Special เสพติดอันตราย...รักผู้ชายพันธุ์โหด
วันแห่งความรัก
“คุณธีร์คะ ให้ค่ะ”
เอมิกายื่นกล่องสีฟ้าขนาดพอมือให้กับธีร์ ซึ่งร่างโปร่งที่กำลังนั่งอ่านรายงานการประชุมอยู่ถึงกับหยิบมามองด้วยความแปลกใจ วันนี้ไม่ใช่วันเกิดเขาเสียหน่อย ทำไมต้องให้ด้วย
“เนื่องในโอกาสอะไรครับ?”
“คิก ฮะๆ นี่คุณธีร์ไม่ทราบหรือว่าลืมเนี่ยคะ” เธอหัวเราะกับหน้าที่สุดแสนประหลาดใจของธีร์เข้าเสียแล้ว ผู้เป้นนายได้แต่ยิ้มแห้งๆ กลับไปเพราะไม่รู้จริงๆ
“ตกลงวันเนื่องในโอกาสอะไรล่ะครับ ผมงงไปหมดแล้วเนี่ย”
“สงสัยคุณธีร์ทำงานหนักจนลืมไปว่าวันนี้วันวาเลนไทน์สินะคะ นี่เป็นช็อกโกแลตที่เอมทำเองน่ะค่ะ แจกคนอื่นๆ ไปแล้วก็เอามาให้เจ้านายบ้าง”
“อ๋อ! วาเลนไทน์ ฮ่าๆ ผมก็ลืมไปจริงๆ ขอบคุณสำหรับช็อกโกแลตนะครับ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
“นี่คุณเอมทำเองใช่ไหมครับ ผมล่ะชอบช็อกโกแลตสุดๆ ไปเลย”
“เอมทราบเลยทำแบบพิเศษมาให้คุณธีร์โดยเฉพาะเลยล่ะค่ะ”
“เป็นเลขาที่รู้ใจจริงๆ นะครับ”
“ใครที่พิเศษกับเอม ก็ให้หมดแหละค่ะ เป็นวันแห่งความรักนี่คะ” เธอพูดยิ้มๆ ธีร์นิ่งไปกับคำพูดของเธอ ฉุกคิดถึงใครบางคนที่ชอบปั้นหน้าดุหน้านิ่งตลอดเวลา
วันแห่งความรัก...ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีอะไรให้ในวันแห่งความรักสินะ แต่พัฒน์ไม่ค่อยชอบของหวานเท่าไหร่ ซื้อให้ก็คงเสร็จเขา…
แต่ไม่มีเลยเดี๋ยวมันจะว่าเขาเพิกเฉยหรือเปล่า เพราะวันปีใหม่มันก็ทำให้เขาขนาดนั้นแล้ว คราวนี้ธีร์ก็ต้องทำอะไรให้พัฒน์บ้างแล้วล่ะ แต่จะทำอะไรดีที่พัฒน์ชอบ ที่ไม่ต้องซื้อ อยากจะทำเองด้วยฝีมือของเรา
ขนมก็ทำไม่เป็น อาหารก็ทำแต่ที่ตัวเองชอบแล้วก็ของง่ายๆ ของโปรดพัฒน์เขาก็ทำไม่เป็นด้วย หรือว่าจะหัดทำดี แล้วจัดเป็นดินเนอร์ที่ห้องปิดห้องมืดๆ แล้วจุดเทียน สลัวๆ แล้วก็ตามด้วยไวน์ อ๊า! เอาแบบนี้แหละ ส่วนอาหาร ฝึกยังไงหว่า ต้องไปซื้อหนังสือทำอาหารหรือไง แบบนั้นก็ต้องทำความเข้าใจกับมัน สู้ถามจากผู้มีประสบการณ์ไม่ดีกว่าหรือไง โอ้ย!! คิดไม่ออก
ไหนจะงานอีกล่ะ เต็มโต๊ะแบบนี้จะปลีกตัวออกไปยังไง หัดทำอาหารไม่ใช่สองสามชั่วโมงแล้วเป็นเลยนะเว้ย!!
“คุณธีร์คะ...คุณธีร์”
“ค่ะ ครับ ว่าไงครับ”
“เป็นอะไรไปคะ เหม่อเชียว”
“อ้อ เออ...เปล่าครับ ผมคิดอะไรนิดหน่อยน่ะ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เอมขอตัวไปทำงานต่อนะคะ ทานช็อกโกแลตให้อร่อยนะคะ” ในจังหวะที่ร่างบางของเลขาตนกำลังจะเดินออกจากห้องไป ธีร์ก็ตัดสินใจเรียกเอาไว้
“คุณเอมครับ”
“คะ?”
