‘วงแหวน’
เอกลักษณ์ของดาวเคราะห์วงนอกบางดวง
ประกอบไปด้วยอนุภาคในอวกาศบริเวณนั้นจำนวนนับไม่ถ้วน
ราวกับฝูงแกะถูกต้อนให้วิ่งไปตามทางที่เจ้าของฟาร์มต้องการ
แล้วใครกันล่ะที่เป็นคนต้อนฝูงแกะให้วิ่งไปอย่างเป็นระเบียบ
คนต้อนแกะนั้นมีชื่อว่า
'ดวงจันทร์คนเลี้ยงแกะ' (Shepherding Moon)
ตอนที่ 15
เข้าสู่ช่วงเทศกาลสอบไฟนอลอย่างเป็นทางการ ตอนนี้ไม่ว่าใครต่างก็ง่วนอยู่กับการอ่านหนังสือสอบ ติวสอบ ปั่นงาน ปั่นโปรเจคส่ง
หอสมุดกลางของมหาวิทยาลัยเป็นสถานที่ยอดฮิตที่ใครต่างก็พากันไปสิงสถิตที่นั่น ราวกับเป็นบ้านหลังที่สองก็ไม่ปาน ถ้าหากสามารถกางเต้นท์หลับนอนในหอสมุดได้ก็คงมีคนทำไปแล้ว (ถึงแม้อย่างมากจะมีแค่เอาหมอนและผ้าห่มมาก็ตาม) แม้กระทั่งกาแฟที่ขายอยู่ชั้นล่างก็ขายดีกว่าช่วงปกติขึ้นเป็นสามถึงสี่เท่าตัว ยังไม่นับรวมถึงเครื่องดื่มชูกำลังและขนมขบเคี้ยวสารพัดในสหกรณ์ใต้หอสมุดและบริเวณโดยรอบ
“ไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยย!!” ไอ้เติ้ลร้องลั่น โชคดีที่ชั้นนี้สามารถใช้เสียงได้ คนรอบข้างแถวนั้นจึงทำเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาขุ่นเคืองเล็กน้อยแล้วก้มลงอ่านหนังสือบนโต๊ะของตัวเองต่อ
“เบาๆหน่อยได้ไหมคุณเพื่อน โต๊ะอื่นเขามองจะแดกหัวโต๊ะเราแล้ว” แซนดี้หัวเสีย ตอนนี้หลายสิบชีวิตในกลุ่มยังคงนั่งอ่านหนังสือกันอย่างทรหดอดทนตั้งแต่สี่โมงเย็นที่ผ่านมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักกันเลยสักนิด
“พวกมึงเอาอะไรไหมกูกับไอ้โปรจะลงไปซื้อ” เติ้ลลุกขึ้น ข้างๆกันมีโปรยืนถอดแว่นนวดขมับอยู่ข้างๆ สองคนนี้ท่าทางจะสติหลุดไปแล้วเรียบร้อย พูดด้วยสีหน้ายุ่งๆ “ตอนนี้กูจะไม่ทนอ่านแล้ว!! ปล่อยกูไปปปป อย่างที่เป็นนนน”
ไอ้โปรทำท่าประกอบเพลงLet it goเวอร์ชั่นมันเองอย่างไม่อายสายตาใคร
“แค่ถอนไม่ทำให้เดือดร้อนสักเท่าไหร่”
“นี่มันไฟนอลแล้วไหมมึง” ใครสักคนในกลุ่มพูดขึ้น
“...”
“แต่เอาจริงๆก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกันว่ะ ไปพักยืดเส้นยืดสายสักหน่อยก็ดี” คนที่เหลือในกลุ่มลุกขึ้นบ้าง กำลังจะลุกตามไป แต่ก็ถูกเติ้ลขัดขึ้นมาก่อน
“หยุดเลยมึงไอ้เอก เฝ้าของไป อยู่เป็นเพื่อนลีโอ อยากกินอะไรบอกกูมาเดี๋ยวกูซื้อให้” มันหันมาชี้นิ้วสั่ง แอบจิ๊ปากด้วยความรู้สึกหมั่นไส้นิดหน่อย แต่เมื่อหันไปเห็นอีกคนที่นั่งข้างๆกันยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ก็เลยสงบปากสงบคำพยักหน้าเออออตกลงตามนั้น โดยไม่ลืมที่จะขอกาแฟเย็นมาสองแก้ว
เมื่อทุกคนไปหมดเหลือเพียงโต๊ะตัวใหญ่กับองครักษ์พิทักษ์ทรัพย์สิน หรือที่เรียกง่ายๆว่า ‘คนเฝ้าของ’ นั่งมองอีกคนอ่านหนังสืออย่างตั้งใจจนอีกฝ่ายรู้สึกตัวว่าถูกจ้องมองอยู่จึงละสายตาขึ้นมา
“เอกไม่ไปหาอะไรกินหรอ?”
