# อย่าบอกใคร...ว่า...ฉันรักเธอ?#
ตอนที่ 10
เมื่อเขาโทรมา...
เช้าวันจันทร์มาถึงแล้ว เป็นเช้าที่ใครๆก็ไม่อยากให้มาเยือนเสียเท่าไหร่ การทำงานเริ่มขึ้น แข่งขันกับเวลาที่ผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็วเช่นนี้ วันนี้เอยรู้สึกว่าฝนจะตกในอีกไม่ช้า ลมเริ่มพัดแรงขึ้น ท้องฟ้ามืดครึ้มชวนง่วงนอน หน้าฝนก็เป็นแบบนี้ตลอดในความรู้สึกของเอย
มาถึงที่ทำงานก็ทำกิจวัตรเดิมๆ ตอกบัตร กดลิฟต์ขึ้นไปยังแผนกของตนเอง การมาเช้ากว่าใครบางครั้งก็มีข้อเสียเหมือนกัน คือการไม่มีเพื่อนร่วมงานให้คุยด้วยเลย
เอยเก็บสัมภาระที่โต๊ะทำงาน แล้วเดินไปชงกาแฟให้ตัวเอง หมู่นี่รู้สึกติดกาแฟมากเกินไป คงต้องลดของพวกนี้ลง ไม่เช่นนั้นร่างกายจะพาลลำบาก
จิบไปอ่านหนังสือพิมพ์ไป ทั้งข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวบันเทิง อ่านฆ่าเวลารอพี่แปงและพี่ขาวมา เอยรู้สึกได้ว่าตนเองสนิทกับพี่ขาวมากกว่าแต่ก่อน ตอนนี้ไปทานข้าว พูดคุยกันเยอะขึ้น จะว่าไปแล้วจะอย่างไรก็มองไม่ออกจริงๆว่าพี่ขาวเป็นประเภทไม้ป่าเดียวกัน กิจวัตรและการใช้ชีวิตของพี่ขาวก็เหมือนผู้ชายปกติทั่วไป ไม่ได้ออกสาวตุ้งติ้ง แต่งหน้า กรีดกรายอย่างที่เอยคิดภาพเอาไว้
“มาเช้าอีกแล้วนะคะคุณเอย” แม่บ้านคนเดิมเดินเข้ามายังห้องกาแฟทักทายด้วยประโยคเดิมๆ เอยเองก็ได้แต่ยิ้มอย่างเดิมๆเหมือนกัน
“ไม่หรอกครับป้า” เอยบอกเช่นนั้นก่อนจะพบว่ากาแฟที่จิบไปนั้นเหลือก้นแก้วแล้ว
“งั้นป้าไม่กวนแล้วนะคะ” แม่บ้านเดินออกไปแล้ว เอยจึงจัดการล้างแก้วกาแฟตนเอง บิดขี้เกียจสักทีสองที ก่อนจะเดินกลับไปยังแผนกของตัวเอง ที่ตอนนี้น่าจะมีใครมากันแล้วบ้าง
เปิดประตูออกไปก็อดตกใจไม่ได้ คนที่เจอกลับเป็นคนเมื่อวาน คนที่ดาวฝากฝังว่าให้ช่วยดูแล คนที่เป็นถึงท่านประธานบริหาร กวิน...คือคนที่เอยดันเจอหน้าเสียอย่างนั้น
“กะ..ท่านประธาน!”
“มาดื่มกาแฟหรอ?” กวินถาม น้ำเสียงสบายๆนั่นผิดกับสีหน้านิ่งขรึม
“ครับ” เอยพยักหน้ารับ
“พัทยาสนุกมั้ย?” พูดถึงเรื่องเมื่อวานขึ้นมาด้วยหน้าตาที่นิ่งเฉยเช่นนั้น ทำเอยไปไม่ถูกจริงๆ
“สนุกครับ” เอยตอบไม่เกินคำสองคำ กวินเดินเข้ามาใกล้ๆ ใกล้มากขึ้นก่อนที่จะตบไหล่เอยเบาๆ
“ชั้นไม่ลืมคำฝากฝังของดาวหรอก จะดูแลเธอให้เป็นอย่างดีเลยพีระนัม อ้อ ไม่สิ เอย..” เรียกชื่อเล่นออกมาพร้อมรอยยิ้มมุมปาก รอยยิ้มที่บ่งบอกว่าตัวเองเป็นต่อ เอยได้แต่ก้มหน้าอยู่อย่างนั้น ก่อนที่กวินจะเดินจากไป ทิ้งเอยที่กำลังตีรวนในท้อง วูบโหวงเหวงเพียงเพราะกวินเรียกชื่อเล่นเท่านั้น
“ไม่น่าเลยดาว”
จะโมโหดาวหรือคิดอะไรไปก็เท่านั้น ไม่ได้ช่วยแก้ไขอะไรได้ เอยจึงลากขากเท้าเดินกลับแผนกตัวเอง นั่งจับเจ่าด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ จนกระทั่งพี่แปงและพี่ขาวมา พูดคุยเรื่อยเปื่อยก่อนจะเริ่มทำงานของวันนี้ต่อไป
...
..
.
เย็นวันนี้เอยมีนัดกับพี่แปงและพี่ขาว ได้ข่าวว่าเมื่อวานตลาดหุ้นทำพี่ขาวได้กำไรในการเทขายหุ้นไม่ใช่น้อยๆ วันนี้เลยพาเอยกับพี่แปงมาเลี้ยงข้าวที่ร้านอาหารเกาหลีชื่อดังย่านสุขุมวิท เอยนั่งรถของพี่ขาวมา ส่วนพี่แปงขับรถยนต์ส่วนตัวมาเอง
“นี่ครั้งแรกเลยนะที่มาร้านนี้ได้ข่าวว่าอร่อยมาก” พี่แปงนั่งลงอย่างตื่นเต้น เอยเองก็เช่นกัน เพราะนี่ครั้งแรกที่มาทานอาหารเกาหลี
“เอย สั่งเลยเต็มที่” พี่ขาวหันมายิ้มให้
พี่ขาวเป็นผู้ชายรูปร่างสูงแต่ไม่เท่ากวิน จัดว่าผอมแต่มีเนื้อหนังมากกว่าเอยเยอะ ตาชั้นเดียว ผิวขาวจัดสมชื่อ โดยรวมพี่ขาวถือว่าหน้าตาดีในระดับหนึ่ง ด้านพี่แปงยิ้มให้เอย ก่อนจะสั่งอาหารก่อนใครเพื่อน เอยได้แต่มองเมนูชื่อแปลกๆ หน้าตาน่าทานแต่ไม่รู้จักสักรายการ เลยจิ้มชี้ไปหนึ่งเมนูที่มีไก่ตัวเล็กต้มเหมือนซุปชื่อแปลกอ่านยากเอยเลยได้แต่อ่านมันในใจ กลัวอ่านผิดแล้วขายหน้าต่อหน้าพนักงาน
อาหารเต็มโต๊ะ ส่วนมากแล้วพี่แปงจะเป็นคนสั่ง พี่ขาวเองสั่งไม่กี่อย่าง เอยลองกินจานที่พี่แปงสั่งมา รสชาติก็อร่อยดีหรือเพราะยังไม่เคยทานเลยเปรียบเทียบไม่ถูก
“อร่อยมั้ยเอย?” พี่ขาวถาม
“ครับ อร่อยดี แต่ผมไม่เคยกิน” เอยตอบพร้อมหัวเราะตบท้าย
“ถามชั้นบ้างสิยะขาว นี่ตั้งแต่มาถามแต่เอยคนเดียว” พี่แปงแหวขึ้นพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์จนเอยต้องหัวเราะออกมา
“ถามแกทำไม แกก็สั่งเองได้นี่หว่า” พี่ขาวว่า
“ไอ้ขาว ชั้นรู้นะแกคิดอะไรอยู่” พี่แปงชี้หน้าพี่ขาวด้วยตะเกียบ
“กินๆไปเลยไอ้แปง” พี่ขาวดันจานอาหารไปทางพี่แปง เชิงให้หยุดพูด พี่แปงหัวเราะสะใจก่อนจะกินต่ออย่างอารมณ์ดี
“แล้วนี่จะไปต่อไหนกันมั้ย?” พี่ขาวถามขึ้น ในขณะที่เริ่มอิ่มๆกันแล้ว
“วันนี้วันจันทร์นะขาว จะไปต่อไหนได้พรุ่งนี้ต้องทำงานอีก” พี่แปงว่า
“เสียดายจัง เอยอยากไปไหนต่อมั้ย?” พี่ขาวหันมาถามเอย
“ไม่ละครับ ไม่รู้จะไปที่ไหน” เอยตอบไปตามตรง เพราะส่วนตัวไม่ค่อยชอบเที่ยวเท่าไหร่ ถ้าไม่โดนไทป์กับดาวลากไป
“งั้นเดี๋ยวเอยไปเป็นเพื่อนพี่ซื้อของหน่อยสิ เดี๋ยวเสร็จพี่พาไปส่ง” พี่ขาวว่า
“ไม่ชวนชั้นหรอ?” พี่แปงถามขึ้น ยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ขึ้นมาเป็นรอบที่สองของอาหารมื้อนี้
“ไหนว่าจะรีบไปหาแฟน?” พี่ขาวพูด
“ต๊าย! จริงด้วย นี่ชั้นลืมเลย” พี่แปงกุลีกุจอ ลุกออกจากโต๊ะ
“เอย พี่กลับก่อนนะ นัดแฟนพี่ไว้ ไปช้าเดี๋ยวมันงอนอีก ไปนะไอ้ขาว” พี่แปงออกจากร้านในขณะที่พี่ขาวเองก็กำลังเช็คบิลจ่ายค่าอาหาร
พี่ขาวพาเอยขับรถมาห้างพารากอน เพราะมีของที่ต้องซื้อที่นี่ เอยก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่โทรไปบอกแม่ว่าอาจจะกลับช้าหน่อย พี่ขาวเดินซื้อของ เป็นคนซื้อของเก่งจนชนิดว่าเอยไม่คาดคิด เข้าออกร้านไหน ได้ถุงติดมือมาตลอด
“อันนี้พี่ให้เอย” พี่ขาวยื่นถุงสองถุงมาให้เอย ข้างในนั้นเอยพอรู้ว่าเป็นเสื้อและเข็มขัด เพราะช่วยพี่ขาวเลือกเมื่อครู่นี้
“ไม่ดีกว่าครับพี่” เอยปฏิเสธพัลวัน
“พี่ซื้อให้ อย่างน้อยก็เป็นการกระชับมิตรก็แล้วกัน” พี่ขาวว่าก่อนจะยัดใส่มือโดยไม่ฟังคำห้ามของเอย
“แต่ว่า..”
“ไม่ต้องมีแต่ รับๆไป” พี่ขาวยิ้มยิงฟันก่อนจะเดินนำออกไปจากร้าน
“ขอบคุณครับ” เอยจำรับของพวกนั้นไว้
“เอย..ไปกินไอติมก่อนกลับบ้านดีกว่า” พี่ขาวดึงมือเอยพาไปร้านไอศกรีมร้านยอดนิยมของเหล่าวัยรุ่น เอยสั่งรสวานิลลา รสโปรดของตัวเองมา
“เอยชอบวานิลลาหรอ?” พี่ขาวถาม
“ครับ กลิ่นมันหอมนุ่มๆดี” เอยตอบ ก่อนจะละเลียดละไมกินไอศกรีมของตัวเองทีละนิด โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าพี่ขาวจ้องอยู่
“เลอะปากแน่ะ” พี่ขาวหยิบทิชชู่มาปาดให้ โดยที่เอยไม่ทันตั้งตัว
“ขะ...ขอบคุณครับ” เอยตกใจนิดๆ เพราะพึงระลึกได้ว่าพี่ขาวเป็นประเภทไหน
“แปงได้บอกเอยรึยัง ว่าพี่ไม่ชอบผู้หญิง” จู่ๆ พี่ขาวก็ถามขึ้นมา เอยสะดุ้งตัวนิดหน่อยกับประโยคนั้น
“คะ..ครับ ผมทราบ”
“แต่เอยก็ยังมาเที่ยวกับพี่ ไม่รังเกียจพี่หรอ?” พี่แปงถามอีก
“ไม่ครับ พี่ก็คนเหมือนกับผม” เอยตอบอย่างจริงใจ ไม่เคยคิดจะรังเกียจหรืออะไรเลย ตอนมหาวิทยาลัยก็มีเพื่อนกลุ่มนี้เยอะ และพวกเขาก็เป็นคนดี อยู่ด้วยแล้วมีสีสันสนุกสนานเสียด้วยซ้ำไป
“ได้ยินอย่างนั้นพี่ก็โล่งอก” พี่ขาวว่า ก่อนที่จะยิ้ม เอยยิ้มตอบ ก่อนที่ทั้งสองจะคุยเรื่องที่ทำงาน เรื่องสัพเพเหระทั่วไป โดยที่เอยไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาทางตน
“เอย..นั่นคุ้นๆมั้ย?” พี่ขาวสะกิดหลังมือเอย ให้ดูไปทางสามนาฬิกา พบว่าห่างจากร้านไอศกรีมออกไปพอสมควรมีใครคนหนึ่งซึ่งคุ้นหน้ากำลังจ้องมองมาทางนี้
“ท่านประธานใช่มั้ย?” พี่ขาวถามขึ้น เอยพยักหน้าช้าๆ รู้สึกว่าสายตานั้นเข้มขึงส่งมาทางตนแม้ระยะจะไม่ใกล้ๆก็ตาม เอยก็ยังพอมองออกว่าสายตานั้นดูขวางๆชอบกล
“น่าจะใช่นะครับ” เห็นแบบนั้นยืนยันกับพี่ขาวอีกเสียงว่าใช่กวินจริงๆ คราวนี้คงไม่พ้นกับสาวๆในสังกัดอีกตามเคย
“ท่านประธานนี่ดูดีจัง ได้ข่าวว่าอายุก็ยังน้อยนะ” พี่ขาวชวนคุย
“ครับ” เอยพยักหน้าเป็นผู้ฟังที่ดี
“เอย..มีแฟนรึยัง?” จู่ๆพี่ขาวเปลี่ยนเรื่องซะจนเอยจับต้นชนปลายไม่ถูก แถมยังรู้สึกได้ว่าสายตาของกวินยังไม่ละไปไหน
“ผม...ไม่มีหรอกครับ” เอยตอบอย่างนั้น
“งั้นหรอ” พี่ขาวยิ้มกว้างกับคำตอบ จนเอยต้องเหล่มองไปทางกวินอีกรอบ...กวินหายไปจากตรงนั้นแล้ว รู้สึกว่าหายใจหายคอโล่งขึ้นเลยทีเดียว
ไอศกรีมตรงหน้าหมดแล้ว พี่ขาวเช็คบิลแล้วนำเอยกลับไปยังลานจอดรถ ก่อนจะพาเอยไปส่งบ้าน ระหว่างทางพี่ขาวชวนเอยคุยตลอด เอยฟังบ้างเหม่อบ้าง เพราะเอาแต่คิดถึงสายตาขวางๆของกวินที่มองมา ทำไมกวินต้องมองมาแบบนั้น? ทำไมทุกครั้งๆที่เจอนอกเวลางาน สายตาของกวินจะดูร้ายกาจเวลาจ้องมองมาที่เอย กวินเป็นคนแบบไหนกันแน่?
“เอย...เอย ทำไมเงียบไป?” พี่ขาวเรียกเอยที่นั่งนิ่ง เอยหลุดจากความคิดทั้งปวง ก่อนจะมองไปรอบๆ ตอนนี้พี่ขาวเข้ามาในซอยบ้านแล้ว
“พี่จะถามว่าตรงไปหรือเลี้ยวขวา?” พี่ขาวถาม
“ตรงไปครับพี่” เอยตอบ เพียงไม่นานพี่ขาวก็มาถึงบ้านเอย
“ขอบคุณครับพี่ขาว” เอยขอบคุณก่อนจะลงจากรถพร้อมโบกมือให้
“เจอกันพรุ่งนี้นะ” พี่ขาวบอกแค่นั้น ก่อนจะกลับรถและขับออกไป
“เฮ้อ...” ถอนหายใจกับความงี่เง่าของตนเอง ก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านไป
กลับมาถึงก็อาบน้ำแต่งตัวล้มตัวนอนลงบนเตียงทันที รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยกับการเดินซื้อของ แขนขาล้าจนต้องบิดไปมาเพื่อคลายความเมื่อยที่ขบกิน
“ใครโทรมาตอนนี้?” เสียงโทรศัพท์ขัดจังหวะเอยที่กำลังบิดซ้ายขวา มองเบอร์ในจอก็ไม่คุ้นตา ใครกันหรือว่าโทรมาขายประกันเอาป่านนี้
“สวัสดีครับ” เอยกรอกเสียงลงไป ปลายสายกลับเงียบไม่มีการตอบรับ
“จะพูดกับใครครับ?” เอยถามอีกครั้ง มีเสียงลมหายใจเบาๆตอบกลับมา
“ถ้าไม่พูดวางนะครับ” เอยใจเย็นพอที่จะตอบกลับไป แต่แล้วปลายสายก็ส่งเสียงกลับมา
“พีระนัม...ชั้นเอง” เสียงทุ้มๆที่ตอบมา ทำเอยใจกระตุก
“ใครหรอครับ?” ถามกลับไปทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าปลายสายคือกวินแน่ๆ
“ท่านประธานของนาย” ปลายสายตอบ ยืนยันว่าตนเองคือกวิน
“ท่านประธาน...เอ่อ” เอยลังเลที่จะถามว่าโทรมาทำไม หรือโทรมาเพราะอะไร แต่ก็กลัวจะเสียมารยาทต่อผู้ที่ตำแหน่งสูงอย่างกวิน เลยได้แต่อ้ำอึ้ง
“แค่เช็คว่าเป็นเบอร์ของเธอจริงหรือไม่ก็เท่านั้น” กวินว่าแบบนั้น เอยที่แอบคิดเข้าข้างตนเองว่ากวินอยากคุยด้วย จึงพับความคิดลงทันทีทันใด
“ชั้นรบกวนเธอหรือเปล่า?” กวินถาม
“ปะ เปล่าครับ” เอยละล่ำละลักตอบ ใจเจ้ากรรมเต้นตึกตักจนจะออกมานอกอก
“ตอนค่ำเธอไปกับ...” กวินพูดไม่ทันจบ สายก็ตัดไป เอยได้แต่ฟังเสียงโทรศัพท์ที่หลุดไปแล้วอย่างงงๆ
“เค้าจะพูดอะไรนะ?” เอยได้แต่ถามตัวเอง ยังคงงุนงงที่จู่ๆกวินก็โทรมา ไปเอาเบอร์เขาจากฝ่ายบุคคลมาอย่างนั้นหรือ แล้วโทรมาเพราะอะไรกัน มีแต่คำถามเต็มหัวไปหมด
หลังจากนั้นกวินก็ไม่โทรมาอีก เอยได้แต่จ้องมองโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น เผื่อว่ากวินจะโทรมาพูดสานต่อเรื่องที่พูดค้างไป จ้องมองอยู่เช่นนั้นจนเผลอหลับไป...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++