ตอนที่ 2
ความเงียบกัดกินหัวใจคล้ายกับโลกทั้งใบกำลังหยุดนิ่ง เบียร์เลือกที่จะเดินออกไปเงียบๆ ไม่ได้ก้าวล้ำความเป็นส่วนตัวระหว่างผมกับพี่ ดวงตาคู่นั้นจ้องมองจากแข็งกร้าวแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนลง เขาเอื้อมมือมาจับแก้มผมอย่างแผ่วเบาซึ่งผมก็ทำได้เพียงแค่ยืนนิ่ง ปล่อยให้ปลายนิ้วเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มเท่านั้น
มันอบอุ่น โหยหา และอยากครอบครองอีกครั้ง
ทั้งที่ตอนนี้ไม่แน่ใจแล้วว่าพี่จะรักเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า
“พูดอะไรอย่างนั้นสิงหา” เสียงทุ้มตอบกลับมา หมายความว่ายังไงความหมายในคำพูดนั้น
“พี่จะรักผมเหมือนเมื่อก่อนใช่มั้ย ไม่ต้องมากก็ได้ขอแค่นิดเดียวก็ยังดี”
“...”
“พี่อย่าเงียบสิ หรือถ้ามากไปพี่แกล้งรักผมได้มั้ย ปล่อยให้ผมมีความสุขอีกสักหน่อย” ผมรู้...รู้ดีว่ามันแย่มากแค่ไหนกับการทำใจยอมรับเรื่องแบบนี้ โกหก หลอกลวงตัวเองไปวันๆ ฝังชีวิตและความทรงจำอยู่กับความฝันแสนหวานทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าสักวันก็ต้องตื่นขึ้นมาอยู่ดี
แต่แค่ขอเวลา...ให้ฝันนานกว่านี้หน่อยได้มั้ย
“สิงหา”
“ไม่ได้เลยเหรอครับ”
“ทำไมต้องคิดเอง ทำไมต้องเข้าใจผิดๆ อยู่ฝ่ายเดียว พี่รักเรานะ รักมาก...” วงแขนหนาหนักดึงเอวของผมเข้ามาประชิด อ้อมกอดที่โหยหามาตลอดตอนนี้กำลังโอบล้อมร่างกายของผมเอาไว้
ผมเคยชินความเป็นอยู่ที่มีพี่ ได้นอนกับพี่ ได้รักพี่ และนอนคุยกันจนถึงเช้า ผมชินไปแล้วจนเห็นแก่ตัวไม่อยากสูญเสียมันไป
ผมกอดพี่ตอบ ร้องไห้ซบหน้าลงกับอกของอีกฝ่ายอย่างไม่นึกอาย นาทีนี้ถึงจะพูดความจริงหรือโกหกผมก็รับได้ทั้งนั้น แค่ขอให้เราสองคนอยู่ตรงนี้ด้วยกันสักช่วงเวลาหนึ่งก็ยังดี
“พี่ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น แค่หงุดหงิด”
“แต่พี่ไปกับเขา...” ผมพูดน้ำเสียงอู้อี้ น้ำตาเปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้ารวมไปถึงอกเสื้อของอีกฝ่าย
“ใคร? เราไปเห็นอะไรมา”
“เด็กปีหนึ่งคนนั้น พี่ไปกับเขา ขึ้นไปข้างบนและก็ไม่กลับลงมา”
“...!!”
“แต่ผมไม่เป็นไรหรอก”
“ก็บอกให้เลิกคิดไปเองได้แล้ว พี่แค่ไปอยู่เป็นเพื่อนไม่ได้มีอะไรจริงๆ”
“พี่กอดเขา”
“...”
“พี่จูบเขา”
และเจ้าตัวก็ไม่ปฏิเสธอีกเหมือนเคย นั่นมันทำให้หัวใจผมสั่นไหวจนควบคุมไม่อยู่
“พี่มีอะไรกับเขา”
“ไม่ใช่!! ไม่ได้มีอะไร!” ผมเงยหน้ามองปลายคาง ยกยิ้มให้พี่เพราะอย่างน้อยเขาก็เลือกปฏิเสธในประโยคสุดท้าย ทั้งที่ไม่รู้เลยว่ามันคือความจริง หรือสิ่งที่เขากำลังโกหกกันแน่ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังจะเชื่อว่ามันเป็นความจริง
“ผมเชื่อพี่”
“พี่ยังรักเรานะสิงหา”
ถ้ามีอยู่ตลอดไปก็คงจะดี ความทรงจำที่สวยงามขนาดนี้...
สุดท้ายผมก็เป็นเพียงคนโง่คนหนึ่งที่มีโลกทั้งใบคือพี่เพียงคนเดียว
ภูผา...
พี่จำได้มั้ยว่าเราเริ่มรักกันตั้งแต่ตอนไหน?
ความรักของผมกับพี่ค่อยๆ ราบเรียบจนมันกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ผมไม่เห็นพี่ภูไปไหนมาไหนกับเด็กคนนั้นบ่อยๆ แล้ว ยกเว้นตอนที่ซ้อมการแสดงและก็สังสรรค์กับเพื่อนคณะนิเทศฯ เท่านั้น ตอนเช้าเราตื่นนอนคนละเวลา บางวันพี่ทานข้าวเช้ากับผม แต่บางวันก็เร่งรีบจากภาระงานที่รออยู่ตรงหน้า
วันหยุดเราได้ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง ไกลสุดก็คงเป็นหัวหินก่อนกลับมาวนลูปชีวิตเดิมๆ อีกครั้ง การกระทำของพี่ ความอ่อนโยนของพี่ มันทำให้ผมเริ่มถลำลึกเข้าไปเรื่อยๆ จนตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า...รักหมดใจไปเสียแล้ว
แต่แล้วความฝันของผมก็พังทลายอีกครั้ง เมื่อได้ยินประโยคจากเขาในเช้าวันหนึ่ง
‘พี่ต้องฝึกงาน ช่วงนี้อาจไม่ได้กลับห้องนะ’
รู้มั้ยตอนนั้นผมตอบว่าอะไร ‘ไม่เป็นไร’ แล้วก็ส่งยิ้มแหยๆ ให้เหมือนเคย ที่บอกว่าไม่เป็นไรคือพี่ยังไม่ได้ไปไหน เขาแค่ทำงานหนักแต่อย่างน้อยก็ต้องกลับห้องบ้าง หากวันไหนงานยุ่งกลับไม่ได้จริงๆ การโทรศัพท์ ส่งข้อความ หรือคุยกันผ่านโปรแกรมไลน์ด้วยความคิดถึงก็คงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง
พี่ฝึกงานที่บริษัทแม็กกาซีนแห่งหนึ่ง ดูใหญ่โตพอดูเพราะก่อนหน้านั้นคนตัวสูงเป็นคนพาผมไปดูงานด้วย นั่นทำให้โลกทั้งใบของผมยิ่งถูกเติมเต็มไปด้วยผู้ชายที่ชื่อภูผา เขาให้ความสนิทใจที่จะแนะนำให้ผมรู้จักกับใครต่อใคร แต่นั่นก็เป็นเพียงระยะแรกเท่านั้น
สองอาทิตย์หลังจากฝึกงานพี่ไม่กลับห้องอีกเลย
ดูเหมือนโทรศัพท์จะจำเป็นสำหรับเรา แต่...
เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้
มันเป็นแบบนี้เสมอจนผมเคยชิน เราไม่ได้พูดคุยกัน ไม่ได้เจอหน้า เขาปล่อยให้ผมนอนรออยู่บนเตียงกว้างทุกคืน เฝ้ารอจนหลับไปทั้งน้ำตาแบบนั้น เพื่อหวังจะได้รับไออุ่นเพียงน้อยนิดก็ยังดี แต่สุดท้ายผมกลับต้องตื่นขึ้นมาโดยปราศจากคนข้างกาย มันว่างเปล่า โลกที่เคยหมุนวนและถูกเติมเต็มมาตลอดเริ่มรู้สึกขาดอีกครั้ง
ผมเลยเริ่มหันไปส่งข้อความ แต่ก็นั่นแหละ เขาไม่เคยเปิดอ่านมันเลย ไม่รู้ว่าจะเห็นหรือเปล่า พอไปหาที่บริษัทกลับได้รับเพียงใบหน้าเฉยชาและคำตอบด้วยน้ำเสียงเสียดแทงหัวใจเพียงห้วนๆ
‘อย่ามาที่นี่อีก’
ตอนนี้ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยุ่งมากๆ มีทั้งนางแบบและนายแบบหน้าตาดีมากมายอยู่ที่นั่น มันเป็นเสี้ยววินาทีที่ผมมองเห็นและเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าพี่กำลังหลงแสงสี วงการมายามีคนมากหน้าหลายตาล้วนแล้วแต่ชักจูงพี่ออกไปไกลเรื่อยๆ
แต่ถึงยังนั้นผมก็ยังส่งข้อความหาพี่ไม่ขาด เล่าเรื่องราวในทุกๆ วันให้เขาฟังราวกับคนบ้า หวังว่าเขาคงจะตอบกลับมาสักนิด จนกระทั่งสายแรกจากพี่ติดต่อถึงผม ไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกตอนนั้นได้ยังไง มันทั้งดีใจ ยินดี และอยากกระโดดโลดเต้นไปทั่วห้องพร้อมกับน้ำตาเม็ดใสซึ่งไหลอยู่ข้างแก้ม
‘พี่เป็นยังไงบ้าง ผมคิดถึงพี่’
‘ก็เรื่อยๆ แต่งานค่อนข้างยุ่ง’
‘ทำไมพี่ปิดโทรศัพท์ตลอดครับ ได้อ่านข้อความที่ผมส่งให้หรือเปล่า’
‘ยังเลย...อ้อโทษทีพี่ต้องไปทำงานต่อละ นางแบบพร้อมแล้ว’
จากนั้นเขาก็วางสายไป ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้อีกนานเท่าไหร่ แค่เฝ้าภาวนาว่าการฝึกงานเพียงสามเดือนจะจบลงในไม่ช้า แต่นี่แค่สัปดาห์ที่สองอยู่เลยทำไมมันถึงได้ทรมานขนาดนี้
หนึ่งเดือนหลังจากพี่ไม่กลับห้อง
ข้างกายของผมปราศจากคนชื่อภูผา หนึ่งวันผ่านไปแบบเฉยๆ ผมก็แค่ไปดูหนังกับเบียร์ ทำกิจกรรมที่คณะ กลับมาถึงห้องก็แทบล้มตัวลงนอนเหมือนไม่มีอะไรจะทำ เจ้าของขวัญแมวของเราดูซึมไปมาก สงสัยมันจะคิดถึงพี่ มีครั้งหนึ่งที่มันป่วยหนัก หมอบอกมันติดเชื้อต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ตอนนั้นผมโทรหาเขา...หมายถึงพี่น่ะ โทรติดและไม่มีใครรับสาย
ผมต้องการกำลังใจ ร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังแต่กลับไม่มีใครปลอบเลยสักคน ชีวิตที่เคยมีพี่ถูกสิ่งอื่นแย่งชิงไปแล้ว แต่จู่ๆ ของขวัญก็กำลังแย่เหมือนกัน ผมไม่อยากให้มันจากไป คืนนั้นถึงได้นอนจมน้ำตาอยู่ที่คลินิกทั้งที่หมอไล่ตะเพิดให้กลับตั้งแต่สองทุ่ม
ข้อความของผมเปลี่ยนเป็นส่งเข้าโปรแกรมสนทนาอย่างไลน์อีกครั้ง มันไม่ขึ้นข้อความว่าพี่เคยอ่านเลยสักนิด ผมก็แค่อยากรู้ว่าพี่เป็นยังไง ได้ทานข้าวตรงเวลามั้ย ผอมลงหรือเปล่า หรือคิดถึงผมสักเสี้ยววินาทีอย่างที่ผมคิดถึงพี่ตลอดเวลาก็คงจะดี
พี่เคยมาที่ตึกคณะจากคำบอกเล่าของเบียร์ ผมวิ่งตามฝีเท้าของพี่ไปแต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะรถยนต์คันหรูออกตัวไปเสียก่อน
แต่นั่นก็ไม่เสียใจเท่าพี่มีตุ๊กตาหน้ารถคนใหม่
ใครต่อใครก็ร่ำลือว่าเธอเป็นนางแบบวัยทีนที่กำลังโด่งดังในตอนนี้ จะไม่ผิดเลยที่ตากล้องจะใกล้ชิดกัน แต่เขาไปไหนมาไหนด้วยกันทั้งคู่ ความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขับให้ผมตามไปที่บริษัทซึ่งพี่ฝึกงานอยู่ และก็แน่นอนไม่ใช่แค่นางแบบคนนั้น แต่พี่สนิทกับทุกคน เพื่อนร่วมงาน นายแบบ นางแบบ ทุกคนดูร่ำรวยไปหมด นั่นทำให้ผมก้มมองตัวเองอีกครั้ง
ต่างกันเหลือเกิน...
ไม่มีอะไรเทียบเขาได้สักอย่าง ชื่อเสียง เงินทอง ฐานะ หรือแม้กระทั่งหน้าตา
เรียกได้ว่าผมกลายเป็นคนไร้ค่าของพี่โดยสมบูรณ์ เพราะเจ้าตัวไม่เคยเหลียวแลนึกถึงเลยสักครั้ง ยามที่เขาหัวเราะ ยามที่เขายิ้มมีความสุข เคยรู้มั้ยว่ามีใครอีกคนซบหน้ากับฝ่ามือร้องไห้แทบทุกคืน
ผมเห็นพี่มีโทรศัพท์อีกเครื่อง นั่นเลยกระจ่างชัดแล้วว่าเขากำลังทิ้งผมจริงๆ
แล้วไหนล่ะคำพูดในวันนั้นที่บอกว่ายังรักกัน ตอนนี้ไม่หลงเหลือแล้วใช่มั้ย
ในขณะที่เราค่อยๆ ก่อร่างความรักกับใครอีกคน ผมเองก็สร้างบ้านแห่งความรักระหว่างเราทั้งคู่จนเสร็จสมบูรณ์แล้ว บ้านหลังนี้มีทุกอย่าง ทั้งความรู้สึก ทั้งหัวใจ ความจงรักภักดี และแม้กระทั่งความรัก
เพียงแต่...
มันไม่เหลือคนให้รักเท่านั้นเอง
สองเดือนหลังจากพี่ไม่กลับห้อง
ข้อความต่างๆ ของผมเริ่มขาดหาย อาจจะดีที่อย่างน้อยพี่ก็คงไม่รู้สึกรำคาญ หรือจะคิดอีกนัยหนึ่งคือเขาไม่มีวันเปิดอ่านมัน การกระทำทุกอย่างดูเหมือนจะสูญเปล่า ชีวิตของผมถูกเปลี่ยนคนฟังกลายเป็นเจ้าของขวัญอีกครั้ง วันนี้มันร่าเริงหน่อยเพราะผมกลับเช้า หาอาหารเม็ดให้มันกิน ผมกอดมันไว้บนตัก มือกดรีโมททีวีดูแต่ละช่องจนกระทั่งเผลอหลับไป
เช้าวันต่อมาแวะไปเดินร้านหนังสือ เห็นนิตยสารที่พี่กับตากล้องช่วยกันถ่ายก็หยิบซื้อมาเล่มหนึ่ง แม้ไม่ค่อยเต็มใจอยากซื้อรูปนางแบบคนนี้มากนัก แต่ความรู้สึกของผมมันไม่สำคัญหรอก มันสำคัญที่พี่มีความสุขกับการทำตามความฝันเสียมากกว่า
มีบางครั้งที่ผมอยากโทรหาเขาทั้งที่ไม่รู้ว่าโทรไปเบอร์นั้นจะติดหรือเปล่า แต่ก็กลัวว่าพี่จะตอบมาว่าไม่ว่างด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนอย่างเคย หัวใจที่มันเฝ้ารอทรมานแค่ไหนไม่มีใครรู้นอกจากคนเฝ้ารอเอง วันเดือนเวียนผ่านเหมือนเปล่าประโยชน์ ชีวิตของเขาไม่มีผมอีกต่อไป
ผมไม่โกรธหรอกที่มันกลายเป็นอย่างนี้ ก็แค่อยากพยายามเข้าใจในความฝันของเขา แม้มันจะฟังดูไม่ค่อยเข้าท่าก็ตามที
ได้แต่ทนฝืนยิ้มกับช่วงเวลาเหล่านั้น ความคิดถึงไม่เคยปรานีใครเมื่อมันแทรกซึมเข้ามาในความรู้สึก บางคืนเหน็บหนาว บางคืนเปล่าเปลี่ยว ผมนั่งหน้าคอมพ์เพื่อเช็คข้อมูลความเคลื่อนไหวของพี่เช่นเคย หน้าเฟซบุ๊กที่มีรูปภาพถูกโพสต์ครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ไม่มีการตอบกลับ แม้ข้อความที่พอทำให้ใจชื้นก็ไม่มี
เขาไม่เคยโพสต์หาผมเหมือนในอดีตอีก
คิดถึงเหลือเกิน
ทรมานเหลือเกิน แต่...ทำอะไรไม่ได้
ภูผา
ชื่อที่ผมไม่ได้เรียกมานานเท่าไหร่กัน
เดือนที่สามหลังจากไม่เจอกัน
นี่เป็นเช้าวันเสาร์ที่รู้สึกปวดท้องอย่างหนัก ผมไม่มีแรงเดินไปไหนมาไหน ครั้นจะโทรหาพี่ก็มั่นใจว่าคงไม่ได้รับการช่วยเหลือ จากคนที่เป็นโลกทั้งใบตอนนี้ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย ผมต่อสายหาเพื่อนสนิทอย่างเบียร์ เขารีบรุดตามมาก่อนจะหามส่งโรงพยาบาลในสภาพทุลักทุเล
เป็นโรคกระเพาะ
สาเหตุหลักคงมาจากความเครียดและกินข้าวไม่ตรงเวลา ก็ช่วงหลังมานี้ผมค่อนข้างติดสอบ อาหารชนิดเดียวที่ประทังชีวิตในเวลาอันสั้นนี้ได้ก็คือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป สุดท้ายผลก็อย่างที่เห็น คืนนั้นเบียร์มานอนเป็นเพื่อนเพราะผมเหงาเกินกว่าจะคุยกับแมวเหมือนทุกทีได้อีกแล้ว
เราคุยกันทั้งคืนด้วยเรื่องของพี่
หัวใจผมกำลังสลายเมื่อคิดถึงบทสนทนาตามประสาเพื่อน
‘สิงหา...มึงเหนื่อยแล้วหรือยัง’
‘ไม่เห็นจะเหนื่อยเลย เดือนนี้พี่ภูก็ฝึกงานจบแล้วเดี๋ยวเขาก็กลับมา’
‘แล้วถ้าเขาไม่กลับมาล่ะ’
‘ฮ่าๆ บ้าหรือไงนี่มันห้องเขานะ’ ผมหัวเราะเสียงดัง หัวเราะด้วยน้ำเสียงเฝื่อนๆ เหมือนพร้อมจะร้องไห้เต็มแก่ นี่คงกำลังหลอกตัวเองอยู่สินะ คนอย่างพี่ภูที่มีเงินใช้ไม่ขาด คอนโดแค่ห้องเดียวทำไมเขาจะสละทิ้งมันไม่ได้ล่ะ
ก็แค่ของเหลือใช้ทิ้งให้คนเหลือทิ้งอย่างผมอยู่แค่นั้นเอง
‘รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะมันไม่เคยโกหกหน้าที่แท้จริงของมึงหรอก’
‘…’
‘อยากร้องก็ร้อง’
‘ฮึก...ฮือออออ ฮือออออ’ วินาทีนั้นผมร้องไห้ปานจะขาดใจอยู่บนเตียง พร่ำพูดแต่เรื่องไร้สาระ โทษฟ้า โทษโชคชะตาที่ทำให้พี่เปลี่ยนไป แต่ไม่เคยโทษตัวเองเลยสักนิดว่าหมดคุณค่าให้ตัวเขาเชยชมแล้วหรือเปล่า
มีหลายครั้งที่อยากส่งข้อความไปหา
จะเอาเล่นๆ ก็ได้ ไม่จริงจังก็ได้ แต่ขอให้กลับมา...ทักทายกันบ้าง
สุดท้ายก็ไม่ได้ส่งอยู่ดี เพราะละอายใจเกินกว่าจะทำแบบนั้นลง
‘ร้องให้พอแล้วพรุ่งนี้เริ่มใหม่ ไปซะ!’
‘ฮะ?’ ผมเงยหน้ามองเบียร์อย่างไม่เข้าใจ
‘ไปให้พ้นจากตรงนี้ ถ้าเลือกที่จะไปตอนนี้อย่างน้อยเขาก็อาจมองเห็นคุณค่าในตัวมึงบ้าง’
‘…’
‘คนที่เข้มแข็งจริงๆ น่ะ เขาไม่ทำให้คนรอบข้างเสียใจหรอก’
จะทำยังไง...ชีวิตของผมตั้งแต่เข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ก็มีพี่ภูมาตลอด โอบอุ้ม ประคับประคอง แต่พอวันหนึ่งที่คิดว่าตัวเองกำลังจะจากไป เหมือนหัวใจกำลังแตกสลาย แม้รู้ว่าพี่ไม่เหลียวแลทว่าทำไมถึงได้เจ็บขนาดนี้กัน
‘สิงหากูหวังดีกับมึงนะ ถามใจตัวเองดีๆ ว่าที่อยู่เพราะรักเขาหรือรักตัวเองเพราะอยากครอบครองเขากันแน่ สิ่งที่มึงทำได้ สิ่งที่มึงต้องการตัวมึงเองรู้ดีที่สุด แค่อย่ากลัวกับคำโกหก เพราะโลกของเรามันก็ยืนอยู่บนความหลอกลวงทั้งนั้น’
‘เบียร์...แต่มันเร็วไป’
‘เข้มแข็งซะ มึงช้าไปด้วยซ้ำรู้ตัวไว้ด้วย อย่าลังเล เพราะพอลังเลแล้ว...ใครๆ ก็อ่อนแอลงทั้งนั้นแหละ’
ค่ำคืนนั้นยังคงมีเพียงเสียงสะอื้นของผมดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ร้องให้พอ ร้องให้เจ็บเจียนตายสุดท้ายเขาก็ไม่กลับมาอยู่ดี
ทำไมกันครับพี่ ความรักของผมมันไม่เพียงพอตรงไหน
ผมทำอะไรผิด พี่บอกผมสิ...
หลังจากหมดช่วงฝึกงานไปสองสัปดาห์
จากที่ดื้อรั้นกับเบียร์ว่าจะอยู่ต่อ อย่างน้อยก็ยังเชื่อว่าช่วงหลังจากนั้นจะไม่มีอะไรยุ่งยากอีก แล้วรู้มั้ยเกิดอะไรขึ้น
ไม่! ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย พี่ไม่ได้กลับมา
เขาไม่รับโทรศัพท์ เขาไม่ตอบเฟซ ไม่ตอบไลน์ เงียบหายราวกับไม่เคยมีตัวตน
ค่ำคืนแต่ละคืนผันผ่านอย่างทรมาน ยิ่งวันผ่านไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเจ็บปวด เพราะมันเอาแต่ตอกย้ำซ้ำๆ ว่าผมเป็นของตายแล้วจริงๆ เสี้ยวความคิดถึงของพี่ผมไม่เคยได้รับ อ้อมกอดของพี่ จูบของพี่ คำหวานของพี่ เลือนหายไปตามกาลเวลาจนตอนนี้...
ผมจำเสียงของพี่แทบไม่ได้แล้วพี่ภู
สองเท้าของผมลากสังขารตัวเองไปยังห้องแสดงภาพถ่ายของนิสิตปีสี่ซึ่งทำโปรเจ็กต์จบ ตรงนี้ผมเห็นพี่แค่นี้เอง ใกล้แค่เอื้อมมือ และก็มีช่วงหนึ่งที่เราเผชิญหน้ากันตรงๆ ดวงตาของพี่ไม่มีไหวเอน พี่จ้องผมเพียงชั่วขณะพร้อมกับส่งยิ้มให้ก่อนจะผละออกไปพร้อมกับเพื่อนของเขา
ที่นี่ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง จำได้ว่าเคยร่วมงานกับพี่ที่บริษัท เธอถือกุหลาบช่อโตมาให้ นั่นทำให้ความคิดที่จะหยิบดอกกุหลาบสีขาวเพียงหนึ่งดอกในกระเป๋าชะงักค้างอยู่ที่เดิมเพราะมันคงไม่คู่ควร
ที่ผ่านมามันก็แค่เรื่องสูญเปล่า
ไม่มีความหวัง ไม่มีความฝัน...มันก็แค่การหนีโลกเท่านั้นแหละ
ความรักของเราไม่สมบูรณ์เมื่อมันไม่ได้เกิดขึ้นในหัวใจของพี่ มันมีแต่ผมที่รักจนหัวปักหัวปำ และสุดท้ายก็คงทำได้แค่เจียมตัวมองดูแผ่นหลังแสนคุ้นเคยนั้นห่างออกไปเรื่อยๆ ยากจะไขว่คว้า
พี่กำลังเรียนจบแล้ว พร้อมกับความรักของเราที่กำลังจบลง...
ผมกลับมาที่ห้องเดินเก็บของวุ่นวายพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนัก รีบโทรติดต่อให้เบียร์หาหอพักถูกๆ ให้ โชคดีหน่อยที่ยังเหลือห้องว่างเลยไม่ต้องไปอาศัยชายคาคนอื่นอยู่อีก โดยเฉพาะเบียร์ เพราะรู้สึกเกรงใจและสมเพชตัวเองค่อนข้างมาก
ของของผมไม่มีอะไรมากหรอก จะว่าผมมาแต่ตัวก็คงใช่ พอจับนั่นนี่ใส่มันก็หมดในกระเป๋าเพียงสองใบ ใบแรกคือเสื้อผ้า ใบที่สองคือหนังสือและความทรงจำซึ่งแตกละเอียดกระจัดกระจายอยู่ในนั้น
ตั๋วหนังที่เราเคยดูด้วยกัน การ์ดวันเกิดที่เคยมอบให้ ดอกไม้เหี่ยวๆ หรือแม้กระทั่งลูกอมรสมิ้นท์ในวันแรกที่เราเจอกัน ผมเก็บเอาไว้หมดไม่ให้หลงเหลือความเป็นผมในห้องๆ นี้
อีกหน่อยถ้าเขาพาใครคนใหม่เข้ามาจะได้ไม่รู้สึกอึดอัด
ยังจำได้ดีตอนที่เรานอนดูหนังด้วยกันบนโซฟา พี่มักชอบแกล้งผมบ่อยๆ
‘ไม่เอาพี่ภู ไม่ดูหนังผี’
‘อยากดูอ่ะ’
‘แต่ผมกลัว’
‘จะกลัวอะไร แค่กอดพี่ไว้ พี่อยู่ตรงนี้’
ยังจำได้ดีตอนที่เราทานข้าวเช้าด้วยกัน แถมพี่ยังเป็นคนลงมือทำเองอีกต่างหาก
‘โห!! แกงจืดน่ากินจัง’
‘ถ้าอย่างนั้นก็กินเยอะๆ อ่ะเดี๋ยวพี่ตักให้’
‘จะกินให้พุงกางเลย แค่มีพี่ทำให้กินตลอดชีวิตผมก็ไม่ขออะไรแล้ว’
‘ครับๆ ตลอดชีวิต’
ยังจำได้ดีตอนที่เรามีอะไรกัน พี่อ่อนโยนกับผมมาก แม้กระทั่งจูบซับน้ำตาพี่ก็ไม่เคยรังเกียจ
‘อึก...พี่ภู ผม...ผมอึดอัด’
‘อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็หายแล้วเด็กดี...แค่กอดพี่ไว้’
‘พี่ภู...’
‘สิงหา…’
และก็ยังจำได้ดีในวันที่พี่บอกรักครั้งแรก และเรากลายมาเป็นคู่รักอีกคู่บนโลกใบนี้
‘สิงหา...พี่มีอะไรจะบอก’
‘อะไรครับ’
‘พี่รักเรา...เป็นแฟนกับพี่นะ’
‘พี่รู้มั้ยผมเองก็รักพี่ไม่ต่างกัน’
ภาพในอดีตฉายวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนน้ำตาซึ่งเหือดแห้งในคราแรกไหลพรากอีกครั้ง ความทรงจำสุดท้ายมันก็เป็นเพียงความทรงจำ ไม่ใช่ปัจจุบันหรืออนาคตในภายภาคหน้า ตอนนี้ผมควรเตรียมใจยอมรับความรักครั้งแรกที่มันไม่สมหวังได้แล้ว
ความรักนั้นแม้จะจบด้วยความเศร้า แต่ก็ทำให้คนเราเติบโตขึ้นผมเชื่ออย่างนั้น
ผมจะเป็นสิงหาคนใหม่ คนที่ไม่ได้จมปรักอยู่กับคนคนเดียวอีกต่อไป
ไม่ได้อยู่กับพี่ที่ชื่อ...ภูผาอีกแล้ว
ผมมองห้องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจากไป มือข้างหนึ่งอุ้มแมวอเมริกันช็อตแฮร์สีขาวปนเทาเอาไว้ในมือ ดูมันจะเสียใจอยู่หน่อยๆ แต่ไม่เป็นไร ไม่มีพี่ผมกับของขวัญก็อยู่ได้ ผมชินแล้ว
ส่วนมืออีกข้างก็กดส่งข้อความทางไลน์ให้พี่อีกครั้ง ไม่รู้ว่าพี่จะอ่านมันมั้ย แต่...
มันคงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วล่ะ
ตึ่ง!
ผมกดส่งด้วยมือสั่นเทาจากแรงสะอื้น และไม่กี่นาทีต่อจากนั้นมันก็ขึ้นข้อความ Read
เป็นครั้งแรกที่พี่กดอ่านมัน
ด้านของคนตัวสูงที่กำลังพูดคุยกับเพื่อนร่วมคณะและคนที่มาร่วมแสดงความยินดี ไม่รู้ทำไมแต่วันนี้เขากลับเลือกเปิดโปรแกรมไลน์ขึ้นมาหลังจากไม่ได้เปิดอ่านมานานมากแล้ว ทุกครั้งก็ได้แต่คุยติดต่อด้วยเบอร์โทรศัพท์ใหม่ พร้อมกับเรื่องงานมากมายที่วิ่งชนหัว
สิ่งแรกที่สายตามองเห็นคือข้อความของสิงหาปรากฏอยู่ด้านบนสุด
เขาเปิดอ่านมัน พบข้อความมากมายซึ่งยาวเป็นหางว่าวจนขี้เกียจจะเลื่อนย้อนขึ้นไป จึงได้แต่อ่านข้อความล่าสุดของวันนี้เท่านั้น
จากใบหน้าหล่อเหลาที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งจนแทบเป็นเส้นตรง
มันคือ...
ภาพจดหมายรักฉบับแรก
และข้อความบอกลาครั้งสุดท้าย
ขอบคุณที่ดูแลผมมาตลอด ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับ
มันคงถึงเวลาแล้วที่พี่จะต้องมีทางเดินของตัวเอง ผมแค่หวังว่าพี่จะมีความสุข
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาผมมีความสุขมากจริงๆ
พี่จำได้มั้ยว่าตอนที่เรารักกัน...มันดียังไง?