“ไม่ล่ะ อยู่นี่ดีกว่า” ถอดแว่นกรอบสีดำออกวางไว้บนโต๊ะก่อนจะเอนหลังพิงกับเก้าอี้โซฟาตัวใหญ่ ยังโชคดีที่เก้าอี้ของหอสมุดนุ่มสบาย แต่ก็เสี่ยงที่จะหลับเหลือเกิน
“เพิ่งรู้ว่าเอกก็สายตาสั้นเหมือนกัน” ลีโอหยิบแว่นขึ้นมาลองสวมก่อนจะทำตาหยีเพราะพยายามปรับสายตาให้พอดีกับแว่นที่ใส่ “เห็นปกติไม่ใส่แว่น”
“ไม่ชอบใส่น่ะก็เลยใส่เฉพาะตอนเรียน อีกอย่างก็สั้นไม่ค่อยเท่าไหร่ด้วย”
“เหมือนกันเลย” อีกฝ่ายถอดแว่นวางคืนไว้ที่เดิม
“แต่เอกใส่แว่นแล้วดูดีนะ” ลีโอพึมพำกับตัวเอง แต่ก็ดังพอที่จะได้ยิน
“พูดจริง?” เบิกตากว้างเท่าไข่ห่านอย่างไม่เชื่อว่าจะถูกชม รู้สึกเหมือนได้รับพลังบางอย่างที่ทำให้มีแรงนั่งอ่านแลปฟิสิกส์ที่จะสอบในเร็วๆนี้ขึ้นมาทันที ทฤษฎีและสูตรที่เรียนไปในห้องเรียนต่างหลั่งไหลกันเข้ามาในสมอง
อีกฝ่ายพยักหน้า
ขอบคุณนิวตัน ขอบคุณเกย์ลูสแซค ขอบคุณเดอบอยล์ ขอบคุณชาร์ล ขอบคุณมักซ์พลังค์ ขอบคุณปาสคาล ขอบคุณไอน์สไตน์“ถ้าเลิกทำหน้าบูดน่าจะหาแฟนได้ไม่ยาก” ลีโอวิเคราะห์ “คือที่ไม่มีสาวเข้ามาเนี่ย เดาเอาว่าคงเพราะหน้าดุ” นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองมาตรงหน้า ในใจอยากจะถามออกไปเสียเหลือเกินว่า ‘หน้าดุแบบนี้แล้วชอบหรือเปล่า’ แต่คิดดูอีกทีไม่พูดออกไปคงจะดีกว่า
“ก็มันเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว” เรื่องหน้าดุไม่ว่าใครที่รู้จักต่างก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ และส่วนหนึ่งอาจจะเพราะเป็นคนใจร้อนหงุดหงิดง่าย หน้าบูดๆเลยเกิดขึ้นได้ไม่ยาก แต่พอมาคิดอีกทีก็ไม่ได้น่ากลัวจนคนหนีหายเสียหมด อย่างน้อยก็พอควบคุมอารมณ์ได้อยู่ แต่จะให้มาเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นยิ้มแย้มอารมณ์ดีตลอดเพื่อให้ใครมาชอบนี่ไม่ใช่ทางของตัวเองสักเท่าไหร่
สิ่งที่สำคัญคือการยอมรับและเข้าใจซึ่งกันและกันต่างหากถึงจะถูก ไม่อย่างนั้นมันก็จะเป็นแค่การฝืน
ทำอย่างกับผู้เชี่ยวชาญด้านความรัก…
ทั้งๆที่เรื่องของตัวเองยังเอาไม่รอดเลย
“อื้ม...เอกเป็นอย่างนี้แหละดีแล้ว”
“ฟังอยู่ไหมเนี่ย?”