“ช่วงบ่ายนี้ผมมีงานอะไรสำคัญหรือมีอะไรด่วนที่ต้องทำไหมครับ”
“สักครู่นะคะ” เธอเดินหายไปจากห้อง สักพักก็กลับมาพร้อมตารางงานในมือ “ไม่มีนะคะ ไม่มีงานตรวจหน้างาน ไม่มีนอกสถานที่ ไม่มีนัดลูกค้า แต่มีประชุมตอนบ่ายค่ะ”
“ประชุมอะไรครับ”
“ประชุมกับฝ่ายวางแผนโครงการค่ะ”
“แต่เพิ่งจะคุยกันเมื่อวานเองนี่ครับ”
“ใช่ค่ะ แต่พอดีมันมีอะไรผิดพลาดเล็กน้อยจึงอยากจะนำเสนอใหม่น่ะค่ะ”
“งั้นขอเลื่อนเป็นพรุ่งนี้บ่ายได้ไหมครับ วันนี้ผมติดธุระ กว่าจะเสร็จก็คงเย็น” ธีร์บอกออกไป ส่วนเอมิกาก็ยิ้มรับอย่างเต็มใจที่จะช่วยเหลือ
“เลื่อนได้ค่ะ”
“งั้นจัดการให้ผมด้วยนะครับ”
“ค่ะ”
“เดี๋ยวผมจัดการงานตรงนี้เสร็จ ผมจะวางไว้ตรงนี้แล้วจะไปเลย ฝากงานที่เหลือด้วยนะครับ”
“ค่ะคุณธีร์”
“ขอบคุณมากครับ”
ร่างโปร่งถอนหายใจออกมาดังเมื่อเลขาเดินออกไปจากห้องของเขาแล้ว ถ้าหากว่าใครรู้ว่าเขาเลื่อนประชุมเพราะจะไปหัดทำอาหารให้พัฒน์ประทับใจนี่นอกจากจะโดนด่าแล้วยังขายหน้าอีกด้วย
ไม่มีใครรู้ความสัมพันธ์ของเขากับพัฒน์ว่ากำลังคบกันนอกเสียจากเจ้านายอย่างปฐพี อัคนี และคนในครอบครัวของพัฒน์กับธีร์เอง...
“ใช่! ต้องถามมันก่อน” ถ้าหากบุ่มบ่ามทำแล้วปรากฏว่ามันเลิกดึกนี่คงได้เสียหมด
ธีร์เคาะนิ้วกับโต๊ะระหว่างรอพัฒน์รับโทรศัพท์ ซึ่งไม่นานปลายสายก็รับแล้วทักเขาน้อยๆ
(ว่าไง)
“วันนี้มึงเลิกกี่โมง” ถามคำถามที่อยากรู้ไปทันที
(ก็เย็นๆ นั่นแหละ แต่ต้องพาคุณดินไปทำธุระด้วย)
“อ๋อ...นานไหมวะ”
(ไม่น่าจะนาน ถามทำไม)
“เปล่าหรอก แค่ถามดู”
(เออๆ งั้นแค่นี้ก่อน กูจะไปประชุม)
“อือๆ” ธีร์วางสายอย่างช่วยไม่ได้ เพื่อไม่ให้มีอะไรพลาด ธีร์ก็เลยส่งข้อความไปขอร้องปฐพี ไม่ให้พาพัฒน์ทำธุระนาน เป็นลูกน้องที่แอบสั่งเจ้านายได้อีกนะเนี่ย
[คุณดิน อย่าทำธุระนานนะครับ 1 ทุ่มมันต้องถึงห้องนะ ไม่งั้นผมอาละวาด] ส่งไปแบบนี้ ไม่นานปฐพีก็ตอบกลับมาบ่งบอกว่ากำลังหงุดหงิดได้ที่
[ทำเป็นสั่ง เดี๋ยวจะพามันกลับสักเที่ยงคืน เที่ยวผู้หญิงก่อน] เจอแบบนี้เข้าไปธีร์ถึงกับอ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่าปฐพีจะเล่นไม้นี้ แล้วคนขี้หวงอย่างธีร์ทำยังไงล่ะ ปล่อยเฉย...
ได้ที่ไหนกันล่ะ!!
[อย่าแม้แต่จะคิดนะคุณดิน เอาเป็นว่าพามันกลับเร็วๆ ด้วย!]
[เออ...หวงจริงนะ]
แล้วธีร์ก็ตอบกลับแค่ว่าขอบคุณก็เท่านั้น เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจแรก ภารกิจต่อไป ซื้อของ...
แล้วแกงเขียวหวานไก่ มันต้องซื้ออะไรบ้างวะเนี่ย!!!
...
...
ร่างสูงโปร่งเดินเลือกซื้อของตกแต่งสำหรับดินเนอร์คืนนี้ในห้างหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กับคอนโด พร้อมกับมองโทรศัพท์ที่เสิร์ชหาส่วนผสมที่ไว้ใช้ทำแกงเขียวหวานอย่างตั้งใจ จนคิดว่าตัวเองซื้อหมดครบทุกอย่างแล้วก็จ่ายเงินแล้วขับรถกลับคอนโดทันที
“อ่านดูแล้วก็ง่ายดีแฮะ ของก็มีทุกอย่างแล้ว นึกว่าจะต้องมาขูดมะพร้าว ขั้นมะพร้าวเองเหมือนที่ย่าทำซะอีก มีกะทิสำเร็จรูปนี่ดีจริงๆ” ร่างโปร่งเอาของจัดเข้าที่เข้าทางในครัวเรียบร้อยก็เดินมานั่งที่โซฟานุ่ม พลางคิดไปด้วยว่าจะทำอะไรเป็นของหวานดี
ทักษะอาหารพอมีเพราะฉะนั้นมันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ทำตอนเย็นๆ ก็คงทัน มีเพิ่มอีกอย่างสองอย่างตามที่มีของในตู้เย็น แต่วันนี้วันวาเลนไทน์
“ช็อกโกแลตพัฒน์มันก็กินนะ แต่วันนี้จะกินหรือเปล่าล่ะ”
“ถ้าทำเอง มันจะเละไหมนะ”
“แล้วจะทำเองได้ยังไง ทำไม่เป็นเลยสักอย่างไอ้ขนมเนี่ย!” เริ่มจะหัวเสียแล้วนะ ถ้าถามคนรู้จักนี่ต้องตอบคำถามยาวมากแน่ๆ ที่จู่ๆ คนอย่างธีรไนย อมรไพพิจิตรคิดจะทำขนมเนี่ย
ทำตามเน็ตไป คงไม่ยากเท่าไหร่หรอกมั้ง
ในขณะที่ธีร์กำลังเลือกรายการขนมจากอินเตอร์เน็ตเพื่อจะลงไปซื้อของที่ซุปเปอร์ด้านล่างนั้นก็มีดทรศัพท์เข้าเป็นชื่อของคนที่เพิ่งจะทานข้าวกันไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
‘เจโรมี’
“โอ้ยยย...ฟ้าเห็นใจข้าผู้นี้จริงๆ ที่ส่งนายมาให้เนี่ยเจ็ม” ธีร์รับสายแล้วพูดไป
(เอ่อ...ผมคิดว่าผมโทรผิดน่ะครับ)
“ไม่ได้โทรผิดหรอกเจ็ม นี่ธีร์เพื่อนสุดที่รักของนายไง ฮ่าๆ สวรรค์เห็นใจเทพบุตรสุดหล่อเดินดินอย่างข้าจริงๆ”
(นี่ธีร์แน่หรือวะ ทำไมถึงดูบ้าแบบนี้เนี่ย กลัวนะเว้ย!!)
