- ยังไม่จบ -
พฤทธิ์เข้าห้องพักอาจารย์ที่คณะตั้งแต่เช้าแล้ว เมื่อมาถึงก็เห็นว่าเสื้อสูทและร่มวางไว้อย่างเรียบร้อยข้างๆ โต๊ะทำงานหลักของเขา
เขาถอนหายใจเฮือก ทว่าก่อนเก็บมันลงในลิ้นชักที่อยู่ไม่ไกล เสียงของใครบางคนกลับดังขึ้นในความเงียบ“อาจารย์พฤทธิ์”
เจ้าของห้องตกใจเพียงชั่วครู่ ก่อนหันกลับไปมองใครบางคนที่น่าจะยืนอยู่หน้าประตู “ครับ”
กรณ์ยืนนิ่ง เขาหลุบมองเสื้อสูทและร่มที่พับไว้อย่างดีบนโต๊ะก่อนเริ่มบทสนทนาที่ชวนอึดอัดในยามเช้า “เมื่อวานหลงเล่าให้ผมฟังว่าคุณพฤทธิ์มาส่งขึ้นรถ ไม่ได้มาส่งถึงบ้าน อย่างไรก็ต้องขอบคุณ..”
“อ้อ..ไม่เป็นไร ผมทำตามหน้าที่ของอาจารย์คนหนึ่งที่มีต่อลูกศิษย์เท่านั้น”
“พี่พฤทธิ์ครับ..” กรณ์จ้องเขม็งไปยังเสื้อสูทและร่มสีเข้มอีกครั้ง โดยไม่มีคำพูดใดๆ ออกจากปากร่วมนาที
พฤทธิ์ยกยิ้มเล็กๆ หากเดาไม่ผิด กรณ์คงเป็นห่วงว่าเขาอาจจะวุ่นวายกับหลงไม่เลิก และหลงอาจจะตัดใจจากเขาไม่ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นประโยคที่จะพูดไปคงทำให้อีกฝ่ายสบายใจในระดับหนึ่งว่าทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิมในเร็ววัน ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกรณ์ และกรณ์กับหลง “คุณกรณ์ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะผมเองก็ไม่ใช่คนดื้อด้านขัดความต้องการของใคร เพราะเราๆ ต่างก็โตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว”
“ผมไม่ได้หมายความว่า..”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องที่ผมทำเมื่อวานก่อน ถ้าอาจารย์ฉลองขวัญไม่พูด ผมเองก็คงไม่สนใจจะทำเหมือนกัน” เขาหยิบเอกสารปึกหนึ่งขึ้นมาจากโต๊ะ “ผมมีสอนตอนเช้า เจอกันพรุ่งนี้นะครับ”
วันเกิดของกรณ์ตรงกับวันทำงานของหลายๆ คน ดังนั้นเจ้าของงานจึงตัดสินใจจัดขึ้นในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพราะอยากให้ญาติคนสนิทมาร่วมรับประทานอาหารเย็นอย่างพร้อมหน้า
ก่อนคืนวันงาน พฤทธิ์ตัดสินใจกลับบ้านไปพักผ่อนกับเพ็ญแข เพราะหล่อนร้องขอไว้ว่าไม่อยากให้คนขับรถที่บ้านขับไปรับไปส่ง และอีกอย่างต้องการให้ฉลองขวัญร่วมทางมาด้วย เขาเองไม่อยากขัดใจหล่อนนัก เพราะรู้ว่าระยะหลังมานี้ละเลยหน้าที่ของลูกที่นี้ไม่น้อย
“พฤทธิ์รู้จักบ้านของฉลองขวัญไหม แม่บอกให้เธอรอที่บ้าน”
“ถ้าเป็นบ้านที่ขวัญกลับทุกเสาร์อาทิตย์ก็พอจะทราบครับ อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่”
“อย่างนั้นก็แวะไปรับเธอที่นั่นหน่อยได้ไหม แม่อยากเจอคุณแม่ของฉลองขวัญพอดี”