ในที่สุดการสอบปลายภาคก็จบลง เข้าสู่ช่วงปิดเทอมใหญ่อย่างเป็นทางการ เหล่านิสิตที่เพิ่งสอบเสร็จต่างรวมกลุ่มกันเพื่อไปเลี้ยงฉลอง บ้างก็โยนชีทเรียนปลิวว่อนใต้ตึกพร้อมทั้งตะโกนโห่ร้องดีใจ
“เชี่ยเอ้ย! คะแนนกูไปแล้วววว! ไปแน่แล้วววว! กูตอบคำตอบสลับกันหมดเลย!” ไอ้เติ้ลเดินร้องโอดโอยออกมาจากห้องสอบ ข้อสอบคราวนี้ยากมาก เรียกได้ว่าโคตรพ่อโคตรแม่ยาก อาจารย์กะจะฆ่ากันให้ตายไม่ได้ผุดได้เกิดเลยสินะ
“ได้คะแนนเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆสอบเสร็จแล้วค่าาาาา จบปีหนึ่งแล้ววววว” ร่างกายเอียงไปเล็กน้อยตามแรงกดทับจากการเอาแขนพาดไหล่ของแซนดี้ที่โผเข้ามากระโดดกอดคอด้วยความดีใจ ถึงจะตัวเล็ก แต่น้ำหนักนี่ก็ใช่ย่อย ทำได้แค่คิดอยู่ในใจ ถ้าขืนพูดไปคงไม่พ้นโดนตบกระโหลกแบบไอ้เติ้ลแน่ๆ
“ว่าแต่...ทำไมช่วงนี้ เพื่อนเอกใส่แว่นตลอดเลย จะโชว์ว่าเนิร์ดหรอพ่อคุณ?” ไม่รู้ทำไมจู่ๆแซนดี้ก็ทักขึ้นมา
“แล้วกูใส่ไม่ได้หรอ?” ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ การที่หันมาใส่แว่นนี่มันแปลกตรงไหน
“ก็ไม่ใช่ว่าใส่ไม่ได้ ปกติเห็นเพื่อนเอกใส่เฉพาะตอนเรียน แต่หลายวันมานี้ใส่ตลอดก็เลยถาม...” แซนดี้พูดจบก็เงียบไปสักพักหนึ่ง เหมือนนึกบางอย่างขึ้นได้ “หรือว่า…” รอยยิ้มร้ายของเพื่อนสาวปรากฏขึ้น
“คุณชายลีโอจะชอบคนใส่แว่น”
พรืดดดดดดด
“กูจะใส่อะไรมันก็เรื่องของกู!” เผลอขึ้นเสียงใส่เพื่อนสาวตัวเล็กตรงหน้า แซนดี้หัวเราะ เป็นไปตามที่คาดจริงๆ
“แสดงว่าจริงสินะ ทำไมเพื่อนเอกดูออกง่ายจัง”
“โห ท่าทางจะหลงมาก ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟนนะ ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ กลัวน้องเอกจะเสียคนจริงจริ๊งงงง” ไอ้เติ้ลยืนฟังอยู่ข้างๆพูดขึ้นบ้าง สองคนนี้ได้ทีแล้วพร้อมใจกันรุม
ฝากไว้ก่อนเถอะพวกมึงสองคน
“แล้วนี่จะไปไหนกันต่อหรือเปล่าวะ? ถ้าไม่มีไปดูหนังกันเหอะว่ะ” เปลี่ยนเรื่องเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเพื่อนทั้งสอง ก่อนมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้
“ขอโทษนะคุณเพื่อน จองตั๋วรถทัวร์กลับบ้านไว้แล้วน่ะ” แซนดี้หน้าจ๋อย เพราะเป็นปิดเทอมใหญ่ ใครๆก็อยากกลับบ้านกันทั้งนั้น ยิ่งบ้านอยู่ไกลแล้วไม่ใช่จะกลับได้บ่อยๆ
ส่วนไอ้เติ้ลคงไม่ต้องพูดถึง
“กูจะไปกับน้องพลอย”
สุดท้ายเลยกลายเป็นว่าวงแตก ไม่ครบวง ได้แต่ยืนเคว้งคว้างไม่มีที่ไปอยู่คนเดียวหน้าคณะวิศวกรรมศาสตร์เหมือนดาวเทียมที่หมดอายุไขหลุดออกจากวงโคจร
กำลังอยู่คิดว่าควรจะไปไหนดี จะกลับบ้านเลยดีหรือเปล่า แต่แล้วก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นของโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงจนต้องหยิบขึ้นมาดู
Leonids : เอกว่างไหม?
