ตอนที่14
“จะรีบไปไหน ถูหลังให้หน่อยซิ”ประโยคที่มาพร้อมกับสายตาเจ้าเล่ห์นั้น มันทำเอาผม ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“ห๊ะ!”ผมร้องเสียงหลงเลยครับ ถูลงถูหลังอะไรกัน
“ถ้าไม่อยากถู งั้นเปลี่ยนมาลูบแทนไหมล่ะ”คำพูดที่หน้าเกลียดมาพร้อมกับมือใหญ่ที่เลื่อนลงมาลูบไล้สะโพกผมแทน
“นี่คุณ ยะ..อย่านะ”ผมรีบหันไปปัดมือเขาออก
“หึหึหึ หน้าแดง”แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจอาการโกรธของผมเลยสักนิด กลับเปลี่ยนเป็นยกมือขึ้นเสยผมที่เปียกน้ำของผมออกอย่างแผ่วเบา ดวงตาคมจ้องมองผมไม่กระพริบตา ก่อนที่สันจมูกโด่งจะเลื่อนเอามาคลอเคลียข้างแก้ม ตัวผมแข็งทื่อเป็นหินทันที เมื่อสัมผัสเปียกชื้นกำลังไล่เลียที่ใบหูของผม
“ยะ..อย่า”ผมร้องห้ามด้วยเสียงแผ่วเบา
ทั้งๆที่ผมร้องห้ามแทนที่เขาจะหยุดกลับทาบริมฝีปากลงมาบนกลีบปากของผมแทน ดูดกลืนริมฝีปากของผมราวกับมันคือขอหวานสุดโปรด ความรู้สึกเจ็บระบมมาพร้อมกับความรู้สึกบ้างอย่างที่ตีวนอยู่ในช่องท้องจนต้องงอตัว แต่ริมฝีปากด้านบนนั้นกลับยิ่งกดย้ำลงมาไม่ห่าง
“หยุดนะ!”ผมรวบร่วมแรงที่หมดที่มือดันอกของเขาออก โชคดีที่มันได้ผล
“ถะ..ถ้าไม่หยุด..ผมจะโกรธ ..จะ..จริงๆนะ”ไม่รู้ทำไม ทั้งที่เป็นแค่จูบที่นั่งนิ่งๆอยู่อ่านน้ำเท่านั้นแต่ผมกลับรู้สึกเหนื่อยอย่างกลับไปวิ่งรอบบ้านมาซะอย่างนั้น
“ก็ได้ๆ งั้นมานี่ซิ”เขายกสองมือขึ้นระดับหัวเพื่อแสดงอาการยอมแพ้ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นหมุนตัวผมให้หันไปอีกทางเพื่อหันหลังให้เขาแล้วดึงตัวผมเขามาอยู่ระหว่างเขาที่แยกออกให้
“ทำอะไรน่ะ” ผมเริ่มกังวลอีกครั้ง แต่ไอ้ความรู้สึกเหนื่อยมันก็ยังไม่หายสักที เพราะหัวใจของผมมันเต้นโครมครามราวกับจะทะลุออกมา
“แค่ถูหลังน่ะ นั่งเฉยๆ แต่ถ้าดิ้นมากๆ อะไรบางอย่างที่นั่งทับอยู่มันตื่น ก็ไม่รู้ด้วยนะ”เขาว่า ก่อนจะหยิบเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่อยู่ข้างๆอ่างมาถูกับสบู่ แล้วชุบน้ำ มาขัดที่หลังผมเบาๆ
“ไม่ต้องก็ได้ ผมทำเอง..”
“เฉยๆน่า “ผมเตรียมเอี้ยวตัวกลับเพื่อที่จะไปแย่งผ้ามาถูเองแต่กลับถูกจับให้หันกลับมาทางเดิน ก่อนจะถูกดึงให้ตัวผมเอนลงไปซบที่แผ่นอกกว้าง แน่นนอนผมพยายามขืนตัวอีกครั้ง แต่ก็นั้นอีกเมื่อมันไม่เคยได้ผล
“ตั้งแต่ ขึ้นมากรุงเทพ ก็ไม่ค่อยได้คุยกันเลย”เขาว่าก่อนจะใช้ผ้าขนหนูขัดเบาที่ต้นแขนอีกครั้ง ผมเองก็ได้แต่นอนพิงเงียบๆเพราะถึงอ่างอาบน้ำจะใหญ่พอที่แช่ได้ถึงสามคนแต่ก็เถอะ แต่ระดับน้ำที่ผมเปิดไว้คือแช่คนเดียวไง พอต้องมานอนเกยกันแบบนี้ น้ำสบู่ๆขาวๆก็ไม่ได้ช่วยปิดอะไรต่อมิอะไรของผมเลย จึงต้องเอามือมาค่อยกุมไว้
“น้องจี ออกมาจากตรงนี้ซินะ”เขาเปลี่ยนจากการขัดถูตามแขนผมมาเป็นสัมผัสเบาๆที่หน้าท้อง
หน้าท้องที่มีรอยแผลเป็นขีดจางๆยาวประมาณ15เซ็น
“อืม”พอมองเห็นแบบนี้แล้วผมก็นึกถึงวันแรกที่ผมได้เห็นหน้าน้องจีเลย หน้าเสียดายที่ผมต้องฉีดยาสลบตอนผ่าคลอดน้องจี แต่ถึงอย่างนั้นผมก็โชคดีที่ลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นน้องจีนอนอยู่ข้างๆ
“กูอยากอยู่ด้วยวันที่ลูกเกิด กูอยากอยู่ข้างๆตอนที่มึงกำลังเจ็บ และกูอยากเป็นผู้ชายคนแรกที่ได้อุ้มลูกกู”น้ำเสียงทุ่มเอ่ยขึ้นแผ่วเบาราวกับกำลังเหนื่อย ก่อนจะลูบไล้ไปมาที่แผลเป็นนั้น ราวกับต้องการจะซึมซับความรู้สึกในวันแรกที่น้องจีเกิดมา
“ช่วยไม่ได้นี่ ผมเองก็ไม่ได้อุ้มน้องจีคนแรกเหมือนกัน”คำพูดเหมือนปลอบโยนแบบนี้มันคืออะไรกัน
ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมก็เริ่มเอาใจใส่เขาขึ้นมา
“ขอโทษ”แขนแกร่งจากทางด้านหลังโอบกอดมายังตัวผม รัดแน่นราวกับว่าผมกำลังจะหายไป ก่อนที่ใบหน้าคมจะซบลงมาที่ซอกคอนิ่ง ผมทำได้แค่เพียงยกมือขึ้นลูบไล้ลำแขนแกร่งที่โอบรอบตัวผมแทนการปลอบโยน
ผมขืนตัวออก และครั้งนี้เขายอมปล่อยผมแต่โดยดี
“ตอนนั้นไม่ได้อยู่ แต่ตอนนี้อยู่ มันก็ดีกว่าอยู่ด้วยกันในวันนั้น แต่วันนี้ไม่ได้อยู่จริงไหม”ผมยกมือทั้งสองข้างประครองใบหน้าหล่อ ที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำ ก่อนจะค่อยๆยื่นใบหน้าของตัวเองเข้าไปหา และจูบเขา
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเขาเอาใจใส่เรื่องน้องจีและเรื่องของผมมากแค่ไหน ความหวาดกลัวตลอด4ปีที่ผ่านมา มันได้ทลายหายไปทีละนิด ตั้งแต่วันที่ผมเจอเขาอีกครั้ง จนตอนนี้ ตอนที่ดวงตาแดงก่ำพร้อมกับหยดน้ำตาร้อนๆที่ไหลลงผ่านดวงตาตรงหน้าผม มันได้ทลายทุกอย่างๆตลอด4ปีนี้หมดแล้วจริงๆ
และความรู้สึกใหม่ที่เข้ามาแทนที่ก็คือ รัก
“สัญญาซิ ว่าจากนี้จะใช้เวลาทั้งชีวิตชดเชยเวลา4ปีที่หายไป”ผมพูดทั้งๆที่ริมฝีปากของผมเองก็ยังถูกคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง
“ด้วยชีวิตเลย”
คืนนี้เป็นคืนที่ผมหลับสนิทที่สุดตลอด4ปีความรู้สึกกังวลต่างๆได้หายไปอย่างหน้าประหลาด ตำแหน่งการนอนถูกเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อคืนนี้ผมนอนตรงกลาง น้องจีหลับสนิท คนข้างหลังผมก็เช่นกันแขนแกร่งที่เกี่ยวรัดเอวผมไว้ในตอนนี้มันช่าง
อบอุ่นจริงๆ
“นี่คุณ ผมเจอไอ้นี่เสียบไว้ที่ตู้จดหมายน่ะ ของคุณ”ผมยื่นซองจดหมายสีทองที่จ่าหน้าซองถึงเจ้าของบ้านก่อนจะหยิบใบปลิวลดราคาอื่นๆมาถือดู
“ของพี่หรอ”เขาถามตั้งแต่เมื่อคืนเขาก็แทนตัวเองว่าพี่ตลอด ถึงแม้มันจะดูไม่ชิน แต่ผมชอบนะ
“ครับ “ผมยิ้มแล้วตอบรับก่อนที่จะนั่งลงที่โซฟาด้วยอีกคน”เขียนว่าไงครับ”
“งานเลี้ยงรุ่นที่มหาลัยน่ะ”เขาว่าก่อนจะส่งมาให้ผมอ่าน
“อาทิตย์หน้า คุณจะไปไหม”ผมถามเมื่ออ่านลายละเอียด ถ้าเลี้ยงรุ่นพี่ทอสแล้ว ต่อไปคงเป็นรุ่นผม
“อยากไปไหม”เขาหันมาถามผม ผมส่ายหน้า
“ไม่ครับ นั้นมันของคณะพี่นี่”ผมยิ้ม ตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อคืน ผมก็ตัดสินใจจะให้โอกาสกับเขา ไม่ใช่แค่ในฐานะพ่อของน้องจี แต่ เป็นฐานะ สามี
ผมจึงตั้งใจที่จะให้เกียรติ์เขาโดยลบอคติทุกอย่างทิ้ง เพราะมันคงจะดีกว่า ถ้าน้องจีเติบโตขึ้นในครอบครัวที่รักกัน ไม่ใช่แค่รักน้องจีอย่างเดียว
“เขาเชิญภรรยาด้วย” เรื่องนั้นผมก็รู้ครับ แต่ถึงจะอย่างนั้น แต่ผมก็เป็นผู้ชายนะครับ จะให้เดินควงไปในฐานะภรรยามันก็แปลกเกินไปหน่อย
“อย่าคิดมากน่ะ เรื่องของเราดำเนินมาจนมีน้องจีแบบนี้ ไม่ช้าก็เร็วทุกคนก็ต้องได้รู้ “เขายื่นมือมากุมมือผม
“แล้วน้องจีล่ะครับ ใครจะดูน้องจี งานเลี้ยงก็เริ่มดึกด้วย”อีกเรื่องที่ผมห่วงคือน้องจีครับ เพราะงานเลี้ยงเริ่มตอนสองทุ่มกว่าจะเสร็จงานก็คงเที่ยงคืนกลัวน้องจีจะงอแงน่ะซิ
“ฝากให้น้องเชนดูก็ได้ “
“แต่น้องจี จะไปรบกวนเขาเปล่าๆแล้วอีกอย่างน้องเชนก็คงจะงานยุ่ง”น้องเชนกำลังเรียนหมอ คงไม่มีเวลาดูน้องจีให้หรอก
“เชื่อซิ ยังไงก็ได้ เชนเองก็ชอบน้องจีมาก ไอ้คินเองมันก็อยากมีลูก แต่เพราะน้องเชนท้องไม่ได้ น้องเชนก็เลยซึมๆทุกครั้งที่เห็นเพื่อนๆไอ้คินมีลูก ให้น้องเชนได้อยู่กับลูกสักคืน เถอะ”พอพูดอย่างนี้ก็ใจอ่อนเลยครับ ผมพยักหน้ารับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดมันก็คงต้องเกิด ความจริงที่ว่าผมคลอดน้องจีออกมา และพี่ทอส คือพ่อของน้องจี ยังไงเรื่องนี้ ก็คือความจริง ปิดยังไงสักวันคนที่รู้เรื่องก็ต้องมากขึ้นแน่น
บรี๊นๆๆ
“ใครน่ะ”ผมเดินไปดูที่ประตูเพราะได้ยินเสียงแตรรถ อยู่หน้าบ้าน
“เอ่อ คุณหมอนนต์ครับ”ผมหันไปตอบก่อนกดให้ประตูรั้วเปิดอัตโนมัติ
“มีอะไรหรือเปล่าครับท่าทางรีบร้อน”ผมรีบเดินเข้าไปหาเมื่อรถมาจอดที่หน้าบ้าน
“ขอโทษนะครับที่กะทันหัน พอดีเกรวมีสอบตรงเข้ามหาลัย ครับ และ เอ่อ เจ้าตัวก็ไม่ยอมบอกผมเลยต้องขอฝากน้องกันต์ไว้หน่อยได้ไหมครับ มันกะทันหันจริงๆที่บ้านผมก็ไปเกาหลีกันหมดเลย”คุณหมอทำหน้าร้องรนมือจูงน้องกันต์ที่แต่งตัวน่ารัก มองตาแป๋วอยู่ แต่พอมองเลยไปด้านหลังเห็นน้องเกรวนั่งร้องไห้อยู่ในรถ
“เอ่อ ครับไม่มีปัญหา แต่น้องเกรว”เพราะผมเห็นน้องเกรวนั่งร้องไห้เลยอดเป็นห่วงไม่ได้
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เดี๋ยวผมจัดการเองฝากน้องกันต์ด้วยนะครับ น้องกันต์ครับ อยู่กับครูเอฟอย่าดื้นนะครับเดี๋ยวพ่อพาพี่เกรวไปโรงเรียนแล้วเดี๋ยวเลิกเรียนเดี๋ยวมารับนะครับ พ่อรักลูกนะ”คุณหมอก้มลงจุฟหน้าผากน้องกันต์ก่อนจะเดินไปที่รถแล้วขับออกไป
“พี่เกรวร้องไห้ คุณพ่อดุ เพราะพี่เกรวไม่ยอมเรียนหนังสือ”น้องกันต์ที่มีสีหน้ากังวล พูดขึ้นตามภาษาเด็ก
“ครับ ไม่เป็นไรเดี๋ยวให้คุณพ่อคุยกับพี่เกรวก่อน น้องจียังไม่ตื่นเลย น้องกันต์ไปปลุกกับครูไหม”ผมหันมาเปลี่ยนเรื่อง เพราะเด็กน้อยทำหน้าเศร้า เห็นแล้วผมก็อดสงสารไม่ได้
“ครับ” ผมพาน้องกันต์ขึ้นไปหาน้องจี โดยให้พี่ทอสถือกระเป๋าเป้ ที่น่าจะมีของที่จำเป็นสำหรับน้องกันต์อยู่ไปไว้ที่โซฟา
“นั่งไงครับยังหลับอยู่เลย”ผมเปิดประตูให้ น้องกันต์รีบเดินไปหาน้องจีทันที
“จีๆ จีๆ”น้องกันต์เดินไปเขย่าตัวน้องจีเบาๆ แต่เด็กน้อยขี้เซาของผมก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่น
“ตีเลยครับ”ผมยุ น้องกันต์เป็นเด็กสอนง่าย สั่งให้ทำอะไรก็ทำทันที ตีเขาไปที่แขนน้องจีเสียงดัง เปะ
“ไม่ตื่นหรอครับ”ผมถามน้องกันต์พยักหน้ากึกกึก
“ต้องจุฟ เหมือนนิทานไหมฮะ”น้องกันต์ถาม คงจะหมายถึงพวกนิยายดิสนีย์ที่พอเจ้าหญิงโดนคำสาปแล้วต้องโดนจุมพิตถึงจะตื่นขึ้นมาอะไรทำนองนั้น
“ลองดูซิครับ”ผมพูดออกไปด้วยความเอ็นดู
ทันใดนั้น น้องกันต์ก็ยื่นหน้าเขาไปก่อนที่จะประกบริมฝีปากบางๆลงบนกลีบปลากอิ่มของน้องจี และน้องจีก็ลืมตาขึ้นมาทันทีที่น้องกันต์ผละออก ดูเป็นเรื่องตลกและเกินจริงไปหน่อย แต่ผมแอบเห็นว่าเจ้าตัวน้อยของผมแอบยิ้มตั้งแต่โดนน้องกันต์ตีที่แขนแล้ว
ชักจะเหมือนคุณพ่อของตัวเองเข้าทุกวัน โดยเฉพาะความเจ้าเล่ห์เนี่ย
TBC
ก็อย่งที่บอกไปว่าน้องจีคือตัวเอกในเรื่องนี้5555
สั้นไปเดี๋ยววันศุกร์มาลงให้อีก