พฤทธิ์ไม่ตอบอะไร เขาทำหน้าที่ขับรถให้เพ็ญแขเป็นอย่างดี ทั้งที่ในใจพอจะเดาอะไรออกได้หลายๆ อย่าง เมื่อผู้ใหญ่สองฝ่ายพบปะกันย่อมเกิดข้อตกลงระหว่างกันขึ้น สำหรับพฤทธิ์..เขามั่นใจดีว่าเพ็ญแขคงไม่ได้ถามถึงความเป็นอยู่ทั่วๆ ไป
เขาใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จอดรถชิดกำแพงบ้านหลังใหญ่ หลังจากกดกริ่งได้ไม่นาน เจ้าของบ้านก็ออกมาเปิดประตูเหล็กขนาดเล็กเพื่อต้อนรับแขกคนสำคัญ
“โอ๊ะ! คุณพฤทธิ์นี่เอง จะเอารถเข้ามาจอดในบ้านไหมคะ”
“ไม่ดีกว่าครับ วันนี้ผมมารับฉลองขวัญไปงานวันเกิดคุณกรณ์ ไม่ทราบว่าขวัญพร้อมหรือยัง” เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มๆ อย่างมีมารยาท
“กำลังจะเสร็จพอดีเลยค่ะ เข้ามารอก่อนดีไหมคะ”
พฤทธิ์กำลังจะปฏิเสธเพราะเขาแทบไม่มาบ้านหลังนี้หลังจากเรียนจบปริญญาตรี แต่ทว่าเสียงของเพ็ญแขกลับแทรกขึ้นมาทันควันพอจะทำให้เจ้าบ้านแสดงท่าทีประหลาดใจ ร้อยวันพันปีคุณพฤทธิ์เพื่อนคนสนิทของลูกสาวหล่อนเคยจะพูดเรื่องครอบครัวให้คนอื่นฟังเสียที่ไหน
“คุณแม่ของผมเองครับ”
“สวัสดีค่ะ” เพ็ญแขยิ้ม หล่อนมองคนตรงหน้าอย่างพออกพอใจอย่างปิดไม่ผิด “คุณแม่ของฉลองขวัญ ดิฉันอยากเจอตั้งนานแล้ว”
“คุณเพ็ญแขใช่ไหมคะ ขวัญเล่าให้ดิฉันฟังถึงคุณบ่อยๆ อย่างไรเชิญเข้ามานั่งในบ้านดีกว่าค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ทั้งสองเดินนำเข้ามาภายในห้องรับแขกที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ก่อนจะเริ่มบทสนทนาที่ทำให้พฤทธิ์ต้องคอยฟังเงียบๆ อย่างใจเย็น
“ดิฉันมีเรื่องจะคุยหลายเรื่องเชียวค่ะ แต่ตอนนี้เห็นทีจะไม่สะดวก ไม่ทราบจะขอเบอร์โทรศัพท์ไว้ติดต่อได้หรือไม่คะ”
พฤทธิ์ทราบดีว่าไม่ใช่แค่เบอร์โทรศัพท์เท่านั้น แต่อาจจะรวมถึงช่องทางการติดต่อทั้งหลายที่คนทั้งคู่พอจะปรึกษากันได้ตลอดเวลา
พวกเขานั่งคุยกันสักพัก ฉลองขวัญก็เดินเข้ามาภายในห้องรับแขก วันนี้หล่อนแต่งตัวดูดีเป็นพิเศษจนใครหลายคนเอ่ยปากชม แต่กระนั้นสำหรับพฤทธิ์แล้วเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเกินกว่าทุกวันที่เจอหล่อน
“สวยจริงๆ” เพ็ญแขเอ่ยปากชมไม่ขาด
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
“หลังเลิกงานแล้วจะให้คุณพฤทธิ์มาส่งฉลองขวัญนะคะ รบกวนคุณรชนีด้วยค่ะ”
รอยยิ้มของเพ็ญแขมีความสุขอย่างปิดไม่มิด ทำให้เขาได้แต่เก็บความอัดอั้นไว้เงียบๆ
“คุณแขจะถึงเวลาแล้วนะครับ”
ทั้งที่พฤทธิ์มั่นใจแล้วว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามครรลองของมัน แต่อันที่จริงเขากลับรู้สึกเหมือนมีหนามทิ่มที่อกข้างซ้ายจนชอกช้ำไม่เหลือชิ้นดี