“อย่ากลัวไปเลย ว่าแต่มีอะไรวะ”
(จะโทรมาชวนน่ะ)
“ชวน? ชวนทำอะไร ไม่ว่างเว้ย กำลังจะทำขนมให้ไอ้พัฒน์อยู่เนี่ย” รีบปฏิเสธไปทันที
(อ้าว? ทำเหมือนกันเหรอ ฉันก็กะจะทำให้คุณพุฒิเหมือนกัน เลยมาชวนไง แล้วเอาไง จะทำด้วยกันไหม จะได้ไปหา)
“ทำๆ มาเลยๆ ตอนนี้อยู่ห้องนั่นแหละ เอาวัตถุดิบมาให้พร้อมนะเว้ย”
(คร้าบ ไอ้คุณชาย)
“งั้นแค่นี้ก็แล้วกัน ขอเตรียมของแป๊บ”
(เออๆ อีกชั่วโมงกว่าๆ เจอกัน)
พอวางสายไปแล้วธีร์แย้มยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้เจโรมีมาช่วยในการทำขนมเพราะเจโรมีทำขนมเป็น และทำอร่อยด้วย!! เขาก็เพิ่งจะรู้เมื่อไปทานข้าวที่บ้านพัฒน์ซึ่งวันนั้นทุกคนรวมตัวกัน ทั้งพุฒิ เจโรมีก็มาร่วมด้วย เขาเลยรู้เพราะเจโรมีแสดงฝีมือทำของหวานให้คุณแม่ทาน
ที่สำคัญ อร่อยอย่างนี้ พอถามว่าทำไมถึงทำเป็น มันก็ตอบว่า
‘เอาใจแม่สามีน่ะสิวะ’
เป็นอันจบ สะใภ้ที่ครบทุกอย่าง ธีร์ทำอาหารเป็น ส่วนเจดรมีทำขนมเป็น ช่างดีเลิศประเสริฐศรีหาใครเทียมสะใภ้หนุ่มของรัตนมณีโชติไม่ได้อีกแล้ว
วะฮะฮ่า...รู้สึกวันนี้กูจะบ้าจริงๆ นั่นแหละ
ธีร์และเจโรมีใช้เวลาในช่วงบ่ายของวันจนถึงสี่โมงเย็นกว่าๆ ในการทำขนมเค้ก เค้กช็อกโกแลตที่ร่างโปร่งลองทำครั้งแรกแล้วมันรู้สึกว่ายากฉิบหาย โชคดีที่มีเจโรมีคอยช่วย มือที่หนักฉบับผู้ชายอย่างธีร์ทำเค้กพังไปหลายก้อนมาก จนเจโรมีเอือมระอาหันมาช่วยในส่วนที่ธีร์ทำไม่ได้ให้ ส่วนเรื่องตกแต่งหน้าเค้ก ต่างคนต่างก็ทำของตัวเองของเจโรมีออกมาดูดีเพราะมีฝีมือด้านนี้อยู่แล้ว ส่วนธีร์น่ะหรือ...
“อย่างกับป่าอเมซอนเลยอ่ะเจ็ม”
“เอาน่า มือใหม่ได้แบบนี้ก็ดีแล้ว” ปลอบใจยิ้มๆ
“จริงนะ หวังว่าไอ้พัฒน์คงจะไม่หัวเราะ” ธีร์พึมพำเบาๆ ใจก็กลัวว่าพัฒน์จะไม่ชอบ หรือว่าเขาจะไม่เอาไอนี้ให้มันดี แค่แกงเขียวหวาน ดินเนอร์ก็พอแล้วมั้ง
“ต้องเอาให้คุณพัฒน์นะ ฉันว่าเขาคงดีใจ เชื่อสิ คุณพัฒน์รักนายจะตายไป”
“เออน่า แต่ก็ไม่มั่นใจอยู่ดี อยากจะให้ของมัน แต่ดันทำออกมาได้แย่ หรือว่าซื้อให้มันดี” ธีร์ไม่มั่นใจ มองสภาพเค้กช็อกโกแลตแล้วถอนหายใจ รสชาติมั่นใจว่ามันต้องอร่อยเพราะเจโรมีเป็นคนช่วยทำ แต่การตกแต่งนี่สิ มันดูแย่มากจนไม่อยากจะกินเลย
“ของที่ทำด้วยใจมันมีความหมาย มีค่ากว่าของที่ซื้อมาอีกนะ” เจดรมีว่ายิ้มๆ เรียกความมั่นใจของธีร์ให้กลับมา เอาวะ!! ไหนๆ ก็คิดจะทำแล้ว ก็ให้ๆ ไปเถอะ ผลออกมาเป็นยังไงก็ช่างมัน
“ขอบใจนะเว้ย”
“อือ ด้วยความยินดี แต่ฉันขอกลับก่อนก็แล้วกัน คุณพุฒิใกล้จะเลิกงานแล้ว”
“โอเคๆ ฉันก็จะเตรียมอาหารต่อด้วย แล้วเจอกันวันหลังนะเจ็ม”
ทั้งสองคนแยกย้ายกันไป ธีร์เอาเค้กไปแช่ตู้เย็น ก่อนจะเก็บอุปกรณ์ที่ใช้แล้วไปรวมกันที่อ่างล้างจาน แล้วมาเริ่มทำอาหารต่อทันที โดยมีโทรศัพท์มือถือเป็นคู่มือในการทำแกงเขียวหวาน ของโปรดของพัฒน์
ร่างโปร่งใช้สมาธิในการทำอาหารโดยไม่รับรู้อะไรภายนอกเลยสักนิด ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข นึกถึงภาพตอนที่พัฒน์ทานมันแล้วชมออกมาว่าอร่อย แค่นี้ก็ฟินไปสิบชาติแล้ว
ตื่นเต้น...อยากให้ถึงเวลาไวๆ
...
...
...
เวลาทุ่มกว่าๆ
ร่างแกร่งกำลังเดินตรวจงานที่โรงงานกับปฐพี ตอนแรกก็กะจะไม่ให้ค่ำขนาดนี้เพราะธีร์เหมือนจะเร่งให้เขารีบกลับ แต่เพราะว่าโรงงานมันมีปัญหา มันก็ทำให้เขากลับไม่ได้อย่างที่ใจคิด หลังจากที่วางสายจากธีร์ที่ถามว่าเขาจะกลับถึงห้องกี่โมงอย่างรีบร้อนนั้น ก็ทำให้พัฒน์ไม่สบายใจไปด้วยเพราะคิดว่าคนรักอาจจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า
เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่พัฒน์ยกข้อมือขวาขึ้นดูนาฬิกา ความเร่งร้อน ความร้อนใจที่พัฒน์แสดงมันอยู่ในสายตาของปฐพีทั้งหมด ผู้เป็นนายยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยอมบอกให้พัฒน์กลับไปเพราะตัวเขาเองอยากจะแกล้งธีร์ก็เท่านั้น โทษฐานที่มันบังอาจมาสั่งเขา
“แกกลับไปก่อนก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรอให้ทุกอย่างเรียบร้อยดีกว่า” พัฒน์เกรงใจเจ้านายถึงขนาดปล่อยให้ธีร์รอไปได้
“หึ! ที่จริงมันเสร็จตั้งนานแล้ว ฉันแค่แกล้งไอ้ธีร์มันเฉยๆ”
“แกล้ง? แกล้งอะไรหรือครับ” พัฒน์ที่ตามเจ้านายตัวเองไม่ทันถามด้วยความสงสัย
“ก็มันส่งข้อความมากำชับฉันตั้งแต่บ่ายแล้วว่าอย่าพามึงทำธุระนาน คิดว่ามันคงจะมีอะไรเซอร์ไพรส์แกล่ะนะ” ปฐพีเล่าออกไป สีหน้าดูสะใจจนพัฒน์ไม่กล้าถาม
“เอ่อ...เซอร์ไพรส์ เนื่องในวันอะไรล่ะครับ”
“นี่แกไม่รู้หรือวะ!”
