( ต่อ )
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกแปลกใหม่อย่างบอกไม่ถูก แค่ขยับตัวนิดเดียวก็เจ็บระบมจนถึงทรวง เมื่อคืนเป็นคืนที่หนักหนาและยาวนานมากจริงๆ ถ้าคนที่นอนกอดผมอยู่ไม่ใช่เขาคนนี้ละก็ ผมไม่มีวันยอมให้เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเด็ดขาด
ผมเผลอยิ้มยามจ้องใบหน้าหล่อเหลาขาวเนียนของอีกฝ่ายอย่างพิจารณา ดวงตาคมปิดสนิทเห็นเพียงขนตาหนาเป็นแพที่ยาวออกมา จมูกโด่งรั้นที่กดฝังผิวกายพร้อมเรียวปากอวบอิ่มที่สร้างรอยแดงไว้ทั่วตัว คิ้วดกดำได้รูปเริ่มขมวดเข้าหากัน ผมเลยใช้นิ้วชี้จิ้มไปตรงกลางหวังว่าจะช่วยคลายปม
“ บอส ”
เสียงเบาผะแผ่วคล้ายจะกระซิบของคนตัวใหญ่ ทำเอาผมสะดุ้งแกล้งหลับแทบไม่ทัน แต่พอทุกอย่างสงบนิ่ง ผมจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เห็นคนตรงหน้ายังคงหลับตาพริ้ม เสียงลมหายใจสม่ำเสมอเลยรู้ว่ามันแค่ละเมอ ผมเลยค่อยๆ ขยับตัวออกจากอ้อมกอดนั้น โชคดีที่ไอ้หน้าหล่อใช้แรงไปจนหมดเลยนอนนิ่งไม่ไหวติง ทำให้ผมลุกออกมายืนแต่งตัวข้างเตียงได้อย่างสบาย จริงๆ ผมก็อยากจะนอนกับมันต่อแหละ เพราะตัวเองก็โดนจัดหนักไปไม่น้อย แต่ความสับสนในใจมันมีมากเกินกว่าจะอยู่ด้วยได้ ถ้าถามความรู้สึกตอนนี้ขอบอกเลยว่ายังคงสับสน
ทุกครั้งที่ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองจะรักมัน ผมจะก้าวถอยหลังมาหนึ่งก้าวด้วยความกลัว ผมไม่สามารถเชื่อใจใครได้อีก ผมมันขี้ขลาด กลัวตัวเองจะก้าวพลาดแล้วต้องเจ็บตัวอีกครั้ง
ผมลากสังขาลตัวเองกลับมาที่ห้องกะว่าจะอาบน้ำล้างตัวให้สมองปลอดโปร่งแล้วค่อยคิดว่าจะเอายังไงต่อ จะอยู่หรือจะไป ในเมื่อผมมีอิสระเต็มที่ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวขาเข้าห้องน้ำ สมาร์ทโฟนสีดำก็ส่งเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้า ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าใครกันที่ส่งมาแต่เช้า ถ้าเป็นพวกที่ว่า ‘ด่วนคลิปหลุดดาราสาว จ.น.’ จะโทรกลับไปด่าให้ ว่าให้ส่งคลิปดาราหนุ่ม จ.จ. มาแทนได้มั้ย
คลิก (เสียงซาวน์ตอนสไลด์อ่านข้อความ)
เบอร์ที่ใช้ส่งมาเป็นเบอร์ที่ผมไม่คุ้นเอาเสียเลย แต่ก็ไม่แปลกหรอกในเมื่อทั้งเครื่องผมมีเบอร์ที่เมมอยู่แค่ 5 เบอร์ หนึ่งในนั้นก็คือสามีป้ายแดงที่นอนอยู่ห้องถัดไปยังไงล่ะ
กลับเข้ามาเรื่องของข้อความมันไม่มีตัวอักษรแม้แต่ตัวเดียว มีเพียงรูปภาพๆ หนึ่งที่ทำให้ผมเกือบทำโทรศัพท์หลุดมือ
“ ป..ป๊า ”
ผมอุทานแผ่วเบา พลางจ้องมองภาพในมืออีกครั้ง ผู้ชายชุดดำหันข้างในรูปคือป๊าไม่ผิดแน่ ถึงผมเผ้าและหนวดจะยาวรุงรังจนปิดไฝเม็ดเล็กที่ใต้คาง แต่ดวงตารีเล็กคู่นั้นผมจำได้ไม่มีวันลืม
ว่าแต่ทำไมรูปป๊าถึงถูกส่งมา คนที่ส่งต้องการอะไรกันแน่ ??
ถึงอยากมองโลกในแง่ดีว่าป๊าอาจจะนึกสนุกถ่ายเซลล์ฟี่ภาพตัวเองแล้วส่งมาให้ดูต่างหน้าว่าสบายดี แต่สมองก็ไม่อาจทำตามได้ ในเมื่อเบอร์เก่าผมย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยไปพร้อมกับเครื่องเก่าตั้งแต่จะถูกแท็กซี่ข่มขืนครานั้น เหตุการณ์ร้ายๆ ในละครเข้ามาในหัวไม่มีหยุด ส่งผลให้มือที่ถือโทรศัพท์เริ่มสั่นจนต้องยกมืออีกครั้งช่วยประคองไม่ให้ทำมันตก ไม่งั้นมีหวังจะได้เปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่เป็นเครื่องที่ 4 แหง
ติ้ง
ติ้ง
เสียงข้อความเข้าดังขึ้นสองครั้งติด ผมสูดลมหายใจเต็มปอดก่อนจะก้มหน้าลงดู
‘ ถ้าอยากเจอคนในรูปให้มาที่ xxx ตามแผนที่ภายในครึ่งชั่วโมง ห้ามบอกใครเด็ดขาดไม่อย่างนั้น... ’
ผมอ่านข้อความถึงแค่นี้ก็วิ่งออกจากห้องไปพร้อมกับโทรศัพท์ในมือ ไม่มีเวลาให้คิดอะไรอีกแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผมต้องไปช่วยป๊า ถ้าผมไปช้าเพียงเสี้ยววิก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ไม่รู้ว่าตัวเองไปเอาทักษะโจรย่องเบามาจากไหน ผมใช้วิชามารหลบหลีกกล้องวงจรปิดและเหล่ายักษ์ในชุดสูทจนพ้นเขตรั้วของคฤหาสน์อภิมหาธนวัชร แล้วรีบเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งตามแผนที่ เวลาผ่านไปไม่ถึง 20 นาทีผมก็มาถึงสถานที่ตามจุดนัดหมาย ไม่อยากจะคิดว่าถ้ามาตอนกลางคืนจะเป็นยังไง ที่นี่ทั้งเปลี่ยวทั้งเป็นป่า บ้านเรือนก็ไม่มีซักหลัง เหมาะแก่การเกิดคดีฆ่าข่มขืนอย่างที่สุด เพราะว่าออกจากบ้านด้วยความรีบร้อนผมเลยไม่ได้หยิบกระเป๋าสตางค์ติดมา โชคดีที่ในกระเป๋ากางเกงมีตังค์อยู่พอจ่ายค่ารถ ไม่งั้นผมอาจจะโดนแท็กซี่ค่าหมกป่าก็เป็นได้
พอลงจากรถได้ผมก็ตะโกนหาป๊าไปทั่วบริเวณแต่ก็ไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิต ตาขวาเริ่มกระตุกชักสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง ไม่นานนัก ผมก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังใกล้เข้ามา หัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้วเริ่มทำงานหนักขึ้นไปอีก เมื่อเห็นจากัวร์สีบรอนมาจอดห่างจากผมไม่ถึงครึ่งเมตร
เจ้าของใบหน้าขี้เล่นลงจากรถทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ดับเครื่อง พลางส่งยิ้มสดใสมาให้เหมือนทุกครั้งที่เจอหน้า
“ พ..พี่อิฐ ”
ผมอุทานเรียกคนมาใหม่ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่ มันเกิดอะไรขึ้น ผมงงไปหมดแล้ว ใครก็ได้อธิบายให้ผมฟังทีว่าทั้งหมดนี่มันคืออะไร
“ พี่มาที่นี่ได้ไง ”
คนถูกถามหัวเราะอย่างชอบใจก่อนจะตอบผมด้วยการถามกลับ
“ พี่ว่าเราไปคุยกันต่อในรถมั้ย เรื่องนี้เราอาจจะได้คุยกัน..ทั้งคืน ”
ท้ายประโยคเหมือนแฝงความนัยน์อะไรบางอย่าง กลิ่นไม่ดีเริ่มโชยเข้าจมูก
ผมว่าผมคง...พลาดแล้ว
“ ผมไม่รบกวนเวลาพี่อิฐดีกว่าครับ ผมจะกลับแล้ว ”
“ งั้นก็ขึ้นรถมาสิ เดี๋ยวพี่ไปส่ง ”
“ ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ อีกอย่างผมมาเองได้ก็กลับเองได้เหมือนกัน ”
“ อย่าดื้อซิ! ”
สีหน้าหน้าหงุดหงิดบอกอารมณ์คนพูด ก่อนที่พี่อิฐจะทำท่าเดินเข้ามาหา ผมเลยก้าวเท้าถอยหนีไปด้านหลัง
“ ถ้าไม่ยอมขึ้นรถดีๆ ก็คงต้องใช้กำลัง ”
วิ่งสิครับรออะไร ในเมื่อไอ้คนตัวใหญ่มันไล่ล่าผมมาแล้ว ผมวิ่งเข้าไปในป่าที่สูงท่วมหัวอย่างไม่คิดชีวิต ทั้งที่เป็นเวลาปกติคงไม่คิดจะเข้าไปแน่หญ้ารกขนาดนี้ จะเป็นรังอนาคอนด้ารึเปล่าก็ไม่รู้
“ โอ้ย ” ผมเปล่าสะดุดก้อนขี้มดล้มเหมือนนางเอกในละครนะอย่าเข้าใจผิด แต่มันร้ายแรงกว่านั้น เพราะผมดันทำโทรศัพท์ตกแล้วในจังหวะที่ก้มเก็บ ผมก็ถูกคนตัวใหญ่จับได้แล้ว
“ จะหนีไปไหน หื้ม ไม่อยากเจอพี่ไม่ว่า แต่ไม่อยากเจอพ่อรึไง เด็กน้อย ”
อึก จุกเลย ผมเกือบลืมไปแล้วว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเองมาอยู่ที่นี่ ถ้าไม่ใช่เพราะความที่อยากจะเจอป๊า ผมคงไม่อยู่ในสภาพนี้หรอก
“ ปล่อยผม ผมไม่เชื่ออะไรอีกแล้ว ”
“ ไม่เชื่อแม้กระทั่งเจ้าหนี้คนใหม่หรอ ”
ผมหยุดดิ้นแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนที่กอดตัวผมจากด้านหลัง เมื่อกี้เขาว่าอะไรนะ เจ้าหนี้คนใหม่งั้นหรอ? หมายความว่ายังไง ในเมื่อสัญญาฉบับที่ผมไปเจอเมื่อวานมันเขียนว่าคนที่นำเงินมาใช้คือป๊า แถมมีลายเซ็นด้วยผมจำได้!
“ ฟังไม่ผิดหรอก พี่เป็นเจ้าหนี้คนใหม่ของบอส พ่อของเราน่ะมายืมเงินพี่ไปใช้หนี้ไอ้ปูนตั้งแต่อาทิตย์ก่อน แล้วตอนนี้ก็บินไปตั้งตัวที่ต่างประเทศ ”
“ นับจากวันนี้ไป น้องบอสต้องเป็นของพี่ ของพี่คนเดียว! ”
Tony’s Talk ทันทีที่ลูกน้องของผมสืบรู้ว่าบอสอยู่ที่ไหน ผมก็ไม่รอช้าตรงไปยังสถานที่นั้นทันที แต่ก่อนจะได้ขึ้นรถ เสียงเล็กๆ ของผู้มาอาศัยใหม่ก็ดังขึ้นรั้งขาผมไว้ซะก่อน
“ เจอพี่บอสแล้วหรอ ”
“ อื้ม ”
“ ฉันไปด้วย ”
“ ไม่ เธออยู่บ้าน ไปก็มีแต่เป็นภาระเปล่าๆ ”
“ แต่ว่าฉัน.. ”
ผมไม่สนสายตาวิงวอนที่ส่งมาให้แม้แต่น้อย ในเมื่อหัวสมองผมคิดถึงได้แค่คนเดียว และคนๆ นั้นคือพี่ชายของเด็กผู้หญิงที่กำลังร้องไห้อยู่ตอนนี้
ใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะเดินทางมาถึงบ้านหลังใหญ่แทบชานเมือง แหล่งกลบดานของไอ้สารเลวที่ลักพาตัวบอสไปเป็นอาทิตย์ กว่าลูกน้องผมจะสืบได้ว่าบอสอยู่ไหนผมเกือบจะเป็นบ้า ที่ช้าเพราะแหล่งข้อมูลของบอสมีเพียงแหล่งเดียวก็ดันถูกพบที่ป่าร้าง แล้วกว่าจะตามดูกล้องวงจรปิดหาเส้นทางของรถที่หน้าสงสัยเจอเลยใช้เวลานานอย่างที่เห็น ไว้ผมเจอหน้าไอ้เหี้ยนั่นเมื่อไหร่ มันได้ตายคาตีนผมแน่ คอยดู!! ส่วนอีกคนไว้ผมจะชำระแค้นให้สาสมทีหลัง คนทั้งคนยังทำหายแล้วมาหาว่าผมขโมยไปอีก แม่งบ้าชัดๆ
คนอย่างผมไม่เคยขโมยของๆ ใคร แต่ถ้าใครมาเอาของๆ ผมไป รับรองมันไม่ตายดี!
ทันทีที่เฟอรารี่คู่ทุกข์คู่ยากจอดเทียบประตูบ้าน ผมก็วิ่งเข้าบ้านนั้นไปพร้อมกับลูกน้องคนสนิท น่าแปลกที่บ้านหลังนั้นไม่มีบอดี้การ์ดหรือคนใช้ยั๊วเยี๊ยะแบบที่ผมคิด แต่ก็ดีแล้วแหละลูกน้อง 5 คันรถของผมจะได้ทำงานสบายๆ
“ แยกย้ายกันหาให้ทั่ว ”
“ ครับ ”
ผมตะโกนสั่งเสร็จก็วิ่งขึ้นบันไดไปหาที่ชั้นสอง บรรยากาศโดยรอบสงบเหมือนบ้านผีสิงที่ไม่มีคนอยู่ แต่จากข้อมูลที่ได้มา บอสต้องอยู่ที่นี่ไม่ผิดแน่
ประตูทุกบานที่ถูกเปิดออกมีเพียงความว่างเปล่าอยู่ภายใน บางห้องเต็มไปด้วยฝุ่นเหมือนไม่เคยมีใครเข้าไปเหยียบ หัวใจผมสั่นระรัวกลัวว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับคนที่ผมกำลังตามหา แต่ไม่ว่ายังไงวันนี้ผมต้องหาบอสให้พบและนำตัวกลับไปให้ได้ ต่อให้บ้านหลังนี้มันจะมีกี่ร้อยกี่พันห้องผมก็ไม่สน
“ โอ้ย ยย ย ”
ผมได้ยินเสียงคนร้องด้วยความเจ็บปวดแว่วมาไกลๆ จากห้องสุดท้ายสุดทางเดิน ไม่รอช้าผมรีบวิ่งไปที่ห้องนั้นก่อนจะพังประตูเข้าไปแบบไม่เสียเวลาเปิด
ภาพที่เห็นผมไม่อยากจะคิดว่าถ้าผมมาช้ากว่านี้แค่ก้าวเดียวคนตัวเล็กที่นอนเปลือยอยู่บนเตียงจะเป็นยังไงบ้าง
“ พวกมึง.. ”
ผมยกหมัดซัดเข้าใส่ไอ้คนที่เตรียมเอาอวัยวะเหี้ยๆ ของมันสอดเข้าทางประตูหลังของบอส ก่อนจะหันไปสั่งให้ลูกน้องจัดการต่อ ส่วนตัวเองก็รีบเข้าไปแก้มัดให้คนตัวเล็กทันที
“ บอส ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่นี่ ทุกอย่างโอเค ปลอดภัยแล้วนะ ชู่ว ”
ผู้ชายหน้าหวานตัวสั่นเหมือนลูกนกโผเข้ากอดผมแล้วร้องไห้ไม่หยุด ผมเลยกอดมันไว้แน่นพลางหันไปส่งสัญญาณให้ลูกน้องลากไอ้เหี้ยนั่นออกไปกระทืบต่อด้านนอก
“ ใส่เสื้อผ้าก่อนนะ แล้วเรากลับบ้านกัน ”
บอสพยักหน้าหงึกๆ ในอ้อมอกก่อนจะถูหน้าไปมาที่เสื้อผมเพื่อเช็ดน้ำตา ผมเลยใช้สองแขนดันหัวไหล่มนออกมาเพื่อให้สายตาเราประสานกัน ก่อนจะยกมือขึ้นช่วยปาดน้ำตาที่แก้มใสเบาๆ เพราะกลัวจะไปทำให้คนตัวเล็กเจ็บ
ไอ้สัดนั่นมันกล้ามากนะที่ทำร้ายคนไม่มีทางสู้ขนาดนี้ ผมไล่มองดูบาดแผลตามตัวของอีกฝ่าย เห็นรอยแดงทั้งจากการโดนทำร้ายและการขืนใจ ทั้งที่แก้ม มุมปาก ซอกคอ หน้าท้อง ข้อมือ ไหนจะรอยเล็บที่ฝ่ามือซึ่งผมเดาว่าคงเป็นฝีมือบอสเองที่ต้องระบายความเจ็บปวดด้วยวิธีนี้ ไม่อยากจะคิดว่าบอสเจ็บปวดขนาดไหนที่ต้องเจอเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ถึงสองครั้งสองคราในเวลาไม่ถึงสองเดือน แค่นี้ก็เป็นเหตุผลเพียงพอที่ไอ้เหี้ยนั่นไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่ต่อ การเจอมันที่หน้าบ้านปันครั้งนั้นครั้งเดียวคงเกินพอ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตมัน!
หลังจากช่วยบอสใส่เสื้อผ้าเสร็จผมก็อุ้มบอสในท่าเจ้าสาวลงมาด้านล่าง ถึงตอนแรกเจ้าตัวจะดื้อไม่อยากให้ทำเพราะอวดเก่งบอกว่าเดินเองได้ แต่พอให้ลองเดินเองจริงๆ ก็ก้าวขาได้ 2 ก้าวแล้วล้มเหมือนเด็กเพิ่งหัดตั้งไข่ สุดท้ายเลยหมดทางเลือกยอมให้ผมอุ้มมาถึงที่รถ
“ บอส ”
คนตัวเล็กมองเลยไหล่ผมไปด้านหลังก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร นอกจาก ผู้ชายอีกคนที่ผมต้องคิดบัญชี !
“ คุณยังมีหน้ามาอีกหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะญาติซั่วๆ ของคุณ บอสคงไม่ต้องมีสภาพแบบที่เห็น! ”
“ ผมขอคุยกับบอสได้มั้ย แค่ 5 นาทีก็ยังดี ”
ถึงผมจะอายุห่างกับมันเป็นรอบ แต่เรื่องรูปร่างผมก็ไม่เป็นรองมันหรอกนะ ต้องขอบคุณพ่อไม่งั้นผมคงไม่ได้มายืนจ้องหน้ามันแบบนี้แน่ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะส่งสายตาวิงวอนระคนสำนึกผิดมาแค่ไหน แต่ผมไม่มีวันยกบอสให้มันดูแลหรอก ไม่มีทาง
“ ผมเคยบอกคุณแล้วใช่มั้ย ว่าถ้าผมหาบอสเจอ คุณอย่าหวังว่าจะได้บอสคืน! ”
“ แต่ผมมีเรื่องต้องคุยกับบอสตามลำพัง คนอื่นไม่เกี่ยว! ”
ผมเหลือบมองไปด้านหลังเห็นคนตัวเล็กนั่งก้มหน้าซุกลงกับหัวเข่า ร่างทั้งร่างสั่นเพราะกำลังร้องไห้
“ คุณต้องการอะไรจากบอสกันแน่ ตอนบอสอยู่กับคุณ คุณก็ไม่เคยทำดีกับเขาเลย แล้วตอนนี้คุณจะเอาอะไรกับเขาอีก ปล่อยบอสไปเถอะ อีกอย่างผมมั่นใจว่าตัวเองดูแลบอสได้ดีกว่าคุณ! ”
“ แต่ผมรักบอส ”
“ แล้วคุณคิดว่าผมไม่ได้รักบอสรึไง! ”
เมื่ออารมณ์เดือดถึงขีดสุด ผมก็ตรงเข้ากระชากคอเสื้อคนตรงหน้าโดยไม่สนใจเรื่องมารยาทหรือแม้กระทั่งสภาพซอมบี้ของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
“ พิสูจน์มั้ยละว่าคุณรักบอสจริง ”
“ จะเอาไงก็ว่ามา ”
คุณปูนพูดพร้อมปัดมือผมออก แล้วเปลี่ยนมาจ้องหน้าผมเขม็ง สายตาคมเอาเรื่องแต่แฝงไว้ด้วยความเอาจริง แต่แค่นั้นน่ะ มันพิสูจน์อะไรไม่ได้หรอก
" คุณไม่ต้องทำอะไรเลย แค่อยู่นิ่งๆ ที่เหลือคนของผมจะจัดการเอง ชเวยองโด "
" ครับ คุณชาย "
ลูกน้องคนสนิทรับคำสั่งก่อนจะตรงไปซัดมัดหนักๆ เข้าที่ใบหน้าหล่อเหลาที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ คนถูกต่อยเซไปเล็กน้อยก่อนจะกลับมาตั้งหลักอีกครั้ง สายตาอาฆาตมองผมอย่างเอาเรื่องแต่ไม่มีทีท่าจะเอาคืน มันเพียงแค่ยกมือขึ้นปาดเลือดที่มุมปากของตัวเอง
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าพ่อเงินกู้ที่ฆ่าได้หยามไม่ได้ บัดนี้กำลังยอมทำตามคำสั่งของเด็กอายุ 14 เพียงเพราะคำว่ารัก ผมไม่ใช่พวกชอบใช้กำลังหรือใช้อำนาจที่มีเพื่อทำร้ายคนอื่นส่งเดช แต่เพียงแค่อยากจะรู้ว่าคนตรงหน้าจะปากดีอย่างที่พูดไว้รึเปล่า ถึงมันจะอายุมากกว่าและมีอำนาจเหนือกว่าผมก็ไม่กลัว
" ยอมแพ้ตอนนี้ยังทันนะคุณปูน เดี๋ยวจะหาว่าผมรังแกคนแก่ "
หลังจากที่ผมได้พูดประโยคนั้นออกไป ราวกับสิ่งรอบข้างจะหยุดการเคลื่อนไหว เราจ้องตากันอย่างที่ไม่มีใครคิดจะหลบก่อน แต่สิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจของดวงตาที่แข็งกร้าวคู่นั้น คือผู้ชายตัวเล็กๆ ที่เดินมายืนข้างผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมไม่เห็นแม้กระทั่งดวงตาวูบไหวอย่างคนขี้กลัว ผมเห็นเพียงแต่แววตาที่มั่นคง เข้มแข็งและเต็มไปด้วยความอ่อนโยนยามมองตรงไปที่บอส ก่อนคุกเข่าลงเป็นสัญญาณว่าเขาได้ทิ้งทุกอย่างแล้วเพื่อคนๆ นี้
" พี่รักบอสนะ หลับตาซะ "
ตุบตับ
พลั๊ว
ยองโดทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง สภาพคุณปูนผู้เย่อหยิ่งเลยกลายเป็นเศษซากฟอสซิวในพริบตา
" พ..พอ บอกให้พอ! "
ผู้ชายหน้าหวานที่เคยยืนหลับตาข้างผม บัดนี้กลับวิ่งไปแล้วทิ้งตัวลงกอดคุณปูนไว้แนบอกพลางร้องไห้ ผมเลยหันไปสั่งให้ยองโดถอยออกมา ก่อนจะเดินตรงไปหาคนทั้งคู่
" บอส ออกมาก่อน "
" ไม่! ถ้าผมออกไปโทนี่จะได้กระทืบคุณปูนต่อใช่มั้ย "
จึก
โคตรจะเจ็บ
แค่เห็นอาการเป็นห่วงเป็นใยของคนตัวเล็กผมก็เจ็บมากพอแล้ว ยิ่งโดนตัวเล็กเข้าใจผิดยิ่งเจ็บเข้าใหญ่ ผมดูเป็นคนโหดเหี้ยมขนาดนั้นเลยรึไง ทั้งๆ ที่ตลอดเวลาที่เรารู้จักกัน ผมไม่เคยทำให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจ มีเพียงครั้งนี้เท่านั้นที่ทำให้มันเสียน้ำตา แล้วสายตาคู่นั้นที่กำลังมองผมคืออะไร
" ถ้าบอสไม่ถอยออกมา แล้วผมจะพาคุณปูนไปโรงพยาบาลได้ยังไง "
บอสเงยหน้ามองผมอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นเองโดยไม่สนใจในความหวังดีผ่านฝ่ามือที่หยิบยื่นไปให้ ผมถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะก้มลงไปหิ้วปีกคนที่นอนสลบอยู่บนพื้นไปใส่รถและตรงไปส่งที่โรงพยาบาล
ผมเลือกใช้รถเก๋งสีดำของลูกน้องในการขนย้ายขนป่วย ตลอดทางจากที่เกิดเหตุไปถึงโรงพยาบาล บอสจับมือคุณปูนไว้ไม่ห่าง สายตาคู่นั้นที่ก้มมองคนหมดสติที่หนุนตัก ชั่งอ่อนโยนและเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย ถึงจะรู้จักกับบอสมานาน ถึงมันจะยิ้มให้นับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมจะได้รับสายตาแบบนั้นจากมันเลย
ไม่มีเลย
" คุณปูนถึงมือหมอแล้ว บอสไม่ต้องห่วงขนาดนั้นก็ได้ มันไม่ตายหรอก "
ผมเรียกคนที่เดินวนไปวนมาเป็นหนูปั่นจักรให้กลับมานั่งที่ หลังจากที่บุรุษพยาบาลนำร่างควายไร้สติลงจากรถแล้วเข็นเข้าห้องฉุกเฉินไป ถึงยองโดมันจะตัวใหญ่และหน้าตาเหมือนฆาตกรร้อยศพ แต่เมื่อกี้ที่ทำยังไม่ได้เสี้ยวกับไอ้อิฐเลยนะ ถึงเนื้อตัวคุณปูนจะเต็มไปด้วยรอยช้ำรอยถลอก แต่เลือดแทบไม่ไหลเลยด้วยซ้ำ
" เมื่อกี้คนของโทนี่ได้กระทืบตรงท้องคุณปูนหรือเปล่า คุณปูนเพิ่งผ่าตัดไส้ติ่งไป ถ้าแผลเกิดปริขึ้นมาหรือว่าเลือดตกในต้องผ่าตัดใหม่ หรือว่า.. "
" บอสสสส ส "
คนถูกเรียกชื่อสะดุ้งเหมือนเพิ่งได้สติ ผมจึงเดินเข้าไปโอบไหล่มันให้หยุดฟุ้งซ่านแล้วพามานั่งที่เก้าอี้ให้สงบสติอารมณ์
" ผมรักบอสนะ ถึงบอสจะรักคนอื่นก็เถอะ "
" ผมไม่ได้.. "
" บอสจะพูดยังไงก็ช่าง แต่การกระทำของบอสวันนี้มันฟ้องทุกอย่าง "
คนตัวเล็กนิ่งไปไม่พูดอะไร เอาแต่ก้มหน้าก้มตาจจนคางชิดอก ผมเลยถือโอกาสจับมืออีกฝ่ายไว้แน่นก่อนจะพูดต่อ
" ระหว่างผมกับคุณปูนพวกเราต่างก็รักบอสเหมือนกัน ผมคงไม่สามารถบอกได้ว่าใครรักบอสมากกว่า "
"แต่ในเมื่อคนที่บอสเลือกไม่ใช่ผม ผมก็พร้อมที่จะถอย "
คนตัวเล็กเงยหน้ามามองผมด้วยดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตา
ไม่อยากจะยอมรับเลยจริงๆ ว่าผมแพ้ แถมแพ้ไอ้คนที่ไม่ไม่มีอะไรดีอย่างคุณปูนด้วย เจ้าอารมณ์ก็เป็นที่หนึ่ง หยาบคายก็ไม่รองใคร ขี้เก็กเย็นชาเห็นบอสเป็นที่ระบายอารมณ์ แถมชอบทำตัวเป็นเด็กอีก ถึงผมจะไม่อยากให้คนแบบนี้มาดูแลบอส แต่ในเมื่อบอสเลือกมันและมันเองก็พิสูจน์แล้วว่ายอมทิ้งศักดิ์ศรีทุกอย่างเพื่อบอสได้ ผมก็ต้องยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข
ในเมื่อ ผลตอบแทนของความดีมันไม่ใช่ความรัก...
End Talk---------------------------------------
TBC
อยากจะขอ..ขอโทษ
อยากใ้หหาย..หายโกรธ
ผิดไปแล้ว และฉันก็เสียใจ~~~~
เรามาแล้วนะ >< หลังจากที่หายไปแบบไม่มีคำแก้ตัวเช่นเคย
ตอนนี้เรื่องราวก็คลี่คลายไปบ้างแล้ว น้องบอสของเรามีคนไปช่วยทันเวลายังไม่เสียตัวให้ชายอื่นนะ ถึงคนไปช่วยจะไม่ใช่คุณปูนอย่างที่คิดกัน แต่คุณปูนของเราก็พิสูจน์แล้วว่านางรักบอสจริงๆ
มีคนเดาถูกด้วยนะเรื่องว่าบอสมาอยู่กับพี่อิฐ คนอ่านเรานี่เก่งจริงอะไรจริง สงสัยเราจะทิ้งปมไว้ง่ายไป
ไว้ตอนจบคงต้องหักมุมแบบให้พระเอกตายงี้ดีป่ะ คนอ่านจะได้คาดไม่ถึง
ปล ตอนแรกเราว่าจะแต่งตอนพิเศษเนื่องในวันวาเลนไทน์ แต่นี่ก็ล่วงเลยมาแล้ว งั้นไว้แต่งตอนนิยายจบทีเดียวเลย
ปล2 ไปนอนละนะทุกคน ฝันดีค่ะ ยกโทษให้เราด้วยนะที่ทำให้ค้างนาน ซอรี่จริงๆ