https://www.youtube.com/v/g_g0MgKKWlc [XII]นับตั้งแต่วันนั้น....
ติ๊ด ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
แค่ได้ยินเสียงกริ่งยาวหน้าประตู แคปกับปอที่กำลังนั่งกินมาม่ากันอยู่ถึงกับเงยหน้าสบตา ไม่ต้องถามว่าใคร ไม่ต้องถามว่ามันมาทำไม และไม่ต้องถามว่าแคปจะเดินไปเปิดไหม เพราะเสียงกริ่งจะดังยาวชนิดที่ว่าไอ้คนกดมันไม่สนใจชาวบ้านชาวช่องข้างห้องเขาจะรำคาญด้วยซ้ำ
แกร๊กกก..
“มาอีกแล้วเหรอมึง..” ปอเป็นคนเดินไปเปิดให้เหมือนทุกครั้ง เขากล่าวทักพร้อมกับถอนหายใจหนักๆหนึ่งทีทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าใครมาแต่ก็อดมองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจไม่ได้ ทั้งหนังสือชี๊ตงานที่หอบเต็มอก ไหล่ข้างซ้ายยังสะพายกระเป๋าคอมพิวเตอร์ใบใหญ่ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไอ้น้องรหัสพี่ชายแคปมาที่ห้องพวกเขาเกือบทุกวัน ปอเอามือออกจากลูกบิดทำให้เอสเดินแทรกตัวผ่านเข้ามาได้
“แคปล่ะ..” คำทักทายแบบเดิมๆเวลาที่เห็นหน้ากัน มันไม่สนใจทักทายเขาหรอก ถามหาอยู่แค่คนเดียว ปอปิดประตูแล้วหันกลับมามองมองแขกผู้มาเยือน ดูเหมือนว่าเอสเพิ่งไปผ่านการออกกำลังกายหนักที่ไหนมาสักแห่ง ทั้งเสื้อผ้า ผมเผ้ารวมถึงรองเท้าผ้าใบที่กำลังถูกถอดออก เขาเพียงแค่บ่ายหน้าบอกว่าแคปอยู่ในครัว
เอสวางของที่หอบมาทั้งหมดลงที่โซฟาก่อนเดินตรงเข้าไปหาแคปที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ รายนั้นก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ยิกๆ มีถ้วยมาม่าวางอยู่บนโต๊ะ แคปไม่ได้สนใจเงยหน้าขึ้นมอง จริงๆรู้ตั้งแต่ได้ยินเสียงกดกริ่งแล้วด้วยซ้ำว่าใครมา เวลาช่วงนี้ประจำ สัปดาห์นี้ตลอดทั้งวันจะห้ามจะด่ายังไงมันก็มาอยู่ดี
“กินด้วยดิ หิว”
“อ่ะ เอาของกูมา..” แคปเงยหน้าขึ้นมาโวย คว้าเอาจานตัวเองไว้ไม่ทันเพราะถูกเอสดึงห่างออกจากตัว แค่นั้นไม่พอยังจะมาดึงเอาโทรศัพท์ของเขาไปจ้องดูอีกด้วย
“ชีวิตมีแต่เกมส์ กินให้เสร็จแล้วค่อยเล่นต่อ” เอสยื่นคืนให้แค่ถ้วยมาม่า ส่วนโทรศัพท์ยัดเก็บเข้ากระเป๋า
“ไม่ต้องมาสอน กูไม่ใช่เด็ก มึงมาทำไมใครเชิญ มาแม่งทุกวันไม่คิดบ้างเจ้าของห้องเขารำคาญมึงจะตายห่าแล้ว” แคปแดกดันกลับ
“ปากมึงเนี่ยนะ ไม่ใช่เด็กแต่ทำตัวยิ่งกว่าเด็ก ลุกเร็ว ไปต้มให้กูด้วยหิวเหมือนกัน”
“เรื่องดิ”
“งั้นกูกินถ้วยนี้ของมึง” เอสทำท่าจะแย่งคืนมาอีกแคปรีบเอามือบังไว้
“ไม่เอา อย่ามายุ่งของกู”
“ก็บอกให้ไปทำให้ไง”
“ไม่เอา กูทำไม่เป็น”
“กะแค่ต้มมาม่า..” สองคนจ้องหน้ากันคนนึงยืนอีกคนนั่ง
“มึงกินถ้วยนั้นดิ” แคปชี้ๆไปที่อีกถ้วย มันเป็นถ้วยของปอ รายนั้นพอเปิดประตูให้เอส กำลังจะเดินตามเข้ามาแต่โทรศัพท์มือถือดังขึ้นก่อน ปอจึงนั่งรับโทรศัพท์จากใครสักคนอยู่หน้าทีวี ยิ้มอยู่คนเดียว
“อันนี้ของใคร..” เอสถาม เขามองไปที่ปอ คิดว่าต้องใช่แน่ ๆ แคปยักคิ้วตอบ “อือ มันเพิ่งกินไปสองคำ”
“งั้นไม่เอา” เอสส่ายหัวบอกไม่กินของคนอื่น เขาคว้าเอาตะเกียบในถ้วยแคปขึ้นมาแล้วคีบพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปอ้าปากรับ แคปรำคาญยกให้มันทั้งถ้วยไปเลย
“กินให้หมดนะมึง ถ้ากูเห็นว่าเหลือแม้แต่เส้นเดียวนะกูจะเอาถ้วยคว่ำใส่หัวมึงเลย”
“ทำเสียงแบบนั้นทำไม คิดว่ากูกลัว?” ดวงตาคมกริบจ้องท้าทาย
“ไอ้สัส”
“หึหึ” เอสเลื่อนถ้วยแคปส่งคืนให้ ไม่อยากจะแกล้งแล้ว เขาก็แค่ยกยิ้มกวนๆใส่อีกคน ก่อนจะโดนยันกลับมาที่ใต้โต๊ะเหมือนอย่างเคย
“ไงวะ กินอะไรมารึยังมึงอ่ะ” ปอเดินกลับมานั่งลงประจำที่ เขาถามเอสไปตามมารยาทก่อนคีบเส้นมาม่าในถ้วยตัวเองเข้าปากกินต่อ แต่ช่างเข้าทางแขกผู้มาเยือนเมื่อเอสส่ายหัวบอกยัง ทำให้กินหน่อย
“จริงดิ!?” ปอเงยหน้าอ้าปากค้าง คำว่าจริงดิ ของเขาหมายถึงมึงใช้ให้กูทำจริงดิ แต่คนฟังคงจะคิดว่าเขาหมายถึงยังไม่กินข้าวมาจริงดิ
“อือ” เอสยักคิ้วตอบทำหน้าเหมือนคนหิวโซมาก ๆ ปอมองทั้งไอ้เพื่อนตัวดีที่ยักไหล่ไม่สนใจแล้วก็มองไอ้คนที่เป็นแขกผู้มาใหม่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก่อนพ่นลมหายใจยาวเหยียดแล้วลุกขึ้นเดินไปจัดการต้มให้อย่างเสียไม่ได้
“มาช่วยกันสิวะ คิดจะให้กูทำอยู่คนเดียวรึไง”
“ไม่เอาอ่ะเหนื่อย กูทำไม่เป็นหรอก..” เอสว่าแล้วทำท่าฟุบลงที่โต๊ะ ช้อนตามองแคปแต่รายนั้นไม่สนใจก้มหน้าก้มตากินของตัวเองจนหมด
“เหนื่อยอะไรของมึง ไปออกกำลังมาดิ? ที่ไหนวะ ฟิตเนส??” ปอหันมาถามฆ่าเวลาชวนเอสคุยก็ดีกว่าปล่อยให้มันไปหาเรื่องแหย่แคปให้โมโหขึ้นมาอีก
“เปล่าไม่ใช่ฟิตเนส ไปค่ายมวย ซ้อมมวยไง..”
“ซ้อมมวย!?” ปอร้องขึ้นอย่างดัง หันมาทำหน้าทำตาไม่อยากจะเชื่อเพราะรูปร่างเอสเหมือนคนที่ดูแลตัวเองด้วยอุปกรณ์ออกกำลังแบบง่าย ๆ มากกว่า บอกว่าไปว่ายน้ำหรือไม่ก็เล่นเทนนิสนั่นยังจะน่าเชื่อกว่าเลย
“อือใช่ ทำไมวะ”
“กูไม่คิดว่ามึงจะชกมวย”
“ต้องชกดิ ช่วงนี้ยิ่งต้องซ้อมบ่อย ออกกำลังไงเมียกูดุต้องแกร่งมากๆไม่งั้นสู้ไม่ไหว เอามันไม่อยู่แน่ ๆ”
“........” ปอฟังแล้วถึงกับเงียบ เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ ๆ ลงคอ พลางคิดไปว่าสิ่งที่ได้ยินมันคงเป็นเรื่องผิดพลาดอะไรบางอย่าง หูเขาต้องไม่ดีแน่ๆ มีเสียงถีบอะไรหนักๆบางอย่างดังออกมาจากใต้โต๊ะ แคปกำลังถลึงตาจ้องเอส แน่นอนว่าสองคนต้องกำลังสู้กันอยู่ ไม่รู้ใครถีบใครล่ะ แต่ไอ้เอสมันคว้าเอวแคปเข้าหาตัวมันแล้ว เพื่อนเขาก็ดันสู้สุดฤทธิ์ ปอรีบเอาทัพพีรัวเคาะหม้อสแตนเลสเสียงดังลั่น เรียกให้สองคนนั้นหันขวับมา มันสู้กันทีไรเขาใจหายทู๊กที ไม่ใช่อะไรนะ ไอ้เอสน่ะมันชอบคว้าเอาเพื่อนของเขารวบเข้าหาตัวมันทุกครั้ง ถึงปอจะเป็นคนไม่ชอบเสือกแต่เรื่องแบบนี้มันก็อดที่จะชำเลืองดูไม่ได้
“เอาต้มยำหรือหมูสับดีวะหรือมึงจะแดกมาม่าเกาหลี..” ในที่สุดพอน้ำเดือดปอก็ต้องหันไปถาม เอสขยับห่างออกมาแล้ว แคปนั่งทำหน้าหงุดหงิด
“หมูสับดิ ของกูไม่ใส่พริกนะ” คนบอกนวดขาตัวเองไปด้วย แสดงว่าตัวมันนั่นแหละที่โดนแคปถีบ
“มึงไม่มาทำเองเลยล่ะ..” เสียงปอขุ่นขึ้นทันที รู้สึกว่าทำไมกูต้องโดนสั่งวะ บอกตรงนี้เลยว่าแคปเพื่อนรัก(ประชด)ทำอาหารไม่เป็น ไม่น่าเชื่อว่าไอ้คนข้าง ๆ มันก็ยังทำไม่เป็นด้วยเหมือนกัน มาทีไรคนที่ต้องรับผิดชอบไม่พ้นเขาคนนี้ ส่วนมันสองตัวนั่งดูแล้วก็ใช้ปากสั่งๆๆๆๆ
“นั่นสิ สั่งมากทำไมวะ โตจะเป็นควายกินมาม่าไม่ใส่พริก ไอ้ปอ มึงทำเผื่อกูอีกถ้วยด้วยเมื่อกี้หมามันแย่งกินไปตั้งหลายคำไม่อิ่มเลยเนี่ย..” แคปตอกย้ำคำพูดในใจของปอให้แม่นยำยิ่งขึ้นไปอีก ตกลงคือมันทั้งสองคนนั่นแหละสั่งมากสุดและก็กัดกันมากที่สุดด้วย เดี๋ยวคอยดูมันสั่งเสร็จก็กัดกันอีก เชื่อขนมกินได้เลย
“ว่าใครหมา..” นั่นไง จากนี้คงได้กัดกันจนอาหารหมดจาน ปอถอยหายใจเซ็ง ๆ อีกครั้ง ก่อนสนใจกับอาหารในหม้อตรงหน้าตัวเอง ทำใจแล้วก็ปลงกับสองคนด้านหลัง เมื่อมาม่าเดือดปุด เขาตอกไข่ใส่ลงไปรอให้ทุกอย่างสุกเรียบร้อย หยิบเอาถ้วยเปล่ามาตักเสิร์ฟให้แขกผู้มีเกียรติ
“ใครรับเอาล่ะ หน้าหมาน่ะ มึงอ่อ?” ยังเถียงกันอยู่
“เดี๋ยวมึงจะโดน คืนนี้น่าดู” นี่เสียงมาจากเอสชี้นิ้วจิ้มหน้าผากเล็กไปด้วย
“กูกลัวตายล่ะ คืนนี้มึงต้องกลับห้องตัวเอง
กู-ไม่-ให้-ค้าง” แคปถลึงตาใส่ปัดมือใหญ่ออก ก่อนรับเอาถ้วยเก่าของตัวเองที่ปอตักส่งให้ใหม่มากิน
“เลิกเถียงกันได้แล้ว กินให้หมดด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ”
“อะไร กูกินถ้วยสองแล้วใครจะไปกินหมดมึงตักเยอะขนาดนี้ กูไม่ใช่ยักษ์” แคปท้วงขึ้นทันทีเมื่อมองเห็นมาม่าในถ้วยตัวเอง
“ถ้าไม่หมดกูไม่ทำให้กินอีก” ปอว่า เอาดิ๊ เขาใช้น้ำเสียงเด็ดขาด ทั้งสองคนสงบศึกชั่วคราว แต่ยังมีมองหน้ากันแบบกวน ๆ เอสนี่ก็ยิ้มยั่วเพื่อนเขาอยู่ตลอด แคปเองก็ขึ้นง่ายเข้าทางคนขี้แกล้ง ไม่รู้ว่ากินกันไปแบบไหนแต่ในที่สุดอาหารมื้อเย็นก็ผ่านพ้นไป กินเสร็จทั้งแคปทั้งเอสไปนั่งดูการ์ตูนต่อ แต่ไม่ใช่ว่าจะอยู่กันแบบเงียบ ๆ หรอกนะ ดูอะไรก็เถียงกันแทบทุกอย่างดูโคนันยังแบ่งกันเป็นสองฝ่าย ตีกันจนจะตายว่าใครกันแน่คือผู้ร้ายตัวจริง ดูทอมแอนด์เจอรี่คนนึงชอบแมวอีกคนนึงเชียร์หนู แล้วอย่าถามนะว่าใครทำหน้าที่ล้างจานอยู่ในครัว ก็เขาไงเพื่อนที่แสนดี หึหึ สองตัวนั่นกินเสร็จก็เดินหนีจะทำอะไรเป็นสักอย่าง ปอส่ายหัวไม่อยากจะสน
“เมื่อไหร่มึงจะกลับวะ” แคปนั่งกอดหมอนอยู่หน้าทีวีมองดูเวลา แล้วเหล่มองไอ้คนข้าง ๆ
“ไม่อ่ะ คืนนี้จะนอนที่นี่” เอสตอบกลับมาเรียบ ๆ หน้ามึนทั้งที่ตายังจ้องทีวีอยู่ แคปเลยฟาดหมอนใส่ไปแรง ๆ รับไว้เกือบไม่ทัน
“จิ๊ กูเบื่อมึงที่สุดเลยว่ะ” แคปพูดหัวเสียลุกขึ้น เห็นปอกำลังเดินเข้ามาจากห้องครัว คว้าเอาหมอนอีกใบขว้างใส่เพื่อนตัวเองด้วย รายนั้นก็รับเอาอย่างงง ๆ เอสลุกขึ้นมาตบลงที่ไหล่ปอแล้วหัวเราะเบา ๆ ก่อนก้มลงหอบเอาข้าวของบรรดากองหนังสือสมุดและกระเป๋าเครื่องคอม เดินตามแคปเข้าห้องไป ปอที่มองสองคนนั้นจนลับสายตาทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟากอดหมอนใบที่แคปโยนทิ้งไว้ให้ เขาไม่ได้สนใจทีวีเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่ามันจะเปลี่ยนเป็นรายการอะไร เขาก็ไม่ได้ยิน เพราะมัวแต่นึกถึงเรื่องราวเมื่อประมาณต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
วันนั้น....
ก๊อก ก๊อก
“แคป คุยกับกูหน่อยดิ๊..” เดินไปเคาะห้องเรียกเพื่อน แคปเปิดประตูออกมาหัวยุ่งหน้าตาดูหงุดหงิด ปอขยับนิดหน่อยเขาก็สามารถมองเห็นอีกคนที่นั่งทำงานอะไรสักอย่างอยู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกวางไว้บนเตียงนอนของแคป
เมื่อคืนเอสมานอนค้างที่ห้อง สองคนทะเลาะกันดังมาก ๆ แคปเหวี่ยงจนแทบเอาไม่อยู่ ขณะที่ไอ้แขกผู้มาเยือนต้องใช้วิธีการมึนๆของมันจัดการ จนในที่สุดคนที่เหนื่อยคือเพื่อนของเขาเอง ด่าจนหลับไป เอสจึงลากเข้าห้อง จากนั้นสองคนก็อยู่ด้วยกันในนั้นจนถึงเช้า ไม่ใช่ว่าเขาไม่ระแคะระคาย ไม่ใช่ว่าเขาปิดหูปิดตาไม่รับรู้ แต่ไม่คิดว่าไอ้น้องรหัสเฮียเต้ จะทำท่าจริงจังกับเพื่อนของเขามากถึงขนาดนี้
“ออกไปคุยกันข้างนอก” ปอดึงแขนแคปให้เดินตามออกมา แคปชะงักนิดหน่อยจ้องหน้าปอนิ่งแต่ในที่สุดก็ตัดสินใจเดินตามเพื่อนออกมา
“มึงเล่ามาให้หมด” เขาดันไหล่แคปให้นั่งลง ยื่นบุหรี่ส่งให้ แคปก็แค่รับไว้ ส่วนเขาเองก็จุดขึ้นมาหนึ่งมวนเช่นกัน แคปก้มลงมาต่อไฟ สองคนจ้องหน้ากันและกันอยู่ชั่วขณะ จนในที่สุดแคปพยักหน้าอย่างจนมุม แล้วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างตัวมันกับเอสในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แบบสั้นๆให้ปอฟัง
“จริงดิ!?” ปอมองแคปอย่างคนที่ไม่อยากจะเชื่อทั้งหมดที่ได้ยินนั่น ทั้งที่คิดว่าตัวเองรู้อยู่แล้วแต่พอมันออกมาจากปากเพื่อนเขาเอง มันดูน่าตกใจมากพอควรอยู่
“อือ” แคปตอบเรียบ ๆ บุหรี่มวนที่สองถูกคาบขึ้นใส่ปาก เอื้อมมือหยิบไฟแชคขึ้นมาจุดสามสี่รอบกว่าจะติด เอนตัวพิงโซฟาอย่างเซ็ง ๆ พร้อมยกสองมือเสยผมที่ยาวลงมาจนปรกหน้าปรกตา
“มันแปลกใช่ไหมล่ะ” แคปพึมพำถามขึ้น เบนสายตามองเพื่อนตัวเองที่นั่งลูบหน้าลูบตา แต่ปอกลับส่ายหัวบอกว่าไม่ ไม่แปลกอะไรหรอก
“แต่คือ กูตกใจนิดหน่อย ไม่คิดว่าสุดท้ายแล้วมึงจะมีแฟนเป็นผู้ชายไง กูก็เลย........”
“พูดเหี้ยไรวะห๊ะ!” แคปแว๊ดขึ้นเสียงดัง ปอนี่สะดุ้งโหยง เงยหน้ามอง เมื่อเพื่อนตัวเองจู่ ๆ ลุกขึ้นเหมือนกับโมโหหนัก เขากระตุกๆเสื้อแคปบอกให้นั่งลงใจเย็นๆ
“กูไม่ใช่แฟนมัน ถึงจะเคยนอนด้วยกันแต่กูไม่ใช่แฟนมันเด็ดขาด มึงรู้แค่นั้นจบ!” แคปพูดใส่อารมณ์เต็มที่ จ้องหน้าปอตาเขียว
“ไม่ใช่แฟน?” ปอทวนคำถาม
“ก็เออสิวะ ให้ตายกูไม่มีทางเป็นแฟนมันเด็ดขาด” แคปย้ำบอก
“แต่มันตามมานอนค้างกับมึงแล้วนะ เมื่อคืนก็...” เขากลืนน้ำลายดังเอื๊อก เมื่อคืนนับเป็นครั้งแรกที่แคปทำอะไรไม่ได้ยอมให้เอสนอนค้างด้วย ทั้งที่ปอเองก็อยู่ เรื่องมันเลยแดงขึ้นมาแบบนี้
“ค้างก็แค่ค้าง นอนข้างกันนั่นมันก็ใช่ แต่ไม่ได้เอากันแค่นี้จบป่ะ มันกับกู กูกับมัน ไม่ใช่แฟนกัน!” แคปขยายความแล้วพูดย้ำอีกครั้ง ปองงแต่ก็พยักหน้าพยายามจะเข้าใจ แคปคว้าหมอนอิงเอาเข้ามากอดจนแน่น
“กูหงุดหงิด ไม่ใช่ว่าไม่อยากเล่าให้มึงฟัง แต่คือกู ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อน กู....”
“เออๆช่างเหอะมึงรักใครกูก็รักด้วย กู...”
“กูไม่ได้รักมันไอ้สัส!” แคปโมโหขึ้นมาอีก เมื่อปอพูดคำว่ารักซึ่งเขาไม่มีทางเอามาใช้กับคนประเภทไอ้เอสมันเด็ดขาด “กูบอกตอนไหนว่ากูรักไอ้เหี้ยเวรตะไลในห้องนั่น ก็แค่พลาดไปกูยังหาวิธีไล่มันออกไปจากชีวิตไม่ได้ ขอเวลากูแป๊ปเหอะ มึงอย่าพูดเรื่องรักๆชอบ ๆ ใคร่ๆ อะไรนั่นขึ้นมาอีกนะ โฮ้ยยยย กูหงุดหงิด!”
“......”
“เป็นไร อยากถามไรถามมาให้หมด เคลียร์กันวันนี้เลยกูเองก็ขี้เกียจมานั่งพูดหลายที เรื่องเซ็ง ๆ พูดให้เสร็จครั้งเดียวไปเลย”
“.....”
“ไอ้หมาปอ” แคปเรียกอีก ใช้สายตาขู่ ปอเหมือนคนที่อยากจะพูดอะไรอีกสักอย่างแน่ ๆ แต่ไม่กล้า ในที่สุดปอรวบรวมความกล้าสูดลมหายใจ ขยับเข้ามาใกล้แคปแล้วถามแบบม้วนเดียวจบ
“มึงกับมันใครเป็นเป็นผู้หญิงวะ”
“ไอ้สัส กูเป็นผู้ชาย” แคปสบถขึ้นทันที ตาแข็งกร้าว เสียงกัดฟันกรอดๆดังลอดออกมาจนได้ยินถึงหน้าประตู
“งั้นแสดงว่ามันเป็นผู้หญิงเรอะ..” ตัวใหญ่แบบนั้นแคปกดมันแบบไหนวะ ปอนึกจนตาลอยโดนแคปตบหัวแรง ๆ หนึ่งที ดาวลอยมารอบหัว
“ก็คนที่อยากได้ผู้ชายอย่างกูจนตัวสั่นถึงขนาดตามมานอนด้วยถึงห้อง ก็มีแต่ผู้หญิงน่ะแหละ”
“จริงดิ?” ปอมองเพื่อนตัวเองแบบไม่ค่อยเชื่อ แคปจะยื่นมือมาตีอีก เขารีบเอาหมอนมากันไว้
“กูต้องพูดจริงสิวะ มันนั่นแหละเป็นผู้หญิง” แคปปั้นคำโกหก คำโตมากจริง ๆ
“งั้นแสดงว่ามึงก็ไม่เสียหายดิ”
“เออ! กูไม่เสียหายหรอกไอ้สัส!! ไอ้เพื่อนเวรไอ้เพื่อนเหี้ย กูไม่เสียหายเลยสักกะติ๊ด ไม่เล๊ยยยยยกูยังสดโสดและซิง” แคปร้องไห้ ฮือๆๆอยู่ในใจ ไอ้เพื่อนบ้ามึงจะตอกย้ำคำว่าเสียหายกับกูไปถึงไหน ยิ่งพูดกูยิ่งอยากจะร้องไห้ กูนี่ฟังแล้วจึ๊กเลย
“ดีๆๆ กูกะนึกว่ามึงเป็นผู้หญิง แบบนั้นเสียดายแทน”
“แทนใครวะ เสียดายเห้ไร”
“แทนบรรดาเมียเก่ามึงอ่ะ เสียดายความหล่อมึงไง”
“หึ ไม่ต้องเสียดายเพราะกูยังเสียบได้ดีเหมือนเดิม ไม่มีปัญหา”
นั่นคือเรื่องเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ปอนั่งนึกแล้วก็ส่ายหัวอยู่คนเดียว เพราะไอ้คำว่าเมียที่เอสหลุดเรียกแคปเต็มๆปากเมื่อสักครู่สะกิดใจเขาให้นึกย้อนขึ้นมาอีกจนได้
“กูไม่ได้รักมันไอ้สัส กูบอกตอนไหนว่ากูรักไอ้เหี้ยเวรตะไลในห้องนั่น ก็แค่พลาดไปกูยังหาวิธีไล่มันออกไปจากชีวิตไม่ได้ ขอเวลากูแป๊ปเหอะ มึงอย่าพูดเรื่องรักๆชอบ ๆ อะไรนั่นขึ้นมาอีกนะ โฮ้ยยยยหงุดหงิด!”
“หึหึหึ กูเชื่อมึงดีไหมเนี่ย อาทิตย์ที่ผ่านมานี่ไอ้เอสแม่งมานอนค้างกับมึงสี่คืนแล้ว ไม่ใช่แฟนไม่ได้รัก ไม่ได้คบ แล้วมานอนค้างด้วยกันตลอดๆ ความสัมพันธ์เห้ไรแบบไหนกันวะไอ้แคปเอ๊ย....”
.
.
ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันภายในห้องนอนที่เปิดแอร์เย็นเฉียบแต่ใจเจ้าของกลับห้องร้อนระอุจนสุด พอเอสวางกระเป๋าเครื่องพร้อมหนังสือที่หอบมาลงบนเตียง แคปก็ลากเก้าอี้พนักสูงเข้ามาทิ้งตัวนั่งลงแล้วถอนหายใจยาวเหยียดมองอีกคนอย่างเซ็ง ๆ
“กูไม่เข้าใจมึงจริง ๆ ว่ะ มึงเองก็มีงานที่ต้องทำ การบ้านรายงานเปเปอร์แต่ล่ะอย่างนี่เยอะมากพอๆกันกับกู ไปอ่านไปเขียนอยู่ห้องตัวเองจะไม่ดีกว่าหรือไงวะ”
“ไม่หรอก แบบนั้นไม่ดี..” เอสทิ้งตัวนั่งลงที่เตียง
“กูไม่เข้าใจ” แคปส่ายหัวย้ำอีกที เอสยกยิ้มอ่อนๆ
“แล้วอยากเข้าใจไหมล่ะหื้ม?” เขาคว้าหมับแขนแคปแล้วกระชากแรง ๆ จนแคปถลาเข้ามานั่งลงที่ตัก เอสล๊อคเอวเล็กไว้ทันที
“ทำงานไปด้วยมองหน้าเมียไปด้วยมันเสร็จไวกว่ามึงไม่รู้?”
“เพี๊ยะ! อย่ามาทำมือไว กูว่ามึงโรคจิตแน่ ๆ ชอบถูกกูด่าชอบถูกกูตี เป็นบ้าอะไรมานั่งหลังขดหลังแข็งทรมานทำงานอยู่บนพื้นห้องคนอื่น ทั้งที่ห้องตัวเองทั้งใหญ่ทั้งกว้าง โต๊ะทำงานก็หรูหรา เตียงมึงก็ใหญ่กว่าเตียงกูตั้งสองเท่า บ้าฉิบ!” แคปด่ากราดยาวเหยียด เอสก็แค่เงยหน้าขึ้นมอง หวั่น ๆ จะโดนฟาดสวนมาเหมือนกันแต่พอเห็นอีกคนยังเฉยเขาเลยแค่แสยะยิ้มออกไป
“มึงรู้คำตอบอยู่แล้ว”
“กูรู้มึงหวังอะไร..” แคปหรี่ตามองเกลียดเหลือเกินรอยยิ้มแบบนั้นของมัน
“แล้วเมื่อไหร่จะให้ล่ะ”
“ผั๊วะ! ไม่ต้องมายิ้ม คำถามมึงชวนหัวเราะเหรอเหี้ย อย่ามามักโลภ มึงได้ไปแล้วยังจะมาอยากได้เหี้ยห่าไรอีก..” แคปฟาดผั๊วะๆเข้ากลางหลัง เอสคว้าจับเอาสองแขนเล็กมารวบไว้
“มึงกินข้าวครั้งเดียวอิ่มป่ะล่ะ ของอร่อยมันต้องกินซ้ำดิวะ”
“กูไม่ใช่อาหาร ไอ้สัสเลิกทำหน้าแบบนั้นใส่กู”
“หึหึ คิดว่ากูพูดนี่หมายถึงมึงหรือไง หลงตัวเองเหมือนกันนี่หว่า ไหนดูซิปากยังหวานเหมือนเดิมอยู่ไหม โอ๊ยซี๊ดส์!” พูดจบเขาเลื่อนมือขึ้นไปคว้าเอาคอแคปดึงลงมาขบปากนิ่มเบา ๆ หนึ่งครั้ง แต่เจอแคปกัดสวนลงอย่างแรงเอสรีบปล่อยออกแทบไม่ทัน แคปลุกขึ้นทันที
“มึงมันแย่มาก นิสัยแม่ง กูจะทำงานแล้วห้ามมึงมากวน วันนี้ไม่เสร็จกูนอนไม่ได้บอกเลย” แคปชี้หน้าแล้วถอยห่างออกมา ก่อนที่จะคว้าเอาพนักเก้าอี้ตัวเองทิ้งตัวนั่งลงไปอีกครั้ง เอสก็แค่มองแล้วอมยิ้ม งานเขาเยอะมากพอกัน มันก็จริงที่ว่าห้องเขากว้างกว่าสบายมากกว่า แต่ก็อย่างว่าได้นั่งอยู่ใกล้ ๆ คนที่เขาคิดอยากจะแกล้งได้กัดได้หยอกแล้วสนุกไปด้วยกันได้ มันก็ต้องมาถึงห้องนี้เท่านั้นล่ะนะ
คืนนั้นสองคนนั่งหันหลังต่างคนต่างทำงานในห้องไปแบบเงียบ ๆ ทั้งห้องสี่เหลี่ยมได้ยินแต่เสียงต๊อกๆแต๊กๆของคีย์บอร์ดสองเครื่องราวกับมันกำลังโต้วาทีกันอยู่ เมื่องานเริ่มเครียด เอสจุดบุหรี่ขึ้นสูบ แคปจึงหันมาเพราะได้กลิ่น
“บ้าเอ๊ย ห้องกู” เขาลุกขึ้นเดินไปเปิดหน้าต่างระบายอากาศ เอสเงยหน้ามอง
“อะไรทำเป็นอ่อนหัด อย่าบอกว่ามึงไม่สูบนะ นั่นซองอะไร..” เอสโบ้ยหน้ามองไปที่ซองบุหรี่ของแคปที่วางไว้แถวหัวเตียง
“ซองพริกป่นล่ะมั้งสัส ถามอะไรไม่คิด ถึงสูบกูก็จะเดินไปพ่นด้านนอก ไม่เสียมารยาททำห้องคนอื่นเขาเหม็นแบบนี้หรอก”
“แพ้รึเปล่า”
“ไม่แพ้ แต่มันเหม็นเวลานอนกูไม่ชอบ”
“..........”
เอสมองแล้วเงียบ เขาสูบต่อไปจนหมดมวนจากนั้นลุกขึ้นไปปิดหน้าต่างให้ เข้าไปแปรงฟันล้างหน้าล้างตาแล้วกลับมานั่งทำงานต่อ สองคนยุ่งอยู่กับงานของตัวเองเกินกว่าจะหาเรื่องอะไรมากัดกันได้อีก เวลาผ่านไปแคปเหลือบมองนาฬิกาอีกที จวนจะตีสองแล้ว ลุกขึ้นบิดขี้เกียจหาวหวอดสองสามทีก่อนหมุนเก้าอี้หันมามองอีกคนที่นั่งอยู่บนพื้นใช้เตียงเขาต่างโต๊ะทำงาน
“……..” แคปกอดอกนั่งมองเงียบ ๆ เอสง่วนอยู่กับงานตรงหน้าไม่ได้เห็นเลยว่าเขานั่งจ้องมันนานมากแล้ว จู่ ๆ เสียงคีย์บอร์ดกลับหยุดลง พร้อมๆกับคนที่นั่งอยู่บนพื้นเงยหน้ามอง แคปรีบหลบตา
“อะไร” ถามขึ้นแบบเก้อๆ เพราะว่าเอสต้องเห็นแน่ ๆ ว่าเขานั่งมองมันอยู่สักระยะแล้ว บอกเลยว่าไม่ได้คิดพิศวาสหรือชื่นชมอะไรทั้งนั้น ก็แค่นั่งมองเพราะกำลังคิด ไม่เข้าใจและคิดไม่ตกว่าที่มันมาตามติดเขาอยู่ทุกวันนี้นี่ต้องการอะไรกันแน่ คือเอสได้จากเขาไปทุกอย่างแล้วจริง ๆ แม้กระทั่งตัวเขามันก็ยังได้แล้ว แต่ที่ยังตามอยู่อีกคือต้องการอะไร
“มึงใส่แว่นด้วยรึไง..” เอสลุกขึ้นเดินเข้ามาหา แคปเพิ่งรู้สึกตัวว่าลืมถอดแว่นสายตาออก
“ก็แค่เวลาทำงาน..” ว่าแล้วเขาก็หมุนเก้าอี้กลับคืน คว้าเอาขวดน้ำข้าง ๆ ยกขึ้นดื่ม จับเอาปากกาลงมือจะทำงานต่อแต่เจออ้อมกอดของคนตัวโตพาดผ่านมาทางด้านหลัง มันกอดทั้งพนักพิงนั่นแหละยืนซ้อนเก้าอี้เขาอยู่
“ทำเหี้ยไรของมึง..”แคปหันมาถามหน้ายุ่ง เอสยื่นโทรศัพท์มือถือออกมาพร้อมกับแนบใบหน้าชิดเข้ากับศีรษะเล็กของแคป
“ถ่ายรูปกัน”
“ไม่เอา” แคปเอียงหลบผลักเอสออกจะลุกขึ้นแต่เจอมือใหญ่กดล๊อค กอดคอเอาไว้
“แปปเดียว มองกล้องเร๊ว แช๊ะ!” ภาพที่ถูกถ่ายไปด้วยความรวดเร็วไม่น่าเชื่อว่าจะคมชัดได้ แต่ทว่าคนนึงสวมแว่นทำหน้ายุ่ง ๆ กับอีกคนที่ยังเก็กหล่อได้ในสไตล์เดิม ๆ เอสยกยิ้มขึ้นนิดๆพอใจในผลงานการถ่ายภาพของตัวเอง เขาขยี้หัวแคปจนยุ่งแล้วมองดูว่างานของอีกคนไปถึงไหนแล้วก่อนโดนมือเล็กปัดออกแรงๆอย่างเคย
“งานมึงใกล้เสร็จรึยังวะ..” มองดูที่นาฬิกา ตีสองแล้วเดินไปเก็บหนังสือหนังหาของตัวเอง
“ยุ่ง” แคปตอบเซ็ง ๆ ก้มลงตั้งใจทำงานของตัวเองต่อ จริง ๆ คือเหลืออีกแค่นิดเดียวหยุดตอนนี้ก็ไม่มีปัญหาแต่ไม่อยากจะทำแบบนั้นเขาอยากให้มันหลับได้ก่อนเลยยิ่งดี เอสเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเปิดโคมไฟที่หัวเตียงนอนเล่นโทรศัพท์มือถือรอ กระทั่งเวลาเกือบตีสามแคปนี่ไม่ไหวแล้วหาวหวอดๆเป็นสิบครั้ง
“กูโพสรูปเมื่อกี้ลงไอจีนะ..”เสียงทุ้มดังมาจากเตียงแคปหันขวับ
“ไอ้สัสมึงอย่าบ้า” คนพูดทำตาเขียว มือที่ถือปากกาอยู่แทบจะเขวี้ยงใส่หัวไอ้ตัวอันตรายพูดไม่มีหัวคิด
“ใครจะจำได้วะ มึงใส่แว่นแล้วถ่ายใกล้ขนาดนั้นหน้าเต็มจอ ดูดิ..” เอสยกมือถือโชว์ภาพให้ดูอีก แคปลุกพรวดกระโจนเข้าหาจะคว้าเอามาลบ แต่เอาไม่ได้
“พี่กูสิจำได้แน่ไอ้เหี้ย เอามานี่ มึงอย่าหาเรื่องนะ ถ้าทำอะไรไม่เข้าท่ากูจะไม่อนุญาตให้มึงเข้าห้องอีกเลยคอยดู!”
“นอนได้ยังล่ะ ง่วงแล้วอ่ะ” เอสไม่สนใจมือถือแล้วเขาโยนทิ้ง ๆ ไปไว้อีกฝั่งนึงของเตียงเกี่ยวคอแคปกอดลงมาบอกให้นอนด้วยกัน แคปไม่ทันตั้งตัวทับลงบนตัวเอสแบบเต็ม ๆ คนตัวเล็กดิ้นสู้กันอยู่สักพักในที่สุดก็ยอมนอน เอสใช้เขาแทนหมอนข้างอย่างเคย
“แสบตาไปปิดไฟดิ” แคปสั่ง ง่วงจนจะหลับอยู่แล้ว เอสปิดไฟล๊อคห้องปิดทุกอย่างเรียบร้อย กลับเข้ามานอนเจอแคปเอาหมอนข้างมาขวางพร้อมห่มผ้ามิดชิดทำตัวเหมือนดักแด้ เขาจึงดึงเอาหมอนข้างยักษ์เหวี่ยงออกแทบไม่ทันทำน้ำเสียงหงุดหงิดกระชากแคปเข้ามากอดจนจมอก
“โฮ้ยยยกูอึดอัดมึงนอนนิ่งๆสิวะอย่ามาใกล้มาก รำคาญเนี่ยรู้ไหม”
“เหรอ ไม่รู้อ่ะ”
“อย่าจับสิวะนอนไปอย่างเดียวจะลูบหาหวยเหรอ หลังกูไม่ใช่ต้นกล้วยลูบแม่งอยู่นั่นหวยไม่โผล่มาหามึงหรอก”
“ไม่หาหวยหรอกหาอย่างอื่น”
“หาเหี้ยไรของมึง ต่ำไปแล้ว ต่ำไปแล้วไอ้เหี้ย..” แคปตะปบมือหนาไว้แทบไม่ทัน เอสเลยสอดเข้าแผ่นหลังเล็กแล้วลูบเล่นแทน
“มันเนียนดีไง”
“เนียนพ่องดิ กูไม่เนียนด้วยนะสัส มือมึงสากอย่างกับกระดาษทราย”
“สากที่ไหนสาว ๆ บอกมือกูนุ่มทุกคนอ่ะ สวยด้วยนะ จับดูป่ะ”
“ฝันสิ บ้าเอ๊ย..” แคปเบะปากใส่อย่างหงุดหงิด เขาขยับออกแล้วบอกอย่ามาใกล้มาก เอสขยับตามสองคนขยับหนีขยับตามกันจนจวนจะตกเตียงแคปหันไปฟาดผั๊วะเอสหัวเราะหึหึ
“อือๆไม่กวนแล้ว นอนๆ”
“ขยับไป กูอึดอัด”
“........”
“ไอ้เหี้ยเอสอย่ารัดสิวะกูร้อนเนี่ยมึงเห็นใจกันบ้างได้ป่ะ แม่ง..”
“ทำเหมือนวันนั้นกันอีกป่ะ”
“พูดเหี้ยไรห๊ะ ขยับออกไป แล้วมาทับกูทำไมเนี่ย โอ๊ยยยยย ”
“ไม่ได้อยากกอดนักหรอกนะ แต่...กูทำให้มึงเอาไหมล่ะ”
“ไม่เอาเว้ย โฮ้ยยยยยกู... อื้ออ~” โดนฉกจูบปิดปากลงมาเบา ๆ แคปขยับตัวไม่ได้โดนล๊อคคอล๊อคแขนล๊อคขา ได้แต่เงยหน้ารับจูบเร่าร้อนจากอีกฝ่ายจนหายใจหายคอแทบไม่ทัน เอสจับใบหน้าเล็กด้วยสองมือ เขากดจูบซ้ำแล้วซ้ำอีกขณะที่แคปส่งเสียงครางหนักประท้วงอยู่ตลอด พยายามสะบัดหน้าหนีแต่คนเอาแต่ใจก็ยังไม่ยอมปล่อยออก ลิ้นร้อนแรงลามกรวมถึงริมฝีปากร้ายบดขยี้กวาดต้อนและดูดดุนเอาลิ้นเล็กของแคปจนมุมไปทุกสัมผัส
“อื้อ ไอ้สัส! พอ อึกก อื้ออ แค่กๆๆๆ” แคปไอโขลกเมื่อในที่สุดโดนปล่อยปากออกมา ผลักไหล่หนาออกแรง ๆ แต่โดนรวบดึงไว้อีกครั้ง ด้วยความกลัวว่าจะโดนมากกว่าจูบแคปจึงดิ้นแล้วทุบตีคนตัวโต
“ร้องให้เพื่อนมึงได้ยินเลยใช่ไหมห๊ะ” มือไม้สองคนสู้กันเอสจัดการพันไว้ทั้งแขนทั้งขา
“ไอ้สัส ปล่อยกู!!”
“เลิกดิ้นแคป กูแค่จูบ ดิ้นมากๆตีห้าไม่จบนะครับเมีย กูบอกให้รู้”
“.....อึ่กก....” แคปถองศอกใส่หนักๆหนึ่งครั้งก่อนกัดริมฝีปากอย่างคับแค้น ยอมนอนให้มันกอดนิ่งๆและเงียบได้ในที่สุด ชีวิต ซวยเป็นบ้า!
.
.