ตอนที่ 22ลูกหมู“จริงๆทีร่าต้องขอบคุณพี่หยกพี่ผู้กำกับและพี่กี๋พี่ผู้จัด ที่เลือกทีร่ามารับบทนางเอกเรื่องนี้ เพราะตอนแคสมีพี่ๆเพื่อนๆดารามากความสามารถร่วมแคสเยอะมากจริงๆ แต่พี่หยกพี่กี๋ก็เมตตาเลือกทีร่า ทีร่าตื่นเต้นมากจริงๆค่ะ แน่นอนว่าทีร่าจะแสดงอย่างเต็มความสามารถ ยังไงฝากแฟนๆติดตามละครไฟสวาทสีชมพูของช่องสิบสามที่ทีร่าเล่นด้วยนะคะ”
“ทีร่าคะ ช่วงนี้เรื่องงานรุ่งมากเลยนะคะ ทั้งได้รับบทนางเอกไฟสวาทสีชมพูละครฟอร์มยักษ์ที่เพิ่งเปิดกล้องวันนี้ ทั้งการได้เซ็นสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์เครื่องสำอางแบรนด์หรูเป็นปีที่สอง ไหนจะได้ข่าวว่าค่ายเพลงติดต่อให้เป็นนักร้องเบอร์ใหม่ของค่ายอีก พวกเราได้ข่าวว่าเรื่องหัวใจของน้องทีร่าก็รุ่งมากเหมือนกัน น่าจะกำลังเป็นสีชมพูอยู่เลยใช่มั้ยเอ่ย อีกฝ่ายเป็นถึงทายาทนายแบงค์ใหญ่มีเชื้อมีสาย แถมเป็นอดีตนักร้องบอยแบนด์ของฮ่องกงรูปหล่อจัดทีเดียว แต่น่าจะเป็นคนเดียวกับที่ประกาศขอแฟนหนุ่มแต่งงานกลางงานคอนเสิร์ตไม่ใช่เหรอคะ”
“คิกๆ พี่ๆเอาข่าวมาจากไหนคะ ถ้าเอามาจากนิตยสารบันเทิงที่ลงรูปฉบับเมื่อเช้าล่ะก็ ทีร่าขอชี้แจงเลยนะคะว่า...ทีร่าเป็นแค่ลูกค้าของธนาคารเท่านั้นค่ะ ไม่มีอะไรจริงๆ ตามข่าวเป็นแค่วัฒนธรรมการบอกลาระหว่างเพื่อนกับเพื่อนของทีร่าเท่านั้นค่ะ”
“ทีร่าไม่คิดว่าเป็นการแสดงออกที่ไม่เหมาะสมบ้างเหรอคะ...ไม่กลัวคู่หมั้นลีโอเข้าใจผิดหรือคะ...มีข่าวแบบนี้ผู้ใหญ่ทางช่องว่ายังไงบ้าง...แสดงว่าตัวจริงของน้องทีร่าคือน้องพีคพระเอกเรื่องก่อนใช่มั้ย...บลาๆๆ...[พรึ่บ!!!]”