“ครับ”
“วันนี้วันวาเลนไทน์ ไอ้ธีร์คงจะมีอะไรให้แกแน่ๆ โทรมาหลายครั้งแล้วนี่ ป่านนี้คงเอาของขวัญทิ้งไปแล้วล่ะมั้ง”
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกไม่พอใจการแกล้งของเจ้านายสักเท่าไหร่ เพราะนอกจากแกล้งธีร์แล้วมันยังเป็นการแกล้งเขาอีกด้วย พอเขารู้แบบนั้นก็ขอตัวกลัวก่อนทันที
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” พัฒน์เอ่ยขออย่างร้อนใจ เพราะกลัวว่าถ้าไปช้าธีร์จะเอาของที่พัฒน์คิดว่าเตรียมไว้ให้เขาทิ้งไปเสียก่อน แถมยังโง่ ดันไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไรอีกต่างหาก
เขาไม่เคยอะไรมากมายกับวันแบบนี้หอก แต่นี่ถ้าเป็นสิ่งที่ธีร์อยากจะให้มันพิเศษ เขาก็จะยอมเพิ่มมันเข้าไปในปฏิทินวันสำคัญสำหรับพวกเขาด้วยก็แล้วกัน
“เออๆ โชคดีล่ะ แม่งเอ้ย! อิจฉาจริงวุ้ย” ปฐพีบ่นตามหลังพัฒน์ที่กึ่งเดินเร็ว กึ่งวิ่งไปที่รถเพื่อตรงดิ่งกลับคอนโดทันที
พัฒน์มาถึงแล้วก็ตรงดิ่งไปยังห้องตัวเองทันที มือแกร่งเปิดประตูอย่างรีบร้อน พอเปิดเข้าไปก็มองไม่เห็นอะไรเลยนอกเสียจากความมืด ใบหน้าดุขมวดคิ้วเกร็งเมื่อสภาพห้องเหมือนไม่มีใครอยู่ แต่เครื่องปรับอากาศที่มันทำงานอยู่ทำให้เขารู้ว่ามันมีคนอยู่ในห้อง พอผ่านประตูเข้าห้องไปก็เจอกับเทียนที่ถูกจุดให้แสงสว่างปักอยู่ตามทางเดิน เสียงเพลงเบาๆ ดังคลอมาจากเครื่องเล่นเสียง พัฒน์พอจะเดาออกแล้วว่ามันเป็นฝีมือใคร แล้วคิดจะทำอะไร
ร่างสูงเดินไปที่ห้องครัว บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยของชอบของเขาตั้งรออยู่แล้ว มีเทียนจุดอยู่กลางโต๊ะเพื่อให้แสงสว่าง กลิ่นหอมของเทียนและอาหารยั่วกระเพาะของเขาให้ส่งเสียงร้องออกมา สายตาก็มองหาเจ้าตัวการที่จัดแบบนี้ขึ้นก็ไม่เห็น
หรือว่าจะน้อยใจแล้วนอนไปแล้ว คิดได้ดังนั้นร่างสูงก็เดินออกจากห้องครัวที่เป็นที่ทานอาหารไปด้วยแล้วไปยังห้องนอนของพวกเขาทันที พบว่าร่างบางกว่านอนคว่ำอยู่บนเตียงท่ามกลางความมืดมีเพียงแสงไฟจากด้านนอกสาดส่องเท่านั้น แต่ที่พัฒน์แปลกใจคือชุดที่อีกคนใส่
เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ที่เขาซื้อมาใหญ่ไปจนแขวนทิ้งไว้ ตอนี้มันอยู่บนตัวของธีร์ เพียงตัวเดียว กางเกงไม่ใส่ โชว์ต้นขาและเรียวขายาวสวย กับท่าทางการนอนที่ทำให้ดูเหมือนร่างโปร่งกำลังยั่วเขาอยู่ด้วยแล้วนั้น จากที่อยากทานข้าวกลับอยากจะทานอย่างอื่นแทน
“อะไร...มาช้าหน่อยทำเป็นน้อยใจ” เสียงเข้มพูดขึ้น ธีร์ขยับตัวเล็กน้อยแต่ไม่ยอมพลิกตัวมามองเขา ทำให้พัฒน์อดหมั่นไส้ไม่ได้
“หิวแล้วนะเนี่ย” พัฒน์ยังพูดต่อ
“เรื่องของมึง”
“ก็มึงทำอาหารไว้ให้กูไม่ใช่หรือไง”
“เออ...มึงก็ไปกินดิ” ธีร์ว่าอย่างไม่ใส่ใจ จนพัฒน์ส่ายหน้าไปมา
“อะไรวะ มีเหตุผลหน่อย กูทำงานนะเว้ย นี่ก็มาเร็วแล้ว อย่ามาไม่มีเหตุผลแล้วงอนเลยธีร์ ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว” พัฒน์ตำหนิร่างโปร่ง ซึ่งธีร์ก็พลิกตัวนอนหงาย มองหน้าพัฒน์น้อยๆ ก่อนจะพูดว่า
“ก็ไม่งอนมึง กูแค่โมโหตัวเองที่โกรธมึงทั้งๆ ที่มึงทำงานนี่แหละ กูมันงี่เง่าจริงๆ คิดมาก แล้วยังไงล่ะ ตอนนี้กูไม่ได้งอนมึง มึงก็ไปนั่งกินข้าวซะ กูอุตส่าห์ทำให้ อาจจะไม่อร่อยมันเป็นครั้งแรกที่ทำแกงเขียวหวาน ตอนนี้ขอกูระงับอารมณ์ตัวเองก่อนก็แล้วกัน”
พัฒน์ได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาเข้าใจมันนะ แต่บางทีมันเป็นโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็อยากจะให้เลิกคิดเล็กคิดน้อยเสียที อายุก็จะยี่สิบสี่แล้ว หน้าที่การงานก็สูง แม้ว่ากับคนอื่นมันจะทำตัวได้น่านับถือสุดๆ ก็เถอะ แต่เขาก็กลัวมันจะเคยตัวแล้วเผลอทำตัวแบบนี้กับใคร
สั้นๆ หวง...
“มึงต้องไปกับกูด้วย ดูก็รู้ว่ายังไม่กินอะไร โรคกระเพาะกำเริบทำไง ทีหลังถ้านานไม่ต้องรอ เข้าใจไหม”
“ไม่เอา!”
“ธีร์ มึงเริ่มดื้ออีกแล้วนะ” พัฒน์ว่าเสียงดุ ทำเอาร่างโปร่งหน้างอทันที
“โอเค ไปกินข้าวก็ได้” ธีร์ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินตรงมาหาพัฒน์ ความมืดที่ทำให้เห็นธีร์ไม่ชัดเจนขับให้ร่างโปร่งดูเย้ายวนมากขึ้น
“อยู่ในชุดเตรียมนอนนะมึง” พัฒน์แซว
“อ่ะ...อะไรวะ กูใส่ของกูอยู่ทุกวัน เพิ่งจะมาแซว แล้วก็มึงเองไม่ใช่หรือไง ที่บังคับให้กูใส่อย่างนี้เป็นชุดนอน เอาชุดนอนของกูไปทิ้งหมดน่ะหา”
ก็จริงอย่างที่ธีร์พูด เขานั่นแหละที่เป็นคนสั่งบวกบังคับให้ธีร์ใส่เสื้อของเขานอน มันดูแสดงความเป็นเจ้าของดี แล้วมันก็ดูเซ็กซี่ขยี้ใจดีอีกด้วย เวลาจะทำอะไรก็ถอดง่าย...กลายเป็นว่าเสื้อของพัฒน์ธีร์สามารถใส่ได้หมด ยกเว้นเสื้อของธีร์ที่พัฒน์ใส่ไม่ได้เพราะตัวเล็กเกินไป
“หึ ก็ไม่ได้ว่าอะไร วันนี้ตัวมันใหญ่ไปหน่อย เลยทำให้มึงดูตัวเล็ก”
“ตัวอื่นๆ ของมึงก็ทำให้กูตัวเล็กหมดนั่นแหละ ตัวใหญ่อย่างกับควาย!” พอมีโอกาสได้ด่าคืน ธีร์ก็ไม่ยอมให้โอกาสหลุดลอยไป
“มัวแต่เถียง ไปกินเถอะ อยากรู้เหมือนกันว่ามึงจะทำอร่อยไหม”
“ระดับกูซะอย่าง เอ้อ!! กูลองทำเค้กด้วยล่ะ มึงจะกินไหม” ธีร์ถามอย่างไม่มั่นใจ
พัฒน์ถึงกับขมวดคิ้ว เพราะธีร์ทำขนมไม่เป็น แล้วเอาเวลาที่ไหนไปทำ หรือหัดทำเอง แบบนี้มันจะกินได้ไหมวะ พัฒน์ไม่กล้าเสี่ยงเพราะมีงานเช้า แต่ว่า...ธีร์จะตั้งใจมากเลยนะนั่น
“เค้ก?”
“อื้อ...ให้เจ็มสอนน่ะ วันนี้เราทำขนมด้วยกัน”
“อ่อ กินก็ได้ ไหนๆ มึงก็ตั้งใจแล้ว” พอรู้ว่าเพื่อนสนิทที่เป็นลูกน้องคนสำคัญของเขาช่วยทำแล้วก็วางใจในฝีมือได้เปราะหนึ่งล่ะนะ
ทั้งสองคนเดินไปที่โต๊ะทานอาหารอีกครั้ง ดูเหมือนว่าการจุดเทียนทิ้งไว้นานจะทำให้เทียนสั้นลงๆ เรื่อยๆ พัฒน์เริ่มลงมือทานอาหารหลังจากตักข้าวใส่จานเขาและจานตัวเองเรียบร้อย ความรู้สึกแรกที่ตักแกงเขียวหวานเข้าปากก็คือคำว่าอร่อย จนต้องตักทานตักทานเรื่อยๆ โดยไม่แตะอย่างอื่นเลย ธีร์ยิ้มอย่างดีใจที่อีกคนทานมันราวกับว่าเป็นของที่อร่อยมาก ที่สำคัญไม่ปริปากพูดอีกด้วย ร่างโปร่งเลยเลือกที่จะทานอย่างอื่นแทนไม่แย่งอีกคนทาน โชคดีที่ทำเพิ่มอีกสองอย่าง
ระหว่างที่ทานข้าวก็ยกเบียร์ขึ้นดื่มไปด้วย ธีร์เปลี่ยนจากไวน์เพราะไวน์มันไม่เข้ากับอาหารเลยเปลี่ยนมาดื่มเบียร์แทน ซึ่งมันก็อร่อยล่ะนะ
“อร่อยไหมวะ” ธีร์ถาม
“กูหิวน่ะ” คนปากแข็งยังไงก็ยังปากแข็งอยู่ดีล่ะนะ
“เหรอ หิวมากจนซัดไม่เหลือเลยเนี่ยนะ” ยังไม่หยุดแซวร่างสูง
“ก็หิวไง ไม่ได้กินอะไรทั้งวันเนี่ย”
“แล้วทำไมไม่กิน” ธีร์เริ่มเข้าสู่โหมดจริงจัง เพราะพัฒน์มักบอกให้เขาทานข้าวให้ตรงเวลาเสมอ ส่วนตัวเองข้าวเที่ยงก็ไม่รู้ว่าทานบ้างหรือเปล่า ยิ่งมาได้ยินแบบนี้ธีร์ก็เลยไม่พอใจ
“ก็มันไม่มีเวลา”
“จากพรุ่งนี้เป็นต้นไปกูจะโทรสั่งเลขามึงให้เตรียมอาหารให้ทุกเที่ยง แล้วคอยให้คุณภารายงานกูเสมอถ้ามึงดื้อด้านไม่ยอมกิน” ธีร์สั่งเฉียบขาด ทำเอาพัฒน์กระตุกยิ้มมุมปากส่งไปให้
เขาชอบท่าทางที่ดูเป็นห่วงเขาของธีร์จริงๆ มันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นเสมอ...
“ยิ่งกว่าแม่อีกนะมึง”
“อ้าว! แล้วพอใจป้ะล่ะ ไม่พอใจไม่ทำก็ได้นะเว้ย”
“หึหึ ยังไม่ว่าอะไรเลย”
“ชิ! กินข้าวอิ่มแล้วใช่ป่ะ เดี๋ยวกูไปยกเค้กมาให้” แล้วก็ถึงเวลาที่พัฒน์กังวลที่สุด ยิ่งเห็นสภาพที่ธีร์บอกว่าเป็นเค้กก็ยิ่งกลัวว่ามันจะเป็นอันตรายต่อท้องไส้ แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงนิ่งเฉยอยู่ดี
นี่เค้กหรือไง กูคิดว่าป่าอเมซอนขนาดย่อม!!
“ถึงหน้าตาจะไม่ดีแต่มันก็อร่อยนะเว้ย กูชิมแล้ว” ธีร์รีบนำเสนอด้วยรอยยิ้มก่อนจะวางมันลงตรงหน้าร่างแกร่ง ก่อนที่ใบหน้าขาวใสก็เจื่อนลงเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าพัฒน์จ้องเค้กของเขาไม่วางตา
“กูจะไม่ตายใช่ไหม”
เพี๊ยะ!
ธีร์ตบแก้มสากเบาๆ อย่างหมั่นไส้กับความปากหมาของพัฒน์
“ถ้าตายกูจะยืนอยู่แบบนี้ไหมวะ ทำไม ไม่กินหรือไง” เท้าเอวอย่างเอาเรื่อง
ลองบอกว่าไม่กินสิ เขาจะเอาเค้กนี่แหละยัดปากมันเอง ฮึ่ย!
“เปล่า แต่มึงป้อนหน่อยสิ” ไม่ใช่ประโยคขอร้อง อย่าเข้าใจผิด มันเป็นคำสั่งต่างหากล่ะ แต่ธีร์ก็มีข้อแลกเปลี่ยนเหมือนกันนะ
“ถ้ากูป้อน มึงต้องกินให้หมดนะ”
“พูดเป็นเล่น! กูอิ่มข้าวแล้วนะ ยัดเค้กได้นิดเดียวเท่านั้นแหละ” พัฒน์รีบส่ายหน้า
“งั้นก็กินเองไปเลย”
“มึงทำให้กูเนื่องในวันวาเลนไทน์ไม่ใช่หรือไง ไม่ให้แฟนป้อนแล้วใครจะป้อน” นับว่าเป็นประโยคที่เด็ดมากเพราะนอกจากจะทำให้ธีร์ทิ้งตัวนั่งบนตักกว้างอย่างแรงแล้ว ก็หยิบซ่อมที่เตรียมไว้ทานเค้กขึ้นมา
“ฮึ่ย!”
“หึหึ” ร่างสูงใช้แขนซ้ายโอบเอวเอาไว้ มืออีกข้างก็ลูบไล้ที่ต้นขาขาวเนียนที่ชายเสื้อเชิ้ตร่นขึ้นโชว์ ธีร์ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะมันเป็นความเคยชินไปแล้วที่พัฒน์จะทำรุ่มร่ามกับตัวของเขา และแน่นอนว่าถ้าธีร์ไม่อยากให้พัฒน์สัมผัส คงไม่อยู่ในชุดนี้หรอกนะ
“เอ้า!” ธีร์ป้อนเค้กเข้าไปในปากของร่างสูงที่อ้ารออยู่ มือข้างขวาของร่างแกร่งก็ยังคงลูบไล้ขาเขาอย่างสนุกมือทั้งซอกขาจนขนธีร์ลุกชันไปทั้งตัว มือที่โอบเอวอยู่ก็บีบเค้นผ่านเนื้อผ้าราวกับต้องการบอกว่า ต้องการอะไรที่มันมากกว่านี้
“กินหมดนี่มีหวังกูต้องออกกำลังกายผลาญมันออกไปอย่างหนัก” พัฒน์พึมพำ เงยมองหน้าที่อยู่สูงกว่าเขาเล็กน้อยเพราะธีร์ที่สูงเกือบพอๆ กับเขา พอนั่งตักเขาก็จะสูงกว่านิดหนึ่ง
“เออน่า นานๆ ทีนะเนี่ย”
“กูทำขนาดนี้แล้ว มึงยังจะว่ากูไม่ตามใจอยู่อีกไหม” พัฒน์ถามขึ้นเบาๆ ทำให้ซ่อมที่ตักเค้กขึ้นมาชะงักกึก ธีร์หันมาสบตาคนรักนิดๆ อย่างครุ่นคิด
มันก็จริง…
“แต่ก็ไม่บ่อยนี่” สิ้นคำเถียงของธีร์ พัฒน์ก็ส่ายหน้าไปมาก่อนจะงับเค้กเข้าปากอีก เอาเถอะ อยากจะคิดยังไงก็คิดไป...
สำหรับธีร์ คิดว่าพัฒน์ตามใจนานๆ ครั้ง แต่สำหรับพัฒน์...ทำแทบทุกวัน ถ้าไม่ตามใจ ไม่เอาใจ เขาไม่รีบตรงดิ่งกลับบ้านแบบนี้หรอก แล้วคนที่บ้าสุขภาพ บ้าร่างกายของตนอย่างพัฒน์ ไม่มีทางยอมทานเค้กทั้งปอนด์แบบนี้แน่ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะธีร์เป็นคนทำ
ทำไมธีร์ถึงไม่รู้สึกถึงแบบนี้บ้างนะ แต่ก็ช่างเถอะ...ไม่ต้องให้มันรู้ก็ดีอยู่แล้ว เดี๋ยวมันจะได้ใจคิดว่าเรารักมันมากจนยอมทุกอย่าง เคยตัวพอดี
“หึหึ”
“หัวเราะบ้าอะไร ทำไม กูกินเองบ้างไม่ได้หรือไง” ธีร์โวยวายเมื่อพัฒน์หัวเราะที่เห็นว่าเขาตักเค้กเข้าปากตัวเองบ้าง ป้อนร่างสูงคนเดียวโดยที่ตัวเองไม่ได้กินเนี่ยนะ
นี่ของโปรดนะครับ ไม่กินก็แปลกแล้ว...
“ก็ยังไม่ว่าอะไร ทำไมชอบร้อนตัว”
“ไอ้!!” ด่าไม่ออก เลยได้แต่ตักเค้กยัดปากอีกคนไปอย่างไม่พอใจเท่านั้น
“หึหึ” เกลียดเสียงหัวเราะนี่จริงๆ “มึงให้ของขวัญวาเลนไทน์กูแล้ว งั้นกูให้บ้างก็แล้วกัน”
“อะไรอ่ะ มีด้วยหรือ” ถามอย่างตื่นเต้นเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะนึกถึงวันวาเลนไทน์แบบนี้ด้วย
“มี! ไม่ใช่ของ แต่เป็นการกระทำ”
“อะไร อ่ะ...อื้อ” ยังไม่ทันที่ธีร์จะเข้าใจถึงความหมายร่างสูงก็ใช้มือกดศีรษะของธีร์ให้โน้มลงมาแล้วบดจูบไปที่ริมฝีปากบางทันที รสจูบที่หนักหน่วงของพัฒน์ทั้งร้อนแรง ดุดัน ดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่าง เรียกร้องให้ธีร์ตอบสนองกลับ แล้วธีร์จะยอมหรือ แรงมา เขาก็แรงกลับ บดเบียดร้อนเร่ารุนแรง แต่กลับเป็นฝ่ายธีร์ที่ปากบวมเจ่อ ร่างบางเบียดกายเข้าหาพัฒน์อย่างเคยชิน ฝ่ามือของพัฒน์ก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตนที่อยู่บนตัวของธีร์ ธีร์เองก็ปลดกระดุมเสื้อผ้าของพัฒน์
ทั้งสองผละริมฝีปากออกจากกัน ร่างผอมบางหอบน้อยๆ มองหน้าพัฒน์ด้วยสายตาที่หยาดเยิ้ม พัฒน์อดใจไม่ไหวเลยฟัดที่กอดขาวไปแรงๆ มองสภาพธีร์ด้วยสายตาร้อนแรง เสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมหมดแล้วกับช่วงล่างที่มีชั้นในตัวเดียว ทำเอาพัฒน์อารมณ์ประทุขึ้นมาทันที
“แล้วเค้ก…”
“ช่างมันเถอะน่า มึงค่อยทำให้กูกินใหม่ก็ได้” พัฒน์จูบตามซอกคอแผ่นอกอย่างพยายามอดกลั้น
“กินกู ก็ตอนไหนก็ได้เหมือนกัน”
“ไม่เหมือน”
“ทำไมถึงไม่เหมือน” ธีร์ย้อนถาม
“เพราะมึงเปลี่ยนรสชาติตลอดน่ะสิ วันนี้กูอยากชิมมึงที่ยั่วๆ แบบนี้ น่าจะถึงใจ”
ถ้าพูดข้างนอก สาบานเลยว่าพัฒน์ถูกต่อยปากไปแล้ว เพราะปกติร่างสูงไม่พูดอะไรแบบนี้เลย นับวันยิ่งหื่นขึ้นทุกวันจนธีร์กังวล
“ชิ! คิดว่ากูขัดมึงได้หรือไง” ธีร์สะบัดหน้าหนี แต่ใบหนน้าคมก็ตามซุกไซ้อีกข้างไม่ให้ว่างเลยทีเดียว
“ห้องครัวนะ”
“ไม่เอา!”
“แต่กูจะเอา”
สิ้นเสียงพัฒน์ก็จัดการยกร่างเล็กกว่าให้นั่งคร่อมตักหันหน้าเข้ามาตนแล้วเริ่มกิจกรรมอันเร่าร้อนในครัวทันที โดยไม่รอให้ร่างผอมบางขัดขืนหรือปฏิเสธได้สำเร็จ ปากที่ด่า คอห้ามเปลี่ยนเป็นครางลั่นด้วยความกระสันในอารมณ์ได้อย่างง่ายเมื่อเจอจี้จุดอ่อนของตน แล้วก็หันมาตอบสนองร่างสูงด้วยความรู้อยากกระหายไม่ต่างกัน
วันนี้...นอกจากห้องครัวจะเป็นที่ดินเนอร์ในวันแห่งความรักแล้ว ยังเป็นสถานที่ ‘ทำรัก’ ของทั้งคู่อีกด้วย ก็ถือว่าเปลี่ยนสถานที่ไปในตัว...
100%

สุขสันต์วันแห่งความรักนะคะ รักกันไปนานๆ อย่าลืมพัฒน์ธีร์นะคะ ตอนนี้ค่อนข้างจะหวานเวอร์วังอลังการมาก แต่ชอบนะ ทำตัวเหมือนเป็นคนรักกันดี
พูดคุย สอบถาม ทวงนิยายได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki/