Special เสพติดอันตราย...รักผู้ชายพันธุ์โหด
คู่จิ้น...คู่จริง
ภายในงานประกาศรางวัลสำหรับสมาคมนักธุรกิจของประเทศไทยที่จัดการมอบรางวัลให้กับนักธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทย ทั้งในส่วนที่เรียกว่าจริงจัง และไม่จริงจัง ทั้งด้วยความเก่งกาจและหน้าตา
พัฒน์กับธีร์ รวมทั้งปฐพีและอัคนีเข้าร่วมเป็นเป็นปีที่เจ็ด ทำงานมาก็แปดปี เราสองคนก็รู้จักกันมาแปดปี เข้าร่วมงานนี้มาก็เจ็ดปีแล้ว และคบกันมาเจ็ดปี และปีนี้เป็นปีแรกที่พัฒน์กับธีร์มาร่วมรับรางวัลเนื่องจากมีเขาสองคนเข้าชิงในรางวัลต่างๆ
“ต่อไปเป็นการประกาศรางวัลที่ทางเราใช้โพลจากทั้งประเทศนะครับ เป็นรางวัลที่แม้ว่าจะไม่ไม่ทรงคุณค่าเท่าไหร่ แต่ก็เป็นผลโหวตจากคนทั้งประเทศโหวตมานะครับ”
ซึ่งธีร์ได้รับรางวัลต้นแบบยอดเยี่ยม ได้ที่สอง พัฒน์เอาที่หนึ่งไป ชายในฝัน ได้ที่หนึ่ง แล้วก็นักธุรกิจที่อายุเลขสามแต่หน้ายังเลขสอง เรียกสั้นๆ รางวัลนักธุรกิจหน้าเด็กที่ได้อันดับหนึ่งไปครอบครอง เดินขึ้นรับรางวัลเป็นว่าเล่น ส่วนพัฒน์ก็ได้รางวัลหนุ่มเจ้าเสน่ห์อันดับหนึ่ง ต้นแบบของความจริงจังอันดับที่สอง อันดับแรกเจ้านายของเขาได้รับไป และสุดท้ายรางวัลนักธุรกิจหน้าตาย ทำเอาคนขึ้นรับรางวัลพวกนี้ถึงกับอับอายเลยทีเดียวที่จัดรางวัลสนุกๆ แบบนี้ขึ้นมาคลายเครียด
คลายเครียดบ้าบออะไร กูอายฉิบหาย!!
“นี่กูมาทำไมเนี่ย รางวัลที่เข้าชิงก็ไม่ได้สักรางวัล มาได้รางวัลบ้าบออะไรก็ไม่รู้” ธีร์บ่นพึมพำตลอดทั้งงานจนคนรักต้องก้มมากระซิบข้างหู
“เอาน่า...ยังไงก็ได้เหมือนกัน”
“มึงได้ต้นแบบความจริงจังมึงก็พูดได้นี่ กูนี่เข้าชิงอะไรก็ได้ที่สี่เกือบหมด ทำไมเด็กรุ่นใหม่มันเก่งกันจังวะ”
“ปีที่ผ่านๆ มามึงก็ได้เยอะแล้วนี่ เราไม่ได้มารับเองแต่ก็ส่งรางวัลถึงบ้าน” พัฒน์พูดปลอบ
มันก็จริงที่ว่ารางวัลที่พวกเขาเคยได้รับมีอยู่เต็มตู้ที่ห้อง ซึ่งเป็นรางวัลที่คุ้มกับการทำงานตลอดแปดปี เป็นแปดปีที่แสดงให้คนทั่วๆ เห็นว่าเขาก็ทำได้
“แต่นี่เราสามสิบแล้วนะ ดูรางวัลที่ได้ดิ อายเด็กมันไหม” ธีร์ยังไงก็ยังเป็นที ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้เสมอ
ที่จริงแล้วปีนี้เขาสองคนก็กะจะไม่มาอีกตามเคยแต่ว่าปฐพีกับอัคนีติดธุระพาลูกๆ ไปเที่ยวจนถึงสิ้นปี เขาสองคนเลยต้องมาแทน
“ก็ไม่เห็นต้องอาย”
“มึงมันหน้าด้านอยู่แล้ว”
“เดี๋ยวก็ตบปากแตก!”
“โหดตลอด ชิ!” ธีร์หันหน้าไปมองยังเวทีที่เขาประกาศรางวัลอยู่อย่างเบื่อหน่าย อยากจะกลับบ้านนอนเต็มทีแล้ว
“เอาเถอะน่า เดี๋ยวก็จบแล้ว”
“ก็หวังว่าอย่างนั้น”
“ง่วงหรือ?”
“ง่วงมาก...เบื่ออ่ะพัฒน์”
“ทนเอาหน่อย จะไฮไลท์แล้ว”
“อื้อ!!”
ทั้งคู่ตั้งใจมองไปยังพิธีกรที่ยังคงป่าวประกาศรางวัลอยู่ จนในที่สุด...ก็ถึงรางวัลสุดท้ายของงานแล้ว
“สุดท้ายนี้เป็นรางวัลที่เพิ่งจะมีได้ห้าปี แล้วผู้ที่ได้รางวัลนี้ก็เป็นคู่เดียวตลอดห้าปี และในปีนี้ทั้งสองท่านก็มาร่วมงานด้วย นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง นั่นก็คือ กระแสคู่จิ้น พี่พัฒน์พี่ธีร์ของเด็กสาววัยรุ่นทั้งประเทศครับ ต้องขอขอบคุณทั้งสองท่านเป็นอย่างมากที่ทำให้โพลความฝันของเด็กๆ ที่อยากจะเป็นนักธุรกิจเพิ่มขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของปีนี้เลย และขอบคุณที่ทำให้สมาคมของเราได้รับการจับตามองของสังคมมากขึ้น ยังไงก็ขอเชิญทั้งสองท่านให้เกียรติขึ้นมาบนเวทีด้วยครับ” หลังจากเสียงพิธีกรที่เชิญพวกเขาขึ้นไปบนเวที ก็มีเสียงปรบมือดังราวไปทั่วทั้งห้องจัดงาน พัฒน์กับธีร์หันมามองหน้ากันนิดๆ ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นพร้อมๆ กัน
แปะๆ
เสียงปรบมือยิ่งดังขึ้นเมื่อเห็นการปรากฏตัวของพวกเขาทั้งสองคนพร้อมกันเช่นนี้ แสงไฟสปอร์ตไลท์สาดส่องมาที่พวกเขาสองคนตลอดการเดินไปที่เวที ธีร์ยิ้มน้อยๆ ส่วนพัฒน์ยืนนิ่งๆ หน้าเย็นชาตามเดิม หากแต่เมื่อพวกเขายืนอยู่ด้วยกันแบบนี้แล้ว ให้ความรู้สึกเหมาะสมและสมบูรณ์แบบสุดๆ
“ขอบคุณที่ให้เกียรตินะครับ ก่อนอื่นผมขอถามก่อนว่ารู้สึกยังบ้างที่มีกระแสคู่จิ้นออกมาหลังจากที่คุณทั้งสองชอบไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเจ็ดปีนี้”
ธีร์ได้รับหน้าที่เป็นคนตอบ เพราะพัฒน์คงไม่พูดอะไรอยู่แล้ว ร่างโปร่งก้าวไปยังไมโครโฟนที่ตั้งอยู่ตรงหน้าแล้วปรับให้พอดีกับระดับปาก
“ก็รู้สึกแปลกใจตั้งแต่ปีแรกที่เราได้แล้วล่ะครับ ไม่คิดว่าการที่เราสองคนไปไหนมาไหนด้วยกันก็ไม่คิดว่าจะมีใครสนใจน่ะครับ” ธีร์ตอบออกยิ้มๆ ทั้งน้ำเสียงและใบหน้าที่แสนจะหล่อเหลาอย่างเทพบุตรของธีร์ทำเอาสาวๆ นักธุรกิจถึงกับยิ้มเคลิบเคลิ้ม บางคนก็แอบกรี๊ดหลุดมาดนักธุรกิจ
“แล้วทำไมถึงสนิทกันได้หรือครับ เพราะทั้งสองคนก็นิสัยต่างกันมากๆ” พิธีกรถามอยู่ ในมือก็ถือคำถามที่เตรียมมาจากแฟนๆ ที่ต่างกันระดมถามเข้ามา
“อาจจะเป็นเพราะเราสองคนทะเลาะกันตั้งแต่วันแรกมั้งครับ ไปๆ มาๆ ก็สนิทกันแล้ว”
“รู้สึกยังไงบ้างครับที่คุณสองคนมีแฟนคลับถึงหลักแสนเลย”
“ดีใจครับ ต้องบอกว่าดีใจมากๆ แม้ว่าเราจะไม่ชอบความวุ่นวาย แต่รู้ว่าที่ทุกคนมาหาเราก็เพราะความชื่นชม จนพวกเราสองคนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นดารา ฮะๆ” ธีร์ตอบแล้วหัวเราะน้อยๆ เรียกเสียงหัวเราะจากคนในงานได้เป็นอย่างดี เพิ่งจะรู้ว่าคนอย่างธีรไนยก็เป็นคนอารมณ์ขันด้วย
“ได้ข่าวมาว่าต้องเพิ่มการ์ดหน้าตึกเลยหรือครับ”
“คำสั่งคุณกินกับคุณเพลิงน่ะครับ เพราะตอนแรกๆ พวกเราเจ็บเพราะโดนเบียด ตอนนี้เหตุการณ์ปกติแล้วครับ เด็กๆ เขาเข้าใจ” พัฒน์ยิ้มในใจกับคำตอบของคนรัก
เข้าใจที่ไหนล่ะ เขานี่แหละที่ไล่ตะเพิด ถ้าไม่ทำ ไม่พูด ไม่ว่า ก็คงจะตามทั้งวันทั้งคืนไม่มีเวลาส่วนตัว จะทำเพจ จะทำบ้าน ทำกลุ่มแฟนคลับอะไรก็ทำไป แต่อย่ามาวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวก็พอ
“คำถามนี้เป็นคำถามเด็ดเลยครับ จากแฟนคนหนึ่ง ถามว่า...อยู่ด้วยกันตลอดเลย มีตัวจริงหรือเปล่าครับ”
“ตัวจริงนี่ อะไรหรือครับ” ธีร์ถามกลับยิ้มๆ
“หมายถึงแฟน คนรักน่ะครับ”
“ก็มีครับ”
“แต่ไม่เคยเห็นออกงานเลยนะครับ หรือเก็บไว้ที่บ้านอย่างเดียวล่ะครับ เป็นคำถามที่น่าสนใจมาก เพราะไม่เคยจะเห็นข่าวคุณสองคนกับคนรักเลย จะเป็นเจ้าของแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายหรือเปล่าครับ”
ธีร์ยิ้มๆ ไม่ตอบออกไป แล้วเขาก็ตอบมาเยอะแล้ว ขี้เกียจจะพูดอีก เลยปล่อยให้พัฒน์เป็นคนพูดบ้าง
“เดี๋ยวให้พัฒน์ตอบก็แล้วกันนะครับ ผมขอไม่พูดก็แล้ว”
“ได้ครับ รบกวนด้วยนะครับคุณพัฒน์ ช่วยตอบให้พวกเรารู้ทีว่าใครคือตัวจริงของพวกคุณสองคน สาวๆ จะอกหักกันหรือเปล่าครับเนี่ย”
“ครับ...เรามีตัวจริงกันแล้ว แต่ว่าเราก็ไม่ได้ปิดบังน่ะครับ ก็ยังไปไหนด้วยกันบ่อยๆ” ร่างแกร่งตอบเสียงทุ้มที่ราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลยยันใบหน้าและท่าทาง
ที่จริงเขาไม่อยากจะมาตอบคำถามอะไรแบบนี้เลยสักนิด แต่ในเมื่อถามมาแล้วก็เป็นสมาคมด้วย เพื่อบริษัทกับหน้าเจ้านายเขาก็ต้องตอบ
“ไปบ่อยขนาดนี้ทำไมถึงไม่มีข่าวหรือภาพหลุดเลยล่ะครับ ขอเสียมารยาทถามหน่อยนะครับ เห็นแต่ไปไหนมาไหนกับคู่จิ้นของคุณพัฒน์อย่างคุณธีร์เท่านั้น” พิธีกรมองหน้าทั้งสองคนสลับกันไปมา ธีร์ก็ได้แต่ยืนยิ้ม ในใจก็นึกสนุกที่ทุกคนไม่แม้แต่จะรู้ว่าเราสองคนเป็นอะไรกันมากกว่าคู่จิ้น
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดจะบอกหรอก แต่ต่อให้รู้เองพวกเขาก็ไม่เดือดร้อนอะไร แค่อาจจะลำบากกว่าเดิมเพราะแฟนคลับ สาววายที่มาชอบพวกเขาอาจจะมากขึ้นก็เท่านั้น
“ครับ...สำหรับคนอื่นๆ อาจจะคิดว่าเราเป็นคู่จิ้น...แต่ความเป็นจริงเราเป็นคู่จริงครับ” พัฒน์ตอบทำเอาเสียงผู้คนฮือฮาดังแทรกขึ้นมาอย่างกับเจอเรื่องที่แปลกประหลาด ส่วนธีร์ก็ได้แต่เบิกตา อ้าปากค้างเพราะตกใจไม่คิดว่าพัฒน์จะพูดออกไปท่ามกลางคนนับร้อยแบบนี้ แล้วไหนจะสื่อมวลชนต่างๆ อีก นี่มันหาเรื่องเข้าตัวชัดๆ
“ม่ะ หมายความว่า คุณสองคนไม่ใช่แค่คู่จิ้น แต่คบกันจริงๆ ใช่หรือเปล่าครับ” พิธีกรชายถามเสียงสั่นๆ เพราะคาดไม่ถึงกับคำตอบที่แสนใจกล้าของพัฒน์ ร่างโปร่งยืนนิ่งไปแล้วเพราะยังช็อกไม่หาย
“ตามที่เข้าใจเลยครับ” พัฒน์ตอบสั้นๆ
“อ่ะ เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นขอเชิญคุณเกียรติพิศาลมอบรางวัลคู่จิ้นแห่งปีเจ็ดปีซ้อนให้กับคุณพัฒน์คุณธีร์นะครับ”
จากนั้นก็ถึงเวลามอบรางวัลสักที ธีร์ก็ยื่นรับโล่อย่างงงๆ เพราะยังคงคิดว่าตัวเองฝันอยู่ที่พัฒน์พูดเหมือนกับประกาศจุดยืนของเราออกไป
ไม่ได้กังวลอะไรหรอก เพราะตอนนี้ก็เลขสามทั้งคู่แล้ว งานก็มั่นคง ฐานก็แน่นเหนียว แต่ชีวิตความเป้นอยู่ที่โดนจับตาเพิ่มมากขึ้นนี่แหละ
“สุดท้ายนี้ ขอให้คุณพัฒน์คุณธีร์ ช่วยพูดอะไรนิดหน่อยกับการยืนเคียงข้างกันครับ”
บรรยากาศคล้ายงานแต่งจนธีร์อยู่ไม่สุข พูดออกไมค์ไปราวกับต้องการจะแก้สิ่งที่พัฒน์เพิ่งพูดออกไป
“เมื่อกี้พัฒน์คงจะแสดงมุมตลกๆ ให้ทุกท่านได้เห็นไปแล้ว แต่เหมือนว่ามันจะแป้ก ฮะๆ อย่างนี้แหละครับตลกหน้าตาย เอาเป็นว่าขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุนคู่จิ้นพัฒน์ธีร์มากๆ เลยครับ รู้สึกจะเป็นคู่แรกในวงการธุรกิจเลย ดีใจและขอบคุณมากๆ จริงๆ ครับ”
“คุณพัฒน์ล่ะครับ”
“สำหรับผมเมื่อกี้นี้ไม่ได้แสดงตลก แต่เป็นการแสดงความจริงให้ทุกคนทราบ สุดท้ายขอบคุณมากๆ ครับที่เชียร์คู่เรา จากนี้ไปไม่ต้องเรียกพวกเราว่า ‘คู่จิ้น’ แล้วนะครับให้เรียกว่า ‘คู่จริง’ แทน” พัฒน์พูดบอกออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบ บอกชาวบ้านเขาออกไปหมดจนธีร์ต้องเอื้อมมือมาหยิกต้นแขนของพัฒน์อย่างเคยชิน นักข่าวต่างพากันถ่ายช็อตนี้กันรัวเร็ว จนร่างโปร่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป
ให้ตายสิ...พังหมดเลย
ร่างโปร่งรีบดึงแขนคนรักให้เดินตามตัวเองลงมาจากเวทีเพราะทนสายตาที่มองมาไม่ไหวแล้ว เขาไม่ได้อายที่คนจะรู้เรื่องของพวกเขา แต่ใช่ว่าจะต้องป่าวประกาศ ธีร์ลากร่างแกร่งมาที่รถทันทีไม่รอปิดงานอะไรทั้งนั้น
“พูดบ้าอะไรวะพัฒน์”
“ก็แค่พูดความจริง”
“ก็ใช่มันเป็นความจริง แต่ใช่เรื่องที่ต้องประกาศไหมวะ” ธีร์หัวเสีย
“จะได้มีใครเลิกถามเรื่องของเราไง เลิกถามว่ามีตัวจริงไหมทั้งๆ ที่ก็ยืนอยู่ข้างๆ แต่บอกไม่ได้ พอบอกว่ามีก็อยากรู้ว่าเป็นใครอีก เปิดตัวให้มันจบๆ ไป จะได้รำคาญเรื่องอื่นแทน” พัฒน์ตอบอย่างหัวเสียไม่แพ้กัน
“กูเบื่อที่ต้องเบี่ยงเบนประเด็นทั้งๆ ที่ไม่เห็นจะต้องปิด”
คิดว่าเขาสองคนต้องตอบคำถามพวกนี้มากี่ครั้งแล้วเวลาไปงานต่างๆ
ให้มันรู้กันไปเลย พอเรื่องมันใหญ่แรกๆ หลังๆ มันก็ซาไปเองจนเลิกพูดเลิกถามเรื่องนี้นั่นแหละ
“เฮ้อ...พัฒน์ เตรียมตัวหนีแฟนคลับพรุ่งนี้ได้เลย” ธีร์ถอนหายใจ
ไม่ได้โกรธ จะว่าไปมันก็ดีแล้วเหมือนกัน สมัยนี้ความรักของผู้ชายกับผู้ชายมันเปิดกว้างมากจนไม่มีอะไรแปลกใหม่แล้ว ไม่มีอะไรเสียหายแล้ว
ก็แค่ผู้ชายสองคนรักกัน
แค่รักเอง...ใครจะไปห้ามความรักได้ล่ะ
เขาสองคนผ่านอุปสรรคมาด้วยกันกี่ครั้งแล้ว และมันจะเป็นเช่นนี้ต่อไป
“ไม่ต้องห่วง กูไม่พามึงเที่ยวไทยหรอกปีนี้” พัฒน์ว่าก่อนจะเปิดประตูรถแล้วดันธีร์เข้าไปคุยในรถจะได้เดินทางกลับคอนโดเลยด้วย
“หมายความว่ายังไง” ร่างโปร่งถามคนรักเมื่อพัฒน์นั่งประจำที่คนขับแล้ว
“ก็หมายความว่าครบรอบเจ็ดปีของเรา กูจะพามึงไปยุโรป”
“จริงหรือ” ธีร์ตาโตลุกวาวด้วยความดีใจ
“อืม...เตรียมตัวด้วยก็แล้วกัน เดินทางวันที่ 26 ธันวาคม”
“มะรืนนี้อะดิ”
“เออ”
“ว้าว! ดีจัง”
“หึหึ...อย่าลืมให้รางวัลผัวดีเด่นคืนนี้ด้วย” ธีร์ยู่ปากอย่างขัดใจที่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกับคนรักอีกแล้ว แต่ทำยังไงได้ล่ะ
ยอมทั้งหมดนั่นแหละ
“งั้นก็ขับรถเร็วๆ เลย กูจะจัดให้ถึงใจ” ธีร์ขยิบตายั่วจนพัฒน์ต้องเหยียบคันเร่งเร็วขึ้นเพื่อให้ถึงที่หมายโดยไว เรื่องแบบนี้พัฒน์กลายเป็นคนตีนผีทุกทีสิน่า
...
...
...
และแล้วในเช้าวันรุ่งขึ้น ข่าวของพัฒน์และธีร์เมื่อคืนก็ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ เลขาของทั้งคู่ต่างก็โทรมาหาว่ามีงานถ่ายแบบเข้ามาหาพัฒน์กับธีร์มากมาย ในธุรกิจพัฒน์กับธีร์ทราบดีว่าพวกเขาต้องการใช้กระแสของพวกเขาเป็นจุดขาย
แต่ขอบอกไว้เลยว่าไม่ เพราะเขาสองคนเป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่นายแบบ
“ช่วยปฏิเสธให้ด้วยครับ พวกเราไม่รับงานอะไรทั้งนั้น” ธีร์บอกปลายสายไป พัฒน์เองก็ปฏิเสธไปเช่นกัน แค่เหล่าแฟนคลับที่มาดักรอหน้าคอนโดทำให้ลงไปไหนไม่ได้ในวันคริสมาสต์แบบนี้ก็พอแรงแล้ว โชคดีที่พรุ่งนี้เขากับพัฒน์เดินทางตอนกลางคืน ทางสะดวกในการหนีหน่อย
“คุณแม่โทรมาไหม” ธีร์ถามคนรัก
“โทรมา”
“ว่า”
“ทำดีมาก”
คิดถึงตอนเช้าที่คุณหญิงทับทิมโทรหาลูกชายแล้วกรี๊ดกร๊าดบอกว่าดีมาก ทำดีแล้ว เธอจะได้พูดได้สักทีว่ามีลูกสะใภ้หนุ่มแล้ว และบอกว่าเป็นใครสักที
“แม่กูก็บอกว่าทำดีมาก สรุปกูไม่เข้าใจอะไรแล้วเนี่ย ตอนแรกกูก็คิดว่าเราจะเจอปัญหาอาถรรพ์เลขเจ็ดเหมือนชาวบ้าน แต่ที่ไหนได้เจออาถรรพ์แฟนคลับที่เพิ่มขึ้นอย่างกับกูเป็นดาราซุปเปอร์สตาร์เกาหลี” ธีร์บ่นอย่างเหนื่อยใจ
“จะเลขอะไรก็ไม่มีผลต่อเราหรอก”
“นั่นดิ” ธีร์พิงศีรษะบนไหล่แกร่งของคนรักแล้วมองไปยังท้องฟ้าด้านหน้าที่เป็นกระจกห้อง
“รักมึงจัง”
“หึหึ...รักเหมือนกัน” ธีร์ที่กำลังจะตกใจกับคำบอกรักของพัฒน์ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้วันที่ 25 เป็นวันที่พัฒน์ต้องบอกรักเขาทุกปีอยู่แล้ว เลยยกยิ้มออกมาแทน
“เจ็ดปีแล้ว เร็วจัง”
“เรานี่ก็ผ่านอะไรมาเยอะเนอะ ทั้งเรื่องเรา พ่อแม่ ครอบครัว ทั้งเรื่องหึงหวง เรื่องกูไปเรียนจนต้องห่างกัน ทั้งปัญหางาน ปัญหาคนที่ทำงาน ปัญหาแอนตี้ และอะไรมากมาย พอมาคิดดูๆ แล้ว เราผ่านมันมาได้ยังไงกันนะ” ธีร์ยังคงมองไปยังท้องฟ้ากว้างไกล ที่ไม่รู้ว่ามันสิ้นสุดตรงไหน
ก็เหมือนกับพวกเขาที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดตอนไหนเหมือนกัน
“เพราะเราผ่านมาได้ เราเลยเข้มแข็งขึ้น เชื่อใจกันมากขึ้น และอยู่กันอย่างสบายใจแบบนี้ไงล่ะ”
“พูดได้ดี กูนึกว่ามึงจะพูดทำลายบรรยากาศเสียอีก” ธีร์เอ่ยแซว
“มึงนี่แหละทำเสีย คราวนี้กะทำซึ้งแล้วเชียว” พัฒน์บอกไปอย่างหน่ายใจ
ธีร์ที่รู้ตัวว่าตนพลาดไปก็ได้แต่มองร่างสูงเลิกลักทำอะไรไม่ถูก
“ลืมไอ้เมื่อกี้ไป แล้วเอาใหม่เลย”
“ไม่ทันแล้วธีร์ กูหมดอารมณ์แล้ว”
ราวกับฟ้าผ่าลงกลางใจที่เขาดันพลาดอะไรดีๆ เพราะตัวเอง แต่ก็ช่างเถอะ จะหวานจะซึ้งไม่สำคัญอะไรแล้ว แค่เรายังอยู่ข้างกันแบบนี้ก็เพียงพอ
พอแล้วจริงๆ
แล้วก็ที่สำคัญคือ...
เราไม่ใช่แค่ ‘คู่จิ้น’ ในความรู้สึกของคนอื่นๆ แต่เป็น ‘คู่จริง’ ในชีวิตจริงๆ ด้วย

ตอนพิเศษที่ 13 จากเล่มพิเศษ ฉลองยอดไลค์แฟนเพจ 5,000 ไลค์ค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงทุกวันนี้ ขอบคุณที่รักพี่พัฒน์พี่ธีร์
ขอบคุณมากมายจริงๆ ค่ะ
ปล. หนังสือยังมีอยู่นะคะ ใครอยากได้ทักแฟนเพจได้เลย