รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน  (อ่าน 266085 ครั้ง)

iamhappywood

  • บุคคลทั่วไป
ยังไม่ได้เลยครับ ช่วยส่งให้ด้วยนะครับ

iamhappywoodอย่าแสดงเมลบนบอร์ด นะครับ

ส่งมาให้ด้วยนะครับ  :oni2:

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป


ตอนที่  ๔๓  (ต่อ)



   “โก . . . มีอะไรด่วนมั้ย  มาหาพี่ถึงที่นี่”   พี่โอ๋  เหมือนจะแปลกใจที่ผมก้าวย่างไปหาพี่เขาถึงสุวรรณภูมิ

   ผมยิ้มให้พี่โอ๋ 

   เพื่อนที่พี่อาร์มรักมากที่สุด  และน่าจะเป็นคนเดียวที่รู้ว่าพี่อาร์มอยู่ที่ไหน  หากพี่โอ๋ไม่ยอมที่จะบอกผม  ผมเข้าใจดี  เข้าใจในทุก ๆ  อย่างที่ผมเจอ  เพราะถ้าผมเป็นพี่โอ๋  ผมก็ทำแบบที่พี่โอ๋ทำเหมือนกัน


   “ป่าวพี่  พอดีผมเพิ่งกลับมาจากบ้านเลยเอามาฝาก”  ผมชูถุงของฝากจากเชียงใหม่

   “หลวงพ่อสบายดีมั้ย”   แววตาพี่โอ๋ห่วง  ผมมองหน้า  ค้นหาอะไรสักอย่าง  บางทีพี่โอ๋อาจจะมีอะไรที่ไม่อยากบอกผมก็เป็นได้ 

   “ก็ต้องกำชับให้กินยาตามที่หมอสั่ง  แต่คราวนี้ดีกว่าเดิม  ได้หมอดี”  ผมยิ้ม

   ยิ้มที่หยันตัวเอง  พี่โอ๋ไม่มีวันเข้าใจหรอก . . . หมอดี 

   “กินอะไรยัง  ไปหาอะไรกินกันมั้ย”   

   “เอาสิพี่ . . . ผมกำลังหิวเลย  ตั้งแต่เช้ารีบเคลียร์งาน  พอเลิกก็รีบดิ่งมาที่นี่เลย  เกือบทุ่มแล้ว  เพิ่งรู้ยังไม่กินข้าวเลยตั้งแต่เช้า”

   “ดูแลตัวเองบ้าง  อย่าโหมงานหนัก   พัก ๆ  เสียหน่อย  ไปหาหลวงพ่อทุกเดือนอีก  มีเวลาพักบ้างมั้ยนี่   เอางี้เดี๋ยวพาไปกินข้าว  แล้วนั่งมองเครื่องบิน”

   “แพง”

   “ไม่หรอก  มีคูปองฟรี  กินได้”  พี่โอ๋ยิ้มก่อน  เดินนำผมขึ้นไปชั้นสี่  แล้วเดินไปชั้นสูงสุดของอาคารสนามบินเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก  ผมเดินตามอย่างว่าง่าย

   โต๊ะที่ติดกระจก  มองจากด้านบน เห็นโครงหลังคาเหล็กโค้ง  มีผืนผ้าใบสีขาวสลับกับกระจก  คล้ายกลีบอะไรสักอย่าง  บางเกทมีงวงช้างสองงวงยื่นมาที่ลานจอด   เครื่องบินลำตัวสีขาวยาว ๆ  หากช่วงปลายหางเป็นลวดลายคล้ายใครเอาริบบิ้นสีน้ำเงิน และสีทองมาพันเอาไว้เป็นลวดลายอ่อนช้อย  ตรงแพนหางด้านบนสัญลักษณ์จำปี . . .

   เจ้าบ้านจอดเทียบเกทสงบนิ่ง . . .

   หากที่จอดแซมอยู่เป็นสายการบินอื่น ๆ  อีกมากมาย  แต่ที่สะดุดตาผมที่สุดคงเป็นเจ้าเครื่องสีขาว  ตรงเครื่องยนต์มีรูปมาสคอสต์เอเชี่ยนเกมส์  ที่แพนหางเป็นรูปกีฬาจักรยาน . . .

   ผมอยากมีตาทิพย์    อยากมองให้ทะลุไปในเคบินของเครื่องลำนั้น . . .

   “ชอบเครื่องบินตั้งแต่เมื่อไหร่”  พี่โอ๋หันมาทางผมเมื่อผมปล่อยให้พี่เขาสั่งอาหารเสร็จ

   “เมื่อวาน”  ผมบอก  ทั้ง ๆ  ที่สายตายังจับจ้องไปที่เครื่องลำนั้น  ผมไม่เคยรู้สึกชอบเครื่องบิน  จนกระทั่งเมื่อวาน  เมื่อผมเห็นคนที่นอนหลับเป็นตาย

   ผมรักเครื่องบินขึ้นมาจับหัวใจเลยทีเดียว . .  .

   “มีงี้ด้วย  ชอบเมื่อวาน  วันนี้เลยมาหาพี่ถึงที่นี่”

   “ถ้าภาษาผมเก่งก็ดีสินะ”    เสียงผมคล้ายบ่นกับตัวเอง  มากกว่าที่จะคุยกับอีกฝ่าย

   “ทำไมเหรอ”

   “จะสอบสจ๊วต”  ผมหันมามองหน้าพี่โอ๋

   แววตาพี่โอ๋เป็นปกติ  ไม่มีอาการอะไรเลยสักอย่าง  ผมพยายามหาสิ่งที่ผิดปกติจากแววตา  แต่ดูเหมือนว่า พี่โอ๋จะเก็บความรู้สึกเอาไว้อย่างมิดชิด  มิน่า  พี่อาร์มถึงบอก  พี่โอ๋เหมือนผม  หากไม่พูด  คนอยู่ใกล้ไม่มีวันรู้หรอกว่ารู้สึกอย่างไร

   “ไม่ชอบเป็นวิศวกรแล้วเหรอ”

   “แล้วเขาห้ามวิศวะเป็นสจ๊วตเหรอพี่”  ผมยิ้มบาง ๆ 

   พี่โอ๋  เป็นคนเดียวที่ผมคุยด้วยแล้วมีความสุข  มากกว่าพี่อาร์มเสียอีก  ผมหมายถึงพี่อาร์มคนที่ผมเจอที่กรุงเทพฯ  ไม่ใช่พี่อาร์มคนแรกที่ผมเจอที่ . . . ปาย

   “ไม่ห้าม  แต่นึกไงวันนี้มาแปลกชอบเครื่องบิน  อยากเป็นสจ๊วต” 

   “คนอื่น ๆ  ยังเป็นได้เลย  ทำไมผมอยากเป็นบ้างไม่ได้”

   “ใคร”  คราวนี้  คิ้วพี่โอ๋ขมวดเข้าหากัน 

   ผมยิ้มให้อีกครั้ง  การจะถามอะไรตรง ๆ  คำตอบก็คงเป็นแบบเดิม  พี่โอ๋ไม่มีวันทรยศต่อเพื่อนรักของแกแน่ ๆ  สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือการเลียบ ๆ  เคียง ๆ  แล้วเอามาปะติดปะต่อกันเอง

   “เยอะแยะไปพี่  คนที่เป็นสจ๊วตเพราะต้องการบางอย่าง”  ผมหันไปมองเครื่องบินต่อ  วันนี้ผมเริ่มชอบ  ยามเครื่องลำใหญ่ ๆ  ค่อย ๆ  ถอยจากเกท  ด้วยรถคันเล็ก ๆ  ที่ดันให้มันถอยหลังมาช้า ๆ 

   เครื่องบินไม่มีเกียร์ถอยหลัง . . .

   คงเหมือนหัวใจบางคน . . . แล้วหัวใจผมมันก็เย็นเยียบเมื่อนึกถึงบางคนที่ผมคิดถึง  บางที  สิ่งที่ผมวาดหวังอาจจะอยู่ไกลเกินไปในตอนนี้

   “เช่นอะไรเหรอ  เงิน  ความก้าวหน้าในชีวิต” 

   “ก็แน่นอนพี่  คนเราทำงานต้องการเงินทั้งนั้น  แต่บางคนทำงานเพราะหนีนี่สิ  ผมไม่รู้  เขาทำไปได้ไง  การหนี  มันทำให้เขามีความสุขหรือ  มันทำให้คนรอบ ๆ  ตัวมีความสุขหรือ  ผมไม่รู้นะ  ว่าคนเราจะหนีตัวเองไปได้ตลอดชีวิตหรือเปล่า”

   “พูดอะไรพี่งง”

   “พี่โอ๋ . . . อยากหายงงมั้ย”  ผมหันกลับมามองหน้าพี่โอ๋

   อีกฝ่ายพยักหน้ารับ . . .