งานเลี้ยงวันเกิดคุณกรณ์ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนคุณหญิงดุลยา แต่กลับอบอุ่นไปด้วยความรักความเมตตาจากคนในครอบครัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณวุฒิที่ดูจะชื่นใจเป็นพิเศษ เพราะหลังจากเจ้าตัวกลับมาจากต่างประเทศก็ไม่ได้เลี้ยงต้อนรับใดๆ อย่างเป็นพิธี
“คุณวุฒิให้ลดาไปช่วยตรงไหนเพิ่มเติมไหมคะ” น่าแปลกใจที่แม่ของหลงไม่ได้ออกไปไหน ทั้งที่จริงน้อยครั้งที่หลงจะเห็นว่าหล่อนอยู่ติดบ้าน
“ไม่มีแล้วลดา ทำตัวตามสบาย” วุฒิหันมายิ้มให้ “วันนี้ไม่ได้ออกไปดูร้านข้างนอกหรือ”
“ไม่ได้ไปค่ะ วันนี้เป็นวันสำคัญ ลดาอยากอยู่ช่วยงาน”
“ขอบคุณมากนะลดา”
หลงนั่งมองหล่อนอยู่ในห้องครัว เขารู้ว่าคนในบ้านหลายๆ คนไม่ชอบแม่ของเขาและมักนินทาให้หลงได้ยินเป็นประจำ พร้อมทั้งปลอบเขาไม่ให้คิดมาก เพราะหลงกับแม่เป็นคนละคนกัน ต่อให้ไม่ชอบใจมากแค่ไหน แต่หลงก็ยังเป็นที่รักและเอ็นดูของคนในบ้านอยู่ดี
“จริงๆ นะคะ ป้าอยากบอกคุณวุฒิเหลือเกินว่าร้านเริ้นอะไรนั่นเป็นฝันปลอมๆ ของหล่อน” ป้ากิ่งเห็นแล้วหงุดหงิดจึงอดไม่ได้ที่จะบ่นตามประสา “ถ้าไม่ติดตรงนี้ ป้าจะบอกคุณวุฒิให้ไล่หล่อนออกไปให้พ้น คนอะไรหน้าไม่อายจริงๆ”
เด็กหนุ่มยืนฟังเงียบๆ หากมองในมุมของพนักงานในบ้าน เป็นธรรมดาที่จะไม่ชอบแม่ของหลง เพราะพฤติกรรมลับหลังของหล่อนเป็นที่รู้กันดีในหมู่พนักงาน แต่ใครจะทำอะไรได้เมื่อเจ้านายอยากรักษาความเป็นครอบครัวเอาไว้ ดังนั้นหลายๆ คนจึงเลือกปิดตาข้างหนึ่งแทนการเปิดปากพูดตรงๆ
พระอาทิตย์ลาลับของฟ้าก่อนเวลาหกโมงเย็น ไฟข้างหน้าบ้านและบริเวณบ้านจึงเปิดขึ้นเพื่อให้แสงสว่าง
ไม่นานนักรถยนต์คันคุ้นตาก็แล่นปราดเข้ามาจอดหน้าชานบ้าน ก่อนพนักงานจะจัดการขับออกไปไว้ในโรงรถที่อยู่ไม่ไกล
ใครบางคนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าสงบ พร้อมผู้หญิงสองคนที่เด็กหนุ่มนึกขยาด ไม่ว่าจะเป็นคุณเพ็ญแขหรืออาจารย์ฉลองขวัญก็ล้วนชักนำความทรงจำแย่ๆ กลับคืนมาทั้งนั้น
ชั่วขณะหนึ่งที่หลงภาวนาไม่ให้เจ้าของรถคันเมื่อครู่เห็นเขา แต่หลงคงลืมไปว่าเขาเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดในโลก ไม่ทันจะย้ายตัวเองไปนั่งให้พ้นสายตาของผู้มาใหม่ ดวงตาสีเข้มก็เหลือบมองอย่างดุดันก่อนย้ายไปยังจุดอื่น
เสียงพูดคุยดังขึ้นภายในห้องรับแขก หลงจับความไม่ได้และไม่ต้องการได้ยินบทสนทนาใดๆ ทั้งนั้น ดังนั้นศาลาหลังน้อยที่ตั้งอยู่ในสวนจึงกลายเป็นสถานที่หลบภัยชั่วคราวของเด็กหนุ่ม
“คุณหลงจะได้เวลาอาหารเย็นแล้วนะคะ”
หลงเม้มปาก นึกอยากข้ามช่วงเวลาตรงนี้ไปเสียดื้อๆ “หลงไม่ค่อยหิวเลยครับ”
“ไม่ได้นะคะ วันนี้งานของคุณกรณ์ แล้วนี่ให้ของขวัญเธอไปหรือยัง”
