https://www.youtube.com/v/eOG2mDpRyrY ในที่สุดเกมส์เริ่มขึ้นแล้ว สี่สิบห้านาทีแรก ยังคงเล่นกันแบบเรื่อย ๆ ฟอร์มแต่ล่ะคนดีพอที่จะไม่ตกและเป็นไปตามแผน ต่างฝ่ายยังดึงเกมส์ไว้ได้สกอร์ออกมา 0:0 ก่อนพักเบรก ครึ่งแรก
“น้ำๆ” ปอกับอาร์รับหน้าที่ดูแลแคป คนนึงบีบคนนึงส่งน้ำเช็ดเหงื่อ คือเทคแคร์ดี จนรุ่นพี่คนอื่นๆยังต้องหันมอง
“กูอิจฉาไอ้แคปว่ะแม่ง ไอ้ปอไอ้อาร์มึงมาพัดมาบีบให้กูบ้างซิ...” หนึ่งในทีมตัวจริงแซวขึ้นยิ้มๆ
“อิจฉาไร๊ ถ้าเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง..” แคปพูดแล้วส่ายหัว บอกอย่าอิจฉาเลยเพราะน้ำหนักมือปอกับอาร์หนักเหี้ยๆไม่อ่อนโยนเลยสักนิด เขาเอนตัวเท้าแขนไปด้านหลัง ร้อนนะแต่ก็มีลมพัดมาเอื่อยๆด้วยเหมือนกัน เสียงกองเชียร์ดังกระหึ่ม หันไปมองฝั่งที่เฮียเต้นั่งอยู่ ก็เจอไอ้ตัวดีมันโบกมือส่งจูบโปรยให้แบบกวนๆแคปจึงยกขาขึ้นใส่ชี้หน้าแล้วถลึงตาบอกไม่ให้แซว จากนั้นหันหน้าหนีไม่ได้สนใจอีก
“เหลืออีกแค่สี่สิบห้านาที อย่ามีเรื่องเด็ดขาดเข้าใจนะมึง..” ปอบีบไปย้ำไป แคปชี้จุดบอกเมื่อกี้เจอปะทะเข้าที่ไหล่ ปวดหนึ่บเลย ปอเลยดึงเสื้อลงดูมองไม่เห็นเขาถกเสื้อแคปขึ้นแทน เสียงกรีดร้องจากฝั่งเกษตรดังกระหึ่ม แค่แคปเปิดหน้าท้องโชว์ซิกแพ็คเท่านั้น ขณะที่เจ้าตัวทำหน้าเหรอหราถามปอกับอาร์ว่าคนดูส่งเสียงดังทำไม อาร์เลยชี้ไปที่พุงสีชมพูขาวๆน่าฟัดของแคป เท่านั้นแหละ พอรู้ว่าเสียงกรี๊ดมาจากพุงตัวเองแคปหัวเราะหึๆกำลังจะถกขึ้นอีกนิดเอาให้เห็นหัวนมสีชมพูกันไปเลย แต่ดั๊นมีอะไรบางอย่างลอยมาคลุมลงที่หัวดังพรึ่บ!!
“ไอ้สัส เหี้ยไรวะ!” แคปตกใจ จู่ ๆ เสื้อวอร์มสีเข้มของใครสักคนปลิวลงมาใส่หัวเขา ลักษณะแบบคลุมตัวแบบพอดิบพอดี แคปกระชากเสื้อตัวใหญ่ออกจากหัวอย่างโมโห มองไปทางที่เสื้อปลิวลงมา เอสนั่งทำหน้ายักษ์ชี้นิ้วมาที่เขา แคปก็แค่ยักไหล่ใส่ก่อนโยนเสื้อวอร์มตัวใหญ่ยัดลงไว้กับไอ้ปอ
“ไปเว้ยไปไอ้แคป ถึงเวลาแล้วมึง” พายลุกขึ้นจัดๆกางเกง เขาเข้ามาดึงแคปให้ลุกแล้ววิ่งตามเข้ามา เกมส์ในสนามครึ่งหลังดุเดือดมากๆ แต่ถึงอย่างนั้นแคปกลับมีโอกาสสับไกหลายต่อหลายครั้งขณะที่ต้องยอมรับจริงๆว่าโกลด์ฝ่ายตรงข้ามเหนียวมาก กว่าครึ่งชั่วโมงผ่านไปสกอร์ยังคงรักษาแต้มไว้ที่ 0:0 เหลืออีกแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นจะหมดเวลา
“แคป มึงประกบไอ้เด็กเหี้ยนั่นไว้ที มันเล่นแรงนะระวังด้วย” พายพี่รหัสวิ่งเข้ามาบอก แคปพยักหน้ารับแล้วเปลี่ยนเป้าหมายเข้าประกบไอ้เด็กกร่าง ๆ ปีหนึ่งที่เป็นอริของอาร์ในทันที
“คิดว่าจะฉกบอลจากกูได้งั้นเรอะ...หึ” แคปคิ้วขมวดขึ้นนิดๆ น้ำเสียงมันฟังแล้วโคตรจะเย้ย ไม่มีท่าทีให้เกียรติเขาที่เป็นถึงรุ่นพี่เลยสักนิด แบบนี้สิถ้ามีเรื่องไม่เสียดายตีนเลย
“มึงอย่าคิดว่าจะผ่านกูไปได้ ไอ้เด็กอวดดี..” แคปโต้ขึ้นขณะที่ใช้ขาข้างที่ถนัดเข้าไปฉกลูกจากมันออกมาได้ เขาเตะบอลโยนส่งเข้าตรงกลางก่อนที่ตัวเองจะวิ่งไต่ไปที่เส้นขอบสนามเพื่อรอให้เพื่อนในทีมอีกคนเตะส่งออกมา แคปสับขาหลอกไอ้เด็กเวรก่อนที่จะมองเห็นมุมที่ดีมากๆกะจังหวะกำลังจะสับขายิง แต่ในตอนนั้นเองที่ไอ้เด็กตัวปัญหา แบงค์เข้ามาชาร์ตเสียบลงที่ข้อเท้าจนขาเกือบพลิกแคปร้องขึ้นอย่างดัง เขาต้องทิ้งตัวลงที่สนามเพราะถ้าฝืนยืนทั้งๆแบบนั้นข้อเท้าเขาหักแน่ ๆ เสียงโห่ร้องดังขึ้นเมื่อตัวเด่นของทีมอย่างแคปโดนอีกฝ่ายทำฟาวส์ เพื่อนฝูงต่างพากันเข้ามาดู พายก้มลงดูแคปเป็นคนแรก
“อ้าวไอ้สัส! นั่นเมียกู” และเวลานั้นเองบนสเตเดี้ยมดุเดือดเลือดพล่านขึ้นแล้ว เมื่อเอสลุกพรวดขึ้นทันทีที่แคปโดนพุ่งเข้าชาร์ต การเล่นแบบผิดกติกาดูออกได้ง่ายมาก ๆ เขากัดฟันกรอดสบถออกมาอย่างลืมตัว บุ้งที่นั่งอยู่ด้านข้างๆรีบลุกขึ้นเอามืออุดปากเพื่อนตัวเองไว้แทบไม่มัน
“เบาหน่อยไอ้เหี้ยเอส เฮียเต้นั่งอยู่แถวนี้นะมึง มึงพูดอะไรออกมาห๊ะ!” เอสค่อยรู้สึกตัวว่าตัวเองเผลอเลอมากไปจริง ๆ ค่อยๆมองไปทางพี่รหัสตัวเองที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ดีหน่อยที่เต้เองก็ลุกขึ้นยืนจ้องดูแคปที่อยู่กลางสนามด้วยสีหน้าที่เครียดไม่ต่างกัน
“เต้ นั่งลงสิวะมึง” รัฐดึงเสื้อเต้บอกให้นั่งลงใจเย็น ๆ ขณะที่เมี่ยงเองก็ดึงเสื้อเอสบอกให้นั่งลงเช่นกัน
“ถ้ามันทำน้องกูเจ็บอีกแค่ครั้งเดียว หลังเกมส์จบกูจัดมันเลย”
“ไอ้เหี้ยเต้เกินไปแล้วนะมึง” รัฐปรามเพื่อนอีกครั้ง ดึงๆแล้วบอกให้นั่งลง เขาทำตาดุใส่รัฐ ตุนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็บอกเอาน่านั่งลงก่อน เต้ถึงได้นั่งลงได้ทั้ง ๆ ที่เป็นห่วงแคปมากขนาดนั้น
“กูจะลงไปด้านล่างแล้ว” เอสลุกขึ้น ไม่ฟังคำเรียกของใครทั้งสิ้น เขาเหวี่ยงขากระโดดข้ามราวรั้วที่คั่นระหว่างที่นั่งกับลู่ขอบสนามสูงแค่ไหนก็ไม่สน ลงไปยืนมองอยู่ริมด้านข้าง เอาแบบให้มองเห็นแคประยะใกล้ที่สุดเท่าที่จะใกล้ได้เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นอีก เขาจะเข้าไปลากไอ้เด็กเหี้ยนั่นเข้ามากระทืบให้จมตีนเลย ปอกับอาร์ขยับเข้ามาหา
“มึงไม่ต้องห่วง ไอ้แคปมันแข็งกว่าที่มึงคิดเยอะ คอยดูลูกนี้แล้วกัน” ปอตบบ่าบอกให้เอสรอดู เพราะตอนนี้เกษตรกำลังได้ลูกฟรีคิก
“ลูกถนัดมันเลยล่ะ” อาร์เสริมขึ้นยิ้ม ๆ กำลังมองลูกบอลสวย ๆ ที่ถูกปั่นให้โค้งเข้ามุมประตูฝ่ายตรงข้ามไปได้อย่างสวยงาม เสียงกรีดร้องดีใจดังกระหึ่มขึ้นทั้งสนาม เพื่อนในทีมต่างเข้ามาโผกอดคนทำแต้มได้อย่างแคป คนตัวเล็กแต่เร็วมากวิ่งไปหยุดยืนอยู่ต่อหน้าอัฒจรรย์ฝั่งที่พี่ชายเขานั่งอยู่ ชี้ลงที่เสื้อตัวเองบอกเฮียเต้ว่าตัวเองทำแต้มให้เกษตรได้แล้ว เต้ที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วพยักหน้าพลางยกมือบอกน้องชายตัวเองว่ามึงเยี่ยมมาก มีเพื่อนๆตามเข้ามากอดแคปต่ออีก พายเองก็วิ่งเข้ามาผลักหัวเล็กอย่างให้กำลังใจบอกว่าทำดีมาก ปอกับอาร์ที่ยืนอยู่ข้างๆตะโกนเรียกเรียกแคปพลางยกนิ้วโป้งส่งให้
“มึงเก่งมากไอ้แคป มึงเพื่อนกู!” อาร์ตะโกนใส่ แคปจึงหันมาโบกมือแล้วยักคิ้วให้ สายตาไปสะดุดลงที่ไอ้คนตัวสูงข้าง ๆ จุดที่อาร์ยืนอยู่ เอสแค่ยืนกอดอกแล้วอมยิ้ม แคปรีบหันกลับเข้าสนามไม่อยากสนใจ เพราะว่าเกมส์กำลังจะปิด ลูกถูกฝ่ายตรงข้ามโยนเข้ามาอีกครั้ง
“เพื่อนมึงโดนตีนกูวันนั้น เป็นไงบ้างล่ะ”
“อ้าวไอ้สัส!” แคปตาโตกระชากเสื้อไอ้คนที่มันพูดยั่วโมโห เสียงกรรมการเป่านกหวีดจับฟาวส์ดังมาก แคปได้ใบเหลืองในตอนที่เหลืออีกแค่ไม่ถึงห้านาทีสุดท้าย เขาเสียฟาวส์ให้มันอย่างช่วยไม่ได้จริง ๆ บ้าฉิบ!
“ใจเย็นไอ้น้อง..” พายเข้ามาตบลงที่บ่า ก่อนก่อกำแพงตั้งการ์ดรอรับลูกเตะจุดโทษ ขณะที่แคปจ้องหน้าไอ้ตัวกร่างแน่นิ่ง แล้วแทนที่มันจะเล็งประตูนะ ไอ้แบงค์ไอ้เด็กบ้ามันเตะลูกโทษแบบไหนเล็งเข้าที่ลำตัวแคปอัดลูกบอลกระแทกกะให้โดนตัวแบบเต็ม ๆ ดีที่แคปกระโดดเอาด้านข้างรับได้ทัน เสียงโห่ดังขึ้นลั่นสนามเกมส์กลับมาเดินต่ออีกครั้งแคปเป็นฝ่ายได้ครองลูก เขาชี้หน้าไอ้เด็กแบงค์อย่างเอาเรื่องเห็นมันหัวเราะหึหึกลับมาแคปนี่โมโหจนกระชากบอลเข้าหาหวังปะทะแต่พายเข้ามาปรามเอาไว้ก่อนบอกจะจบเกมส์แล้วให้ถ่วงเวลาไว้ และแค่ไม่ถึงหนึ่งนาทีหลังจากนั้น ในที่สุดเกมส์จบลงไปด้วยสกอร์ หนึ่งประตูต่อศูนย์ เกษตรศาสตร์เป็นฝ่ายชนะ เหล่ากองเชียร์กรีดร้องดีใจ เสียงมาร์ชมหาวิทยาลัยดังกึกก้อง เสียงพิธีกรประกาศโน่นประกาศนี่ดังรัวไปหมดจับใจความไม่ได้ และเดี๋ยวจะมีพิธีมอบเหรียญและถ้วยรางวัลให้กับตัวแทนของแต่ล่ะทีม ของกีฬาในแต่ล่ะประเภท ไม่รู้ผู้คนมาจากไหนเต็มสนามบอล แคปหลบเลี่ยงออกมา
“ไอ้แคป มึงกับกูตัวๆกันไหม..” เสียงทุ้มจากด้านหลังดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือหนักๆตบลงที่บ่า แคปหันไปดูพอเห็นว่าเป็นใครคิ้วกระตุกหงึกๆ
“มึงเรียกใครไอ้ กูเป็นเพื่อนมึงเหรอเหี้ย!” แคปดุใส่ แบงค์ถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว มันส่งรอยยิ้มกวนส้นตีนมากจริง ๆ แคปนี่อยากจะถอดสตั๊ดมาฟาดหัวมันนัก
“กลัวป่ะล่ะ ถ้าไม่กล้าก็ไม่ต้อง กูไม่บังคับมึงหรอกนะ”
“ไปรอกูที่หลังห้องน้ำชาย”
“อย่าผิดนัดละกัน” แบงค์หันมายักไหล่กวนประสาท แคปเห็นปอกับอาร์วิ่งเข้ามาแล้ว ด้านหลังมีเอสเดินถือเสื้อกีฬาของมันตามมาด้วย เขาจึงหันไปบอกแบงค์อีกครั้ง “กูไปแน่ ๆ มึงเตรียมตัวตายไว้เหอะไอ้เด็กนรก” ได้ยินแต่เสียงทุ้มต่ำหัวเราะเบาๆก่อนวิ่งแยกออกไป
“มึงเก่งที่สุดเลยไอ้แคป” อาร์เดินเข้ามา ตบผั๊วะลงที่กลางหลังแคปหันไปทำตาดุใส่
“กูภูมิใจจริงๆที่มีเพื่อนเป็นมึง ไอ้เพื่อนเหี้ย” นี่เสียงปอ แคปส่ายหัวแล้วอมยิ้มเขินๆ ความจริงเขาไม่ใช่คนขี้อายอะไรหรอก แต่โดนชมกันซึ่งหน้าแบบนี้มันก็นะ..มีบ้าง
“มานี่ดิ๊” เอสดึงแขนแคปบอกให้ขยับเข้ามา มองหน้าอย่างรู้กันกับปอและอาร์ที่ขยับใช้ตัวบัง ขณะที่แคปงงๆว่าเอสดึงเขาทำไม เสื้อแจ๊คเก็ตวอร์มตัวใหญ่ถูกเอสใช้คลุมลงที่ศีรษะเขาทั้งสองคนก่อนที่จะล๊อคเอาต้นคอแคปดึงเข้ามาดูดลงที่ริมฝีปากเบาๆหนึ่งทีเป็นการให้รางวัล
“เมียใครวะเก่งฉิบหายเลย..” เสียงแตกพร่าภายใต้เสื้อวอร์มสีเข้มกระซิบเอ่ย ทำเอาแคปตกใจแทบจะเป็นลม คือไอ้เหี้ยเอสมันกล้าจริงๆแม่ง เล่นจูบกันกลางสนามแบบนี้ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่ชายเขายืนอยู่ตรงไหน ถึงแม้จะมีไอ้เสื้อตัวใหญ่นี้อยู่ก็ตามเถอะ
“ไอ้สัส!” แคปผลักเอสออกกระชากเสื้อลงมาจากหัวก่อนเขวี้ยงกลับคืนใส่อกไอ้เจ้าของที่ยืนยิ้มไม่หุบอยู่ข้างสนาม
“เล่นแผลงๆนะมึง” แคปชี้หน้าบอกอย่าเข้ามาอีก เพราะเห็นเอสแกล้งทำท่าจะก้าวเข้ามาใกล้ พวกเขาคุยกันอยู่พักนึง เต้เดินเข้ามาหาแล้วจับเอวเขาอุ้มชูขึ้น แคปร้องเสียงหลงเมื่อโดนพี่ชายตัวเองแกล้ง เขาเหวี่ยงขาเตะไปมาในอากาศแล้วบอกให้เต้ปล่อย
“วันหลังกูซื้อขนมให้ มึงอยากกินน๋มอะไรกูจะเพิ่มงบเป็นร้อยเก้าสิบเก้า”
“ผมไม่สนหรอก” แคปกระโดดลงมาได้ ยักไหล่ใส่
“งั้นดิ? ตกลงว่าไม่เอา”
“ใครบอกไม่เอา แต่เปลี่ยนจากร้อยเก้าเก้าของเฮียเต้เป็น สามพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าได้ป่ะละ”
“สี่พันเหอะไอ้แคป” อาร์แทรกขึ้นมา
“แล้วมันคืออะไรวะ ไอ้สามพันปลายๆของมึงอ่ะ” เต้หรี่ตาถามน้องชาย แคปกัดริมฝีปากอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนเขย่งตัวไปกระซิบเต้เบา ๆ “รองเท้ากีฬาคู่ใหม่ไง ลายสวยมาก ผมเล็งไว้ที่เวปเมื่อคืน”
“.........” เต้ส่ายหัวก่อนผลักศีรษะน้องชายเบา ๆ แต่ในที่สุดพยักหน้าบอกตกลงได้ แคปดีใจยิ้มหน้าบาน มองดูเวลาเสียงพิธีกรประกาศเรียกตัวแทนนักกีฬาแต่ละประเภทตั้งแถวรับรางวัล เพลงมาร์ชยังดังกระหึ่มต่อเนื่อง ทุกคนต่างแยกย้ายกันไป ปอเองก็ไปกับเต้เพราะเขาต้องรับเหรียญทองจากกีฬาว่ายน้ำ
“ไอ้เอส มึงไม่ไปกับเฮียเต้เหรอวะ” เมี่ยงสะกิดถามคนข้าง ๆ เอสส่ายหัวบอกไม่ เอาเฉพาะกัปตันทีมขึ้นไปรับ
“งั้นมึงพากูไปกินข้าวสิ กูหิวแล้วนะ มันสองทุ่มกว่าแล้วเนี่ย..” เอสหันไปหาชิพกับบุ้งทันที มองหน้าถามความเห็นว่าหิวกันไหม สองคนนั้นก็บอกหิวเหมือนกัน เขาจึงเดินเข้าไปหาแคป
“ออกไปกินข้าวด้วยกัน” เอสเอ่ยชวน แต่แคปก็แค่มองแล้วก็เมิน ทำท่าไม่สนใจ “ไม่ มึงจะไปไหนก็ไปเหอะ”
“ใกล้ๆนี่ก็ได้แค่หลังมอ รองท้องไว้ก่อนเดี๋ยวเพื่อนมึงออกมาเราค่อยไปหาที่กินกันอีก”
“ไม่เอา มึงไปกับเพื่อนมึงเหอะ กูจะรอไอ้ปอ” แคปมองไปที่ชิพบุ้งและที่สำคัญไอ้เพื่อนตัวเล็กของไอ้มันนั่น เขาไม่อยากไปนั่งเป็นก้างขวางคอมันหรอก
“แคป”
“กูไม่ไปอย่ามาเซ้าซี้”
“........”
“........”
“มึงจะนั่งรอไอ้ปออยู่ตรงนี้?”
“อือใช่” แคปพยักหน้าบอกใช่ หลีกเลี่ยงการสบสายตากับคนที่จ้องมองรอคำตอบ แคปมองไปทางอื่นๆแทน เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังวัดใจกับไอ้คนตรงหน้า เพราะทันทีที่เอสตบลงที่บ่าเล็กแล้วบอกเดี๋ยวมา พร้อมๆกับเดินกลับไปหาเพื่อนตัวเล็กของมัน แคปชาวาบไปทั้งตัว
“แฟนมึงไปแล้วว่ะไอ้แคป..” อาร์หันมองเพื่อนตัวเอง เขาเห็นเอสเดินออกไปกับกลุ่มเพื่อนแล้ว
“กูไม่ใช่แฟนมัน กูเคยบอกมึงหรือยัง..” แคปเอ่ยเรียบ ๆ น้ำเสียงไม่ได้ล้อเล่นสักนิดทำเอาอาร์ถึงกับงง จะไม่ใช่แฟนได้ยังไงวะ ก็สิ่งที่แสดงออกต่อกันมันเหมือนแฟนเลยนี่หว่า
“แล้วแฟนมึง เอ้ย ไอ้เอสนั่นน่ะ มันเป็นอะไรสำหรับมึงล่ะ”อาร์ถามขึ้นมาอีก แคปหันขวับมามอง นิ่งคิดไปนิดนึง
“ก็แค่น้องรหัสพี่ชายกู แค่คนรู้จัก แค่ศัตรู หรือมึงจะเรียกห่าเหวอะไรก็เรื่องของมึงเลย ตามใจ”
“งั้นกูจะเรียกมันว่าแฟนมึงนี่ล่ะ”
“ผั๊วะ! ไอ้สัสอาร์กูบอกว่ามันไม่ใช่แฟนกูไงวะห๊ะ!” แคปหันไปโบกหัวเพื่อนแรงๆหนึ่งที เน้นเสียงช้าๆชัดๆ พร้อมทำหน้าดุใส่
“ก็แล้วมันแฟนใครล่ะถ้าไม่ใช่แฟนมึงอ่ะ”
“นั่นไงแฟนมัน ไอ้คนตัวเล็กๆที่เดินกอดเอวมันออกไปนั่นแหละ มึงดูไว้ซะ..” ภาพสุดท้ายก่อนที่ผู้คนมากมายจะบดบัง เมี่ยงเอาแขนเล็กๆเกาะเอาเอสแล้วเดินออกไปด้วยกันในกลุ่มฝูงชน
“มึงประชดใช่ป่าววะ..” อาร์ขยับเข้ามาถามเสียงเบา เหลือบมองเพื่อนตัวเอง เขาเองก็เคยคุยกับปอถึงความสัมพันธ์ระหว่าเอสและแคป ไม่มีใครยืนยันได้ชัดเจน รู้แต่ว่าตอนกลางคืนเอสจะมานอนค้างด้วย เช้ามาก็ไป ทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรแต่ถ้ามองเข้าไปลึกๆ นัยน์ดวงตากลมโตของแคปกลับแฝงไปด้วยความหมายมากมายหลายสิบที่เขาเองไม่สามารถอ่านได้เลย
“เปล่าไม่ได้ประชด..” แคปตอบกลับไป เขาขยับตัวนิดๆเหมือนกับว่ามองเห็นใครบางคนยืนกวักมือเรียก พอเห็นชัดๆถึงนึกขึ้นมาได้ เขาบอกไอ้เด็กแบงค์นั่นไปรอหลังห้องน้ำชายนี่หว่า ลืมไปเสียสนิทจนมันออกมาตาม แคปลุกขึ้นทันที
“มึงรออยู่ตรงนี้เดี๋ยวกูมา”
“ไปไหนวะ” อาร์เงยหน้าขึ้นถาม
“ไม่นาน” แคปเดินออกไปแล้วก่อนหันมาตะโกนบอก อาร์ที่กำลังงงแต่เหมือนกับเขาจะเห็นใครสักคนเรียกแคปให้ลุกขึ้นไป พอยืนขึ้นดูดี ๆ เขาเห็นแผ่นหลังไอ้เด็กคณะวิทย์ที่มีเรื่องมีราวกันตั้งแต่ในสนาม สองคนมันนัดกันนอกรอบแน่ ๆ ถ้าเขาเดาไม่ผิด
.
.
“มึงกลับกับไอ้บุ้งไอ้ชิพนะ” พอมาถึงรถของบุ้ง เอสบอกให้ชิพเอาเมี่ยงกลับไปส่งให้ด้วย
“อ้าวแล้วมึงไม่กลับพร้อมกันล่ะ อุตส่าห์ชนะพวกกูตั้งใจจะเลี้ยงมึงด้วยนะเนี่ย” เมี่ยงโวยวายหน้าหรา ความจริงคืนนี้เขากะชวนเอสไปเที่ยวพร้อมหน้ากันสักหน่อย
“วันนี้ไม่ได้” เอสบอก
“ทำไมวะ ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ มึงจะไปไหน..” เมี่ยงถามเซ้าซี้อีก เขายังไม่ยอมเข้าใจจนเอสต้องโพล่งประโยคเด็ดที่แฝงไปด้วยความจริงออกมา
“วันนี้แฟนกูก็ชนะ เดี๋ยวต้องพามันกลับไปรับรางวัลก่อน”
“พูดไม่อายเลยนะมึงไอ้สัส” บุ้งชี้หน้าใส่ เอสยกยิ้มมุมปาก ขณะที่คนพูดอย่างบุ้งเดินเข้าไปล๊อคคอเมี่ยงลากมายัดเข้ารถตัวเอง
“กลับกับกูนี่ล่ะ มึงจะไปยุ่งมันทำไมอวยพรคืนนี้ให้ไม่โดนตีนเมียมันเหอะ โหดขนาดนั้นกูล่ะสยองแทนมันจริงจริ๊ง” บุ้งพูดแล้วส่ายหัว
“รสนิยมมึงโคตรประหลาดนะเดี๋ยวนี้..” ชิพพูดแดกดันพลางจุดบุหรี่ขึ้นสูบ เอสผลักหัวเพื่อนและหัวเราะเบา ๆ อย่าว่าแต่เพื่อนคิดว่าประหลาดเลย ตัวเขาเองคิดก็ยังรู้สึกว่าตัวเองประหลาด
“ตกลงไว้ไปกินด้วยกันวันหลังละกัน วันนี้ยกให้แฟนมึงไปก่อน” ชิพสรุปความเอสยักคิ้วบอกขอบคุณที่เข้าใจ เขาก้มลงบอกเมี่ยงที่นั่งรอหน้าบูดอยู่ในรถแล้ว
“มึงอยากกินอะไรก็บอกไอ้ชิพไอ้บุ้งพาไปกิน ไว้วันหลังกูจะชวนแคปไปกินด้วยกันกับพวกมึงจะได้รู้จักกันจริงๆจังๆสักที”
“ไอ้เอส มึงแน่ใจแล้วเหรอวะกับคนนี้..” เมี่ยงดึงแขนไว้แล้วถาม เอสก็แค่บอกให้ขยับเข้าไปดีๆจะปิดประตูให้ เขาไม่ได้ตอบคำถามนั้นของเมี่ยง แต่ดึงบุหรี่จากมือชิพไปดูดแรงๆหนึ่งทีก่อนพยักหน้าบอกให้ขับกันออกไปเลย
“พรุ่งนี้กูจะจองที่รอมึง” เมี่ยงลดกระจกลงมาแล้วตะโกนบอก เอสพยักหน้าเบา ๆ ในที่สุดรถก็เคลื่อนตัวออกไป พิธีมอบเหรียญและประกาศรางวัลต่าง ๆ ยังดำเนินต่อเนื่อง เอสเดินกลับเข้าไปหาแคปตรงที่นั่งเดิม แต่เขาไม่เห็นคนที่ควรจะนั่งอยู่แถวนี้แม้แต่คนเดียว เขาล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจะกดโทร เห็นอาร์วิ่งหน้าตั้งมาจากที่ไหนสักแห่ง
“เป็นอะไรของมึง” เอสถามขึ้นทันที
“ไอ้เอส ไอ้แคป ไอ้แคปมัน แฮ่กๆ มึงไปดูมันหน่อยเร็ว แฮ่กๆไอ้แคปมัน...”
“มันเป็นอะไร มึงใจเย็นได้ไหมวะเนี่ย พูดเหี้ยไรกูไม่รู้เรื่องเลย” เอสดุใส่จริงจัง อาร์ถึงกับสะดุ้ง เขาจึงตั้งสติใหม่แล้วพูดแบบชัดๆเน้นๆ
“ไอ้แคปมันไปนัดตีกับไอ้เด็กคณะวิทย์ คู่อริกูเองคนที่เตะบอลแล้วเกือบมีเรื่องกันน่ะ”
“มันนัดกันที่ไหน” เอสถามเสียงเย็นเฉียบจนอาร์ยังรู้สึกหนาวสะท้าน
“กูไม่รู้ แต่คิดว่านัดกันล่วงหน้าแน่ ๆ”
“แล้วไอ้แคปเพื่อนมึงมันชอบนัดตีคนที่ไหนมากที่สุด”
“ห๊ะ? นัดตี?” อาร์ทวนคำถามหน้าตื่นๆ เขาไม่รู้เอสต้องการอะไรทำไมถามออกมาแบบนั้น แต่เสียงทุ้มเย็นๆเร่งเขาขึ้นมาอีก
“อย่านึกนาน มึงช่วยเค้นความทรงจำออกมาให้เร็วที่สุดเลย”
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนสมัยเด็กก็หลังห้องน้ำชายอ่ะ” เอสฟังแค่นั้นเขาวิ่งพรวดออกไปเลย อาร์รีบตาม ห้องน้ำชายอยู่ใต้สเตเดี้ยมใกล้กับห้องเปลี่ยนชุด ถ้าด้านหลังก็ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขายืนกันอยู่มากนัก ที่ตรงนั้นเป็นซอกมืดๆเหมาะมากจริงๆ เข้าใจนัดนักนะ เมียกู เอสวิ่งไปนึกไปดีหน่อยที่วันนี้ใส่ชุดวอร์มถ้าเป็นเชิ้ตกับยีนส์นี่คงยุ่งยาก
เอี๊ยดดดดดดดด!!!ทั้งเอสทั้งอาร์เบรกตัวเองแทบไม่ทัน ตอนที่เข้าโค้งกำลังจะเลี้ยวเข้าซอกใต้ตึก แต่กลับเจอแคปที่เดินทำหน้าตาหงุดหงิดสวนออกมาเสียก่อน
!!!??!!!?!!ต่างคนก็ต่างตกใจ เอสดึงแคปให้หลีกออกจากทางแล้วตัวเขาเดินแทรกเข้าไปด้านในซอกตึกทันที บ้าฉิบมืดขนาดนี้มันกล้ามาเดินอยู่คนเดียวเปลี่ยว ๆ เมียกูบ้ามากจริง ๆ เอสนี่หน้าเขียวเขาดโรธมากถึงมากที่สุดเลย
“เป็นเหี้ยไรกัน มึงมากันทำไมเนี่ย หน้าตื่นขนาดนี้มีอะไร!” แคปถามดุๆ จ้องทั้งสองคน อาร์เข้ามาสำรวจเนื้อตัวเพื่อนสนิททันทีจับมือจับไม้ดุหน้าดูหลัง แคปเลยปัดๆออก
“อะไรของพวกมึงวะ” เขาถามขึ้นอย่างรำคาญ ขณะที่เอสเห็นแล้วว่ามีใครอีกคนที่นั่งพิงกำแพงอยู่ข้างในนั้น
ตายไหมล่ะมึง....ไอ้นักกีฬาปีหนึ่งของคณะวิทย์นั่น นั่งกุมท้องทำหน้าเหยเกแสดงความเจ็บปวด ปากเขียวอื๋อกองอยู่ที่ริมกำแพง เขาเดินเข้าไปใกล้มันมองดูก่อนส่ายหัวแล้วเดินออกมาดึงแขนแคปให้ตามไปด้วยกัน
“เจ็บตรงไหนบ้าง” เอสคั้นถาม ใช้สายตาไล่มองสิ่งที่ผิดปกติบนตัวแคปตั้งแต่หัวจรดเท้า แคปจะชักมือตัวเองออกจากการถูกดึงแต่มันเลวร้ายยิ่งกว่าเพราะยิ่งอยากจะให้ปล่อย เอสยิ่งจับแรงยิ่งขึ้นไปอีก ถึงตอนนี้มันเปลี่ยนตำแหน่งไปบีบเข้าที่ต้นแขนเขาแล้ว
“โอ๊ย ไอ้สัสบีบทำไมวะ!” แคปเบ้หน้าร้องขึ้นเพราะความเจ็บ เอสบีบเข้าที่เขาโดนกระแทกพอดี
“เจ็บตรงไหนบ้างกูถามมึงตอบ จบไหม!”เอสตะคอกใส่เพราะเขาโกรธมากมายจริง ๆอยากจะรู้ว่าแคปโดนหนักๆเน้นๆไปกี่แผลแต่อีกคนยังดื้อด้านไม่ยอมตอบ นั่นยิ่งทำให้เขาโมโหหนัก
“กูไม่ได้เจ็บ! มึงบ้าหรือไงห๊ะ! มันสู้กูไม่ได้หรอกไอ้เด็กพรรค์นั้น กระจอก” แคปตะคอกกลับ ขณะที่อาร์มองสองคนอย่างกลัว ๆ รู้สถานการณ์เป็นอย่างดี ตอนนี้เอสคือโกรธมากแน่ ๆ เพราะว่าแคปหนีมามีเรื่อง แล้วที่สำคัญ ไอ้แคปเพื่อนเขามันต้องเจ็บชัวร์อยู่แล้วถึงมองไม่เห็นแผลเพราะว่าไม่แตก แต่แผลฟกช้ำต่างๆล่ะเขาเข้าใจดีที่เอสมันห่วง แต่คนปากแข็งอย่างแคปง้างให้ตายมันไม่มีทางบอกหรอกว่าโดนหมัดโดนตีนตรงไหนมาบ้าง ไอ้เด็กเวรนั่นเดินกะเพลกออกมาจากซอกมืดๆของตึกแล้ว มันหยุดยืนจ้องหน้าอาร์ก่อนมองไปที่แคปและจบลงที่เอส อาร์กัดฟันกรอดเลยเมื่อรู้ว่าแคปต้องมามีเรื่อ งเหตุเพราะไอ้เด็กบ้านี่มันมีเรื่องกับเขามาก่อน จะเข้าไปกระชากมันมาจัดอีกสักหมัดแบบเด็ดๆแต่เจอแคปดึงเอาไว้
“มันแพ้แล้วไอ้อาร์ มึงพอ!”
“หึหึ” แบงค์แสยะรอยยิ้มเย้ยแบบไม่นึกกลัวเลยสักนิด เลื่อนสายตาจากอาร์กลับมามองดูที่แคปอีกครั้ง มือข้างที่โดนทำอะไรสักอย่างจนเป็นรอยแผล ยกขึ้นมาปาดเช็ดที่ริมฝีปาก ทำหน้าอวดดีใส่แคปอีกรอบ แต่ในทันใดนั้นเองมือใหญ่ของเอสกระชากเสื้อมันแล้วเหวี่ยงอย่างแรงจนตัวคนถลาชนเข้ากับกำแพงเสียงดังอั๊ก! คนเหวี่ยงไม่รอช้าก้าวเข้าหาคนที่ล้มกองลงกับพื้นทันที เอสนั่งลงไปดึงคอเสื้อมันขึ้นมาอีก
“ทีหลังถ้ามึงอยากมีเรื่องไปเจอกูที่ตึกโยธานะ บอกเด็กแถวนั้นว่ามึงมาหาพี่เอส กูจะบริการส้นตีนมึงถึงที่เลย..” พูดจบปล่อยมันออกแรง ๆ ก่อนลุกขึ้นเดินเข้าไปหาแคปจ้องหน้าอย่างโกรธๆเพราะรอยฟกช้ำที่ปากเล็กเริ่มปรากฏให้เห็นแล้วถึงจะจางมากแต่เขาก็เห็น
“กูไม่นิยมซ้ำคนที่โดนซ้อมมาแล้ว มึงไม่ต้องกลัวว่ากูจะกระทืบมันซ้ำหรอก กลับได้รึยัง..” พูดจบดึงแขนแคปให้เดินตาม อาร์เองก็เดินออกมาด้วย
“กูจะรอไอ้ปอ” แคปกระชากข้อมือออกจากมือใหญ่แต่โดนเอสล๊อคแน่นเข้าไปอีก นั่นทำเอาเขาเจ็บจนต้องนิ่วหน้า
“ไอ้ปอเพื่อนมึงเอารถมาใช่ไหมวะไอ้อาร์” เอสหันไปถามอาร์ ทางนั้นพยักหน้าตอบหงึกๆ
“ถ้างั้นแคปจะกลับไปพร้อมกู ส่วนมึงรอกลับพร้อมไอ้ปอ พวกกูมีหลายเรื่องที่ต้องคุยกัน..” เอสหันมาจ้องหน้าแคป ตอนที่พูดว่ามีหลายเรื่องที่จะต้องคุย แต่แคปมีเหรอจะสน เขาก็แค่ยืนยันปฏิเสธอย่างเดียว
“ไม่เอา! กูไม่กลับกับมึง มึงออกไปแล้วกลับมาอีกทำไมวะ ทำไมถึงไม่ออกไปพร้อมกับเพื่อนมึงเลยล่ะ กลับเข้ามาอีกทำไม”
“..........” เอสจ้องหน้า
“กูจะกลับพร้อมเพื่อนกู..” แคปยืนยันอีกครั้ง ดึงแขนตัวเองออกจากมือใหญ่ได้สำเร็จ เขาเดินเข้าไปหาอาร์บอกจะออกไปรอปออยู่ที่เดิม แต่เอสมีหรือที่จะยอม เขาเลือดขึ้นหน้ากระชากแคปทีเดียวถลาเข้ามาชนอก วงแขนใหญ่กอดรัดเอาไว้ในขณะที่แคปดิ้นจนขาลอย
“ไอ้สัส! มึงปล่อยสิวะ คนเยอะเหี้ยๆมึงบ้าไหมห๊ะ!!” เสียงเล็กตะคอกลั่น มองเห็นแบงค์เดินลากขาไปเอารถมันแล้ว ไอ้เด็กนี่ขับบิ๊กไบต์สีดำคันใหญ่มากเลย มันมองมาที่พวกเขาก่อนที่จะสวมหมวกกันน๊อคแล้วขับลิ่วออกไป
“จะยอมกลับดีๆไหมแคป..” เอสถามเสียงเหี้ยม
“กูไม่กลับ!”แคปตะคอกกลับอย่างไม่มีกลัว สองคนจ้องหน้ากันนิ่ง จนคนที่เป็นฝ่ายลงให้ก่อน ก็คือเอส
“ไม่กลับก็โดนกูอุ้มออกไปแล้วกันนะ”
“ไม่เอาปล่อยกูลง ไม่ๆๆๆๆ ยอมแล้วไอ้เหี้ย ยอมแล้ว เดินเองกูจะเดินเอง ปล่อยกูลงได้แล้ว โอ๊ยยยยกูเจ็บ ถูกแผลกูไอ้สัส..” แคปโวยวายโอ๊ยขึ้นอย่างดัง เพราะเอสกอดแล้วจะพาดตัวเขาลงที่ไหล่ คนเป็นแสนใครจะบ้าให้มันพาออกไปทั้งๆแบบนี้ แคปดิ้นไปดิ้นมาเจอเข้ากับแผลฟกช้ำตอนที่โดนไอ้เด็กแบงค์นั่นโต้กลับ คิดว่าท้องคงเขียวไปแล้วนิดๆ
“ไหนว่าไม่เจ็บ ไหนว่าไม่โดนอะไรเลย มึงนี่มันพยศตัวพ่อจริงๆนะเมีย..” เอสไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ลากแคปออกไปได้เขาบอกอาร์ว่าให้ไปนั่งรอกลับพร้อมปอ เขาจะเอาแคปกลับห้องไปก่อน อาร์บอกโอเคแม้ว่าแคปจะบอกให้ช่วย แต่อาร์ก็จนใจทำได้แค่ยักไหล่ เขาช่วยไม่ไหวจริง ๆ เพราะเอสหน้าตาและท่าทางตอนนี้คือดีเดือดมากเหลือเกิน
“อ่ะ ไอ้สัสมึงเบามือกับกูหน่อยได้ไหมล่ะ” พอมาถึงรถเอสเปิดประตูแล้วจับแคปยัดเข้าไปอย่างแรงเลย ไม่มีคำว่าถนอม เขาแทบจะยกเท้าขึ้นมาถีบมันยัดเข้าไปเลยด้วยซ้ำ
“กูจะต้องนุ่มนวลกับมึงทำไม กับคนที่ไม่รักแม้กระทั่งร่างกายตัวเอง ยอมไปเจ็บตัวกับใครก็ไม่รู้ง่ายๆแบบนั้น”
“มันเรื่องของกู มึงไม่มีสิทธิ์มาสอน”
“นั่งนิ่ง ๆ ถ้ามึงลงกูจับดูดปากโชว์ตรงนี้เลย กูทำจริงอย่างที่กูพูดมึงรู้ดี” เขาชี้หน้าขู่ไว้ก่อนที่จะเดินข้ามมานั่งลงที่ฝั่งตัวเองแล้วออกรถไป ต่างคนต่างเงียบกันตลอดทาง แคปมองไปแค่ที่หน้าต่าง เขานึกสารพัดเรื่องราวที่เกี่ยวกับเขาและมัน ขณะที่เอสเองก็ไม่ได้พูดะไร เขาแค่ขับรถมุ่งหน้าไปเท่านั้น กระทั่งรถเลี้ยวออกมาจากมหาวิทยาลัย เสียงโทรศัพท์มือถือเอสดังขึ้น ไม่ใช่เครื่องสีดำที่อยู่ในกระเป๋ามันแต่เป็นไอโฟนเครื่องสีทองที่วางอยู่หน้าเกียร์ เอสหยิบเอาขึ้นมาดูชื่อก่อนกดรับ แคปเหลือบมองไปได้จังหวะพอดีเห็นแล้วว่าเป็นสายจากใครที่โทรเข้ามา