รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน  (อ่าน 268590 ครั้ง)

ออฟไลน์ ~NeMeSiS_PURE~

  • 행 복 하 길 바 래 ...
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2009
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +196/-2
ไปรับน้องมา 3 วัน เรื่องไปถึงไหนต่อไหนแล้วววววววววววววว :serius2:


ตามอ่านไม่ทัน ไปอ่านก่อนดีกว่า :sad2: :sad2:

ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
อ่านตอนนี้แล้ว น้ำตาไหล คิดถึง บ้านจัง  สำหรับใครหลายๆๆคนที่ไม่ได้อยู่บ้าน ไปทำงานหรืออยู่ที่อื่น ได้อ่านตอนนี้ ความรู้สึกคงไม่ต่างกันกับ อาร์มเนอะ

อืม..นั่นสิ อาร์มทำให้เราคิดถึงเมืองไทยมากมาย :กอด1:
รอตอนต่อไปอยู่นะจ๊ะ :m13:

Donpopper

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านอีกจังเลย

รอ :a5: ต่อไปนะค๊าฟ ท่านผู้เขียน

สู้ๆนะครับ

Black Angel

  • บุคคลทั่วไป
 :m22: :m22: :m22: :m22:

เข้ามาดูว่ามาหรือยัง เอ๋ ยังไม่มา ไปนอนก่อนนะ

พรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้า

 :a12: :a12: :a12: :a12: :a12:

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1



ตอนที่ผมเริ่มเขียนเรื่องนี้ . . .

ผมตั้งใจตั้งแต่ต้นแล้วว่าผมจะเขียนตอนนี้ . . .แต่ผมจะเขียนยังไงดีนี่สิ. . .

บางคน . . . อาจอยากรู้เรื่องของผม  แต่สำหรับผม  วันนั้น . . . วันที่ผมยิ้มอย่างมีความสุข  วันที่ผมน้ำตาไหล  เมื่อธงชาติไทย ค่อย ๆ  ขึ้นสู่ยอดเสา  วันที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ  คนนึง  เธอทำให้ผมยิ้มได้ . . .

ผมรู้ทันที . . .เธอคือนางฟ้าในใจของผม

ถ้าไม่มีเธอ  ผมอาจจะยังดันทุรังที่จะหนี  ไม่อยากกลับเมืองไทย  ทั้ง ๆ  ที่ในตอนนั้น  ผมคิดถึงเมืองไทยมาก  แต่ผมคิด  ที่ไหนก็เจ็บ  ที่แปลกหูแปลกตา  มันเจ็บน้อยกว่าแน่ ๆ    ผมไม่รู้นะ  เธอไม่ได้แข่งกับคนต่างชาติต่างภาษา  แต่เธอแข่งกับคนไทยอีกหกสิบล้านคนที่ฝากความหวังไว้กับเธอ

ในฐานะ  . . . แชมป์โลก . . . แชมป์โอลิมปิค 

ถ้าเธอทำไม่ได้ . . . นั่นหมายถึงความผิดหวังของคนไทยทั้งประเทศ  ผมไม่รู้ว่าแรงกดดันเวลาที่มีธงไตรรงค์ติดที่หน้าอกมันมากมายขนาดไหน  ผมเลยต้องเขียน  อย่างน้อย  ผมคนนึง  ที่ไม่ได้มองแค่เหรียญที่เธอได้  แต่ผมมองถึงทุก ๆ  อย่างที่เธอได้มา  เลือดตาแทบกระเด็น  ตอนนี้ผมเลยเขียนออกมาอย่างที่หัวใจผมอยากได้จริง ๆ  ครับ









เง้อ...ว่าจะไม่รีแล้ว แต่คำพูดทั้งหมดนี่มันโดนใจ
 o13 o13 o13 o7 o7 o7 :laugh: :laugh: :oni1: :oni1:

iamhappywood

  • บุคคลทั่วไป
เอิ๊ี๊ก ไปต่างจังหวัดมาสามวัน อ่านตามทันแล้ว

พี่อาร์มอย่าใจแข็งนานนะ อิิอ


ต่อไปขอวันละสองตอนน้า แล้วรอเจ็ดวันค่อยมาโพสต์ตอนจบ แต่ตอนก่อนจบมาโพสต์เร็วๆ อิอิ

ส่วนเกมขอรีพลายรายชั่วโมงได้ป่ะ อยากปั่นกระทู้ซะเลย

อยากอ่านตอนอวสานอ่ะ  :oni2: :oni2: :oni2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-06-2008 23:02:24 โดย iamhappywood »

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป


ตอนที่   ๓๖




   ๔  มกราคม  ๒๕๕๐


   เสียงกัปตันประกาศ  ให้ผู้โดยสารรัดเข็มขัดอยู่กับที่  เมื่อเครื่องกำลังลดระดับพร้อมที่จะแลนด์ดิ้งเหนือน่านฟ้าของบ้านเกิดเมืองนอน  ผมมองลอดออกไปนอกหน้าต่าง  มันแตกต่างจากครั้งที่ผมจากบ้านเกิดไป

   คราวนี้ . . .

   . . . สุวรรณภูมิ


   ความใหญ่โตอลังการของสนามบิน  ทำเอาผมต้องตื่นตาตื่นใจเมื่อมองจากหน้าต่างของเครื่องบิน  ทำไมมันใหญ่แบบนี้  แล้วผมจะไปถูกมั้ยนี่  ประตูลูกเรือไปทางไหน  และอีกสารพัดที่ผมกลัวในตอนนั้น

   แต่ . . .

   น้อยกว่าความอิ่มเอมหัวใจที่ผมมี

   ผมค่อนข้างโชคดีอยู่บ้างตรงที่ได้กลับมาบ้านครั้งนี้ ๓๐ ชั่วโมง  และผมได้ไฟลท์นี้พร้อมไอ้อาร์มเล็ก  เพื่อนที่ดีที่สุดในต่างแดน    แต่ใช่ว่าผมจะคุยทุกเรื่องกับมัน  เพราะผมเองก็ไม่อยากให้มีอะไรที่ต่อความยาวสาวความยืดกันอีก

   เรื่องที่มันอยากรู้บางครั้งผมนิ่งเฉย . . .

   เครื่องแตะรันเวย์ได้กระดอนมาก ๆ  กระดอนมากกว่าสนามบินดอนเมืองเสียอีก  ผมไม่แปลกใจเลยกับข่าวในทางลบของสนามบินแห่งนี้ เมื่อได้แลนด์ดิ้งที่นี่ครั้งแรก  มันไม่มีความประทับใจเท่าดอนเมือง . . .

   . . . เทียบกันไม่ได้เลยจริง ๆ

   “พี่อาร์ม  ไปเชียงใหม่เลยหรือ”

   “อืม  ว่าแต่เช็คอินน์แทนที่โรงแรมได้นะ”

   “ได้สิ ไม่มีปัญหาหรอก  ขอแค่ว่าพรุ่งนี้ตอนมาเช็คเอ้าท์ออกมาให้ทันก็แล้วกัน  ไม่งั้นผมกับพี่โดนสอบแน่ ๆ    โชคดีนะเนี่ย  ช่วงนี้มีสองไฟลท์  เลยได้พักยาวหน่อย  ลองตารางหน้าโลว์ดิ  มีแค่ไฟลท์เช้า  เหนื่อยตายเลยตื่นตั้งแต่ตีสี่”   ผมเดินคุยมากับมัน  เมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง

   ภายในอาคารดูโปร่งโล่งสบาย . . .

   หากแต่ผมยังไม่คุ้นอยู่ดี  เพราะนี่คือครั้งแรกในรอบสิบเดือนที่ผมมาเมืองไทย  ตอนไป  ผมไปจากดอนเมือง  หากตอนผมกลับ  มาลงที่นี่ . . .

   . . . สนามบินแห่งความภาคภูมิใจ

   ความภาคภูมิใจที่ได้โกงกินชาติของคนบางตระกูล . . . กระนั้นหรือ

   เขาเป็นคนเซ็นต์อนุมัติ  เร่งรีบก่อสร้าง  ปรับลดขนาดจากเดิมที่รองรับผู้โดยสารได้หกสิบล้านในปีแรก  มาเหลือแค่สี่สิบห้าล้านคน  แถมยังมีหน้ามาบอกว่าประหยัดกว่าเดิมตั้งสามหมื่นกว่าล้าน  

   แต่ . . .

   สิ่งที่หมกเอาไว้ไม่พูด  ผู้โดยสารที่หายไปสิบห้าล้านคน  ต้องมีอะไรเพิ่มบ้าง  เทอร์มินอล  พื้นที่  รันเวย์ที่สามหายไปหนึ่งรันเวย์  แดกได้ใจเลยนะมึง . . .  สัสสสส

   ด้วยหวังว่านี่จะเป็นผลงานที่จะต่ออายุการครองอำนาจ  และในวันเปิดสนามบินที่ภาพข่าวจะออกไปทั่วโลก  เขาจะเป็นคนในข่าวที่ทั่วโลกจับตามอง  

   หาก . . .

   . . . เวรกรรมมีจริง

   จนบัดนี้ . . .

   . . . ยังไม่มีวันหวนคืนแผ่นดิน

   “แยกกันตรงนี้นะพี่อาร์ม  พรุ่งนี้เจอกัน”  

   “คืนนี้ดิ  กลับไฟลท์ดึก  ไปหาหลวงพ่อ  ไม่ได้เจอตั้งสิบเดือนแล้ว  คิดถึงบ้าน  คิดถึงข้าวซอยบ้านคุ้ม”  ผมหมายถึงร้านข้าวซอยที่เชียงใหม่

   “โหพี่  อย่าพูดดิ  อยากกิน  อย่าลืมหมูยอป้าย่นนะ  ค่าปิดปาก  กลับมาพรุ่งนี้เช้าก็ได้  มาเช็คเอาท์ก่อนเที่ยงนะพี่”

   “เออน่า  เดี๋ยวซื้อมาฝาก  เอาแบบลำแต้ ๆ  เลยเจ้า”  ผมยิ้ม  

   “ไม่ต้องรีบพี่  อยู่ค้างกับหลวงพ่อก็ได้  ทางนี้ผมเคลียร์เอง”  มันหันมาทำสัญญาณมือแบบมั่นใจ

   “ดูก่อนนะ  ถ้าไม่เหนื่อยมากกลับคืนนี้ไฟลท์สุดท้าย”  ผมยิ้มอีกครั้ง  ก่อนที่จะเดินไปที่ชั้นสี่ของอาคารผู้โดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลก

   ไอ้อาร์มเล็กบอก  DOM อยู่ประตูแรก . . .