เด็กหนุ่มส่ายหน้า
“รู้ไหมคะ คุณกรณ์อยากได้ของขวัญจากคุณหลงแทบแย่”
“ไว้แขกกลับหมดเมื่อไหร่หลงจะให้คุณกรณ์ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ไปนั่งที่โต๊ะได้แล้วค่ะ ให้ผู้ใหญ่รอนานๆ ไม่ดีนะคะ”
หลงอิดออด แต่เมื่อโดนสายตาดุๆ ของป้ากิ่งก็รีบเดินไปยังห้องรับประทานอาหารที่อยู่ไม่ไกล
คนเริ่มทยอยมานั่งตามเก้าอี้ที่จัดไว้ให้ คุณกรณ์นั่งข้างๆ คุณวุฒิและลดา ส่วนเขานั่งถัดออกไปไม่ไกลและคงเป็นโชคร้ายที่นั่งตรงข้ามกับคนที่พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดหลายสัปดาห์
เมื่อป้ากิ่งเริ่มตักข้าวให้ ดวงตาสีเข้มก็เอาแต่จ้องจานกระเบื้องเงียบๆ ภายใต้โคมไฟที่ส่องระยิบระยับในคืนเดือนมืด
นอกจากความพยายามของพฤทธิ์แล้ว เขายังต้องขอบคุณความอดทนของตัวเองมากที่สุด
พฤทธิ์คิดว่างานวันเกิดของกรณ์ไม่ราบรื่นอย่างที่คิด เมื่อใครบางคนในความทรงจำเหลือบมองมาด้วยแววตาวูบไหวใต้แสงไฟ ใครบางคนที่ผลักไสและดื้อดึงจะตีตัวออกห่าง สำหรับเขา..คนที่ไม่เคยเข้าหาใครต้องกลับมาพิจารณาเสียใหม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นไปตามความต้องการหรือไม่
หลง..เขาคิดว่าพอจะลบชื่อคนๆ นี้ออกจากสมองได้ แต่เปล่าเลย..ใบหน้าน่าเอ็นดูที่บางครั้งแสดงออกมาอย่างดื้อดึงกลับติดแน่นในความทรงจำ คล้ายจะตอกย้ำสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตและไม่ยอมให้ปล่อยผ่าน
หากเป็นเมื่อก่อน ตอนที่ความสัมพันธ์ของพวกเขายังฉาบฉวย ความหลงใหลได้ปลื้มกับสิ่งแปลกใหม่ พฤทธิ์อาจจะตัดใจไม่ยากเย็นเท่าตอนนี้
พฤทธิ์มั่นใจว่าในชีวิตไม่ค่อยสร้างความผิดหวังให้ใคร แต่เขาเริ่มไม่แน่ใจเมื่อเจ้าของใบหน้าน่าเอ็นดูแสดงสีหน้าผิดหวังอย่างชัดเจน
เขารู้ดีว่าเมื่อใครบางคนพูดยุติความสัมพันธ์แล้วย่อมต้องเป็นไปอย่างที่คิด แต่เปล่าเลย..หลงกลับทำในสิ่งที่ตรงข้าม ทั้งที่บอกว่าเรื่องระหว่างกันเป็นความผิดพลาด แต่ริมฝีปากที่เม้มน้อยๆ และดวงตาที่คลอหยาดน้ำกลับกระตุ้นความรู้สึกบางอย่างในใจเขา
แม้กระทั่งมื้ออาหารที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงพูดคุย คำแสดงความยินดี ทุกอย่างรายล้อมด้วยความสุขกลับไม่ทำให้เจ้าของใบหน้าที่พฤทธิ์นึกชิงชังมีอารมณ์ร่วมด้วยเลย เจ้าตัวนั่งตรงหน้าเขา..และยังคำก้มหน้าลงราวกับปกปิดอะไรบางอย่าง
“ไม่อร่อยหรือหลง” กรณ์กระซิบถามเด็กหนุ่มที่นั่งกินข้าวเงียบๆ ถึงจะเป็นลักษณะนิสัยไปแล้ว แต่เขาพอจะรู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงมาจากใครถ้าไม่ใช่คนที่นั่งตรงหน้าหลง
คนจัดที่ก็รู้ดีเหลือเกิน..
