DOLLFIE
ตุ๊กตาต้องสาป
23
ผมตื่นเช้ามาก็ไม่เจอไอ้ไก่แล้วไม่รู้ว่ามันชิ่งกลับไปตอนไหน มองคริสที่ยืนตรงหน้าต่างกำลังมองความวุ่นวายของเมืองกรุง หันไปมองนาฬิกาตอนนี้มันก็เกือบจะเก้าโมงแล้ว... วันนี้คงเข้าเรียนสายอีกแล้วสินะ
"ไอ้ไก่มันกลับไปตอนไหน" ถามคริสที่กำลังเหม่อ หมอนั่นหันมาหาผมแล้วยิ้มบางๆ อา... ชีวิตผมตอนนี้มันแฮปปี้ดีจริงๆ ตื่นขึ้นมาเจอคนที่ตัวเองรักยิ้มให้แบบนี้ ถึงมันจะผิดแผนของชีวิตไปนิสนึงเพราะว่ามันเป็นผู้ชายก็เถอะ ผมจะมโนเห็นสาวน้อยยืนอยู่ตรงนั้นแล้วกัน
"ประมาณเจ็ดโมงเช้าได้ คริสได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับใครบางคนแล้วรีบออกไป"
ผมเกาหัวแกรกๆ มันไปกับใครวะ? น่าจะบอกกันหน่อยอย่างน้อยก็ปลุกกันบ้างก็ยังดี เออ... แล้วแบบนี้จะไปมหาลัยยังไงวะเนี่ย!
พยักหน้ารับรู้แล้วลุกขึ้นจากเตียงเพราะมันสายเต็มที ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวในเวลาอันสั้นเตรียมเอาของใส่เป้เรียบร้อย ไม่ลืมหันไปหาคริสที่ตามก้นผมต้อยๆทุกๆกิริยาที่ผมกระทำ ถ้าสิงได้นี่มันคงจะสิงผม เอ๊ะ! ไอ้นี่มาแปลกอีกละ
"ทำอะไรวะ?" ถามอย่างไม่เข้าใจแล้วสบตาสีครามที่มองผมเหมือนจะสื่ออะไรบางอย่าง ไอ้สายตาละห้อยนั่นมันคืออะไรวะ
"ไปด้วยได้ไหม?"
"ไม่" แทบไม่ต้องคิดให้เปลืองสมอง ไอ้นี่มันเตรียมงอแงอีกละ
"ทำไมล่ะ?" มันยังมีหน้ามาถามกวนประสาทอีกทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ
ผมจิ๊ปาก "ก็อะไรเดี๋ยวก็โดนเล่นงานอีก"
"แต่คริสห่วงเต๋ามากกว่า"
ผมจ้องตามันปริบๆที่ตอนนี้หน้ามันเครียดขึ้นมาอีกละ คิ้วหนาๆที่ย่นคิ้วเข้าหากันจนเหมือนโบว์ผมเอื้อมมือไปดึงให้มันออกมาแล้วจับแก้มมันยืดออกให้ดูยิ้ม คริสมันยิ่งย่นคิ้วทำหน้าสงสัยว่าผมเล่นพิเรนอะไร
"ยิ้มหน่อยสิไม่ชอบให้ทำหน้าบึ้งว่ะ" เวลาทำแบบนี้แล้วน่ากลัวพิลึก ถึงมันจะหล่อแต่ก็น่ากลัวเวลาที่ทำหน้าบึ้งตึงนะขอบอก
"ก็เต๋าไม่ยอมให้ตาม" แนะมันยังมีหน้ามาเถียงผม ถอนลมหายใจเฮือกใหญ่กอดอกมองหน้าคริสที่เริ่มทำคอตกมองผมแบบอ้อนๆอีกละ
"..." ผมล่ะเกลียดตอนมันอ้อนจริงๆ ไม่ใจอ่อนหรอกโว้ย!
"จะรีบไปรีบกลับ วันนี้จะกลับเร็วไม่กลับดึกเหมือนเมื่อวานหรอก" พอทำงานเสร็จก็ชิ่งแน่นอนไม่อยู่นานให้รู้สึกกดดันเพราะไอ้พี่โอหรอกนะ มีลางว่าจะเจอพี่แกอีก แต่จะให้มองหน้ากันเหมือนเดิมมันคงมองไม่ติดเพราะดันมารู้ความรู้สึกพี่แกแล้วหักอกเขานี่และเว้ย!
คริสมันยังคงทำสีหน้าอยู่แบบนั้นเห็นแล้วมันเหนื่อยใจชิบเป๋ง! ทำไมดอลฟี่ผมมันเอาแต่ใจแบบนี้วะ "คริส" ผมเรียกมันเสียงเข้ม
"ครับ"
"ฉันสั่งให้นายอยู่ห้องก็ต้องอยู่โอเค๊!" แต่มันไม่โอเค แถมส่ายหน้าไม่เชื่อฟังผมอีก นี่มันจะแข็งข้อต่อเจ้านายหรือไงฮะ!