   เดินกันขาลากแน่ ๆ  แต่ดีหน่อยที่กระเป๋าใหญ่  ผมเอาฝากไอ้อาร์มเล็กไปที่โรงแรม  เพื่อยืนยันว่าผมมาแน่ ๆ  ส่วนผมมีแค่กระเป๋าถือ  กับยาบำรุงสำหรับผู้สูงอายุ

   “น้องอาร์ม  ใช่น้องอาร์มมั้ยนี่”  ผมหันไปตามเสียงเรียก

   “พี่รัตน์  สวัสดีครับ”  ผมยกมือไหว้ ผู้จัดการสาวคนเก่งของผมเอง  แต่เป็นที่บริษัทเก่านะ  วันนี้แกลงมาที่หน้าเคาเตอร์เองเลยแฮะ

   “ไปอยู่ไหนมา  ไม่โทรมาเลยนะ”

   “สบายดีมั้ยครับพี่  ผอมลง  สวยด้วย”  ผู้หญิงมีอะไรที่รู้สึกดีกว่านี้อีกหรือ  

   หลับตาชมไปเหอะ  รับรองคนโดนชมยิ้มจนลืมทุกเรื่องที่อยากจะคุยเลยทีเดียว  เป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งของสัตว์เพศเมียกระมัง

   “ดูพูดเข้า  สี่สิบเข้าไปแล้ว”

   เห็นมั้ยล่ะ  ผิดคำเสียที่ไหน  แกอายอย่างกะดรุณีแรกรุ่นสิบแปด . . .

   “ผมพูดจริง ๆ  ไม่ได้ยอ”

   “พอเหอะ ๆ  จะไปไหน  แล้วทำงานที่ไหน”

   “จะไปเชียงใหม่พี่  แต่ไม่ได้บินบูติคนะ  กลัวไฟลท์ดีเลย์  เลยมาหาป้าม่วงเอาอ่ะ  ไฟลท์เพิ่งลงครับพี่  ไม่ได้กลับมาเกือบปีแล้วล่ะครับ  ต้องไปหาหลวงพ่อก่อน”  ผมชี้ที่เข็มกลัด

   “ว๊าย  ไปอยู่ห้าดาวเลยเหรอ  ทำไมไม่มีใครบอก”

   “ก็บังเอิญได้ครับพี่  แล้วฉุกละหุกมากช่วงนั้น  ผมไปก่อนนะครับพี่  ค่ำนี้อาจต้องบินกลับมาโรงแรมอีก  พรุ่งนี้กลับแล้วล่ะครับ”

   นี่ละครับงานของผม  แรก ๆ  ต้องปรับเวลาเสียแทบแย่  กลัวเหมือนกันกับอาการเจทเลท  แต่โชคดีที่ไม่เจอ  อาชีพที่ทุกคนมองว่าสวยหรู  แต่ความเป็นจริงแล้ว  ไม่ใช่  มันมีอันตรายรอบด้าน

   ลองคิดดูนะครับ . . .

   ตอนอยู่โดฮา  เวลามันอยู่อีกโซนหนึ่ง . .

   . . .ถ้า

   บินมาปักกิ่ง  เซี่ยงไฮ้ ความแตกต่างของเวลา  ร่วมหก . . . ถึงเจ็ดชั่วโมงตามแต่ฤดูกาล  และ  การที่เราจะนอนหลับได้  ต้องปรับตัวภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนี่เป็นเรื่องที่ว่ายากพอดู  

   เหมือนตอนนี้  

   ที่เมืองไทย . . . แปดโมงกว่า ๆ  

   แล้วคืนนี้  ห้าทุ่มผมจะต้องนอนเพื่อพรุ่งนี้ผมต้องทำงานต่อ  แต่เวลาที่โดฮาที่ผมจากมาเพิ่งราว ๆ  ห้าหกโมงเย็น  ถามหน่อยเหอะ  จะหลับไปลงได้อย่างไร  เวลาหกโมงเย็นที่ผมเคยชินมาตลอด . . .

   สิ่งที่ลูกเรือกลัว . . .

   . . . อาการเจทเลท

   เป็นอาการที่เกี่ยวกับการปรับสภาพร่างกายไม่ได้หลังการบิน  มันไม่รู้ว่าทรมานขนาดไหน  เพราะผมยังไม่เคยเจอ  ทุกครั้งที่ผมบิน  ผมจะบังคับตัวเอง  เมื่อมาทางโซนอาเซียน  ผมจะต้องขอนอนก่อนสามชั่วโมง . . . เพื่อปรับเวลา

   แต่ . . . วันนี้

   ผมนอนไม่หลับหรอก  คิดถึงหลวงพ่อ . . .




   ทันทีที่ถึงสนามบินเชียงใหม่  ผมหารถเช่าที่สนามบินนั่นแหละ  หัวใจผมนะหรือ  แทบจะกระโจนออกมาจากอก  มันบอกไม่ถูก  ที่นี่คือบ้าน  ทุกตารางนิ้วในด้ามขวานทองนี้คือบ้านของพวกเรา บ้านหลังใหญ่   ถนนหนทางเปลี่ยนไปมากมาย  อาจเพราะเชียงใหม่กำลังมีงานใหญ่  และเดือนนี้เป็นเดือนสุดท้ายของงานราชพฤกษ์

   “หลวงพ่อ”    ผมก้มลงกราบ  มันตื้นตัน  ผมจับปลายเท้าท่านเอาไว้  น้ำตามันไหลออกมา   ท่านชรากว่าที่ผมคิดเอาไว้เสียอีก  

   นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้มาหาท่าน . . .

   สายเลือด . . .  

   . . . ความผูกพัน  

   มันสื่อถึงกัน  ผมดีใจนะ ดีใจอย่างที่สุดในชีวิต  ที่ร้องไห้ออกมาเพราะดีใจที่ท่านอยู่จำวัด  ท่านไม่ได้ไปที่อื่น

   มือท่านวางลงบนศรีษะผมเบา ๆ

   “เหนื่อยมากก็พักนะอาร์ม”

   มันทำให้ผมร้องไห้ออกมาหนักไปอีก  น้ำเสียงท่านยังเมตตาผมเหมือนเคย  ผมนอนลงเบา ๆ  เอาหน้าซบผ่าเท้าท่านเอาไว้  บางทีผมอาจจะเป็นลูกที่ใช้ไม่ได้  ไม่เคยได้มาดูแลท่านเลย

   “เอ๊า  ร้องเข้าไปเหมือนเด็ก ๆ”

   “คิดถึงบ้าน  คิดถึงหลวงพ่อ  หลวงพ่อสบายดีมั้ย”  

   ท่านปล่อยให้ผมร้องจนผมหยุดเอง  แต่ท่านมิได้ขยับตัวหนี  มือท่านวางสัมผัสศรีษะ  เป็นสิ่งเดียวที่ผมสัมผัสได้จากปลายนิ้วของท่านมันผ่านเส้นผม  ก่อนไหลมาที่หัวใจ

   ความรัก . . .

   . . . ของพ่อ

   “คิดถึงก็กลับมา  บ้านเรายังไงก็เป็นบ้านเรา  ไม่มีที่ไหนเหมือนบ้านเราดอก”

   “ลงจากเครื่องก็บินมาเชียงใหม่เลย   ค่ำนี้ก็ต้องบินกลับ หรืออย่างช้าสุดพรุ่งนี้ไฟลท์แรกเพราะ  พรุ่งนี้บ่ายก็ต้องบินกลับที่โน่นแล้ว”

   ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง  เพราะรู้ดีว่า  หากคุยกันถึงเรื่องนั้นอีก  ผมอาจจะใจอ่อนกลับมาอยู่เมืองไทยก็เป็นได้  แต่ตอนนั้นฐิทิในหัวใจมันมีมากเหลือเกิน  ทั้ง ๆ  ที่ผมรู้หัวใจตัวเอง  แต่ผมไม่กลับ . . .ไม่ยอมกลับแน่ ๆ

   “อาทิตย์ก่อน  โกก็แวะมา  เอายามาให้  เห็นว่าจะกลับปาย”  

   ท่านบอกเรียบ ๆ  หากมองมาที่ผม  ไม่รู้เหมือนกันตอนนั้นผมเป็นอะไรรู้สึกหงุดหงิด  ระหว่างมันกับผมจบกันแล้ว  มันจะแวะเวียนมาหาหลวงพ่ออีกทำไม  ในเมื่อไม่น่าจะมีอะไรต้องเกี่ยวพันกันอีก

   “หลวงพ่อเป็นอะไร  ต้องไปหาหมอมั้ย”

   “โรคคนแก่นะอาร์ม    เดือนที่แล้วโกเพิ่งมาพาไปโรงพยาบาล  หมอบอกว่าไม่มีอะไรมากหรอก  ให้ยาบำรุงมา”  แววตาท่านคล้ายบอกอะไรผม

   ผมเหมือนมีอะไรมาจุกที่ลำคอ . . .