“ไม่ค่อยหิวครับ”
“กินอย่างอื่นไหม เดี๋ยวให้ป้ากิ่งทำให้”
เด็กหนุ่มส่ายหน้า “ไม่ดีกว่าครับ”
“เปลี่ยนที่กับพี่ไหม หรือจะขึ้นไปพักข้างบนก็ได้ เดี๋ยวพี่จัดการข้างล่างให้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมสบายดี คุณกรณ์ไม่ต้องเป็นห่วง”
ไม่ใช่เขาไม่สังเกต แต่เขาเองก็ไม่คิดว่าระยะเวลาที่ผ่านมาจะไม่ช่วยให้คนทั้งคู่ละทิ้งความผิดพลาดพวกนั้นเลย ตรงกันข้าม..ประกายตาที่วูบไหวกลับทำให้กรณ์ต้องกลับมาพิจารณาใหม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ระหว่างความถูกต้องเหมาะสมกับความสุขอะไรควรเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตมากกว่ากัน
ปกติแล้วที่บ้านไม่ค่อยมีคนดื่มแอลกอฮอล์ แต่เพราะเป็นงานเลี้ยงให้กับลูกชายคนโตของบ้าน คุณวุฒิจึงอนุญาตให้นำเครื่องดื่มพวกนั้นขึ้นมาวางบนโต๊ะอาหาร แน่นอนว่าสำหรับแม่ของหลง..หล่อนชอบเสียยิ่งกว่าอะไรและดื่มจนลืมมารยาทไปเสียสนิท สำหรับหลงแล้วเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มของพวกนี้นอกจากน้ำอัดลมที่อยู่เต็มแก้ว
น้ำแข็งในแก้วเริ่มละลายเจือจางความหมายของน้ำอัดลมเกือบหมด ในขณะหนึ่งที่นั่งเงียบๆ ความคิดหนึ่งกลับแทรกขึ้นมาในหัว แอลกอฮอล์พวกนี้จะช่วยทำให้หลงลืมตัวตนหรือเปล่า..
เด็กหนุ่มหลุบตามองแก้วน้ำของตัวเองที่บรรจุน้ำอัดลมไว้ เขาเทมันทิ้งในกระถางต้นไม้ ก่อนแทนมันด้วยเครื่องดื่มต้องห้ามสำหรับเขาที่แอบหยิบขณะคนอื่นเผลอ ฝ่ามือกุมขวดแก้วแน่น ค่อยๆ รินมันลงจนเต็ม แล้วยกขึ้นดื่มทันที ความแสบร้อนกระจายทั่วโพรงปาก ลำคอ และท้องของเขา มันวูบวาบราวกับมีคนจุดไม้ขีดไฟข้างใน
อยากรู้ว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงชอบดื่มกัน..
ลมหายใจของเด็กหนุ่มร้อนผ่าว แต่เขายังไม่พอใจผลลัพธ์
เรื่องพวกนี้โกหกทั้งเพ ใครว่าดื่มเหล้าแล้วลืม ไม่มีหรอก..มีแต่ตอกย้ำความผิดพลาดของเขาที่ไปหลงรักคนต้องห้ามแบบอาจารย์พฤทธิ์
พวกผู้ใหญ่ไม่ได้สังเกตอะไร พวกเขาคุยกันอย่างออกรสในห้องรับแขก ในขณะที่หลงนั่งเงียบๆ อยู่มุมใดมุมหนึ่งในบ้าน
ยิ่งเห็นคุณพฤทธิ์เอียงหน้าคุยกับอาจารย์ฉลองขวัญ เด็กหนุ่มก็ยิ่งดื่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอกย้ำความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิต
โกหกทั้งเพ..ทั้งที่เขาเป็นคนบอกเองว่าให้ยุติความสัมพันธ์ที่ผิดพลาดแบบนี้ลง แต่เป็นตัวหลงเองทั้งนั้นที่จมจ่อมกับความทรงจำเมื่อหลายเดือนก่อน
รอยจูบและแรงโอบรัดจากอ้อมแขนไม่ต่างจากตรวนที่ตรึงเขาไว้กับที่
เด็กหนุ่มเดินผ่านห้องครัวไปยังประตูหลังบ้านที่เปิดอ้าอยู่ พนักงานคนหนึ่งยุ่งอยู่กับการล้างจานจนไม่ทันสังเกตว่าเจ้านายของคนหนึ่งของหล่อนเดินออกไปโดยไม่สวมรองเท้า
ข้างนอกอากาศเริ่มเย็น แต่ไม่ทำให้รู้สึกหนาว ส่วนหนึ่งเพราะฤทธิ์จากแอลกอฮอล์และอีกส่วนคนมาจากภาพบาดตาเมื่อครู่
เด็กหนุ่มนั่งอยู่บนพื้นหญ้าเมื่อมองหาที่ที่พอจะนั่งได้ไม่เจอ หากใครมาเห็นเขาสภาพนี้คงโดนดุไปสามวันเจ็ดวัน
ขณะหนึ่งที่ลมหายใจเริ่มสงบนิ่ง เสียงย่ำบนพื้นหญ้ากลับเข้ามาใกล้จนแผ่นหลังสัมผัสกับไออุ่นจากฝ่ามือ
“ทำไมไม่ใส่รองเท้า” เจ้าของเสียงทุ้มต่ำถามราวกับเป็นเรื่องทั่วไป
ดวงตาสีเข้มมองคนมาใหม่อย่างแปลกใจ หากเป็นความฝัน หลงคงฝันดีจนไม่อยากตื่น
“เป็นเด็ก ดื่มเหล้าได้แล้วหรือ อายุยังไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ”
“คุณพฤทธิ์”
“อืม” พฤทธิ์ตอบรับในลำคอ เขาเห็นเด็กหนุ่มตั้งแต่หยิบของต้องห้ามจนเดินออกมานั่งข้างนอกโดยไม่สวมรองเท้า แต่เพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงนั่งคุยต่อสักพัก ก่อนเดินออกมาเข้าห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล “เดี๋ยวคุณกรณ์จะเป็นห่วงเอา”
ดวงตาของเด็กหนุ่มหยาดเยิ้ม ใบหน้าน่าเอ็นดูแดงจัด
“คนใจร้าย..ฮึก”
พฤทธิ์เลิกคิ้วมองเด็กหนุ่มอย่างสงสัย “อธิบายมาสิว่าใจร้ายแบบไหน”
“คุณร่ายมนตร์อะไรใส่ผม ทำไมผมถึงตัดใจไม่ได้สักที” ริมฝีปากวาววับเม้มแน่น ขณะช้อนตามองเขาอย่างตัดพ้อ “คุณเป็นอาจารย์ประสาอะไรถึงกล้าทำร้ายลูกศิษย์ตัวเองแบบนี้”
เขาเองก็อยากถามหลงเหมือนกันว่าอีกฝ่ายเป็นลูกศิษย์ประสาอะไรทำไมถึงต่อว่าเขาได้ขนาดนี้ แต่เขากลับนิ่งเงียบรอให้อีกคนพรั่งพรูจนหมด
“พูดจบหรือยัง เมาแล้วรู้ตัวหรือเปล่า”
“ผมไม่ได้เมา”
“คนเมาไม่บอกว่าตัวเองมา หยุดดื่มแล้วเข้าไปในบ้านได้แล้ว คนอื่นเป็นห่วงให้วุ่น”
“คุณพฤทธิ์ชอบผมบ้างหรือเปล่า” หลงคิดว่าเขาฝัน ดังนั้นในฝันจะพูดหรือทำอะไรย่อมไม่ผิด
พฤทธิ์เงียบ ขณะมองอีกฝ่ายนั่งโงนเงนในอ้อมแขน “อยากรู้ไปทำไม”
“คุณพฤทธิ์เกลียดผม” ดวงตาสีเข้มมองคนตรงหน้าอย่างอ่อนหวาน “แต่ผมชอบคุณพฤทธิ์มากจริงๆ นะครับ”
พฤทธิ์หลุบตามองเด็กหนุ่มพลางถอนหายใจเฮือก เรื่องที่คิดว่าจะคลี่คลายกลับขัดเป็ดปมแน่นขนัด “ถ้าพูดแบบนี้แล้วก็ช่วยรับผิดชอบการกระทำของตัวเองหน่อยแล้วกัน”
เขาพอจะหาคำตอบให้ตัวเองได้แล้ว..
น้องหลงมาแล้ววววว
เศร้าเหมือนเดิมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย
ฮึกกกก ยังลงไม่ครบค่ะ TwT
ช่วงพูดคุย
ไม่มีอะไรจะแก้ตัวเพราะมาช้าเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือไม่อึมครึมแล้ว ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ ไม่มีอะไรจะพูดคุยแล้ว ตอนนี้เรียนจบแล้ว เป็นคนว่างงาน 2017 ตลอดปีนี้ไปแล้ว เจอกันตอนหน้านะคะ
Facebook:
https://www.facebook.com/AUTHOR.ELLETTE