ขอบคุณพวกมึงทุกคนที่พร้อมใจกันกลับบ้านกลายเป็นว่าตอนนี้กำลังนั่งอยู่งานเสวนาทางดาราศาสตร์ในห้องเลคเชอร์ของคณะวิทยาศาสตร์ตามคำชวนของมนุษย์กระดาษดับเบิ้ลเอเสียอย่างนั้น ในงานมีทั้งอาจารย์ของภาควิชาฟิสิกส์ นักวิชาการที่เคยเห็นอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ และนิสิตกับคนภายนอกที่มีความสนใจ
ลอบมองคนข้างๆนั่งจดนู่นจดนี่ที่ตัวเองสนใจลงในสมุดเล่มเล็กๆ สายตาที่จ้องมองไปยังจอโปรเจคเตอร์และวิทยากรด้านหน้าดูสนอกสนใจเป็นพิเศษ
พอมานั่งนึกดูในหลายเดือนที่ผ่านมานี้ แววตาที่เหมือนกับกลุ่มหมอกเนบิวลาของคนข้างๆเริ่มหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? แต่ก็ดีแล้วที่ไม่มีแววตาแบบนั้นอีก แสดงว่าช่วงนี้กำลังอารมณ์ดีอยู่สินะ ทั้งๆที่เพิ่งสอบเสร็จมา
“เอาล่ะครับ หลังจากที่เราคุยเรื่องดาวเคราะห์ที่มีวงแหวนกันไปแล้ว ผมเห็นว่าวันนี้มีน้องๆนิสิตมารับฟังงานเสวนากันอย่างเนืองแน่น” นักวิชาการหน้าห้องประชุมพูดขึ้น เขาลุกแล้วเดินหายไปทางด้านหลังเวทีก่อนจะกลับมาพร้อมกับซองพลาสติกใส ด้านในมีหนังสือครบรอบ35ปีสมาคมดาราศาสตร์ไทยและเข็มกลัดที่ระลึก
“ผมเลยอยากจะแจกของรางวัลในมือนี้ให้น้องๆนิสิตที่ตอบคำถามได้”
เสียงฮือฮาภายในห้องดังขึ้นอย่างตื่นเต้น
“อ้ะ คุณดอกเตอร์ ไม่ได้ครับ อันนี้ผมให้เด็กๆเขา…” วิทยากรพูดอย่างอารมณ์ดีกับนักวิชาการดีกรีดอกเตอร์ท่านหนึ่งด้านหน้าเวที
“คำถามรอบนี้คือ วงแหวนของดาวเคราะห์เกิดขึ้นได้อย่างไร?”