   . . . พ่อผม  แต่ทำไมต้องเป็นคนอื่นที่มาดูแล

   “ผมเป็นห่วง”

   “อย่ากังวลเลย  อย่างที่พ่อเคยบอก  เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดา  เราอย่าไปยึดติดกับมันเลย  อะไรที่ปล่อยวางได้ก็ปล่อยวางเสีย  ไม่มีอะไรที่อยู่กับเราไปจนตายหรอกอาร์ม”

   “ครับหลวงพ่อ”

   “ทำงานให้สบายใจ  ถ้าคิดว่าเมื่อไหร่หายร้อนก็ค่อยกลับมา  หลวงพ่ออยู่ได้  พวกโอ๋  แดน  ก็แวะเวียนมาบ่อย แต่โกนี่มาทุกเดือน”

   “ครับหลวงพ่อ”

   ผมรับทราบ  แต่ดูเหมือนว่าความรู้สึกอะไรบางอย่างที่ผมมี  มันจะจุกอยู่ที่คอผมกระมัง  ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคืออะไร  ผมรู้แค่ว่า  บางอย่างที่มันอยู่ในตัวผม  มันบอกผมว่า  ผมไม่เอาไหนเลย

   “หลวงพ่อ . . .  หลวงพ่ออยู่มั้ยครับ”  เสียงที่ร้องเรียกหน้ากุฎิ  ผมจำได้

   เสียงที่ไม่เคยห่างหายไปจากหัวใจผมเลย  จะนานแค่ไหนผมไม่มีวันลืม  เสียงที่ผมคุ้นเคย  จะลืมง่ายดายได้อย่างไรกัน

   ผมมองที่หลวงพ่อ  

   หลวงพ่อยิ้มสงบ  หากแต่ทำไมหัวใจผมมันว้าวุ่นเหลือเกินก็ไม่รู้  หลวงพ่อขยับกายจะออกไปตามเสียงเรียก  

   “หลวงพ่อ . . .”  ผมจับเท้าหลวงพ่อเอาไว้

   ท่านหันมามองหน้าผม . . .

   “อย่าบอกนะครับ  ว่าผมอยู่ที่นี่”  ผมมองหน้าท่าน  ผมไม่รู้สิ  ผมไม่อยากเจอ  หรืออาจเพราะยังไม่พร้อมที่จะเจอ

   ผมกลัว  ความอ่อนแอในตัวเอง  ผมไม่อยากเสียน้ำตาอีก ผมไม่อยากเห็นหน้ามันอีก  อาจเพราะผมรักมันมากเกินไป  มากเกินกว่าที่จะลืมมัน

   “มุสาเป็นบาป . . . ผิดศีล”

   “แต่ถ้าไม่บอก  ก็ไม่บาปไม่ใช่หรือครับ”

   “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”  หลวงพ่อยิ้มให้ผม  ก่อนที่จะเดินออกไปที่ระเบียงนอกกุฏิ  ผมได้แต่กระเถิบตัวเข้าแอบกับผนังกุฎิ  ค่อยแอบมองลอดผ่านร่องไม้กระดานที่ปิดไม่สนิท

   ผมเห็นไม่ชัดหรอกใบหน้านั้น  หลวงพ่อเหมือนจะรู้ความคิดผม  ท่านขยับกายมาใกล้ ๆ  กับผนังอีกด้านที่ผมแอบมองอยู่  ทำให้ผมสามารถมองหน้าคนที่ผมรักได้  แม้จะไม่ชัดเจน  แต่มันชัดในความทรงจำผมเสมอ

   “วันนี้วันเกิดพี่อาร์ม  ผมเลยแวะมาทำสังฆทาน ก่อนบ่ายนี้ต้องเข้ากรุงเทพฯ  พรุ่งนี้ทำงานแล้วล่ะครับหลวงพ่อ  หยุดมาหลายวัน  ผมทำบุญให้พี่อาร์มได้ใช่มั้ยหลวงพ่อ”   มันก้มลงกราบ ก่อนที่จะวางถังสังฆทานไว้ใกล้ตัว . . .

   เอาล่ะสิ . . .

   ความรู้สึกของผม  มันตีกันเอง  ซะแล้ว  มันกำลังทำอะไรของมันอยู่  

   “ได้สิ  การทำบุญ  เราทำให้ได้ทั้งเจ้ากรรมนายเวรที่ตายไปแล้ว  และทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่”  หลวงพ่อบอก  หากแต่  กำลังเอี้ยวตัวเหมือนหาอะไรบางอย่าง

   “ครับหลวงพ่อ  ผมคงทำผิดเอาไว้มาก”

   “ไม่มีอะไรที่ถูกทั้งหมด  และไม่มีอะไรที่ผิดตลอดหรอกโก  . . .  เอ้า   บทสวดมนต์ขอถวายสังฆทาน”   หลวงพ่อส่งหนังสือให้โก

   มันรับไปอย่างว่าง่าย . . .

   “ท่องนะโมสามจบ  อยากจะอุทิศส่วนกุศลให้ใคร  ก็คิดเอาไว้  สัตว์โลกทั้งหลายที่อยู่รอบ ๆ  ตัว  พนมมือแล้วว่าตามนะ”  เสียงสั่งสุดท้ายคล้ายบอกผม . .

   ผมพนมมือตาม  ก่อนท่องนะโมสามจบในใจ . . . .

   แปลกนะ . . .

   ในเวลาที่ทำพิธี  ทำไมหัวใจผมมันไม่ร้อนรุ่มแบบที่ผ่านมา    อาจเพราะว่าที่นี่คือบ้าน  และคนที่ห่างกันแค่ไม้กระดานกั้นคือคนที่ผมรัก  แต่ทำไมผมไม่กล้าออกไปเจอหน้า  ทั้ง ๆ  ที่ผมดีใจที่เห็นหน้ามันจากรอยห่างของแผ่นกระดาน

   แค่รู้ว่ามันมีความสุขดี . . .

   . . . หรือ

   จริง ๆ แล้วมันอาจไม่เคยสุขเลยก็เป็นได้ แต่แค่ผมเห็นมัน  ผมก็ดีใจอย่างที่สุดแล้ว  ผมไม่ต้องการอะไรจากมันอีก

   “เอาล่ะ . . .  เรียบร้อยแล้ว  ส่วนน้ำนั่น  เอาไปเททิ้งใต้ต้นไม้ใหญ่”   หลวงพ่อบอกกับโก  เมื่อเจ้าตัวกรวดน้ำเสร็จ

   มันเดินลงไปจากกุฎิอย่างช้า ๆ . . .

   “คนเราไม่มีใครหนีความจริงได้พ้นหรอก  ถึงเราจะหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว  แต่หากหัวใจเราร้อนรุ่ม  มันก็ไม่ได้ช่วยให้เราดีขึ้นมาหรอก”

   หลวงพ่อหันมาทางผม . . .

   ท่านคงรู้  ว่าผมแอบฟังอยู่  และแค่ไม้กระดานกั้นมีหรือที่ผมไม่ได้ยิน  ผมนั่งนิ่ง  เหมือนโดนจี้ใจดำ  แต่ทำไงได้  ในเมื่อบทเรียนที่ผ่านมา  ผมยังเจ็บอยู่เลย  มันไม่ได้หายไปจากหัวใจผมเลยนี่หว่า

   ผมแค่อยากรู้ . . .

   . . . เวลาจะทำให้ผมลืมทุกอย่างได้หรือไม่

   มันกลับขึ้นมาอีกครั้ง  และนั่งคุยอยู่กับหลวงพ่อ  จนกระทั่งผมหลับไป  ก็บินมาตั้งนาน  ไม่ได้นอนเลย  ผมเหนื่อยเหลือเกิน . . .

   ผมฝันด้วย . . .  

   . . . ฝันเห็นมัน  มันยืนมองผมอยู่  แต่ทำไมแววตามันเศร้า มันเดินมาใกล้ ๆ  ผม   สายตาที่มันมองผม  ผมไม่ชอบเลย แววตามันหดหู่เหมือนคนแบกโลก  ในฝันมันก้มลเอาจมูกจดที่หน้าผากของผม

   กว่าผมจะตื่นก็เกือบเย็น  ผมหลับไปกี่ชั่วโมงหว่า  ไม่รู้เหมือนกัน  รู้แค่ว่า  วันนี้ผมหลับได้เต็มตา  ตลอดระยะเวลาที่อยู่โดฮา  ไม่เคยได้หลับแบบนี้เลย . . .

   “หิวมั้ยอาร์ม”    หลวงพ่อนั่งสมาธิ  หากทำไมรู้ว่าผมลืมตา

   “ยังครับหลวงพ่อ”   ผมลุกขึ้นนั่งชะโงกหน้ามองไปทางด้านนอกของกุฏิ  อยากรู้เหมือนกันว่าที่ตอนที่ผมหลับไปนะ  ฝันหรือเรื่องจริงกันแน่  มันมายืนมองผม  แล้วมันนั่งลงใกล้ ๆ  ผม

   “ไปแล้วล่ะ  ไม่ต้องหาหรอก”

   ผมแปลกใจอีกครั้ง หลวงพ่อรู้ได้ไงหว่า  ทั้ง ๆ  ที่นั่งหลับตาแบบนั้น  ของบางอย่างพูดยาก

   “หลวงพ่อ”  ผมเรียก

   “จะเรียกทำไม  อยู่กันตรงนี้เอง  ของบางอย่างมันรู้ได้ด้วยตัวเองนะอาร์ม  อย่าไปยึดติดกับมันมาก  แรงฐิทิ  แรงแค้น  มันไม่ได้ทำให้หัวใจเราสงบหรอก”

   “หลวงพ่อ  ผมไม่เข้าใจหรอก”

   “มันอยู่ที่ใจของอาร์ม  ถ้าอาร์มเปิดใจอาร์มอาจเห็นที่ใจอาร์มเปิด  แต่ถ้าอาร์มปิดใจ  อาร์มก็ไม่เห็นอะไรหรอก”

   “ครับหลวงพ่อ”

   “เขารู้มั้ย . . .”  ไม่ทันที่ผมจะถามจบประโยค

   “ไม่รู้หรอก  โยมเขาไม่ได้เข้ามาด้านในหรอก แต่อาจจะสงสัย  รองเท้าหน้ากุฎินั่น  แต่ก็ไม่เห็นถามอะไร”

   “ครับหลวงพ่อ”

   “ครับอะไร ครับน่ะคืออะไร  อาร์ม  หลวงพ่อเป็นห่วง . . .”  ท่านลืมตามามอง

   “ห่วง”  ผมมองท่าน

   “จะหนีอีกนานแค่ไหน  ไม่มีวันที่เราหนีหัวใจตัวเองพ้นหรอก  มนุษย์เราถ้าไม่รู้จักปล่อยวาง  มันก็วิ่งไล่ตามกันแบบนี้ไปตนตายจากนั่นแหละ  ความจริงเท่านั้นนะอาร์ม  อาร์มต้องอยู่กับความจริงให้ได้”  ท่านสอนอะไรผมหว่า

   ทำไมสมองกลวง ๆ  ผมไม่ยอมรับคำสอนจากท่านเลยก็ไม่รู้

   “ผมจะพยายามครับหลวงพ่อ”

   “ดีแล้ว หัดทำให้ได้  ไม่มีอะไรที่ดีเท่ากับการชนะหัวใจตัวเองนะอาร์ม  ชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ  ชนะความรัก  ด้วยความไม่รัก  ชนะความหลง  ด้วยการไม่ยึดติด  ถ้าอาร์มทำได้  อาร์มจะมีความสุข  ไม่ร้อนรุ่มกลุ้มใจแบบที่ผ่านมา”

   “ครับหลวงพ่อ”

   กลับมาบ้านคราวนั้น  ผมมีความสุข  ไม่ได้ทุรนทุรายแบบที่ผ่านมา  ผมรู้ว่าหลวงพ่อห่วงผม  และผมเองก็ห่วงท่าน  แต่ไม่รู้ทำไม  หัวใจผมมันไม่ยอมกลับบ้านสักที ทั้ง ๆ  ที่ผมเองก็เห็นด้วยตา  ได้ยินด้วยหู  

   บ่วง . . . ระหว่างมันกับผม

   . . . ตัดกันยาก . .