รู้สึกหงุดหงิดที่คนตรงหน้าไม่ยอมเชื่อฟัง แต่ก็ต้องตกใจเมื่ออ้อมกอดแกร่งสวมกอดผมจนแน่น ถึงจะทำแบบนี้ก็ไม่ยอมใจอ่อนหรอกนะเว้ย ผลักอกมันออกไปแล้วพยายามพูดกับมันให้รู้เรื่อง
"รออยู่ที่ห้อง แล้ว... วันนี้จะให้กินอีก" นี่ยอมงัดไม้ตายเอาของกินมาล่อแล้วนะ อภินันทนาการจากชายเต๋าเป็นร่างกายของตัวเอง ผูกโบว์ให้ด้วยเอา! ถ้ายอมว่าง่ายเชื่อฟังกันแล้วอยู่ห้องเฉยๆ คริสมันมองผมนิ่งดูตกใจที่ผมพูดออกไปแบบนี้ ขอร้องเถอะหยุดมองแบบนั้นได้ไหมนี่ผมก็เขินเป็นเหมือนกันนะเว้ย!
"เข้าใจไหม อยู่ที่นี่ห้ามตามมาแล้วจะให้กินอีก แต่ถ้าไม่เชื่อกัน อด!" ขู่ร่างสูงแบบเสียงเข้มๆประหนึ่งข้าเหนือกว่าเอ็งอย่าริอาจขัดขืนคำสั่งไม่งั้นเจอดี แต่ดูเหมือนว่ามันจะกลัวมากกลับยิ้มออกมาแบบมีเล่ห์นัยสุดๆ
"อะไรล่ะที่ให้กิน" มันยังมีหน้ามาทำใสซื่อไม่รู้ความหมายอีก แล้วที่กินอยู่บ่อยๆนี่มันคืออะไรเล่า! หน้าเหน้อผมนี่ร้อนหมดละเพราะไอ้สายตากรุ้มกริ่มที่โน้มเข้ามาถามนี่แหละ!
"ไม่รู้! คิดเอาเองดิ่ คิดไม่ได้ก็อด!"
ผมว่าผมควรจะออกเดินทางไปมหาลัยได้แล้ว ไม่รอคริสตอบกลับมาเพราะกลัวว่ามันจะดื้อกับผมอีก นับวันผมเริ่มทำตัวประหลาด ไม่สิมันมากกว่าที่ทำตัวประหลาดมันดูน่ารักขึ้น? ม่ายยยยยยยยยยยยย!!!! ผมไม่ได้มองว่ามันน่ารักขึ้นสักหน่อย มองยังไงก็เป็นไอ้ตุ๊กตาบ้าที่ร้ายกาจ คริสน่ะมันร้ายชอบเอาความน่ารักมาหลอกลวงผมซึ่งมักจะทำให้ผมคล้อยตามตลอด ผมเปล่ามองมันน่ารักนะ คำว่าน่ารักนี่มันต้องเหมาะกับสาวๆน่ารักๆเซ่ถึงจะถูก!
เดินออกมาจากห้องมาถึงหน้าปากซอยด้วยความเร็วที่มากกว่าทุกวัน แต่วันนี้มันรู้สึกแปลกๆเมื่อเห็นสายตาหลายคู่ที่มองมาทางผม มองอะไรวะ? สงสัยจะมองความหล่อของชายเต๋าที่หล่อเหลาดุจณเดช ขนาดเคนยังชิดซ้าย อั้มอธิชาติยังชิดขวา ทอมครูซวิ่งตามมาก็หล่อเท่าพี่เต๋าคนนี้ไม่ได้ ถุ๊ย! นี่กูชงความหล่อคนเดียวก็เป็น แต่ทว่าสายตาของคนที่ยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์นี่มันมองผมแปลกจริงๆนะเว้ย!
เหมือนข้องใจอะไรบางอย่าง นี่ผมไปเหยียบเล็บขบพวกเขากันหรือไงวะ?
พอรถเมล์ฟรีมาจะรอช้าอยู่ใยล่ะผมรีบกระโดดขึ้นแล้วเกาะราวเหล็กทันที ไม่ว่าจะเช้า สายบ่าย เย็น... ขอโทษเถอะผมนี่ไม่มีบุญได้นั่งกับเขาเลย แต่ก็ยืนแปบเดียวเพราะเลือกจะนั่งBTSมากกว่าในวันนี้ เพราะมันสายมากแล้ว แถมผมยังไม่อยากเป็นเป้าสายตาพิฆาตของอาจารย์ตอนที่เข้าเรียนสายด้วยล่ะ
แต่อย่าว่าที่ป้ายรถเมล์เลย ขนาดบนรถไฟฟ้ายังมีคนจ้องมาทางผมเหมือนข้องใจ เฮ้ย! นี่มองอะไรกันนักวะหรือผมจะลืมโกนหนวด ลองเอามือคลำๆหน้ามันก็เกลี้ยงเกลาดีนี่หว่า ความเถื่อนของผมมั่นใจว่าลดลงประมาณ50%ได้ แต่งกายสุภาพเรียบร้อยมั่นใจว่าวันนี้ตัวเองปกติดีไหงโดนจ้องเหมือนผมเป็นตัวประหลาดแบบนั้น
ไม่ไหวแล้วเว้ย!
พอถึงสถานีผมรีบเดินแทรกผู้คนออกมาทันที แล้ววิ่งขึ้นรถเข้ามหาลัยตามปรกติ แต่ที่ไม่ปรกติคงจะเป็นสายตาของใครๆหลายๆคนนี่แหละเว้ย นศ.หญิงที่เดินผ่านพวกเธอมองผมแล้วทำสายตาประหลาดก่อนจะหันไปหัวเราะคิกคักเหมือนขำอะไรสักอย่าง หน้าพี่นี่กระตุกต่อมหัวเราะของน้องหรือไงครับ? เฮ้ย! งงอ่ะมันไม่กระจ่างแก่ใจไอ้เต๋าเลย
"เป็นไรวะหน้าเป็นตูดเลย" ไอ้ไก่ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะประจำของเรารออาจารย์เข้าสอนถามผมทันทีที่มันเห็นหน้า มันหนีผมมายังมีหน้ามาถามอีก วันนี้อารมณ์ไม่ดีเลยเว้ย!
"จะอะไรอีกละ มีแต่คนมองกูแปลกๆหน้ากูหล่อมากหรือไงวะมองจัง"
"ก็มึงหล่อไง แต่หล่อน้อยกว่ากูนิดนึง"
"ถุย!" มันยังมีหน้ามาหัวเราะอีกนะ เจอหน้ากันก็กวนตีนเลยเดี๋ยวพ่อโบกให้ไก่กลายร่างแทบไม่ทัน กระแทกก้นนั่งอย่างหัวเสียดึงเป้จากข้างหลังมาวางไวบนโต๊ะ
ชิหอง!!!!
"เก็ทยังล่ะมึง" ไอ้ไก่มันถามผมอย่างงงๆ ผมนี่ก็งงไม่ต่างจากมันเมื่อเห็นดอลฟี่ของผมนอนแอ้งแม้งอยู่บนเป้ ทำหน้าแอ๊บแบ๊วได้ขัดกับร่างจริงของมันมาก แขนของคริสพันอยู่ที่เชือกของซิบซึ่งผมผูกมันให้ยาวๆออกมาเพราะคิดว่ามันเท่ดี ลูกตานี่แทบจะถลนออกมาอยู่แล้วล่ะครับ!
"เฮ้ย! มาได้ไงวะ"
"เอ้าถามกูๆจะรู้ไหมตุ๊กตามึง"
กูไม่ได้ถามมึงไอ้ห่า! ไอ้ไก่มันหัวเราะแหยๆใส่ผมแล้วส่ายหน้าแบบเอือมๆในความเปิ่นของผมเอง แต่ขอโทษครับนี่ไม่รู้จริงๆว่าคริสแอบตามมาด้วย ผมเลยต้องรีบเอาคริสจับยัดลงในกระเป๋าไม่ทันที่จะพูดอะไรกับไอ้ไก่อีกเพราะเพื่อนๆเริ่มทยอยเข้ามาแล้ว ส่วนคริส... อยากตามดีนักก็ทนอึดอัดอยู่ในนี้ก็แล้วกัน!