   “พี่ตอบคำถามผมมา  คำถามเดียวเท่านั้น”

   “อะไร”

   “พี่อาร์มอยู่ไหน”  ผมจ้องหน้พี่โอ๋นิ่ง  ผมหวัง  บางทีครั้งนี้พี่อโอ๋อาจจะยอมที่จะพูดความจริงกับผมบ้าง  ความจริงที่ผมเจอมาเมื่อวานจากคนที่นอนขดตัวนิ่งด้วยความเหนื่อยอ่อนในกุฎิหลวงพ่อ

   “ก็บอกไปแล้ว”

   “มันกว้างนะพี่  ดินแดนทะเลทรายอย่าง . . . ตะวันออกกลาง . . .”  ผมแค่นเสียงออกมา  คล้ายเยาะตัวเอง

    “. . .  ประเทศไหนหรือพี่  ซาอุฯ  อิมิเรสต์  อิหร่าน  หรือ. . .”    ผมย้ำคำสุดท้าย

      “. . .การ์ต้า” 

   พี่โอ๋มองหน้าผม    แววตาคล้ายหนักอกหนักใจ 

   ผมยิ้มให้  อย่าวาดหวังว่าผมจะพูดอะไรมากกว่านี้อีกเลย เพราะในความเป็นจริงพี่โอ๋น่าจะรู้ดีกว่าผมเป็นไหน ๆ   

   “แล้วพี่อาร์มเขาไปทำงานอะไร    พี่อาร์มต้องไปทำอะไรที่นั่น”

   “พี่ไม่รู้”

   “ผมรู้ว่าพี่รู้”

   ผมจะเชื่อได้อย่างไร  เพื่อนสนิทที่สุดจะไม่รู้  ว่าเพื่อนไปทำงานที่ไหน  ทั้ง ๆ  ที่ผมรู้คำตอบอยู่แล้ว  แต่ผมอยากจะรู้จากปากพี่โอ๋มากกว่า  ผมไม่สามารถที่จะไปบังคับอะไรพี่โอ๋เขาได้หรอก  เพราะเขากับพี่อาร์มมันเพื่อนตายกัน

   . . .  เพื่อนแท้ คนสุดท้าย . . .

   ส่วนผม . . .

   วันนี้ . . .

   ผมมีใครเสียที่ไหน  ชีวิตของผม  ไม่มีอะไรสักอย่าง  ผมทำลายทุกอย่างที่มี  คนดี ๆ  รอบ ๆ  ตัวผม  ค่อย ๆ  หายไปทีละคน  ชีวิตผมเหมือนตัวคนเดียวในโลกเมื่อไม่มี . . . พี่อาร์ม

   กว่าเราจะรู้ค่าของสิ่งที่มี . . .

   ก็เมื่อเราสูญเสียมันไปแล้ว  แต่ผมยังหวัง  สักวัน  ผมจะดึงเขากลับมา  ดึงกลับมาเป็นของผม  ในเมื่อมันเป็นของผมมาตั้งแต่ต้น  ถึงจะหายไป  แต่ความเป็นเจ้าของก็ยังเป็นผมมิใช่หรือ

   “ถ้ารู้ว่าพี่รู้  ก็น่าจะรู้  ว่าไม่มีวันที่พี่จะทรยศเพื่อน”

   เป็นไปตามที่ผมคาดหมาย  เพราะท้ายที่สุดแล้วพี่โอ๋ก็ไม่ยอมที่จะบอกความจริงอยู่ดี  ผมดีใจที่อย่างน้อยพี่อาร์มมีเพื่อนแบบพี่โอ๋   

   “พี่โอ๋ดูเครื่องลำนั้นสิ”  ผมชี้ไปที่เครื่องลายเอเชี่ยนเกมส์

   “ทำไมเหรอ”

   “พี่เห็นใช่มั้ย  เครื่องจากตะวันออกกลาง”  ผมยิ้มกับเครื่อง

   “อืม  ของการ์ตา”

   “พี่อาร์มอยู่ในนั้น”  ผมยิ้ม  ผมมั่นใจ  ความรู้สึกบางอย่างของผมมันบอกแบบนั้น  ผมรู้สึกเหมือนพี่อาร์มอยู่ใกล้ ๆ    ผมมองเครื่องบิน  ผมยิ้มให้เครื่องบิน  ยิ้มให้กับอะไรบางอย่างที่ผมเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร

   ที่ผมมา . . .  ผมแค่หวัง

   . . . ผมอาจเจอพี่อาร์มที่ประตูลูกเรือ . . . 

   ผมหวังได้เสมอมิใช่หรือ   ความหวังก็เหมือนน้ำที่หล่อเลี้ยงหัวใจ ตราบใดที่ผมยังมีหัวใจ  ผมก็อยากรู้ว่าหัวใจผมมันอยู่ที่ไหน

   “เฮ้ย”  พี่โอ๋ตกใจ

   “ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นล่ะพี่  ในเมื่อพี่บอกผมเองว่าไม่รู้ว่าพี่อาร์มอยู่ที่ไหน”   ผมยิ้มอย่างคนเป็นต่อ

   พี่โอ๋เฉมองลงไปที่ลานจอดไม่ยอมพูดอะไรอีก

   “จริง ๆ  นะพี่  ผมว่าพี่อาร์มต้องอยู่ในเครื่องลำนั้นแน่ ๆ”  ผมหันมามองหน้าพี่โอ๋  ผมไม่เคยรู้สึกอุ่นหัวใจเลยตั้งแต่วันที่ผมออกมาจากชีวิตพี่อาร์ม  จนกระทั่งเมื่อวานหัวใจผมยังหนาวเหน็บเมื่อผมมองเห็นคนที่นอนขดตัวในกุฎิ

   หาก . . .

   ตอนนี้

   เมื่อผมบอกออกไปว่าพี่อาร์มอยู่ในเครื่องลำนั้น  ทำไมหัวใจผมมันกลับอุ่น  มันอบอุ่นแบบที่ผมเองก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้  ผมหันไปมองเครื่องลำนั้นอีกครั้ง  ผมเห็นนะ  เครื่องแอร์บัส A330-300  มันสวยกว่าเครื่องทุกลำที่จอดอยู่ที่นั่น

   “มันอาจจะทำงานที่อิมิเรสต์  หรือ เอทิฮัทก็ได้”

   ผมยิ้มอีก  คราวนี้ผมยิ้มกว้าง  โดยที่สายตายังมองผ่านกระจกไปที่เครื่องบิน  ลำที่ผมแน่ใจเป็นที่สุดว่ามีหัวใจผมอยู่  อย่างน้อยตอนนี้ผมรู้แล้วหัวใจผมอยู่ที่ไหน  ทำอะไร  ไม่นานหรอก  ผมจะตามหัวใจผมคืน

   “บอกผมเองนะ    ว่าพี่อาร์มทำงานสายการบินแน่นอนแล้ว”  ผมเอ่ย  แต่ไม่หันมามองพี่โอ๋

   “เฮ้ย  ไอ้นี่” 

   “เอาน่าพี่  อย่างน้อย ๆ  ผมก็ได้นิสัยพี่อาร์มมาบ้างแหละน่า  ตะวันออกกลางทำงานอะไรได้  ถ้าไม่ใช่สจ๊วต  แล้วเหรียญทองแบบพี่อาร์ม  ทำงานกราวน์มาตลอด  จะเลื่อนมาเป็นสจ๊วตมันไม่แปลกหรอก  ถึงพี่อาร์มจะไม่ชอบ แต่มันมีเหตุผลที่อนุมานได้ว่าตอนนี้พี่อาร์มเป็นสจ๊วตอยู่การ์ตา”  ผมมองหน้าพี่โอ๋นิ่ง

   “ทำไมต้องการ์ตา ที่อื่นก็มี”

   “พี่บอกผมเอง  อาจจะที่อิมิเรสต์หรือ  เอทิฮัทก็ได้  อาจจะ . . . แปลว่า  ไม่แน่ใจ  ในเมื่อพี่โอ๋ไม่แน่ใจ    แต่ผมแน่ใจยิ่งกว่าแน่ใจเสียอีกว่าพี่อาร์ม  อยู่ในเครื่องบินลำนั้น”  ผมหันไปชี้อีกที  ที่เครื่องมีแพนหางสีแดงรูปสัญญลักษณ์กีฬา

   ผมไม่เคยแน่ใจอะไรเท่ากับวันนี้มาก่อนเลย . . .

   “เออ  มันไปเป็นจ๊วต  แต่ที่ไหน  พี่ไม่รู้”

   “จริงหรือพี่”

   พี่โอ๋พยักหน้ารับแทนคำตอบ 

   . . . บางที . . .   