   หาก . . .  ผมได้แต่บอกตัวเอง

   . . . ขอเวลาอีกสักระยะนึง . . .

   อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ . . . ที่ผมจะเลิกหนีหัวใจตัวเอง




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2010 13:53:42 โดย ราชบุตร »

ออฟไลน์ muyong

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ดีใจมากๆๆเลยอ่านตอนที 37 จบ ตีสองครึ่ง  จะไปนอนแล้ว

เห็นตอนที่38  กรี๊ดๆๆๆๆๆ

เป็นเรื่องแรกที่อ่าน nonstop 

ขอบคุณนะค่ะสำหรับเรื่องราวดีๆๆๆ

ชอบประโยคนี้ค่ะ 
“ดีแล้ว หัดทำให้ได้  ไม่มีอะไรที่ดีเท่ากับการชนะหัวใจตัวเองนะอาร์ม  ชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ  ชนะความรัก  ด้วยความไม่รัก  ชนะความหลง  ด้วยการไม่ยึดติด  ถ้าอาร์มทำได้  อาร์มจะมีความสุข  ไม่ร้อนรุ่มกลุ้มใจแบบที่ผ่านมา”

กว่าพี่อาร์มจะทำใจได้ ยังต้องใช้เวลาตั้งเกือบสองปีกว่า

อ่านตอนนี้แล้วมีความสุข ที่เห็น โก มาดูแลหลวงพ่อแทนพี่อาร์ม

เป็นกำลังใจให้นะค่ะ ความรักยังอบอวลอยู่ทุกประโยคของพี่เลย

มีความสุขที่ได้อ่านเรื่องราวความรักของพี่นะค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-06-2008 02:48:29 โดย muyong »

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
 :m15:ซึ้งมากๆ :m15:


 :L2: :L1: :L2:

Black Angel

  • บุคคลทั่วไป
 :m15: :m15: :m15: :m15:

น้ำตาไหลอีกแล้วครับท่าน แต่ความรู้สึก คือ

ซึ้ง ซึ้ง และ ซึ้งครับ

ศาสนาช่วยได้จริงนะเนี่ย นะ

ต้องเข้าวัดบ่อยๆ ซะแล้ว

รอคุณอาร์ม อยู่นะครับ

ไปทำงาน แระ

 :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ imon

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-10
หวัดเดตอนเช้า :m13: :m13:

แก้ว

  • บุคคลทั่วไป
กราบหลวงพ่อก่อนนะคะ _/|\_

แก้วได้กลิ่นอายความผูกพันธ์ระหว่างพี่อาร์มและน้องโก ดูเศร้า ๆ
แต่ยังดีใจที่ทั้งพี่อาร์มและน้องโกยังคงไปกราบหลวงพ่อสม่ำเสมอ

ในความเห็นของแก้วนะคะ  
แก้วไม่รู้ว่าน้องโกอธิษฐานอะไรหลังจากที่ได้ถวายสังฆทานแล้ว
แต่คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับพี่อาร์มแน่ ๆ เพราะถวายสังฆทานเนื่องในวันเกิดของพี่อาร์มเอง

แก้วเคยได้ยินมาว่า
แรงอธิษฐานใดใด ถ้ามีบุญมาเป็นฐานแล้ว แรงอธิษฐานนั้นจะมีกำลังสูง(อันเนื่องมาจากบุญ)
โดยเฉพาะถ้าบุญนั้นเป็นบุญใหญ่+แรงอธิษฐานที่ปักแน่นด้วยแล้ว กำลังของแรงอธิษฐานก็จะมาอย่างเร็วชนิดที่ได้ทันเห็นแน่ ๆ

ในระหว่างความรักความผูกพันธ์ของพี่อาร์มและน้องโก
แก้วขอเรียกว่า กรรม-มา-พัน กันนะคะ (จะโดนพี่อาร์มด่ามั้ยเนี่ย ช้านนนนนน  :m29: )
ถึงจะไม่ผูกพันธ์ทางสายเลือด แต่ก็ผูกพันธ์กันโดยสายใยแห่งหัวใจ
แก้วขอพรจากองค์พระธาตุ ขอให้พี่อาร์มและน้องโกมีความสุขนะคะ

 :L2:  :L2:  :L2:



ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
สาธุ หลวงพ่อสั่งสอนดีจริง ๆ

แต่การที่จะปฏิบัติตามที่หลวงพ่อบอกนั้นมันยากจริง ๆ  o7 o7

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ถ้าทำได้ตามที่หลวงพ่อท่านพูดได้ พี่อาร์มคงไม่ต้องทรมานใจแบบนี้

TAMAKUNG

  • บุคคลทั่วไป
 :m15: :m15: :m15: :m15:


ทำมายเรื่องนี้มัน เศร้า  แบบนี้เนี่ย



อ่านทีรัย    :m15: :m15: :m15:



ตลอดเลย   อ่ะ


แต่ทำไมไม่รู้     ชอบจัง



เมื่อหรั่ย จาถึง  ตอนที่  ปรับความเข้ามใจกัน  น่ะ


คงซึ้ง  น่าดูแน่เลย

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เนทเน่า

เมนท์มะได้ซะงั้นตรู

ยังเศร้าได้อีกครับพี่น้อง

 o7


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ชิลๆ สบายๆ  :a3: :a3: :a3: :a3:

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
หลวงพ่อเตือนสติเรื่อยๆ
ของบางอย่างรู้นะว่าที่ถูกต้องเป็นยังงัย แต่ทำม่ายได้ :serius2:

ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
"อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ . . . ที่ผมจะเลิกหนีหัวใจตัวเอง"

หวังว่าถึงตอนนั้น มันคงไม่สายเกินไปนะอาร์ม :เฮ้อ:

ตามมาเปนกำลังใจให้เหมือนเดิมจ้า :L2:

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
ณ.ตอนนี้พี่อาร์มเลิก หนี หัวใจตัวเองหรือยังคะ
กราบอนุโมทนา สาธุกับคำสอนของหลวงพ่อด้วยคนนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
มาถึงตอนนี้ เรื่องของพี่อาร์มให้แนวทางดำเนินชีวิตได้เยอะเลย

ขอบคุณนะคับที่เอาเรื่องราวประสบการณ์มาแบ่งปันกัน

ชอบจังเลย  แต่ก็ยังเศร้าได้อีก

ออฟไลน์ mahmeow

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
จริงงด้วย....มีรองเท้าอยู่หน้ากุฎินี่นา.... :laugh:

โกรู้แล้วจะทำอะไรได้....หลวงพ่อก็อยู่...ยังไงพี่อาร์มก็หนีโกได้อยู่ดีคะ....555+

หลวงพ่อน่าร้ากกกกจังเลย....คราวนี้ทั้งปลอบทั้งให้กำลังใจ....พี่อาร์มสู้ๆ.... :bye2:

Bliss_Destiny

  • บุคคลทั่วไป
หลวงพ่อพูดเตือนสติได้ดีนะคะ

แต่... มันยังเหมือนไม่เข้าใจเท่าที่ควรอ่ะค่ะ

ประมาณพี่อาร์มเลย   เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่ทั้งหมดอ่ะ  แฮ่ๆๆๆ

รอตอนต่อไปอยู่นะคะพี่อาร์ม

สู้ๆค่า o13

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป


ตอนที่  ๓๗




    หลังจากครั้งนั้น  ผมก็กลับเมืองไทยทุกเดือนตามที่มีรูทบินเข้าใจ  และทุกครั้งที่ผมกลับมา  ผมไปหาหลวงพ่อแทบทุกครั้งเหมือนกัน  เพราะผมรู้  นั่นคือสิ่งเดียวที่ผมควรระลึกถึงมากที่สุด  ผมค่อย ๆ  ทำใจยอมรับว่า  ระหว่างผมกับมัน  จบสิ้นกันไปแล้ว  ไม่มีอะไรเกี่ยวเนื่องต่อกันอีก

   เวลา . . .

   . . . มันค่อย ๆ  หลอมให้ผมชาชิน


   การมีอยู่หรือไม่มีโกเมศวร์ . . .

   สำหรับผมมันไม่สำคัญอีกแล้ว  ผมอยู่มาได้โดยไม่มีมัน  แม้ลึก ๆ  ผมจะคิดถึงมัน  แต่ผมรู้  บนผืนโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้  ไม่ใช่มีแค่ผมคนเดียวหรอกที่เจอเรื่องราวแบบนี้  ยังมีคนอีกมากมายที่เจอ . . .

   บางคนอาจจะหนักกว่าที่ผมเจอเสียอีก . . .

   หากมีใครถามผมว่า . . .

   . . .เสียใจกับสิ่งที่ผ่านมามั้ย

   ไม่ครับ . . .

   ผมไม่เคยเสียในกับสิ่งที่ผมทำ  เพราะผมได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของผม  ผมได้ทำในสิ่งที่ผมเองยังไม่เคยคิดว่าผมจะทำมันได้   แต่ผมก็ทำได้  ผมทำให้คน ๆ นึงมีชีวิตที่ดีกว่าที่ควรจะเป็น

   แม้บ้างครั้ง . . .

   . . . ในเส้นทางนั้น

   เต็มไปด้วยหยดเลือดและหยาดน้ำตา . . .



   ๓๑   ธันวาคม  ๒๕๕๐


   “เฮ้ย . . .”    เสียงนั่น  ตกใจใหญ่  เมื่อมันเปิดประตูเข้ามา  ผมยิ้มให้มันเพื่อนที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต

   “มาเมื่อไหร่มึง  ไม่โทรบอกกู”  มันปรี่เข้ามานั่งใกล้ ๆ  ผมที่กำลังนั่งดูทีวีในคอนโดของผม  หรือจะเป็นของมันดี

   “เมื่อเช้า”

   “ไม่เจอตั้งเกือบสองปี  มึงนะมึง”   มันผลักหัวผมเบา ๆ 

   “แล้วดีมั้ยล่ะ  กูหล่อขึ้นมั้ย”

   “สัสสสส  ปากดี  แล้วมากี่วันสองอาทิตย์เหรอ  ดี ๆ  กูจะได้ลาพักร้อน  ได้เวลาเที่ยวมั่งแล้วมั้ง”

   “เสียใจเพื่อน  สามสิบชั่วโมง  คัมโฮมต้องรอเมษายนโน่น อีกหลายเดือน  ไม่ได้มางานแต่งมึงเลย  แต่กูมีของขวัญย้อนหลังนะโว้ยอยู่ในห้องมึงนั่นแหละ”  ผมยิ้ม

   “มึงก็รู้  กูแต่งกันเพราะผู้ใหญ่เขาเห็นดีกัน  มิ้นเองเขาก็ไม่อยากขัดใจที่บ้าน”

   “มาทำปากดี  ไอ้มิ้นมันประกาศจองมึงมาตั้งนานแล้ว  วันสิ้นปีแบบนี้มึงกลับมานี่ทำไม  ไม่ไปอยู่กับเมียมึงว่ะ”

   “ไอ้บูติกอะดิ๊  ส่งไปอยู่ญี่ปุ่นอาทิตย์กว่าแล้ว  คนขาด  ต้องไปแทนเขาที่โน่นเดือนนึง”

   แหม . . .  ทำไมตอนที่กูอยู่  ไม่มีแบบนี้วะ  อย่างไกลสุดก็สนามบินสมุยเอง  แต่อย่างว่าเดี๋ยวนี้เขาเริ่มโตแล้ว  สั่งแอร์บัสเข้าประจำฝูงบินเยอะเสียด้วย  โลกหมุนรอบ ๆ  ตัวเอง  อะไร ๆ  ก็โตขึ้นเรื่อย ๆ

   เวลาเปลี่ยนแปลงทุก ๆ  อย่างจริง ๆ

   “มึงเลยสบายดิ๊”

   “เออ  ไอ้โก . . “  มันเอ่ย  หากช้ากว่าผม

   “คุยเรื่องอื่นได้มั้ย” 

   ผมมองหน้ามัน  แววตาผมบอกมัน  ผมไม่พร้อมกับเรื่องที่มันจะคุย  หรือบางที  ผมยังไม่เลิกที่จะวิ่งหนีหัวใจตัวเองกระมัง

   “อะไรว๊ามึง  เกือบสองปีแล้วนะโว้ย”

   “เรื่องของกู . . .”   ผมเริ่มงอนมันแร่ะ 

   “แม่งเอ้ย . . .  กูกลับมาเมืองไทย  แทนที่จะหาเรื่องสบายหู  แต่ดันเอาเรื่องอะไรที่กูไม่อยากฟังมาพูดอยู่ได้”

   ผมไม่อยากรู้เรื่องราวของมันจริง ๆ  หรือแท้จริงแล้วในส่วนลึกของหัวใจผมอยากรู้  แต่ผมกลัวว่าสิ่งที่ผมรู้มันจะทำให้ผมเจ็บปวดกันแน่

   ความจริงมันน่ากลัว . . .

   . . . และผมมันก็พวกกลัวความเป็นจริง

   “ไอ้แดนถามหา  มันบอก  มึงไม่โทรหามันเลย”

   “ก็คุยเอ็มกันออกบ่อย  แม่งแถมส่งเพลงไปให้กูเรื่อย  แต่ละเพลงจิ้ดหัวใจ  สงสัยยังรอกูมั้ง  แต่ก็แค่ทางเอ็ม  เพราะส่วนมากคนที่กูโทรหาที่เมืองไทยมีแค่คนเดียว  คนเดียวที่กูแน่ใจว่ามันจะไม่ทำร้ายกู”  ผมมองหน้ามัน

   เพื่อนรักของผม . . .

   ความหมายมันคงรู้ไม่ต้องแปลกันอีก  เพราะต่างฝ่ายต่างเข้าใจกับความหมายของมันดีอยู่แล้ว  มันยิ้มให้ผม

   “อยู่ที่โน่นไม่มีใครเลยเหรอ”  ไอ้เพื่อนรักมันถาม 

   มันมองหน้าผม  ผมยิ้มให้มันจะตอบยังไงดีหว่า  แค่งานที่ทำก็เหนื่อยแทบขาดใจอยู่แล้ว  จะมีเวลาไปมองใครเขาอีก  ความรักใช่เดินเข้าซุปเปอร์มาเก็ตแล้วหยิบ ๆ  มาซะที่ไหน

   คนรักกัน . . .

   . . . มันต้องมีเวลาให้กัน

   และที่สำคัญ . . .

   . . . ต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน . . .

   “ไม่อ่ะ  ไม่อยากมี”

   “ทำไม”

   “เอ๊ะไอ้นี่  ไม่อยากมีคือไม่อยากมี  ไอ้ทำไมนะ  ถามเพื่อให้ได้อะไรขึ้นมา  คนไม่อยากมี  ก็ถาม  กูไม่มีไม่ดีเหรอมึง  ขืนกูได้ไอ้โพกหัวที่โน่น  กูไม่กลับมาเมืองไทยนะโว้ย  เอาแบบนั้นมั้ยเพื่อน”

   เวลาที่ผมคุยกับมันเหมือนจะทะเลาะกันมากกว่า  นาน ๆ  ครั้งที่จะได้คุยดี ๆ  กับมันสักครั้ง  แล้วเหมือนมันจะรู้ว่าถ้าผมไม่อยากคุยเรื่องไหน  ผมจะพยายามเบรกมัน  แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย

   “เพิ่งไปหาหลวงพ่อมาเมื่อตอนหยุดรัฐธรรมนูญ  กับกับไอ้แดน  กับอีกคน. . .”   มันเล่า  มองหน้าผม  ผมพยักหน้ารับรู้

   “ขอบใจ  ขอบใจที่ทำหน้าที่ลูกที่ดีแทนกู”

   “ท่านแก่ไปเยอะนะอาร์ม   แต่ดีที่มีคนคอยพาไปหาหมอทุกเดือน”    มันพยายามทอดหางตามาที่ผม

   “รู้แล้ว”

   “รู้ได้ไง”

   “กูก็ไปมาเกือบทุกเดือนเหมือนกัน”

   มันมองหน้าผม  ทำหน้าเหมือนจะไม่เชื่อ  หากแต่ผมมองหน้ามันตอบ  ก่อนยักคิ้วให้มัน  ผมจะโกหกมันทำไม  ในเมื่อผมไปมาจริง ๆ

   “พูดเป็นเล่น”

   “ยากตรงไหน  บินลงสุวรรณภูมิตอนก่อนเคารพธงชาติ  แล้วบินไปเชียงใหม่  แค่เดือนละสามสี่พันค่าเครื่องไปหาพ่อกู  ทำไมกูจะจ่ายไม่ได้   อยู่โน่นก็ไม่ได้ใช้อะไรมากอยู่แล้ว  ลำพังงานก็เหนื่อยแทบตาย  จะให้เที่ยวไหนอีกได้   ถือเสียว่าทำอะไรให้หลวงพ่อสบายใจบ้าง   แล้วกลับค่ำ ๆ  มานอนโรงแรม  รุ่งเช้าก็บินต่อกลับโดฮา  ทำออกบ่อย   อย่างที่มึงไปครั้งล่าสุดมึงไปกับใครกูก็รู้  แถมพาหลวงพ่อไปตรวจที่สวนดอก  เห็นมะ  กูไม่ได้อำ  ไม่เชื่อไปคราวหน้าถามหลวงพ่อดิ๊” 

   “ไอ้เหี้ย  มิน่า  ไม่ค่อยกลับมาคอนโด  แถมมีคนบอกว่าเจอมึง”

   “ใคร”  ผมมองหน้ามัน

   “ใครก็ได้ที่มึงไม่อยากเจอ”  มันเล่นลิ้น

   “ก็ดีแล้ว  ไม่เจอดีที่สุด”

   “หลอกหมาเหอะมึง  ไม่เจอดีที่สุด  ถุย  ไม่เคยได้ยินหรือ  ตัดบัวยังเหลือใย  ตัดหัวใจ . . .”

   “เหลือแต่ความเจ็บปวดไง”  ผมต่อแทนมันเสร็จสรรพ

   “ใช่แต่มึงที่เจ็บ  คนอื่นอาจเจ็บยิ่งกว่ามึงก็ได้”

   “เลิกพูดเหอะ  พูดเรื่องนี้ไม่อยากกลับบ้าน  เบื่อ”

   “ใช่ดิ๊เบื่อ  ทำอย่างกะที่นี่ไม่ใช่บ้าน  มาทีเชียงใหม่ ๆ ๆ  ไม่โผล่หัวมาเลย  ไม่รู้เหรอ  ว่าเวลาคิดถึงเพื่อนมันเป็นยังไง”

   “เอ้า  ที่โน่นบ้านกู แล้วเชียงใหม่กรุงเทพฯ   จะบินเวลาไหนล่ะมึงเดี๋ยวนี้มีเกือบสามสิบไฟล์ต่อวัน   บินได้ตลอด”

   “แม่งเอ้ย  มึงนี้มันจอมวางแผนจริง ๆ  กูละเชื่อ”

   “หลวงพ่อแก่มากนะมึง  กลับมาอยู่บ้านเราเหอะ”

   “ยังไม่หมดสัญญา”

   “แล้วเซ็นใหม่เดือนไหน”

   “ปลายเมษา”

   “อยากกลับมามั้ย”

   “ไม่ . . .  ไม่รู้นะ  รู้แค่ว่าอยู่ที่โน่นสบายจะตาย”   

   เชื่อเหอะ  ไอ้เพื่อนรักมันมองไม่เห็นหรอก  ว่าที่ผมพูดมันสวนทางกับความเป็นจริง  เพราะความจริงแล้ว  ที่โน่นนะสุดยอดของความเหงาเลย  มันทรมานมากที่สุดอยู่แล้ว

   แต่ . . . อย่างว่า

   ผมยังไม่รู้เลยว่าจะเอายังไงต่อดี . . .

   จะบอกมันว่าเพิ่งส่งใบสมัครไปที่อเมริกา  ก็กลัวมันจะขังเอาไว้ แบบน้องอั้มขังน้องแอฟ  ในจำเลยรัก  ที่ยิงสปอร์ตถี่ยิบทางช่องสามตอนนี้ก็นะ  แบบนั้นแย่เลย  ก็เลย  ไม่พูดดีกว่า  อีกตั้งหลายเดือนคิดไปก็ปวดหัวเปล่า ๆ   ยังมีเวลาอีกนาน

   ยังไม่มกราคมเลย . . .

   . . . ก็วันนี้มันเดือนสุดท้ายของธันวาคม

   “ออกไปเคาน์ดาวน์กันมั้ย”   

   “ไอ้เพื่อนเลว    กะมอมกูเหรอยากว่ะ  ตอนนี้กูรู้หน้าที่ของกู  มาก่อนเรื่องอื่นใดทั้งหมด  เมาไป พี่เพอร์เชอร์คงให้กูบินหรอก  อย่ามาวางแผน”

   “ไม่ได้มอม  แค่อยากให้ไปผู้คนบ้าง”

   “จะไปไหนมึง  สองทุ่มกว่าเข้าแล้ว    ที่ไหน ๆ  ก็แน่นทั้งนั้นแหละกูว่า”

   “เอาน่า  สักหน่อยเหอะ  อยู่ทำไมที่ห้อง”

   “มึงจะไปไหน  เซ็นทรัลเวิร์ลเหรอ  ไม่กลัวระเบิดเหรอ”  ผมยิ้ม  ก็ปีที่มีการยึดอำนาจ  เจอตั้งหลายลูกทั่วกรุง 

   “งั้นไปนั่งหาอะไรกินเบา ๆ  มั้ย  เลือกร้านมาเลย  กูเลี้ยงเอง”

   “เลี้ยงกูจริงอ่ะ”  ผมมองหน้ามัน

   “เอ้าจริง ๆ  จะไปไม่ไป  ลีลา”

   “ไปก็ไป . . . ให้กูเลือกร้านใช่มั้ย”

   “อือ”

   ผมยิ้มให้มันแบบมีเล่ห์  เพราะผมนะไม่อยากออกไปเท่าไหร่หรอก  แต่หากมันอยากให้ออก  ก็ไปได้  แต่รับรอง  ถ้าผมเลือกร้าน  มันอาจคิดนาน  และพาลจะไม่ไปเสียด้วยซ้ำ

   “ตกลงคิดได้ยังจะเอาร้านไหน”

   “ร้านเดิม”

   “ร้านไหนว่ะ” 

   “ร้านที่กูกระโดดให้รถชน  อยากไป  ยังไม่เจ๊งใช่มั้ย”   ผมยิ้มให้มัน

   “สัสสสสสสส  นอนเหอะ  ไปร้านนั้นทีไรหวาดหวั่น   ยิ่งไปกับมึงด้วยแล้ว  ไม่เอาหรอก  ไม่อยากไป”

   “ดีมากงั้นนอน . . . เพราะพรุ่งนี้กูมีบินไฟลท์บ่าย ต้องไปเช็คเอ้าท์ที่โรงแรมเที่ยงว่ะ  ไว้คราวหน้าเพื่อน  คัมโฮม  อยากไปไหนไปหมด”

   “ได้ . . . แต่คืนนี้กูนอนกับมึงได้มั้ยว่ะ  อยากนอนคุย  ไม่ได้เจอตั้งเกือบสองปี  คิดถึงชิบหาย”

   “เออ  แต่ถ้าคิดถึงกูแล้วกูชิบหาย  ไม่ต้องคิดถึงกูก็ได้”  ผมยิ้มให้มัน  บางทีผมอาจจะหายกลัวเมืองไทยแล้วก็ได้

   คืนนั้นผมนอนคุยกับมันข้ามปี . . .

   เหมือนที่มีคนบอก . . .   

   เด็ก ๆ  มักจะคิดว่า  พรุ่งนี้ไปไหน  ตื่นมาจะไปวิ่งเล่นกับใคร  ไปเรียน  ไปโน่นไปนี่  หาก  คนที่อยู่ในวัยแบบผม  เริ่มมองถึงสิ่งที่ผ่านมา  สมัยเรียนมหาวิทยาลัยสนุกแบบนั้น  มีเรื่องนี้ให้ยิ้ม  อะไรมากมายที่อยู่ในความทรงจำ  เด็กจะนึกถึงพรุ่งนี้เสมอ . . .

   หาก . . .

   . . . ผู้ใหญ่  ชอบคิดถึงวันเมื่อวาน

   ผมตื่นมาเกือบสิบโมงเช้า   เพื่อเตรียมไปทำงานต่อ  บางทีก็เบื่อนะ  งานที่ทำ  มันไม่ได้สนุกเลย  มันน่าเบื่อหน่าย  ไปถึงก็ประชุมกับลูกเรือทั้งหมด  ทบทวนกฎต่าง ๆ กับพี่เพอร์เชอร์  แล้วพอเข้าไปในเคบิน  ต้องตรวจดูความเรียบร้อย  คอยผสมเครื่องดื่ม  เช็คจำนวนว่ามีพอมั้ย  งานที่น่าซ้ำซากสำหรับผม 

   แต่ . . . ถ้าผมไม่ทำ  จะทำอะไรดี

   “ไอ้อาร์ม . . .”

   ไอ้เพื่อนรักมันเรียก  เมื่อผมแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว  มันมองหน้าผมเหมือนมีความลับที่จะบอก

   “มีบินเข้าไทยอีกเมื่อไหร่”

   “เดือนนี้  ราวยี่สิบกว่า ๆ  มั้ง  ไม่แน่ใจ  ต้องเช็คอีกที”

   “แลกได้มั้ย  แบบถ้ามีธุระที่เมืองไทยอะไรแบบนี้”    เสียงมันเบา ๆ 

   “มึงเป็นอะไร  มีอะไรก็พูดมา  ทำไมจะแลกไม่ได้  บอกก่อนสักอาทิตย์นึง  เขาก็เปลี่ยนตารางให้อยู่หรอก  เพราะถ้ามีธุระ  ก็ได้”

   ทำไมจะไม่ได้ . . . 

   ก็ปีแรกที่ผมมีรูทบินเข้าใจ  ผมประกาศในหมู่ลูกเรือคนไทย  ใครอยากกลับบ้านมาแลกกับผม  มีแต่คนอยากกลับทั้งนั้น  มีแต่ผมนี่แหละ  บ้าหนีเมืองไทยอยู่คนเดียว  แล้วถ้าเกิดผมมีธุระจริง ๆ  ทำไมเขาจะไม่ให้บินกลับล่ะ

   “มางานรับปริญญาได้มั้ย”

   “ใครรับ”

   “ไอ้โก”

   มันมองหน้าผม  เหมือนไม่แน่ใจว่าจะพูดเรื่องนี้ดีมั้ย  หากผมหรือ  ตอนนั้นหัวใจผมพองโต  ดีใจนะที่มันมีวันนั้นจนได้  ถึงแม้จะช้าไปปีนึงก็เหอะ

   “บ้าพระจอมรับไปตั้งแต่ปลายปี”

   “สมเด็จฯ  ติดภารกิจ  มารับยี่สิบเอ็ดมั้ง  ไม่แน่ใจ  เดี๋ยวกูส่งวันที่แน่นอนเข้าเมล์ให้มึงอีกที  มาได้มั้ย”

   “ไม่มา  มาทำไม”  ผมมองหน้ามัน

   “ไอ้อาร์ม . . .”  มันเดินมาจ้องหน้าผมเอาไว้

   “. . . มึงลองคิดถึงหัวใจคนอื่นบ้าง   ลองเอาหัวใจคนที่มึงรัก  มาใส่ในหัวใจมึง  ลองมองในมุมที่มันมองบ้าง  อย่ามองแค่มุมที่หัวใจตัวเองอยากให้เป็น”

   “อะไรของมึง”  ผมหลบสายตามัน

   ใช่ !

   ผมกลัวความจริง  เพราะความจริงทั้งหลายที่ผมเจอ  มีแต่ความเจ็บปวด  วันนี้ผมทุเลาลง  แม้มันจะไม่หายสนิท  แต่มันไม่ได้ทุรนทุรายแบบที่ผ่านมา  ผมไม่อยากเจอ  ไม่อยากเจ็บปวดแบบเมื่อวันก่อนอีก

    “ฟังกูหน่อยนะเพื่อน  ฟังกูสักนิด”  มันจับสองมือผใมเขย่า

   ผมมองหน้ามัน  ทำไมมันจริงจังกับเรื่องราวของไอ้โกมากนัก  มันทำอย่างกับว่าเรื่องที่ผ่านมาเป็นเรื่องเล็ก ๆ  ที่ผมจะปล่อยให้อะไรมันผ่านเลยไป  โดยที่ไม่รู้สึกรู้สาว่าหัวใจที่เจ็บปวดมันเป็นอย่างไร

   “มันมีวันนั้นได้เพราะมึง  มันคงอยากเห็นมึงมา  ในวันที่มันเดินมาถึงจุดนี้   มึงลองคิดถึงความรู้สึกของคนที่ยืนปลายทางแล้วมองไม่เห็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตนะอาร์ม   ถ้ามึงไม่มา มันจะเสียใจขนาดไหน  มึงนะโตแล้ว  ลองคิดดูให้ดี”

   “แค่นี้ใช่มั้ย  กูไปแล้วนะ”

   “ไอ้อาร์ม   ใจแข็งนักวะ  ไอ้เพื่อนเหี้ย”  มันด่าผมตามหลัง

   ผมเดินหนีออกมาเลย  ทำไมผมจะไม่คิด  ผมคิดเหมือนกัน  คิดมาตลอด และผมก็รู้ว่ามันยังไม่ได้รับปริญญา  เพราะมันช้าไปเทอมนึง  เลยทำให้ต้องมารับกับปีถัดมา 

   ทุกอย่างไม่ใช่ผม . . .

   . . . แต่เป็นมัน

   มันทำตัวเอง  มันทำตัวของมันเองต่างหาก  ในวันที่ผมอยู่ข้าง ๆ  มัน  มันเคยที่จะมองหัวใจของผมบ้างมั้ย  แล้ววันนี้ . . . 

   . . . จะให้ผมเดินไปหามันหรือ

   “เลิกคุยเรื่องนี้เหอะเพื่อน  ไว้เจอกันคัมโฮม”  ผมหันมายิ้มให้มันก่อนออกมาจากห้อง

   สิ่งที่ไอ้เพื่อนรักพูด  มันรบกวนหัวใจของผมจริง ๆ  เหมือนตะกอนก้นแก้วโดนกวนให้ขุ่นขึ้นมาอีกครั้ง  ผมมาทำงานด้วยหัวใจที่ว้าวุ่น  นี่ผมกำลังทำถูกหรือผิดกันแน่  ผมไม่รู้ว่าที่ผ่านมาผมทำเพื่อนมัน  หรือผมทำเพื่อตัวเอง

   ผมรักมัน . . .

   รักแบบไหน ?

   . . .ที่ผมอยากเห็นมันได้เรียน

   เกี่ยวกันมั้ยกับที่มันต้องรักผม

   หลากหลายคำถามที่มันเกิดขึ้นมากับผม  ผมพยายามทำตัวให้นิ่ง  ให้สงบมากที่สุด  เพื่อคิดเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด

   แล้วผมก็ได้คำตอบ . . .

   . . . คำตอบของหัวใจ 




   ศูนย์แสดงสินค้าไบเทคบางนาคลาคล่ำไปด้วยผู้คน  ที่แน่นขนัด จนดูเหมือนกับว่าที่นี่จะคับแคบลงไปถนัดตา  รถติดตั้งแต่ตอนที่เริ่มเข้ามาทางศูนย์แสดงสินค้า  ผมเหรอ  ใจเต้นตุ่ม ๆ  กลัวเป็นที่สุด

   “อาร์ม  แกแน่ใจนะโว้ย  ว่าไม่เจอแน่ ๆ”  ผมมองหน้าน้องอาร์มเล็ก  ที่ผมลงทุนออกตั๋วเครื่องไปกลับ  สิงคโปร์  กรุงเทพฯ   ก็มันมีรูทบินลงสิงคโปร์  แล้วได้หยุดที่นั่นห้าวัน 

   ที่จริงการออกนอกประเทศแบบนี้ผิดกฎบริษัท  แต่ไอ้อาร์มเล็กมันเชี่ยว  มันหาช่องได้เสมอ  อีกอย่างมันบอก  ไม่แคร์  เบื่อที่นี่จะแย่อยู่แล้ว  ถ้าเขาเรื่องมากก็ออก  เอากับมันดิ๊

   อย่าว่าแต่มันเลย . . .  ผมก็เคย

   สิงคโปร์ . . . เชียงใหม่   บินออกบ่อย อิอิอิ

   “ที่จริงเดินเข้าไปหามัน  ไปถ่ายรูปกับมันก็สิ้นเรื่องแล้ว  ทำแบบนี้ให้ยุ่งทำไม”

   “ไม่กล้านี่หว่า  ไม่เจอกันตั้งสองปี  ไม่รู้มันมีลูกมีเมียหรือยัง  ทะเล่อทะล่าเข้าไป  ไม่รู้หัวใจตัวเองจะรับได้แค่ไหนอ่ะดิ”

   “ครับท่านพี่  เลยต้องแอบมามองมันนี่นะ  ถ้าผมเป็นมันนะ  ผมรักพี่ตายเลย  ทำอะไรมากมายมาตั้งแต่ต้น  แถมที่ปากแข็งบอกไม่มา ๆ  แต่พอไปถึง  ขอแลกไฟลท์ใหญ่เลย คนเรานะคนเรา  ปากแข็งไปได้”

   “เออดิ๊  ทำไงได้    อย่าบ่นได้มั้ย”

   “เอาน่า  ผมก็ลูกพระจอมฯ  นะพี่  รับที่นี่เหมือนกัน   ผมรับรอง ถ้าพี่ไม่อยากให้มันเจอ  มันจะไม่มีวันเจอพี่เด็ดขาด  ผมจะทำทุกวิถีทางที่มันจะไม่สามารถมองเห็นพี่  โอเคมะพี่”  มันพูดจนผมมั่นใจกับมัน

   แต่ . . .

   . . . หัวใจผม  มันเต้นระส่ำ

   กลัว . . . จะเจอมัน

   ทั้ง ๆ  ที่ผมอยากมาเห็นมัน  อยากเห็นครุยแดง  สิ่งที่ผมหวังเอาไว้ตลอดตั้งแต่ต้น  วันนี้  ผมจะได้เห็นมัน  ได้เห็นทั้งสองตา

   เมื่อเข้ามาด้านใน  ผมต้องใส่หมวก  ใส่แว่นดำ  ประมาณว่าพรางตัวเองเอาไว้ก่อน  แถมเวลาเดินก้มหน้าหงุด  ไม่กล้าที่จะมองหน้าใคร  กลัวเจอมัน  กลัวเจอญาติพี่น้องของมัน  ถ้าแบบนั้น  ผมไม่รู้จะตอบคำถามมันยังไงเหมือนกัน

   “ไปพี่รู้แล้วมันอยู่ที่ไหน”

   อาร์มเล็กมันฉลาดเป็นกรด มันเอาเครื่องมันโทรเข้าเครื่องไอ้โก  หลอกถามว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว  เวลาวุ่น ๆ  แบบนี้  มันบอกว่า  คนรับปริญญาไม่สังเกตหรอกว่าใครโทรเข้ามา  เพราะคนที่มาแสดงความยินดีมากมาย

   มันจูงมือผมเดินแทรกฝ่าฝูงคนมาจนได้ . . .

   . . . คนที่อยู่ในครุยแดง

   ผมเห็น  จำได้ดี  ภาพนั้นอยู่ในหัวใจผมเสมอ  คนที่ผมไม่เคยลืม  คนเดียวกับที่เคยวิ่งตามผมตะรอน ๆ ที่ปาย

   แววตาผมร้อนผ่าว  ผมดีใจอย่างบอกไม่ถูก  ดีใจที่ได้เห็นมัน  วันนี้มันถึงฝั่งแบบที่ผมหวังเอาไว้    รอบ ๆ  ตัวมันมีแต่คนที่ผมรู้จัก  แม่ของมัน  ยายของมัน ตาของมัน  น้า ๆ  ญาติโกโหติกาของมันมารายล้อมมันอยู่เต็มไปหมด

   ที่สำคัญ . . .

   พ่อมันก็มา  หลังจากที่แกหายไปร่วมสามปี

   อย่างน้อยที่สุด . . .

   . . . ผมทำสิ่งที่ดีให้กับมัน  และผมแน่ใจ  ผมจะไม่มีวันทำแบบนี้กับใครอีกเป็นเด็ดขาด  เพราะผมรู้แล้ว

   ความรัก . . .

   . . . ฤๅ

   ความผูกพัน . . .

   หากอยู่กับเรา  มันตัดยาก  มันพร้อมที่จะทำให้เราเจ็บปวดได้ตลอดเวลา  สิ่งที่ผ่านมามันบอกผมเสมอ  อย่าทะลึ่งไปรักใครอีก  เจ็บครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว  หัวใจเป็นก้อนเนื้อนะ  อย่าให้มันบอบช้ำมากว่านี้อีกเลย

   นั่น . . . 

   ไอ้เพื่อนรักของผม  มากับไอ้แดน 

   ผมมองมันเดินไปถ่ายรูปกับไอ้โอ๋น้ำตาผมเอ่อ   ผมอิจฉามันสองคนจังเลย  ไอ้เพื่อนรักของผม  ถ้าวันนั้นไม่มีเรื่องบ้า ๆ  วันนี้  ผมคงได้ไปยืนใกล้ ๆ  มัน  ได้ยิ้มกับวันที่มันเป็นบัณฑิตเต็มตัว  ไม่ต้องคอยมาแอบมองมันแบบนี้

   โกมันหันไปหันมา . . . 

   . . . เหมือนรอใครบางคน

   แต่คงไม่ใช่ผมหรอก . . .

   สำหรับผม  คงเป็นคนนอกของชีวิตมันไปแล้ว  ผมไม่ได้มีความสำคัญกับมันมากขนาดนั้น  ผมยืนมองคนโน้นคนนี้เข้าไปถ่ายรูปกับมัน    แอบอิจฉาเขาลึก ๆ  แต่ก็นะ  ถ้าไม่มีผม  เขาเหล่านั้นไม่มีวันได้ถ่ายรูปกับมันหรอก  ผมได้แต่บอกตัวเอง  ผมยิ้มทั้งน้ำตาเป็นสุขที่สุดแล้ววันนี้

   “พี่อาร์ม  คนนั้นมะ”

   “อืม”  อาร์มเล็กมันเคยเห็น รูปของโกเมศวร์  ผมเคยเอารู้ให้มันดูหลายครั้งแล้ว 

   “แต่คนที่อยู่ใกล้มันคนขาว ๆ  หล่อจังพี่”

   “ไอ้แดน”

   “อูยพี่  หล่อกว่าที่ผมคิดเอาไว้อีก  มีแฟนยังไม่รู้”

   “ยังมั้งก่อนพี่ไป  มันยังโสด  สนใจมั้ยล่ะ  พี่ติดต่อให้นะ”

   “เอาจริง ๆ  นะพี่  ไม่ไหวแล้วพี่  เห็นพี่แดนยิ้มแล้วน่ารัก  โอเคเดี๋ยวผมไปจัดการให้พี่เอง”   มันหันมายิ้ม

   “เฮ้ยทำไร”

   “น่าพี่  เชื่อใจผมเหอะ”  มันหันมายักคิ้ว  ก่อนที่จะเนียน ๆ  เดินไปถ่ายรูปโกเมศวร์  ผมมองภาพนั้น  น้ำตาไหล 

   วันนี้มันหล่อบาดใจเลย  ครุยสีแดงหมากสุก  ทำให้มันหล่อเหลือเกิน  ผมยิ้มเหมือนคนบ้า  มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นมันในชุดนี้  ผมอยากเห็นมันแค่นี้ 

   แค่นี้เท่านั้นมิใช่หรือ . . .   

   วันนี้ . . . วันที่มันเลือกทางที่จะเดินเอง   วันที่มันเดินได้อย่างเต็มภาคภูมิ  ต่อจากนี้  มันจะเลือกอะไร  ผมก็คงหมดห่วงแล้ว

   ผมมาส่งมันถึงฝั่งอย่างปลอดภัย . . .

   . . . แม้ผม

    เกือบตายในกลางน้ำ  แต่มันปลอดภัย  คนที่ผมรักมากที่สุด  ไปถึงฝั่ง  ไปยังสิ่งที่ทุก ๆ  คนในบ้านมันคาดหวัง  ทุกคนคาดหวังกับมันคนแรกของครอบครัวที่ได้รับปริญญา

   ผมไม่รู้เหมือนกัน  คนอื่นเคยเป็นแบบผมมั้ย

   แต่ . . . สำหรับผม

   วันนี้คือช่วงเวลาที่ดีที่สุด  วันนี้คือวันที่ผมหมดห่วง  สิ่งที่ผมเคยยึดติดเอาไว้  จะได้วางลงอย่างดีที่สุดแล้ว ผมทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแบบที่ผมอยากทำแล้วล่ะ 

   ผมยิ้มนะ . . . 

   หากแต่ . . . มีน้ำตา 

   ไม่ใช่น้ำตาของความเสียใจเหมือนที่ผ่านมา  แต่เป็นน้ำตาที่ผมรู้ว่า  ผมไม่ใช่คนที่อยากดึงมันเอาไว้เพื่ออยู่กับผมตลอดชีวิต  แต่ผมอยากเห็นมันมีชีวิตที่ดี  ที่เป็นของมัน  สิ่งนี้กระมังที่ผมหวังกับมันตั้งแต่ครั้งแรกที่ชวนมันมาเรียน

   “พี่  เดินตามมันมาเรื่อย ๆ  แล้วถ้าผมส่งสัญญาณพี่ไปทางหลังมันนะ”

   ไอ้จอมวางแผน  มันนัดแนะกับผมเอาไว้แล้ว  ว่าจะหาทางถ่ายรูปคู่กับไอ้โกเมศวร์ให้ได้  ผมแปลกใจ  จะทำได้อย่างไร  แบบนั้นมันก็รู้หมดสิ  ว่าผมมา  แล้วในเวลานี้ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอมัน

   “น่าพี่  เชื่อผม  กล้องผมจับโฟกัสได้หลายจุด  พี่ห่างมันสักเมตร  ไม่มีใครสงสัยหรอกน่าคนออกจะเยอะขนาดนี้  ถ้ามันเห็นพี่ก็รีบหลบแล้วแทรกหายไปกับฝูงคน รับรองตามกันไม่เจอหรอก”  มันบอกผมแบบนั้น

   ผมเชื่อมัน . . .

   . . . เพราะผมเองก็อยากมีรูปถ่ายกับมัน

   สนุกดีเหมือนกันนี่หว่า  กับการคอยแอบใคร  มันเนียนมาก  มันสามารถทำตามที่มันบอกได้ตั้งสิบกว่ารูป  โดยที่โกมันไม่รู้ตัวหรือสงสัยแม้แต่น้อย  ผมเดินตามไปเรื่อย ๆ  แถมยังต้องคอยหลบญาติ ๆ  มันกับได้เพื่อนรักผมอีก

   เวลาที่เราแอบทำมันสนุกแบบนี้นี่เอง . . .

   มันตื่นเต้น  คอยลุ้นอยู่ตลอดเวลา  ว่าเขาจะจับได้มั้ย  มิน่า  ที่ผ่านมา  ใครต่อใครมักจะแอบลักกินขโมยกิน  ความสุขมันอยู่ที่การได้แอบไม่ให้เขาจับได้นี่แหละ 

   ผมเดินตามมันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย . .

   จนเขาเรียกมันเข้าหอประชุมนั่นแหละ . . . ไอ้อาร์มถึงมานั่งหอบใกล้ ๆ  กับผม  มันเอากล้องมานั่งดูกับผม  ผมยิ้มกว้าง  เมื่อเห็นภาพคนที่ผมรัก

   . . . ครุยแดง . . .

   ผมทำได้นะ  ผมทำได้  ผมทำในสิ่งที่ผมไม่เคยคิดว่าจะทำแบบนี้ได้  แต่ผมทำสำเร็จ  วันนี้มันจะนึกถึงผมมั้ยนะ  มันจะคิดถึงคนแบบผมหรือเปล่า . . .

   “ทำไมมีรูปแดนเยอะจัง”  ผมกดเลื่อนรูปไปทีละรูป

   “เยอะที่ไหน  นิดเดียวเอง”

   “ชอบมันมั้ยล่ะ  เดี๋ยวคราวหน้ามีบินมาไทยพร้อมกันจะนัดมันกินข้าว”

   “บ้าพี่อาร์ม  เขาไม่มองผมหรอก  แต่ถ้าได้ก็ดีนะพี่  ฟังจากที่พี่เล่า  ใครได้พี่แดนเป็นแฟนนี่สุดยอดเลย”

   “รูปนี้สวยจัง”  ผมหยุดที่รูปนั้น

   คนที่ยืนขนาบซ้ายขวาของคนใส่ครุยสีหมากสุก . . .ไอ้เพื่อนรักกับไอ้แดน  ทั้งสามคนยิ้มกว้าง  ผมยิ้มกับภาพที่เห็น  เพราะอย่างน้อยที่สุด  คนที่ยืนเด่นหลังไอ้เพื่อนรักไม่ไกลกันเท่าไหร่ . . . ผมเอง

   ภาพที่ผมมองจากทีวีวงจรปิด . . .

   . . . สมเด็จฯ  พระราชทานปริญญาบัตร . . . 

   มันไม่น่าเบื่อเลย  นั่นไง  ผมเห็นแล้ว  เวลาที่ผมรอคอยมาตลอดสิบปี  คนที่ยืนยืนก้มหน้านิ่ง  ต่อหน้าพระพักตร์ก่อนยกมือไปรับใบปริญญาจากพระหัตถ์ของสมเด็จฯ

   ผมยิ้มทั้งน้ำตา . . .

   . . . วันนี้ผมมีความสุขที่สุด  สุขจนแทบทะลักออกมาจากหัวใจอยู่แล้ว 

   วันที่ผมรอคอยสิ้นสุดลงแล้ว . . .


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2010 14:05:05 โดย ราชบุตร »

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป



ลืมบอกไป . . .

มาเจอกันอีกครั้ง  ๗  วันข้างหน้านะครับ


เพราะมันคงเดินมาถึงจุดสุดท้ายแล้วจริง ๆ  . . .

สำหรับแฟนพันธุ์แท้เรื่องนี้จะได้รับตอนอวสานภายใน  ๕  วันนี้นะครับ  ใครที่รู้ตัวว่าจะได้  ที่ยังไม่  pm  เมล์เข้ามา  ส่งเมล์มาให้ผมด้วยนะครับ  ไม่อย่างนั้น ผมไม่รู้ส่งไปที่ไหนอ่ะครับ



ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: รักฤๅผูกพัน . . . กŭ
«ตอบ #535 เมื่อ02-06-2008 18:56:30 »

จิ้ม

ฉึก

ฉีกเลย

55555

 :m20:

เด่วมาเมนท์ แปะไว้ก่อน ติดอีกเรื่องอยู่

ออฟไลน์ CMYK

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ว่าแต่ น้องโก จบพระจอมไหนน้อนี่

ออฟไลน์ muyong

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตอนที่39 แล้ว

ใกล้จบแล้วเหรอค่ะ   o7

พี่อาร์ม  ทำให้หนูยิ้มได้พร้อมน้ำตา

โก ต้องเห็นรูปพี่อาร์มแน่เลย  ถ้าโกดูรูปที่ถ่ายพร้อมพี่โอ๋ พี่แดน

ขนลุกเลยอ่านถึงตอนนี้ ถึงพี่จะมาแบบแอบซ่อน

แต่หลักฐานมัดตัวแน่นหนานะพี่

ขอhappy ending นะค่ะ เพราะเรื่องจริงบางครั้งก็ยิ่งกว่านิยายอยู่แล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-06-2008 19:23:57 โดย muyong »

Tsukasa999

  • บุคคลทั่วไป
 o7 มาถึงบทสุดท้ายแล้ว...


เจ็ดวัน จะรอคอยค่ะ ไม่ได้อ่านก่อนหรือไรก็จะรอ  :oni2:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
อะไรเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยย จะมาถึงจุดจบแล้วเหรออออออออออออออ

ปล.ไม่แน่ใจว่า pm เมลล์ไปยัง เดี่ยวส่งอีกรอบเพื่อความชัวร์ดีกว่า อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด