ้าง ก็เพิ่มเติมคณะที่อยากให้มีลงไป
ปน ๆ กัน กลมกล่อมดี 555555555 5
ตอนหน้าอาจจะทิ้งห่างกับตอนนี้นานสักหน่อยนะคะ
มิดเทอมยาว ๆ ไปเลยค่ะ ฝากคิดถึงไอ้พวกตัวแสบทั้งหลายด้วยนะคะ
ดีใจที่อ่านแล้วชอบค่ะ ขอบคุณทุกการติดตามมาก ๆ เลยนะคะ
**เพิ่มเติมนิดนึง**
ใครที่เล่นทวิตเตอร์อย่าลืมไปเล่นแท็กนี้กันน้าา า
#เสื้อกาวน์รุกเสื้อกุ๊กรับ 
เจอกันตอนที่เก้าค่าาาาา า