   พี่โอ๋อาจไม่อยากพูดโกหกเลยต้องใช้การพยักหน้าแทนคำตอบก็เป็นได้  ผมแน่ใจกว่าเมื่อวาน  พี่อาร์มทำอะไรอยู่ที่ไหน ตอนนี้ผมทำได้แค่รอ  รอให้พี่อาร์มได้อยู่กับความเป็นจริง  หรือ  อาจจะให้แผลที่ผมกรีดเอาไว้หายสนิทเสียก่อน

   แล้ว . . . ต่อจากนั้นตลอดชีวิต

   ผมจะอยู่ให้พี่อาร์มเหม็นหน้าไปจนตาย  ผมไม่ยอมปล่อยให้สิ่งที่ดีมันเดินผ่านผมไปอีก  ผมไม่มีวันยอมทำอะไรแบบที่ผ่านมาอีกแล้ว  บางที บทเรียนแห่งความเจ็บปวดมันอาจจะทำร้ายเราสองคนมามากพอแล้ว

   “งั้นผมบอกพี่นะครับ  พี่อาร์มทำงานที่การ์ตาแน่นอน  ผมเอาหัวเป็นประกัน”

   “ทำไม”

   “ผมเจอพี่อาร์ม”

   “ที่ไหน  มันสบายดีมั้ย  มันผอมลงไปมั้ย  แล้วทำไมไม่พามันมาด้วย”  พี่โอ๋ดูจะตื่นเต้นกับเรื่องที่ผมบอก  บางที  พี่โอ๋อาจจะไม่เจอพี่อาร์มเลยก็เป็นได้

   “ที่กุฎิหลวงพ่อ  เมื่อวาน”

   “แล้วคุยกันหรือยัง”

   ผมส่ายหน้า  ก่อนหันไปมองเจ้าเครื่องลำนั้น   

   ถ้าผมมีเวทย์มนต์  ผมจะเสกให้ตัวเองสามารถเข้าไปในเครื่องลำนั้นตอนนี้  อย่างน้อยที่สุด  สิ่งที่ผมคิดมันเป็นจริงหรือเปล่า  ผมอยากรู้  มันจริงแบบที่ผมคิดใช่มั้ย

   “ทำไม”

   “ผมไม่กล้าปลุกพี่อาร์ม  พี่อาร์มหลับ  แต่เสื้อนอกแขวนอยู่  ป้ายชื่อบอกหราเลย  สายการบินอะไร  คราวนี้พี่ปิดผมไม่ได้แล้วล่ะ  พี่อาร์มเขาอาจเพิ่งบินกลับมา  ถ้าเขามาจากโดฮา  หมายความว่าเขาบินไปเชียงใหม่เลย  พี่เขาคงเหนื่อยกับเวลาที่ไม่เหมือนกัน  ผมเลยไม่ปลุก  ปล่อยให้พี่เขานอน อีกอย่าง . . .”  ผมมองหน้าพี่โอ๋

   “อะไร”

   “ผมกลัว”

   “กลัวอะไร”

   “พี่โอ๋ว่าถ้าพี่อาร์มไม่หายโกรธผม  ถ้าพี่อาร์มไม่หายเจ็บกับสิ่งที่เกิดขึ้น  ถ้าพี่อาร์มรู้ว่าผมรู้ว่าพี่อาร์มทำอะไรอยู่ที่ไหน  พี่โอ๋คิดว่าพี่อาร์มจะทำยังไงต่อไปหลังจากเจอหน้าผม”

   “หนี”

   “นั่นแหละพี่  ผมไม่กล้าปลุก ถ้าพี่อาร์มหนีอีก  คราวนี้อาจไม่ใช่แค่ตะวันออกกลาง ผมเลยเดินออกมา  แล้ววันนี้ผมเช็คแล้ว  การ์ตาออกสองไฟลท์  เมื่อเช้ากับลำนั้น  จะออกตอนสองทุ่ม”  ผมชี้ไปที่เครื่องแอร์บัส

   “อาร์มอาจมีบินตอนเช้า  เพราะมันบอก  มันบินแต่ละครั้งอยู่ไม่เกินสามสิบชั่วโมง”

   “พี่รู้  รู้มาตลอด  แต่ไม่บอกผมเลยนี่นะ”  ผมยิ้ม

   “พี่มีสัญญากับมัน  แต่ในเมื่อโกเจอเอง  พี่ก็ไม่ผิดสัญญา  แล้วรู้ได้ไงว่ามันบินตอนค่ำ  ตั้งแต่มันไป  พี่ไม่เคยเจอมันเลย  มันไม่เคยแวะหาพี่เลยด้วยซ้ำ”  พี่โอ๋คล้ายน้อยใจ

   “ผมแน่ใจพี่ว่าพี่อาร์มบิน 611  แน่ ๆ  ผมเช็คกับเพื่อนที่ทีจีแล้ว  พี่อาร์มบินกลับมาจากเชียงใหม่เมื่อเช้าไฟลท์แรก  ซึ่งมันบอกกฏการบินต้องพักเกินกว่าจะบินไฟลท์เช้าได้ผมเลยคิดว่าพี่อาร์มไม่มีบินไฟลท์เช้า”

   “เลยมาส่งอาร์มว่างั้น”

   “ครับ  ผมมาส่งพี่อาร์ม  ถ้าผมรู้  พี่อาร์มบินมาไทยวันไหน  ผมสัญญาพี่  ผมจะมาส่ง  มาส่งพี่อาร์มทุกไฟลท์  ทุกครั้ง”  ผมมองหน้าพี่โอ๋

   สิ่งเดียวที่ผมทำได้ในตอนนี้ . . .

   “กินเหอะ . . .  กินให้อิ่มก่อน  อีกเดี๋ยวเครื่องก็จะเทคออฟแล้วล่ะ”  พี่โอ๋เลื่อนจานที่พนักงานเดินเอามาเสิร์ฟ

   “เดือนหน้าผมมีไปดูงานที่ลอนดอน  ผมจะลองขอที่บริษัทบินกับการ์ตา”

   “ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นว่ะโก”  พี่โอ๋มองหน้าผม

   “ผมไม่รู้  แต่ถ้าเป็นพี่  พี่จะทำแบบที่ผมทำเหมือนกันผมแน่ใจ”    ผมมองหน้าพี่โอ๋ 

   ใครก็ตามที่รู้หัวใจตัวเอง  จะไม่มีวันปล่อยโอกาสให้มันหลุดลอยไปอีก  โอกาสมันจะเดินผ่านเราไปเสมอ  หากเรารีรอ  เราจะเสียใจกับสิ่งที่ผ่านเราไปแล้ว 

   บทเรียน . . . สอนให้เราไม่รีรอ

   “อะไร”  ผมมองหน้าพี่โอ๋  เมื่อพี่เขายื่นโทรศัพท์มาให้ผม

   “พี่ว่า  ความรัก  มันเหมือนสายใย  บางอย่างมันเกินที่จะคาดเดา” 

   ผมรับโทรศัพท์จากพี่โอ๋ . . . ข้อความมัลติมิเดีย  เพิ่งได้รับก่อนที่พี่โอ๋จะส่งให้ผมแค่ชั่วลมหายใจเท่านั้น  ผมมองภาพในโทรศัพท์มือถือ  ภาพถ่ายที่เหมือนจะเพิ่งถ่ายในเคบิน . . .

   . . . QR 611  Bye Bye THAILAND  เพื่อนรัก  มาคราวหน้าค่อยเจอกันนะ  . . .

   ผมรีบโทรกลับไปตามเบอร์นั้น . . .

   “สวัสดีครับ  อาร์มครับ  ฝากข้อความไว้นะครับ”

   เสียงพี่อาร์ม  เสียงที่ขาดหายไปจากชีวิตผมนานเหลือเกิน  ผมจำได้  หัวใจผมเต้นแรง  ผมหันไปมองเครื่องลำนั้นอีกครั้ง   ผมอยากแหวกทุกอย่างไปยืนในเคบินของเครื่องแอร์บัสลำที่จอดเทียบเกท

   “ถ้าอาร์มมันรู้  มันคงดีใจ”  พี่โอ๋ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยนที่สุด  เป็นรอยยิ้มที่ผมเพิ่งสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ขาดหายไป  นับตั้งแต่ที่พี่อาร์มหายไปร่วมปี

   เรานั่งกันอยู่จนกระทั่งเครื่องบินลำนั้นค่อย ๆ  เคลื่อนตัวออกจาเกทช้า ๆ  ผมมองเครื่องที่ค่อย ๆ  อุ้ยอ้ายไปตามแทกซี่เวย์  หัวใจผมเย็นเยียบ  คล้ายใครเอาน้ำแข็งมาทาบทับเอาไว้  เมื่อเครื่องไปสุดรันเวย์  แล้วมันค่อย ๆ  เพิ่มความเร็วก่อนที่จะทะยานไปบนฟากฟ้า  หายไปในความมืด  ทิ้งไว้เพียงร่องรอยของหัวใจที่มันหนาวเหน็บ

   หัวใจผมสั่นเหมือนใครมาโยกคลอน . . . 