ภาพของดาราสาวอินทิราในจอพลาสม่าขนาดใหญ่ ที่กำลังระบายยิ้มบางใสอย่างไม่สะทกสะท้าน ต่อคำถามมากมายที่ดังขึ้น จากเจ้าของไมค์ที่ยื่นขอสัมภาษณ์นั้นดับวูบลง ด้วยฝีมือการกดรีโมทของคุณแม่สุมนา ผู้มีพระคุณที่เป็นที่รักและเคารพยิ่งของผม ก่อนท่านจะหันมาจ้องเขม็งยังลูกชายคนเดียวที่นั่งเคียงข้างผมขณะนี้ พี่ลีโอเองยังคงนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาเหมือนเมื่อสิบนาทีก่อน ตั้งแต่ถูกคุณพ่อและคุณแม่เรียกมารอดูข่าวบันเทิงด้วยกันแล้ว
เมื่อแรกผมแปลกใจไม่น้อย กับการที่ท่านทั้งคู่เรียกเรามารอดูข่าวบันเทิงช่วงหัวค่ำด้วยกัน แต่พอได้ดูข่าวที่คุณอินทิราให้สัมภาษณ์นักข่าวเมื่อครู่แล้ว ผมก็ไม่แปลกใจอีกต่อไป ด้วยเชื่อว่าผู้ใหญ่คงต้องการคำอธิบายถึงที่มาของภาพข่าวบันเทิงที่ดังกระฉ่อนกรุงเมื่อช่วงเช้าอย่างแน่นอน ภาพดังกล่าวคือภาพของคุณอินทิราหรือทีร่าดาราสาวสวยจูบแก้มพี่ลีโอในร้านอาหารเมื่อวานนี้นั่นเอง
ตอนที่ผมเห็นภาพข่าวนั้น ยอมรับว่าตกใจอยู่เหมือนกัน เพราะไม่คิดว่าจะมีใครแอบถ่ายช็อตนั้นเก็บไว้ได้ทัน ด้วยมันก็เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น สำคัญที่ในภาพมีแค่คนเป็นข่าวเพียงสองคนอย่างเหมาะเจาะ ผมและปูนที่อยู่ร่วมโต๊ะด้วยกลับไม่ติดอยู่ในภาพเลย จนดูเหมือนว่าคนถ่ายรอโอกาสและหาจังหวะนั้นอยู่เลยเชียวล่ะ และขนาดที่ว่าผมอยู่ในเหตุการณ์ด้วย พอได้เห็นภาพครั้งแรกผมยังมึนไปชั่วขณะ ไม่อยากคิดว่าหากผมไม่แอบตามพี่ลีโอไป จะเกิดเหตุการณ์บานปลายไปขนาดไหน กับภาพความใกล้ชิดของหนุ่มหล่อสาวสวยที่เป็นข่าว
เมื่อวานต้องยอมรับว่าผมทั้งอึ้งทั้งตกใจ ที่เห็นพี่ลีโอโดนผู้หญิงขโมยหอมแก้มคาตา แม้จะรู้แก่ใจดีว่าพี่ไม่มีใจให้ก็ตาม นี่ถ้าผมมารู้มาเห็นทีหลัง อาจพาลเข้าใจผิดกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วก็ได้
“ตกลงเรื่องทั้งหมดเป็นมายังไง เล่ามาให้แม่และคุณพ่อฟังให้หมดนะลีโอ”
ผมเหลือบตามองคุณแม่นิด แต่ก็ต้องรีบก้มหน้าหลบตา เมื่อได้เห็นสีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้น้ำเสียงที่ท่านใช้กับพี่ลีโอ โดยที่คุณพ่อทำเพียงนั่งไขว่ห้าง วางแขนบนพนักพิงข้างหนึ่ง อีกข้างใช้คล้องเอวคุณแม่ไว้ แต่สายตาท่านก็จ้องพี่ลีโออย่างรอคอยในคำตอบเช่นกัน
ขนาดผมไม่ใช่คนที่ถูกมองยังอดหวั่นไม่ได้เลย ผมจึงยิ่งขยับเบียดตัวเข้าหาพี่ ซึ่งพี่ลีโอเองก็ดูเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของผม ด้วยพี่คว้ามือผมไปกุมไว้ก่อนกระชับแน่น แม้จะไม่มีคำพูดปลอบใจ แต่ผมกลับอุ่นใจในการกระทำของพี่ไม่น้อย
พี่ลีโอเริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่ตอนที่คุณอินทิรามาเป็นลูกค้าของธนาคาร จนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงเที่ยงของเมื่อวานนี้ โดยระหว่างที่พี่เล่าพี่ไม่ได้ปล่อยมือผมเลย
“...เรื่องคุณอินทิรา ผมคุยกับลูกหมูตลอด เมื่อวานน้องเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยครับ แต่รูปในข่าวไม่ได้ถ่ายติดน้องมาด้วยเท่านั้น” จบประโยคแสนยาว พี่ลีโอก็หันมาสบตาและกระตุกยิ้มมุมปากให้ผม ก่อนจะหันไปทางบุพการีทั้งคู่อีกครั้ง
คุณแม่สุมนาหันมาสบตาผม เพื่อขอคำยืนยันในคำพูดของพี่ ผมจึงรีบตอบรับและพยักหน้าแรงๆยืนยันซ้ำ ด้วยกลัวว่าท่านจะไม่เชื่อและกลัวว่าพี่ลีโอจะโดนท่านดุเอา ก่อนผมจะโล่งอกและคลายความกังวลลง เมื่อคุณแม่ระบายยิ้มน้อยๆอย่างพอใจ และกวักมือเรียกให้ผมเข้าไปหา
“มานี่สิครับลูกหมู” ผมลุกจากโซฟาและคลานเข่าไปนั่งทับขาตรงหน้าท่าน
คุณแม่ระบายยิ้มอ่อนหวานส่งให้ผม พร้อมลูบหัวผมอย่างเบามือ แววตาของท่านฉายแววเอ็นดูผมชัดตา นาทีนี้ผมทั้งตื้นตันทั้งนึกรักและเทิดทูนคุณแม่เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่านัก
“แม่ก็กังวลไปหมด นึกว่าตาลีโอทำลูกหมูของแม่เสียใจไปแล้วเสียอีก แต่ก็ดีแล้วที่เราทั้งคู่มีอะไรก็คุยกัน ไม่ให้เรื่องไม่เป็นเรื่องทำให้ลูกต้องบาดหมางกัน...ตาลีโอ ต่อไปลูกเองก็ต้องระวังตัวให้มากกว่านี้นะ”
ผมหันกลับไปมองพี่ลีโอตามสายตาของคุณแม่ จึงได้เห็นว่าพี่เองก็กำลังยิ้มละมุนตาเตรียมส่งให้ผมอยู่ก่อนแล้ว บวกกับแววตาอบอุ่นฉายแววรักใคร่ของพี่ด้วย ทำให้หัวใจในอกเต้นตึกตักผิดจังหวะทันที พาลให้แก้มเห่อร้อนขึ้นมาเลยทีเดียว
ส่วนคำตอบของพี่ก็เหมือนกับสิ่งที่พี่พูดไว้กับผมนั่นแหละครับ และก่อนที่ผมกับพี่ลีโอจะสร้างโลกส่วนตัวกันสองคน จากความลืมตัวของเราทั้งคู่ที่ต่างจับจ้องกันไม่วางตานั้น คุณพ่อผู้เป็นประมุขของบ้านที่นั่งเงียบมาตลอดก็เอ่ยขึ้น สำคัญที่ท่านตั้งใจพูดกับผมโดยตรง แน่นอนว่าผมหลุดจากภวังค์ทันที และหันไปตั้งใจฟังผู้มีพระคุณสูงสุดของผมอีกคนหนึ่ง
“ลูกหมู...พ่ออยากจะเตือนเราไว้นะลูก ในอนาคตไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็แล้วแต่ ขอให้ใช้สติในการแก้ปัญหา เพราะไม่มีคำว่าถูกหรือผิดในเรื่องของความรัก แต่หากใช้สติในการพิจารณาแก้ไขเรื่องรัก พ่อเชื่อว่าจะทำให้เราตัดสินใจทำทุกอย่างได้อย่างเหมาะสม...ลูกเองก็เหมือนกันนะลีโอ ไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว ทำอะไรก็คิดให้มากๆ เพราะผลกระทบไม่ได้เกิดแค่ที่ตัวลูกเองคนเดียว คนรักของลูกอย่างลูกหมูย่อมได้รับผลนั้นด้วย”
“ครับ คุณพ่อ ผมเชื่อและจะปฏิบัติตามที่คุณพ่อสั่งสอนครับ” แม้ผมไม่ได้รับคำเช่นพี่ลีโอ แต่ผมเลือกที่จะก้มกราบลงแทบเท้าผู้มีพระคุณที่ใช้ความรักและเมตตาสั่งสอนเราอย่างจริงใจ ซึ่งผมได้ทำแบบเดียวกันนี้กับคุณแม่ด้วย
คุณพ่อและคุณแม่ลูบหัวผม พร้อมให้พรอีกเล็กน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนพี่ลีโอจะมากุมมือผมไว้ และประคองผมกลับไปนั่งตามเดิม นาทีนี้ห้องนั่งเล่นอบอวลไปด้วยความสุขและความเข้าใจของคนในครอบครัวเดียวกัน ‘ครอบครัวอัครภูมิเมธี’ ที่แสนอบอุ่นของผม
ไม่กี่อึดใจต่อมาคุณแม่กลับเปิดประเด็น ที่ทำให้ผมแทบวางหน้าไม่ถูกขึ้นมา แม้จะรู้แก่ใจดีว่าสักวันเหตุการณ์ที่ท่านพูดก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี
“เรื่องงานแต่งของลูก แม่ปรึกษาท่านป้าหญิงแล้วนะ และท่านก็รับปากจะมาเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายลูกหมู และเป็นแขกกิตติมศักดิ์รดน้ำให้เราสองคน แถมยังฝากความยินดีผ่านแม่มาให้เราทั้งคู่ด้วย” ผมรับคำคุณแม่ด้วยเสียงที่ไม่พ้นคอ ต่างจากพี่ที่ทั้งรับคำและขอบคุณเสียงใส พร้อมๆกับกระชับอุ้งมือที่สอดประสานกับมือผมให้แน่นขึ้นด้วย แต่นาทีนี้ผมไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองใคร
เรื่องงานแต่งของผมกับพี่ลีโอได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ซึ่งงานจะถูกจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้ หลังจากผมสอบวิชาสุดท้ายจบลง พี่ลีโอไม่ยอมรอแม้กระทั่งผลสอบของผมว่าจะผ่านหรือไม่ และไม่ยอมรอให้ผมรับปริญญาก่อนเสียด้วยซ้ำ
แม้คุณพ่อจะแย้งว่าให้ยืดเวลาออกไปอีกนิด แต่พี่กลับแย้งและใช้เหตุผลที่ว่าระดับว่าที่เกียรตินิยมอย่างผมยังไงก็สอบผ่านอยู่แล้ว และอีกเหตุผลที่พี่ยกมาซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่แม้แต่คุณพ่อก็ไม่คิดจะแย้งอีกเลย นั่นก็คือพี่อยากมีลูกกับผมเร็วๆ อยากมีทายาทให้อัครภูมิเมธีให้คุณพ่อและคุณแม่ชื่นชม เพราะผลการตรวจร่างกายของผมจากคุณลุงหมอ ยืนยันแล้วว่าผมพร้อมจะมีทายาทให้แก่อัครภูมิเมธี
ส่วนลำดับพิธีในงานแต่งงาน เราจะจัดให้มีพิธีทางศาสนาแบบเรียบง่ายขึ้นที่บ้านหลังนี้ โดยมีการนิมนต์พระทำพิธีสงฆ์ในช่วงเช้า และเชิญแขกผู้ใหญ่ที่ครอบครัวอัครภูมิเมธีนับถือ มาเป็นแขกร่วมรดน้ำอวยพรให้แก่เราในช่วงสาย ก่อนจะมีงานเลี้ยงเล็กๆต่อในช่วงเที่ยง ซึ่งน่าจะเรียกว่าเป็นการพบปะทานข้าวในหมู่ญาติและเพื่อนสนิทของเราจะดีกว่า โดยขั้นตอนต่างๆที่ว่ามานั้นเป็นไปตามความต้องการของเราสองคน ซึ่งคุณพ่อและคุณแม่เองก็ไม่ได้ค้าน แถมยังออกปากเป็นธุระในการเชิญแขกผู้ใหญ่ในเองเสียอีก ตามอย่างที่เราได้ยินคุณแม่พูดเมื่อครู่นี้
บรรดาญาติสนิทของครอบครัวอัครภูมิเมธีมีกันอยู่ไม่มากนัก โดยทางฝั่งคุณพ่อที่มีสายเลือดแห่งราชนิกูลนั้น แต่ละท่านได้ตอบรับคำเชิญมาร่วมงานของเราแล้วแทบทั้งสิ้น จนผมเองยังอดที่จะรู้สึกตื้นตันไม่ได้ เมื่อได้รับความเมตตาจากพวกท่าน ถึงผมจะเคยพบปะท่านเหล่านั้นมาบ้างแล้ว แม้จะไม่บ่อยนักก็ตาม ซึ่งก็ไม่มีท่านใดแสดงออกถึงความรังเกียจเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูโดยครอบครัวอัครภูมิเมธีอย่างผมเลย
“คิดอะไรอยู่ พี่เห็นเรานอนอมยิ้มมาพักใหญ่แล้วนะ” พี่ลีโอยกยิ้มพร้อมติดกระดุมเสื้อนอนเดินมาด้วย ก่อนจะขึ้นเตียงมานั่งจ้องหน้าเอาคำตอบจากผม
จากสายตาแวววาวและรอยยิ้มสวยๆของพี่ ทำให้ผมเผลอดึงชายผ้าห่มขึ้นจรดอก กำมันไว้แน่นและส่ายหัวไปมา ด้วยไม่รู้จะตอบพี่ยังไง แต่ที่แน่ๆคือผมเขินสายตาคู่นั้นของพี่มากกว่าอะไรทั้งหมด เพราะมันเต็มไปด้วยแววตารักใคร่ปนหยอกเย้า ซึ่งการกระทำของผมกลับทำให้พี่ชะโงกหน้าลงมาขโมยจูบ!
“อ๊ะ!...[จุ๊บ]...พี่!” ผมนอนนิ่งมองพี่ตาโตอย่างตกใจ ริมฝีปากยังคงร้อนผะผ่าวจากสัมผัสฉาบฉวยเมื่อครู่
พี่ลีโอใช้ศอกยันร่างคร่อมเหนือตัวผม และระบายยิ้มอย่างหล่อจนผมตาพร่า พาลใจสั่นจากกลิ่นสดชื่นของกายพี่ด้วย จึงแก้เขินด้วยการหันหน้าหนีสายตาคู่นั้น แต่ผมหนีไปไหนไม่ได้อยู่ดี เพราะติดท่อนแขนแข็งแรงที่กักตัวผมไว้
ผมได้แต่กำชายผ้าห่มไว้แน่นอย่างตื่นเต้น ด้วยไม่ชินเสียทีกับความใกล้ชิดของพี่ ยิ่งลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดผิวแก้มที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆด้วยแล้ว ผมยิ่งเกร็งเข้าไปใหญ่ จนสุดท้ายผมรับรู้ถึงปลายจมูกเย็นๆและริมฝีปากนุ่มๆของพี่แตะลงมาบนแก้ม ก่อนไล้มาตามติ่งหู ไปยังผิวอ่อนหลังหู จนถึงลำคอ
“อ่า~” ผมหลุดครางออกมาในที่สุด ก็ใครจะทนได้กับความเย้ายวนที่พี่จงใจทำกับผมกันล่ะ
“อย่าหัดโกหกแบบนี้อีกนะหมูน้อย ตกลงคิดอะไรอยู่ ถึงยิ้มแบบนั้น หืม” แม้พี่จะชี้แจงและส่งคำถามให้ผม แต่ก็ไม่ได้ละใบหน้าไปจากซอกคอผมสักนิด แถมมือหนาก็เริ่มสอดสัมผัสร่างกายผมบ้างแล้วด้วย
แบบนี้ใครจะมีสติตอบคำถามได้เล่า แต่พอผมพยายามดันไหล่กว้างออก พี่ลีโอกลับไม่ยอมขยับห่างออกดังใจ ผมจึงเปลี่ยนเป็นโอบแขนไปรอบคอพี่ และขยับกายพยายามซุกหัวเข้าหาอกพี่
ในที่สุดพี่ลีโอก็ยอมผละจากซอกคอผม พร้อมกลั้วหัวเราะบางเบา และเปลี่ยนมารั้งร่างผมไปกอด ก่อนจะเอนกายลงนอนข้างกัน ผมรีบขยับอ้อมกอดและซบไปกับอกแกร่ง โดยมีพี่รองรับร่างกายครึ่งบนของผมไว้
“ลูกหมูกำลังคิดว่าตัวเองโชคดีที่คุณพ่อและคุณแม่รับอุปการะลูกหมูไว้ และโชคดีที่สุดที่ได้เจอพี่ลีโอน่ะครับ โชคดีที่ได้เป็นคนรักของพี่ และกำลังจะมีงานแต่งของเราเร็วๆนี้ ลูกหมูนี่โชคดีจังเนอะ พี่ว่ามั้ยครับ” ผมเงยหน้าจากอกแกร่งและส่งยิ้มจนตาหยิบหยีให้พี่
พี่ลีโอยกมือมาลูบหัวผม อีกมือใช้วางรองศีรษะไว้ พร้อมระบายยิ้มถูกใจใส่ตาผมด้วย
“ลูกหมูจะคิดแบบนั้นก็ได้ เพราะพี่เองก็คิดไม่ต่างจากเรา คงต้องขอบคุณใครหรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ส่งลูกหมูมาให้พี่ได้มีโอกาสดูแล และเติมเต็มชีวิตพี่ให้มีความสุขได้เหมือนตอนนี้”
“นั่นสิครับ ลูกหมูเคยคิดนะว่าถ้าไม่ได้เจอพี่ลีโอ ตอนนี้ลูกหมูจะเป็นยังไง จะกลายเป็นตัวประหลาดในสายตาใครๆไปแล้วรึเปล่า บางครั้งก็คิดไม่ตกว่าลูกหมูเป็นใครและมาจากไหนกันแน่”
เรื่องที่มาที่ไปตัวตนของผมนั้น ต้องยอมรับว่าค่อนข้างแปลกถึงขั้นมหัศจรรย์ก็ว่าได้ จนบางครั้งผมคิดกลัวตัวเองขึ้นมาอยู่เหมือนกัน แต่พอได้รับรู้ถึงความรักอย่างจริงใจจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะความรักจากพี่ลีโอ ทำให้ความกลัวความกังวลกับตัวตนที่แท้จริงของผม ค่อยบรรเทาเบาบางลง
ผมเชื่อมั่นว่าไม่ว่าคนบนฟ้าจะลิขิตชะตาชีวิตไว้ให้ผมอย่างไร ผมยังคงมีคนในครอบครัวอัครภูมิเมธีคอยอยู่เคียงข้างและคอยช่วยเหลืออย่างแน่นอน แต่ต้องยอมรับว่าลึกๆผมยังมีความกลัวในบางอย่างอยู่ กลัวว่าวันหนึ่งใครหรืออะไรก็ตามจะมาพรากผมไปจากพี่ลีโอ
“หมูน้อย...ลูกหมู!! เลิกคิดอะไรแบบนั้นได้แล้ว” เสียงดังกึ่งตะคอกของพี่ลีโอ ทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์แห่งความกังวล ก่อนจะรับรู้ถึงอ้อมกอดของพี่ที่โอบรัดผมไว้จนแน่น
ผมเงยหน้ามองพี่อย่างงงๆ ยอมรับว่าไม่เข้าใจกับสีหน้าแววตาเคร่งเครียดของพี่ จำได้ว่าก่อนหน้านี้พี่ลีโอยังดูอารมณ์ดี ถึงขั้นเกือบจะจับผมกดอยู่รอมร่อแท้ๆ พี่เชยคางผมขึ้นและจ้องเข้ามาในตาผม แววตาที่ดูจริงจังของพี่ ทำให้ผมรับรู้ได้โดยที่พี่ไม่ต้องบอก ว่าสิ่งที่พี่จะพูดต่อไปนี้ ผมมีหน้าที่เชื่อฟังและทำตามอย่างไม่มีข้อแม้เท่านั้น
“ลูกหมูฟังพี่ให้ดี...ต่อไปนี้ให้เลิกคิดว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่น เพราะลูกหมูก็คือลูกหมูที่เป็นคนรักของพี่ และเป็นลูกอีกคนของคุณพ่อกับคุณแม่ พวกเรารักลูกหมู ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะไม่มีใครยอมปล่อยมือลูกหมูอย่างแน่นอน ดังนั้นนับจากนี้ลูกหมูเองก็ต้องใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกๆวัน ใช้ชีวิตให้สมกับความรักของพี่ของคุณพ่อของคุณแม่ที่มอบให้แก่ลูกหมู อะไรที่ไม่สบายใจ หรือเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก ก็ไม่ต้องไปคิดไปทำความเข้าใจกับมัน เอาเวลาเหล่านั้นมาทำให้เราสองคนมีความสุขดีกว่า...เข้าใจมั้ยครับ”
แม้ตาคู่คมจะอ่อนแสงลง แต่ทั้งเนื้อหาใจความในประโยคยาวๆ และน้ำเสียงจริงจังที่พี่ลีโอใช้ ทำให้ผมต้องรีบตอบรับคำพี่ แต่ก็เป็นไปด้วยความเข้าใจในความรักและหวังดีที่พี่มีให้ สำคัญที่เพื่อให้พี่สบายใจ ผมยินดีทำตามทั้งสิ้น ด้วยผมรู้ว่าพี่เองก็คงกังวลกับอนาคตที่เรายังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง อนาคตที่มีผลพวงมาจากตัวตนที่แสนคลุมเครือของผม
“ลูกหมูเชื่อพี่ลีโอครับ และจะทำทุกวันของเราให้มีความสุขที่สุด พี่ลีโออย่าทำหน้าเครียดอีกเลยนะ เห็นแล้วลูกหมูไม่สบายใจเลย...ยิ้มหน่อยนะครับ” ผมไม่เพียงแค่อ้อนด้วยคำพูด แต่เลือกที่จะอ้อนด้วยการกระทำด้วย
หลังจากฉีกยิ้มหวานๆให้พี่แล้ว ผมก็ยื่นหน้าแตะจมูกเข้าที่ปลายคาง แต่พี่ก็ยังตีหน้านิ่งได้คงที่ แม้แววตาคู่คมจะอ่อนแสงลงและฉาบแววหวานขึ้นแล้วก็ตาม ผมเรียกชื่อพี่ลีโอเสียงอ่อนแทบกระซิบ และแตะปากกับจมูกลงบนแก้มหอมๆ จนมุมปากสวยเริ่มขยับ จึงตัดสินใจกดปากแนบสนิทกับเรียวปากคู่สวย และทำใจกล้าแลบลิ้นเลียกลีบปากคู่นั้น
เพียงเสี้ยววินาทีพี่ฉกลิ้นมาดูดกลืนลิ้นผม ก่อนจะกวาดต้อนไปทั่วโพรงปาก พี่ลีโอขโมยความหวานจากจูบของผมจนปากบวมเจ่อ และผมแทบขาดใจเพราะหมดลมหายใจ
“พี่ให้ได้มากกว่ารอยยิ้ม ลูกหมูสนใจมั้ย” ถ้อยคำหลอกล่อที่ได้ยิน บวกแววตาระยิบระยับแฝงความนัยของพี่ ทำเอาหัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้ว แทบเต้นทะลุออกมานอกอก แต่ขืนผมปฏิเสธทันทีเชื่อได้ว่าคงได้เริ่มง้อพี่ใหม่แต่ต้นเป็นแน่
ผมจึงได้แต่นอนหายใจรวยรินจ้องตาพี่ไม่กระพริบ หากถามว่าเขินมั้ยกับเจ้าของสายตาเร่าร้อนคู่นี้ ผมคงต้องตอบเลยว่าเขินมาก แต่ดวงตาพี่ที่ฉายแววรักใคร่กลับเป็นแรงดึงดูด จนผมไม่อาจถอนสายตาได้ ทำได้แต่จดจ้องเหมือนต้องมนต์สะกดอยู่แบบนั้น
สุดท้ายผมก็ต้องปิดเปลือกตาลง เมื่อดวงตาคู่เดียวกันนั้นขยับเข้ามาใกล้ จนผมเห็นใบหน้าตัวเองที่กำลังยิ้มเชิญชวน สะท้อนมาจากหน่วยตาดำขลับคู่นั้น
‘นี่ผมกำลังยั่วยวนพี่แบบไม่รู้ตัวอยู่รึไงกันนะ’ ก่อนผมจะตอบรับเรียวลิ้นนุ่มอย่างยินยอมพร้อมใจ และปล่อยตัวปล่อยใจไปตามการชักจูงของพี่
คืนนี้จึงเป็นอีกค่ำคืนหนึ่งอยู่ในความทรงจำของผม ด้วยบทรักอันแสนอ่อนหวานและเร่าร้อนที่ยากจะลืม
.........................................................
โปรดติดตามตอนต่อไป^^ลีโอนะลีโอ หลอกล่อหมูน้อยอีกแล้ว

‘ไม่ว่าฟ้าจะลิขิตไว้อย่างไร แต่เชื่อเถอะว่าอานุภาพของรักแท้
ย่อมชนะทุกสิ่ง แม้แต่พลังอำนาจของคนบนฟ้า...’
ตอนหน้าอย่าลืมมาตามดูคู่หวานเค้าโปรยน้ำตาลใส่กันต่อนะคะ
เจอกันวันพฤหัสฯค่า+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