แล้ววันนี้อย่าหวังว่าจะเรียนรู้เรื่องเพราะมาห่วงหน้าพะวงหลังมองคริสที่อยู่ในกระเป๋านี่แหละ แถมวันนี้ก็เสต็ปเดิมครับท่านอาจารย์ที่เคารพรักมอบหมายงานให้ก่อนจากกันอีกตามเคย แล้วพวกผมก็ต้องระเห็จกันไปที่ซุ้มเพื่อปั่นงานกันเช่นเคยนั่นล่ะ แต่วันนี้เจอไอ้ส้มที่นั่งหน้าสลอนอยู่ด้วย ไปค่ายมาสองสามวัน ไม่เจอกันสี่ถึงห้าวันนี่มันดำขึ้นเยอะเลย
"สวัสดีครับพี่เต๋าพี่ไก่" มันยกมือไหว้พวกผมแล้วยิ้มให้จนตาหยี แต่นี่ไม่มีเวลามานั่งคุยกับมันได้แต่พยักหน้าตอบเออๆ แล้วหยิบงานขึ้นมาปั่นให้เสร็จ ดีที่ว่างานที่อาจารย์ให้ไม่ได้ยากมากมายเท่าไรไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพวกผมก็ทำเสร็จ แล้วผมก็ขี้เกียจเดินไปส่งเลยให้ไอ้ไก่มันเดินไปส่งให้ โดนมันบ่นนิดหน่อยไม่ได้ซีเรียสอะไรเดี๋ยวค่อยเลี้ยงน้ำมันตอบแทน
วันนี้ในซุ้มมีไอ้แบคไอ้โด้ที่ขยันเป็นพิเศษยืนระบายสีน้ำมันอยู่ พวกมันหันมาพยักหน้าทักทายผมแล้วหันกลับไปทำงานของมันต่อ ใจผมอยากทำงานต่อให้เสร็จนะแต่ไอ้ตัวปัญหาที่อยู่ในกระเป๋านี่ดิ่
"พี่เต๋าสบายดีนะครับไม่เจอหลายวันเลย" ไอ้ส้มมันถามผมหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนทุกครั้งไม่ได้ดูมีพิษสงค์อะไร ผมเลยหันไปตอบมัน
"พี่ก็เปื่อยไปเรื่อยของพี่แหละน้อง ว่าแต่เอ็งเถอะไหนล่ะของฝากพี่" ผมแบบมือยิ้มร้ายๆแล้วกระดิกนิ้วให้มันมอบของกำนัลให้แก่ผม ไอ้ส้มมันเหมือนรู้ดีว่าผมจะทวงมันรีบล้วงกระเป๋าแล้วหยิบขนมส่งให้ ทำดีมากไอ้น้อง
"เป็นไงบ้างล่ะสนุกป่าววะไปค่าย" ผมถามสารทุกข์สุขดิบมันบ้าง พยายามทำตัวให้เป็นปกติแม้ในใจจะไม่ค่อยไว้วางใจมันเหมือนดั่งเคย ในเมื่อมันยังมีคดีติดตัวตั้งแต่วันที่คริสโดนทำร้าย
ไอ้ส้มมันยู่ปาก "น่าเบื่อมากเลยพี่ผมนี่หลับอย่างเดียว" ทำดีแล้วน้องเอ้ย เป็นน้องพี่นี่เชื้อต้องไม่ทิ้งแถว พี่เป็นไงน้องเป็นงั้นถึงจะคนละพ่อแม่ก็เถอะ มันยิ้มให้ผมแล้วดูน่ารักตามประสาของมัน ผมยิ่งไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไอ้ส้มจะเป็นพ่อมดหรือสมุนของพ่อมดอีกที
พลันความคิดผมก็แล่นเข้ามาในหัว อยากรู้ว่าปฏิกิริยามันจะเป็นยังไงถ้าผมพูดถึงเลย์ "เบื่อทำไมไม่พาเลย์ไปด้วยล่ะ"
ไอ้ส้มมันเลิกคิ้วแล้วยิ้มอายๆ "เอ่อ... เลย์เขาไม่ว่างน่ะพี่ แล้วอีกอย่างเราเรียนคนละเอก"
"พี่ไม่ได้หมายถึงเพื่อนเอ็ง พี่หมายถึงดอลฟี่เอ็งต่างหากชื่อเลย์ไม่ใช่หรอ" เหมือนมันจะตกใจที่ผมถามมันไปแบบนั้น เอ็งเข้าใจประเด็นพี่ผิดแล้วน้อง
"อ๋อ... พี่ก็รู้นี่ว่าเรามีรสนิยมเหมือนกันแล้วก็กลัวว่า..." มันยู่ปากไปมาจนน่าดึง
ผมหัวเราะ "ฮ่าๆๆๆ เออๆพี่รู้ แต่แหม๊! ถ้าดอลฟี่กลายร่างเป็นคนได้ก็ดีเนอะ เวลาไปไหนจะได้พาไปด้วยพี่ก็อยากพาคริสไปทุกทีนะแต่ก็กลัวอายชาวบ้านเขา มันคงไม่เหมาะถ้าเห็นผู้ชายตัวเท่าหมีอุ้มตุ๊กตาไปด้วยทุกที" คุยกับมันเสียงเบา แอบเหล่มองไอ้ส้มที่สีหน้าจ๋อยลง ผมรู้สึกว่าสีหน้ามันดูเศร้ายังไงชอบกลหลังจากที่ฟังผมพูด...
เฮ้ย! นี่มันเป็นอะไรวะ หรือผมพูดแรงมากไปเพราะไอ้ส้มมันก็รักดอลฟี่มากมันคง... อา นี่ผมรู้สึกแย่ว่ะ
ไอ้ส้มเงียบไปครู่แล้วพูดอีก "นั่นสิพี่" เสียงมันอ่อยมากอ่ะ หรือว่า? "แต่มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก ดอลฟี่ที่ไหนจะมามีชีวิตไม่ใช่การ์ตูนซักหน่อย" สีหน้ามันเปลี่ยนเป็นสดใสได้เร็วมากจนผมเองก็รับมือมันแทบไม่ทัน
"อะ... เออ จริงของเอ็ง" ยิ้มให้มัน หัวเราะแหะๆก่อนจะหันไปทางไอ้แบคที่ก้มๆเงยๆอยู่กับรูปของมัน อยู่กับไอ้ส้มแล้วมันอึดอัดเว้ย! ทำไมวะเวลาที่ยังไม่รู้เรื่องแย่ๆผมยังมองมันเป็นน้องชายที่น่ารักของผมอยู่เลย แต่ตอนนี้ผมกลับคิดว่าผมควรอยู่ห่างมัน
ไอ้ส้มที่เงียบเสียงไปมันเงยหน้าเหมือนจะคุยกับผมอีก แต่ผมดันลุกขึ้นแล้วเดินไปที่รูปของไอ้แบคเพราะไม่อยากทนนั่งอึดอัด นี่กะว่าถ้าไอ้ไก่มันกลับมาจากส่งงานว่าจะชวนมันกลับห้องเลย ไม่ไหวละวันนี้รู้สึกวุ่นวายหัวใจชอบกล
"วาดตัวอะไรของมึงเนี่ย?" ผมแซวไอ้โด้ที่อยู่ข้างๆไอ้แบค มันเงยหน้ามองตาขวางประมาณว่าถ้ามึงคอมเม้นรูปกูกวนตีนได้เจอกูฆ่าแน่
"กูก็คิดเหมือนมึงนั่นแหละ มันบอกว่ามันวาดแอฟแต็ก แต่กูว่าแม่งแอฟแตด"
"แตดพ่อง เดี๋ยวหัวมึงอะจะแตกไอ้แบค" ไอ้โด้มันยกพู่กันเหมือนจะฟาดไอ้แบคผมเลยต้องรีบถอยแล้วหัวเราะใส่มันจนท้องแข็ง ไอ้สองคนนี้มันเหมือนลิ้นกับฟันจริงๆ
"เอาๆอย่าเพิ่งตีกันวาดดิ่เดี๋ยวไม่เสร็จ" ผมเร่งไอ้ดีโด้เพราะกลัวว่ามันจะหงุดหงิดซะก่อน แล้วหันไปพยักพเยิดให้ไอ้แบคทำงานของมันบ้าง ไอ้นี่ก็หัวเราะกวนตีนมันไม่เลิกเดี๋ยวมันโมโหขึ้นมาก็เหลือกตาใส่หรอก
"แล้วมึงไม่ทำหรอวะมายืนกวนตีนอยู่ได้ เกะกะ" ไอ้โด้มันถาม เลยส่ายหน้าตอบ
"เดี๋ยวไอ้ไก่กลับมาที่ซุ้มก็จะชวนมันกลับแล้วล่ะ"
"อ้าวพี่เต๋าไม่อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนหรอ นานๆเป็ดจะได้กินข้าวกับพี่นะ" ไอ้ส้มมันถามน้ำเสียงเสียดาย ผมเลยหันไปมองมันที่กำลังทำหน้ามุ่ยยู่ปากเป็นเป็ดสมดั่งฉายาที่ซุ้มได้ตั้งชื่อให้
"เออ พี่จะกลับไปเคลียงานด้วย" เดินกลับไปที่โต๊ะอีกครั้งเพื่อเตรียมเอากระเป๋าเดินทางกลับห้องตัวเอง ไอ้ไก่นี่มันก็หายหัวไปเลย ผมก้มลงมองนาฬิกานี่เกือบจะสี่โมงเย็นแล้วป่านนี้คริสมันคงนั่งหน้าตึงอยู่ในกระเป๋า แต่ผมไม่กล้าเปิดดูมันหรอกเดี๋ยวมันง้องแง้งใส่อีก กะว่าจะกลับห้องก่อนแล้วค่อยปล่อยมันออกมา
ไอ้ส้มที่ดูกระตือรือร้นรีบถามผม "วันนี้ส้มไปค้างบ้านพี่เต๋าได้ไหม? ส้มคิดถึงลูกๆพี่อ่ะ" แล้วมันก็ทำสายตาวิ๊งๆขอร้อง
จะดีเร้อ.... มาขอกันแบบนี้ยิ่งน่าสงสัยเว้ย! ปรกติไอ้ส้มมันไม่ค่อยขอผมหรอกถ้าผมไม่ได้เป็นคนชวนมันเอง หรือไม่ก็ไม่สบายเหมือนคราวที่แล้ว หน้าผมนี่โคตรหนักใจ
"จะไปไหนกัน?" เฮ้ย!
ผมรีบเอี้ยวตัวออกมาจากไอ้พี่โอที่ยื่นหน้าเข้ามาแทรกกลางระหว่างพวกผมทั้งสองคน ไอ้ส้มนี่ก็เหวอไม่ต่างจากผมนักเมื่อหน้าหล่อๆพี่แกนี่แทบจะหอมแก้มผมอยู่แล้ว
"เล่นไรอ่ะพี่โหยตกใจหมด" ผมนี่ใจหายใจคว่ำขวัญกระเจิงหนีไปไหนแล้ววะเนี่ยวิ่งไปตามมาให้เลยนะเว้ย! หน้าพี่แกนี่ไม่สำนึกกลับไปยืนตัวตรงแล้วหัวเราะเหมือนสนุกที่ได้แกล้งผม
"อ้าวหรอ โทษๆพี่ก็แค่อยากให้ตกใจเล่น" คุณทำสำเร็จแล้วครับ...
ไอ้พี่โอมันเกรียนวะ ไม่คุยด้วยล่ะ ในเมื่อพี่แกมาผมก็ขอชิ่งละบาย ....
"เอ้า! จะไปไหน" พี่แกคว้าแขนผมเอาไว้เมื่อผมสะพายเป้ของตัวเองซึ่งตอนนี้มันหนักขึ้นหลังจากที่รับรู้ว่ามีคริสอยู่ข้างใน ผมมองพี่โอแล้วยิ้มแหยๆให้ เพ่ๆ ปล่อยแขนผมก่อน...
พยายามดึงมือพี่แกออกแต่ดูเหมือนพี่แกจะทากาวตราช้างเอาไว้ เลยปล่อยเลยตามเลย แถไปตามเสต็ป "กลับไปเคลียร์งานเก่าไงพี่ เยอะเป็นภูเขาเดี๋ยวทำไม่ทันส่งก่อนสอบ"
"อ้าวหรอ" พี่โอพยักหน้าเหมือนเข้าใจแล้วผละมือออกไป สีหน้าดูเบื่อหน่ายทันทีที่รู้ว่าผมจะกลับ ผมไม่ได้หลงตัวเองนะแต่หน้าพี่เขาแสดงออกมาแบบนั้นจริงๆ
ผมก้มลงบอกไอ้ส้ม "เอาไว้วันหลังนะ เดี๋ยวพี่ให้มาค้างที่ห้องพี่" มันค่อยยิ้มได้ออกมาหน่อยเพราะเมื่อก่อนหน้ามันดูจ๋อยๆอยากไปห้องผมมากจริงๆ เอาไว้ให้พี่มั่นใจว่าเอ็งไม่ซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้ข้างในก่อนนะแล้วพี่จะกลับมาทำตัวดี๊ดีตามใจเอ็งประหนึ่งน้องในไส้อีกครั้ง ก่อนอื่นต้องรีบชิ่งไปละครับพี่น้อง
"ไปละพี่" พี่โอพยักหน้าหงึกหงักทำเป็นไม่สนใจผมที่จะเดินออกไปจากซุ้มแล้ว แต่ผมเองก็ไม่สนใจหรอกหันไปลาไอ้โด้กับไอ้แบค แล้วก้มลงลาไอ้ส้มอีกรอบ "พี่ไปก่อนนะฝากบอกไอ้ไก่ด้วยว่าพี่กลับแล้ว"
"ครับ" ไอ้ส้มมันขานเสียงอ่อน ไอ้นี่ก็อ้อนจริงๆให้ตายสิ!
ผมรีบเดินออกมาจากซุ้มด้วยความเร็วเพราะตอนนี้ใจผมอยากกลับห้องตัวเองมากๆ แต่มันคงไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะช่วงเวลานี้รถติดบรรลัย จากรถที่เคยวิ่งเสมือนตัวเองกำลังเล่นหนังเรื่องเดอะฟาด กลายมาเป็นนิทานกระต่ายกับเต่าคลานกระดึ๊บๆอยู่บนถนน... แต่กระดึ๊บๆนี่มันหนอนนี่หว่า? เออๆช่างมันเต๊อะ!
กว่าจะมาถึงป้ายรถเมล์ซึ่งผมต้องต่อรถไปอีกต่อหนึ่งนี่ก็ห้าโมงกว่าแล้ว แถมตอนนี้ผมก็หิวมากเลยตัดสินใจว่าจะแวะโลตัสที่อยู่ไม่ไกลจากป้ายนั้นนัก เข้าไปในห้องน้ำของห้างแล้วปล่อยให้คริสออกมา หน้าของมันตอนนี้หงิกสุดๆ
"ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนี้เลยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าตาม" ผมว่ามันทันทีที่ออกมาจากห้องน้ำ ร่างสูงเดินตามตูดผมต้อยๆมันงอนจนไม่ยอมพูดกับผม เออดี! นี่ผมเป็นคนผิดหรอวะ
"ถามไม่ตอบ กวนตีนกูหรอ?" เริ่มโมโหหิวเหมือนกันนะเนี่ย อย่ามากระตุกต่อมข้านะเว้ยเดี๋ยวจะโดนพี่เต๋ามิใช่น้อย... แล้วผมจะทำอะไรมันได้วะ?
แอบเหล่คริสที่สีหน้าเริ่มคลายลง แล้วตอบผมเสียงเครียด "ก็เป็นห่วง... วันนี้รู้สึกไม่อยากห่างจากเต๋า"
ตึก... ตัก...
คำพูดมันทำให้ผมใจเต้นแบบกระตุกขึ้นมาเหมือนรู้สึกดีที่ได้ยินแบบนี้ แต่ก็ยังวางฟอร์มว่าโกรธมันอยู่ แต่จริงๆหายแล้ว คริสมันเอื้อมมือมาจับมือผมที่เดินอยู่จนผมต้องหยุดชะงักแล้วรีบเงยหน้ามองมันด้วยความตกใจ ดึงมือกลับมาแต่มันไม่ยอมปล่อย
"ทำบ้าอะไรอายเขา" มันกลับยิ้มที่มุมปากดูเจ้าเล่ห์ตามสไตล์มัน ไอ้คนที่เดินผ่านก็มองไปสิ!
"กลัวหาย"
"ไม่ใช่เด็กเว้ย! ปล่อยเลยจะไปซื้อบัตร" ผมดึงมือมันออกแล้วรีบหมุนตัวไปที่เค้าเตอร์เพื่อแลกบัตรค่าอาหาร หน้าผมนี่ร้อนฉ่าเลือดมันมารวมตัวที่หน้าจนแดง ขนาดในห้างนี่ยังร้อนเนอะ พยายามไม่หันไปสบตาคริสที่ยืนรออยู่ข้างๆ แล้วเดินนำลิ่วๆไปทางศูนย์อาหารด้วยความเร็ว
ผมใช้เวลากินข้าวโดยมีคริสนั่งจ้องเพียงเวลาสั้นๆก็อิ่มแล้ว จะไม่ให้ผมรีบกินได้ยังไงในเมื่อไอ้สายตาคมที่จ้องมองมามันแทบจะเขมือบผมอยู่ตลอดเวลาแบบนั้น ขาดมันเห็นผมโกรธมันยังมีหน้ามามองผมด้วยสายตาแพรวพราวอีก
"เต๋า" มันเรียกผมในขณะที่เดินออกมาจากห้างเพื่อกลับไปยังที่พักของเรา ผมที่ยืนกอดอกขานรับมัน "อะไร" ห้วนๆ คริสมันก็เขยิบเข้ามาใกล้ผมจนชิด "ขอโทษที่ทำให้โกรธ แต่คริสเป็นห่วง" มันว่าเสียงสำนึกผิด แต่ผมก็ยังทำท่าทางใจแข็งไม่ยอมอ่อนกับมันง่ายๆ ทั้งๆที่ในใจนี่หายโกรธนานแล้วแต่อยากแกล้งมันต่อ
"ไม่ให้อภัย" หน้ามันจ๋อยลงหนักจนผมเกือบหลุดขำ
"เอางี้" เริ่มคิดอะไรดีๆได้ละ คริสมันสบตาผมที่กำลังจะให้มันทำอะไรสักอย่างเพื่อไถ่โทษ แววตามันดูมีความหวังประกายจนผมรู้สึกอยากแกล้งมัน แต่ก็อดสงสารไม่ได้อีกนั่นล่ะ "พอกลับถึงห้อง... นวดไหล่ให้ฉันโอเค๊" เพียงแค่นี้มันก็ยิ้มจนแก้มแทบปริแล้วล่ะ
ชิ๊! แค่อ่อนให้หน่อยก็ได้ใจแล้วไม่ต้องมายิ้มเลยเดี๋ยวถึงห้องจะให้ทำโน่นทำนี่ให้เข็ด!
คิดในใจระหว่างที่รอรถว่าจะให้มันทำอะไรดี ตอนนี้ก็มืดมากแล้วทั้งๆที่ผมคิดว่าพวกเราเข้าไปในห้างแค่แปบเดียวเท่านั้น คนก็เริ่มเยอะ รถก็เริ่มติด ผมรู้สึกอึดอัดเวลาที่มีคนเบียดขึ้นรถเมล์ฟรีพวกเขาเดินแทบจะผลักผมตกขอบฟุตบาทอยู่แล้ว มือใหญ่ๆคว้ามือและกอบกุมผมเอาไว้แน่นจนต้องเงยหน้ามอง
"เดี๋ยวหลง" มันว่าพร้อมยิ้มจนตาหยี รู้สึกเขินจนต้องรีบเบือนสายตากลับไปทางข้างหน้าตามเดิมเพื่อรอรถที่มันว่างพอให้นั่งได้ ถึงจะรู้สึกอายแต่ก็คงไม่มีใครสังเกตเห็นพวกผมที่กำลังกอบกุมมือกันอยู่เลยปล่อยไปเลยตามเลย พวกผมยืนรออยู่นานมากจนผมเองก็เริ่มหงุดหงิดเพราะควันรถและผู้คนที่เบียดเสียดจนร้อน ผมว่าให้คริสพากลับแบบฮาร์ดคอร์เหมือนวันนั้นยังดีกว่ามายืนรอรถให้เมื่อยตุ้ม จะได้นั่งหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย สุดท้ายผมคิดว่าจะขึ้นรถไฟฟ้าไปลงอีกสถานีหนึ่งน่าจะหารถว่างๆง่ายกว่า แต่ไม่ทันที่ผมจะบอกมัน คริสกลับกระตุกแขนให้ผมเดินตาม
"อ้าวเฮ้ย! จะไปไหน?" ถามร่างสูงที่เดินจูงผมไปตามทางเดินซึ่งมีผู้คนเดินพลุกพล่าน ท่าทางและสีหน้าที่ตึงเครียดมันทำให้ผมเอะใจ
คริสพูดกับผมเสียงราบเรียบ "มีคนตามเรามา"
"ฮะ?" ใครตามมาวะ?
ผมมองซ้ายแลขวาหมุนตัวหันหลังมองเพื่อหาคนที่ว่าแต่คนมันก็เยอะเหลือเกินดูไม่ออก คริสกระชับมือผมแน่นแล้วแค่นเสียงสั่ง "อย่าหันไปมองสิเดี๋ยวมันรู้ตัว" ทำเป็นพระเอกในเรื่องสายลับไปได้
มุ่ยปาก "เอ้า ก็อยากรู้นี่ว่าใครตามมาอาจจะเป็นคนรู้จักกัน" ผมยังคิดในแง่ดีบางทีคริสอาจจะมโนไปเอง
"ไม่ใช่... พวกมันมีเงาสีดำสิงอยู่มนุษย์มองไม่เห็นหรอกไปกันเถอะ"
"เฮ้ย! ผมร้องด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆคริสก็ดึงผมให้วิ่งจนเกือบหน้าทิ่ม
ผมพยายามวิ่งตามร่างสูงที่ดูเครียดซึ่งตอนนี้ผมก็เริ่มเครียดตามไปเป็นที่เรียบร้อย ไม่วายยังหันกลับไปมองข้างหลังว่ามันจริงอย่างที่คริสพูดหรือเปล่าว่ามีใครตามเรามา ผมเห็นผู้ชายหน้าตาดูโจรมากประมานสามสี่คนที่กำลังวิ่งเหยาะๆตามพวกผม หรือจะเป็นพวกนั้นวะ? แล้วมันจะตามพวกผมมาทำไม!
"มันตามเรามาทำไม" ผมถามคริสด้วยอาการที่เริ่มหอบแล้ว
"พวกมันถูกส่งมาให้เล่นงานเรา"
"ฮะ!" ผมร้อง
หรือว่าจะเป็นฝีมือของพ่อมด... เฮ้ย! ทั้งๆที่คิดว่าพวกมันไม่คิดจะเล่นงานเราแล้วทำไมมันถึงยังตามมาอีกล่ะผมไม่เข้าใจเลย แต่ก็พยายามวิ่งตามคริสให้เร็วที่สุด แต่คนที่ดูเหมือนไม่เหนื่อยง่ายๆกำลังทำให้ผมขาดอากาศหายใจเพราะวิ่งหนีพวกนั้นมาได้เกือบกิโลแล้ว คริสที่เห็นอาการผมเริ่มผ่อนฝีเท้าลงแล้วมองไปรอบๆที่ตอนนี้ผู้คนเริ่มหายไปหมด มันคว้าเอวผมแล้วอุ้มเอาไว้ในอ้อมกอด
"จับแน่นๆแล้วหลับตา" พอได้ฟังผมรู้เลยว่าคริสจะทำอะไร ผมทำตามอย่างว่าง่ายก่อนจะได้ยินเสียงดังฝุบ!
"อึก!"
"เฮ้ย!"
.....
เดี๋ยวจะทยอย+เป็ดให้ทุกคนนะจร๊า! ขอบคุณที่คอยติดตามเป็นกำลังใจให้ทุกๆตอนค่ะ