   ผมปิดสมุดเล่มนั้นลง มันเจ็บปวดเกินกว่าที่ผมจะอ่านมันอีกต่อไป  สิ่งที่โกเมศวร์  มันเขียนเอาไว้  บอกทุก ๆ เรื่องราวได้ดี  ผมรู้จักความทรมาน  และคิดว่าตัวเองทรมานที่โดนทรยศ  แต่ไม่เคยมองอีกฝ่าย

   “อาร์ม” 

   “อะไร  ไหวน่า”  ผมปาดน้ำตาทิ้ง

   “พอแล้ว  พอเหอะ  ไม่อยากรู้  ไม่อยากอ่านอะไรอีกแล้ว  ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วย”  ผมมองหน้า  เพื่อนรัก  กับ น้องรัก

   “เพราะทุกคนรักมึงไงไอ้อาร์ม  ไม่มีใครอยากเห็นมึงหนีไปไหนอีกแล้ว  ทุกคนต่างทำร้ายกันมามากแล้วอาร์ม  คนที่เจ็บปวด  ไม่ใช่แค่มึงสองคน  แต่หมายถึงทุก ๆ  คนรอบ ๆ  ตัวมึงนะอาร์ม”

   “เออ  ขอบใจที่ห่วงกู”

   “รู้แบบนี้กลับโดฮาอีกมั้ยพี่อาร์ม”

   “กลับสิ  ต้องกลับไปทำงาน”

   “ไอ้อาร์ม  กูไม่คิดมึงจะใจแข็งขนาดนี้  กูเชื่อเลยมึง  ก็คิดว่ามึงจะฟังอะไรบ้าง  แต่มึงไม่ฟังอะไรเลย  กูผิดหวังนะมึง  ผิดหวังตั้งแต่วันที่ไอ้โกรับปริญญาแล้ว”   มันน้อยใจผมแล้ว  อาการแบบนี้ผมรู้ รู้ดี

   “ทำไม”

   “อาร์ม  มึงลองนึกถึงใจมึงสิ  วันที่มึงทำสำเร็จ  คนที่เขาอยู่เบื้องหลังไม่มาให้เห็นมึงคิดมั้ยว่ามันจะรู้สึกแบบไหน  มันโหยหามึง  มันชะเง้อรอมึงตลอดเวลา  แต่มึงมันใจดำ  รู้ทั้งรู้  ว่ามันคอย  แต่มึงก็ไม่มา    มันรอคอยมึงอย่างใจจดใจจ่อ  เพราะมันบอกว่า  มันแน่ใจ  พี่อาร์มต้องมาพี่โอ๋  พี่อาร์มต้องมา  มันบอกกู  น้ำตามันไหล  มันรอคอยมึง  รอคอยคนที่สำคัญที่ทำให้มันมีวันนั้น  แต่มันต้องผิดหวัง  การรอคอยของมัน  ว่างเปล่าอาร์ม  กูอยากรู้จังหัวใจมึงทำด้วยอะไรว่ะนี่”    ไอ้เพื่อนรักมองหน้าผมเหมือนผมเป็นตัวประหลาด

   “เหรอ”  ผมมองหน้ามัน ก่อนเปิดแลปท้อปอีกครั้ง  ก่อนหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา

   “แล้วนี่อะไร  ดูเอาเอง”  ผมเปิดกระเป๋าสตางค์ให้มันดู

   คนอยู่ตรงกลางใส่ครุยสีหมากสุก   ส่วนที่ขนาบทั้งซ้ายและขวาไอ้เพื่อนรักของผม  กับไอ้แดน  และที่เห็นด้านหลัง . . . ผมเอง

   รูปนี้ผมพกติดกระเป๋าตลอดเวลา

   “ถ้ายังไม่เชื่อดูนี่”   ผมเปิดไฟล์ในแลปท้อป  ตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมบินจากโดฮา  มาถึงกรุงเทพฯ  จนกระทั่งเข้าไปในไบเทคบางนา  หลักฐานทุกอย่างมันชัดเจน  มันแทนคำพูดใด ๆ  ทั้งหมดที่ผมโดนกล่าวหา ผมมองหน้ามัน  น้อยใจที่มันไม่รู้จักผม  มันไม่รู้จักคนแบบผมเลยหรือ

   “อาร์ม  กูขอโทษเพื่อน  กูขอโทษ”  มันกอดผมเอาไว้หลวม ๆ

   “ช่างมันเหอะ  แค่มึงเข้าใจกู  กูก็ดีใจแล้ว  กูไม่ใช่คนเข้มแข็ง  กูอ่อนแอเสียด้วยซ้ำ  สิ่งที่กูทำไปทั้งหมด  กูทำไปด้วยหัวใจ  สิ่งที่กูทำ  กูคิดว่ามันดีที่สุดแล้วเพื่อน  ดีที่สุดแล้ว  ขอบใจทั้งมึงทั้งแดนที่ทำอะไรให้กูมาตลอด  ขอบใจที่สุดเพื่อน”

   ผมผละจากมัน

   “จะไปไหน . . .”  มันถามพร้อมกันเมื่อผมลุกขึ้น

   “อยากเดินเล่นว่ะ  ไม่ต้องตามนะ  ขอเดินคนเดียวสักพัก  อ้อ นั่งดูรูปไปแล้วกัน  เกือบห้าร้อยรูปนะมึง รูปรับปริญญาในมุมที่มึงไม่เคยเห็นแน่ ๆ”    ผมยิ้มก่อนชี้ไปที่แลปท้อป

   ผมยังนึกเลย . . .

   ถ้าในหนัง  ผมออกมาเดินเล่นที่ชายหาดผมจะได้เจอกับมันแน่ ๆ  ผมอยากให้เหมือนในหนัง  แอบหวังเอาไว้ลึก ๆ  ว่าจะมีมัน  แต่ชีวิตคนไม่ใช่หนัง . . .

   . . .  ไม่มีแม้แต่เงาของมัน  แต่ผมไม่เสียใจนะ  เพราะอย่างน้อยที่สุด  ตอนนี้ผมรู้แล้ว  ผมรู้จักมันมากขึ้น 

   ความโง่ที่บดบังตาของผม . . .

   . . . มันจบลงแล้ว  ตอนนี้ผมตาสว่าง  ผมรู้แล้ว  สิ่งทีผมเคยทรมานมันเทียบไม่ได้  กับความสุขที่ผมรู้ว่า  มันรักผม  จะแบบไหนก็เหอะ  ผมก็ได้ความรักจากมันก็แล้วกัน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2010 15:12:08 โดย ราชบุตร »

mantdash

  • บุคคลทั่วไป
ว้าวติดตามอ่านมาจนจบครับอิอิ ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวดีๆให้แก่ทุกคนในที่นี้นะครับ
ประทับใจมากๆๆ  o13 o13ไ
ได้อ่านเรื่องนี้แล้วมองย้อนไปที่ตัวเอง ก็คิดได้ว่าเทียบไม่ติดเลย ฮ่าฮ่า
ขอให้พี่อาร์มมีความสุขมากๆนะครับ ขอใ้่ความรักที่ยื่งใหญ่นี้อยู่กับพี่ตลอดไปครับ o7

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
ได้รับเรื่องแล้ว ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ดี ที่เขียนมาให้อ่าน  :pig4: :pig4: :pig4:

เป็นตอนจบที่อ่านแล้วยิ้มได้จริง ๆ

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป

ตอนอวสาน





สนามบินสุวรรณภูมิ


   ไอ้เพื่อนรักมาส่งผมที่ประตูทางเข้าชั้นสี่  ก่อนที่มันจะขับหายไป  ผมมองไปจนมันลับตา  ไม่รู้อีกนานแค่ไหน  ที่ผมจะได้เจอกับมันอีก  ทั้ง ๆ  ที่ตอนนี้ผมรู้ทั้งหมดแล้ว  และผมก็ทำใจได้แล้ว  

   ความรัก  มันอยู่กับเรานั่นแหละ  ไม่ได้หายจากเราไปไหนเลย  


   ตั้งแต่ที่สมุย   ผมคิดถึงมันมาตลอด อยากเจอมันนะอยากขอโทษมัน  อยากคุยกับมัน   สิ่งที่ไอ้เพื่อนรักมันบอกผม  ผมลองคิดดู  ผมเจ็บปวดนะ  กับสิ่งที่มันทำมา  แต่เทียบกันได้มั้ย  กับสิ่งที่ผมทำกับมันในตอนนั้น  ผมเลือกที่จะคิดว่า  ถ้าผมเป็นมันผมจะทำแบบเดียวกันมั้ย

   . . . แม่ . . . กับคนที่ผมรัก

   ผมเลือก . . . แม่

   ถ้าแบบนี้ . . .  โกเมศวร์ไม่ผิด มันเลือกทำในสิ่งที่ถูก  ผมจะไปโกรธไปเกลียดมันได้อย่างไร  สิ่งที่มันทำถูกต้องที่สุดแล้ว

   ผมรับบอร์ดดิ้งพาสมาถือเอาไว้ พยายามมองรอบ ๆ  ตัว ด้วยหวังว่ามันจะมาหาผม  ผมคงคิดเข้าข้างตัวเองว่าผมสำคัญสำหรับมัน  แล้วผมก็ต้องยิ้มให้ตัวเอง  ปลอบใจกับสิ่งรอบ ๆ ตัวที่ผมเห็น

   ว่างเปล่า . . .

