ตอนที่ 17
“ตกลงวันเสาร์นี้ไปนะ” จินพูดสรุป หลังจากที่เขาเอ่ยชวนทุกคนไปเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำในคอนโดของเขา พร้อมกับปาร์ตี้ต่อในห้องของเขา ผมพึ่งมารู้ว่า พวกโปเต้ไม่ชอบเที่ยวสถานบังเทินตอนกลางคืน แต่จะเลือกบ้านใครสักคนและไปนั่งกิน (เหล้า) กันเอง และโดยส่วนมากก็จะเป็นห้องของจิน เพราะตอนที่โปเต้ยังอยู่หอ หอก็เล็กไป ส่วนเซย์ก็อาศัยอยู่กับครอบครัว เดี๋ยวมันจะรบกวนผู้ใหญ่
“จิน เราสองคนคงไปไม่ได้อ่ะ วันเสาร์ครอบครัวเรากับครอบครัวนิดานัดกินข้าวเย็นกันน่ะ” จีน่าเอ่ยบอกกับจิน และทั้งจีน่ากับนิดาก็ทำสีหน้าเสียดายสุดๆ เพราะพวกเธอเป็นคนติดเพื่อน เห็นเพื่อนไปสนุกก็อยากจะไปร่วมด้วยบ้าง
“ไม่เป็นไร วันหลังก็ได้ เรื่องเหล้าขอให้บอก เราจัดได้ทุกวัน” จินว่าพลางยิ้มหวาน ขัดกับคำพูดมากๆ
ตอนนี้พวกนั่งเล่นอยู่แถวๆคณะ รออลันกับดอมินิกที่ยังไม่เลิกเรียน วันนี้เซย์ จิน อลัน และดอมินิกขะไปกินข้าวบ้านผม ส่วนพวกเพื่อนผม ผมก็ชวนนะ แต่ไม่มีใครว่าง จีน่ากับนิดาจะไปทำธุระให้แม่ของจีน่า หลุยส์มันหายหัวไปตั้งแต่เลิกเรียน ส่วนแลนด์บอกมีนัดกับดิน แล้วก็ชิ้งไปแล้ว
“ติณณ์ ช่วงนี้มีเรื่องอะไรรึเปล่า” อยู่ๆคนที่นั่งข้างๆผมก็เอ่ยขึ้น
“...เปล่า” ผมตอบปฏิเสธไป ทั้งที่จริงๆแล้วผมยังคาใจเรื่องที่พวกโปเต้จะออกทริป แล้วเขาไม่ชวนนั่นแหละ เพราะดูเหมือนว่าอลันกับดอมินิกจะไปกับเซย์และจินด้วย
“ผมว่าช่วงนี้คุณดูเงียบๆนะ” เขาบอกกับผมราวกับว่าเขาสังเกตผมอยู่
“ผมก็ไม่ใช่คนพูดมากนี่”
“ดูแปลกๆด้วย”
“แปลกยังไง ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย นายคิดไปเองรึเปล่า” ผมตอบเขา ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นมาดื่ม
“คุณ...เอ่อ คือ...ผมทำอะไรให้คุณโกรธรึเปล่า?” โปเต้ถามผมพลางขมวดคิ้ว สีหน้าเหมือนแบบว่า...จะดูกลัวๆก็ไม่ใช่ ดูกังวลก็ไม่เชิง
“...เปล่าหนิ” ก็ไม่เชิงกับโกรธ แค่รู้สึกนอยด์นิดๆ แต่ก็ไม่ได้มากพอที่จะเอามาตั้งประเด็นเป็นปัญหาสักหน่อย
“...จริง?” โปเต้เอ่ยก่อนจะค่อยๆก้มหน้าเข้ามาใกล้ผม
“อืม...” ผมตอบ แล้วสักพักก็ต้องย่นคอนิดๆ เมื่อโปเต้ดันเป่าลมใส่หูผมเบาๆ ซะอย่างงั้น
“มีอะไรก็บอก” โปเต้กระซิบเบาๆที่ข้างหูผม
“อื้ม ...อย่า จั๊กจี้” ผมบอกพลางดันหน้าโปเต้ออก ก็เขาเอาจมูกมาคลอเคลียที่หูผมอยู่นั่นน่ะ แถมมือนี่จะเร็วไปไหน กอดเอวผมซะแน่นเลย
“วันนี้ข้าวเย็นติณณ์จะทำอะไร”
“ก็...ยังไม่รู้ ต้องไปซื้อของก่อนกลับใช่มั้ย ไว้เดี๋ยวค่อยไปคิดเอาตอนนั้นแล้วกัน”
“อยากกินเทมปุระ” โปเต้เสนอ
เทมปุระเหรอ ...ก็ไม่ได้ยาก
“อืม...ได้”
“หมูมะนาว”
“ได้”
“ไก่ไม่มีกระดูกชุบแป้งทอด”
“ได้”
“คะน้าหมูกรอบ”
“...ได้”
“ต้มยำกุ้ง”
“...น่าจะได้”
“เหล้า”
“ไม่ได้!” ผมรีบตอบเสียงเข้มเมื่อได้ยินคำนี้ เพราะตั้งแต่งานวันเกิดจินจนถึงวันนี้ ผมห้ามไม่ให้โปเต้กินเหล้าโดยเด็ดขาด ก็ดูอย่างคราวก่อนสิ ยังดีที่ยังพอมีสติฟังผมอยู่บ้าง พอเหล้าเข้าปากแล้วกลายเป็นไอ้หื่นเฉยเลย แบบนี้ผมรับมือลำบากนะ บอกเลยว่ายังไม่พร้อม เหตุผลก็เพราะ...ผมยังไม่พร้อมไง
“...อีกล่ะ” โปเต้ว่าพลางทำปากยื่นนิดๆ ทำให้หน้าหวานๆของเขาดูแบ๊วขึ้นอีกสามสิบเปอร์เซ็นต์
“เป็นแอลกอฮอล์ลิซึ่มรึไง ไม่ได้ก็คือไม่ได้” ผมหันไปจ้องหน้าเขา ...ที่ห่างจากหน้าผมประมาณสองเซนต์ เอ่อ...ใกล้ไปมั้ย?
“ทำไมล่ะ”
...ยังจะมีหน้ามาถาม
“ก็ไม่ได้ไง”
“ตอบแบบนี้ทุกที”
“อื้อ!” ผมร้องอย่างตกใจ เมื่ออยู่ๆโปเต้ก็กัดจมูกผม แม้ว่ามันจะเบาๆก็เถอะ แต่คนมันตกใจนี่หว่า
“หน้าติณณ์ตลกว่ะ” โปเต้ยืดตัวขึ้นก่อนจะบอกผมอย่างขำๆ
“สนุกมากใช่มั้ย” ผมว่าพลางหงิกแก้มเขา กล้าดียังไงมาแกล้งผมเนี่ย
“เอ้อ..ติณณ์ ตกลงทริปที่จะไปวันจันทร์ที่จะถึงนี้ นายไปด้วยใช่มั้ย ไอภัทรมันยังไม่เห็นบอกอะไรพวกเราเลย” อยู่ๆเซย์ก็เอ่ยถามขึ้น
เอ่อ...ช่างเป็นคำถามที่แทงใจผมตอนนี้มากเลย ...ยิ่งๆแต่นอยด์ๆกับเรื่องนี้อยู่
“...ไปทำไม” ผมพูดเสียงเรียบ ใช่...ผมจะไปทำไม ก็ในเมื่อเจ้าตัวยังไม่ชวนผมเลย
“เอ้า...นี่ยัง...ไม่ได้คุยกันเหรอ” เซย์ถามพลางทำหน้าตาเหลอหลา
“.....”
“.....”
“ตกลงยังไงภัทร” จินหันมาถามโปเต้
“ก็...ยังไม่ได้ชวน” โปเต้ตอบราวกลับไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
มันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยนะ ถ้าเราไม่ได้อยู่ในสถานะที่เรียกว่าแฟน แค่ผมรู้จากปากคนนี้อื่นมันก็น่าน้อยใจพอดูแล้วนะ
“เอ้า...อะไร ยังไงว่ะ ไอ้ภัทร อธิบายดิ อีกสี่วันนะเว้ย” เซย์ถามอีกคน
“มันยังไม่ถึงวัน ก็เลยยังไม่ได้พูดเรื่องนี้ ก็เลยยังไม่ได้ชวน” โปเต้ตอบสองคนนั่น
“แล้วคิดจะชวนติณณ์เมื่อไหร่”
“...วันเสาร์มั้ง ...แต่ก็นะ...” โปเต้พูดก่อนจะเงียบไป แล้วหันกลับมามองหน้าผม ปากของเขายิ้มนิดๆ
“แค่อยากจะแกล้งคนปากแข็งเท่านั้นเอง” โปเต้ว่าอย่างยิ้มๆ แต่ไอ้ที่ว่าแกล้งนี่...ใคร ผมอย่างนั้นเหรอ
“ใครปากแข็ง” ผมถามเสียงเข้ม แม้จะรู้ในใจว่าเขาหมายถึงผมก็เถอะ แล้วผมไปปากแข็งใส่เขาตอนไหน
“ก็ใครล่ะ...ที่เกริ่นเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน อยากให้ผมชวนล่ะสิ อยากไปด้วยทำไมไม่บอกล่ะ”
“ใครอยากไปด้วย” ผมพูด...แต่ไม่เต็มเสียงนัก
“อ้าว นี่ไม่อยากไปด้วยเหรอ เสียใจจัง”
มีใครเคยบอกมั้ยว่าโปเต้เป็นผู้ชายที่พูดคำว่าเสียใจได้หน้าระรื่นเป็นที่สุด
“อย่ามากวนตีนน่า ปล่อยผมนะ” ผมว่าพลางแกะมือโปเต้ที่กอดผมอยู่ออก นี้มือคนหรือตีนตุ๊กแกว่ะ เหนียวจริง แกะไม่ออกเลย
“อย่าปากแข็งไปเลยน่า คุณก็น่าจะรู้ว่าผมยังไงผมก็ต้องชวนคุณอยู่” โปเต้ว่าหน้านิ่ง แต่สายตานี่...ไม่ใช่อ่ะ
“ใครจะรู้เล่า!”
“นี่...คุณก็รู้ว่าตัวผมติดคุณจะตาย ไปทริปตั้งหลายวัน ไม่เอาคุณไปด้วยก็เฉาตายพอดี”
“-/////-”
ไอ้หน้าหวานปากหวานนี่มันเป็นใคร ยังใช่ผู้ชายที่ชื่อนภัทรที่ได้ขึ้นชื่อว่าหน้านิ่งพูดน้อยโคตรหยิ่งคนนั้นอยู่รึเปล่า!?!
นี่เขาเริ่มพูดแบบนี้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครสั่งใครสอนเนี่ย
รู้บ้างมั้ยว่าหัวใจของผมมันจะเต้นเป็นจังหวะแทงโก้อยู่แล้ว
“ตกลงไปนะ”
“พึ่งจะมาชวน” ผมพูดเสียงเบา
“หึๆ ก็เพราะรู้ไง ว่ายังไงติณณ์ก็ไปด้วยอยู่แล้ว”
“ไปเอาความมั่นใจนั้นมาจากไหน” ผมถามกลับแทบจะทันที แม้ว่ามันจะเป็นจริงอย่างที่โปเต้ว่า แต่...จะให้ผมยอมรับเลยนี่มันก็...
“อยู่กับติณณ์ทุกวัน...ทำไมจะไม่รู้...”
“อย่ามั่นใจตัวเองไปหน่อยเลยน่า”
“ปากแข็งจังนะ”
“เออ ปากผมแข็ง ไม่ต้องมาจูบอีกนะ” ผมว่าเสียงเหวี่ยงหน่อยๆ
พรู๊ดดดดดดดดดดดดดด!!!
ยังไม่ทันที่โปเต้จะได้พูดอะไร ก็มีเสียงประหลาดๆดังขึ้นเสียงก่อน
ดังมาจากเซย์ครับ เมื่อกี้เขาพ่นน้ำที่พึ่งยกดื่มออกมาเป็นละอองเลยทีเดียว
เออ...ผมผิดเอง ลืมตัวทุกทีว่าไม่ได้อยู่ด้วยกันแค่สองคน
ตอนนี้พวกเราอยู่กันที่ซุปเปอร์ฯใกล้บ้านผมกันครับ มีผม ดอมินิก และอลัน ส่วนอีกสามคนที่เหลือก็กลับบ้านไปก่อนครับ ทั้งสามคนบอกว่าจะเคลียร์พื้นที่ให้ (จริงๆคือต่อให้มาก็ช่วยอะไรไม่ได้มากอยู่ดี พวกนั้นเลยเลือกที่จะไปรอที่บ้านมากกว่า) จริงๆโปเต้จะมากับผมด้วย แต่โดยเซย์กับจินลากกลับบ้านไปด้วย ผมเองก็ไม่ได้จะขาดใจกับแค่ไม่ได้มาซื้อของกับโปเต้ ไม่ต้องตัวติดกันบ้างก็ดี โปเต้จะได้ไม่กวนผมเวลาซื้อของ
“ติณณ์ กินเนื้อย่างกันเหอะ ...เนี่ย มีหมูสไลด์สำเร็จด้วย” อลันว่าพลางหยิบถุงหมูสไลด์สำเร็จรูปให้ผมดู
“.....” ผมพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะชูสามนิ้วให้อลัน บอกเป็นนัยๆว่า ให้หยิบมาสามถุง แล้วเดินต่อ
“ติณณ์ อยากกินยำทะเลด้วยอ่ะ” อลันเรียกบอกผม ก่อนจะชี้ไปยังกุ้งและปลาหมึก
ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็ตามใจเขา เพราะผมก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำอะไรกินดี และสุดท้ายก็กลายเป็นแบบนี้...
“ติณณ์ เนี่ย...ไก่ทอดน้ำปล ถ้าติณณ์ทำมันต้องอร่อยมากแน่ๆเลย”
“ติณณ์ กุ้งเผาก็น่าสนนะ เราไปเอากุ้งเพิ่มอีกดีกว่า”
“ติณณ์ @#$%^&**&^%$#@!”
และสุดท้าย ทุกเมนูก็กลายเป็นเมนูที่อลันเลือก โดยที่ผมกับดอมินิกได้แต่ยืนมองอย่างเงียบๆ และไม่สามารถแย้งอะไรได้ =_=
จะว่าไป อลันนี่ก็พูดเก่งจริงๆนะ