Chapter 14เสียงสายน้ำกระทบพื้นกระเบื้องดังก้องอยู่ในห้องอาบน้ำพักใหญ่ จนกระทั่งคนที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัวสงบสติอารมณ์ลงได้บ้าง เขาจึงหยิบผ้าเช็ดตัวที่จัดวางไว้ในห้องน้ำมาซับตามเนื้อตัว หยิบเสื้อผ้ามาใส่แล้วก้าวออกมาจากห้องน้ำอย่างระทดระทวย
ดวงตากลมใสกวาดมองไปรอบๆ ห้อง ก่อนสายตาจะไปสะดุดอยู่ที่เตียงนอนคิงไซส์กับกระจกบานใหญ่... ทั้งๆ ที่ตฤณอยู่คนเดียวน่ะหรือ? จะว่าไปสีหวานๆ ของผ้าม่านกับผ้าปูที่นอนลายดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มน่ารักๆ ก็ไม่ได้เหมาะกับผู้ชายเลยสักนิด
...แต่ก็ไม่แน่ อาจจะเป็นรสนิยมของไอ้หมอนี่ก็ได้
นภเกตน์เดินออกจากห้องนอน จากนั้นก็ลงบันไดไปยังชั้นล่าง เขาทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นทะแม่งๆ มาจากห้องครัว และพอเดินเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ หมอกควันสีเทาๆ ก็หนาตามากขึ้นทุกที
ร่างโปร่งถลาเข้าไปในห้องครัวที่เต็มไปด้วยควันโขมง “คุณตฤณ! จะเผาไล่ที่รึไง! แค่กๆ” ก่อนจะปราดไปเปิดหน้าต่างเพื่อไล่ควันออกไป
ตฤณยืนทำหน้ายุ่งอยู่หน้าเตาทำอาหาร ซึ่งบนนั้นมีกระทะที่ภายในมีไส้กรอกกับไข่ที่ทอดนานจนดำเกรียมและมีไฟลุกท่วม อันเป็นที่มาของควันหนาในห้อง มือหนาถือถังน้ำใหญ่อยู่ในมือเพื่อเตรียมจะสาดลงไปบนเตา
นภเกตน์ร้องเสียงหลง “เฮ้ย!! เดี๋ยวก๊อนนนนน! คุณจะทำอะไรน่ะ!”
“ก็จะดับไฟน่ะสิครับ!”
“ปิดแก๊สรึยัง!”
“ปิดแล้วจะทอดยังไงล่ะครับ!”
“โธ่เว้ย!” ผู้เป็นนายนึกอยากจะร้องไห้ นี่มันวันอะไรของเขากันวะ! มือขาวเอื้อมไปปิดแก๊ส ก่อนจะคว้าถังน้ำไว้แล้วยื้อสุดแรง “คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ!”
“แต่ไฟมันจะไหม้บ้านผมแล้วนะคุณ!” ตฤณเถียงพลางยื้อถังน้ำกลับคืน
“ฮื้ยยย! ใครเขาดับไฟบนเตาแบบนี้กันเล่า! อ๊ะ!” เพราะมัวแต่ยื้อกันไปยื้อกันมา ถังน้ำในมือขาวที่เปียกน้ำก็ลื่นหลุดมือ ส่วนอีกฝ่ายก็ดึงกลับไปซะเต็มแรง เลยหงายผลึงลงไปกองกับพื้นโดยมีถังน้ำร่วงลงมาครอบอยู่บนศีรษะ
“ว้ากกกก!” ~~ โครม! ~~ เคร้ง!
“คุณตฤณ! ยังไม่ตายดีใช่มั้ย!” นภเกตน์ถลาเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง
“ยังไม่ต๊ายยย แต่บ้านผมไฟจะไหม้แว้ว~”
“เออ! เดี๋ยวนะ” ร่างโปร่งหันซ้ายขวาเพื่อมองหาผ้าผืนที่ใหญ่มากพอที่เขาจะใช้ในการดับไฟ แต่ในห้องครัวนั้นไม่มีผ้าเลยสักผืน ไม่มีผ้ากันเปื้อน ไม่มีผ้าเช็ดจาน ไม่มีผ้าขี้ริ้ว จนเขาต้องสบถออกมาเบาๆ “Shit! นี่มันห้องอะไรกันแน่” แล้วหันกลับไปถลกเสื้อของคนที่นั่งมึนอยู่บนพื้นออกจากศีรษะ “ถอดเร็ว!”
“ฮะ! คุณนภเกตน์! จะมาหื่นใส่ผมอะไรตอนนี้! แอร๊ว!” ตฤณโวยวาย หากยังไม่ทันคว้าเสื้อของตนไว้ก็ถูกเจ้านายกระชากออกไปเสียก่อน
นภเกตน์รีบเอาเสื้อที่ถอดออกมาไปชุบน้ำให้เปียก เขาบิดน้ำพอหมาดแล้วจึงเอาไปครอบลงบนกระทะที่ไฟกำลังลุกโชติช่วงสวยงาม
ฟุ่บ! ฟู่วววววว~
หมอกควันในครัวจางลงช้าๆ ส่วนไฟบนเตาก็ดับสนิทลงได้ในที่สุด ส่วนสองหนุ่มในห้องก็ได้แต่หอบแฮกๆ เพราะเหนื่อยจากการโต้เถียงกันมาตั้งแต่เช้า แล้วยังต้องมาผจญภัยกันในครัวแบบนี้อีก
“ทอดไข่ ทอดไส้กรอกยังไหม้ แล้วคุณจะไปทำอะไรกิน!” พอลมหายใจกลับเป็นปกติ ผู้เป็นนายก็หันไปต่อว่าร่างสูงที่กำลังลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล
“ผมก็ซื้อกินน่ะสิครับ!”
“ผมไม่ได้หมายความว่ายังงั้น!” นภเกตน์หันไปส่งสายตาดุๆ ใส่ เขาหมดเรี่ยวแรงจะเถียงกับไอ้ผู้ช่วยสุดเกรียนนี่แล้ว “คุณไปอาบน้ำเถอะไป เดี๋ยวผมทำอาหารเอง ไอ้กระทะใบนี้ คงต้องทิ้งไปพร้อมกับเศษเสื้อของคุณละนะ”
“ครับๆ” ตฤณพยักหน้าหงึกหงัก สภาพเขาในตอนนี้ดูไม่ได้เอาเสียเลย ใบหน้าเปื้อนสีดำของควันจากเถ้าถ่านในกระทะ แล้วยังเส้นผมที่ชี้ฟูตั้งไปทั้งศีรษะ “ขอบคุณที่ช่วยดับไฟครับ” เขาเอ่ยพร้อมเกาศีรษะอย่างเขินๆ แล้วจึงยอมถอยออกจากห้องครัวไปอย่างว่าง่าย
เมื่อผู้เป็นนายเห็นว่าอีกฝ่ายคล้อยหลังไปได้สักครู่ เขาก็เริ่มต้นสำรวจห้องครัว “เฮ้อ... ทำไมฉันต้องเสี่ยงตาย แล้วยังต้องมาทำอาหารให้ไอ้บ้านี่กินด้วยวะ” ...แต่เอาเถอะ ทำอาหารง่ายๆ พอรับประทานแล้วอิ่มท้องแล้วเขาก็จะได้รีบกลับบ้าน ไม่อยากอยู่กับเจ้าผู้ช่วยตัวแสบนี่ต่อไปอีกแม้เพียงวินาทีเดียว
มือขาวเอื้อมไปเปิดเช็กตามตู้อาหารและตู้เย็น ซึ่งภายในมีพวกเนื้อสัตว์กับไส้กรอกแช่แข็ง กับพวกผักที่เหี่ยวแห้ง ดูเหมือนจะเก็บไว้นานเกินสัปดาห์แล้ว... ถ้าไอ้หมอนี่ทำอาหารไม่เป็น แล้วจะซื้ออาหารมาเก็บไว้ให้เน่าทำไมนะ ชายหนุ่มบ่นพึมพำ
นภเกตน์เลือกหยิบบะหมี่สำเร็จรูปจากในตู้เก็บอาหาร จัดการลวกเส้นแล้วผัดกับพวกเนื้อสัตว์และไส้กรอก พอเสร็จเรียบร้อยเจ้าของบ้านก็เดินกลับเข้ามาในครัวพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่พอดี “เอ้า ชามนี้ของคุณ มายกไปเอง”
“ขอบคุณครับ” ตฤณยกชามบะหมี่ผัดของตนขึ้นมาพิจารณา เขานึกแปลกใจเล็กน้อยที่คนที่มีท่าทางคุณหนูอย่างเจ้านาย ทำอาหารก็เป็นกับเขาด้วย จากนั้นจึงเดินนำไปที่โต๊ะอาหาร แล้วเดินกลับมาเปิดตู้เย็น “ผู้จัดการ... จะดื่มอะไรดี”
“...อะไรก็ได้ น้ำเปล่าก็ได้”
ทั้งสองนั่งลงตรงข้ามกันที่โต๊ะอาหาร ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์กั้นระหว่างพื้นที่ห้องครัวกับบริเวณเล็กๆ ที่ใช้เป็นส่วนของห้องอาหาร บทสนทนาของพวกเขาเป็นไปอย่างราบเรียบตามอย่างที่ได้ตกลงกันไว้ตอนอยู่บนเตียง หรืออาจจะเป็นเพราะทั้งคู่หมดแรง หมดโควตาที่จะโต้เถียงกันประจำวัน พวกเขาจึงจัดการกับอาหารและพูดคุยกันไปอย่างสันติ
“ปกติผู้จัดการทำอาหารเองเหรอครับ”
“อืม... ตั้งแต่เข้าเรียนไฮสคูล ผมก็อยู่คนเดียวมาตลอด ก็ต้องหัดทำอาหารกินเองบ้าง”
ร่างสูงพยักหน้าหงึกหงัก... จะว่าไป เขายังไม่รู้ประวัติหรือเรื่องราวใดๆ เกี่ยวกับเจ้านายสักเท่าไหร่เลย เพราะตั้งแต่เริ่มทำงานด้วยกันมา พวกเขาพูดคุยกันดีๆ ได้อยู่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น “ปกติผมมักจะซื้อกิน กินแถวที่ทำงาน หรือไม่ก็มีคนทำให้” แวบหนึ่ง เขานึกถึงปิ่นหยกขึ้นมา เธอทำหน้าที่ไปจ่ายกับข้าว เตรียมอาหารเช้ากับอาหารเย็นของทุกวัน แม้เมนูจะวนเวียนซ้ำกันทุกสามวันก็ตามที และดูแลความสะอาดภายในบ้าน ถึงจะทำความสะอาดแค่เดือนละครั้งก็เถอะ
ตฤณเองก็คิดว่าน่าแปลก... ที่เขาไม่ได้โศกเศร้ากับการถูกทิ้งมากนัก อาจจะเป็นเพราะเขากับเธอ หมดความรักใคร่และความผูกพันที่มีต่อกันไปนานแล้ว
“พวกผักในช่องกระบะ กับอาหารที่หมดอายุ ผมทิ้งลงถังขยะไปหมดแล้วนะ” นภเกตน์พูดพลางใช้ส้อมม้วนเส้นบะหมี่ขึ้นมาเป่า พอเหลือบมองอีกฝ่าย เขาก็ขมวดคิ้วมุ่น... ทำไมจู่ๆ ทำหน้าเหี่ยวแบบนั้นล่ะ หรือว่าจะเสียดายของที่เขาทิ้งไป... “อ๊ะ! ผมควรจะถามคุณก่อนทิ้งสินะ”
“เปล่าครับ ผมแค่คิดอะไรเพลินๆ ไปหน่อย...” มือหยาบใช้ส้อมจ้วง
บะหมี่ใส่ปาก แล้วเคี้ยวหยุบหยับ พลางหันหน้ามองออกไปทางด้านนอกหน้าต่าง... ดีที่วันหยุดแบบนี้ เขาไม่ต้องอยู่คนเดียวนะ อยู่กับเจ้านายจอมกวนแบบนี้ก็มีความสุขดีไปอีกแบบ
...แต่จะว่าไป... เขาก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อเวลาที่มีเจ้านายอยู่ใกล้ๆ เลยสักครั้ง
นัยน์ตาสีอ่อนชำเลืองมองคนที่นั่งทำหน้าเศร้าเป็นพระเอกมิวสิกตรงหน้า แล้วอดที่จะแขวะไม่ได้ “ทำหน้าเป็นแมวถูกทิ้งไปได้”
ตฤณหันขวับไปหาคนพูด ก่อนจะหัวเราะแหะๆ “ฮ่าๆ ดูออกง่ายๆ แบบนั้นเลยเหรอครับ”
...อ้าว! ชิบหายละ! ถูกทิ้งจริงๆ หรือเนี่ย? หรือว่าจะโดนคนที่เจอตอนเก็บสบู่ทิ้งเอา? จะว่าไป... แล้วคนคนนั้นเป็นใคร เป็นพนักงานในบริษัทหรือเปล่า เขาก็จำหน้าไม่ได้ซะด้วยสิ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็คิดว่าไม่ควรจะถามถึง
นภเกตน์ทำหน้าลำบากใจ เพราะคนที่นั่งอีกฝั่งของโต๊ะ ปกติแล้วจะเอาแต่ทำหน้าตากวนประสาท แต่พอมาโหมดเศร้าแบบนี้แล้ว เขาไม่ชินเอาซะเลย
ชายหนุ่มผิวสีแทนขยิบตาข้างหนึ่ง “แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมทำใจได้แล้ว ต่อจากนี้ไปจะมีแต่ผู้จัดการคนเดียว”
ฟู่วววว ร่างโปร่งพ่นบะหมี่ออกจากปาก... ไม่น่านึกสงสารแม่งเลย! “ผมอิ่มละ กลับก่อนนะ” ...ขืนอยู่นานกว่านี้ เขาต้องอาเจียนใส่โต๊ะแน่ๆ
ตฤณปาดเส้นบะหมี่ออกจากใบหน้า พอเห็นอีกฝ่ายลุกขึ้น ก็รีบรั้งข้อมือขาวเอาไว้ก่อน “เดี๋ยวสิครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไม่ต้อง ผมนั่งแท็กซี่ไปเองได้ ผมจะรีบไปทำงานที่บริษัทต่อด้วย”
“ผมจะไปด้วย”
นภเกตน์ปรายตามองคนที่จับข้อมือของตนไว้ “นี่มันเป็นวันหยุด คุณไม่ได้เงินค่าล่วงเวลาหรอกนะ”
ร่างสูงลุกตาม “แต่ว่านี่มันเป็นโพรเจกต์ของผม แล้วที่ผมอยู่ทำงานจนเย็นทุกวัน ไม่ใช่เพราะหวังค่าล่วงเวลาอย่างเดียวนะครับ”
“หวังประหยัดน้ำไฟที่บ้านงั้นสิ”
ตฤณหัวเราะ “โธ่ ผู้จัดการ! ผมออกจะทุ่มเทให้กับงานนะครับ”
ผู้เป็นนายนิ่งไปสักพัก ก่อนตอบ “...งั้นก็ตามใจ”
TBC~*ความวุ่นวายยังคงดำเนินต่อไปนะคะ
บางทีฮัสกี้ก็สงสัยว่าแผนกนี้จะทำให้บริษัทล่มจมรึเปล่า
ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านค่ะ