   . . . เฉกเช่นเคยเป็นมา

   ผมกระชับกระเป๋าใบเล็กที่ข้างในมีแลปท้อปเข้ากับบ่า       อีกนานแค่ไหนกว่าผมจะได้กลับมาบ้านอีก  แล้วอีกนานแค่ไหนที่ผมจะได้เจอมันอีก  ถ้าเมื่ออาทิตย์ก่อนผมไม่ทิฐิจนเกินไป  ผมยอมคุยกับมันดี ๆ  ผมคงไม่คิดถึงมันเหมือนตอนนี้

   “พี่อาร์ม . . .”

   ดูสิ ขนาดคิดถึงมัน  ยังได้ยินเสียงมันเลย  ผมคงจะเป็นเอามาก  แต่ผมไม่เจ็บปวดเหมือนครั้งแรกที่ผมจากมันไปแบบนี้  ตอนนั้นที่ดอนเมือง  ผมเดินเข้าไปในอาคารผู้โดยสารทั้งน้ำตา  เพราะผมว่า  มันคงไม่รักผมแล้ว  

   แต่วันนี้ . . .  

   . . . ผมเดินไปโดยที่ผมรู้ว่า  แท้ที่จริงแล้ว . . .

   ความรัก . . .

   . . . มันไม่ต้องการเหตุผลมิใช่หรือ ?

   “พี่อาร์ม”  ข้อมือผมโดนยึดเอาไว้

   ผมก้มลงมองที่ข้อมือ  ที่ตอนนี้มีอีกมือจับกระชับเอาไว้  มือที่ผมคุ้นเคยแต่ก่อนเก่า  เป็นมือที่ผมโหยหามาตลอดเวลาด้วยซ้ำ

   ผมยิ้มกับตัวเอง . . .  

   บางทีตอนนี้ผมอาจจะกำลังฝันอยู่ก็เป็นได้   มือที่จับมือผมเอาไว้  ทำไมผมจะไม่รู้  ว่านั่นคือมือของใคร  ผมค่อย ๆ  เลื่อนสายตาจากข้อมือ ไล่มาเรื่อย ๆ  รออีกนิดนะ  ขอเวลาผมปรับสภาพหัวใจอีกนิดเดียวเท่านั้นเอง  จนผมเห็นชัด  ใบหน้านั้น  มันดูแก่ไปกว่าที่ผมเจอเมื่อสิบกว่าปีก่อน

   ผมยิ้มให้มัน . . .

   . . .  เหมือนวันแรกที่ผมรู้จักมัน

   “พี่อาร์ม  ผมยังมีโอกาสอีกมั้ย”

   คำถามของมัน  น้ำเน่าแท้ ๆ  ผมว่า  คำถามแบบนี้ผมเคยดูในหนังนะ  ตอนที่ศรราม  พูดกับน้องนิ้ง กุลสตรี  ในหนังไทยเรื่องนึง . . .  ฝันติดไฟ  หัวใจติดดิน

   “โกเคยมี  แต่ใช้มันไปหมดแล้ว”  

   ผมพูดประโยคเดียวกับนางเอกเรื่องนั้นเป๊ะ    มันหน้าเศร้าลงเล็กน้อย  เมื่อได้ยินคำตอบ  หากแต่ผมยิ้มให้มัน  

   “จะไปจริง ๆ  หรือ”

   “อือ”  

   เสียงผมมีแค่นั้นจริง ๆ . . .  

   สามปีที่ผมกับมันมีเรื่อง  เราเหมือนคนแปลกหน้า  ถึงผมจะรู้ความจริงทั้งหมด  แต่ผมยังไม่ชิน  ผมชินกับความเหงาที่มันอยู่กับผมมาสามปี  ตอนนี้สิ่งที่อยู่ตรงหน้า  ผมไม่แน่ใจว่ามันจะใช่ความสุขหรือความเจ็บปวดอีก

   “ผมขอโทษ  ทุก ๆ  เรื่องที่ผ่านมา”

   “พี่ก็ขอโทษ  ที่ทำอะไรแย่ ๆ  ลงไป”    ผมแกะมือมันออกจากการเกาะกุม  ไม่อยากเป็นเป้าสายตาของผู้คนอีกมากมายในอาคารผู้โดยสาร

   “ผมรักพี่อาร์ม”

   “แบบพี่ . . .”  

   ผมมองหน้ามัน  ต่อให้มันเสร็จสรรพ  ยิ้มยั่วมันเหมือนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนในชีวิต  บางที  ตอนนี้ผมมีความสุขกว่าตอนไหน ๆ  เสียอีก  ในเวลาที่ผมได้เห็นใบหน้ามันเปลี่ยนสีเข้มขึ้น

   “ทำไมต้องมีต่อท้าย  ผมไม่มีคำต่อท้าย  ผมรักพี่อาร์ม  ได้ยินมั้ยครับ  ผมรักพี่อาร์ม”  

   ผมมองหน้ามันชัด ๆ   ส่ายศรีษะตัวเองไปมา  

   นี่หูผมไม่ฝาด หรือ  โลกหมุนกลับอยู่แน่ ๆ    กับสิ่งทั่มนพูดมา

   แต่ทำไมตอนนี้ ผมไม่ดีใจแบบวันที่ผ่านมา  แบบตอนที่ผมอยากได้ยินในตอนนั้น  ตอนนี้  ผมแค่อยากขอโทษมัน  อยากเห็นหน้ามัน  อยากเห็นมันมีชีวิตที่มันอยากจะเป็น  ถ้ามันแต่งงานผมก็จะดีใจกับมัน

   รอดูหน้าลูกมัน . . .

   . . . จะน่ารักแบบมันมั้ย

   “ขอบใจ”

   “พี่อาร์ม กลับมาอยู่เมืองไทยเหอะ”

   “อีกสักพักแหละ  ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร”

   “รีบมาเหอะพี่  หลวงพ่อแก่มากแล้ว  ต้องไปหาหมอทุกเดือน  ถึงหมอจะไม่บอก  แต่ผมว่าพี่อย่าไปนานเลย”

   “หมายความว่าไง”

   “คนแก่นะพี่  จะไปวันไหนก็ไม่รู้  อย่าปล่อยให้อะไรมันสายเกินไปอีกเลยพี่อาร์ม  ผมไม่อยากเป็นต้นเหตุให้พี่หนี  ถ้าพี่กลับมา  หลวงพ่อดีใจ  เพราะตั้งแต่พี่กลับมา  หลวงพ่อไม่เคยออกธุดงค์อีกเลย”

   “ขอคิดดูก่อนนะ”

   “พี่อาร์ม”

   “หือ”

   “รักผมมั้ย  ผมยังเป็นคนที่พี่รักอีกมั้ย”     ผมมองหน้ามัน  มีแต่ผมที่เคยถามมันแบบนี้  สงสัยงานนี้ผมคงหูฝาดแน่ ๆ  ผมมองหน้ามัน  เลิกคิ้วสูง

   ผมกำลังเป็นต่อมันอยู่หรือ  ได้ยั่วมัน  เหมือนที่มันเคยยั่วผม  คำตอบที่ผมเคยอยากได้มาตลอดเวลา  บัดนี้คนที่อยากได้กลับเป็นมัน

   “ถามไม่ได้ยินหรือไง”

   ผมแน่แก่ใจ  มันถามผมแน่ ๆ  แสดงว่าหูผมไม่ได้ฝาด  ผมยิ้มให้มัน  ได้เวลาที่ผมจะทวงคืนแล้วล่ะ  ขอเล่นอะไรสนุก ๆ  หน่อยนะ

   “รัก . . .”   ผมยิ้มให้มัน  มันยิ้มกว้าง    

   “. . . แบบน้อง”