เสียงฮือฮาดังขึ้นทันทีเมื่อทุกคนได้ยินคำถาม จริงๆแล้วคำตอบนั้นถูกพูดถึงอยู่ในการบรรยายนี้มาโดยตลอด หากฟังครบและสรุปจับประเด็นใจความสำคัญได้
“อ้าว น้องคนนั้นยกมือแล้ว ส่งไมค์ไปให้เขาทีครับ”
ไม่นานสตาฟหน้าเวทีก็ส่งไมโครโฟนมาให้ รับมาแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึกที่สุด ก่อนจะผ่อนลมออกมาเพื่อให้ตัวเองผ่อนคลายจากความรู้สึกตื่นเต้น
“ที่ผมจับใจความได้ มีสามข้อสันนิษฐานครับ” บรรยากาศภายในห้องเงียบกริบราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่ ทุกคนต่างตั้งใจฟัง สายตามองตรงมาด้านหลังห้องเป็นจุดเดียวเล่นเอารู้สึกเกร็งอยู่ไม่น้อยจนต้องกระชับไมโครโฟนในมือให้แน่นขึ้น
“หนึ่ง เกิดจากการชนกันของดาวบริวาร โดยเศษซากหลังจากการชนโคจรรอบดาวเคราะห์ดวงนั้นจนกลายเป็นวงแหวน”
“สอง ถ้าไม่ใช่กรณีชนกัน ก็เกิดจากดาวบริวารโคจรเข้าใกล้ดาวเสาร์จนเกินขีดจำกัดของรอช ดาวเลยถูกฉีกออกกลายเป็นเศษซากวงแหวนเหมือนกับข้อแรก”
“และสาม เศษซากเดิมในระบบสุริยะที่ไม่สามารถรวมตัวกันเป็นดาวได้เพราะขีดจำกัดของรอช โคจรรอบดาวเคราะห์นั้นจนกลายเป็นวงแหวนครับ”
เสียงปรบมือดังขึ้นทันทีหลังจากที่ตอบคำถามเสร็จ พิธีกรกล่าวชมและแซวไปพร้อมกัน “แปลว่าน้องคนนี้ตั้งใจฟังนะครับเนี่ย” ก่อนจะถามคำถามต่อมา
“งั้นพี่ขอถามอีกนิด แล้วทำไมเศษซากดาวพวกนี้ถึงโคจรกันเป็นวงแหวนอย่างเป็นระเบียบได้ล่ะครับ?”
“ในวงแหวนของดาวเคราะห์จะมีดาวพี่เลี้ยงคอยต้อนเศษดาวพวกนี้ให้เรียงกันเป็นวง เรียกว่าอะไรนะ…?” พอเป็นจุดสำคัญดันจำไม่ได้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น เลยหันไปถามลีโอที่นั่งอยู่ข้างๆ
“Shepherding Moon”
“นั่นแหละครับ เลยเป็นรูปทรงวงแหวนแบบที่เราเห็นกัน”
“สุดยอดไปเลยครับ ถึงจะถามเพื่อนข้างๆด้วยก็เถอะ แต่กล้าตอบแบบนี้ก็รับรางวัลไปเลย!”
เมื่องานเสวนาจบลง ทุกคนในห้องต่างทยอยกันลุกออกจากที่นั่งตรงไปยังทางออก ลีโอที่เก็บของเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นเช่นกัน
“เอกเบื่อหรือเปล่า?” เจ้าตัวถามเสียงแผ่ว คงจะรู้สึกเกรงใจที่ชวนให้มาเป็นเพื่อนแบบนี้
“ก็ไม่นี่” ยักไหล่สบายๆให้อีกฝ่ายเห็นว่าไม่ได้รู้สึกเบื่ออะไร ซึ่งมันก็จริงตามนั้น การเสวนานี้ไม่ได้ตึงเครียดจนเกินไปแล้วก็ไม่ได้รู้สึกง่วงนอนเลยสักนิด แถมเรื่องที่ถกเถียงกันก็เป็นเรื่องที่คนภายนอกที่ไม่ได้เรียนดาราศาสตร์มาโดยตรงสามารถเข้าใจได้ง่าย
“ยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมอาจารย์นฤดีกับอาจารย์สุรินทร์ไม่ตีกันเหมือนทุกทีที่มาสอน” มีเรื่องตลกนิดหน่อย ช่วงที่เรียนวิชาฟิสิกส์หนึ่งเมื่อภาคเรียนที่ผ่านมา อาจารย์สองท่านนี้รับหน้าที่สอนร่วมกันในเซค และทุกครั้งที่สอนไปได้สักพักทั้งคู่จะเริ่มเถียงกันถึงหลักการที่กำลังสอนนิสิต สร้างความมึนงงให้กับนิสิตในห้องเป็นอย่างยิ่งว่าข้อสรุปไหนกันแน่ที่ถูกต้อง
“นั่นสิ ตอนที่เรียนด้วยก็เถียงกันแทบเป็นแทบตายจนเกือบหมดคาบ แต่วันนี้ดูคุยกันดี” ลีโอพยักหน้าเห็นด้วย วันนี้ในหัวข้อที่อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ทั้งสองท่านนี้ได้รับหน้าที่ให้บรรยายร่วมกัน ทั้งคู่กลับมีความเห็นไปในแนวทางเดียวกันเสียเป็นส่วนใหญ่
“ได้เรียนกับทั้งคู่ด้วยหรอ?” ลีโอเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ คงไม่คิดว่าจะได้เรียนกับอาจารย์ผู้สอนคนเดียวกัน
“ใช่ เรียนคาบแปดโมงน่ะ ง่วงนอนมาก”
“ใครเป็นคนจัดตารางเรียนตอนแปดโมงวะ แม่งแย่มาก” บ่นออกไปตามความรู้สึก คิดดูสิ เริ่มเรียนแปดโมง บ้านก็อยู่ซะห่างไกลถึงจะบอกว่ามีรถไฟฟ้าก็เถอะ แต่ก่อนจะมาถึงรถไฟฟ้าได้ก็ต้องนั่งรถสองแถวในซอยออกมาก่อน พอคำนวณเวลาแล้วยังไงก็ต้องตื่นแต่เช้าอยู่ดี
มุมปากของลีโอกระตุกขึ้นเล็กน้อย เสียงหัวเราะหึเมื่อสักครู่ทำให้มั่นใจว่าหูไม่ได้ฝาดไปอย่างแน่นอน
กำลังขำอยู่?เกิดเป็นบรรยากาศเงียบเชียบขึ้นระหว่างคนสองคน บรรยากาศที่แค่เดินไปตามฟุตบาธของมหาวิทยาลัย มองรถบัสผ่านไปคันแล้วคันเล่า มองรถจักรยานหลายคันจากการรณรงค์ให้ปั่นจักรยานภายในรั้วมหาลัยขี่ผ่านไป มองตึกอาคารและสิ่งก่อสร้างต่างๆ จนมาถึงสระว่ายน้ำที่เคยมาคราวที่แล้ว เรื่องเมื่อคราวนั้นทำเอาเผลอก้มลงมอง…
ข้อมือของคนข้างๆ“จริงสิ” ลีโอหันมามองตามเสียงที่เผลอร้องออกมาคนเดียว
“แบมือ” ประโยคคล้ายออกคำสั่งกับเจ้าตัวสีขาวที่บ้าน ไม่ได้ตั้งใจจะพูดห้วนแบบนั้น แต่เพราะความเคยชิน ในใจนึกอยากตีปากตัวเองแรงๆสักสองสามทีที่เผลอพูดออกไปอย่างนั้น เผลอคิดไปว่าอีกฝ่ายเขาจะโกรธหรือเปล่า
“แล้ว…?” ผลที่ได้กลับตรงข้าม นอกจากจะไม่โกรธแล้วยังยกมือทั้งสองขึ้นมาแบแต่โดยดีเสียอีก ถอดสายสะพายกระเป๋าออกข้างหนึ่งเพื่อให้กระเป๋าเลื่อนมาด้านหน้า มือรูดซิบกระเป๋าแล้วหยิบเอาถุงพลาสติกใสออกมา
วางบนมือของคนตรงหน้า
ลีโอเงยหน้ามองของในมือนั้นสลับกับเงยหน้ามองคนให้ แววตาเต็มไปด้วยความสงสัยแบบที่ชอบแสดงออกมาบ่อยๆเมื่ออยู่ด้วยกัน “เอามาวางทำไม?”
“ให้ไง”
“ให้ทำไม?” นั่นสิให้ทำไม เกิดคำถามขึ้นในหัว คำถามที่ไม่สามารถหาคำตอบได้เหมือนกับการถามว่า ‘ในจักรวาลแห่งนี้ มีดวงดาวที่มีสิ่งมีชีวิตนอกจากโลกอีกหรือไม่?’
ณ ตอนนั้นมีเพียงความรู้สึกเดียว
อยากให้“ก็เห็นชอบเรื่องพวกนี้นี่ เอาไว้เหอะ ถึงยังไงก็คงไม่ได้อ่านอยู่ดี” ทำเป็นตอบแบบขอไปที แต่สายตาก็ยังคงแอบเหลือบมองปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ลีโอพยักหน้า รับซองพลาสติกนั้นมาถือไว้แนบตัว
มุมปากทั้งสองข้างของอีกฝ่ายยกขึ้นเพียงเล็กน้อย
ในชั่วขณะนั้น กลับรู้สึกว่าเป็นรอยยิ้มที่งดงามที่สุด
ในจักรวาล“ไม่รับคืนด้วยนะ ห้ามเอามาคืนล่ะ!”
กว่าจะกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาทุ่มกว่าแล้ว ปกติไม่ใช่คนที่จะกลับบ้านเวลานี้ แต่เพราะวันนี้ไปนั่งฟังเสวนาดาราศาสตร์ที่จัดขึ้นที่คณะของตัวเองกว่าจะเลิกก็เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นเสียแล้ว และไม่รู้ว่าวันนี้นึกยังไง ทั้งเอกทั้งตัวเองถึงได้เดินอ้อมไปขึ้นรถไฟฟ้าอีกทางแทนที่จะขึ้นรถบัสของมหาลัยเช่นทุกที
แต่ก็ดีไปอีกแบบ ได้เดินมองบรรยากาศรอบๆมหาวิทยาลัย
ต้นไม้สีเขียว ลมเย็นพัดผ่าน รูปทรงของอาคารที่ดูแปลกตา
หนังสือหนึ่งเล่ม
และหน้าขึ้นสีแดงๆของเอกนึกถึงแล้วก็เผลอหัวเราะกับคำพูดของอีกคน
‘ไม่รับคืนด้วยนะ ห้ามเอามาคืนล่ะ!’ ถ้าเอาไปคืนจะทำหน้ายังไง? คงหนีไม่พ้นทำหน้าหงิกหน้างอแน่ๆ
และตอนที่เผลอชมออกไปก็ตลกไม่แพ้กัน
'เอกโคตรเจ๋งเลย ตอนที่ตอบคำถามนั่นน่ะ'
ขมวดคิ้วเหมือนกับจะโมโห แต่ใบหน้ากลับแดงเสียอย่างนั้น ซ้ำยังรีบเดินนำหน้าไปอีกต่างหาก“วันนี้กลับเย็นจัง ไปไหนกับเพื่อนมาล่ะพ่อหนุ่ม” แม่เอ่ยทักทายทันทีที่เปิดประตูบ้านเข้ามา
“อยู่ที่คณะฟังอาจารย์บรรยายน่ะ”
“สอบเสร็จแล้วพักบ้างก็ได้” แม่เดินเข้ามายีผมจนยุ่งไม่เป็นทรง สายตาที่มองตรงมาแสดงความเป็นห่วง “ไหนๆก็ปิดเทอมแล้วนี่”
“เป็นบรรยายสนุกๆน่ะ มีเพื่อนไปด้วย”
“อย่างงี้นี่เอง ใช่เพื่อนที่เคยมาส่งที่บ้านหรือเปล่า?”
“อื้ม...คนนั้นแหละ”
ขอตัวขึ้นมาเก็บของบนห้องรอเวลาอาหารเย็น(ที่กินตอนกลางคืนเสียอย่างนั้น) วันนี้แม่อาสาจะทำกับข้าวเองโดยให้เหตุผลว่ากลับถึงบ้านก่อนเป็นคนแรก วางกระเป๋าสะพายไว้บนโต๊ะ อีกมือหนึ่งก็แกะซองพลาสติกใสออก ด้านในมีหนังสือที่ได้รับมาพร้อมกับเข็มกลัดที่ระลึก นึกอีกรอบก็ยังคงขำสีหน้าท่าทางของคนให้ ดูขัดกันจนแปลกตา ปากบอกให้เพราะยังไงก็ไม่อ่านไม่สนใจ แต่กลับตอบคำถามอย่างฉะฉานแถมยังละเอียดเสียขนาดนั้น
“เป็นคนตลกแฮะ…”
ลุกขึ้นเดินตรงไปยังชั้นวางหนังสือโล่งๆ มีเพียงหนังสือเรียนกับText Bookที่ใช้เรียนในปีหนึ่งเท่านั้นที่วางอยู่ พื้นที่ของมันถูกใช้ไปไม่ถึงหนึ่งในสามเสียด้วยซ้ำ น่าแปลกที่ตอนเอาสิ่งที่เคยวางอยู่ด้วยกันบนนี้ออกกลับไม่รู้สึกว่ามันโล่งจนขัดตา
แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกเสียแล้วดึงกล่องลังใบหนึ่งออกมาจากใต้เตียง ภายในมีหนังสือที่เดิมมันเคยอยู่บนนั้น และตอนนี้มันได้กลับมาอยู่ที่เดิมของมันอีกครั้งหนึ่งแล้ว
พร้อมกับกรอบรูปและรูปถ่ายเก่าๆ รูปที่ถ่ายด้วยกันสามคน
คิดถึงเมื่อก่อน…
ถึงจะย้อนกลับไปไม่ได้ แต่ก็นึกถึงมันได้
นึกถึงช่วงเวลาที่เคยมีความสุข
แล้วก็ก้าวเดินต่อไป…“ลีโอ ข้าวเสร็จแล้วนะ”
“เดี๋ยวลงไปครับ”
ดวงดาวที่แตกสลาย
หากเศษซากของมันไม่อาจรวมกลับมาเป็นดาวดวงใหม่ได้อีก
แต่อย่างน้อย ‘ดวงจันทร์คนเลี้ยงแกะ’ จะช่วยให้มัน
กลายเป็นวงแหวนที่สวยงามเอง☆ξ*・ェ・*ξ
TBC
สวัสดีค่ะ หมาเอง
หายไปหลายวันมาก ฮือออ ขอโทษด้วยจริงๆค่ะ สอบเสร็จมาได้สักพักแล้วด้วย Y___Y
ขยายความเพิ่มเติมนิดหน่อยค่ะ ขีดจำกัดของรอช (Roche limit) คือ ระยะห่างที่ใกล้ที่สุดที่วัตถุอะไรก็ตามจะเคลื่อนเข้าใกล้ดาวดวงนั้นแล้วไม่ถูกแรงน้ำขึ้นน้ำลงฉีกออกเป็นชิ้นๆ (เพราะงั้นเวลามีดาวหลุดเข้าไปก็เลยแตกสลายเป็นผุยผง กลายเป็นวัตถุดิบของวงแหวนซะงั้น) ทีนี้พอมีพวกซากดาวหรือวัตถุต่างๆลอยอยู่รอบๆดาวเคราะห์ดวงนั้น ถ้ามันรวมตัวกันเป็นดาวได้ ก็อาจจะกลายเป็นคุณดวงจันทร์เลี้ยงแกะ แต่ถ้ารวมไม่ได้ก็ยังคงเป็นเศษแบบนั้นต่อไป แรกๆมันก็ไม่เป็นระเบียบหรอกค่ะ แต่เพราะแรงดึงดูดของดวงจันทร์คนเลี้ยงแกะช่วยต้อนก็เลยทำให้พวกเศษซากนี้เรียงตัวกันเป็นระเบียบขึ้น เลยกลายเป็นวงแหวนที่เห็นกันในปัจจุบันนั่นเอง

อันนี้คือที่เราเข้าใจ ถ้าเกิดมีตรงไหนผิดพลาดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
จริงสิ ใครพลาดโอกาสดูน้องลีโอ(ฝนดาวตกลีโอนิดส์) พรุ่งนี้อย่าลืมมาดูฝนดาวตกเจมินิดส์(ฝนดาวตกคนคู่)กันแทนนะคะ เยอะกว่าลีโอนิดส์อีก

ยังไงก็อย่าลืมหาที่มืดๆไร้แสงจากเมือง ท้องฟ้าโปร่งๆไร้เมฆ นอนดูกันด้วยนะ
ส่วนหมาน่าจะไม่ได้ดูนะคะ 5555 เค้าอยู่ในเมืองอะ ตอนแรกจะได้ออกไปนอกเมืองแล้ว แต่ทริปล่มไปซะก่อน อดเลย
สำหรับวันนี้ ขอบคุณมากนะคะ
รักคนอ่านทุกท่าน จุ๊บๆๆๆๆๆๆๆ /ส่งจูบแบบนางงามพร้อมอ้อมกอดอันแสนอ่อนโยน/
ปล. มีอะไรคุยกันได้ในแท๊ค #Starchart (อันนี้มันดันไปตรงกับแอปดูดาวชื่อนี้น่ะค่ะ ซึ่งเราก็ใช้ โฮลลลล 5555) หรือ #StarchartBL ได้นะคะ
ปลล. รูปดาวก่อน TBC เป็นรูปแกะนะคะ 5555