น้ำใสของผม น้ำข้นน่ะของเขา
บทที่ 2
“ไอ้เท็น ไอ้เชี่ยเท็น มึงตื่นหรือยัง”
เสียงไอ้ตึ๊งซึ่งย่อมาจากซินตึ๊งกำลังโวยวายมาทางโทรศัพท์ที่ผมงัวเงียคว้ามาจากหัวเตียงแล้วกดรับ
“มึงปลุกกูทำไมห่าตึ๊ง ฟ้ายังไม่สว่างเลย”
ผมเอ็ดมันไปในโทรศัพท์เพราะการที่มันโทรมาเป็นการขัดขวางฝันดีของผมเป็นอย่างยิ่ง
นี่กำลังฝันถึงรอยยิ้มพี่ก่ออยู่เลยนะ
อ้าว แล้วนี่ผมไปอุปโลกน์เขามาเป็นพี่ผมตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ช่างเหอะ ผมเรียกของผมอยู่คนเดียวนี่นะ
“ไอ้สลัดเท็น”
ไอ้ตึ๊งโวยวายอีกแล้ว
“มึงลืมหรือไงว่านัดอะไรกับกูไว้ มึงบอกว่ามึงจะมาช่วยกูถ่ายรูปบรรยากาศยามเช้าของตลาดสดไม่ใช่
หรือไง”
ฟาคคค
ลืมสนิท
ผมเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอนเพราะความทรงจำกลับคืนมาแล้วว่านัดไอ้ตึ๊งเอาไว้วันนี้
ตึ๊งมันเป็นเพื่อนจากโรงเรียนเก่า ก็คนที่ชวนผมมาเรียนกวดวิชาแถวนี้นั่นแหละ มันเช่าหออยู่ที่เดียวกับ
ผมแต่คนละชั้นกัน ไอ้ตึ๊งเรียนนิเทศแล้วมันลงวิชาถ่ายภาพมันเลยจะให้ผมซึ่งไม่ได้เรียนกับมัน แต่ถนัดเรื่องการ
ถ่ายรูปเพราะใจรักให้ไปช่วยแนะนำให้มันหน่อย กับหัวข้อบรรยากาศยามเช้า ซึ่งมันอยากได้รูปเกี่ยวกับวิถีชีวิต
ของผู้คน เราเลยนัดกันว่าเช้ามืดวันนี้เราจะไปถ่ายรูปกันที่ตลาดสด
มันรอผมอยู่แล้วที่ลานจอดรถด้านล่างหอพัก ไอ้ตึ๊งเร่งเครื่องมอเตอร์ไซค์คันเก่งจนผมวิ่งแทบตาย
พอกระหืดกระหอบขึ้นซ้อนหลังมันได้ มันก็บิดคันเร่งจนผมแทบหงายหลังไปที่ตลาดสดไม่ไกลนัก
เป็นตลาดเล็กๆ ที่มีคนจอแจอยู่พอควรในยามเช้าที่ดวงอาทิตย์เพิ่งจะเริ่มฉายแสง เต็มไปด้วย
พ่อค้าแม่ค้าที่นำผักสด เนื้อสดมาประจำที่แผงตนเองแล้วแข่งกันตะโกนเรียกลูกค้า ไอ้ตึ๊งจอดรถได้เราสองคนก็
ลงไปเดินหาทำเลถ่ายรูปโดยมีผมเป็นคนแนะนำมุมกล้องและเทคนิคต่างๆ
ยืนถ่ายรูปกันได้สักพักผมก็ตกใจกับเสียงเอะอะโวยวายไม่ไกลนัก จับใจความพอได้ว่ามีโจรกระชาก
กระเป๋าป้าแก่ๆ คนหนึ่งและมันกำลังวิ่งมาทางผมกับไอ้ตึ๊ง ไม่มีเวลาตัดสินใจเมื่อเห็นผู้ชายรูปร่างผอมเกร็ง
เสื้อผ้ามอซอกำลังวิ่งตรงมา ผมสบตากับเพื่อนแล้วพุ่งเข้าชาร์ททันที
“ห่าเอ๊ย”
มันสบถแล้วรีบลุกขึ้นมาด้วยความโมโห ล้วงมือหยิบมีดสปริงที่ซ่อนไว้ตรงชายกางเกงออกมาโชว์หรา
ผมกับไอ้ตึ๊งเริ่มปอดแหกนิดหน่อย ก็เรามันเด็กเรียนนี่ครับ ไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน ผมรีบเด้งหลบเมื่อมันพุ่ง
มีดวาววับเข้ามา
“เหวออออ”
ไอ้ตึ๊งร้องลั่นด้วยความเสียวไส้ เมื่อไอ้โจรพุ่งมีดไปทางมัน ผู้คนเริ่มมามุงดูแต่ไม่เห็นมีใครจะเข้ามาห้าม
มันได้ มันพุ่งเป้าไปทางไอ้ตึ๊งจนผมกลัวเพื่อนจะโดนแทงเลยตัดสินใจยกขาเตะมันจากด้านหลัง
มันเซแท่ดๆ ก่อนที่จะหันกลับมามองผมตาวาวแล้วกวาดมีดมาทางผม ผมได้แต่ยกมือคว้าท่อนแขน
ของมันไว้ เห็นมันผอมๆ แต่เรี่ยวแรงโคตรเยอะ มันกดมีดลงมาจนด้านคมกรีดแขนของผมเลือดซิบ
แต่ก่อนที่จะเสียท่า แขนของไอ้โจรก็ถูกใครบางคนคว้าหมับแล้วบิดลงจนมันร้องลั่น คนๆนั้นบิดข้อมือ
จนมีดร่วงหล่นแล้วไอ้โจรก็ถูกเตะเข้าที่ลำตัวจนลงไปนอนกองอยู่กับพื้นพอดีกับที่เสียงนกหวีดของพี่ๆ หน่วย
รักษาความปลอดภัยของตลาดวิ่งกรูกันเข้ามาจับไอ้โจรไว้ได้ เสียงพึมพำอย่างถูกใจดังมาจากไทยมุงเพื่อ
ชมเชยชายผู้เป็นฮีโร่ อ้าว แล้วผมกับเพื่อนละครับมนุษย์ป้า ชมกันบ้างก็ได้นะ
“โหย พี่ เก่งจังครับ”
นั่น ไอ้ตึ๊งก็ผสมโรงไปกับเขาด้วย ผมเลยเงยหน้ามองเสียหน่อยกับคุณพี่ฮีโร่คนนี้ และพอเห็นหน้าชัดๆ
ไอ้ที่น้อยใจพวกป้าๆ ก็มลายหายวับ กลายเป็นหัวใจที่เต้นตึกตักเมื่อรู้ว่าคนที่เข้ามาช่วยคือคนที่ผมเก็บไปฝันทั้ง
คืน
“อ้าว น้องน้ำใสนั่นเอง นึกว่าใคร”
น้ำใสก็น้ำใสครับวินาทีนี้ แค่เขาเห็นผมและจำได้ผมก็ยินดีที่สุดแล้ว
“แล้วนั่น โดนมีดมันล่ะสิเจ็บมากไหม”
พอพี่พูดปุ๊บ ผมก็รู้สึกเจ็บปั๊บเลยครับ ก้มลงมองแขนตัวเองเห็นรอยมีดแม้จะไม่ยาวไม่ลึกแต่ก็เรียก
เลือดให้พอเจ็บๆ แสบๆ ได้ ไอ้ตึ๊งมันมองอย่างตกใจ
“เฮ้ย ต้องไปโรงพยาบาลทำแผลเปล่าวะ เอาไงดี กูพาไปไหม แต่เชี่ย กูมีเรียนแปดโมงนี่หว่าวิชานี้เช็ค
ชื่อด้วยสิ”
ไอ้ตึ๊งละล้าละลัง คุณพี่ก่อมองเราสองคนสลับกันไปมาก่อนที่จะช่วยตัดสินใจให้
“น้องไปเรียนเถอะครับอย่าโดดเลย ส่วนน้องน้ำใส แผลแค่นี้ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก เดี๋ยวพี่จะ
ทำแผลให้เอง”
เพราะเหตุนี้แหละครับพี่ก่อก็พาผมนั่งรถกระบะของเขาที่ด้านหลังบรรจุพวกของสดกลับมาที่ร้าน
ก๋วยเตี๋ยว ร่างสูงใหญ่เปิดเหล็กดัดด้านหน้าแล้วบอกให้ผมนั่งลงบนเก้าอี้ในร้านแล้วเขาก็เดินเข้าไปด้านใน
สักพัก กลับออกมาก็มีกล่องบรรจุยาทั้งหลายมาวางบนโต๊ะ
มือใหญ่คว้าอุปกรณ์ทำแผลมาทำให้ผมอย่างเบามือจนผมทึ่ง ในขณะที่ปากก็สั่งสอนผมไปด้วย
“เป็นพลเมืองดีมันก็ดีแต่น้องน้ำใสก็ต้องระวังด้วย ถ้าเห็นว่าจะเป็นภัยกับตัวเองก็ต้องเลี่ยงอย่าให้เจ็บ
แบบนี้อีก”
อือ โดนดุเลยกู
“อ่ะ เสร็จแล้ว อย่าให้แผลเปียกน้ำนะ”
“ขอบคุณครับพี่”
ผมยกมือไหว้พลางยิ้มหวานมองเขา
“แต่ คือ เอ่อ ผมจะบอกพี่ว่าผมไม่ได้ชื่อน้ำใสอย่างพี่เรียกนะ”
เขายิ้มตอบกลับมา เรียกเลือดมาเลี้ยงบนหน้าผมจนร้อนซู่
“พี่ไม่รู้จักชื่อน้องนี่ ก็เห็นมากินทีไรสั่งแต่น้ำใส ก็เลยเรียกอย่างนั้น แล้วชื่ออะไรล่ะเราน่ะ”
ได้ทีแล้ว ผมรีบแนะนำตัว
“ผมชื่อจริงว่า เดือนสิบ ครับ ชื่อเล่นว่าเท็นที่แปลว่าสิบเหมือนกัน”
ได้ยินชื่อผมเขาก็เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ผมชินแล้วนะใครๆ ที่รู้จักชื่อผมแรกๆ ก็จะเป็นแบบนี้แหละ
“ผมเกิดเดือนสิบครับ ตุลาคม พ่อเลยเอามาตั้งชื่อ”
ผมอธิบายที่มา เขาพยักหน้าหงึกหงัก
“แล้ว พี่ล่ะครับ”
ผมกล้าๆ กลัว ๆ แต่ก็ถามออกไปแล้ว ผมอยากให้เขาแนะนำตัวกับผมบ้าง
“เออ ใช่ แหม พี่ก็เสียมารยาทจริงแฮะ พี่ชื่อ ก่อการ ครับ เรียกว่าพี่ก่อก็ได้”
เท่ห์ มากกกก
พี่ก่อการรัก ผมเติมในใจ
ยังมีอีกเรื่องที่อยากรู้ ผมทำใจกล้าหน้าด้านแล้วเอ่ยถามตรงๆ
“เอิ่ม พี่ก่อ อายุเท่าไหร่แล้วครับ”
“ทำไม อยากถามถึงความแก่เหรอ พี่น่ะ 34 แล้วล่ะ”
ผมนี่แทบหงายหลังตกเก้าอี้เลยครับ
หน้าพี่ก่ออ่อนมากๆ ผมเดาไว้ว่าพี่เขาน่าจะราวๆ ยี่สิบปลายๆ แต่ไม่นึกว่าจะอายุ 34 แล้ว
ผมคำนวณในใจ ห่างจากผมตั้ง 16 ปีแน่ะ นี่กูจะโหนอายุมากไปหรือเปล่าหว่า
“นึกว่ายี่สิบห้า”
ผมตอบเสียงอ่อย
ภาพผู้ชายตัวสูงใส่เสื้อยืดพอดีตัวสีขาวซ่อนมัดกล้ามไว้ภายใน ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนตัวเก่าคร่ำ
กำลังยกมือเกาท้ายทอยตัวเองแล้วยิ้มเขิน มันทำให้หัวใจที่เพิ่งจะสงบกลับมาตีปีกเต้นแร้งเต้นกาอีกครั้ง
ผมมองภาพตรงหน้าแล้วเม้มปากแน่น
เอาวะ ถึงอายุจะห่างกันก็ไม่เป็นปัญหาน่าไอ้เท็น
“โห พี่หน้าอ่อนขนาดนั้นเลยเหรอ”
“มากเลยครับ”
มือที่วางแนบท้ายทอยเอื้อมมาวางบนหัวของผมแล้วขยี้เบาๆ หัวใจผมโบยบินไปแล้วครับตอนนี้
“ปากหวานนะเราเนี่ย”
กลบเกลื่อนความเขินอายด้วยการเสมองไปรอบร้านแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยครับ
“ยังไม่มีใครมาช่วยพี่ก่อหรือครับ ร้านเงียบจัง”
พี่ก่อส่ายหน้าเบาๆ สีหน้าจริงจังขึ้น
“พี่กำลังกลุ้มใจอยู่ ไอ้เปี๊ยกมันซิ่งมอเตอร์ไซค์ไปล้มเมื่อวานตอนเย็นแล้วแขนหักใส่เฝือกไว้
เรื่องมันกะทันหันมาก หาคนมาช่วยยังไม่ได้เลย”
อะไรก็ไม่รู้ทำให้ผมหันหน้าขวับไปมองหน้าพี่ก่อแล้วเอ่ยปากทันที
“ให้ผมมาช่วยช่วงที่พี่กำลังขาดคนไหมครับ ช่วงนี้ผมยังเรียนไม่หนักผมแวะมาได้ ไม่เอาค่าจ้างก็ได้”
พูดแล้วกัดปากตัวเองแทบไม่ทัน นี่กูจะรุกหนักไปหรือเปล่าหว่า
พี่ก่อมองหน้าผมอย่างแปลกใจ
“ไหวหรือ ตัวผอมๆ อย่างเราน่ะ”
ผมรีบพยักหน้า
“ผอมแต่แรงเยอะครับ ผมจะได้แอบสืบว่าพี่ทำน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวยังไงถึงได้อร่อยขนาดนี้”
พี่ก่อค้อมตัวลงมาเท้ามือไว้กับเข่าตัวเองจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับผม
“ตกลงตามนั้น พี่จะสมนาคุณด้วยบัตรสมาชิกวีไอพีให้กินก๋วยเตี๋ยวร้านพี่ฟรีตลอดชีพเลยดีไหม”
พรึ่บบบ
ผมระเบิดตัวเองตายไปแล้วครับตอนนี้
-------------------------------------------------- TBC ---------------------------------------
[attachment deleted by admin]