   สีหน้ามันเปลี่ยนลงทันที    ผมรู้มันเริ่มหงุดหงิด  ปกติมันคุมอารมณ์ ตัวเองเก่ง  แต่วันนี้ท่าทางมันไม่มีสติมากที่จะคุมตัวเอง

   “ทำไมต้องมีต่อท้าย”  น้ำเสียงมันหงุดหงิด

   “ก็มันเป็นสิ่งเดียวที่ไม่เจ็บปวด  อย่างน้อย เราก็ไม่ต้องหลบหน้ากัน  เพราะเรารู้ว่าเรามีคนที่เรารักอยู่บนโลกนี้”

   “ครับ  แต่ยังไง  ผมก็อยากให้พี่รู้  ที่ผ่านมา  ผมรู้สึกยังไง”

   “อะไรที่ผ่านมาแล้ว  อย่าไปขุดคุ้ยมันเลย  ปล่อยมันผ่านไปเหอะ  ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าวันนี้  กับวันพรุ่งนี้  ไปแล้วล่ะ  จะได้เวลาแล้ว”  ผมมองหน้ามัน

   “พี่อาร์ม  ผมรอพี่นะ”  

   ผมกอดมันเอาไว้หลวม ๆ    เป็นกอดที่ผมอยากกอด  ในฐานะที่มันเป็นคนที่สอนให้ผมได้รู้อะไรหลายอย่าง  เพราะหากถามว่าตอนนี้  ผมรู้สึกอย่างไรกับมัน  ผมเองก็ตอบไม่ได้  รู้แค่ว่า  ไม่อยากไปใช้ชีวิตแบบที่ผ่านมาอีก  

   “รอไหวเหรอ”

   “รอพี่  ผมจะรอ”

   “สักห้าปี  ขอเวลาทำใจก่อน  ทำใจให้ความรู้สึกแย่ ๆ  มันหมดไปจากใจ”

   “ผมรอได้  สิบปี  ยี่สิบปี  หรือตลอดชีวิตผมก็ต้องรอแล้วล่ะ  ยอมแล้วกับสิ่งที่ทำไป”

   “อย่าเลย  ไปแต่งงานมีลูกให้พี่เลี้ยงดีกว่า  สอนมันด้วย  นี่ลุง  ตอนสมัยพ่ออยู่กับลุง  ทะเลาะกันบ่อย  เพราะลุงงี่เง่า”  ผมยิ้ม

   “พี่อาร์ม  ผมพูดจริง ๆ  อย่าเล่นดิ๊”

   “พูดจริงเหมือนกัน  บางทีความรัก  ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน  แค่เรารู้ว่าเรามีคนที่เรารัก  และเขาก็รักเราอยู่ ก็ดีมิใช่หรือ  อีกอย่างชีวิตแบบที่พี่เป็นไม่จีรังหรอก  สักวันเราอาจมีเรื่องต้องทะเลาะกันอีก  แล้วจะมองหน้ากันไม่ติดอีก”


   “ไม่มีทางหรอกพี่  ไม่มีเรื่องแบบนั้นอีกแน่ ๆ  ผมมั่นใจ”

   “แต่พี่มั่นใจ  ว่ามันต้องมี  อย่าพยายามทำอะไรที่หัวใจไม่ต้องการเลยโก  ทำในสิ่งที่หัวใจอยากทำไง  เหมือนตอนนี้หัวใจพี่อยากมองหน้าโก  อยากเห็นโกมีความสุข  แม้ว่า . . .”

   “อะไรพี่”  มันถามเมื่อเห็นผมเว้นระยะ

   “แม้ว่าเรื่องที่ผ่านมามันคือบทเรียน  คือสิ่งที่เราสองคนเจอมามันจะฝังรอยเอาไว้ลึก  พี่รู้การพยายามเลิกรัก  ในสิ่งที่ผ่านมามันยาก  แต่พี่จะพยายามรักโกให้เหมือนกับที่พี่รักไอ้โอ๋  ความรักแบบที่พี่มีกับไอ้โอ๋  เป็นความรักที่ดีที่สุดแล้วโก  พี่พยายามจะรักโกให้ได้แบบนั้น  โกว่าพี่พูดถูกมั้ย”

   “ครับ”

   “เพราะฉะนั้น โกเองก็ต้องพยายามรักพี่แบบนั้นให้ได้ อย่าให้ความรักที่ปนเปมากับความหลงใหลครอบงำหัวใจเรา  เพราะมันจะมีแต่ความเจ็บปวดไม่รู้จักจบจักสิ้น”  

   “ครับพี่  ผมจะพยายาม”

   “ไปจริง ๆ  แล้ว”  ผมตบไหล่มันเบา ๆ

   “พี่อาร์ม”  

   มันดึงผมมากอดเอาไว้อีก  นี่คงเป็นครั้งแรกต่อหน้าสาธารณชนที่มันกล้ากอดผม  ผมยิ้ม  มีความสุขที่สุดแล้ว  แค่นี้ก็ดีแล้วสำหรับคนแบบผม

   ผมผละออกจากมัน . . .

   . . . ยิ้มให้มัน  ก่อนหันหลัง

   “อ้อ . . .”  ผมหันกลับมา

   “อะไร”

   ผมล้วงเอาอะไรบางอย่างในกระเป๋าแลปท้อป  ก่อนมาล้วงที่กระเป๋าสตางค์

   “กุญแจห้องที่คอนโด  ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเคยขึ้นไปบนห้องหรือยัง  แต่ถ้าไม่เคยไป  ถามพี่โอ๋แล้วกันว่าอยู่ห้องไหน    เช่าเขาอยู่เปลืองตังค์เปล่า ๆ  ย้ายมาอยู่ที่คอนโดก็ได้  ไอ้พี่โอ๋ห้องนึง  อีกห้อง  เจ้าของห้องเขางี่เง่า  เจ้าอารมณ์  ขี้ใจน้อย  ขี้หึง  ถ้าโกทนเขาได้ก็ย้ายไปอยู่ห้องนั้นแหละ . . .”  ผมเอากุญแจห้องยัดใส่มือมัน

   “. . . ส่วนรูปนี้พี่ให้  เพราะพี่ว่าเจ้าของรูปนะชัด  แถมในชุดนี้หล่อมากเลย”      ผมส่งรูปที่ถ่ายเอาไว้ตอนมันรับปริญญา  รูปเดียวกับที่ไอ้โอ๋เห็นที่สมุย

    ต่อจากวันนี้ . . .

   . . . รูปนี้  คงไม่มีความหมายกับผมอีกแล้ว

   “รูปผมตอนรับปริญญานี่ . . . เฮ้ย  พี่มาด้วยเหรอที่ด้านหลังผม”

   “มาสิ  รอมาตั้งสิบปี  ไม่มาได้ไง  ต่อให้อยู่ไกลกว่านี้ก็ต้องมา  มาให้เห็นกับตา  ว่าพี่มองคนไม่ผิด”  

   ผมยิ้มให้มัน  ดูเหมือนว่ามันจะยิ้มกว้างกว่าที่เคย  เหมือนรอยยิ้มมันเมื่อสิบปีก่อนที่ผมเคยเห็น  บางที  ผมอาจได้มันคนเดิมกลับมาแล้วก็ได้  ผมพยักหน้าให้มัน  

   “ผมเดินไปส่งนะ”

   “อือ”  

   มันเดินตามผมมา  ผมอยากให้ทางเข้าด่านตรวจหนังสือเดินทางยาวไปสักสิบกิโลเมตร  คนที่ยืนตรงหน้าประตูหนังสือเดินทาง

   “ไอ้โอ๋”  

   “เออ  เรียกเหมือนไม่เคยเห็น”

   “แผนมึงอีกงั้นดิ”

   มันยิ้ม  ก่อนเดินมากอดผมเอาไว้  

   “มึงรู้มั้ยกูไม่เห็นมึงยิ้มแบบนี้มานานมาก  นานสักห้าหกปีเลยไอ้อาร์ม”

   “แหม  ช่างสังเกตุนะมึง”

   “เพื่อนกู  กูหวงของกู”

   ผมรู้  มันห่วงผม  ห่วงมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียน  จนกระทั่งวันนี้  มันยังห่วงผม ไม่เปลี่ยนแปลง  ผมอาจจะเป็นคนโชคร้ายที่เกิดมาเป็นแบบนี้  แต่ในความโชคร้าย  ผมก็โชคดีกว่าหลาย ๆ  คนที่ผมยังมีเพื่อนดี ๆ  เพื่อนที่ไม่เคยทิ้งผมเลย

   “อย่ากลับไปนานนะมึง  คิดถึง  ถ้าให้ดีรีบไปรีบมาล่ะ”   มันตบไหล่ผมเบา ๆ

   ผมเข้าใจความหมายที่มันพูด  เข้าใจมันดีอย่างที่สุด  ผมหันมายิ้มให้มันทั้งสองคน    วันนี้ผมมีความสุข   มีความสุขแบบที่ไม่ทุรนทุรายอีกแล้ว

   “พี่อาร์ม  รีบกลับมานะพี่  ผมจะรอ”  

   มันโบกมือให้ผม  เมื่อผมหันหลังกลับมามองมันอีกที  ผมพยักหน้าให้มัน  ก่อนเดินไปยังแถวตรวจหนังสือเดินทาง  

   ผมยิ้ม . . .

   . . . มีความสุขนะ . . .  

   ผมมีความสุขกว่าที่ผ่านมาเสียอีก  มากกว่าตอนที่เจอมันครั้งแรก  มากกว่าตอนที่ได้กอดมันครั้งแรก  มากกว่า . . . มากกว่า

   ทั้งหมดที่ผมเคยมี . . .

   บางครั้งผมยังอดคิดไม่ได้ว่า  บททดสอบที่ผมผ่านมาได้  ผมผ่านมาได้อย่างไรกัน  ตอนนี้ผมพร้อม  พร้อมที่จะเห็นมันเป็นในสิ่งที่มันอยากจะเป็น

   ถ้ามันเรียนจบ . . .

   ทางที่มันเลือกเดิน . . .  ผมจะยอมรับ  ไม่ว่าผมจะเจ็บปวดหรือมีความสุข  ผมก็จะยอมรับในการตัดสินใจของมัน . . . สิ่งนี้มิใช่หรือที่ผมคิดเอาไว้

   ตอนนี้ . . . มันก็จบแล้วนี่หว่า . . .

   บางที . . . นี่อาจจะเป็นคำตอบสุดท้ายที่ผมค้นหามาตลอดชีวิต

   การรอคอย . . .ทรมานเสมอ

   . . . หาก . . .

   ความสุขอยู่ที่เราได้รับรู้ว่า  คนที่เรารอ  เขาก็รอเราอยู่เช่นกัน





   ผมมีความสุข  เหมือนพันธนาการทั้งหมดโดนปลดปล่อย  ตอนนี้ผมอยู่ด้วยความสุข  ความสุขทั้งหมดที่ผมมี  เครื่องมาถึงโดฮาก่อนเที่ยง  ผมตรงดิ่งไปที่บริษัททันที  อย่างน้อยที่สุด  ผมรู้แล้วว่าผมควรจะจัดการอย่างไรกับชีวิตตัวเองต่อไปดี

   ถนนสายนี้ไกลเหลือเกิน . . .


   “พี่อาร์ม  กลับมาแล้วเหรอ”  ไอ้อาร์มเล็ก  ผมเจอมันที่ออฟฟิศตอนที่ผมจัดการธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว

   “อืม  เพิ่งมาถึงเมื่อตอนสาย ๆ  เอง”

   “แล้วมาออฟฟิศเลยนี่นะ”

   “มีธุระ  มาคุยเรื่องคอนเทคปีหน้า  อาร์มล่ะ  ไม่มีบินหรือ”  ผมมองเมื่อเห็นมันในชุดสุภาพ  ไม่ใช่ชุดปกติ

   “ลาออกแล้วพี่”

   “อ้าว  เมื่อไหร่”

   “สิ้นเดือนนี้ก็กลับเมืองไทยแล้ว”  มันยักไหล่  เหมือนไม่แคร์  ผมยิ้มกับท่าทางที่มันสาวขึ้นทุกวัน

   “ดีจัง  มีเพื่อนกลับเมืองไทยแล้ว  ไม่เหงา”  ผมยิ้มให้อาร์มเล็ก

   มันขมวดคิ้ว

   “สงสัยอะไร”

   “ที่พี่บอกมีเพื่อนกลับเมืองไทย  ผมไม่เข้าใจ  อย่าบอกนะว่า . . .”

   “อืม  ลงจากเครื่องมานี่เลย  ก็มายื่นลาออกไง  อยู่ทำไมนาน  บ้านเมืองคนอื่น  ที่ไหน ๆ  ไม่สุขใจเท่าเมืองไทยหรอก”

   “เอ้ยจริงดิ”

   “กลับไปคุยที่ห้องดีกว่า  คุยที่นี่ไม่จบแน่ ๆ  เรื่องมันยาว”  ผมยิ้มให้มันอีกรอบ
   
   


   ท้องฟ้าโปร่ง มองเห็นปุยเมฆบางเบา  เครื่องบินมานานแค่ไหนผมไม่รู้  ผมรู้แค่ว่าหัวใจผมมันไป รวดเร็ว  ตอนนี้หัวใจผมคงไปถึงกรุงเทพฯ  แล้ว   หรือที่ผ่านมา  หัวใจผมไม่เคยตามผมมาทำงานที่โดฮาเลยก็ได้   บนฟากฟ้าเมฆสวยงาม  และมันจะคงงดงามตราบเท่าที่หัวใจของคนเรามีความสุขมิใช่หรือ . . .

   การรอคอย . . .ทรมานเสมอ

   . . . หาก . . .

   ความสุขอยู่ที่เราได้รับรู้ว่า . . .  

   . . . คนที่เรารอ  

   เขาก็รอเราอยู่เช่นกัน


   ผมปิดสมุดอัลบั้มภาพที่ผมถ่ายเก็บเอาไว้  สมุดภาพบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ  มากมายที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ผ่านมา  ผมหวงแหนสมุดภาพนั้น  เพราะมันคือทุก ๆ  อย่างในชีวิตของผม  ผมลูบอัลบั้มกระดาษสานั้นเบา ๆ  ถนอมมันเท่าหัวใจตัวเอง  ก่อนที่จะเอามันเก็บในกระเป๋าใบเล็ก ๆ  เหมือนเดิม

   มีสมุดบันทึกเล่มเล็ก ๆ  ติดมากับมือ . . .  

   ผมมองสมุดเล่มนั้น  สมุดเล่มเดียวกันกับที่เพื่อนรักผมให้มา  ผมดึงรูปที่คั่นเอาไว้   สมุดที่อีกคนบันทึกเรื่องราวเอาไว้    น่าแปลกที่ผมไม่ได้อ่านมันอีกเลยตั้งแต่ที่ผมอ่านไว้ที่หน้าสุดท้ายที่สมุย

   บางที . . .

   แค่นั้นก็ทำให้ผมสัมผัสถึงความรักที่มันอยู่รอบ ๆ  ตัวผมได้เป็นอย่างดี  รูปที่คั่นเอาไว้  เป็นรูปที่ผมถ่ายกับโกเมศวร์ที่สมุย  เป็นรูปที่ผมถ่ายคู่กับมันครั้งแรก  มันจงใจใส่รูปนี้เอาไว้ในสมุดเล่มนี้แน่ ๆ  ผมพลิกดูด้านหลังภาพ . . .

   หัวใจ . . . ผูกกัน

   ผมขมวดคิ้ว  ก่อนเปิดดูที่รองปกของสมุดบันทึก  ตัวหนึงสือตัวโต ๆ  กลางหน้ากระดาษ  ใช่อักษรชุดเดียวกันกับในรูป

   หัวใจ . . . ผูกกัน

   บรรทัดต่อมา . . .

   . . . เราไม่ใช่สายเลือด  แต่  ความผูกพันเราสองคนมากกว่าคนในสายโลหิตเดียวกันเสียอีก  ไม่มีใครทำได้เท่านี้อีกแล้ว  คนที่ดีที่สุดในชีวิตของผม  . . .

   . . . คนที่เอาหัวใจผมไปไกล

   ตอนนี้ . . . เขาอยู่ที่ไหนผมรู้แล้ว

   ผมสัญญา . . .

   . . . สัญญาไว้ตรงนี้ผมจะทำทุกอย่าง  ผมจะทำทุกทางเพื่อตามหัวใจผมคืน  ผมจะไม่มีวันปล่อยหัวใจไปไกลตัวของผมอีกเด็ดขาด

   เพราะผมรู้ . . . ไม่ว่าจะไกลกันแค่ไหน

   สักวัน . . .

   . . . เราต้องมาเจอกันอีก

   เพราะอะไรนะหรือครับ . . . .ที่ทำให้ผมมั่นใจ

   . . . . ผมเชื่อ  สายใยแห่งหัวใจมันแน่นเหนียวยากที่จะตัด  ผมผิดมามากแล้ว  จะไม่ยอมผิดซ้ำอีก  บันทึกเล่มนี้เหมือนหนังสือสัญญาที่เราสองคนจะมาลงนามร่วมกัน  เมื่อวันนึงสิ่งที่ผมเขียนตกไปอยู่ในมืออีกคน  ผมถือว่าเป็นการใช้สัญญาร่วมกันอย่างสมบูรณ์  สัญญาที่จะใช้ . . . หัวใจเดียวกัน

   ก็ในเมื่อที่ผ่านมา . . .

   หัวใจ . . .(เรา)  ผูกกัน



                                                                                          ๔ มกราคม  ๒๕๕๐

   



                        จบบริบูรณ์   


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2010 15:35:16 โดย ราชบุตร »

ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
เข้ามาทักทายพี่อาร์ม คิดถึงนะคร้าบ :กอด1:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
หื่นวะ

แถมใจร้ายอีกต่างหาก

 o12

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
แวะมาทักทาย พี่อาร์ม ว่าแต่ หื่นอะ ทำให้ค้างอะ  ใจร้าย อิอิ

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
อิอิ หื่นแต่ลึกซึ้งด้วยความหมายน่ะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
เอ๋???? เม้นนู๋หายไปหนายยย ทำไมมันมะมีอ่า o2
นานๆเหนพี่อาร์มหื่นที อิอิ :m25: คนขี้แกล้ง แล้วใครจะช่วยโกล่ะนั่น  :m14:
ตั้งกะอ่านมาตอนนี้แหล่ะที่ไม่ต้องเศร้า หุหุ ยักไว้ก้อไม่บอกกันนะพี่ เอามาลงอีกเลยนะ รอฉากเลิฟซีนอยู่เนี่ย นู๋รู้นะว่ายังมีอีกหลายตอน อิอิ :m12: นะคร้าบบบ พลีสสสส :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






mantdash

  • บุคคลทั่วไป
อ้ะมีตอนเพิ่มมม :m1: ดีใจจังครับ เป็นตอนหื่นตอนแรกเรยนะเนี่ยอิอิ อย่าลืมมาต่ออีกนะครับ แอบหวังอยู่ครับ :oni2:

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
พี่อาร์มเอาอารัยมาให้อ่านเนี่ย :o8: :o8:
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เคยอ่านเจอว่า เวลากลืนกินทุกสรรพสิ่งแม้แต่ความรัก 
แล้วเวลา 5 ปี จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงมั๊ยน้อ  :a1: :a1: :a1:

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป



ไม่ใช่ตอนพิเศษหรอกครับ . . .  เหมือนหนังไงครับ

ถ่ายเอาไว้มากมาย  แต่มาตัดให้เหลือแค่สองชั่วโมง  อันนี้ก็เหมือนกัน  ตัดเอาเฉพาะที่ผมอยากให้คนสงสารอ่ะครับ




จริง ๆ  แล้ว  มุมหื่น ๆ  ผมก็มีนะครับ . . . เรื่องธรรมดา

แล้ว  มันไม่ใช่ตอนพิเศษอะไรหรอกนะครับ  เพราะว่ามันเป็นตอนที่ผมตัดทิ้งมากกว่า  ผมเลือกที่จะเสนอในมุมที่มันดูให้ผมน่าสงสารมากกว่าที่จะให้คนอ่านหมั่นใส้ผม  อย่างที่ผมเคยบอก  ผมไม่ใช่คนดีมากมาย   ผมทำทุกอย่างเพื่อตัวผมเองทั้งนั้น

ผมไม่เชื่อ . . . ไม่เคยเชื่อเลยนะ

ว่าคนที่มีอะไรกันเป็นปีจะไม่รักกัน . . . อย่างน้อยที่สุด  ในบางเวลา  ผมไม่ใช่คนเริ่มก่อน  ถ้ามันไม่รักผมแบนนั้น  มันก็แค่อยากปลดปล่อยล่ะครับ  แต่คนแบบมัน . . .

มันพวกกามตายด้านครับ . . .

ส่วนผม . . . ชอบเขี่ยไฟอยู่เรื่อย



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-06-2008 21:50:54 โดย RAJCHABUT »

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9

TAMAKUNG

  • บุคคลทั่วไป
 :oni2: :oni2: :oni2:


จิงๆๆเลยพี่ต้น



อ่ะนะ



แต่ก็ชอบเท่าที่จบเหมือนกานนะครับบ



ติดตามพี่ต้นต่อไปนะค้าบ

ออฟไลน์ imon

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-10
อ๊ายๆๆๆ   อ่านแล้วอายอะ
ทำไรกัน
น่าอายที่สุด      รับมะด้ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :serius2: :serius2: :serius2:

sun

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ววว... มาเป็นน้ำจิ้มๆๆๆ แบบนี้

 ขอให้มีมื้อหนักๆด้วยได้มะคะ พี่ชาย อิอิ    o13

ifwedo

  • บุคคลทั่วไป
อยากเขี่ยไฟด้วยเหมือนกัน อิๆๆ

ออฟไลน์ naja

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Tsukasa999

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งได้อ่านตอนจบไป แล้วตามด้วยคอมโบตอนพิศษอีกสองตอน...

เรื่องนี้ทำให้หัวใจวูบวาปได้จริงๆ ส่วนตัวชอบตอนจบแบบแต่ง เพราะประทับใจจนไม่รู้จะพูดไงดี  o7

เป็นกำลังใจให้คุณอาร์มค่ะ ขอให้ก้าวหน้านะคะ

ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
อยากเขี่ยไฟมั่งอ่ะพี่อาร์ม สอนหน่อยจิ แห่ะๆ :o8:

iamhappywood

  • บุคคลทั่วไป
ขนาดตายได้ยังไฟลุกขนาดนี้ หึหึ

ได้รับต้นฉบับแล้วนะครับ ขอบคุณมาก :m4: แล้วนะครับ

เอาเป็นว่า อย่าใจแข็งนานนะครับ

kana

  • บุคคลทั่วไป
ได้ต้นฉบับแล้วค้า ขอบคุณมากๆ
หายกลับบ้านมา พอกลับมาอ่าน เต็มตื้นสุดๆ  o13

ดีแล้วล่ะค่ะ ที่เป็นแบบนี้ การที่เราปล่อยอะไรไปซักอย่าง บางทีรอยยิ้มของเราอาจจะกว้างมากขึ้นกว่าเดิมก็ได้ :m1:

พี่ค้า อยากได้ ภาคพิเศษ ปิดท้ายเล็กๆน้อยๆ มีไหมค่ะ นะๆๆ ถ้าไม่รบกวนมากมาย  :mc4:ถือว่าเห็นใจเด็กน้อยตาดำๆหน่อยเถอะท่าน :oni2: :m1:
นะๆๆๆน๊า :m23:
ฮ่าๆๆ :laugh:

แล้วก็ ขอบคุณนะค่ะ ที่มีเรื่องดีๆ ที่ทำให้เรารู้สึกว่า ความรัก มันมีอะไรที่มากกว่าคำว่ารัก :bye2:




hasuzz

  • บุคคลทั่วไป
อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ

T^T

งือออออออ




บีบหัวใจ
ร้องไห้ตามนานอยู่


แต่จบได้สวยงามนะคะ

เรื่องนี้จบลง
แต่ชีวิตมันก็ยังดำเนินต่อไป




สุดท้าย
จะว่าไหมคะ ถ้าจะขอไฟล์เรื่องด้วยคน แหะๆ
เมล์อยู่ด้านใต้ชื่อเลยค่ะพี่

แก้ว

  • บุคคลทั่วไป
ได้รับไฟล์แล้วนะคะ

ขอบคุณนะคะ  :oni1:

 :pig4:   :pig4:   :pig4:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50




ปล.  ไปดูหนังดีก่า . . .    สบายดีหลวงพระบาง




เรื่องนี้ที่โดฮาเข้าด้วยเหรอพี่

ไปดูกัน

เอิ๊กๆ

 :laugh:

ออฟไลน์ ลูกลิงตัวอ้วน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
พลาดเรื่องนี้ไปได้ไงเนี่ยเรา

ชอบมากครับ ภาษาสละสลวยดีมาก

ใครมีไฟล์ขอหน่อยนะครับ

treenoppอย่าแสดงเมลบนบอร์ด

ขอบคุณมากครับ

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป




ปล.  ไปดูหนังดีก่า . . .    สบายดีหลวงพระบาง




เรื่องนี้ที่โดฮาเข้าด้วยเหรอพี่

ไปดูกัน

เอิ๊กๆ

 :laugh:





ยังไม่พูดสักคำว่าจะดูที่ . . .  โดฮา


พารากอนก็หรูแร่ะ . .  .


ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50




ปล.  ไปดูหนังดีก่า . . .    สบายดีหลวงพระบาง




เรื่องนี้ที่โดฮาเข้าด้วยเหรอพี่

ไปดูกัน

เอิ๊กๆ

 :laugh:





ยังไม่พูดสักคำว่าจะดูที่ . . .  โดฮา


พารากอนก็หรูแร่ะ . .  .



เป็นงั้นไป

มะดูพารากอนได้ป่ะ

อยากดูที่เซ็นทรัลเวิร์ลมากกว่าอะ

 :oni1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด